แชร์

บทที่ 153

ผู้เขียน: เฉินเจียเสี่ยวเกอ
เฉินฝานกำเหรียญทองแดงห้าเหรียญไว้ในมือแน่น นี่คือเหรียญทองแดงที่ฉินเต๋อโห่วยัดใส่มือของเขา เขายังไม่ทันจะคืนให้อีกฝ่าย คนพวกนี้ก็ถลันเข้ามาเสียก่อน

นางเย่ชำเลืองมองมือของเฉินฝาน นัยน์ตาพลันฉายแววโลภออกมา “เงิน ต้องเป็นเหรียญเงินแน่ ๆ!”

นางเดินเข้าไปหมายจะแย่งมันมาจากมือของเฉินฝาน

“เจ้าจะทำอะไร?”

น้ำเสียงของเฉินฝานเรียบเฉย แต่นัยน์ตากลับคมกริบดุจมีด

นางเย่ที่ดูโอหังและเย่อหยิ่งพลันหยุดชะงัก จากนั้นก็มองเฉินฝานอยู่ที่เดิมไม่กล้าก้าวเท้าต่อ

สายตาของชายผู้นี้น่ากลัวยิ่งนัก

แม้ว่าร่างกายจะไม่ขยับ แต่ปากกลับไม่ยอมแพ้ ยังคงพล่ามวาจาเหน็บแนมออกมา

“บางคนอายุยังไม่ถึงยี่สิบปี ทั้งยังหนุ่มยังแน่น แต่ดันมีภรรยาอายุเท่ากันหลายคน จนเลี้ยงดูไม่ไหว ถึงได้บากหน้ากลับมาขอเงินจากสองเฒ่า ถ้าเป็นข้าคงเอาหัวโขกกำแพงตายไปแล้ว ไหนเลยจะกล้ามีหน้าใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ต่อ”

“ถุย!” นางเย่ถ่มน้ำลายลงบนพื้น “ขยะ!

“ว่าใครขยะ พูดดี ๆ นะ!”

ฉินเย่ว์เจียวเดินขึ้นหน้า จ้องมองนางเย่ด้วยสายตาเย็นเยือก

ด่าทอว่าพวกนางเป็นผู้หญิงขาดทุน นางทนได้ แต่ว่าเฉินฝานว่าเป็นขยะ นางทนไม่ได้

เพียงแต่เขาไม่ใช่เฉินฝานคนเดิมอีกแ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 154

    “ใช่....”“สวรรค์!”เสียงที่ตอบกลับจูจื้ออันถูกเสียงร้องด้วยความตกใจจากด้านหลังกลบเสียงไปหมด“พวกเจ้าดูสิว่าเกวียนคันนี้บรรทุกอะไรมา”“น่าทึ่งมาก เกวียนคันนี้เต็มไปด้วยฟืนไม้กว่าครึ่งคัน แถมฟืนไม้พวกนี้ก็ดูเหมือนจะมาจากร้านขายฟืนในตัวอำเภอด้วย”“ไม่ใช่เหมือนนะ แต่มันคือฟืนไม้ของจงจี้ในตัวเมืองจริง ๆ!”“จงจี้? เจ้าดูไม่ผิด ฟืนไม้ของจงจี้เป็นฟืนที่ดีที่สุดและแพงที่สุดในเมือง ปกติแล้วคนที่ซื้อฟืนไม้ของจงจี้ได้จะต้องเป็นเศรษฐีในเมืองไม่ก็นักปราชญ์ในวังเท่านั้นที่จะซื้อได้”“ถูกต้อง หลายวันมานี้ข้าทำงานอยู่ในร้านจงจี้”“ว้าว เจ้าเป็นลูกจ้างของร้านขายฟืนจงจี้อย่างนั้นหรือ? ?เจ้าคงมีเงินน่าดู ข้าได้ยินมาว่าค่าจ้างหนึ่งวันของร้านขายฟืนจงจี้มีจำนวนถึงห้าเหรียญเงิน”“ไม่ใช่ ร้านขายฟืนไม้จงจี้เข้าง่ายที่ไหนกัน พี่เขยของข้าทำงานอยู่ที่นั่น ช่วงนี้เขาไม่สบาย ข้าก็เลยไปช่วยทำงานแทนเขาสองสามวัน วันละห้าเหรียญเงิน ข้าคงได้แค่ฝันแหละ”จูจื้ออันที่อยู่บนเกวียนได้ยินชาวบ้านตระกูลฉินพากันอิจฉาค่าจ้างของร้านขายฟืนจงจี้ ก็พลันรู้สึกภูมิใจและดูแคลนเล็กน้อยอยู่ในใจค่าจ้างร้านขายฟืนจงจี้วันละห้าเหร

