เฉินฝานตื่นเพราะเสียงไอรุนแรงลืมตาขึ้น พบว่าตนนอนบนเตียงปาปู้ราคาแพงเตียงชนิดนี้ เฉินฝานเคยเห็นในภาพถ่ายในโลกอินเทอร์เน็ตยุคปัจจุบันของจริงสวยกว่าในรูปเอกลักษณ์ของเตียงป้าปูคือมองจากภายนอกคล้ายนำเสาของเจียงวางไว้บนแท่นปิดที่ทำจากไม้แท่นยื่นออกมาข้างหน้าเตียงประมาณสองถึงสามไม้บรรทัด โดยแท่นไม้มีเสาสีมุมเป็นฐาน ล้อมด้วยไม้แกะสลัก บ้างก็มีหน้าต่างสองข้าง ทำให้ด้านหน้าของเตียงคล้ายโถงทางเดิน แม้จะเล็กแต่คนเข้าไปได้เมื่อก้าวเดินเข้าไปในโถงทางเดินเล็กทำให้รู้สึกคล้ายก้าวเข้าไปในห้อง ตรงกลางโถงทางเดินเล็กมีแท่นวางขา ทั้งสองด้านสามารถวางโต๊ะ เก้าอี้ขนาดเล็กได้ ใช้สำหรับวางของใช้ เตียงรูปทรงนี้มีขนาดใหญ่มาก ด้านหน้าเตียงมีพื้นที่สำหรับใช้สอย แม้จะใช้ในห้อง แต่เตียงหลังนี้ก็คล้ายห้องเล็กๆ หนึ่งห้องเฉินฝานเคยได้ยินหลี่ซานพูดถึง เตียงชนิดนี้เป็นเครื่องบอกฐานันดรศักดิ์ในต้าชิ่ง คนรวยก็ไม่อาจใช้เตียงชนิดนี้ได้ มีเพียงขุนนางขั้นหนึ่งในเมืองหวงเท่านั้นที่จะครอบครองเตียงชนิดนี้ได้ขุนนางขั้นหนึ่งในเมืองหลวงเฉินฝานลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ หรือว่า...ตอนนี้เขาอยู่ในเมืองหลวง?“แฮ่กๆๆ”
ซูซิวฉีเงยหน้าขึ้นมองเว่ยสือ บอกเขาอธิบายให้เฉินฝานกระจ่าง“ขอรับ!” หลังจากเว่ยสือได้รับคำสั่ง เขาก็เริ่มอธิบายให้เฉินฝานฟังมัวมัวในจวนที่ซูซิวฉีเชื่อใจที่สุด แปรพักตร์ไปอยู่กับเสิ่นหมิงหยวน นางวางยาในอาหารของซูซิวฉีจักรพรรดิองค์ใหม่ครองบัลลังก์ปีแรก ไม่มีฐานสำคัญใดเดิมที ซูซิวฉี เสิ่นหมิงหยวน เพ่ยจี้ คนหนึ่งบริหารผู้คน คนหนึ่งบริหารเงิน คนหนึ่งบริหารทหาร ทั้งสามร่วมมือกัน อย่างสมดุล ราชวงศ์ต้าชิ่งอยู่ในความสงบพรรคของซูซิวฉี เวลานี้ไม่มีใครสืบทอดเขาได้ เมื่อซูซิวฉีตาย คนตรงไปตรงมาอย่างเพ่ยจี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเสิ่นหมิงหยวนเสิ่นหมิงหยวน มีใจคิดอยากจะก่อกบฏมานานแล้วเฉินฝานปรบมือ พูดอย่างไม่ยี่หร่ะ “ข้าเป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดา สำหรับข้าผู้ใดเป็นกษัตริย์ก็เหมือนกัน”“เสี่ยวฝาน ไม่เหมือนกัน เจ้า...”ซูซิวฉีไออยู่นาน กว่าจะพูดต่อ “เจ้ายังคำสตรีในรถม้าได้หรือไม่?”“จำได้สิ แค่สตรีคนหนึ่งที่หน้าตาละหม้ายคล้ายคลึงกับฉินเย่ว์เหมย หลังจากนั้นมาหลอกเย่ว์เจียวกับเย่ว์ฉู่ จับตัวพวกข้ามาที่นี่ไม่ใช่หรือ?” “เสี่ยวฝาน เจ้าเคยคิดหรือไม่ นางไม่ได้หน้าตาละหม้ายคล้ายคลึง แต่นางคือฉินเย่ว์
