Share

บทที่ 466

Author: เฉินเจียเสี่ยวเกอ
“เจ้าเดิน ผู้ใดบอกว่าจะให้เจ้านั่งรถม้าเล่า?”

แม้รถม้าจะใหญ่มากพอ เพ่ยจี้ก็ไม่มีทางให้หลี่หงโห่วขึ้นไปนั่ง

“ข้าน้อย เดิน เดินหรือขอรับ?”

เจ้าเมืองขุนนางขั้นห้า ยกรถม้าให้บัณฑิต แล้วตนเดินเองเนี่ยนะ!

นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งแรก ตลอดหลายร้อยปีนับตั้งแต่ก่อตั้งราชวงศ์ต้าชิ่ง

แววตาของเพ่ยจี้ลุ่มลึง จ้องเขม็งไปที่หลี่หงโห่ว “ทำไม? ร่างกายของเจ้า แค่เดินก็เดินไม่ได้แล้วหรือ? หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะรายงานฝ่าบาท ให้เจ้าเกษียณก่อนกำหนด”

“จอมพล สุขภาพร่างกายของข้าน้อยยังแข็งแรงดีขอรับ เดินได้ เดินได้!”

หลี่หงโห่วไม่กล้าพูดพล่ามอีกแม้แต่คำเดียว หันไปบอกองครักษ์ของตน “เร็วเข้า บอกลุงเหอให้นำรถม้าออกมาจากที่ซ่อน แล้วรอตรงนั้น”

ไปถึงหน้ารถม้า เพ่ยจี้ชำเลืองมองเก้าอี้ที่วางอยู่ข้างรถม้า ใช้เท้าแตะ “เก้าอี้ตัวนี้ดูไม่แข็งแรงแม้แต่น้อย เจ้า!”

เพ่ยจี้ชี้ไปที่จางหย่งชุน “หลังจากวางเฉินฝาน คลานเข่าลงซะ!”

เขาจะให้จางหย่งชุนคลานเข่าเป็นเก้าอี้เหยียบขึ้นรถม้าให้กับเฉินฝาน

จางหย่งชุนไม่กล้าปฏิเสธ หลี่หงโห่วก็ไม่กล้าช่วยเขาพูด

“ผู้เฒ่า ข้าขึ้นไปเอง”

ลงจากหลังของจางหย่งชุน เฉินฝานกระโดดเล็กน้อย
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 467

    “ไม่ได้ขอรับ!”เฉินฝานไม่แม้แต่จะคิด ก็ปฏิเสธไปทันทีระเบิดมือจากดิน สำหรับคนยุคปัจจุบันอย่างเขา ไม่ใช่เรื่องยาก แต่สำหรับคนโบราณที่ไม่เข้าใจหลักการระเบิด และไม่อาจแยกแยะอัตราส่วนได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายพวกเฉียนลิ่ว ตอนนี้หากไม่มีเฉินฝานคอยชั่งสารต่างๆ พวกเขาก็ไม่อาจทำได้การสอนคนโบราณคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งยังมีอีกหนึ่งเหตุผลอีกหนึ่งเหตุผลก็คือ เฉินฝานยังไม่รู้จักเพ่ยจี้ดีเท่าใดนัก หากเขาเป็นคนทะเยอทะยาน เช่นนั้นเฉินฝานก็จะกลายเป็นคนบาปของแคว้นต้าชิ่งถอยอีกก้าว แม้เพ่ยจี้จะเป็นขุนนางจงรักภักดี ซื่อสัตย์ต่อราชวงศ์ต้าชิ่งแต่คนข้างกายเขาเล่า?เขาอายุมากแล้ว ไม่ช้าก็เร็วย่อมยกกองทัพหมาป่าให้ผู้อื่น“เสี่ยวฝาน” เพ่ยจี้ยังอยากจะขอร้องอีก“ไม่ได้ขอรับ ข้าบอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้ หากท่านยังพูดไม่จบ รถม้าคันนี้ ท่านนั่ง ข้าลง!”ขณะพูด เฉินฝานยื่นมือไปเปิดผ้าม่าน“อย่าๆๆ!” เพ่ยจี้รีบปรามเฉินฝาน “ระเบิดมือนั้น ข้าไม่เอาแล้ว ไม่เอาแล้ว!”เฉินฝานได้ยินเช่นนี้ค่อยนั่งลง“เสี่ยวฝาน ข้าไม่เอาระเบิดมือแล้ว เช่นนั้นเจ้าบอกข้าได้หรือไม่ หลุมของเจ้า แล้วก็รหัสคำต่างๆ เหล่านั้นแม้การโ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 468

