บริวารของเสิ่นหมิงหยวนได้รับรางวัลและได้นั่งบนเก้าอี้ทุกคนในห้องโถงอันใหญ่ มั่วหมัวมัวยังคุกเข่าอยู่ที่พื้น“หมัวมัว เจ้ารับรางวัลแล้วก็กลับวังเถอะ!” เสิ่นหมิงหยวนแสร้งทำเป็นใจกว้าง“ช้าก่อน”เมื่อมั่วหมัวมัวรับรางวัลและกำลังจะจากไป เสิ่นหมิงหยวนเรียกนางอีกครั้ง “ข้าจำได้ว่าเมื่อครู่นี้เจ้ามีเรื่องจะพูดรึ?”“อ่อ!” มั่วหมัวมัวคุกเข่าอีกครั้ง “คืนนี้มีบุรุษให้สตรียั่วเย้าเข้ามาที่วังเจ้าค่ะ”“อ่อ” เสิ่นหมิงหยวนปัดมืออย่างไม่ใส่ใจ “เรื่องนี้ข้ารู้”ตอนที่เสิ่นหมิงหยวนบังคับให้ฉินเย่ว์เหมยร่วมหอกับฮองเฮา ฉินเย่ว์เหมยมีเงื่อนไขหนึ่งข้อ นั่นคืออนุญาตให้บุรุษให้สตรียั่วเย้าของเขาเข้าวัง“บุรุษให้สตรียั่วเย้าผู้นั้น ข้าน้อยได้ยินว่าเป็นคนของอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายซูซิวฉี ข้าน้อยเกรงว่า……”“ฮ่า ๆ ๆ” เสียงหัวเราะโอหังของเสิ่นหมิงหยวนขัดจังหวะพูดของมั่วหมัวมัว เขาแสดงสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม “ซูซิวฉีพาไอ้คนอ่อน หัดที่ปล่อยให้ลุงนอนกับภรรยาจากเขตผิงอันมาที่เมืองหลวงจริงรึ ก็มีแต่ซูซิวฉีนั่นล่ะที่มองว่าเขาเป็นสมบัติ”“ใต้เท้าพูดถูก ซูซิวฉีถือเอาขยะเป็นสมบัติ ไอ้คนอ่อน หัดเฉินฝานนั่น ต่อให้ฉลา
หงอิงถอยกลับไปและเมื่อนางเดินผ่านเฉินฝาน นางถลึงตาคู่นั้นใส่เฉินฝานหากสายตาคนฆ่าคนได้ เฉินฝานคงตายนานแล้วข้างในตำหนักไม่มีนางกำนัลแต่แรก เมื่อหงอิงเดินออกไป พระตำหนักไท่เหอที่ใหญ่โตก็เงียบสงัดพระแท่นบรรทมลายมังกรปิดทองส่องแสงแพรวพราวเฉินฝานไม่ได้รู้สึกว่ามันสวยงามแค่ไหน แต่รู้สึกว่ามัน แวววาวมาก นอนบนนั้นจะหลับได้อย่างไร“พรุ่งนี้ข้าต้องไปเข้าร่วมการว่าราชกิจแต่เช้า”เฉินฝานไม่ทันระวังเพียงแวบเดียว ฉินเย่ว์เหมยก็นั่งอยู่บนแท่นบรรทมลายมังกรเรียบร้อยนางมองเฉินฝานดั่งผู้อยู่เหนือกว่าและตบที่ข้าง ๆ “ขึ้นมาสิ!”“……”เฉินฝานรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย เขากลืนน้ำลายอึกเมื่อครู่นี้เพิ่งนอนกับฮองเฮา ตอนนี้จะได้นอนกับฮ่องเต้ผู้เป็นหญิงจะไม่หวั่นใจได้หรือฉินเย่ว์เหมย มีหน้าตาที่สวยมากจริง ๆ แต่ข้างหน้าคำว่า “สวย” ยังมีคำว่าเย็นชาอีกหนึ่งคำเฉินฝานนอนข้างนางและเดาว่าอาจตื่นเพราะหนาวได้“ข้าไม่ชอบพูดคำเดิมซ้ำสองครั้ง!”เมื่อเห็นว่าเฉินฝานยังลังเลที่จะเข้ามา เสียงของฉินเย่ว์เหมยก็ยิ่งแข็งมากขึ้นเฉินฝานสูดหายใจลึกและก้าวเท้ากว้างเดินไปที่พระแท่นบรรทมลายมังกรจะหนาวหรือไม่ช่างมัน ส
