ฉินเย่ว์โหรวที่อยู่บนเตียงเรี่ยวแรงยิ่งโรยราลงไปเรื่อยๆพวกเย่ว์เจียวเสียเวลาอยู่ด้านนอกไปนานขนาดนั้น น้ำคร่ำของฉินเย่ว์โหรวแตกแล้ว รอให้หมอตำแยมาทำคลอดก็ไม่ทันแล้ว“เย่ว์เจียว มา!”เฉินฝานอุ้มฉินเย่ว์โหรวเดินออกไปด้านนอกทันทีด้านนอกประตูใหญ่จวนเฉิน เต็มไปด้วยความโกลาหลวุ่นวายผู้คนด้านในสามชั้น ด้านนอกสามชั้นล้อมบ้านเฉินฝานไว้ ฉินเย่ว์เจียวและหลี่ซานที่อยากจะพุ่งออกไป ถูกคนที่ขวางประตูเบียดเสียดปะปนเข้าด้วยกัน ฉินเย่ว์เจียวอยากหยิบธนูขึ้นมาก็ยังทำไม่ได้เลยเพราะคนพวกนั้นเบียดนางจนไม่มีช่องว่างแม้แต่น้อยจางเจิ้งห้าวส่งนักว่าการมาจำนวนมาก ทว่านักว่าการก็เยอะไม่เท่ากับราษฎรอยู่ดี พวกเขาเองก็ถูกห้อมล้อมจนขยับไปไหนไม่ได้เช่นกันเสียงโวยวาย เสียงตะโกน เสียงกรนด่าผสมปนเปกันไปหมด“อ้าก!”ฉินเย่ว์โหรวที่แต่เดิมก็ทรมานมากอยู่แล้ว เสียงเอะอะโวยวายเหล่านี้ทำให้นางสติแตกกระเจิงทันทีนางปิดหูพลางกรีดร้องทว่าการกรีดร้องทำให้นางอ่อนแอลงกว่าเดิม เสี่ยงอันตรายมากขึ้น“เย่ว์โหรว เพื่อลูก เจ้าต้องสงบสติอารมณ์นะ” เฉินฝานใช้เสื้อผ้าปกปิดนางไว้ เพื่อเสียงที่จะมากระทบกับโสตประสาทของนางเบาลง
ผ่านไปชั่วครู่เดียว คนที่ถือมีดทำครัวรุดหน้าขึ้นมา หยุดอยู่ตรงนั้นไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย ราวกับว่าถูกตอกติดกับพื้นดินรังสีอาฆาตในแววตาของเฉินฝานไร้สิ่งปกปิด ทำให้พวกเขาอกสั่นขวัญแขวนตอนนี้ เขาไม่ใช่มนุษย์ เขาคือเทพแห่งความตายทุกตัวอักษรในคำพูดของเขาล้วนเป็นกลิ่นอายแห่งความตายเฉินฝานอุ้มฉินเย่ว์โหรว ค่อยๆรุดหน้าไปทีละก้าว คนที่ปิดล้อมเขาไว้ก็ถอยไปเรื่อยๆเช่นกันไม่มีใครกล้าสกัดกั้นไว้!“อย่าไปกลัว เขาแค่ขู่ขวัญพวกเรา!”“ปิดล้อมเขาไว้ จะให้เขาออกไปไม่ได้!”ชางเฟยอวี่คอแหบแห้งไปหมดแล้ว ทว่าคนเหล่านั้นราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเขา คนที่ถอยหนีก็ยังคงถอยต่อไปหลังจากปีศาจร้ายออกมาน่าหวาดกลัว ทว่าเฉินฝานในตอนนี้น่าหวาดกลัวกว่าเสียอีก“เย่ว์เจียว เร็วเข้า รีบเอารถม้าไปจอดที่ประตูหน้า”หลี่ซานพูดเตือนฉินเย่ว์เจียวเฉินฝานในตอนนี้ สามารถเดินออกมาจากประตูใหญ่ได้สำเร็จ“โอ้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”ฉินเย่ว์เจียวกระโดดทะยานสองสามก้าว ก็หายวับไปแล้วหลี่ซานตกตะลึงฝีมือของฉินเย่ว์เจียว ถูกเฉินฝานฝึกฝนให้เก่งกาจขนาดนั้นแล้วหรือ?!ประตูหน้าตระกูลเฉิน“นายท่าน ข้า......ท้อง......เจ็บปวดเหลือ
