ฮ่องเต้ผู้ชรารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของลูกสาว เมื่อเห็นนางใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เขาเพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่านางอยู่ที่ใดเท่านั้นเมื่อซูซิวฉีพาฉินเย่ว์เหมยกลับมาถึงพระราชวัง ก็ให้นางปลอมตัวเป็นฉินหย่งคังและให้บุตรสาวของเสิ่นหมิงหยวนแต่งเข้ามาดำรงตำแหน่งฮองเฮา ราชวงศ์ต้าชิ่งถึงได้มั่นคงฉินเย่ว์เหมยแสร้งทำเป็นว่าชอบเพศเดียวกันและไม่ยอมร่วมหอกับฮองเฮาเสิ่นหมิงหยวนอดทนนานกว่าหนึ่งปี จนทนไม่ไหวเลยสั่งให้คนวางยาพิษซูซิวฉีซูซิวฉีถูกยาพิษฝังลึกจนความตายใกล้เข้ามา เขาจึงจำต้องส่งโจวอวี่ไปบุกภูเขาวิฬาร์“อะไรนะ?” เฉินฝานยิ่งฟังยิ่งงงงวย “นักยิงธนูที่อยู่บนภูเขาวิฬาร์นั่น ที่แท้คือคนของผู้เฒ่าซู!”ฉินเย่ว์เหมยฉายแววตาเย็นชาและแสดงสีหน้าเหยียดหยาม “ถ้าเขาเป็นโจรจริง ๆ ด้วยทักษะการยิงธนูนั้น เจ้าจะรอดมาจนถึงตอนนี้ได้?”“เพราะฉะนั้นแทนที่จะยิงถูกข้า เจี่ยงหงเหวินกลับเป็นคนถูกยิง เพียงเพื่อแก้แค้นข้าให้กับภูเขาวิฬาร์วิเศษมาก วิเศษมากจริง ๆ”เฉินฝานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกท่านไม่เพียงแต่หลอกล่อให้เพ่ยจี้ แต่ยังทำให้เสิ่นหมิงหยวนตกหลุมพรางที่พวกท่านขุดเอาไว้”“
เสิ่นไต้มั่นไม่รอคำตอบของฉินเย่ว์เหมยและเงยหน้าขึ้นเงียบ ๆ“เพียะ!”หงอิงตบหน้ามัวมัว…...ที่อยู่ข้างหลังฮองเฮา“นังทาสผู้ต่ำต้อย ข้าสั่งให้รายงานตำหนักเฟิ่งหมิงตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือว่าอาการปวดพระเนตรของฝ่าบาทกำเริบ? กล้าดีอย่างไรมาจุดเทียนสว่างเช่นนี้”หงอิงตำหนิพร้อมกับเป่าดับเทียนวินาทีที่เทียนแดงดับลง สายตาของ สายตาของเสิ่นไต้มั่นเพิ่งมองถึงคางของเฉินฝาน“ฝ่าบาท หม่อมฉัน…...”“เอาล่ะ วันนี้ข้ามาเพื่อเข้าห้องหอกับเจ้า ไม่ได้มาฟังเจ้าคิดทบทวนตนเอง”ขณะพูด ฉินเย่ว์เหมยพลางผลักเฉินฝานไปที่พระแท่นบรรทมลายหงส์คิดไม่ถึงเลยว่าฉินเย่ว์เหมยที่ดูอ่อนแอจะแข็งแกร่งเช่นนี้ เฉินฝานเพียงไม่ทันระวังตัวก็ถูกผลักไปอยู่บนพระแท่นบรรทมลายหงส์ของเสิ่นไต้มั่นแล้วช่วงเวลาที่เฉินฝานจะล้มลงไป ฉินเย่ว์เหมยกล่าวเตือนข้างหูเสียงเบา“ร่วมหอให้ข้าดี ๆ อย่าคิดใช้เล่ห์เหลี่ยม เห็นมัวมัวที่อยู่ข้างแท่นบรรทมหรือไม่? นางคือคนที่เสิ่นหมิงหยวนส่งมาเฝ้ามองการร่วมหอของข้ากับฮองเฮา”เมื่อฉินเย่ว์เหมยกล่าวจบ เฉินฝานล้มลงพระแท่นบรรทมลายหงส์พอดีฉินเย่ว์เหมยออกแรงมากขนาดนั้น แต่ตอนที่เฉินฝานล้มถึงเตียง เขาไม่รู