เมื่อกลายเป็นจักรพรรดิของแคว้นกะทันหัน ทุกย่างก้าวก็เหมือนเหยียบอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ ไม่เพียงแต่ต้องปกปิดตัวตนผู้หญิงอย่างระมัดระวัง แต่ยังต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มขุนนางทุรจริตที่วางกลอุบายต่อต้านนางตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้นยังอยากเอาชีวิตนางไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะพูดว่า ตลอดทั้งปีนี้ นางไม่ได้นอนหลับดีเลยสักวันหลังจากเฉินฝานเข้าวัง นางรู้สึกเหมือนมีความปลอดภัยอยู่รอบตัวเสมอนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงแสดงท่าทางเขินอายของผู้หญิงออกมาโดยไม่รู้ตัว“ข้าลุก ข้าลุก!”เฉินฝานไม่รู้ความคิดของฉินเย่ว์เหมย แต่เขารู้ว่าอีกฝ่ายคือฮ่องเต้ของแคว้นต้าชิ่ง ดังนั้นเมื่อเจอเรื่องดีก็ควรจะหยุดทันที“อย่าขยับสิ ถ้าขยับกระหม่อมไม่สามารถ......”เฉินฝานที่กำลังจะลุกพลันหยุดกะทันหันเขาก้มศีรษะดูมือของเขา ฉินเย่ว์เหมยมองตามท่ามกลางความวุ่นวาย สองมือของเฉินฝาน วางอยู่บน…...“ดูไม่ออกเลยนะ สองสิ่งนี้ของพระองค์ใหญ่ไม่น้อย ปกติพระองค์มัดพวกมันไว้ล่ะสิ กระหม่อมจะบอกให้ ทำแบบนั้นไม่ดี”“ผู้มักมากบ้าตัณหา!”ท่าทางเขินอายของผู้หญิงที่ปรากฏบนใบหน้าของฉินเย่ว์เหมยหายไปทันที นางพลันเตะเฉินฝานอย่างแรง“โอ้ย!
......เมื่อเสียงตีเกราะเคาะไม้ข้างนอกดังขึ้นสามครั้งฉินเย่ว์เหมยก็กระโดดลงจากผ้าขาว หลังจากเท้าถึงพื้น นางมองเฉินฝานบนแท่นบรรทมมังกรเป็นอันดับแรกใบหน้าของฉินเย่ว์เหมยเต็มไปด้วยความรังเกียจ เมื่อเห็นท่านอนกางแขนกางขาของ เฉินฝานและมุมริมฝีปากที่มีน้ำลายไหลชาวบ้านก็คือชาวบ้าน“ฝ่าบาทเพคะ!”เมื่อได้ยินเสียงเรียกอันแผ่วเบาของหงอิงที่มาจากข้างนอกตำหนัก ฉินเย่ว์เหมยจึงหันหลังและเดินออกไป“เป็นอย่างไรบ้าง?” ฉินเย่ว์เหมยเอ่ยถาม“มาแล้วเพคะ!”“ดีมาก เราไปกันเถอะ!”เสียงฝีเท้าของฉินเย่ว์เหมยและหงอิงไกลออกไปเรื่อย ๆ เฉินฝานที่นอนอยู่บนพระแท่นบรรทมพลางลืมตาขึ้น เขาหันหน้ามองข้างนอกตำหนักที่เหมือนเงียบสงบลงด้วยสายตาเรียบนิ่งนี่เพิ่งเวลายามสาม ยังมีเวลาอีกสี่ชั่วโมงก่อนจะถึงยามห้าของการว่าราชกิจ ฉินเย่ว์เหมยจะไปไหน?เฮ้อ เฉินฝานส่ายหัวนี่คือพระราชวังของฉินเย่ว์เหมย เขาจะสนใจนางทำไมจะนอนต่อ ก็คงนอนไม่หลับแล้วเฉินฝานพลิกตัวลุกจากเตียงและเตรียมออกไปเดินดูรอบ ๆ ว่าจะหาฉินเย่ว์เจียวและคนอื่น ๆ เจอหรือไม่ ต่อให้หาไม่เจอ อย่างน้อยก็สำรวจทางออกของพระราชวังสักหน่อยก็ยังดีในฐานะมือปืนห
