แชร์

บทที่ 466

ผู้แต่ง: เฉินเจียเสี่ยวเกอ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
“เจ้าเดิน ผู้ใดบอกว่าจะให้เจ้านั่งรถม้าเล่า?”

แม้รถม้าจะใหญ่มากพอ เพ่ยจี้ก็ไม่มีทางให้หลี่หงโห่วขึ้นไปนั่ง

“ข้าน้อย เดิน เดินหรือขอรับ?”

เจ้าเมืองขุนนางขั้นห้า ยกรถม้าให้บัณฑิต แล้วตนเดินเองเนี่ยนะ!

นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งแรก ตลอดหลายร้อยปีนับตั้งแต่ก่อตั้งราชวงศ์ต้าชิ่ง

แววตาของเพ่ยจี้ลุ่มลึง จ้องเขม็งไปที่หลี่หงโห่ว “ทำไม? ร่างกายของเจ้า แค่เดินก็เดินไม่ได้แล้วหรือ? หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะรายงานฝ่าบาท ให้เจ้าเกษียณก่อนกำหนด”

“จอมพล สุขภาพร่างกายของข้าน้อยยังแข็งแรงดีขอรับ เดินได้ เดินได้!”

หลี่หงโห่วไม่กล้าพูดพล่ามอีกแม้แต่คำเดียว หันไปบอกองครักษ์ของตน “เร็วเข้า บอกลุงเหอให้นำรถม้าออกมาจากที่ซ่อน แล้วรอตรงนั้น”

ไปถึงหน้ารถม้า เพ่ยจี้ชำเลืองมองเก้าอี้ที่วางอยู่ข้างรถม้า ใช้เท้าแตะ “เก้าอี้ตัวนี้ดูไม่แข็งแรงแม้แต่น้อย เจ้า!”

เพ่ยจี้ชี้ไปที่จางหย่งชุน “หลังจากวางเฉินฝาน คลานเข่าลงซะ!”

เขาจะให้จางหย่งชุนคลานเข่าเป็นเก้าอี้เหยียบขึ้นรถม้าให้กับเฉินฝาน

จางหย่งชุนไม่กล้าปฏิเสธ หลี่หงโห่วก็ไม่กล้าช่วยเขาพูด

“ผู้เฒ่า ข้าขึ้นไปเอง”

ลงจากหลังของจางหย่งชุน เฉินฝานกระโดดเล็กน้อย
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 467

    “ไม่ได้ขอรับ!”เฉินฝานไม่แม้แต่จะคิด ก็ปฏิเสธไปทันทีระเบิดมือจากดิน สำหรับคนยุคปัจจุบันอย่างเขา ไม่ใช่เรื่องยาก แต่สำหรับคนโบราณที่ไม่เข้าใจหลักการระเบิด และไม่อาจแยกแยะอัตราส่วนได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายพวกเฉียนลิ่ว ตอนนี้หากไม่มีเฉินฝานคอยชั่งสารต่างๆ พวกเขาก็ไม่อาจทำได้การสอนคนโบราณคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งยังมีอีกหนึ่งเหตุผลอีกหนึ่งเหตุผลก็คือ เฉินฝานยังไม่รู้จักเพ่ยจี้ดีเท่าใดนัก หากเขาเป็นคนทะเยอทะยาน เช่นนั้นเฉินฝานก็จะกลายเป็นคนบาปของแคว้นต้าชิ่งถอยอีกก้าว แม้เพ่ยจี้จะเป็นขุนนางจงรักภักดี ซื่อสัตย์ต่อราชวงศ์ต้าชิ่งแต่คนข้างกายเขาเล่า?เขาอายุมากแล้ว ไม่ช้าก็เร็วย่อมยกกองทัพหมาป่าให้ผู้อื่น“เสี่ยวฝาน” เพ่ยจี้ยังอยากจะขอร้องอีก“ไม่ได้ขอรับ ข้าบอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้ หากท่านยังพูดไม่จบ รถม้าคันนี้ ท่านนั่ง ข้าลง!”ขณะพูด เฉินฝานยื่นมือไปเปิดผ้าม่าน“อย่าๆๆ!” เพ่ยจี้รีบปรามเฉินฝาน “ระเบิดมือนั้น ข้าไม่เอาแล้ว ไม่เอาแล้ว!”เฉินฝานได้ยินเช่นนี้ค่อยนั่งลง“เสี่ยวฝาน ข้าไม่เอาระเบิดมือแล้ว เช่นนั้นเจ้าบอกข้าได้หรือไม่ หลุมของเจ้า แล้วก็รหัสคำต่างๆ เหล่านั้นแม้การโ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 468

