“เฉินฝานออกมาแล้ว!”ไม่รู้ว่าเป็นเพราะยังกลัวคำพูดคำนั้นของเฉินฝานหรือไม่ ให้พวกเขาชดใช้ด้วยความตายหลังจากเฉินฝานออกมาจากรถม้า คนพวกนั้นก็หยุดเงียบ“ทุกคนไม่ต้องกลัวเขา คำพูดของเขาเพียงขู่ให้หวาดกลัวเท่านั้น พวกเรามีตั้งมากมาย ยังจะสู้เขาไม่ได้หรือ...”“ฟิ้ว!”เฉินฝานคว้าไข่มุกบนผมของฉินเย่ว์เจียวออกมาชางเฟยอวี่ไม่กล้าพูดให้จบประโยค ซ่อนตัวอยู่หลังบ่าวรับใช้ของตนเองราวกับนกกระทา เฉินฝานทำตาเขาบอดไปข้างหนึ่งแล้ว เขากลัวจะเสียตาอีกข้างหนึ่งไปมือของเฉินฝานจับไข่มุกแน่น ลงจากรถม้า เดินไปหาชางเฟยอวี่ทีละก้าว“เฉินฝาน!” ชางเฟยอวี่แกล้งทำเป็นนิ่งสงบ เขาร้องตะโกนด้านหลังบ่าวรับใช้ด้วยความโอหัง “เจ้าอยากจะทำเหมือนเดิม อยากทำร้ายดวงตาของข้าอีก ข้าขอบอกเจ้า ฝันไปเถอะ ตอนนี้คนมากมายกำลังมองดูอยู่ ขอเพียงเจ้ากล้าลงไม้ลงมือ ข้าจะร้องเรียนเจ้าแน่นอน ให้เจ้าใช้ชีวิตอยู่ในคุกตลอดไป!”“เสี่ยวฝาน อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม” จางเจิ้งห้าวเตือนเฉินฝานเสียงเบาครั้งก่อนตระกูลชางตั้งตัวไม่ทัน พวกเขาจึงทำสำเร็จสำหรับความโอหังของชางเฟยอวี่และการตักเตือนของจางเจิ้งห้าว เฉินฝานราวกับไม่ได้ยินอย่างไรอย่างนั
พวกชางเฟยอวี่อยากใช้ความเชื่อเป็นเครื่องมือในการทำร้ายเขา คิดว่าเขาใช้บ้างไม่เป็นหรืออย่างไร?”“เฉินฝาน ความหมายของเจ้าคือ...ลูกชายสี่คนของเจ้า เทพอัปสรผู้ประทานบุตรเป็นคนประทานให้เช่นนั้นหรือ?” มีคนถามเฉินฝาน“ถูกต้อง!”เฉินฝานพยักหน้า พูดด้วยความถ่อมตน “วันนั้น ข้าอยู่ที่วัดเทพอัปสร เปิดเผยความจริงที่ว่าชิงอวิ๋นอ้างแอบเทพอัปสรผู้ประทานบุตรในการรีดไถเงินและทำร้ายผู้ศรัทธาที่บริสุทธิ์”“คืนวันนั้น เทพอัปสรผู้ประทานบุตรมาเข้าฝันข้า บอกว่าพวกมารร่วมมือกับตระกูลชาง อ้างชื่อของท่านเทพในการขูดรีดเงิน ท่านเทพจะประทานบุตรให้ข้าสี่คน ช่วยข้ากำจัดมารร้าย!”“ฮ่าๆๆ!” ชางเฟยอวี่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าพูดจาหยาบคายในวัดเทพอัปสร ท่านเทพมาเข้าฝันเจ้าเนี่ยนะ? ทั้งยังประทานบุตรชายให้สี่คน? นี่เป็นเรื่องตลกจริงๆ คำพูดเช่นนี้ เจ้ากล้าพูดออกมาได้”เฉินฝานหันไปช้าๆ ส่วนลึกในดวงตาของเขา ฉายลำแสงแห่งความเย็นยะเยือก“ตระกูลชางของพวกเจ้าร่วมมือกับชิงอวิ๋น ขูดรีดไถเงินทุกปี แท้จริงแล้วท่านเทพอัปสรประทานบุตรทุกวันที่หนึ่งเดือนห้าของทุกปี แต่ท่านเทพไม่เคยกำหนดเวลาในการประทาน เจ้าชางเฟยอวี่กลัวความลำบาก ไ