    “เสี่ยวฝาน เจ้าอย่าเข้าใจผิด แม้ข้าไม่มีลูกชาย แต่ข้ามีลูกสาวสิบแปดคน ข้าเป็นชายแท้ หากเจ้าไม่เชื่อ!”เพ่ยจี้ยกมือขึ้น หยิบยกลูกสาวตนเองขึ้นมากล่าวคำสาบาน “หากข้าพูดโกหก ขอให้ลูกสาวทั้งหมดของข้าไม่อาจออกเรือน บรรดาลูกสาวที่ออกเรือนแล้วก็ขอให้พวกนางไม่มีลูกชาย”“...” เสี้ยววินาทีนี้ เฉินฝานรู้สึกปวดใจแทนลูกสาวของเพ่ยจี้ พ่อแบบนี้มีที่ไหน“หากท่านไม่มีปัญหา แล้วเหตุใดจู่ๆ จึงเหม่อลอยเล่า?”“ข้าเหม่อลอยหรือ? เฮ้อ เจ้าเป็นบัณฑิตไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงมีความรู้ด้านการทหารมากมายเช่นนี้ รู้สึกคล้ายเมื่อก่อนสู้รบบ่อยครั้งอย่างไรอย่างนั้นเพ่ยจี้ไม่เพียงไม่ตอบคำถามเฉินฝาน ยังเปลี่ยนบทสนทนามาสงสัยในตัวเฉินฝานแทนเฉินฝานมองเพ่ยจี้เงียบๆช่างเป็นชายชราแสนเจ้าเล่ห์จริงๆเรื่องเล็กน้อย ชายชราเจ้าเล่ห์เช่นนี้ ใช่ว่าเขาเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก“ท่านบอกว่าข้าเป็นบัณฑิตไม่ใช่หรือ ล้วนได้ความรู้มากจากการอ่านตำรับตำรา”“พ่อหนุ่มคนนี้!” เพ่ยจี้มองเฉินฝานอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “เจ้าช่างไม่ซื่อสัตย์ แคว้นของเราไม่อาจสั่งพิมพ์และขายตำราทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับด้านการทหาร แล้วเจ้าจะเคยอ่านเจอได้อย่าไง

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 469

    “เฉินฝานเปิดม่านมองออกไปเพ่ยจี้นั่งตรงตำแหน่งสารถี หลี่หงโห่วและจางหย่งชุนยืนอยู่ข้างรถม้าด้วยความเคารพ“ท่านจอมพล อำเภอผิงอันยากจน อาหารการกินและที่พักล้วนไม่สะดวกสบาย พักที่นี่ ลำบากท่านจอมพลแล้วขอรับ” จางหย่งชุนพูดอำเภอผิงอันเป็นจุดด่างพล้อยในชีวิตของเขา แม้แค่เพียงดื่มน้ำ จางหย่งชุนก็ไม่อยากอยู่สีหน้าของเพ่ยจี้ไม่สบอารมณ์ “ข้าเป็นทหารคอยออกรบ ความลำบากแค่นี้มีหรือที่จะทนรับไม่ได้?”“ไม่ขอรับ!” สีหน้าของหลี่หงโห่วซีดขาวทันที เขาส่งสายตาบอกจางหย่งชุนติดต่อกันเพ่ยจี้เป็นทหาร ทหารคนหนึ่งถือสาเรื่องอาหารการกินและที่พักไม่สุขสบาย เช่นนั้นก็หมายความว่าเขารักตัวกลัวตายไม่ใช่หรือ?เจ้าหมอเนี่ย เขาเกือบเดือดร้อนเพราะจางหย่งชุนแล้ว“จอมพล ท่านย่อมเป็นคนทนต่อความลำบากมากที่สุดของแคว้นต้าชิ่ง มิเช่นนั้นท่านจะเป็นผู้บัญชาการของกองทัพหมาป่าได้อย่างไร จะปกป้องพื้นที่ชายแดนของต้าชิ่งได้อย่างไร”ฟังถึงตรงนี้ จางหย่งชุนก็เข้าใจเขาตกใจรีบคุกเข่าลง พร้อมกับตนหน้าตนเองไม่หยุด “ข้าน้อยโง่เขลา ข้าน้อยโง่เขลา!”เพ่ยจี้มองจางหย่งชุนด้วยแววตาเย็นชา “เจ้าช่างโง่เขลาจริงๆ ไม่ต้องข้าน้อยอะไรแล้ว