หากกล่าวว่า นางกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนเฉินฝานครั้งแรกเพราะฤทธิ์ยาในร่างกาย แต่ครั้งนี้ เป็นเพราะนางอยากกลืนกินร่างกายของเฉินฝานจริง ๆแสงเทียนข้างนอกห้องส่องเข้ามาผ่านฉากกั้นลมแกะลายฉลุเฉินฝานเห็นร่างกายอันเรียบเนียนของเสิ่นไต้มั่นบิดตัวราวกับงูใบหน้าของเสิ่นไต้มั่นอยู่ที่ไหล่ของเฉินฝานแล้ว นางดึงเสื้อคลุมลายมังกรด้วยวิธีการกัดและดึง“ฝ่าบาท~”เสิ่นไต้มั่นจับมือของเฉินฝานแล้ววางลงบน......ซี้ด~เฉินฝานสูดลมหายใจ“เพียะ!”มือใหญ่ฟาดไปที่ก้นของเสิ่นไต้มั่นยัยผู้หญิงคนนี้ยั่ว มาก!“ฝ่าบาท~”เสิ่นไต้มั่นที่ถูกตี ไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกเจ็บ แต่ยังกลับเร้าใจมากขึ้นขณะที่นอนลงบนเตียง นางดึงเฉินฝานลงไปด้วย“ฝ่าบาท เหตุใดพระองค์จึงแข็งแกร่งเช่นนี้เพคะ?”“เจ้าไม่ชอบหรือ?”“เปล่า หม่อมฉันชอบ ชอบมาก ๆ เพคะ”......เสียงบนแท่นบรรทมลายหงส์ดังขึ้นเป็นพัก ๆฉินเย่ว์เหมยที่ยืนอยู่ข้างหลังฉากกั้นลมฟังเสียงที่อยู่ข้างหลัง จากดุด่าเสิ่นไต้มั่นว่าเป็นสุนัขจิ้งจอกที่น่าเกลียดชังในตอนเริ่มต้น เปลี่ยนเป็นโมโหแล้วหน้าแดงนอกจากหน้าแดง ยังมีความอยากรู้อยากเห็นที่ไม่อาจห้ามใจได้นางเป็นผู
“ท่านพ่อ!”“นายท่าน!”ข้างในจวนอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย มีเสียงไว้ทุกข์ดังออกมา……จวนอัครเสนาบดีเบื้องขวาเสิ่นหมิงหยวนนั่งอยู่บนที่นั่งหลักของห้องโถง ตรงหน้าเขามีหมัวมัวชราคนหนึ่งกำลังคุกเข่านางก็คือมั่วหมัวมัวที่เฝ้าเฉินฝานกับเสิ่นไต้มั่นคืนนี้“เป็นอย่างไรบ้าง?” มั่วหมัวมัวเพิ่งคุกเข่า เสิ่นหมิงหยวนก็ถามอย่างใจร้อนทันที“กระบวนการทั้งหมดในห้องหอ ข้าน้อยมองอย่างถี่ถ้วนชัดเจนว่าสำเร็จแล้วเจ้าค่ะ!” มั่วหมัวมัวตอบ“อืม หลังจากผ่านพ้นคืนนี้ เราจะดำเนินการตามแผนเดิม ส่งคนของเราเข้าไป”เสิ่นหมิงหยวนหมายความว่า เขาจะส่งผู้ชายที่แข็งแรงคนหนึ่งเข้าวังและร่วมรักกับฮองเฮาฮ่องเต้องค์ใหม่นี้ แม้ว่ามีชีวิตรอดกลับมาได้หลังตกจากหลังม้า แต่ร่างกายเขาอ่อนแอมาก เสิ่นหมิงหยวนไม่เชื่อว่าเขาจะทำให้ฮองเฮาตั้งครรภ์ได้มั่วหมัวมัวไม่คิดอย่างนั้น แม้ว่าปกติฮ่องเต้จะดูอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง แต่......เสียงกรีดร้องของฮองเฮา ร้องเสียงดังมากนางรับใช้ในพระราชวังมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินเสียงที่ดังขนาดนี้ฮ่องเต้ทรงแข็งแกร่งมากในด้านนั้น จะทำให้ฮองเฮาตั้งครรภ์โดยธรรมชาติ คงไม่ใช่เรื่องยากฮ่