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 155

    “เฉินฝาน? ดูเจ้าพูดเข้าสิ ใครเขาจะเชื่อ”“ฮ่า ๆ นั่นนะสิ”“อย่าว่าแต่เฉินฝานเลย ลูกเขยในหมู่บ้านก็ยังไม่มีใครทำเช่นนี้”“ใช่ สมัยนี้มีแต่พ่อแม่ต้องให้ลูกเขย มีอย่างที่ไหนลูกเขยเอาของมาให้พ่อแม่ ยิ่งไปกว่านั้นเฉินฝานผู้นั้นก็เป็นแค่ขยะคนหนึ่ง เขาไม่กลับมาขอก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว!”“เจ้าว่าใครขยะ?”เมื่อได้ยินชาวบ้านในหมู่บ้านกล่าวหาเฉินฝานว่าเป็นขยะ จูจื้ออันก็รีบกระโดดลงจากเกวียนทันที เขาคว้าคอเสื้อของคนที่กล่าวหาเฉินฝานว่าเป็นขยะคนนั้น“คนอย่างเฉินฝาน ในละแวกนี้.....”“ตุบ!”ยังไม่ทันที่คนผู้นั้นจะพูดจบ หมัดของจูจื้ออันก็อัดเข้าหน้าของเขาอย่างแรงซะก่อน“อ๊าก!” คนผู้นั้นกุมหน้าที่โดนอัดไว้แน่นพลางชี้นิ้วด่าทอจูจื้ออัน “ไอ้อันธพาล เจ้ากล้าบุกเข้ามาทำร้ายคนถึงในหมู่บ้านเชียวหรือ?”ชาวบ้านโดยรอบต่างมุงกันเข้ามาคนนอกหมู่บ้านเข้ามาทำร้ายคนในหมู่บ้านเป็นพฤติกรรมที่หยามหน้ากันสำหรับคนในสมัยนี้“ข้าต่อยเจ้า แล้วจะทำไม?”จูจื้ออันยกหมัดขึ้นมาอีกครั้ง เขาในตอนนี้กำลังเดือดพล่าน ในใจคิดอยู่อย่างเดียวพวกเขาด่าเฉินฝานว่าขยะ เขาต้องจัดการให้เฉินฝาน“จื้ออัน หยุดเดี๋ยวนี้!”เฉินฝานได้ยิ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 156