ตั้งแต่ตอนที่เขาลงจากรถม้า เฉินฝานบอกหลี่ซานแล้วว่า ให้เขานำผู้คุ้มกันของตระกูลเฉินและตระกูลหลี่ไปเฝ้าประตูด้านหลังเรือนของตระกูลชาง“หลี่ซาน!”เวลานี้ ชางเฟยอวี่เพิ่งพบว่าหลี่ซานไม่อยู่เฉินฝานพยักหน้า “ถูกต้อง หลี่ซาน ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ประตูหลังเรือนเจ้าแล้ว”“หึ!” จู่ๆ ชางเฟยอวี่ก็นิ่งสงบลง เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อยแสยะยิ้มให้เฉินฝาน “เจ้าคิดว่าเรือนข้า มีพวกบ่าวรับใช้แค่นี้หรือ? เจ้าคิดว่าเหตุใดเย่ว์หนูจึงเกือบตาย?”“ดังนั้น...” เฉินฝานตอบช้าๆ อย่างไม่ยี่หร่ะ “พวกเจ้าดูถูกผู้หญิงมากไปแล้ว ตอนนี้ด้านหลังเรือนของข้ามีศพบุรุษสองศพนอนอยู่ตรงนั้น คนที่สังหารพวกเขา คือเย่ว์หนู”หากไม่ใช่เพื่อปกป้องฉินเย่ว์หรู เย่ว์หนูจะบาดเจ็บสาหัสแบบนั้นได้อย่างไรสีหน้าของชางเฟยอวี่ซีดขาวในทันที “ไม่ เป็นไปไม่ได้!”เฉินฝานปัดแขนเสื้อ ซึ่งเปื้อนน้ำลายของชางเฟยอวี่ที่ถ่มมา “เป็นไปได้หรือไม่นั้น ตอนนี้เจ้ากลับเรือนไปดูก็สิ้นเรื่องแล้ว”ณ ตระกูลชางความ ‘สง่าดั่งเซียน’ ของชิงอวิ๋นเลือนหายไปหมดแล้ว พร้อมกับความดูแคลนของเขาที่มีต่อเฉินฝานเมื่อครู่ก็ไม่เหลือแล้วเขาสวมใส่เสื้อผ้าของบ่าวรับใช้ผู้ทำหน้าท
เฉินเจียงสะบัดแขนเสื้อ “ข้าเนี่ยนะกลัวหัวขโมยเยี่ยงเขา? เพียงเห็นว่าเขาหลอกลวงทุกคน ข้าไม่สบายใจก็เท่านั้น ลูกชายสี่คนในท้องเดียว ช่างเป็นเรื่องน่าขันจริงๆ!”“หลอกลวงทุกคน? เฉินเจียง เจ้าหมายความว่าเฉินฝานหลอกลวงพวกเราหรือ? ทั้งยังข้องเกี่ยวกับทารกชายสี่คนนั้นด้วย? เฉินเจียง เจ้ารีบอธิบายมา”ชาวบ้านร้อนใจอยากรู้วันนี้พวกเขาถูกตระกูลชางและชิงอวิ๋นใช้เป็นเครื่องมือแล้ว ไม่อยากถูกหลอกอีกแล้วเฉินเจียงประสานมือโค้งคำนับ “ข้าขอโทษทุกคน ณ ที่นี่ด้วย นี่คือเรื่องน่าอายของวงศ์ตระกูล ไม่ควรป่าวประกาศ แต่ว่า...”พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของเฉินเจียงฉายความเจ็บปวดและรู้สึกผิด“คิดไม่ถึงจริงๆ สิ่งที่ข้าคิดว่าเป็นเรื่องน่าอายของตระกูล เฉินฝานเองก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าอาย กลับเป็นแผนการที่เขาวางไว้”“วันนั้น เฉินฝานเชิญข้าไปที่จวน บนโต๊ะเต็มไปด้วยสุรา เขาร้องไห้บอกกับข้า เดิมทีเขาเป็นเหมือนข้าได้ สอบขุนนางสร้างชื่อเสียง แต่น่าเสียดายที่ไม่อาจมีลูก ข้าสงสารเขา จึงดื่มเป็นเพื่อนเขา โดยไม่รู้เลยว่า...”“เขาวางยาในสุราของข้า ตอนข้าตื่นขึ้นมา พบว่า...พบว่าหลานสะใภ้เย่ว์โหรวนอนอยู่ข้างกาย หลังจากนั้นไ
เรื่องดีๆ ไม่เป็นที่รับรู้ เรื่องไม่ดีแผ่หลายไปทั่วเฉินฝานวางแผนสวมเขาให้ตนเอง เฉินฝานไร้น้ำยา ลูกของฉินเย่ว์โหรวเป็นของเฉินเจียงข่าวลือนี้ แพร่สะพัดไปไกลเรื่อยๆ ไม่เพียงอำเภอผิงอัน หรงตู แม้กระทั่งเมืองหลวงก็มีคนพูดถึงเฉินฝาน หลี่ซาน จางเจิ้งห้าว ถึงขั้นหลูเฉิงกวงที่อยู่หรงตูยังส่งคนมาตรวจสอบ แต่ไม่อาจตรวจพบว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเป็นใครทุกครั้งที่จะกำลังจะสืบพบความจริง