“......”ร่างกายเฉินฝานแข็งทื่อทันทีสตรีนางนี้นางรู้หรือไม่ว่า ลูกกระเดือกคือ......ของบุรุษเพศ“เจ้าชำนาญด้านนั้นนักไม่ใช่หรือ? รีบลงมือสิ!” เสียงคับแค้นใจของฉินเย่ว์เหมยดังขึ้นนี่มันกะทันหันเกินไปแล้ว ความสนใจของเฉินฝานอยู่ที่เรือนร่างของฉินเย่ว์เหมยมาโดยตลอด ไม่ทันได้ระวังไม่ว่าจะเป็นตอนที่จูบหรือฟุบลงบนเสื้อผ้าเขา อิริยาบถของฉินเย่ว์เหมยล้วนแต่แปลกประหลาดเกินไป “ถ้า......ข้าไม่ทำล่ะ?”เฉินฝานยิ้มอย่างมีเลศนัย เขาไม่ลงมือหรอก เขาต้องการที่จะดื่มด่ำ อย่างไรเสียเขาก็ไม่ใช่คนที่เริ่มก่อนอยู่แล้ว“นั้นมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้า!”ฉินเย่ว์เหมยแนบชิดขึ้นมา“......” เฉินฝานพูดไม่ออกนางรู้ตัวหรือไม่ว่าเรือนร่างของนางงดงามอย่างมากหลังจากที่สองสิ่งนั้นหลุดพ้นจากพันธนาการช่าง.......ถ้าไม่ฉวยโอกาสนี้ คงจะถูกลงทัณฑ์จากฟ้าดินมือของเฉินฝานยื่นออกไปอื้อ......ไม่เลวเลยจริงเชียว“......อื้อ!” ดวงตากลมโตดั่งเอพริคอตคู่นั้นเบิกกว้าง แทบอยากจะแหกร่างเฉินฝานออก “ไสหัวไป!”เฉินฝานกำลังอยากจะพูดนี่เป็นสิ่งที่เจ้าต้องการเองแท้ๆ แล้วยังมาบอกให้ไสหัวไป สมองเจ้ามีปัญหาหรือกระไร
“ปึก!”ฟังคำกราบทูลของขันทีจบ ฉินเย่ว์เหมยขว้างแก้วในมืออย่างรุนแรงขุนนางที่ถูกถอดจากตำแหน่งและถูกตัดหัวเหล่านั้นล้วนเป็นขุนนางขั้นสามขึ้นไปผู้ที่จะลงโทษขุนนางขั้นสามขึ้นไปมีเพียงแค่จักรพรรดิเท่านั้นหรือคนที่จักรพรรดิมอบอำนาจให้จึงจะเป็นผู้ตัดสินได้ซูซิวฉีเพิ่งตายไปได้ไม่นาน ยังไม่ทันให้ฝังร่างสู่พสุธา เสิ่นหมิงหยวนก็อดใจไม่ไหวที่เขี่ยฉินเย่ว์เหมยออกไปให้พ้นจากสายตา“ไม่ได้การแล้ว ข้าต้อง......”“เพียะ!”เสียงแสบแก้วหูดังขัดคำพูดของฉินเย่ว์เหมย มือของหงอิงฟาดลงไปที่สาวใช้ที่ใกล้ฉินเย่ว์เหมยอย่างแรง นางเป็นสาวใช้ที่ตั้งใจจะประเคนชาและของว่างให้ฉินเย่ว์เหมย“หงอิง เจ้า......”“ฝ่าบาท!” หงอิงส่ายหน้าให้กับฉินเย่ว์เหมยนางรู้ว่าฉินเย่ว์เหมยโมโหมาก ออกไปจัดการ ทว่าไม่มีความช่วยเหลือของซูซิวฉี ฉินเย่ว์เหมยไร้ซึ่งความสามารถใดที่จะต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนอยู่แล้ว“นางบ่าวต่ำตมเยี่ยงเจ้า บังอาจประเคนชาร้อนลวกปากเช่นนี้ให้ฝ่าบาท ทหาร ลากบ่าวต่ำตมนี้ออกไป”สาวใช้คนนั้นเพิ่งจะถูกลากตัวออกไป ฉินเย่ว์เหมยสภาพอารมณ์เสียศูนย์ “หงอิง เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม? เสิ่นหมิงหยวนทำเกินไปแล้ว คนที่ไม
ต้องทำต่อไปอีกเสียหน่อย ไม่เช่นนั้นจะชดเชยความรู้สึกน่าคลื่นไส้ที่พูดคำเหล่านั้นออกไปได้อย่างไร“ฝ่าบาทเฉินฝานไม่เพียงแต่คลอเคลียเท่านั้น ยังไปเขย่าตัวฉินเย่ว์เหมยในสายตาคนอื่นมีเพียงพวกเขาสองคนบุรุษเพศสายตาขู่ขวัญคนของเสิ่นหมิงหยวน ค่อยๆถูกความสะอิดสะเอียนเข้ามาแทนที่“ฝ่าบาทกำลังยุ่งอยู่สินะ เช่นนั้นข้าไม่รบกวนแล้ว”เสิ่นหมิงหยวนใช้ความเร็วที่สุดเดินถอยออกมา เฉินฝานยังได้ยินเสียงถุยน้ำลายของเสิ่นหมิงหยวนที่ดังมาจากด้านนอกพระราชวัง“ผู้มากด้วยพรสวรรค์? ข้าว่าเขาก็แค่ของเล่นที่น่าสะอิดสะเอียนชิ้นหนึ่งเท่านั้น