ก่อนจะหมดสติ เขาได้ยินฉินหย่งคังพูดกับซูซิวฉี เรื่องฝังศพเขาในอนาคต จากนั้นก็ได้ยินฉิงหย่งคังบอกกลับวังหลวงเฉินฝานรับรู้ได้ว่าตนถูกบรรดาองครักษ์หญิงยกขึ้น หลังจากนั้นเขาก็หมดสติ“พรืด พรืด”เฉินฝานตื่นท่ามกลางเสียงน้ำรอบตัวของเขา คือวังหลวงสุดวิจิตราที่เฉินฝานไม่เคยเห็นมาก่อนตำหนักวิจิตรานี้ คิดไม่ถึงว่าจะมีสระน้ำขนาดใหญ่กลิ่นหอมอ่อนๆ อบอวลไปทั่วตำหนักกลิ่นหอมมองไปทางสระน้ำตามกลิ่นหอมรอบๆ สระน้ำมีผ้าม่านผืนบาง ด้านหลังผ้าม่าน มีไอร้อนกำลังระเหย บนผิวน้ำเต็มไปด้วยกลีบดอกกุหลาบด้านหลังผ้าม่าน เรือนร่างของใครคนหนึ่งปรากฎในสายตาของเฉินฝานอย่างเลือนลางแผ่นหลังงดงามขาวสะอาด หลังแช่ตัวในน้ำร้อน แผ่นหลังอมชมพู แขนเรียวราวกับรากบัว ลูบไล้ผิวอมชมพูนั้นอย่างแผ่วเบามีผมย้อยบนคอระหงส์เล็กน้อย ทำให้แผ่นหลังชวนหลงใหลในตอนแรกเย้ายวนกว่าเดิมพระเจ้าสาวงามที่ใดหากไม่ใช่เพราะจู่ๆ ก็เห็นองครักษ์หญิงที่อยู่รอบสระ เฉินฝานกำลังจะผิวปากแล้วองครักษ์หญิงคนนั้นเป็นคนสนิทของฉินหย่งคังไม่ใช่หรือ?ดังนั้น...‘หญิงงาม’ ในสระน้ำ คือฉินหย่งคังแม่เจ้า!เฉินฝานขนรุกไปทั้งตัว“ตื่นแล้วหรื
“เพคะฝ่าบาท!” หงอิงก้าวถอยไปด้านข้างอย่างไม่เต็มใจฉินหย่งคังกวาดสายตามองเฉินฝานอย่างเย็นชา “ข้าพาเจ้ามาจากอำเภอผิงอัน มาที่นี่เพื่อพูดไร้สาระกับเจ้า?”“ฮองเฮาและนางสนมในวังหลังของข้า สวยงามน่าทึ่งทั้งนั้น เจ้าอย่าทำตัวได้ของดีแล้วยังอวดฉลาด!”“ฮองเฮาและนางสนมของพระองค์สวยงามน่าทึ่งทั้งนั้น ถ้าเช่นนั้นทำไมพระองค์ถึงไม่ร่วมนอนเอง แต่กลับเดินทางพันลี้ไปถึงอำเภอผิงอัน ลักพาตัวกระหม่อมมาที่นี่และให้กระหม่อมได้รับผลประโยชน์มหาศาลเช่นนี้”“หากพูดว่าพระองค์ไม่มีจุดประสงค์อื่น คิดว่าว่ากระหม่อมเชื่อหรือไม่?”“เพราะ......”“พระองค์อย่าบอกกระหม่อม” ฉินหย่งคังเพิ่งเปิดปาก เฉินฝานก็กล่าวต่อ “เพราะพระองค์ไม่ชอบผู้หญิง จึงไม่สามารถทำสิ่งนั้นได้ เท่าที่กระหม่อมรู้ แม้ว่าไม่ชอบผู้หญิง สิ่งนั้นของผู้ชายก็ยังปกติ”เมื่อเฉินฝานพูดถึงสิ่งนั้นของผู้ชาย ใบหน้าของฉินหย่งคังก็เป็นสีแดงเล็กน้อย“ข้อพิพาทของราชสำนัก ไม่เห็นดาบ ไม่เห็นเลือด แต่เป็นสนามรบที่โหดร้ายกว่าการเห็นดาบและการเห็นเลือดสิบเท่า กระหม่อมจะรู้ได้อย่างไรว่าพระองค์กำลังหลอกใช้กระหม่อมเพื่อทำลายฮองเฮาของพระองค์หรือไม่”“ความบริสุทธิ์ของ