เบาะแสก็ขาดหายเฉินฝานรู้สึกว่า เบื้องหลังเรื่องนี้มีอำนาจยิ่งใหญ่หลังจากจบเรื่องนี้ เฉินเจียงไม่เสียหายใดๆ กลับกลายเป็นเพราะเขา ‘ทำให้’ ฉินเย่ว์โหรวคลอดลูกชายสี่คนในครรภ์เดียว ได้รับพระราชทานรางวัลจากฮ่องเต้ย้ายเขาเป็นขุนนางขั้นสามในเมืองหลวง ให้เขาเปิดเผยประสบการณ์ในการมีลูกชาย“เกินไปแล้ว ลูกของฮูหยิน เป็นของนายท่านชัดๆ เจ้าคนชั่วเฉินเจียง!”ภายในจวนเฉินเต็มไปด้วยเสียงด่าทอหลังจากเฉินฝานปลอบฉินเย่ว์โหรวเสร็จ ไม่ให้นางคิดมาก ก็กลับเข้าไปในห้องหนังสือเขาตามจางเจิ้งห้าวและหลี่ซานมา เขาอยากพูดคุยกับพวกเขาเรื่องที่ตนเพิ่งตรวจสอบระหว่างทาง เฉินฝานถูกเย่ว์หนูที่วิ่งมาด้วยความรีบร้อนขวางเอาไว้“นายท่าน
เฉินฝานมองฉินเย่ว์เจียวด้วยความตกตึง พวกนางมีแค่สามพี่น้องไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงมีพี่ใหญ่โผล่ขึ้นมากะทันหัน“นายท่าน ท่านลืมพี่ใหญ่ไปแล้วหรือเจ้าคะ?”ได้ยินคำพูดของเฉินฝาน ฉินเย่ว์เจียวก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน แต่ว่าครู่หนึ่งนางก็ดึงสติกลับมาได้“เรื่องที่นายท่านหลงลืมหลังจากตกหน้าผา รุนแรงกว่าที่ข้าคิดมาก ข้าไม่เพียงมีพี่ใหญ่ แต่ยังมีพี่รอง ตอนแรกทางการยกพวกนางให้ท่านเช่นเดียวกัน แต่ว่าไม่ถึงสามวันพวกนางก็ถูกท่านไล่ออกไปหาเงินแล้ว สองเดือนแรกที่พวกนางออกไป พวกนางยังส่งเงินมาให้ท่าน ตอนหลังไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร จึงหยุดส่งเงิน ทั้งยังไม่ได้รับข่าวคราวจากพวกนาง”“ก่อนที่นายท่านจะตกหน้าผา ทั้งยังบอกว่าจะหย่ากับพี่ใหญ่และพี่รองอยู่เลยเจ้าค่ะ!”“อ่อ” เฉินฝานพยักหน้า “ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง ข้าจึงเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ พวกเจ้าก็ไม่เคยพูดถึง”“นายท่านไม่พูดถึง พวกข้าก็ไม่กล้าพูด กลัวนายท่านจะยังโกรธพวกนาง”ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ฉินเย่ว์เจียวขี่ม้าขนาบข้างรถม้าแล้วพวกเขาเพิ่งไล่ตามไป รถม้าก็หยุดลง“พี่ใหญ่!” ฉินเย่ว์เจียวอยากกระโดดลงจากรถม้า จะได้เจอพี่สาวของตนเองแล้ว นางทั้งด
เฉินฝานตื่นเพราะเสียงไอรุนแรงลืมตาขึ้น พบว่าตนนอนบนเตียงปาปู้ราคาแพงเตียงชนิดนี้ เฉินฝานเคยเห็นในภาพถ่ายในโลกอินเทอร์เน็ตยุคปัจจุบันของจริงสวยกว่าในรูปเอกลักษณ์ของเตียงป้าปูคือมองจากภายนอกคล้ายนำเสาของเจียงวางไว้บนแท่นปิดที่ทำจากไม้แท่นยื่นออกมาข้างหน้าเตียงประมาณสองถึงสามไม้บรรทัด โดยแท่นไม้มีเสาสีมุมเป็นฐาน ล้อมด้วยไม้แกะสลัก บ้างก็มีหน้าต่างสองข้าง ทำให้ด้านหน้าของเตียงคล้ายโถงทางเดิน