ซูซิวฉีถูกใจเขาขนาดนั้น ไม่สนใจอายุที่มากของตนบุกป่าฝ่าดงพันลี้รุดไปอำเภอผิงอันไปเชิญเขามา ท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย ข้าว่าเจ้าก็เป็นแค่ตาเฒ่าที่ตาพร่ามัวเท่านั้น”เพิ่งจะออกไปจากพระราชวังไท่เหอ ลูกชายคนโตของเสิ่นหมิงหยวน เสิ่นหยวนฮวาอดกลั้นที่จะถากถางเฉินฝานแล้วซูซิวฉีไม่ได้“หากซูซิวฉีไม่ใช่ตาเฒ่าตาพร่ามัว จะกลายนายพลแพ้พ่ายในกำมือท่านพ่อได้อย่างไรกัน”ลูกชายรองของเสิ่นหมิงหยวน เสิ่นหยวนเลี่ยงพูดสมทบทันทีในยุคที่ผู้ชายน้อยผู้หญิงเยอะ เสิ่นหมิงหยวนมีลูกชายที่
“ไอ้หยา!”เฉินฝานพูดพร่ำบ่นไม่ทันจบ หน้าของเขาก็ถูกโอบแนบเข้าไปอ้อมอกอันนุ่มนิ่มนั้นอีกครั้งฉินเย่ว์เหมยที่เพิงจะถีบเขาเมื่อครู่ อยู่ๆก็โอบกอดเขา สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสาร ลูบไล้ใบหน้าเขาไม่หยุด “ขุนนางที่รักจ๋า ทำไมเจ้าไม่ระวังล่ะ!”“.......” เฉินฝานมองพินิจพิเคราะห์ฉินเย่ว์เหมยด้วยความสงสัยสตรีเหล่านี้เป็นอะไรกันอีก?เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ราวกับเป็นโรคจิตเภท“รีบตามน้ำเร็ว!” ฉินเย่ว์เหมยฝืนยิ้มเบิกตาจ้องเฉินฝาน“ถวายบังคมฝ่าบาท!”เสียงเย้ายวนพราวเสน่ห์หาสิ่งใดเปรียบเทียบมิได้ ดังขึ้นในเวลาเดียวกันผู้มาเยือนคือฮองเฮาองค์ปัจจุบันของต้าชิ่งเสิ่นไต้มั่นตอนที่เฉินมองไป เสิ่นไต้มั่นเองก็มองเขาอยู่พอดีแววตาคู่สวยกลับกลอกไปมา มีหลากอารมณ์และแฝงความไม่พอใจบางๆอยู่ในนั้นนางกำลังหึงหวง?เห็นฉินเย่ว์เหมยกอดรัดเขา นางหึงหวง!ตายแล้ว!ทะลุมิติมาอาณาประเทศที่ชายน้อยหญิงเยอะก็น่าอัศจรรย์พอแล้ว ไม่คิดว่ายังมีสิ่งที่น่าอัศจรรย์มากกว่าเสียอีกฮองเฮาจะชิงรักหักสวาทกับจักรพรรดิต้าชิ่งเพราะเขาฉินเย่ว์เหมยจูงมือเฉินฝาน กลับมานั่งบนตั่งจึงกวาดสายมองเสิ่นไต้มั่นที่อยู่บนพื้นอย่างเยือก
เฉินฝานที่พักสายตาโดยตลอดลืมตาขึ้น “ครอบครัวผู้เฒ่ามีหลานสาวสิบคนที่ยังมิได้ออกเรือนงั้นหรือ?”“เฮ้อ หากจะกล่าวให้ถูกต้องคือมีทั้งหมดสิบห้าคน มีห้าคนที่คิดว่าตนเองอายุมากแล้ว กลายเป็นภาระของคนในบ้านจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย”เสียงของผู้เฒ่าตาบอดตะกุกตะกักเป็นอย่างมาก “ปีที่แล้วผูกคอตาย เดือนที่แล้ว ก็มีอีกสองคนที่จวนจะ...โชคดีที่ยายเฒ่าไปเจอเสียก่อน มิเช่นนั้นก็คง...”ผู้เฒ่าตาบอดพูดมิออกแล้ว มีเพียงดวงตาที่ขาวโพลนมิมีตาดำพรั่งพรูน้ำตาอุ่นๆออกมามิหยุดอากาศหนาวจนถึงจุดเยือกแข็ง มินานนักน้ำตาก็แข็งตัวเป็นน้ำแข็งคำพูดของผู้เฒ่าตาบอดแทงใจดำของเย่ว์หนูในตอนแรกที่นางอยู่ในครอบครัว ก็มีพี่น้องสิบคนเช่นกัน รายชื่อล้วนถูกแจ้งไปที่จวนอำเภอแล้ว ทว่าต่อให้ถูกส่งตัวไปแล้ว ท้ายที่สุดก็ถูกส่งตัวคืนมาอยู่ดีหากมิใช่ตอนนั้นเห็นว่าเฉินฝานกำลังรับกองกำลังหญิงพอดี ตอนนี้นางก็คงจะเป็นวิญญาณสาวเร่ร่อนตนหนึ่งในอำเภอผิงอันไปเรียบร้อยแล้ว“เช่นนั้นพ่อแม่เหล่าหลานสาวของท่านล่ะ? พวกเขามิสนใจพวกนางเลยหรือ?”