ฉินเย่ว์โหรวที่อยู่บนเตียงเรี่ยวแรงยิ่งโรยราลงไปเรื่อยๆพวกเย่ว์เจียวเสียเวลาอยู่ด้านนอกไปนานขนาดนั้น น้ำคร่ำของฉินเย่ว์โหรวแตกแล้ว รอให้หมอตำแยมาทำคลอดก็ไม่ทันแล้ว“เย่ว์เจียว มา!”เฉินฝานอุ้มฉินเย่ว์โหรวเดินออกไปด้านนอกทันทีด้านนอกประตูใหญ่จวนเฉิน เต็มไปด้วยความโกลาหลวุ่นวายผู้คนด้านในสามชั้น ด้านนอกสามชั้นล้อมบ้านเฉินฝานไว้ ฉินเย่ว์เจียวและหลี่ซานที่อยากจะพุ่งออกไป ถูกคนที่ขวางประตูเบียดเสียดปะปนเข้าด้วยกัน ฉินเย่ว์เจียวอยากหยิบธนูขึ้นมาก็ยังทำไม่ได้เลยเพราะคนพวกนั้นเบียดนางจนไม่มีช่องว่างแม้แต่น้อยจางเจิ้งห้าวส่งนักว่าการมาจำนวนมาก ทว่านักว่าการก็เยอะไม่เท่ากับราษฎรอยู่ดี พวกเขาเองก็ถูกห้อมล้อมจนขยับไปไหนไม่ได้เช่นกันเสียงโวยวาย เสียงตะโกน เสียงกรนด่าผสมปนเปกันไปหมด“อ้าก!”ฉินเย่ว์โหรวที่แต่เดิมก็ทรมานมากอยู่แล้ว เสียงเอะอะโวยวายเหล่านี้ทำให้นางสติแตกกระเจิงทันทีนางปิดหูพลางกรีดร้องทว่าการกรีดร้องทำให้นางอ่อนแอลงกว่าเดิม เสี่ยงอันตรายมากขึ้น“เย่ว์โหรว เพื่อลูก เจ้าต้องสงบสติอารมณ์นะ” เฉินฝานใช้เสื้อผ้าปกปิดนางไว้ เพื่อเสียงที่จะมากระทบกับโสตประสาทของนางเบาลง
ผ่านไปชั่วครู่เดียว คนที่ถือมีดทำครัวรุดหน้าขึ้นมา หยุดอยู่ตรงนั้นไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย ราวกับว่าถูกตอกติดกับพื้นดินรังสีอาฆาตในแววตาของเฉินฝานไร้สิ่งปกปิด ทำให้พวกเขาอกสั่นขวัญแขวนตอนนี้ เขาไม่ใช่มนุษย์ เขาคือเทพแห่งความตายทุกตัวอักษรในคำพูดของเขาล้วนเป็นกลิ่นอายแห่งความตายเฉินฝานอุ้มฉินเย่ว์โหรว ค่อยๆรุดหน้าไปทีละก้าว คนที่ปิดล้อมเขาไว้ก็ถอยไปเรื่อยๆเช่นกันไม่มีใครกล้าสกัดกั้นไว้!“อย่าไปกลัว เขาแค่ขู่ขวัญพวกเรา!”“ปิดล้อมเขาไว้ จะให้เขาออกไปไม่ได้!”ชางเฟยอวี่คอแหบแห้งไปหมดแล้ว ทว่าคนเหล่านั้นราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเขา คนที่ถอยหนีก็ยังคงถอยต่อไปหลังจากปีศาจร้ายออกมาน่าหวาดกลัว ทว่าเฉินฝานในตอนนี้น่าหวาดกลัวกว่าเสียอีก“เย่ว์เจียว เร็วเข้า รีบเอารถม้าไปจอดที่ประตูหน้า”หลี่ซานพูดเตือนฉินเย่ว์เจียวเฉินฝานในตอนนี้ สามารถเดินออกมาจากประตูใหญ่ได้สำเร็จ“โอ้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”ฉินเย่ว์เจียวกระโดดทะยานสองสามก้าว ก็หายวับไปแล้วหลี่ซานตกตะลึงฝีมือของฉินเย่ว์เจียว ถูกเฉินฝานฝึกฝนให้เก่งกาจขนาดนั้นแล้วหรือ?!ประตูหน้าตระกูลเฉิน“นายท่าน ข้า......ท้อง......เจ็บปวดเหลือ
