......เมื่อเสียงตีเกราะเคาะไม้ข้างนอกดังขึ้นสามครั้งฉินเย่ว์เหมยก็กระโดดลงจากผ้าขาว หลังจากเท้าถึงพื้น นางมองเฉินฝานบนแท่นบรรทมมังกรเป็นอันดับแรกใบหน้าของฉินเย่ว์เหมยเต็มไปด้วยความรังเกียจ เมื่อเห็นท่านอนกางแขนกางขาของ เฉินฝานและมุมริมฝีปากที่มีน้ำลายไหลชาวบ้านก็คือชาวบ้าน“ฝ่าบาทเพคะ!”เมื่อได้ยินเสียงเรียกอันแผ่วเบาของหงอิงที่มาจากข้างนอกตำหนัก ฉินเย่ว์เหมยจึงหันหลังและเดินออกไป“เป็นอย่างไรบ้าง?” ฉินเย่ว์เหมยเอ่ยถาม“มาแล้วเพคะ!”“ดีมาก เราไปกันเถอะ!”เสียงฝีเท้าของฉินเย่ว์เหมยและหงอิงไกลออกไปเรื่อย ๆ เฉินฝานที่นอนอยู่บนพระแท่นบรรทมพลางลืมตาขึ้น เขาหันหน้ามองข้างนอกตำหนักที่เหมือนเงียบสงบลงด้วยสายตาเรียบนิ่งนี่เพิ่งเวลายามสาม ยังมีเวลาอีกสี่ชั่วโมงก่อนจะถึงยามห้าของการว่าราชกิจ ฉินเย่ว์เหมยจะไปไหน?เฮ้อ เฉินฝานส่ายหัวนี่คือพระราชวังของฉินเย่ว์เหมย เขาจะสนใจนางทำไมจะนอนต่อ ก็คงนอนไม่หลับแล้วเฉินฝานพลิกตัวลุกจากเตียงและเตรียมออกไปเดินดูรอบ ๆ ว่าจะหาฉินเย่ว์เจียวและคนอื่น ๆ เจอหรือไม่ ต่อให้หาไม่เจอ อย่างน้อยก็สำรวจทางออกของพระราชวังสักหน่อยก็ยังดีในฐานะมือปืนห
“......”ร่างกายเฉินฝานแข็งทื่อทันทีสตรีนางนี้นางรู้หรือไม่ว่า ลูกกระเดือกคือ......ของบุรุษเพศ“เจ้าชำนาญด้านนั้นนักไม่ใช่หรือ? รีบลงมือสิ!” เสียงคับแค้นใจของฉินเย่ว์เหมยดังขึ้นนี่มันกะทันหันเกินไปแล้ว ความสนใจของเฉินฝานอยู่ที่เรือนร่างของฉินเย่ว์เหมยมาโดยตลอด ไม่ทันได้ระวังไม่ว่าจะเป็นตอนที่จูบหรือฟุบลงบนเสื้อผ้าเขา อิริยาบถของฉินเย่ว์เหมยล้วนแต่แปลกประหลาดเกินไป “ถ้า......ข้าไม่ทำล่ะ?”เฉินฝานยิ้มอย่างมีเลศนัย เขาไม่ลงมือหรอก เขาต้องการที่จะดื่มด่ำ อย่างไรเสียเขาก็ไม่ใช่คนที่เริ่มก่อนอยู่แล้ว“นั้นมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้า!”ฉินเย่ว์เหมยแนบชิดขึ้นมา“......” เฉินฝานพูดไม่ออกนางรู้ตัวหรือไม่ว่าเรือนร่างของนางงดงามอย่างมากหลังจากที่สองสิ่งนั้นหลุดพ้นจากพันธนาการช่าง.......ถ้าไม่ฉวยโอกาสนี้ คงจะถูกลงทัณฑ์จากฟ้าดินมือของเฉินฝานยื่นออกไปอื้อ......ไม่เลวเลยจริงเชียว“......อื้อ!” ดวงตากลมโตดั่งเอพริคอตคู่นั้นเบิกกว้าง แทบอยากจะแหกร่างเฉินฝานออก “ไสหัวไป!”เฉินฝานกำลังอยากจะพูดนี่เป็นสิ่งที่เจ้าต้องการเองแท้ๆ แล้วยังมาบอกให้ไสหัวไป สมองเจ้ามีปัญหาหรือกระไร