    “เสี่ยวฝาน เจ้าอย่าเข้าใจผิด แม้ข้าไม่มีลูกชาย แต่ข้ามีลูกสาวสิบแปดคน ข้าเป็นชายแท้ หากเจ้าไม่เชื่อ!”เพ่ยจี้ยกมือขึ้น หยิบยกลูกสาวตนเองขึ้นมากล่าวคำสาบาน “หากข้าพูดโกหก ขอให้ลูกสาวทั้งหมดของข้าไม่อาจออกเรือน บรรดาลูกสาวที่ออกเรือนแล้วก็ขอให้พวกนางไม่มีลูกชาย”“...” เสี้ยววินาทีนี้ เฉินฝานรู้สึกปวดใจแทนลูกสาวของเพ่ยจี้ พ่อแบบนี้มีที่ไหน“หากท่านไม่มีปัญหา แล้วเหตุใดจู่ๆ จึงเหม่อลอยเล่า?”“ข้าเหม่อลอยหรือ? เฮ้อ เจ้าเป็นบัณฑิตไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงมีความรู้ด้านการทหารมากมายเช่นนี้ รู้สึกคล้ายเมื่อก่อนสู้รบบ่อยครั้งอย่างไรอย่างนั้นเพ่ยจี้ไม่เพียงไม่ตอบคำถามเฉินฝาน ยังเปลี่ยนบทสนทนามาสงสัยในตัวเฉินฝานแทนเฉินฝานมองเพ่ยจี้เงียบๆช่างเป็นชายชราแสนเจ้าเล่ห์จริงๆเรื่องเล็กน้อย ชายชราเจ้าเล่ห์เช่นนี้ ใช่ว่าเขาเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก“ท่านบอกว่าข้าเป็นบัณฑิตไม่ใช่หรือ ล้วนได้ความรู้มากจากการอ่านตำรับตำรา”“พ่อหนุ่มคนนี้!” เพ่ยจี้มองเฉินฝานอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “เจ้าช่างไม่ซื่อสัตย์ แคว้นของเราไม่อาจสั่งพิมพ์และขายตำราทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับด้านการทหาร แล้วเจ้าจะเคยอ่านเจอได้อย่าไง

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 469

    “เฉินฝานเปิดม่านมองออกไปเพ่ยจี้นั่งตรงตำแหน่งสารถี หลี่หงโห่วและจางหย่งชุนยืนอยู่ข้างรถม้าด้วยความเคารพ“ท่านจอมพล อำเภอผิงอันยากจน อาหารการกินและที่พักล้วนไม่สะดวกสบาย พักที่นี่ ลำบากท่านจอมพลแล้วขอรับ” จางหย่งชุนพูดอำเภอผิงอันเป็นจุดด่างพล้อยในชีวิตของเขา แม้แค่เพียงดื่มน้ำ จางหย่งชุนก็ไม่อยากอยู่สีหน้าของเพ่ยจี้ไม่สบอารมณ์ “ข้าเป็นทหารคอยออกรบ ความลำบากแค่นี้มีหรือที่จะทนรับไม่ได้?”“ไม่ขอรับ!” สีหน้าของหลี่หงโห่วซีดขาวทันที เขาส่งสายตาบอกจางหย่งชุนติดต่อกันเพ่ยจี้เป็นทหาร ทหารคนหนึ่งถือสาเรื่องอาหารการกินและที่พักไม่สุขสบาย เช่นนั้นก็หมายความว่าเขารักตัวกลัวตายไม่ใช่หรือ?เจ้าหมอเนี่ย เขาเกือบเดือดร้อนเพราะจางหย่งชุนแล้ว“จอมพล ท่านย่อมเป็นคนทนต่อความลำบากมากที่สุดของแคว้นต้าชิ่ง มิเช่นนั้นท่านจะเป็นผู้บัญชาการของกองทัพหมาป่าได้อย่างไร จะปกป้องพื้นที่ชายแดนของต้าชิ่งได้อย่างไร”ฟังถึงตรงนี้ จางหย่งชุนก็เข้าใจเขาตกใจรีบคุกเข่าลง พร้อมกับตนหน้าตนเองไม่หยุด “ข้าน้อยโง่เขลา ข้าน้อยโง่เขลา!”เพ่ยจี้มองจางหย่งชุนด้วยแววตาเย็นชา “เจ้าช่างโง่เขลาจริงๆ ไม่ต้องข้าน้อยอะไรแล้ว