เฉินฝานถอดเสื้อด้านนอกของตัวเองออก มัดเข้ากับสองข้างของรถม้าอย่างคล่องแคล่ว ในขณะเดียวกันก็ออกคำสั่งกับฉินเย่ว์เจียวที่ตะลึงงันจนยืนแข็งทื่อเหมือนหุ่นไก่ “ไม่ต้องตะลึง ไม่ต้องตกใจ ตอนนี้เจ้าเข้าไปในจวน เอาเสื้อผ้ากับผ้าห่มผืนเล็กของเย่ว์โหรวออกมา ให้เสาเย่าต้มน้ำร้อนสองสามหม้อใหญ่ ให้เหมยกุ้ยเอามุ้งกันยุงที่ซักใหม่ ตัดออกมาเป็นชิ้นๆเอาไปทำผ้าพันแผลให้ข้า แล้วก็ให้เย่ว์จี้เอากรรไกรไปอังไฟให้ขึ้นสีแดง หลังจากนั้นก็เอามาให้ข้าทั้งหมด”“......ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้!”ในสถานการณ์แบบนี้จะมาถามว่าเจ้าทำคลอดเป็นหรือไม่ มันก็ไม่มีความหมายแล้วไม่นานนักฉินเย่ว์เจียวหอบกองเสื้อผ้าและผ้าห่มผืนเล็กๆมาเหมยกุ้ยหอบผ้าพันแผลที่ทำจากมุ้งกันยุงกองใหญ่มาเย่ว์จี้นำกรรไกรสองสามอันที่อั่งไฟจนขึ้นสีแดงมาเช่นกันเสาเย่าพาสาวใช้คนอื่นยกน้ำร้อนออกมาจากในจวนทีละอ่าง“เย่ว์โหรว!”เฉินฝานพยุงฉินเย่ว์โหรวที่หมดสติขึ้นมา“จะหลับไม่ได้นะ ถ้าเจ้าหลับไป เหล่าลูกน้อยจะหลับไปตลอดกาล เพื่อเหล่าลูกน้อย เจ้าต้องแข็งแกร่งนะ”หญิงสาวที่เดิมอ่อนแอ ในการเป็นแม่ต้องแข็งแกร่งเมื่อได้ยินว่าหากนางหลับไป ลูกน้อยในท้อง
ลูกชายหรือลูกสาว?ฉินเย่ว์เจียวหันหน้ากลับไปพร้อมใช้สายตาถามเฉินฝานเอ่อ...เฉินฝานชะงักครู่หนึ่งภายในใจของเขาคิดเพียงขอให้ฉินเย่ว์โหรวและลูกปลอดภัย ไม่ได้สนใจว่าลูกจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิง“เจ้าเปิดก็ได้คำตอบแล้วไม่ใช่หรือ”เฉินฝานเป็นห่วงแต่ฉินเย่ว์โหรว ในท้องของฉินเย่ว์โหรวมีทารกอีกคนที่ยังไม่ออกมา“เย่ว์โหรว มีลูกน้อยที่ยังไม่ออกมา สู้ๆ ออกแรงหน่อย ออกแรงอีกหน่อย!”เฉินฝานให้กำลังใจ พร้อมกดท้องฉินเย่ว์โหรวลงเบาๆเขาจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนเขาช่วยต้าฮวงทำคลอด มารดาในฐานะหมอผดุงครรภ์สอนเขาแบบนี้ตอนศีรษะของทารกน้อยไม่ออกมา ให้กดท้องลง เพื่อให้ทารกลื่นไหล หลังจากรอศีรษะออกมา...ขณะเฉินฝานและฉินเย่ว์โหรวกำลังขะมักเขม้นคลอดลูก ทางด้านฉินเย่ว์เจียวเปิดผ้าของทารกน้อยด้วยความระมัดระวัง“เป็นเด็กผู้ชาย เด็กผู้ชาย!”เสียงร้องด้วยความดีใจของฉินเย่ว์เจียว ดังก้อง“จริงหรือเจ้าคะ?” เหมยกุ้ย เย่ว์จี้และสาวใช้คนอื่นๆ และวิ่งมาล้อมวง“จริงๆ ด้วย นายท่านของเรามีลูกแล้ว ทั้งยังเป็นลูกชาย”เสียงของสาวใช้ดังก้อง ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ บางคนถึงขั้นร้องไห้ทุกวันที่ผ่านมา พวกนางถ