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 470

    “ท่านจอมพล ท่านยังคงเหมือนเดิมชอบล้อเล่นกับข้าน้อยเสมอ...”“ข้าน้อยน้อมคารวะนายกอง ขอแสดงความยินดีกับนายกอง ยินดีด้วยขอรับนายกอง!”หลูเฉิงกวงยังพูดไม่จบ จางเจิ้งห้าวที่อยู่ข้างๆ เขาคุกเข่ากล่าวคำยินดีเสียงดัง“ปลัดอำเภอ ท่านยินดีบ้าบออะไร? ซื่อจริงๆ ท่านจอมพลอยู่นี่” หลูเฉิงกวงก้มหน้าตำหนิจางเจิ้งห้าวเพ่ยจี้เขกศีรษะหลูเฉิงกวงเบาๆ “ข้าว่าคนที่ซื่อที่สุดคือเจ้า ผ่านมาหลายปีแล้ว อายุมากขึ้นแล้ว แต่ความฉลาดกลับไม่มากขึ้น”“คารวะท่านนายกอง!”สิ้นเสียงของเพ่ยจี้ ทหารเฝ้าเมืองของหรงตูต่างคุกเข่าลง กล่าวคารวะนายกองเสียงดัง เสียงนั้นดังราวกับฟ้าคำราม“ท่านจอมพล ความหมายของท่านคือ หลูเฉิงกวงคือนายกองคนใหม่ที่ท่านส่งมาหรือขอรับ?”คำถามสติปัญญาต่ำเช่นนี้ พูดแล้วทำให้ตนดูโง่เขลา ทั้งยังทำให้เพ่ยจี้ไม่พอใจ แต่หลี่หงโห่วก็ยังคงถามเพราะเขาไม่อาจเชื่อได้จริงๆ ทั้งยังไม่อาจยอมรับได้ว่าหลูเฉิงกวงคือนายกองคนใหม่ของหรงตูคนที่ในอดีตเขาชักสีหน้าให้ตลอด กลายเป็นนายกองของเขา ความปลอดภัยในชีวิตอยู่ในมือนายกอง เขาจะไม่กลัวได้อย่างไร?“ถูกต้อง ทำไม เจ้ามีปัญหาหรือ?” น้ำเสียงของเพ่ยจี้ไม่สบอารมณ์“ข