    ฉินฉายจินและฉินฉายหัวที่เพิ่งจะเยาะเย้ยว่าเป็นยาจกไร้ประโยชน์ ข่มขู่ว่าจะไล่เฉินฝานออกไปจากหมู่บ้านตระกูลฉิน ต่างตะลึงตาค้างจ้องมองของกินของใช้ที่ขนเข้าบ้านมาทีละอย่างโดยเฉพาะนางเย่ที่กระโดดสูงที่สุดนางมองฟืนพวกนั้น ข้าวพวกนั้น แป้งหมี่พวกนั้น ผ้าพวกนั้นด้วยดวงตาที่เบิกโพลงตอนที่สายตาสุดท้ายกวาดผ่านเนื้อสัตว์ น้ำลายก็ส่งอออกมาอย่างไม่รู้ตัวคิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวของคนที่ตาแก่ยายแก่เลี้ยงดูมา จะคว้าลูกเขยมหาเศรษฐีกลับมาได้“แหม พี่ชายท่านนี้ เดินทางมาคงจะเหนื่อยแล้วสินะ มาๆ ข้าช่วยท่านถือ”คนโลภตะกละตะกลาม หนังหน้าหนายิ่งกว่าปูนหลายๆชั้น นางเย่วิ่งไปตรงหน้าจูจื้ออัน ต้องการจะรับเนื้อจากมือของเขา“ไม่ต้อง!”ถึงแม้จะไม่รู้ว่านางเย่เป็นใครในบรรดาพี่น้องตระกูลฉิน ทว่าสามารถเดาได้ว่าเป็นญาติกัน และก็ไม่รู้ว่าเมื่อครู่ในบ้านเกิดอะไรขึ้นทว่าก่อนที่เขาจะมา บรรยากาศที่นี้ต้องไม่ดีอย่างแน่นอน ญาติๆของพี่น้องตระกูลฉินเหล่านี้จะต้องไม่ญาติดีกับพวกเฉินฝานเป็นแน่เพราะสิ่งเหล่านี้เขาก็เคยผ่านมาแล้ว หลังจากที่พ่อแม่เขาตายไป พวกลุงป้าน้าอาก็ไม่ญาติดีกับครอบครัวของเขา โดยเฉพาะบรรดาน้องสา

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 157

    “ใครเป็นครอบครัวเดียวกับเจ้ากัน ไสหัวไปให้พ้น ถ้ายังไม่ไสหัวไป ก็อย่ามาโทษที่ลูกธนูของข้าจะพุ่งใส่ไม่เลือกหน้า”“เมื่อครู่พวกเจ้าลงนามว่าจะตัดขาดความสัมพันธ์กับท่านปู่ท่านย่า ถ้ายังไม่ไปอีกก็ถือว่าทำผิดกฎหมายต้าชิ่งของเรา พวกข้าสามารถไปร้องเรียนกับทางการได้”“ตอนที่ข้าวและแป้งหมี่ของพวกข้ายังไม่มา อารองกับอาสามไม่ได้ออกมาจากกอไผ่หรอกหรือ พอข้าวกับแป้งหมี่มา ก็ออกมาจากท้องของท่านย่าเสียอย่างนั้น?”“สรุปแล้ว พวกเจ้าเป็นพวกสวะที่ตอนไม่มีอาหารก็สลัดพ่อแม่ตัวเองทิ้งไป พอมีอาหารก็รับว่าเป็นพ่อแม่ ครอบครัวอะไรกัน พวกเจ้าก็แค่หาข้ออ้างในการได้ส่วนแบ่งของกินของใช้พวกนี้ก็แค่นั้นเอง”สามพี่น้องช่วยกันไล่คนอย่างต่อเนื่องคนแรกที่พูดคือฉินเย่ว์เจียว ต่อจากนั้นก็เป็นฉินเย่ว์ฉู่และฉินเย่ว์โหรวเสียงของฉินเย่ว์เจียวเรียบง่ายและดุดัน ไม่ไปก็จะลงมือเดิมทีความสามารถของนางก็ไม่เลวอยู่แล้ว กองหลังก็ยังมีเฉินฝาน ทำให้ความมั่นใจของนางเต็มเปี่ยมเสียงฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้สลักสำคัญที่สุด ทว่าพลังโจมตีเต็มพิกัด มีเหตุผลและหลักการ ใช้ทางการกดดันคนโดยตรงณ ประตูที่ทำการ หลังจากที่ได้เห็นเฉินฝานใช้กฏหมายต้า

