พวกชางเฟยอวี่อยากใช้ความเชื่อเป็นเครื่องมือในการทำร้ายเขา คิดว่าเขาใช้บ้างไม่เป็นหรืออย่างไร?”“เฉินฝาน ความหมายของเจ้าคือ...ลูกชายสี่คนของเจ้า เทพอัปสรผู้ประทานบุตรเป็นคนประทานให้เช่นนั้นหรือ?” มีคนถามเฉินฝาน“ถูกต้อง!”เฉินฝานพยักหน้า พูดด้วยความถ่อมตน “วันนั้น ข้าอยู่ที่วัดเทพอัปสร เปิดเผยความจริงที่ว่าชิงอวิ๋นอ้างแอบเทพอัปสรผู้ประทานบุตรในการรีดไถเงินและทำร้ายผู้ศรัทธาที่บริสุทธิ์”“คืนวันนั้น เทพอัปสรผู้ประทานบุตรมาเข้าฝันข้า บอกว่าพวกมารร่วมมือกับตระกูลชาง อ้างชื่อของท่านเทพในการขูดรีดเงิน ท่านเทพจะประทานบุตรให้ข้าสี่คน ช่วยข้ากำจัดมารร้าย!”“ฮ่าๆๆ!” ชางเฟยอวี่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าพูดจาหยาบคายในวัดเทพอัปสร ท่านเทพมาเข้าฝันเจ้าเนี่ยนะ? ทั้งยังประทานบุตรชายให้สี่คน? นี่เป็นเรื่องตลกจริงๆ คำพูดเช่นนี้ เจ้ากล้าพูดออกมาได้”เฉินฝานหันไปช้าๆ ส่วนลึกในดวงตาของเขา ฉายลำแสงแห่งความเย็นยะเยือก“ตระกูลชางของพวกเจ้าร่วมมือกับชิงอวิ๋น ขูดรีดไถเงินทุกปี แท้จริงแล้วท่านเทพอัปสรประทานบุตรทุกวันที่หนึ่งเดือนห้าของทุกปี แต่ท่านเทพไม่เคยกำหนดเวลาในการประทาน เจ้าชางเฟยอวี่กลัวความลำบาก ไ
ตั้งแต่ตอนที่เขาลงจากรถม้า เฉินฝานบอกหลี่ซานแล้วว่า ให้เขานำผู้คุ้มกันของตระกูลเฉินและตระกูลหลี่ไปเฝ้าประตูด้านหลังเรือนของตระกูลชาง“หลี่ซาน!”เวลานี้ ชางเฟยอวี่เพิ่งพบว่าหลี่ซานไม่อยู่เฉินฝานพยักหน้า “ถูกต้อง หลี่ซาน ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ประตูหลังเรือนเจ้าแล้ว”“หึ!” จู่ๆ ชางเฟยอวี่ก็นิ่งสงบลง เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อยแสยะยิ้มให้เฉินฝาน “เจ้าคิดว่าเรือนข้า มีพวกบ่าวรับใช้แค่นี้หรือ? เจ้าคิดว่าเหตุใดเย่ว์หนูจึงเกือบตาย?”“ดังนั้น...” เฉินฝานตอบช้าๆ อย่างไม่ยี่หร่ะ “พวกเจ้าดูถูกผู้หญิงมากไปแล้ว ตอนนี้ด้านหลังเรือนของข้ามีศพบุรุษสองศพนอนอยู่ตรงนั้น คนที่สังหารพวกเขา คือเย่ว์หนู”หากไม่ใช่เพื่อปกป้องฉินเย่ว์หรู เย่ว์หนูจะบาดเจ็บสาหัสแบบนั้นได้อย่างไรสีหน้าของชางเฟยอวี่ซีดขาวในทันที “ไม่ เป็นไปไม่ได้!”เฉินฝานปัดแขนเสื้อ ซึ่งเปื้อนน้ำลายของชางเฟยอวี่ที่ถ่มมา “เป็นไปได้หรือไม่นั้น ตอนนี้เจ้ากลับเรือนไปดูก็สิ้นเรื่องแล้ว”ณ ตระกูลชางความ ‘สง่าดั่งเซียน’ ของชิงอวิ๋นเลือนหายไปหมดแล้ว พร้อมกับความดูแคลนของเขาที่มีต่อเฉินฝานเมื่อครู่ก็ไม่เหลือแล้วเขาสวมใส่เสื้อผ้าของบ่าวรับใช้ผู้ทำหน้าท