“เมื่อครู่นี้เจ้าถามข้าว่าทำไมไม่ร่วมนอนกับคนในวังหลังเอง”ฉินหย่งคังตอบไม่ตรงคำถาม ขณะพูดเขายกมือขึ้นที่ปลายหู“ฝ่าบาท ไม่ได้นะเพคะ!” หงอิงเอ่ยห้ามเสียงดัง“หงอิง เจ้าก็รู้จักข้าดี ไม่ใช้คนน่าสงสัย ถ้าใช้ก็ห้ามสงสัย เรื่องนี้ข้าปิดเขาไม่ได้หรอก”ขณะพูด ฉินหย่งคังพลางดึงมือที่อยู่ปลายหูออกเขาดึงหน้ากากที่มีใบหน้าและผิวหนังมนุษย์ออกมาหนึ่งอัน ส่วนรอยยิ้มใต้หน้ากากนั้น…...“เจ้าคือ……” เฉินฝานมองใบหน้าของฉินหย่งคังอย่างตื่นตระหนก “ฉินเย่ว์เหมย?”ใช่ ภายใต้หน้ากากหนังมนุษย์ของฉินหย่งคังก็คือ ผู้หญิงที่ดูคล้ายกับฉินเย่ว์โหรวที่เฉินฝานเห็นบนรถม้าลักษณะสัมผัสทั้งห้าคล้ายคลึงกัน แต่นิสัยแตกต่างอย่างสิ้นเชิงฉินเย่ว์โหรวอ่อนโยนและนุ่มนวล ฉินเย่ว์เหมยเย็นชาและเหินห่างสิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือฉินเย่ว์เหมยเป็นฮ่องเต้คนปัจจุบันของราชวงศ์ต้าชิ่งฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ต้าชิ่ง กลายเป็นผู้หญิงปลอมตัวและผู้หญิงคนนี้ยังเคยเป็นคนที่ทางการแบ่งจ่ายให้เขาเฉินฝานเคยสงสัยในตัวตนของพี่น้องตระกูลฉินมาก่อนเกิดในครอบครัวยากจน เขาไม่รู้อะไรมากนักนอกจากรู้ว่าฉินเย่ว์ฉู่ยังเด็กฉินเย่ว์เจียวก
ฮ่องเต้ผู้ชรารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของลูกสาว เมื่อเห็นนางใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เขาเพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่านางอยู่ที่ใดเท่านั้นเมื่อซูซิวฉีพาฉินเย่ว์เหมยกลับมาถึงพระราชวัง ก็ให้นางปลอมตัวเป็นฉินหย่งคังและให้บุตรสาวของเสิ่นหมิงหยวนแต่งเข้ามาดำรงตำแหน่งฮองเฮา ราชวงศ์ต้าชิ่งถึงได้มั่นคงฉินเย่ว์เหมยแสร้งทำเป็นว่าชอบเพศเดียวกันและไม่ยอมร่วมหอกับฮองเฮาเสิ่นหมิงหยวนอดทนนานกว่าหนึ่งปี จนทนไม่ไหวเลยสั่งให้คนวางยาพิษซูซิวฉีซูซิวฉีถูกยาพิษฝังลึกจนความตายใกล้เข้ามา เขาจึงจำต้องส่งโจวอวี่ไปบุกภูเขาวิฬาร์“อะไรนะ?” เฉินฝานยิ่งฟังยิ่งงงงวย “นักยิงธนูที่อยู่บนภูเขาวิฬาร์นั่น ที่แท้คือคนของผู้เฒ่าซู!”ฉินเย่ว์เหมยฉายแววตาเย็นชาและแสดงสีหน้าเหยียดหยาม “ถ้าเขาเป็นโจรจริง ๆ ด้วยทักษะการยิงธนูนั้น เจ้าจะรอดมาจนถึงตอนนี้ได้?”“เพราะฉะนั้นแทนที่จะยิงถูกข้า เจี่ยงหงเหวินกลับเป็นคนถูกยิง เพียงเพื่อแก้แค้นข้าให้กับภูเขาวิฬาร์วิเศษมาก วิเศษมากจริง ๆ”เฉินฝานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกท่านไม่เพียงแต่หลอกล่อให้เพ่ยจี้ แต่ยังทำให้เสิ่นหมิงหยวนตกหลุมพรางที่พวกท่านขุดเอาไว้”“