บริวารของเสิ่นหมิงหยวนได้รับรางวัลและได้นั่งบนเก้าอี้ทุกคนในห้องโถงอันใหญ่ มั่วหมัวมัวยังคุกเข่าอยู่ที่พื้น“หมัวมัว เจ้ารับรางวัลแล้วก็กลับวังเถอะ!” เสิ่นหมิงหยวนแสร้งทำเป็นใจกว้าง“ช้าก่อน”เมื่อมั่วหมัวมัวรับรางวัลและกำลังจะจากไป เสิ่นหมิงหยวนเรียกนางอีกครั้ง “ข้าจำได้ว่าเมื่อครู่นี้เจ้ามีเรื่องจะพูดรึ?”“อ่อ!” มั่วหมัวมัวคุกเข่าอีกครั้ง “คืนนี้มีบุรุษให้สตรียั่วเย้าเข้ามาที่วังเจ้าค่ะ”“อ่อ” เสิ่นหมิงหยวนปัดมืออย่างไม่ใส่ใจ “เรื่องนี้ข้ารู้”ตอนที่เสิ่นหมิงหยวนบังคับให้ฉินเย่ว์เหมยร่วมหอกับฮองเฮา ฉินเย่ว์เหมยมีเงื่อนไขหนึ่งข้อ นั่นคืออนุญาตให้บุรุษให้สตรียั่วเย้าของเขาเข้าวัง“บุรุษให้สตรียั่วเย้าผู้นั้น ข้าน้อยได้ยินว่าเป็นคนของอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายซูซิวฉี ข้าน้อยเกรงว่า……”“ฮ่า ๆ ๆ” เสียงหัวเราะโอหังของเสิ่นหมิงหยวนขัดจังหวะพูดของมั่วหมัวมัว เขาแสดงสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม “ซูซิวฉีพาไอ้คนอ่อน หัดที่ปล่อยให้ลุงนอนกับภรรยาจากเขตผิงอันมาที่เมืองหลวงจริงรึ ก็มีแต่ซูซิวฉีนั่นล่ะที่มองว่าเขาเป็นสมบัติ”“ใต้เท้าพูดถูก ซูซิวฉีถือเอาขยะเป็นสมบัติ ไอ้คนอ่อน หัดเฉินฝานนั่น ต่อให้ฉลา
หงอิงถอยกลับไปและเมื่อนางเดินผ่านเฉินฝาน นางถลึงตาคู่นั้นใส่เฉินฝานหากสายตาคนฆ่าคนได้ เฉินฝานคงตายนานแล้วข้างในตำหนักไม่มีนางกำนัลแต่แรก เมื่อหงอิงเดินออกไป พระตำหนักไท่เหอที่ใหญ่โตก็เงียบสงัดพระแท่นบรรทมลายมังกรปิดทองส่องแสงแพรวพราวเฉินฝานไม่ได้รู้สึกว่ามันสวยงามแค่ไหน แต่รู้สึกว่ามัน แวววาวมาก นอนบนนั้นจะหลับได้อย่างไร“พรุ่งนี้ข้าต้องไปเข้าร่วมการว่าราชกิจแต่เช้า”เฉินฝานไม่ทันระวังเพียงแวบเดียว ฉินเย่ว์เหมยก็นั่งอยู่บนแท่นบรรทมลายมังกรเรียบร้อยนางมองเฉินฝานดั่งผู้อยู่เหนือกว่าและตบที่ข้าง ๆ “ขึ้นมาสิ!”“……”เฉินฝานรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย เขากลืนน้ำลายอึกเมื่อครู่นี้เพิ่งนอนกับฮองเฮา ตอนนี้จะได้นอนกับฮ่องเต้ผู้เป็นหญิงจะไม่หวั่นใจได้หรือฉินเย่ว์เหมย มีหน้าตาที่สวยมากจริง ๆ แต่ข้างหน้าคำว่า “สวย” ยังมีคำว่าเย็นชาอีกหนึ่งคำเฉินฝานนอนข้างนางและเดาว่าอาจตื่นเพราะหนาวได้“ข้าไม่ชอบพูดคำเดิมซ้ำสองครั้ง!”เมื่อเห็นว่าเฉินฝานยังลังเลที่จะเข้ามา เสียงของฉินเย่ว์เหมยก็ยิ่งแข็งมากขึ้นเฉินฝานสูดหายใจลึกและก้าวเท้ากว้างเดินไปที่พระแท่นบรรทมลายมังกรจะหนาวหรือไม่ช่างมัน ส