“ปึก!”ฟังคำกราบทูลของขันทีจบ ฉินเย่ว์เหมยขว้างแก้วในมืออย่างรุนแรงขุนนางที่ถูกถอดจากตำแหน่งและถูกตัดหัวเหล่านั้นล้วนเป็นขุนนางขั้นสามขึ้นไปผู้ที่จะลงโทษขุนนางขั้นสามขึ้นไปมีเพียงแค่จักรพรรดิเท่านั้นหรือคนที่จักรพรรดิมอบอำนาจให้จึงจะเป็นผู้ตัดสินได้ซูซิวฉีเพิ่งตายไปได้ไม่นาน ยังไม่ทันให้ฝังร่างสู่พสุธา เสิ่นหมิงหยวนก็อดใจไม่ไหวที่เขี่ยฉินเย่ว์เหมยออกไปให้พ้นจากสายตา“ไม่ได้การแล้ว ข้าต้อง......”“เพียะ!”เสียงแสบแก้วหูดังขัดคำพูดของฉินเย่ว์เหมย มือของหงอิงฟาดลงไปที่สาวใช้ที่ใกล้ฉินเย่ว์เหมยอย่างแรง นางเป็นสาวใช้ที่ตั้งใจจะประเคนชาและของว่างให้ฉินเย่ว์เหมย“หงอิง เจ้า......”“ฝ่าบาท!” หงอิงส่ายหน้าให้กับฉินเย่ว์เหมยนางรู้ว่าฉินเย่ว์เหมยโมโหมาก ออกไปจัดการ ทว่าไม่มีความช่วยเหลือของซูซิวฉี ฉินเย่ว์เหมยไร้ซึ่งความสามารถใดที่จะต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนอยู่แล้ว“นางบ่าวต่ำตมเยี่ยงเจ้า บังอาจประเคนชาร้อนลวกปากเช่นนี้ให้ฝ่าบาท ทหาร ลากบ่าวต่ำตมนี้ออกไป”สาวใช้คนนั้นเพิ่งจะถูกลากตัวออกไป ฉินเย่ว์เหมยสภาพอารมณ์เสียศูนย์ “หงอิง เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม? เสิ่นหมิงหยวนทำเกินไปแล้ว คนที่ไม
ต้องทำต่อไปอีกเสียหน่อย ไม่เช่นนั้นจะชดเชยความรู้สึกน่าคลื่นไส้ที่พูดคำเหล่านั้นออกไปได้อย่างไร“ฝ่าบาทเฉินฝานไม่เพียงแต่คลอเคลียเท่านั้น ยังไปเขย่าตัวฉินเย่ว์เหมยในสายตาคนอื่นมีเพียงพวกเขาสองคนบุรุษเพศสายตาขู่ขวัญคนของเสิ่นหมิงหยวน ค่อยๆถูกความสะอิดสะเอียนเข้ามาแทนที่“ฝ่าบาทกำลังยุ่งอยู่สินะ เช่นนั้นข้าไม่รบกวนแล้ว”เสิ่นหมิงหยวนใช้ความเร็วที่สุดเดินถอยออกมา เฉินฝานยังได้ยินเสียงถุยน้ำลายของเสิ่นหมิงหยวนที่ดังมาจากด้านนอกพระราชวัง“ผู้มากด้วยพรสวรรค์? ข้าว่าเขาก็แค่ของเล่นที่น่าสะอิดสะเอียนชิ้นหนึ่งเท่านั้น ซูซิวฉีถูกใจเขาขนาดนั้น ไม่สนใจอายุที่มากของตนบุกป่าฝ่าดงพันลี้รุดไปอำเภอผิงอันไปเชิญเขามา ท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย ข้าว่าเจ้าก็เป็นแค่ตาเฒ่าที่ตาพร่ามัวเท่านั้น”เพิ่งจะออกไปจากพระราชวังไท่เหอ ลูกชายคนโตของเสิ่นหมิงหยวน เสิ่นหยวนฮวาอดกลั้นที่จะถากถางเฉินฝานแล้วซูซิวฉีไม่ได้“หากซูซิวฉีไม่ใช่ตาเฒ่าตาพร่ามัว จะกลายนายพลแพ้พ่ายในกำมือท่านพ่อได้อย่างไรกัน”ลูกชายรองของเสิ่นหมิงหยวน เสิ่นหยวนเลี่ยงพูดสมทบทันทีในยุคที่ผู้ชายน้อยผู้หญิงเยอะ เสิ่นหมิงหยวนมีลูกชายที่