เฉินฝานถอดเสื้อด้านนอกของตัวเองออก มัดเข้ากับสองข้างของรถม้าอย่างคล่องแคล่ว ในขณะเดียวกันก็ออกคำสั่งกับฉินเย่ว์เจียวที่ตะลึงงันจนยืนแข็งทื่อเหมือนหุ่นไก่ “ไม่ต้องตะลึง ไม่ต้องตกใจ ตอนนี้เจ้าเข้าไปในจวน เอาเสื้อผ้ากับผ้าห่มผืนเล็กของเย่ว์โหรวออกมา ให้เสาเย่าต้มน้ำร้อนสองสามหม้อใหญ่ ให้เหมยกุ้ยเอามุ้งกันยุงที่ซักใหม่ ตัดออกมาเป็นชิ้นๆเอาไปทำผ้าพันแผลให้ข้า แล้วก็ให้เย่ว์จี้เอากรรไกรไปอังไฟให้ขึ้นสีแดง หลังจากนั้นก็เอามาให้ข้าทั้งหมด”“......ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้!”ในสถานการณ์แบบนี้จะมาถามว่าเจ้าทำคลอดเป็นหรือไม่ มันก็ไม่มีความหมายแล้วไม่นานนักฉินเย่ว์เจียวหอบกองเสื้อผ้าและผ้าห่มผืนเล็กๆมาเหมยกุ้ยหอบผ้าพันแผลที่ทำจากมุ้งกันยุงกองใหญ่มาเย่ว์จี้นำกรรไกรสองสามอันที่อั่งไฟจนขึ้นสีแดงมาเช่นกันเสาเย่าพาสาวใช้คนอื่นยกน้ำร้อนออกมาจากในจวนทีละอ่าง“เย่ว์โหรว!”เฉินฝานพยุงฉินเย่ว์โหรวที่หมดสติขึ้นมา“จะหลับไม่ได้นะ ถ้าเจ้าหลับไป เหล่าลูกน้อยจะหลับไปตลอดกาล เพื่อเหล่าลูกน้อย เจ้าต้องแข็งแกร่งนะ”หญิงสาวที่เดิมอ่อนแอ ในการเป็นแม่ต้องแข็งแกร่งเมื่อได้ยินว่าหากนางหลับไป ลูกน้อยในท้อง
ลูกชายหรือลูกสาว?ฉินเย่ว์เจียวหันหน้ากลับไปพร้อมใช้สายตาถามเฉินฝานเอ่อ...เฉินฝานชะงักครู่หนึ่งภายในใจของเขาคิดเพียงขอให้ฉินเย่ว์โหรวและลูกปลอดภัย ไม่ได้สนใจว่าลูกจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิง“เจ้าเปิดก็ได้คำตอบแล้วไม่ใช่หรือ”เฉินฝานเป็นห่วงแต่ฉินเย่ว์โหรว ในท้องของฉินเย่ว์โหรวมีทารกอีกคนที่ยังไม่ออกมา“เย่ว์โหรว มีลูกน้อยที่ยังไม่ออกมา สู้ๆ ออกแรงหน่อย ออกแรงอีกหน่อย!”เฉินฝานให้กำลังใจ พร้อมกดท้องฉินเย่ว์โหรวลงเบาๆเขาจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนเขาช่วยต้าฮวงทำคลอด มารดาในฐานะหมอผดุงครรภ์สอนเขาแบบนี้ตอนศีรษะของทารกน้อยไม่ออกมา ให้กดท้องลง เพื่อให้ทารกลื่นไหล หลังจากรอศีรษะออกมา...ขณะเฉินฝานและฉินเย่ว์โหรวกำลังขะมักเขม้นคลอดลูก ทางด้านฉินเย่ว์เจียวเปิดผ้าของทารกน้อยด้วยความระมัดระวัง“เป็นเด็กผู้ชาย เด็กผู้ชาย!”เสียงร้องด้วยความดีใจของฉินเย่ว์เจียว ดังก้อง“จริงหรือเจ้าคะ?” เหมยกุ้ย เย่ว์จี้และสาวใช้คนอื่นๆ และวิ่งมาล้อมวง“จริงๆ ด้วย นายท่านของเรามีลูกแล้ว ทั้งยังเป็นลูกชาย”เสียงของสาวใช้ดังก้อง ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ บางคนถึงขั้นร้องไห้ทุกวันที่ผ่านมา พวกนางถ