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 158

    “นายท่าน นายท่าน คิดไม่ถึงว่าเขาทำร้ายท่านรุนแรงขนาดนี้เชียว...” นางเย่เงยหน้าตะโกนลั่นใส่เฉินฝานด้วยความโมโห “เงินชดเชย อย่างน้อยต้อง...”ฉินฉายจินชูมือสามนิ้วขึ้นมาสายตาของนางเย่เหลือบไปมองมือของฉินฉายจิน “สามตำลึง!”สีหน้าของฉินฉายจินบิดเบี้ยวทันทีนั้นเป็นการบิดเบี้ยวที่ทั้งเจ็บปวดและตื่นเต้นดีใจพวกเมียเหล่านี้ร้ายกว่าเขานัก!เขาชูมือสามนิ้ว เดิมทีอยากได้แค่สามร้อยเหวินเงินทั้งปีนี้เอามารวมกันทั้งหมดยังไม่ถึงสามตำลึงเลยชาวบ้านด้านนอกก็ทำสีหน้าตกใจสามตำลึง! ! !นี่มันมากเกินไปแล้ว นี่มันเป็นข้อเรียกร้องที่มากไปชัดๆไม่นานนัก ความสนใจของชาวบ้านก็ย้ายจากนางเย่ที่เสนอเรียกร้องสูง ไปหาเฉินฝานว่าจะให้เงินตำลึงเยอะขนาดนั้นหรือไม่แบบแรกคือเยอะเกินไป ไม่ให้แบบที่สองคือเฉินฝานซื้อของมากมายมาส่งได้ภายในครู่เดียว ต้องจ่ายให้แน่นอนไม่นานนัก คนที่เห็นด้วยกับแบบที่สองเยอะกว่าแบบแรกพูดไป ท้ายที่สุดก็มีคนอิจฉาฉินฉายจินมือบาดเจ็บนิดเดียว ได้สามตำลึง คุ้มชะมัดนางลวี่ที่อยู่ในบ้าน หยิกสามีตนเองด้วยความคับแค้นใจดูครอบครัวฉายจิน ประเดี๋ยวเดียวก็จะได้เงินชดเชยเยอะขนาดนั้น

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 159

    ฉินฉายจินกุมนิ้วมือที่หักของเขา ใบหน้าบิดเบี้ยวดุร้ายน่ากลัวด้วยความเจ็บปวด “เจ้านี่ เจ้าแน่นักรึ เจ้าคงจะคิดว่ามีเงินนิดหน่อยก็สามารถจัดการทุกอย่างได้สินะ!”เฉินฝานยิ้มอย่างเยือกเย็น “ถูกต้อง วันนี้ข้าจะใช้เงินจัดการเจ้าจนตาย!”“เช่นนั้นเราจะได้เห็นดีกัน ไป!”ฉินฉายจินเอนตัวไปทางนางเย่ “พยุงข้าไปที่ทำการ!”เพิ่งจะเดินถึงประตู ฉินฉายจินก็หันหลังกลับมา เขามองเฉินฝานที่ยังคงนั่งอยู่ข้างกระถางไฟ “ไอหนุ่ม ทำไมยังไม่ไปอีก?ปอดแหกแล้วหรือไร? ไม่ใช่ว่าจะใช้เงินจัดการกับข้าหรอกรึ? มาสิ ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะจัดการอย่างไร?”“ไม่เป็นไร!” เฉินฝานตบไหล่ฉินเย่ว์โหรวที่กระวนกระวายใจเบาๆ “ข้าไปข้างนอกครู่เดียว ถ้าเจ้าหนาว ก็นั่งผิงไฟรอข้าก็พอแล้ว”เฉินฝานลุกขึ้นเดินออกไป เขาทำมือคำนับให้กับชาวบ้านที่เฝ้าดูอยู่ด้านนอก“ข้าน้อยเฉินฝานผู้ร่วมอาศัยหมู่บ้านซานเหอ อยากจะขอให้พี่น้องสามคนไปเป็นพยาน หากว่ายินยอมจะเป็นพยานให้ข้า ข้าจะจ่ายให้พวกเจ้าคนละสองร้อยเหวิน”เป็นพยาน?คนละสองร้อยเหวิน?ชาวบ้านที่เฝ้าดู ต่างพาจ้องหน้ากันและกันเฉินฝานทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร ให้พวกเขาไปเป็นพยานเรื่องอะไร ถ้าใ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 160