ถึงแม้จะยากลำบาก พ่อแม่ของเย่ว์หนู ก็ยังดูแลพวกนางอย่างดีที่สุด“เฮ้อ~”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่ว์ห
“ตอบคำถามข้ามา!”“คำถามของเจ้างั้นรึ? คำถามอันใดกัน?”“อย่ามาแกล้งโง่!”“นี่ ๆ ข้ามิได้แกล้งเสียหน่อย!” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นของเซียนเจี้ยนหวงทำเหมือนกับว่ามิมีความผิด “เมื่อครู่ข้าเผลอหลับไป ได้ยินมิชัดเจนจริง ๆ เจ้ากล่าวว่าตำหนักเซียวเหยารึ? ตำหนักเซียวเหยาคืออะไรกัน?”“จุดประสงค์ที่ตำหนักเซียวเหยายังคงอยู่คืออันใด เจ้าก็รู้แก่ใจดีมิใช่รึ หรือว่าเจ้าจะรอให้ผู้ชายจำนวนมากต้องถูกสังหารโดยที่เจ้ามิทำอันใดเลยงั้นรึ”“เพื่อนของซูซิวฉีเป็นเช่นนี้งั้นรึ?”เฉินฝานมองซียนเจี้ยนหวงอย่างมิละสายตา“ข้า ข้า...” ในท้ายที่สุดเสียงของเซียนเจี้ยนหวงก็ขาดหายไป “ข้าทำได้เพียงรับปากเจ้าว่าจะมิยอมให้คนของตำหนักเซียวเหยาสังหารชายผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้าอย่างเด็ดขาด”“เรื่องอื่นข้าก็มิรู้แล้ว เจ้ามิต้องถามข้าแล้ว” เซียนเจี้ยนหวงวิ่งหายไปในกลีบเมฆทันทีตอนที่เฉินฝานเดินออกจากหลุมศพของเมี่ยวอวี่แล้วเดินมาตรงถนน เห็น...“เย่ว์หนู ไฉนเจ้ายืนอยู่คนเดียว? รถม้าล่ะ?”เฉินฝานกล่าวถามเย่ว์หนูสีหน้าคับข้องใจยืนอยู่บนถนนโดยลำพังนิสัยของเย่ว์หนูค่อนข้างคล้ายคลึงกับผู้ชาย น้อยครั้งที่จะเป็นเช่นน
ความเย็นที่หัวไหล่ปลุกฉินเย่ว์เหมยที่กำลังเคลิบเคลิ้มให้ตื่นจากภวังค์“ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยที่อับอายจนโมโหถีบเฉินฝานออกไปทันที“โอ๊ย ๆ ๆ!”เฉินฝานกุมท้องที่ถูกถีบจนเจ็บปวดกลิ้งตัวไปมา ครั้งนี้เป็นความเจ็บของจริงทว่าครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยเพิกเฉยอย่างจริงจัง มิว่าเฉินฝานจะร้องอย่างไร นางก็จะมิเดินเข้าไปหาอีกนางพร่ำบอกตนเองเสมอนางเป็นจักรพรรดินีของต้าชิ่ง ๆชีวิตของนางถูกลิขิตให้อุทิศแก่ราชวงศ์ต้าชิ่ง นางจะอภิเษกสมรสมิได้“ตอนนี้ก็เป็นเวลาดึกดื่นแล้ว เจ้ายังมีเรื่องอันใดจะกราบทูลอีกหรือไม่? หากมิมีก็กลับไปเถอะ”ความเจ็บตรงท้องของเฉินฝานเพิ่งจะจางหายไป โสตประสาทก็ได้ยินเสียงอันเยือกเย็นของฉินเย่ว์เหมยเมื่อเงยหน้ามอง เห็นว่าฉินเย่ว์เหมยที่นั่งตรงข้ามกับเขาได้กลับสู่ท่าทางเย่อหยิ่งเยือกเย็นดังเดิมแล้วเฉินฝานยักไหล่หากต้องการพิชิตจักรพรรดินีท่านนี้ ดูแล้วหนทางด้านยังอีกยาวไกลสินะ“ข้ามิได้มีเรื่องอันใดเป็นพิเศษ เดิมทีก็แค่อยากเจอเจ้า”เฉินฝานจัดเสื้อผ้าตนเองเล็กน้อย เขาก็เตรียมตัวที่จะจากไปแล้วเช่นกันหลังจากที่กลับมาพบกับพวกฉินเย่ว์โหรวอีกครั้ง ก็อยู่ในสถานการณ์เสี่ย