“เฉินฝานออกมาแล้ว!”ไม่รู้ว่าเป็นเพราะยังกลัวคำพูดคำนั้นของเฉินฝานหรือไม่ ให้พวกเขาชดใช้ด้วยความตายหลังจากเฉินฝานออกมาจากรถม้า คนพวกนั้นก็หยุดเงียบ“ทุกคนไม่ต้องกลัวเขา คำพูดของเขาเพียงขู่ให้หวาดกลัวเท่านั้น พวกเรามีตั้งมากมาย ยังจะสู้เขาไม่ได้หรือ...”“ฟิ้ว!”เฉินฝานคว้าไข่มุกบนผมของฉินเย่ว์เจียวออกมาชางเฟยอวี่ไม่กล้าพูดให้จบประโยค ซ่อนตัวอยู่หลังบ่าวรับใช้ของตนเองราวกับนกกระทา เฉินฝานทำตาเขาบอดไปข้างหนึ่งแล้ว เขากลัวจะเสียตาอีกข้างหนึ่งไปมือของเฉินฝานจับไข่มุกแน่น ลงจากรถม้า เดินไปหาชางเฟยอวี่ทีละก้าว“เฉินฝาน!” ชางเฟยอวี่แกล้งทำเป็นนิ่งสงบ เขาร้องตะโกนด้านหลังบ่าวรับใช้ด้วยความโอหัง “เจ้าอยากจะทำเหมือนเดิม อยากทำร้ายดวงตาของข้าอีก ข้าขอบอกเจ้า ฝันไปเถอะ ตอนนี้คนมากมายกำลังมองดูอยู่ ขอเพียงเจ้ากล้าลงไม้ลงมือ ข้าจะร้องเรียนเจ้าแน่นอน ให้เจ้าใช้ชีวิตอยู่ในคุกตลอดไป!”“เสี่ยวฝาน อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม” จางเจิ้งห้าวเตือนเฉินฝานเสียงเบาครั้งก่อนตระกูลชางตั้งตัวไม่ทัน พวกเขาจึงทำสำเร็จสำหรับความโอหังของชางเฟยอวี่และการตักเตือนของจางเจิ้งห้าว เฉินฝานราวกับไม่ได้ยินอย่างไรอย่างนั
พวกชางเฟยอวี่อยากใช้ความเชื่อเป็นเครื่องมือในการทำร้ายเขา คิดว่าเขาใช้บ้างไม่เป็นหรืออย่างไร?”“เฉินฝาน ความหมายของเจ้าคือ...ลูกชายสี่คนของเจ้า เทพอัปสรผู้ประทานบุตรเป็นคนประทานให้เช่นนั้นหรือ?” มีคนถามเฉินฝาน“ถูกต้อง!”เฉินฝานพยักหน้า พูดด้วยความถ่อมตน “วันนั้น ข้าอยู่ที่วัดเทพอัปสร เปิดเผยความจริงที่ว่าชิงอวิ๋นอ้างแอบเทพอัปสรผู้ประทานบุตรในการรีดไถเงินและทำร้ายผู้ศรัทธาที่บริสุทธิ์”“คืนวันนั้น เทพอัปสรผู้ประทานบุตรมาเข้าฝันข้า บอกว่าพวกมารร่วมมือกับตระกูลชาง อ้างชื่อของท่านเทพในการขูดรีดเงิน ท่านเทพจะประทานบุตรให้ข้าสี่คน ช่วยข้ากำจัดมารร้าย!”“ฮ่าๆๆ!” ชางเฟยอวี่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าพูดจาหยาบคายในวัดเทพอัปสร ท่านเทพมาเข้าฝันเจ้าเนี่ยนะ? ทั้งยังประทานบุตรชายให้สี่คน? นี่เป็นเรื่องตลกจริงๆ คำพูดเช่นนี้ เจ้ากล้าพูดออกมาได้”เฉินฝานหันไปช้าๆ ส่วนลึกในดวงตาของเขา ฉายลำแสงแห่งความเย็นยะเยือก“ตระกูลชางของพวกเจ้าร่วมมือกับชิงอวิ๋น ขูดรีดไถเงินทุกปี แท้จริงแล้วท่านเทพอัปสรประทานบุตรทุกวันที่หนึ่งเดือนห้าของทุกปี แต่ท่านเทพไม่เคยกำหนดเวลาในการประทาน เจ้าชางเฟยอวี่กลัวความลำบาก ไ