เมื่อกลายเป็นจักรพรรดิของแคว้นกะทันหัน ทุกย่างก้าวก็เหมือนเหยียบอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ ไม่เพียงแต่ต้องปกปิดตัวตนผู้หญิงอย่างระมัดระวัง แต่ยังต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มขุนนางทุรจริตที่วางกลอุบายต่อต้านนางตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้นยังอยากเอาชีวิตนางไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะพูดว่า ตลอดทั้งปีนี้ นางไม่ได้นอนหลับดีเลยสักวันหลังจากเฉินฝานเข้าวัง นางรู้สึกเหมือนมีความปลอดภัยอยู่รอบตัวเสมอนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงแสดงท่าทางเขินอายของผู้หญิงออกมาโดยไม่รู้ตัว“ข้าลุก ข้าลุก!”เฉินฝานไม่รู้ความคิดของฉินเย่ว์เหมย แต่เขารู้ว่าอีกฝ่ายคือฮ่องเต้ของแคว้นต้าชิ่ง ดังนั้นเมื่อเจอเรื่องดีก็ควรจะหยุดทันที“อย่าขยับสิ ถ้าขยับกระหม่อมไม่สามารถ......”เฉินฝานที่กำลังจะลุกพลันหยุดกะทันหันเขาก้มศีรษะดูมือของเขา ฉินเย่ว์เหมยมองตามท่ามกลางความวุ่นวาย สองมือของเฉินฝาน วางอยู่บน…...“ดูไม่ออกเลยนะ สองสิ่งนี้ของพระองค์ใหญ่ไม่น้อย ปกติพระองค์มัดพวกมันไว้ล่ะสิ กระหม่อมจะบอกให้ ทำแบบนั้นไม่ดี”“ผู้มักมากบ้าตัณหา!”ท่าทางเขินอายของผู้หญิงที่ปรากฏบนใบหน้าของฉินเย่ว์เหมยหายไปทันที นางพลันเตะเฉินฝานอย่างแรง“โอ้ย!
......เมื่อเสียงตีเกราะเคาะไม้ข้างนอกดังขึ้นสามครั้งฉินเย่ว์เหมยก็กระโดดลงจากผ้าขาว หลังจากเท้าถึงพื้น นางมองเฉินฝานบนแท่นบรรทมมังกรเป็นอันดับแรกใบหน้าของฉินเย่ว์เหมยเต็มไปด้วยความรังเกียจ เมื่อเห็นท่านอนกางแขนกางขาของ เฉินฝานและมุมริมฝีปากที่มีน้ำลายไหลชาวบ้านก็คือชาวบ้าน“ฝ่าบาทเพคะ!”เมื่อได้ยินเสียงเรียกอันแผ่วเบาของหงอิงที่มาจากข้างนอกตำหนัก ฉินเย่ว์เหมยจึงหันหลังและเดินออกไป“เป็นอย่างไรบ้าง?” ฉินเย่ว์เหมยเอ่ยถาม“มาแล้วเพคะ!”“ดีมาก เราไปกันเถอะ!”เสียงฝีเท้าของฉินเย่ว์เหมยและหงอิงไกลออกไปเรื่อย ๆ เฉินฝานที่นอนอยู่บนพระแท่นบรรทมพลางลืมตาขึ้น เขาหันหน้ามองข้างนอกตำหนักที่เหมือนเงียบสงบลงด้วยสายตาเรียบนิ่งนี่เพิ่งเวลายามสาม ยังมีเวลาอีกสี่ชั่วโมงก่อนจะถึงยามห้าของการว่าราชกิจ ฉินเย่ว์เหมยจะไปไหน?เฮ้อ เฉินฝานส่ายหัวนี่คือพระราชวังของฉินเย่ว์เหมย เขาจะสนใจนางทำไมจะนอนต่อ ก็คงนอนไม่หลับแล้วเฉินฝานพลิกตัวลุกจากเตียงและเตรียมออกไปเดินดูรอบ ๆ ว่าจะหาฉินเย่ว์เจียวและคนอื่น ๆ เจอหรือไม่ ต่อให้หาไม่เจอ อย่างน้อยก็สำรวจทางออกของพระราชวังสักหน่อยก็ยังดีในฐานะมือปืนห
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