“เจ้า...เจ้าผู้ชายมักมาก ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”ฉินเย่ว์เหมยที่สูญเสียการทรงตัวไถลเข้าไปในอ้อมอกของเฉินฝาน ใบหน้าขึ้นสี ใช้มือผลักเฉินฝานออกไป“มิปล่อย!”เฉินฝานกอดรัดแน่นกว่าเดิม“เจ้าตัวหอมนุ่มนิ่มเช่นนี้ ข้าจะตัดใจยอมปล่อยได้อย่างไรกัน”“เจ้า!” ฉินเย่ว์เหมยโกรธจนตัวสั่น “หน้าด้านไร้ยางอาย!”“ถูกต้อง!” เฉินฝานทำท่าทีหน้าด้านหน้าทน “ข้าก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด ฝ่าบาทท่านเพิ่งมารู้ตัวตอนนี้งั้นหรือ?”“เจ้า...”ฉินเย่ว์เหมยยื่นมือออกไปคิดที่จะผลักเฉินฝานออกอีกครั้ง“ห้ามขยับตัว!” เฉินฝานจับมือสองข้างของฉินเย่ว์เหมยไว้ “เจ้าให้ข้านอนพักสักครู่ได้หรือไม่?”ระหว่างที่พูด เฉินฝานก็ปล่อยมือของฉินเย่ว์เหมย หยิบหมอนมาไว้บนตักของนางสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ หากเขามิได้อยู่ในเส้นทางการสู้รบกำจัดกบฏ ก็เผชิญความยากลำบากที่คาบเกี่ยวกับความตายห้องของฉินเย่ว์เหมยอบอุ่น เรือนร่างของฉินเย่ว์เหมยกลิ่นช่างหอมหวนยิ่งนัก ทำให้เฉินฝานได้สัมผัสกับความอบอุ่นและความปลอดภัยที่มิเคยรู้สึกมาก่อน“อยากนอน เจ้าไยมิกลับห้องตนเอง...”ฉินเย่ว์เหมยหยุดพูดทันที เพราะนางเห็นว่าเฉินฝานที่นอนหนุนตักของนางได้หลับไ
ยามค่ำคืนสำนักบัณฑิตเมืองเซียนตูตอนนี้เป็นที่พำนักของฉินเย่ว์เหมยชั่วคราวณ เรือนหลักลานกลางฉินเย่ว์เหมยสวมชุดบรรทมสีเหลือง ก้มหน้าก้มตาอ่านสาสน์กราบทูล“นี่โกรธข้าอยู่งั้นหรือ มิใช่ว่าข้ามิอยากพบเจ้าในทันทีเสียหน่อย กองกำลังทหารหลวงของหลี่ชิ่งปิดล้อมจวนเจ้าเมืองอย่างแน่นหนา เข้าได้ไปยากยิ่งนัก!”เฉินฝานพูดอธิบายกับฉินเย่ว์เหมย ฉินเย่ว์เหมยกลับเพิกเฉยมิได้สนใจเขาแม้แต่น้อยเฉินฝานเดินไปทางซ้าย นางก็จะหันหน้าไปทางขวาเฉินฝานเดินไปทางขวา นางก็จะหันหน้าไปทางซ้ายอย่างไรเสียมิว่าเฉินฝานจะพยายามเพียงใด นางก็จะมิสบตากับเฉินฝานหมดหนทางแล้วจริง ๆ เฉินฝานจึงแย่งสาสน์กราบทูลในมือฉินเย่ว์เหมยมา จากนั้นมิพูดมิจาดึงฉินเย่ว์เหมยเข้ามาในอ้อมอกทันที“เจ้า เจ้าผู้ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยมีวรยุทธ์ต่อสู้ติดตัว และฝีมือยอดเยี่ยมอีกด้วยตบสองสามทีก็สามารถทำให้เฉินฝานลงไปนอนกับพื้นได้“โอ๊ย ๆ ๆ เจ็บเหลือเกิน เจ็บจะตายแล้ว!”เฉินฝานกุมท้องตนเอง กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น“เจ้าอย่ามาแสร้ง...”ราวกับเฉินฝานมิได้ยินคำพูดของฉินเย่ว์เหมย ยังคงกุมท้องกลิ้งไปกลิ้งมา สีหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดสุดขีด“เจ