เฉินเจียงสะบัดแขนเสื้อ “ข้าเนี่ยนะกลัวหัวขโมยเยี่ยงเขา? เพียงเห็นว่าเขาหลอกลวงทุกคน ข้าไม่สบายใจก็เท่านั้น ลูกชายสี่คนในท้องเดียว ช่างเป็นเรื่องน่าขันจริงๆ!”“หลอกลวงทุกคน? เฉินเจียง เจ้าหมายความว่าเฉินฝานหลอกลวงพวกเราหรือ? ทั้งยังข้องเกี่ยวกับทารกชายสี่คนนั้นด้วย? เฉินเจียง เจ้ารีบอธิบายมา”ชาวบ้านร้อนใจอยากรู้วันนี้พวกเขาถูกตระกูลชางและชิงอวิ๋นใช้เป็นเครื่องมือแล้ว ไม่อยากถูกหลอกอีกแล้วเฉินเจียงประสานมือโค้งคำนับ “ข้าขอโทษทุกคน ณ ที่นี่ด้วย นี่คือเรื่องน่าอายของวงศ์ตระกูล ไม่ควรป่าวประกาศ แต่ว่า...”พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของเฉินเจียงฉายความเจ็บปวดและรู้สึกผิด“คิดไม่ถึงจริงๆ สิ่งที่ข้าคิดว่าเป็นเรื่องน่าอายของตระกูล เฉินฝานเองก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าอาย กลับเป็นแผนการที่เขาวางไว้”“วันนั้น เฉินฝานเชิญข้าไปที่จวน บนโต๊ะเต็มไปด้วยสุรา เขาร้องไห้บอกกับข้า เดิมทีเขาเป็นเหมือนข้าได้ สอบขุนนางสร้างชื่อเสียง แต่น่าเสียดายที่ไม่อาจมีลูก ข้าสงสารเขา จึงดื่มเป็นเพื่อนเขา โดยไม่รู้เลยว่า...”“เขาวางยาในสุราของข้า ตอนข้าตื่นขึ้นมา พบว่า...พบว่าหลานสะใภ้เย่ว์โหรวนอนอยู่ข้างกาย หลังจากนั้นไ
เรื่องดีๆ ไม่เป็นที่รับรู้ เรื่องไม่ดีแผ่หลายไปทั่วเฉินฝานวางแผนสวมเขาให้ตนเอง เฉินฝานไร้น้ำยา ลูกของฉินเย่ว์โหรวเป็นของเฉินเจียงข่าวลือนี้ แพร่สะพัดไปไกลเรื่อยๆ ไม่เพียงอำเภอผิงอัน หรงตู แม้กระทั่งเมืองหลวงก็มีคนพูดถึงเฉินฝาน หลี่ซาน จางเจิ้งห้าว ถึงขั้นหลูเฉิงกวงที่อยู่หรงตูยังส่งคนมาตรวจสอบ แต่ไม่อาจตรวจพบว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเป็นใครทุกครั้งที่จะกำลังจะสืบพบความจริง เบาะแสก็ขาดหายเฉินฝานรู้สึกว่า เบื้องหลังเรื่องนี้มีอำนาจยิ่งใหญ่หลังจากจบเรื่องนี้ เฉินเจียงไม่เสียหายใดๆ กลับกลายเป็นเพราะเขา ‘ทำให้’ ฉินเย่ว์โหรวคลอดลูกชายสี่คนในครรภ์เดียว ได้รับพระราชทานรางวัลจากฮ่องเต้ย้ายเขาเป็นขุนนางขั้นสามในเมืองหลวง ให้เขาเปิดเผยประสบการณ์ในการมีลูกชาย“เกินไปแล้ว ลูกของฮูหยิน เป็นของนายท่านชัดๆ เจ้าคนชั่วเฉินเจียง!”ภายในจวนเฉินเต็มไปด้วยเสียงด่าทอหลังจากเฉินฝานปลอบฉินเย่ว์โหรวเสร็จ ไม่ให้นางคิดมาก ก็กลับเข้าไปในห้องหนังสือเขาตามจางเจิ้งห้าวและหลี่ซานมา เขาอยากพูดคุยกับพวกเขาเรื่องที่ตนเพิ่งตรวจสอบระหว่างทาง เฉินฝานถูกเย่ว์หนูที่วิ่งมาด้วยความรีบร้อนขวางเอาไว้“นายท่าน