“เฉินฝานออกมาแล้ว!”ไม่รู้ว่าเป็นเพราะยังกลัวคำพูดคำนั้นของเฉินฝานหรือไม่ ให้พวกเขาชดใช้ด้วยความตายหลังจากเฉินฝานออกมาจากรถม้า คนพวกนั้นก็หยุดเงียบ“ทุกคนไม่ต้องกลัวเขา คำพูดของเขาเพียงขู่ให้หวาดกลัวเท่านั้น พวกเรามีตั้งมากมาย ยังจะสู้เขาไม่ได้หรือ...”“ฟิ้ว!”เฉินฝานคว้าไข่มุกบนผมของฉินเย่ว์เจียวออกมาชางเฟยอวี่ไม่กล้าพูดให้จบประโยค ซ่อนตัวอยู่หลังบ่าวรับใช้ของตนเองราวกับนกกระทา เฉินฝานทำตาเขาบอดไปข้างหนึ่งแล้ว เขากลัวจะเสียตาอีกข้างหนึ่งไปมือของเฉินฝานจับไข่มุกแน่น ลงจากรถม้า เดินไปหาชางเฟยอวี่ทีละก้าว“เฉินฝาน!” ชางเฟยอวี่แกล้งทำเป็นนิ่งสงบ เขาร้องตะโกนด้านหลังบ่าวรับใช้ด้วยความโอหัง “เจ้าอยากจะทำเหมือนเดิม อยากทำร้ายดวงตาของข้าอีก ข้าขอบอกเจ้า ฝันไปเถอะ ตอนนี้คนมากมายกำลังมองดูอยู่ ขอเพียงเจ้ากล้าลงไม้ลงมือ ข้าจะร้องเรียนเจ้าแน่นอน ให้เจ้าใช้ชีวิตอยู่ในคุกตลอดไป!”“เสี่ยวฝาน อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม” จางเจิ้งห้าวเตือนเฉินฝานเสียงเบาครั้งก่อนตระกูลชางตั้งตัวไม่ทัน พวกเขาจึงทำสำเร็จสำหรับความโอหังของชางเฟยอวี่และการตักเตือนของจางเจิ้งห้าว เฉินฝานราวกับไม่ได้ยินอย่างไรอย่างนั
พวกชางเฟยอวี่อยากใช้ความเชื่อเป็นเครื่องมือในการทำร้ายเขา คิดว่าเขาใช้บ้างไม่เป็นหรืออย่างไร?”“เฉินฝาน ความหมายของเจ้าคือ...ลูกชายสี่คนของเจ้า เทพอัปสรผู้ประทานบุตรเป็นคนประทานให้เช่นนั้นหรือ?” มีคนถามเฉินฝาน“ถูกต้อง!”เฉินฝานพยักหน้า พูดด้วยความถ่อมตน “วันนั้น ข้าอยู่ที่วัดเทพอัปสร เปิดเผยความจริงที่ว่าชิงอวิ๋นอ้างแอบเทพอัปสรผู้ประทานบุตรในการรีดไถเงินและทำร้ายผู้ศรัทธาที่บริสุทธิ์”“คืนวันนั้น เทพอัปสรผู้ประทานบุตรมาเข้าฝันข้า บอกว่าพวกมารร่วมมือกับตระกูลชาง อ้างชื่อของท่านเทพในการขูดรีดเงิน ท่านเทพจะประทานบุตรให้ข้าสี่คน ช่วยข้ากำจัดมารร้าย!”“ฮ่าๆๆ!” ชางเฟยอวี่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าพูดจาหยาบคายในวัดเทพอัปสร ท่านเทพมาเข้าฝันเจ้าเนี่ยนะ? ทั้งยังประทานบุตรชายให้สี่คน? นี่เป็นเรื่องตลกจริงๆ คำพูดเช่นนี้ เจ้ากล้าพูดออกมาได้”เฉินฝานหันไปช้าๆ ส่วนลึกในดวงตาของเขา ฉายลำแสงแห่งความเย็นยะเยือก“ตระกูลชางของพวกเจ้าร่วมมือกับชิงอวิ๋น ขูดรีดไถเงินทุกปี แท้จริงแล้วท่านเทพอัปสรประทานบุตรทุกวันที่หนึ่งเดือนห้าของทุกปี แต่ท่านเทพไม่เคยกำหนดเวลาในการประทาน เจ้าชางเฟยอวี่กลัวความลำบาก ไ