“เฉินฝาน ถึงแม้ตอนเจ้าจะเป็นอัครเสนาบดีขั้นหนึ่งระดับสูง ทว่าก็มิสามารถสังหารเลขาธิการขั้นสองระดับสูงอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ได้!”เสิ่นหมิงหยวนที่พอจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เริ่มประณามเฉินฝาน“ถูกต้อง ในฐานะที่หยางอวิ๋นหู่เป็นเลขาธิการกรมโยธาธิการขั้นสอง ต่อให้จะทำความผิด ก่อนที่จะสังหารก็ต้องฝ่าบาทออกคำสั่งก่อนจึงจะสังหารได้ อัครเสนาบดีเบื้องซ้ายทำเกินไปแล้ว”“เพิ่งจะได้รับตำแหน่งอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย ก็กำเริบเสิบสานแล้วหรือ? คิดว่าสามารถสังหารขุนนางที่ยศน้อยกว่าเขาได้ ตามอำเภอใจงั้นหรือ?”“คนที่โหดเหี้ยม และมิให้เกียรติฝ่าบาทเช่นนี้ จะสามารถเป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายเยี่ยงไร?”มีขุนนางจำนวนมากที่เดือดดาลกับการกระทำของเฉินฝานแน่นอนว่าเหล่าคนที่เดือดดาลเหล่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวน“ฝ่าบาท!” เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบเดินออกมาจากด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนทันที “ท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย...”“ชิ้ง!”เฉินฝานตวัดกระบี่ในมือชี้ไปที่เสิ่นหยวนเลี่ยงทันที “ถ้าเจ้ายังพูดพล่ามอีก อย่าหาว่ากระบี่ในมือข้าไร้ความปรานี”น้ำเสียงเฉินฝานดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ท่าทางโหดเหี้ยมอย่างมา
“ฝ่าบาท”เฉินฝานพุ่งตัวขึ้นไป ส่ายหน้าให้กับฉินเย่ว์เหมยหลี่ชิ่งยังมีทหารหลวงประจำการอยู่ด้านนอกเมืองเซียนตูห้าหมื่นกว่าคน สามารถเคลื่อนทัพตามคำสั่งของเสิ่นหมิงหยวนได้ทุกเมื่ออำนาจของเสิ่นหมิงหยวนเป็นปึกแผ่นอย่างมาก ตอนนี้หากอยากจะโค่นล้มเสิ่นหมิงหยวนในคราเดียว ต้องบีบบังคับให้เสิ่นหมิงหยวนจนตรอกให้ได้สถานการณ์ตอนนี้ ควรปล่อยตามน้ำไปก่อนน้ำเสียงของฉินเย่ว์เหมยผ่อนคลายลงแล้ว “ทหารหลวงรวมพลมากมายอยู่ที่แห่งนี้ ข้าคิดว่าใต้เท้าเสิ่นจะก่อกบฏเสียอีก?”เสิ่นหมิงหยวนเลิกคิ้วขึ้นทันที เขารู้ว่าฉินเย่ว์เหมยยอมอ่อนข้อแล้วเหมือนกับที่เฉินฝานคาดการณ์ เสิ่นหมิงหยวนได้เตรียมการโต้กลับไว้เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงฉินเย่ว์เหมยออกคำสั่งโจมตีเขา เขาก็จะสั่งให้กองกำลังทหารหลวงห้าหมื่นคนของหลี่ชิ่งปิดล้อมเมืองทันทีเสิ่นหมิงหยวนรีบกล่าวอย่างลนลาน “ฝ่าบาทคิดจะทำให้ข้าน้อยตกใจตายหรือกระไร ข้าน้อยเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นคนหนึ่ง ไฉนจะคิดก่อกบฏได้”คำพูดนี้เสิ่นหมิงหยวน มิเพียงแสดงความจงรักภักดีเท่านั้น และยังเป็นการพูดจาเหน็บแนมเฉินฝานอีกด้วยอำนาจในการนำทัพกองกำลังลาดตระเวนยังคงอยู่ในมือของเฉินฝาน ถึงแม้