เฉินฝานมองฉินเย่ว์เจียวด้วยความตกตึง พวกนางมีแค่สามพี่น้องไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงมีพี่ใหญ่โผล่ขึ้นมากะทันหัน“นายท่าน ท่านลืมพี่ใหญ่ไปแล้วหรือเจ้าคะ?”ได้ยินคำพูดของเฉินฝาน ฉินเย่ว์เจียวก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน แต่ว่าครู่หนึ่งนางก็ดึงสติกลับมาได้“เรื่องที่นายท่านหลงลืมหลังจากตกหน้าผา รุนแรงกว่าที่ข้าคิดมาก ข้าไม่เพียงมีพี่ใหญ่ แต่ยังมีพี่รอง ตอนแรกทางการยกพวกนางให้ท่านเช่นเดียวกัน แต่ว่าไม่ถึงสามวันพวกนางก็ถูกท่านไล่ออกไปหาเงินแล้ว สองเดือนแรกที่พวกนางออกไป พวกนางยังส่งเงินมาให้ท่าน ตอนหลังไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร จึงหยุดส่งเงิน ทั้งยังไม่ได้รับข่าวคราวจากพวกนาง”“ก่อนที่นายท่านจะตกหน้าผา ทั้งยังบอกว่าจะหย่ากับพี่ใหญ่และพี่รองอยู่เลยเจ้าค่ะ!”“อ่อ” เฉินฝานพยักหน้า “ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง ข้าจึงเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ พวกเจ้าก็ไม่เคยพูดถึง”“นายท่านไม่พูดถึง พวกข้าก็ไม่กล้าพูด กลัวนายท่านจะยังโกรธพวกนาง”ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ฉินเย่ว์เจียวขี่ม้าขนาบข้างรถม้าแล้วพวกเขาเพิ่งไล่ตามไป รถม้าก็หยุดลง“พี่ใหญ่!” ฉินเย่ว์เจียวอยากกระโดดลงจากรถม้า จะได้เจอพี่สาวของตนเองแล้ว นางทั้งด
เฉินฝานตื่นเพราะเสียงไอรุนแรงลืมตาขึ้น พบว่าตนนอนบนเตียงปาปู้ราคาแพงเตียงชนิดนี้ เฉินฝานเคยเห็นในภาพถ่ายในโลกอินเทอร์เน็ตยุคปัจจุบันของจริงสวยกว่าในรูปเอกลักษณ์ของเตียงป้าปูคือมองจากภายนอกคล้ายนำเสาของเจียงวางไว้บนแท่นปิดที่ทำจากไม้แท่นยื่นออกมาข้างหน้าเตียงประมาณสองถึงสามไม้บรรทัด โดยแท่นไม้มีเสาสีมุมเป็นฐาน ล้อมด้วยไม้แกะสลัก บ้างก็มีหน้าต่างสองข้าง ทำให้ด้านหน้าของเตียงคล้ายโถงทางเดิน แม้จะเล็กแต่คนเข้าไปได้เมื่อก้าวเดินเข้าไปในโถงทางเดินเล็กทำให้รู้สึกคล้ายก้าวเข้าไปในห้อง ตรงกลางโถงทางเดินเล็กมีแท่นวางขา ทั้งสองด้านสามารถวางโต๊ะ เก้าอี้ขนาดเล็กได้ ใช้สำหรับวางของใช้ เตียงรูปทรงนี้มีขนาดใหญ่มาก ด้านหน้าเตียงมีพื้นที่สำหรับใช้สอย แม้จะใช้ในห้อง แต่เตียงหลังนี้ก็คล้ายห้องเล็กๆ หนึ่งห้องเฉินฝานเคยได้ยินหลี่ซานพูดถึง เตียงชนิดนี้เป็นเครื่องบอกฐานันดรศักดิ์ในต้าชิ่ง คนรวยก็ไม่อาจใช้เตียงชนิดนี้ได้ มีเพียงขุนนางขั้นหนึ่งในเมืองหวงเท่านั้นที่จะครอบครองเตียงชนิดนี้ได้ขุนนางขั้นหนึ่งในเมืองหลวงเฉินฝานลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ หรือว่า...ตอนนี้เขาอยู่ในเมืองหลวง?“แฮ่กๆๆ”