    “กฎหมายต้าชิ่ง คำกล่าวหน้าที่หก ผู้ที่บุกรุกเข้าไปที่อยู่อาศัย ขึ้นรถขึ้นเรือโดยไม่มีเหตุผลจะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย การต่อสู้ป้องกันตัวถือว่าไม่มีความผิด”“อารอง เป็นท่านที่บุกรุกเข้าบ้านท่านปู่มาตบตีพวกเราก่อน เมื่อครู่นายท่านเพียงแค่ปกป้องพวกเรา ถึงลงมือทำร้ายร่างกายท่าน ตามกฎหมายต้าชิ่งของพวกเรา นายท่านของข้าไม่มีความผิด”ฉินเย่ว์ฉู่เชิดหน้าสูง ใบหน้ามีทั้งความทะนงและความภาคภูมิใจ น้ำเสียงก็ใสแจ๋วและดังกังวานเป็นพิเศษนับถือเฉินฝานที่มองการณ์ไกลในขณะเดียวก็รู้สึกขอบคุณแม่ที่จากไปของตนเองอย่างสุดซึ้งแม่ของพี่น้องตระกูลฉินไม่เหมือนกับสาวชาวบ้านคนอื่น นางรู้หนังสือ สอนให้พวกพี่สาวรู้หนังสือ ก่อนที่ตนเองจะจากโลกนี้ไป ก็ยังสั่งเสียให้พวกพี่สาวสอนนางให้รู้หนังสือ“ตีพวกเจ้า ข้าไปตีพวกเจ้าเมื่อใด?”ถึงแม้น้ำเสียงของฉินฉายจินจะดุดัน ทว่าฟังแล้วดูขี้ขลาดเล็กน้อยนี่ก็เป็นจุดที่ฉินฉายจินไม่ชอบพี่น้องตระกูลฉินเป็นพิเศษ ช่วงก่อนที่พวกนางพี่น้องยังไม่ได้ออกเรือน ก็เป็นเพราะว่ารู้หนังสือ มักจะทำให้เขาแค้นเคืองจนน้ำท่วมปากเขาเป็นอาของพวกนางนะ จะเถียงไม่ชนะพวกนางได้อย่างไรกัน?น่าอับอ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 161

    “หลานเขย หลานเขยที่แสนดีของข้า!” นางเย่อ้อนวอนกอดขาของเฉินฝาน “อารองของเจ้าเจ็บมือ จึงหน้ามืดชั่วขณะ อาสะใภ้ขอร้องเจ้าล่ะ ปล่อยพวกข้าไปเถอะ!”“ข้ามีอาสะใภ้ในหมู่บ้านนี้ตั้งแต่เมื่อใด!” เฉินฝานสะบัดขา“เฉินฝาน!” นางเย่กอดแน่นกว่าเดิม “ข้าขอโทษ พวกข้าผิดไปแล้ว เจ้าอย่าแจ้งทางการเลย อย่าแจ้งทางการเลย!”อากาศนับวันก็ยิ่งหนาวขึ้นเรื่อยๆ มือของฉินฉายจินหักแล้ว หากติดคุกเวลานี้ ตอนออกมาไม่ตายก็พิการแล้ว“ขอโทษ คำขอโทษของท่านมีค่าอย่างไร?”“พวกข้าผิดไปแล้ว หากสามีของข้าเข้าคุกแล้วพวกข้าจะทำอย่างไร? ลูกข้ายังเล็ก”“ท่านรู้ว่าลูกของท่านยังเล็ก หากไม่มีพ่อชีวิตก็จะลำบาก แล้วพวกภรรยาของข้าเมื่อก่อนเล่า? เวลานั้นพวกนางไม่ใช่เด็กหรือ?”นึกถึงคำว่านังชั่วที่เมื่อครู่ฉินฉายจินพูด รวมถึงการปฏิบัติด้วยความใจร้ายในอดีตที่ชาวบ้านบอก เฉินฝานไม่อาจให้อภัยสามีภรรยาคู่นี้จริงๆ“ข้า...”นางเย่คิดไม่ถึงว่า เมื่อก่อนพวกตนทุบตีพวกฉินเย่ว์เจียวด้วยความสะใจนั้น วันหนึ่งสามีของพวกนางจะกลับมาแก้แค้นแม้หลับฝันนางก็คิดไม่ถึงจริงๆ ว่า พวกฉินเย่ว์เจียวจะได้สามีที่มากความสามารถเช่นนี้เฉินฝานสะบัดอย่างแรง จนนา