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 470

    “ท่านจอมพล ท่านยังคงเหมือนเดิมชอบล้อเล่นกับข้าน้อยเสมอ...”“ข้าน้อยน้อมคารวะนายกอง ขอแสดงความยินดีกับนายกอง ยินดีด้วยขอรับนายกอง!”หลูเฉิงกวงยังพูดไม่จบ จางเจิ้งห้าวที่อยู่ข้างๆ เขาคุกเข่ากล่าวคำยินดีเสียงดัง“ปลัดอำเภอ ท่านยินดีบ้าบออะไร? ซื่อจริงๆ ท่านจอมพลอยู่นี่” หลูเฉิงกวงก้มหน้าตำหนิจางเจิ้งห้าวเพ่ยจี้เขกศีรษะหลูเฉิงกวงเบาๆ “ข้าว่าคนที่ซื่อที่สุดคือเจ้า ผ่านมาหลายปีแล้ว อายุมากขึ้นแล้ว แต่ความฉลาดกลับไม่มากขึ้น”“คารวะท่านนายกอง!”สิ้นเสียงของเพ่ยจี้ ทหารเฝ้าเมืองของหรงตูต่างคุกเข่าลง กล่าวคารวะนายกองเสียงดัง เสียงนั้นดังราวกับฟ้าคำราม“ท่านจอมพล ความหมายของท่านคือ หลูเฉิงกวงคือนายกองคนใหม่ที่ท่านส่งมาหรือขอรับ?”คำถามสติปัญญาต่ำเช่นนี้ พูดแล้วทำให้ตนดูโง่เขลา ทั้งยังทำให้เพ่ยจี้ไม่พอใจ แต่หลี่หงโห่วก็ยังคงถามเพราะเขาไม่อาจเชื่อได้จริงๆ ทั้งยังไม่อาจยอมรับได้ว่าหลูเฉิงกวงคือนายกองคนใหม่ของหรงตูคนที่ในอดีตเขาชักสีหน้าให้ตลอด กลายเป็นนายกองของเขา ความปลอดภัยในชีวิตอยู่ในมือนายกอง เขาจะไม่กลัวได้อย่างไร?“ถูกต้อง ทำไม เจ้ามีปัญหาหรือ?” น้ำเสียงของเพ่ยจี้ไม่สบอารมณ์“ข