ซูซิวฉีเงยหน้าขึ้นมองเว่ยสือ บอกเขาอธิบายให้เฉินฝานกระจ่าง“ขอรับ!” หลังจากเว่ยสือได้รับคำสั่ง เขาก็เริ่มอธิบายให้เฉินฝานฟังมัวมัวในจวนที่ซูซิวฉีเชื่อใจที่สุด แปรพักตร์ไปอยู่กับเสิ่นหมิงหยวน นางวางยาในอาหารของซูซิวฉีจักรพรรดิองค์ใหม่ครองบัลลังก์ปีแรก ไม่มีฐานสำคัญใดเดิมที ซูซิวฉี เสิ่นหมิงหยวน เพ่ยจี้ คนหนึ่งบริหารผู้คน คนหนึ่งบริหารเงิน คนหนึ่งบริหารทหาร ทั้งสามร่วมมือกัน อย่างสมดุล ราชวงศ์ต้าชิ่งอยู่ในความสงบพรรคของซูซิวฉี เวลานี้ไม่มีใครสืบทอดเขาได้ เมื่อซูซิวฉีตาย คนตรงไปตรงมาอย่างเพ่ยจี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเสิ่นหมิงหยวนเสิ่นหมิงหยวน มีใจคิดอยากจะก่อกบฏมานานแล้วเฉินฝานปรบมือ พูดอย่างไม่ยี่หร่ะ “ข้าเป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดา สำหรับข้าผู้ใดเป็นกษัตริย์ก็เหมือนกัน”“เสี่ยวฝาน ไม่เหมือนกัน เจ้า...”ซูซิวฉีไออยู่นาน กว่าจะพูดต่อ “เจ้ายังคำสตรีในรถม้าได้หรือไม่?”“จำได้สิ แค่สตรีคนหนึ่งที่หน้าตาละหม้ายคล้ายคลึงกับฉินเย่ว์เหมย หลังจากนั้นมาหลอกเย่ว์เจียวกับเย่ว์ฉู่ จับตัวพวกข้ามาที่นี่ไม่ใช่หรือ?” “เสี่ยวฝาน เจ้าเคยคิดหรือไม่ นางไม่ได้หน้าตาละหม้ายคล้ายคลึง แต่นางคือฉินเย่ว์
ก่อนจะหมดสติ เขาได้ยินฉินหย่งคังพูดกับซูซิวฉี เรื่องฝังศพเขาในอนาคต จากนั้นก็ได้ยินฉิงหย่งคังบอกกลับวังหลวงเฉินฝานรับรู้ได้ว่าตนถูกบรรดาองครักษ์หญิงยกขึ้น หลังจากนั้นเขาก็หมดสติ“พรืด พรืด”เฉินฝานตื่นท่ามกลางเสียงน้ำรอบตัวของเขา คือวังหลวงสุดวิจิตราที่เฉินฝานไม่เคยเห็นมาก่อนตำหนักวิจิตรานี้ คิดไม่ถึงว่าจะมีสระน้ำขนาดใหญ่กลิ่นหอมอ่อนๆ อบอวลไปทั่วตำหนักกลิ่นหอมมองไปทางสระน้ำตามกลิ่นหอมรอบๆ สระน้ำมีผ้าม่านผืนบาง ด้านหลังผ้าม่าน มีไอร้อนกำลังระเหย บนผิวน้ำเต็มไปด้วยกลีบดอกกุหลาบด้านหลังผ้าม่าน เรือนร่างของใครคนหนึ่งปรากฎในสายตาของเฉินฝานอย่างเลือนลางแผ่นหลังงดงามขาวสะอาด หลังแช่ตัวในน้ำร้อน แผ่นหลังอมชมพู แขนเรียวราวกับรากบัว ลูบไล้ผิวอมชมพูนั้นอย่างแผ่วเบามีผมย้อยบนคอระหงส์เล็กน้อย ทำให้แผ่นหลังชวนหลงใหลในตอนแรกเย้ายวนกว่าเดิมพระเจ้าสาวงามที่ใดหากไม่ใช่เพราะจู่ๆ ก็เห็นองครักษ์หญิงที่อยู่รอบสระ เฉินฝานกำลังจะผิวปากแล้วองครักษ์หญิงคนนั้นเป็นคนสนิทของฉินหย่งคังไม่ใช่หรือ?ดังนั้น...‘หญิงงาม’ ในสระน้ำ คือฉินหย่งคังแม่เจ้า!เฉินฝานขนรุกไปทั้งตัว“ตื่นแล้วหรื
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