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 471

    ใช่ เขาผู้เป็นเจ้าเมืองเมืองหรงตูกลัวเพียงสถานะถงเซิงของเฉินฝานเหตุผลแรก คือวิธีการของเฉินฝานน่ากลัวเกินมากเหตุผลที่สอง คือวันนี้เฉินฝานนั่งรถม้าของเขา แต่เขาเดินเหตุผลสองข้อนี้ เพียงข้อใดข้อหนึ่งก็ทำให้เขารู้สึกกระสับกระส่ายได้ทั้งนั้น“เสี่ยวฝาน เจ้าจะเข้าร่วมการสอบราชสำนัก?” เพ่ยจี้หันไปถามเฉินฝาน“ใช่!”เฉินฝานยังไม่ทันตอบกลับ หลี่หงโห่วก็แย่งตอบก่อน “นายพลมีอะไรบางอย่างที่ไม่รู้ เฉินฝานเข้าร่วมการสอบขุนนางปีแรกก็สอบได้อันดับหนึ่งของการสอบระดับมณฑลจากอำเภอผิงอันขอรับ”หลี่หงโห่วกล่าวยกย่องเฉินฝานเมื่อใดที่เฉินฝานเข้าร่วมการสอบขุนนาง เช่นนั้นแล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้เป็นนายกองทหารขอบข่ายของการสอบราชสำนักใหญ่กว่าการสอบระดับอำเภอและการสอบระดับมณฑลมาก นักเรียนจากสิบมณฑลของเมืองหรงตูที่สอบผ่านระดับมณฑลล้วนมาเข้าร่วมหมดและล้วนเป็นหัวกะทิทั้งนั้นอำเภอผิงอันเป็นอำเภอที่ยากจนที่สุดและเล็กที่สุดในเมืองหรงตู้ เฉินฝานสอบได้อันดับหนึ่งในอำเภอผิงอัน เมื่อไปสอบที่เมืองหรงตูก็อาจจะสอบไม่ผ่าน แม้ว่าเขาจะสอบผ่าน อย่างมากก็เป็นคนที่สอบระดับซิ่วไฉคนหนึ่งพอถึงครึ่งปีหลังยังมีการสอ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 472

    สำหรับอำเภอผิงอันที่เขาต้องการผนวกมากที่สุด ก็ไม่ถูกรวมเข้ากับอำเภอตูอัน นอกจากนี้อำเภอตูอันยังต้องช่วยอำเภอผิงอันจ่ายภาษีและชดเชยการรับราชการทหารเป็นเวลาสามปีหลังกลับมาจากอำเภอผิงอัน ลวี่เหลียงเจ๋อกระวนกระวายใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ตลอดเวลา การช่วยเหลือหนึ่งอำเภอจ่ายภาษีนั้นไม่สามารถทำได้ด้วยพ่อค้าเพียงไม่กี่ร้านค้า จำเป็นต้องเพิ่มการจ่ายภาษีของพลเมืองทั้งอำเภอจ่ายภาษีมากขึ้น อย่างมากพลเมืองแค่ด่าทอลับหลังไม่กี่คำแต่เพิ่มจำนวนการรับราชการทหาร……ในสามปีข้างหน้า เขาจะถูกพลเมืองด่าว่าเป็นขุนนางสุนัข ก็นับว่าเบาแล้วและหลังจากเพิ่มภาษีและจำนวนการรับราชการทหารเป็นเวลาสามปี อำเภอตูอันในฐานะเขตที่ร่ำรวยที่สุดของเมืองหรงตูจะไม่คงอยู่อีกต่อไป แผนการที่จะผนวกอำเภอผิงอันและกลายเป็นเจ้าเมืองของลวี่เหลียงเจ๋อก็ไม่ต้องคาดหวังอีกเช่นเดียวกันเฉินฝาน เฉินฝาน!ลวี่เหลียงเจ๋อกัดฟันเอ่ยชื่อของเฉินฝานทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเพราะเฉินฝาน หากไม่มีเขา เรื่องราวก็คงไม่กลายเป็นเช่นนี้เฉินฝาน รอก่อนเถอะ เจ้าไม่มีทางราบรื่นด้วยดีทุกเรื่อง!……“ฮัดชิ้ว ๆ ๆ!”ในห้องทำงาน เฉินฝานที่กำลังฝึกคัดลายมือ จามไ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 473