แม้จะเล็กแต่คนเข้าไปได้เมื่อก้าวเดินเข้าไปในโถงทางเดินเล็กทำให้รู้สึกคล้ายก้าวเข้าไปในห้อง ตรงกลางโถงทางเดินเล็กมีแท่นวางขา ทั้งสองด้านสามารถวางโต๊ะ เก้าอี้ขนาดเล็กได้ ใช้สำหรับวางของใช้ เตียงรูปทรงนี้มีขนาดใหญ่มาก ด้านหน้าเตียงมีพื้นที่สำหรับใช้สอย แม้จะใช้ในห้อง แต่เตียงหลังนี้ก็คล้ายห้องเล็กๆ หนึ่งห้องเฉินฝานเคยได้ยินหลี่ซานพูดถึง เตียงชนิดนี้เป็นเครื่องบอกฐานันดรศักดิ์ในต้าชิ่ง คนรวยก็ไม่อาจใช้เตียงชนิดนี้ได้ มีเพียงขุนนางขั้นหนึ่งในเมืองหวงเท่านั้นที่จะครอบครองเตียงชนิดนี้ได้ขุนนางขั้นหนึ่งในเมืองหลวงเฉินฝานลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ หรือว่า...ตอนนี้เขาอยู่ในเมืองหลวง?“แฮ่กๆๆ”
ซูซิวฉีเงยหน้าขึ้นมองเว่ยสือ บอกเขาอธิบายให้เฉินฝานกระจ่าง“ขอรับ!” หลังจากเว่ยสือได้รับคำสั่ง เขาก็เริ่มอธิบายให้เฉินฝานฟังมัวมัวในจวนที่ซูซิวฉีเชื่อใจที่สุด แปรพักตร์ไปอยู่กับเสิ่นหมิงหยวน นางวางยาในอาหารของซูซิวฉีจักรพรรดิองค์ใหม่ครองบัลลังก์ปีแรก ไม่มีฐานสำคัญใดเดิมที ซูซิวฉี เสิ่นหมิงหยวน เพ่ยจี้ คนหนึ่งบริหารผู้คน คนหนึ่งบริหารเงิน คนหนึ่งบริหารทหาร ทั้งสามร่วมมือกัน อย่างสมดุล ราชวงศ์ต้าชิ่งอยู่ในความสงบพรรคของซูซิวฉี เวลานี้ไม่มีใครสืบทอดเขาได้ เมื่อซูซิวฉีตาย คนตรงไปตรงมาอย่างเพ่ยจี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเสิ่นหมิงหยวนเสิ่นหมิงหยวน มีใจคิดอยากจะก่อกบฏมานานแล้วเฉินฝานปรบมือ พูดอย่างไม่ยี่หร่ะ “ข้าเป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดา สำหรับข้าผู้ใดเป็นกษัตริย์ก็เหมือนกัน”“เสี่ยวฝาน ไม่เหมือนกัน เจ้า...”ซูซิวฉีไออยู่นาน กว่าจะพูดต่อ “เจ้ายังคำสตรีในรถม้าได้หรือไม่?”“จำได้สิ แค่สตรีคนหนึ่งที่หน้าตาละหม้ายคล้ายคลึงกับฉินเย่ว์เหมย หลังจากนั้นมาหลอกเย่ว์เจียวกับเย่ว์ฉู่ จับตัวพวกข้ามาที่นี่ไม่ใช่หรือ?” “เสี่ยวฝาน เจ้าเคยคิดหรือไม่ นางไม่ได้หน้าตาละหม้ายคล้ายคลึง แต่นางคือฉินเย่ว์
เฉินฝานที่พักสายตาโดยตลอดลืมตาขึ้น “ครอบครัวผู้เฒ่ามีหลานสาวสิบคนที่ยังมิได้ออกเรือนงั้นหรือ?”“เฮ้อ หากจะกล่าวให้ถูกต้องคือมีทั้งหมดสิบห้าคน มีห้าคนที่คิดว่าตนเองอายุมากแล้ว กลายเป็นภาระของคนในบ้านจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย”เสียงของผู้เฒ่าตาบอดตะกุกตะกักเป็นอย่างมาก “ปีที่แล้วผูกคอตาย เดือนที่แล้ว ก็มีอีกสองคนที่จวนจะ...โชคดีที่ยายเฒ่าไปเจอเสียก่อน มิเช่นนั้นก็คง...”