บทล่าสุด

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1022

    ลักพาตัวอ๋องแคว้นจ้าวต่อหน้าต่อตาองครักษ์หนึ่งหมื่นกว่าคน และยังสามารถทำให้เขายอมถอยทัพแต่โดยดี จะต้องมิใช่การประเมินศัตรูต่ำไปเพียงอย่างเดียวแน่นอนใต้เท้าด้านนอกผู้นั้นจะต้องมีวรยุทธ์และสติปัญญาเหนือมนุษย์เป็นแน่ได้ยินว่า เขามีสิ่งของที่เป็นเหล็กปลายแหลมสามารถโจมตีได้ น่าหวาดกลัวอย่างมาก สามารถต่อกรกับศัตรูจำนวนมหาศาลได้ด้วยตัวคนเดียวดังนั้น เฉินฝานต้องมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมจึงมาเยือนต่อให้มิมีความมั่นใจว่าจะชนะได้ ทว่าพวกเขาก็ต้องมั่นใจว่าตนเองจะสามารถถอยกลับได้อย่างปลอดภัยแน่นอนหากล่าถอยไปแล้วกลับมาอีกครั้ง คงจะมิได้มีเพียงสองคน แต่เป็นกองกำลังจำนวนมหาศาลพื้นที่ธารน้ำอันคับแคบจะสามารถต่อต้านกองกำลังมหาศาลได้อย่างไร?“เสี่ยวฝาน เจ้าดูสิ!”อ๋องตวนตะโกนด้วยความตื่นตกใจทันที เขาชี้ไปร่างเงาตรงโพรงหญ้า “โจรป่าเหล่านั้นออกมาแล้ว และยังมาจำนวนมหาศาลอีกด้วย ตอนนี้น่าจะประมาณหนึ่งพันคน”“ฮี่ ๆ ๆ!”อ๋องตวนฉีกยิ้ม มองเฉินฝานด้วยความนับถือ“เสี่ยวฝาน เจ้าคาดการณ์ได้ดั่งเทพ เจ้าบอกว่าขอแค่พวกเราสองคนมา โจรป่าจะต้องออกมาแน่นอน”“มิใช่ว่าข้าคาดการณ์ได้ดั่งเทพ นี่คือจิตวิทยา” เฉิน