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 471

    ใช่ เขาผู้เป็นเจ้าเมืองเมืองหรงตูกลัวเพียงสถานะถงเซิงของเฉินฝานเหตุผลแรก คือวิธีการของเฉินฝานน่ากลัวเกินมากเหตุผลที่สอง คือวันนี้เฉินฝานนั่งรถม้าของเขา แต่เขาเดินเหตุผลสองข้อนี้ เพียงข้อใดข้อหนึ่งก็ทำให้เขารู้สึกกระสับกระส่ายได้ทั้งนั้น“เสี่ยวฝาน เจ้าจะเข้าร่วมการสอบราชสำนัก?” เพ่ยจี้หันไปถามเฉินฝาน“ใช่!”เฉินฝานยังไม่ทันตอบกลับ หลี่หงโห่วก็แย่งตอบก่อน “นายพลมีอะไรบางอย่างที่ไม่รู้ เฉินฝานเข้าร่วมการสอบขุนนางปีแรกก็สอบได้อันดับหนึ่งของการสอบระดับมณฑลจากอำเภอผิงอันขอรับ”หลี่หงโห่วกล่าวยกย่องเฉินฝานเมื่อใดที่เฉินฝานเข้าร่วมการสอบขุนนาง เช่นนั้นแล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้เป็นนายกองทหารขอบข่ายของการสอบราชสำนักใหญ่กว่าการสอบระดับอำเภอและการสอบระดับมณฑลมาก นักเรียนจากสิบมณฑลของเมืองหรงตูที่สอบผ่านระดับมณฑลล้วนมาเข้าร่วมหมดและล้วนเป็นหัวกะทิทั้งนั้นอำเภอผิงอันเป็นอำเภอที่ยากจนที่สุดและเล็กที่สุดในเมืองหรงตู้ เฉินฝานสอบได้อันดับหนึ่งในอำเภอผิงอัน เมื่อไปสอบที่เมืองหรงตูก็อาจจะสอบไม่ผ่าน แม้ว่าเขาจะสอบผ่าน อย่างมากก็เป็นคนที่สอบระดับซิ่วไฉคนหนึ่งพอถึงครึ่งปีหลังยังมีการสอ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 472

    สำหรับอำเภอผิงอันที่เขาต้องการผนวกมากที่สุด ก็ไม่ถูกรวมเข้ากับอำเภอตูอัน นอกจากนี้อำเภอตูอันยังต้องช่วยอำเภอผิงอันจ่ายภาษีและชดเชยการรับราชการทหารเป็นเวลาสามปีหลังกลับมาจากอำเภอผิงอัน ลวี่เหลียงเจ๋อกระวนกระวายใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ตลอดเวลา การช่วยเหลือหนึ่งอำเภอจ่ายภาษีนั้นไม่สามารถทำได้ด้วยพ่อค้าเพียงไม่กี่ร้านค้า จำเป็นต้องเพิ่มการจ่ายภาษีของพลเมืองทั้งอำเภอจ่ายภาษีมากขึ้น อย่างมากพลเมืองแค่ด่าทอลับหลังไม่กี่คำแต่เพิ่มจำนวนการรับราชการทหาร……ในสามปีข้างหน้า เขาจะถูกพลเมืองด่าว่าเป็นขุนนางสุนัข ก็นับว่าเบาแล้วและหลังจากเพิ่มภาษีและจำนวนการรับราชการทหารเป็นเวลาสามปี อำเภอตูอันในฐานะเขตที่ร่ำรวยที่สุดของเมืองหรงตูจะไม่คงอยู่อีกต่อไป แผนการที่จะผนวกอำเภอผิงอันและกลายเป็นเจ้าเมืองของลวี่เหลียงเจ๋อก็ไม่ต้องคาดหวังอีกเช่นเดียวกันเฉินฝาน เฉินฝาน!ลวี่เหลียงเจ๋อกัดฟันเอ่ยชื่อของเฉินฝานทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเพราะเฉินฝาน หากไม่มีเขา เรื่องราวก็คงไม่กลายเป็นเช่นนี้เฉินฝาน รอก่อนเถอะ เจ้าไม่มีทางราบรื่นด้วยดีทุกเรื่อง!……“ฮัดชิ้ว ๆ ๆ!”ในห้องทำงาน เฉินฝานที่กำลังฝึกคัดลายมือ จามไ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 473