ผู้เฒ่าตาบอดพูดมิออกแล้ว มีเพียงดวงตาที่ขาวโพลนมิมีตาดำพรั่งพรูน้ำตาอุ่นๆออกมามิหยุดอากาศหนาวจนถึงจุดเยือกแข็ง มินานนักน้ำตาก็แข็งตัวเป็นน้ำแข็งคำพูดของผู้เฒ่าตาบอดแทงใจดำของเย่ว์หนูในตอนแรกที่นางอยู่ในครอบครัว ก็มีพี่น้องสิบคนเช่นกัน รายชื่อล้วนถูกแจ้งไปที่จวนอำเภอแล้ว ทว่าต่อให้ถูกส่งตัวไปแล้ว ท้ายที่สุดก็ถูกส่งตัวคืนมาอยู่ดีหากมิใช่ตอนนั้นเห็นว่าเฉินฝานกำลังรับกองกำลังหญิงพอดี ตอนนี้นางก็คงจะเป็นวิญญาณสาวเร่ร่อนตนหนึ่งในอำเภอผิงอันไปเรียบร้อยแล้ว“เช่นนั้นพ่อแม่เหล่าหลานสาวของท่านล่ะ? พวกเขามิสนใจพวกนางเลยหรือ?”ถึงแม้จะยากลำบาก พ่อแม่ของเย่ว์หนู ก็ยังดูแลพวกนางอย่างดีที่สุด“เฮ้อ~”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่ว์ห
“ตอบคำถามข้ามา!”“คำถามของเจ้างั้นรึ? คำถามอันใดกัน?”“อย่ามาแกล้งโง่!”“นี่ ๆ ข้ามิได้แกล้งเสียหน่อย!” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นของเซียนเจี้ยนหวงทำเหมือนกับว่ามิมีความผิด “เมื่อครู่ข้าเผลอหลับไป ได้ยินมิชัดเจนจริง ๆ เจ้ากล่าวว่าตำหนักเซียวเหยารึ? ตำหนักเซียวเหยาคืออะไรกัน?”“จุดประสงค์ที่ตำหนักเซียวเหยายังคงอยู่คืออันใด เจ้าก็รู้แก่ใจดีมิใช่รึ หรือว่าเจ้าจะรอให้ผู้ชายจำนวนมากต้องถูกสังหารโดยที่เจ้ามิทำอันใดเลยงั้นรึ”“เพื่อนของซูซิวฉีเป็นเช่นนี้งั้นรึ?”เฉินฝานมองซียนเจี้ยนหวงอย่างมิละสายตา“ข้า ข้า...” ในท้ายที่สุดเสียงของเซียนเจี้ยนหวงก็ขาดหายไป “ข้าทำได้เพียงรับปากเจ้าว่าจะมิยอมให้คนของตำหนักเซียวเหยาสังหารชายผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้าอย่างเด็ดขาด”“เรื่องอื่นข้าก็มิรู้แล้ว เจ้ามิต้องถามข้าแล้ว” เซียนเจี้ยนหวงวิ่งหายไปในกลีบเมฆทันทีตอนที่เฉินฝานเดินออกจากหลุมศพของเมี่ยวอวี่แล้วเดินมาตรงถนน เห็น...“เย่ว์หนู ไฉนเจ้ายืนอยู่คนเดียว? รถม้าล่ะ?”เฉินฝานกล่าวถามเย่ว์หนูสีหน้าคับข้องใจยืนอยู่บนถนนโดยลำพังนิสัยของเย่ว์หนูค่อนข้างคล้ายคลึงกับผู้ชาย น้อยครั้งที่จะเป็นเช่นน
ความเย็นที่หัวไหล่ปลุกฉินเย่ว์เหมยที่กำลังเคลิบเคลิ้มให้ตื่นจากภวังค์“ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยที่อับอายจนโมโหถีบเฉินฝานออกไปทันที“โอ๊ย ๆ ๆ!”เฉินฝานกุมท้องที่ถูกถีบจนเจ็บปวดกลิ้งตัวไปมา ครั้งนี้เป็นความเจ็บของจริงทว่าครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยเพิกเฉยอย่างจริงจัง มิว่าเฉินฝานจะร้องอย่างไร นางก็จะมิเดินเข้าไปหาอีกนางพร่ำบอกตนเองเสมอนางเป็นจักรพรรดินีของต้าชิ่ง ๆชีวิตของนางถูกลิขิตให้อุทิศแก่ราชวงศ์ต้าชิ่ง นางจะอภิเษกสมรสมิได้“ตอนนี้ก็เป็นเวลาดึกดื่นแล้ว เจ้ายังมีเรื่องอันใดจะกราบทูลอีกหรือไม่? หากมิมีก็กลับไปเถอะ”ความเจ็บตรงท้องของเฉินฝานเพิ่งจะจางหายไป โสตประสาทก็ได้ยินเสียงอันเยือกเย็นของฉินเย่ว์เหมยเมื่อเงยหน้ามอง เห็นว่าฉินเย่ว์เหมยที่นั่งตรงข้ามกับเขาได้กลับสู่ท่าทางเย่อหยิ่งเยือกเย็นดังเดิมแล้วเฉินฝานยักไหล่หากต้องการพิชิตจักรพรรดินีท่านนี้ ดูแล้วหนทางด้านยังอีกยาวไกลสินะ“ข้ามิได้มีเรื่องอันใดเป็นพิเศษ เดิมทีก็แค่อยากเจอเจ้า”เฉินฝานจัดเสื้อผ้าตนเองเล็กน้อย เขาก็เตรียมตัวที่จะจากไปแล้วเช่นกันหลังจากที่กลับมาพบกับพวกฉินเย่ว์โหรวอีกครั้ง ก็อยู่ในสถานการณ์เสี่ย