ตั้งแต่ตอนที่เขาลงจากรถม้า เฉินฝานบอกหลี่ซานแล้วว่า ให้เขานำผู้คุ้มกันของตระกูลเฉินและตระกูลหลี่ไปเฝ้าประตูด้านหลังเรือนของตระกูลชาง“หลี่ซาน!”เวลานี้ ชางเฟยอวี่เพิ่งพบว่าหลี่ซานไม่อยู่เฉินฝานพยักหน้า “ถูกต้อง หลี่ซาน ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ประตูหลังเรือนเจ้าแล้ว”“หึ!” จู่ๆ ชางเฟยอวี่ก็นิ่งสงบลง เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อยแสยะยิ้มให้เฉินฝาน “เจ้าคิดว่าเรือนข้า มีพวกบ่าวรับใช้แค่นี้หรือ? เจ้าคิดว่าเหตุใดเย่ว์หนูจึงเกือบตาย?”“ดังนั้น...” เฉินฝานตอบช้าๆ อย่างไม่ยี่หร่ะ “พวกเจ้าดูถูกผู้หญิงมากไปแล้ว ตอนนี้ด้านหลังเรือนของข้ามีศพบุรุษสองศพนอนอยู่ตรงนั้น คนที่สังหารพวกเขา คือเย่ว์หนู”หากไม่ใช่เพื่อปกป้องฉินเย่ว์หรู เย่ว์หนูจะบาดเจ็บสาหัสแบบนั้นได้อย่างไรสีหน้าของชางเฟยอวี่ซีดขาวในทันที “ไม่ เป็นไปไม่ได้!”เฉินฝานปัดแขนเสื้อ ซึ่งเปื้อนน้ำลายของชางเฟยอวี่ที่ถ่มมา “เป็นไปได้หรือไม่นั้น ตอนนี้เจ้ากลับเรือนไปดูก็สิ้นเรื่องแล้ว”ณ ตระกูลชางความ ‘สง่าดั่งเซียน’ ของชิงอวิ๋นเลือนหายไปหมดแล้ว พร้อมกับความดูแคลนของเขาที่มีต่อเฉินฝานเมื่อครู่ก็ไม่เหลือแล้วเขาสวมใส่เสื้อผ้าของบ่าวรับใช้ผู้ทำหน้าท
เฉินเจียงสะบัดแขนเสื้อ “ข้าเนี่ยนะกลัวหัวขโมยเยี่ยงเขา? เพียงเห็นว่าเขาหลอกลวงทุกคน ข้าไม่สบายใจก็เท่านั้น ลูกชายสี่คนในท้องเดียว ช่างเป็นเรื่องน่าขันจริงๆ!”“หลอกลวงทุกคน? เฉินเจียง เจ้าหมายความว่าเฉินฝานหลอกลวงพวกเราหรือ? ทั้งยังข้องเกี่ยวกับทารกชายสี่คนนั้นด้วย? เฉินเจียง เจ้ารีบอธิบายมา”ชาวบ้านร้อนใจอยากรู้วันนี้พวกเขาถูกตระกูลชางและชิงอวิ๋นใช้เป็นเครื่องมือแล้ว ไม่อยากถูกหลอกอีกแล้วเฉินเจียงประสานมือโค้งคำนับ “ข้าขอโทษทุกคน ณ ที่นี่ด้วย นี่คือเรื่องน่าอายของวงศ์ตระกูล ไม่ควรป่าวประกาศ แต่ว่า...”พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของเฉินเจียงฉายความเจ็บปวดและรู้สึกผิด“คิดไม่ถึงจริงๆ สิ่งที่ข้าคิดว่าเป็นเรื่องน่าอายของตระกูล เฉินฝานเองก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าอาย กลับเป็นแผนการที่เขาวางไว้”“วันนั้น เฉินฝานเชิญข้าไปที่จวน บนโต๊ะเต็มไปด้วยสุรา เขาร้องไห้บอกกับข้า เดิมทีเขาเป็นเหมือนข้าได้ สอบขุนนางสร้างชื่อเสียง แต่น่าเสียดายที่ไม่อาจมีลูก ข้าสงสารเขา จึงดื่มเป็นเพื่อนเขา โดยไม่รู้เลยว่า...”“เขาวางยาในสุราของข้า ตอนข้าตื่นขึ้นมา พบว่า...พบว่าหลานสะใภ้เย่ว์โหรวนอนอยู่ข้างกาย หลังจากนั้นไ
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