“ไอ้หยา!”เฉินฝานพูดพร่ำบ่นไม่ทันจบ หน้าของเขาก็ถูกโอบแนบเข้าไปอ้อมอกอันนุ่มนิ่มนั้นอีกครั้งฉินเย่ว์เหมยที่เพิงจะถีบเขาเมื่อครู่ อยู่ๆก็โอบกอดเขา สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสาร ลูบไล้ใบหน้าเขาไม่หยุด “ขุนนางที่รักจ๋า ทำไมเจ้าไม่ระวังล่ะ!”“.......” เฉินฝานมองพินิจพิเคราะห์ฉินเย่ว์เหมยด้วยความสงสัยสตรีเหล่านี้เป็นอะไรกันอีก?เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ราวกับเป็นโรคจิตเภท“รีบตามน้ำเร็ว!” ฉินเย่ว์เหมยฝืนยิ้มเบิกตาจ้องเฉินฝาน“ถวายบังคมฝ่าบาท!”เสียงเย้ายวนพราวเสน่ห์หาสิ่งใดเปรียบเทียบมิได้ ดังขึ้นในเวลาเดียวกันผู้มาเยือนคือฮองเฮาองค์ปัจจุบันของต้าชิ่งเสิ่นไต้มั่นตอนที่เฉินมองไป เสิ่นไต้มั่นเองก็มองเขาอยู่พอดีแววตาคู่สวยกลับกลอกไปมา มีหลากอารมณ์และแฝงความไม่พอใจบางๆอยู่ในนั้นนางกำลังหึงหวง?เห็นฉินเย่ว์เหมยกอดรัดเขา นางหึงหวง!ตายแล้ว!ทะลุมิติมาอาณาประเทศที่ชายน้อยหญิงเยอะก็น่าอัศจรรย์พอแล้ว ไม่คิดว่ายังมีสิ่งที่น่าอัศจรรย์มากกว่าเสียอีกฮองเฮาจะชิงรักหักสวาทกับจักรพรรดิต้าชิ่งเพราะเขาฉินเย่ว์เหมยจูงมือเฉินฝาน กลับมานั่งบนตั่งจึงกวาดสายมองเสิ่นไต้มั่นที่อยู่บนพื้นอย่างเยือก
“ฝ่าบาท อะไรของท่านก็ไม่รู้~”เสิ่นไต้มั่นสะบัดผ้าเช็ดมือในมือเบาๆ เรือนร่างบิดไปบิดมาอย่างรุนแรง กลิ่นหอมฟุ้งแผ้ซ่านไปทุกสารทิศ เฉินฝานที่อยู่ด้านข้างได้กลิ่นอย่างชัดเจนเหล่าหญิงสาวพวกนี้จงใจอย่างแน่นอน“เอาล่ะ ไม่แกล้งเจ้าแล้ว ข้ายังมีสาสน์กราบทูลที่ต้องอ่าน ทูลลาเถิด!”ฉินเย่ว์เหมยยิ้มพลางพูด และขณะเดียวกันก็ให้เสิ่นไต้มั่นกลับไปอย่างไม่ขุ่นเคืองหมองใจ“ฝ่าบาท เมื่อคืนหม่อมฉันอิ่มเอมใจอย่างมากเพคะ วันนี้ก็อยากอิ่มเอมอีก” เมื่อเห็นว่าฉินเย่ว์เหมยไล่นางกลับ เสิ่นไต้มั่นก็ไม่สำรวมกิริยาท่าทางอีกต่อไป บอกกล่าวเจตจำนงการมาเยือนของนางทันที“อะไรกัน?” ฉินเย่ว์เหมยคิดไม่ถึงว่าเสิ่นไต้มั่นจะร้องขอเช่นนี้“หม่อมฉันอยากให้กำเนิดรัชทายาทให้กับฝ่าบาท และ......” ระหว่างที่เสิ่นไต้มั่นพูด หน้าขึ้นสีขึ้นมาทันที “ ความรักอันยิ่งใหญ่ของฝ่าบาท ล้ำเลิศกว่าเครื่องประทินโฉมใดๆ ฝ่าบาทไม่เห็นหรือว่าผิวพรรณของข้าดีกว่าเมื่อก่อนหรือกระไร?”ไม่ต้องพูดถึงหลังจากที่เสิ่นไต้มั่นพูดมาเช่นนี้ ฉินเย่ว์เหมยรู้สึกจริงๆว่าผิวพรรณของเสิ่นไต้มั่นเปล่งประกายชุ่มน้ำขึ้นอย่างมากในตอนนี้ ฉินเย่ว์เหมยและเสิ่นไต้