    “เสี่ยวฝาน!” เพ่ยจี้พูดสีหน้าจริงจัง “บังคับอะไรล่ะ ข้าทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อตัวเจ้า……”“เย่ว์เจียว!” เฉินฝานตะโกนไปที่ประตู “เก็บของของนายพล……”“ช้าก่อน ๆ! ข้าไม่พูดแล้ว ไม่พูดแล้ว” สีหน้าจริงจังในตอนแรกของเพ่ยจี้เปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้มประจบประแจงเฉินฝานจ้องเขม่นเพ่ยจี้หนึ่งที จากนั้นก็ก้มศีรษะหยิบพู่กันขึ้นมาใหม่“โห!” เพ่ยจี้เร็วกว่าหนึ่งก้าว เขาหยิบพู่กันของเฉินฝานขึ้นมา “เสี่ยวฝาน พู่กันนี่ของเจ้าสวยมาก!”“ข้ามีชีวิตนานเพียงนี้ เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นพู่กันที่งามเยี่ยงนี้ เจ้าซื้อมาจากที่ใดหรือ?” เพ่ยจี้เริ่มเล่นพู่กันของเฉินฝานเฉินฝานไม่ตอบเพ่ยจี้ เพียงยื่นมือออกไปหาเขา “เอามา!”“นี่ เสี่ยวฝาน เจ้าขี้เหนียวจริง ๆ ข้าขอมองสักหน่อยก็ไม่ได้” เพ่ยจี้บ่นในขณะที่......“แครก!”“อ้าว!”เพ่ยจี้มองพู่กันที่หักคามือแล้วตะโกน ต่อด้วยการกล่าวดูถูก “พู่กันนี้สวยนะ แต่คุณภาพแย่มาก ข้าแค่อยากทดสอบความแข็งเล็กน้อย ยังไม่ทันออกแรงก็หักเสียแล้ว!”เมื่อเขาพูดคำว่าหัก ความได้ใจเล็กน้อยแสดงไว้บนใบหน้าของเพ่ยจี้อย่างเปิดเผย“ไปกันเถอะ!” เพ่ยจี้ดึงมือเฉินฝาน “เสี่ยวฝาน ข้าพาเจ้าออกไปซื้อพู่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 474

    ฉินเย่ว์โหรวมีความคิดที่ละเอียดอ่อนและฉลาดเฉลียว นางรู้ความตั้งใจของเพ่ยจี้ตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามาในเรือนเฉินฝานวางพู่กันแล้วดึงฉินเย่ว์โหรวมาอยู่ข้าง ๆ เขาลูบผมของนางและเอ่ยถาม “ถ้าเช่นนั้น เจ้าคิดสามีอย่างข้าควรเข้าร่วมการสอบขุนนางต่อไป หรือเข้าร่วมกองทัพหมาป่าของนายพลดีล่ะ?”ฉินเย่ว์โหรวส่ายหัวเบา ๆ “ข้าน้อยไม่ทราบ ไม่ว่านายท่านจะไปที่ไหน ข้าน้อยก็จะตามไปที่นั่นเจ้าค่ะ”เฉินฝานบีบคางฉินเย่ว์โหรวเล่นอย่างแผ่วเบา คางของนางทั้งเนียนและนุ่มลื่น จับแล้วรู้สึกสบายมาก “แล้วถ้าข้าไปที่กองทัพหมาป่าจริง ๆ สภาพความเป็นอยู่ในค่ายทหารไม่เหมือนกับที่เรือน เจ้าไม่กลัวลำบากหรือ?”ฉินเย่ว์โหรวซุกหัวเข้าไปในอ้อมแขนของเฉินฝานแล้วพูดเบา ๆ “ไม่กลัว ขอเพียงที่นั่นมีนายท่าน ข้าก็ไม่รู้สึกลำบากแต่อย่างใดเจ้าค่ะ”คนที่อยู่ในอ้อมแขน ตัวหอมท่วมท้น เส้นเลือดเย้ายวน ปากแดงเหมือนยาแดง รูปหน้างามอย่างยิ่งมีความงามอันน่าทึ่งอยู่ในอ้อมแขน จะไม่รู้สึกอะไรคงยากเฉินฝานยกคางของฉินเย่ว์โหรวขึ้น “ข้าต่างหากที่จะทำใจไม่ได้ ให้ภรรยาตัวน้อยของข้าไปตกที่นั่งลำบากในสถานที่เช่นนั้น อีกอย่าง……”เฉินฝานดึงฉินเย่ว์โห

บทล่าสุด

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 730

    เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 729

    เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 728

    “ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 727

    เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 726

    เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 725

    ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 724

    “สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 723

    “ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 722

    ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ

DMCA.com Protection Status