เสิ่นไต้มั่นไม่รอคำตอบของฉินเย่ว์เหมยและเงยหน้าขึ้นเงียบ ๆ“เพียะ!”หงอิงตบหน้ามัวมัว…...ที่อยู่ข้างหลังฮองเฮา“นังทาสผู้ต่ำต้อย ข้าสั่งให้รายงานตำหนักเฟิ่งหมิงตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือว่าอาการปวดพระเนตรของฝ่าบาทกำเริบ? กล้าดีอย่างไรมาจุดเทียนสว่างเช่นนี้”หงอิงตำหนิพร้อมกับเป่าดับเทียนวินาทีที่เทียนแดงดับลง สายตาของ สายตาของเสิ่นไต้มั่นเพิ่งมองถึงคางของเฉินฝาน“ฝ่าบาท หม่อมฉัน…...”“เอาล่ะ วันนี้ข้ามาเพื่อเข้าห้องหอกับเจ้า ไม่ได้มาฟังเจ้าคิดทบทวนตนเอง”ขณะพูด ฉินเย่ว์เหมยพลางผลักเฉินฝานไปที่พระแท่นบรรทมลายหงส์คิดไม่ถึงเลยว่าฉินเย่ว์เหมยที่ดูอ่อนแอจะแข็งแกร่งเช่นนี้ เฉินฝานเพียงไม่ทันระวังตัวก็ถูกผลักไปอยู่บนพระแท่นบรรทมลายหงส์ของเสิ่นไต้มั่นแล้วช่วงเวลาที่เฉินฝานจะล้มลงไป ฉินเย่ว์เหมยกล่าวเตือนข้างหูเสียงเบา“ร่วมหอให้ข้าดี ๆ อย่าคิดใช้เล่ห์เหลี่ยม เห็นมัวมัวที่อยู่ข้างแท่นบรรทมหรือไม่? นางคือคนที่เสิ่นหมิงหยวนส่งมาเฝ้ามองการร่วมหอของข้ากับฮองเฮา”เมื่อฉินเย่ว์เหมยกล่าวจบ เฉินฝานล้มลงพระแท่นบรรทมลายหงส์พอดีฉินเย่ว์เหมยออกแรงมากขนาดนั้น แต่ตอนที่เฉินฝานล้มถึงเตียง เขาไม่รู
หากกล่าวว่า นางกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนเฉินฝานครั้งแรกเพราะฤทธิ์ยาในร่างกาย แต่ครั้งนี้ เป็นเพราะนางอยากกลืนกินร่างกายของเฉินฝานจริง ๆแสงเทียนข้างนอกห้องส่องเข้ามาผ่านฉากกั้นลมแกะลายฉลุเฉินฝานเห็นร่างกายอันเรียบเนียนของเสิ่นไต้มั่นบิดตัวราวกับงูใบหน้าของเสิ่นไต้มั่นอยู่ที่ไหล่ของเฉินฝานแล้ว นางดึงเสื้อคลุมลายมังกรด้วยวิธีการกัดและดึง“ฝ่าบาท~”เสิ่นไต้มั่นจับมือของเฉินฝานแล้ววางลงบน......ซี้ด~เฉินฝานสูดลมหายใจ“เพียะ!”มือใหญ่ฟาดไปที่ก้นของเสิ่นไต้มั่นยัยผู้หญิงคนนี้ยั่ว มาก!“ฝ่าบาท~”เสิ่นไต้มั่นที่ถูกตี ไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกเจ็บ แต่ยังกลับเร้าใจมากขึ้นขณะที่นอนลงบนเตียง นางดึงเฉินฝานลงไปด้วย“ฝ่าบาท เหตุใดพระองค์จึงแข็งแกร่งเช่นนี้เพคะ?”“เจ้าไม่ชอบหรือ?”“เปล่า หม่อมฉันชอบ ชอบมาก ๆ เพคะ”......เสียงบนแท่นบรรทมลายหงส์ดังขึ้นเป็นพัก ๆฉินเย่ว์เหมยที่ยืนอยู่ข้างหลังฉากกั้นลมฟังเสียงที่อยู่ข้างหลัง จากดุด่าเสิ่นไต้มั่นว่าเป็นสุนัขจิ้งจอกที่น่าเกลียดชังในตอนเริ่มต้น เปลี่ยนเป็นโมโหแล้วหน้าแดงนอกจากหน้าแดง ยังมีความอยากรู้อยากเห็นที่ไม่อาจห้ามใจได้นางเป็นผู
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