“เจ้า...เจ้าผู้ชายมักมาก ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”ฉินเย่ว์เหมยที่สูญเสียการทรงตัวไถลเข้าไปในอ้อมอกของเฉินฝาน ใบหน้าขึ้นสี ใช้มือผลักเฉินฝานออกไป“มิปล่อย!”เฉินฝานกอดรัดแน่นกว่าเดิม“เจ้าตัวหอมนุ่มนิ่มเช่นนี้ ข้าจะตัดใจยอมปล่อยได้อย่างไรกัน”“เจ้า!” ฉินเย่ว์เหมยโกรธจนตัวสั่น “หน้าด้านไร้ยางอาย!”“ถูกต้อง!” เฉินฝานทำท่าทีหน้าด้านหน้าทน “ข้าก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด ฝ่าบาทท่านเพิ่งมารู้ตัวตอนนี้งั้นหรือ?”“เจ้า...”ฉินเย่ว์เหมยยื่นมือออกไปคิดที่จะผลักเฉินฝานออกอีกครั้ง“ห้ามขยับตัว!” เฉินฝานจับมือสองข้างของฉินเย่ว์เหมยไว้ “เจ้าให้ข้านอนพักสักครู่ได้หรือไม่?”ระหว่างที่พูด เฉินฝานก็ปล่อยมือของฉินเย่ว์เหมย หยิบหมอนมาไว้บนตักของนางสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ หากเขามิได้อยู่ในเส้นทางการสู้รบกำจัดกบฏ ก็เผชิญความยากลำบากที่คาบเกี่ยวกับความตายห้องของฉินเย่ว์เหมยอบอุ่น เรือนร่างของฉินเย่ว์เหมยกลิ่นช่างหอมหวนยิ่งนัก ทำให้เฉินฝานได้สัมผัสกับความอบอุ่นและความปลอดภัยที่มิเคยรู้สึกมาก่อน“อยากนอน เจ้าไยมิกลับห้องตนเอง...”ฉินเย่ว์เหมยหยุดพูดทันที เพราะนางเห็นว่าเฉินฝานที่นอนหนุนตักของนางได้หลับไ
ยามค่ำคืนสำนักบัณฑิตเมืองเซียนตูตอนนี้เป็นที่พำนักของฉินเย่ว์เหมยชั่วคราวณ เรือนหลักลานกลางฉินเย่ว์เหมยสวมชุดบรรทมสีเหลือง ก้มหน้าก้มตาอ่านสาสน์กราบทูล“นี่โกรธข้าอยู่งั้นหรือ มิใช่ว่าข้ามิอยากพบเจ้าในทันทีเสียหน่อย กองกำลังทหารหลวงของหลี่ชิ่งปิดล้อมจวนเจ้าเมืองอย่างแน่นหนา เข้าได้ไปยากยิ่งนัก!”เฉินฝานพูดอธิบายกับฉินเย่ว์เหมย ฉินเย่ว์เหมยกลับเพิกเฉยมิได้สนใจเขาแม้แต่น้อยเฉินฝานเดินไปทางซ้าย นางก็จะหันหน้าไปทางขวาเฉินฝานเดินไปทางขวา นางก็จะหันหน้าไปทางซ้ายอย่างไรเสียมิว่าเฉินฝานจะพยายามเพียงใด นางก็จะมิสบตากับเฉินฝานหมดหนทางแล้วจริง ๆ เฉินฝานจึงแย่งสาสน์กราบทูลในมือฉินเย่ว์เหมยมา จากนั้นมิพูดมิจาดึงฉินเย่ว์เหมยเข้ามาในอ้อมอกทันที“เจ้า เจ้าผู้ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยมีวรยุทธ์ต่อสู้ติดตัว และฝีมือยอดเยี่ยมอีกด้วยตบสองสามทีก็สามารถทำให้เฉินฝานลงไปนอนกับพื้นได้“โอ๊ย ๆ ๆ เจ็บเหลือเกิน เจ็บจะตายแล้ว!”เฉินฝานกุมท้องตนเอง กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น“เจ้าอย่ามาแสร้ง...”ราวกับเฉินฝานมิได้ยินคำพูดของฉินเย่ว์เหมย ยังคงกุมท้องกลิ้งไปกลิ้งมา สีหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดสุดขีด“เจ