ตั้งแต่ตอนที่เขาลงจากรถม้า เฉินฝานบอกหลี่ซานแล้วว่า ให้เขานำผู้คุ้มกันของตระกูลเฉินและตระกูลหลี่ไปเฝ้าประตูด้านหลังเรือนของตระกูลชาง“หลี่ซาน!”เวลานี้ ชางเฟยอวี่เพิ่งพบว่าหลี่ซานไม่อยู่เฉินฝานพยักหน้า “ถูกต้อง หลี่ซาน ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ประตูหลังเรือนเจ้าแล้ว”“หึ!” จู่ๆ ชางเฟยอวี่ก็นิ่งสงบลง เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อยแสยะยิ้มให้เฉินฝาน “เจ้าคิดว่าเรือนข้า มีพวกบ่าวรับใช้แค่นี้หรือ? เจ้าคิดว่าเหตุใดเย่ว์หนูจึงเกือบตาย?”“ดังนั้น...” เฉินฝานตอบช้าๆ อย่างไม่ยี่หร่ะ “พวกเจ้าดูถูกผู้หญิงมากไปแล้ว ตอนนี้ด้านหลังเรือนของข้ามีศพบุรุษสองศพนอนอยู่ตรงนั้น คนที่สังหารพวกเขา คือเย่ว์หนู”หากไม่ใช่เพื่อปกป้องฉินเย่ว์หรู เย่ว์หนูจะบาดเจ็บสาหัสแบบนั้นได้อย่างไรสีหน้าของชางเฟยอวี่ซีดขาวในทันที “ไม่ เป็นไปไม่ได้!”เฉินฝานปัดแขนเสื้อ ซึ่งเปื้อนน้ำลายของชางเฟยอวี่ที่ถ่มมา “เป็นไปได้หรือไม่นั้น ตอนนี้เจ้ากลับเรือนไปดูก็สิ้นเรื่องแล้ว”ณ ตระกูลชางความ ‘สง่าดั่งเซียน’ ของชิงอวิ๋นเลือนหายไปหมดแล้ว พร้อมกับความดูแคลนของเขาที่มีต่อเฉินฝานเมื่อครู่ก็ไม่เหลือแล้วเขาสวมใส่เสื้อผ้าของบ่าวรับใช้ผู้ทำหน้าท
เฉินเจียงสะบัดแขนเสื้อ “ข้าเนี่ยนะกลัวหัวขโมยเยี่ยงเขา? เพียงเห็นว่าเขาหลอกลวงทุกคน ข้าไม่สบายใจก็เท่านั้น ลูกชายสี่คนในท้องเดียว ช่างเป็นเรื่องน่าขันจริงๆ!”“หลอกลวงทุกคน? เฉินเจียง เจ้าหมายความว่าเฉินฝานหลอกลวงพวกเราหรือ? ทั้งยังข้องเกี่ยวกับทารกชายสี่คนนั้นด้วย? เฉินเจียง เจ้ารีบอธิบายมา”ชาวบ้านร้อนใจอยากรู้วันนี้พวกเขาถูกตระกูลชางและชิงอวิ๋นใช้เป็นเครื่องมือแล้ว ไม่อยากถูกหลอกอีกแล้วเฉินเจียงประสานมือโค้งคำนับ “ข้าขอโทษทุกคน ณ ที่นี่ด้วย นี่คือเรื่องน่าอายของวงศ์ตระกูล ไม่ควรป่าวประกาศ แต่ว่า...”พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของเฉินเจียงฉายความเจ็บปวดและรู้สึกผิด“คิดไม่ถึงจริงๆ สิ่งที่ข้าคิดว่าเป็นเรื่องน่าอายของตระกูล เฉินฝานเองก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าอาย กลับเป็นแผนการที่เขาวางไว้”“วันนั้น เฉินฝานเชิญข้าไปที่จวน บนโต๊ะเต็มไปด้วยสุรา เขาร้องไห้บอกกับข้า เดิมทีเขาเป็นเหมือนข้าได้ สอบขุนนางสร้างชื่อเสียง แต่น่าเสียดายที่ไม่อาจมีลูก ข้าสงสารเขา จึงดื่มเป็นเพื่อนเขา โดยไม่รู้เลยว่า...”“เขาวางยาในสุราของข้า ตอนข้าตื่นขึ้นมา พบว่า...พบว่าหลานสะใภ้เย่ว์โหรวนอนอยู่ข้างกาย หลังจากนั้นไ
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