เฉินฝานเคยชินกับความเยือกเย็นของฉินเย่ว์เหมยแล้ว ผนวกกับฮองเฮาผลาญแรงกายของเขาไปไม่น้อย เฉินฝานที่ขึ้นไปบนเตียงจักรพรรดิหัวถึงหมอนแล้วก็หลับไปเลยฟ้ายังไม่ทันสว่าง เฉินฝานก็ถูกเสียงเอะอะโวยวายปลุกให้ตื่นลืมตาขึ้นมาก็พบว่าฉินเย่ว์เหมยไม่อยู่ในพระราชวังแล้วใครมันหาญกล้าเช่นนั้น บังอาจมาเอะอะโวยวายที่พระราชวังไท่เหอของจักรพรรดิ เฉินฝานที่สงสัยใคร่รู่สวมเสื้อผ้าแล้วจึงเดินออกไปดูฉินเย่ว์เหมยฉลองพระองค์ชุดจักรพรรดิ นั่งอยู่บัลลังก์มังกรแกะสลัก สีหน้าโกรธจัดฮองเฮาเสิ่นไต้มั่นคุกเข่าอยู่ ร้องไห้ฟูมฟายใจจะขาดและข้างกายของนาง ยังมีชายที่คุกเข่าตัวสั่นเทาคนหนึ่งอยู่ชายผู้นั้นสวมชุดทหารรักษาพระองค์ เห็นได้ชัดว่าเขาคือทหารองครักษ์ประจำพระราชวัง“ฝ่าบาท หม่อมฉันถูกใส่ร้าย วันนี้ฝ่าบาทจะเสด็จมาเยือนหม่อมฉัน ในใจก็ท่วมท้นไปด้วยความสุข ดื่มสุราไปเล็กน้อย สติเลือนรางเล็กน้อย ไม่รู้เลยว่า......เสิ่นไต้มั่นชี้นิ้วกล่าวหาชายที่ร่างกายสั่นเทา “บ่าวน่ารังเกียจ คิดไม่ถึงเลยว่าจะบุกเข้าไปในตำหนักบรรทมของหม่อมฉัน คิดจะฝ่าฝืนกฎขุนนาง!” ทหารรักษาพระองค์ธรรมดาคนหนึ่ง ทำได้เพียงลาดตระเวนวังหน้าเ
“ฮองเฮา!” ฉินเย่ว์เหมยกดสายตามองไปที่เสิ่นไต้มั่น ถึงแม้จะเป็นสายตาเรียบนิ่ง ทว่าเปี่ยมไปด้วยรังสีอาฆาต “เจ้าจะฆ่าใครในพระราชวังไท่เหอของข้า?”“ฮองเฮา” มั่วหมัวมัวดึงเสิ่นไต้มั่นเบาๆ ก้มหน้ากล่าวเตือนนาง “ที่นี้คือพระราชวังไท่เหอ ยังไม่รีบสำนึกผิดกับฝ่าบาทอีก”“ฝ่า ฝ่าบาท หม่อมฉันผิดไปแล้วเจ้าค่ะ” หม่อมฉันถูกเจ้าคนทรยศทำให้สับสน เสิ่นไต้มั่นที่ได้สติกลับมารีบคุกเข่าอย่างลนลาน ใบหน้าอันงดงามซีดเผือกเล็กน้อยนางทำตัวกร่างจองหองตามเสิ่นหมิงหยวนจนเคยชิน ลืมไปเลยว่าตอนนี้นางอยู่ที่ใด“ทว่า!” เสิ่นไต้มั่นยังคงพูดแก้ต่างให้เสิ่นหมิงหยวน “ไอ้คนทรยศมันใส่ร้ายพ่อข้า เรื่องนี้จริงแท้แน่นอน ฝ่าบาท ท่านอย่าไปเชื่อเขา ไอ้คนทรยศนี้ช่างน่ารังเกียจ สมควรได้รับโทษรถม้าแหกร่างเดี๋ยวนี้!”“ฝ่าบาท บ่าวไม่ได้พูดโกหก ท่านอัครเสนาบดีเบื้องขวาส่งข้ามาเอง ของสิ่งนี้เป็นหลักฐานให้ข้าได้” เมื่อได้ยินว่าจะถูกห้าอาชาแหกร่าง ทหารรักษาพระองค์คนนั้นลนลานควักป้ายแขวนเอวออกมาจากอกหงอิงรับป้ายแขวนเอวมาดู “ฝ่าบาท ป้ายแขวนเอวนี้เป็นของท่านอัครเสนาบดีเบื้องขวาเจ้าค่ะ”ฉินเย่ว์เหมยหญิงแสร้งเป็นบุรุษเพศชั่วคราว ทำหน้า
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