“เฉินฝาน ถึงแม้ตอนเจ้าจะเป็นอัครเสนาบดีขั้นหนึ่งระดับสูง ทว่าก็มิสามารถสังหารเลขาธิการขั้นสองระดับสูงอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ได้!”เสิ่นหมิงหยวนที่พอจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เริ่มประณามเฉินฝาน“ถูกต้อง ในฐานะที่หยางอวิ๋นหู่เป็นเลขาธิการกรมโยธาธิการขั้นสอง ต่อให้จะทำความผิด ก่อนที่จะสังหารก็ต้องฝ่าบาทออกคำสั่งก่อนจึงจะสังหารได้ อัครเสนาบดีเบื้องซ้ายทำเกินไปแล้ว”“เพิ่งจะได้รับตำแหน่งอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย ก็กำเริบเสิบสานแล้วหรือ? คิดว่าสามารถสังหารขุนนางที่ยศน้อยกว่าเขาได้ ตามอำเภอใจงั้นหรือ?”“คนที่โหดเหี้ยม และมิให้เกียรติฝ่าบาทเช่นนี้ จะสามารถเป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายเยี่ยงไร?”มีขุนนางจำนวนมากที่เดือดดาลกับการกระทำของเฉินฝานแน่นอนว่าเหล่าคนที่เดือดดาลเหล่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวน“ฝ่าบาท!” เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบเดินออกมาจากด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนทันที “ท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย...”“ชิ้ง!”เฉินฝานตวัดกระบี่ในมือชี้ไปที่เสิ่นหยวนเลี่ยงทันที “ถ้าเจ้ายังพูดพล่ามอีก อย่าหาว่ากระบี่ในมือข้าไร้ความปรานี”น้ำเสียงเฉินฝานดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ท่าทางโหดเหี้ยมอย่างมา
“ฝ่าบาท”เฉินฝานพุ่งตัวขึ้นไป ส่ายหน้าให้กับฉินเย่ว์เหมยหลี่ชิ่งยังมีทหารหลวงประจำการอยู่ด้านนอกเมืองเซียนตูห้าหมื่นกว่าคน สามารถเคลื่อนทัพตามคำสั่งของเสิ่นหมิงหยวนได้ทุกเมื่ออำนาจของเสิ่นหมิงหยวนเป็นปึกแผ่นอย่างมาก ตอนนี้หากอยากจะโค่นล้มเสิ่นหมิงหยวนในคราเดียว ต้องบีบบังคับให้เสิ่นหมิงหยวนจนตรอกให้ได้สถานการณ์ตอนนี้ ควรปล่อยตามน้ำไปก่อนน้ำเสียงของฉินเย่ว์เหมยผ่อนคลายลงแล้ว “ทหารหลวงรวมพลมากมายอยู่ที่แห่งนี้ ข้าคิดว่าใต้เท้าเสิ่นจะก่อกบฏเสียอีก?”เสิ่นหมิงหยวนเลิกคิ้วขึ้นทันที เขารู้ว่าฉินเย่ว์เหมยยอมอ่อนข้อแล้วเหมือนกับที่เฉินฝานคาดการณ์ เสิ่นหมิงหยวนได้เตรียมการโต้กลับไว้เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงฉินเย่ว์เหมยออกคำสั่งโจมตีเขา เขาก็จะสั่งให้กองกำลังทหารหลวงห้าหมื่นคนของหลี่ชิ่งปิดล้อมเมืองทันทีเสิ่นหมิงหยวนรีบกล่าวอย่างลนลาน “ฝ่าบาทคิดจะทำให้ข้าน้อยตกใจตายหรือกระไร ข้าน้อยเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นคนหนึ่ง ไฉนจะคิดก่อกบฏได้”คำพูดนี้เสิ่นหมิงหยวน มิเพียงแสดงความจงรักภักดีเท่านั้น และยังเป็นการพูดจาเหน็บแนมเฉินฝานอีกด้วยอำนาจในการนำทัพกองกำลังลาดตระเวนยังคงอยู่ในมือของเฉินฝาน ถึงแม้