    “เสี่ยวฝาน!” เพ่ยจี้พูดสีหน้าจริงจัง “บังคับอะไรล่ะ ข้าทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อตัวเจ้า……”“เย่ว์เจียว!” เฉินฝานตะโกนไปที่ประตู “เก็บของของนายพล……”“ช้าก่อน ๆ! ข้าไม่พูดแล้ว ไม่พูดแล้ว” สีหน้าจริงจังในตอนแรกของเพ่ยจี้เปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้มประจบประแจงเฉินฝานจ้องเขม่นเพ่ยจี้หนึ่งที จากนั้นก็ก้มศีรษะหยิบพู่กันขึ้นมาใหม่“โห!” เพ่ยจี้เร็วกว่าหนึ่งก้าว เขาหยิบพู่กันของเฉินฝานขึ้นมา “เสี่ยวฝาน พู่กันนี่ของเจ้าสวยมาก!”“ข้ามีชีวิตนานเพียงนี้ เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นพู่กันที่งามเยี่ยงนี้ เจ้าซื้อมาจากที่ใดหรือ?” เพ่ยจี้เริ่มเล่นพู่กันของเฉินฝานเฉินฝานไม่ตอบเพ่ยจี้ เพียงยื่นมือออกไปหาเขา “เอามา!”“นี่ เสี่ยวฝาน เจ้าขี้เหนียวจริง ๆ ข้าขอมองสักหน่อยก็ไม่ได้” เพ่ยจี้บ่นในขณะที่......“แครก!”“อ้าว!”เพ่ยจี้มองพู่กันที่หักคามือแล้วตะโกน ต่อด้วยการกล่าวดูถูก “พู่กันนี้สวยนะ แต่คุณภาพแย่มาก ข้าแค่อยากทดสอบความแข็งเล็กน้อย ยังไม่ทันออกแรงก็หักเสียแล้ว!”เมื่อเขาพูดคำว่าหัก ความได้ใจเล็กน้อยแสดงไว้บนใบหน้าของเพ่ยจี้อย่างเปิดเผย“ไปกันเถอะ!” เพ่ยจี้ดึงมือเฉินฝาน “เสี่ยวฝาน ข้าพาเจ้าออกไปซื้อพู่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 474

    ฉินเย่ว์โหรวมีความคิดที่ละเอียดอ่อนและฉลาดเฉลียว นางรู้ความตั้งใจของเพ่ยจี้ตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามาในเรือนเฉินฝานวางพู่กันแล้วดึงฉินเย่ว์โหรวมาอยู่ข้าง ๆ เขาลูบผมของนางและเอ่ยถาม “ถ้าเช่นนั้น เจ้าคิดสามีอย่างข้าควรเข้าร่วมการสอบขุนนางต่อไป หรือเข้าร่วมกองทัพหมาป่าของนายพลดีล่ะ?”ฉินเย่ว์โหรวส่ายหัวเบา ๆ “ข้าน้อยไม่ทราบ ไม่ว่านายท่านจะไปที่ไหน ข้าน้อยก็จะตามไปที่นั่นเจ้าค่ะ”เฉินฝานบีบคางฉินเย่ว์โหรวเล่นอย่างแผ่วเบา คางของนางทั้งเนียนและนุ่มลื่น จับแล้วรู้สึกสบายมาก “แล้วถ้าข้าไปที่กองทัพหมาป่าจริง ๆ สภาพความเป็นอยู่ในค่ายทหารไม่เหมือนกับที่เรือน เจ้าไม่กลัวลำบากหรือ?”ฉินเย่ว์โหรวซุกหัวเข้าไปในอ้อมแขนของเฉินฝานแล้วพูดเบา ๆ “ไม่กลัว ขอเพียงที่นั่นมีนายท่าน ข้าก็ไม่รู้สึกลำบากแต่อย่างใดเจ้าค่ะ”คนที่อยู่ในอ้อมแขน ตัวหอมท่วมท้น เส้นเลือดเย้ายวน ปากแดงเหมือนยาแดง รูปหน้างามอย่างยิ่งมีความงามอันน่าทึ่งอยู่ในอ้อมแขน จะไม่รู้สึกอะไรคงยากเฉินฝานยกคางของฉินเย่ว์โหรวขึ้น “ข้าต่างหากที่จะทำใจไม่ได้ ให้ภรรยาตัวน้อยของข้าไปตกที่นั่งลำบากในสถานที่เช่นนั้น อีกอย่าง……”เฉินฝานดึงฉินเย่ว์โห

Latest chapter

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1315

    “อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1314

    “ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1313

    “นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1312

    สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1311

    เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1310

    การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1309

    วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1308

    หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1307

    ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status