ตอนที่ห่างจากเฉินฝานอย่างน้อยสิบเมตร ฉินเย่ว์เหมยก็ลงจากเกี้ยวเดินลงมาสาวเท้ามาหาเฉินฝานอย่างเร่งรีบตอนที่ห่างจากเฉินฝานประมาณสามสี่เมตร ฉินเย่ว์เหมยกลับหยุดฝีเท้าของตนเองไว้หิมะค่อยๆโปรยปรายลงมาตอนที่ห่างกันประมาณสองสามเมตร ฉินเย่ว์เหมยและเฉินฝานยืนมองหน้ากันและกันห่างกันไปเพียงเวลาสั้นๆมิกี่เดือน ทว่ารู้สึกห่างจากเฉินฝานไปสองภพชาติจึงได้กลับมาพบกันอีกครั้งน้ำตาคลอเบ้า จวนจะเอ่อล้นไหลออกมาแต่ท้ายที่สุดก็ต้องฝืนกล้ำกลืนน้ำตากลับไปแต่ไรมานางมิเคยลืมนางเป็นจักรพรรดินี เขาเป็นขุนนางนางต้องเก็บอาการไว้!“เขาคือใต้เท้าเฉินจริงๆ”“ใต้เท้าเฉินฝานยังมีชีวิตอยู่!”ท่ามกลางเหล่าขุนนาง มีคนตะโกนลั่นด้วยความดีใจคนผู้นี้คือเลขาธิการกรมยุติธรรมไป่เผยหราน“ใต้เท้าเฉินคืนชีพจากความตาย ช่างเป็นโชคดีของพวกเราต้าชิ่งเสียจริง!”เหล่าขุนนางที่ปกติมิฝักใฝ่เป็นพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันซาบซึ้งใจ“เฉินฝาน!”เสียงตื่นเต้นดีใจครั้งนี้ดังกว่าเสียงดีใจก่อนหน้านี้เสียอีก“ไอ้หยา!”ร่างเงาหนึ่งพุ่งผ่านเหล่าขุนนาง ข้ามผ่านฉินเย่ว์เหมยไป เดินตรงไปหาเฉินฝานทันที“เป็นเจ้าจริงๆด้วย ช่างดีเ
ตวนซินอ๋องมิอยากเชื่อสายตาของตนเอง เขายกกำปั้นไปด้านหน้าเฉินฝานทันที หลังนั้นก็ชูสามนิ้วออกไปชูสามนิ้วแล้วตะโกนพูดขึ้นหนึ่งประโยค“หนึ่งกฎเกณฑ์ สองสตรี สามเงินเหวิน!”เมื่อตะโกนจบก็จ้องไปที่เฉินฝาน สื่อความหมายว่าถึงตาเจ้าแล้วเฉินฝานรู้สึกหมดคำพูดอีกครั้ง ถูกพลทหารหนึ่งพันปิดล้อมมิสำคัญ จวนจะถูกตัดหัวประหารก็มิสำคัญเช่นกันสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เฉินฝานก็ยกกำปั้นขึ้นมาชูนิ้วยื่นไปด้านหน้าตวนซินอ๋องเช่นกัน“สี่ฤดูกาล ห้าปรมาจารย์ หกที่นั่ง!”ทหารหลวงที่ปิดล้อมเฉินฝานและตวนซินอ๋องไว้มึนงงในบัดดลแม้กระทั่งหลี่ชิ่งที่เป็นหัวหน้าของพวกเขายังกวาดสายตามองไปรอบข้าง เขากำลังสงสัยว่านี้เป็นสัญญาณลับระหว่างเฉินฝานและตวนซินอ๋องหรือไม่“ถูกต้องทั้งหมด ๆ!”ตวนซินอ๋องดีใจออกนอกหน้าเดินไปกอดเฉินฝาน “เจ้าพูดรหัสลับของการเล่นทายตัวเลขถูกทั้งหมด เจ้าเป็นลูกเขยที่แสนดีของข้าจริงๆด้วย เจ้ายังมีชีวิตดังคาดสินะ”กำปั้นแห่งความปีติของตวนซินอ๋อง ทุบไปหลังเฉินฝานครั้งแล้วครั้งเล่าเฉินฝานรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เขาจวนจะถูกพ่อตาของตนเองตบหลังจนแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว“ชาวบ้านใจกล้า ก่อความวุ่