ตอนที่ห่างจากเฉินฝานอย่างน้อยสิบเมตร ฉินเย่ว์เหมยก็ลงจากเกี้ยวเดินลงมาสาวเท้ามาหาเฉินฝานอย่างเร่งรีบตอนที่ห่างจากเฉินฝานประมาณสามสี่เมตร ฉินเย่ว์เหมยกลับหยุดฝีเท้าของตนเองไว้หิมะค่อยๆโปรยปรายลงมาตอนที่ห่างกันประมาณสองสามเมตร ฉินเย่ว์เหมยและเฉินฝานยืนมองหน้ากันและกันห่างกันไปเพียงเวลาสั้นๆมิกี่เดือน ทว่ารู้สึกห่างจากเฉินฝานไปสองภพชาติจึงได้กลับมาพบกันอีกครั้งน้ำตาคลอเบ้า จวนจะเอ่อล้นไหลออกมาแต่ท้ายที่สุดก็ต้องฝืนกล้ำกลืนน้ำตากลับไปแต่ไรมานางมิเคยลืมนางเป็นจักรพรรดินี เขาเป็นขุนนางนางต้องเก็บอาการไว้!“เขาคือใต้เท้าเฉินจริงๆ”“ใต้เท้าเฉินฝานยังมีชีวิตอยู่!”ท่ามกลางเหล่าขุนนาง มีคนตะโกนลั่นด้วยความดีใจคนผู้นี้คือเลขาธิการกรมยุติธรรมไป่เผยหราน“ใต้เท้าเฉินคืนชีพจากความตาย ช่างเป็นโชคดีของพวกเราต้าชิ่งเสียจริง!”เหล่าขุนนางที่ปกติมิฝักใฝ่เป็นพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันซาบซึ้งใจ“เฉินฝาน!”เสียงตื่นเต้นดีใจครั้งนี้ดังกว่าเสียงดีใจก่อนหน้านี้เสียอีก“ไอ้หยา!”ร่างเงาหนึ่งพุ่งผ่านเหล่าขุนนาง ข้ามผ่านฉินเย่ว์เหมยไป เดินตรงไปหาเฉินฝานทันที“เป็นเจ้าจริงๆด้วย ช่างดีเ
ตวนซินอ๋องมิอยากเชื่อสายตาของตนเอง เขายกกำปั้นไปด้านหน้าเฉินฝานทันที หลังนั้นก็ชูสามนิ้วออกไปชูสามนิ้วแล้วตะโกนพูดขึ้นหนึ่งประโยค“หนึ่งกฎเกณฑ์ สองสตรี สามเงินเหวิน!”เมื่อตะโกนจบก็จ้องไปที่เฉินฝาน สื่อความหมายว่าถึงตาเจ้าแล้วเฉินฝานรู้สึกหมดคำพูดอีกครั้ง ถูกพลทหารหนึ่งพันปิดล้อมมิสำคัญ จวนจะถูกตัดหัวประหารก็มิสำคัญเช่นกันสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เฉินฝานก็ยกกำปั้นขึ้นมาชูนิ้วยื่นไปด้านหน้าตวนซินอ๋องเช่นกัน“สี่ฤดูกาล ห้าปรมาจารย์ หกที่นั่ง!”ทหารหลวงที่ปิดล้อมเฉินฝานและตวนซินอ๋องไว้มึนงงในบัดดลแม้กระทั่งหลี่ชิ่งที่เป็นหัวหน้าของพวกเขายังกวาดสายตามองไปรอบข้าง เขากำลังสงสัยว่านี้เป็นสัญญาณลับระหว่างเฉินฝานและตวนซินอ๋องหรือไม่“ถูกต้องทั้งหมด ๆ!”ตวนซินอ๋องดีใจออกนอกหน้าเดินไปกอดเฉินฝาน “เจ้าพูดรหัสลับของการเล่นทายตัวเลขถูกทั้งหมด เจ้าเป็นลูกเขยที่แสนดีของข้าจริงๆด้วย เจ้ายังมีชีวิตดังคาดสินะ”กำปั้นแห่งความปีติของตวนซินอ๋อง ทุบไปหลังเฉินฝานครั้งแล้วครั้งเล่าเฉินฝานรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เขาจวนจะถูกพ่อตาของตนเองตบหลังจนแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว“ชาวบ้านใจกล้า ก่อความวุ่