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1021

    ผู้ที่เสนอตัวขอออกรบก่อนคือ หัวหน้าสามกั้วเจียงหลงชื่อที่โหดเหี้ยมปานนี้ มิใช่เพราะเขาเก่งกาจแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะตอนยังเด็กเขาซุกซนจนถูกแม่ไล่ตี ตอนที่หน้าสิ่วหน้าขวาน จึงกระโดดลงแม่น้ำว่ายไปฝั่งตรงข้ามเพื่อหนีแม่ของตนเองจึงเป็นที่มาของชื่อกั้วเจียงหลง“ออกไปรบงั้นรึ? กำจัดพวกเขาให้สิ้นซากรึ?” หัวหน้าใหญ่เหอหรันถีบกั้วเจียงหลงด้วยความโมโหทันที “เจ้าเก่งกว่ากองกำลังรักษาพระองค์แคว้นจ้าวรึ?”“หัวหน้าใหญ่ ข้าคิดว่าเจ้าระแวงเกินไป หัวหน้าสามพูดถูก ควรจะออกไปสู้!”เสียงเคร่งขรึมดูมีอายุดังขึ้น ชายชราผมหงอกทั้งหัวเดินเข้ามาจากด้านนอก“ท่านอาจารย์!”เมื่อเห็นชายชราผู้นั้น เหอหรันรีบทำมือเคารพอย่างลนลาน คนอื่นก็พากันทำตามเมื่อชายชราเห็นด้วย กั้วเจียงหลงจึงเงยหน้าทันที “หัวหน้าใหญ่ ท่านอาจารย์ยังคิดว่าท่านระแวงเกินไป พวกเรามิได้เป็นแบบกองกำลังรักษาพระองค์แคว้นจ้าวเสียหน่อย”กั้วเจียงหลงพูดจบ ชายชรารีบพูดต่อทันที “หัวหน้าใหญ่ หัวหน้าสามพูดถูกแล้ว พวกเรามิใช่กองกำลังรักษาพระองค์แคว้นจ้าว สาเหตุที่พวกเขาพ่ายแพ้เพราะประเมินศัตรูต่ำและอวดดีเกินไป ตอนนี้ผู้ที่อวดดีและประเมินศัตรูต่ำ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1020

    “ท่านอัครเสนาบดีกับท่านอ๋องออกจากเมืองไปแล้ว พวกเขาไม่ได้กลับเมืองหลวง แต่ว่ามุ่งหน้าไปยังพื้นที่ต้าเฮยแล้วขอรับ!”พื้นที่ต้าเฮยก็คือรังของพวกโจร“เช่นนั้นพวกเราก็รีบตามไป ท่านอัครเสนาบดีกับท่านอ๋องให้หลี่ฉวินไปด้วยหรือไม่”หลี่ฉวินเป็นนายกองพิทักษ์เมืองเฟิ่งหวง เป็นแม่ทัพของกองทัพพิทักษ์เมืองเฟิ่งหวงเมืองเฟิ่งหวงเป็นเพียงเมืองป้อมปราการภายใต้เมืองเหอตู ไม่ควรมีนายกอง แต่เนื่องจากเมืองเฟิ่งหวงอยู่ติดชายแดน ดังนั้นจึงมีกองทัพพิทักษ์เมือง มีนายกองเช่นกันเพียงแต่ว่าต้าชิ่งขาดแคลนชายฉกรรจ์ เมืองป้อมปราการติดชายแดนที่ยากจนข้นแค้นอย่างเมืองเฟิ่งหวงยิ่งมีชายฉกรรจ์น้อยลงไปอีก กอปรกับก่อนหน้านี้ต่อสู้ต้านทานกองทหารของแคว้นจ้าว ตอนนี้กำลังพลในมือหลี่ฉวินจึงมีไม่ถึงสามร้อยนายเหอจื้อเฟยวิ่งกลับไปที่ห้องหยิบรองเท้าของตนขึ้นมา สวมพลางเดินออกไป “พวกเราก็รีบตามไปด้วย!” “ใต้เท้า!” เวลานี้เองหลี่ฉวินก็มาถึงแล้วเช่นกัน“หลี่ฉวิน?” เหอจื้อเฟยมองหลี่ฉวินด้วยความประหลาดใจ “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? ตอนนี้เจ้าควรไปที่พื้นที่ต้าเฮยกับท่านอัครเสนาบดีมิใช่หรือ?”“ใต้เท้า ท่านอัครเสนาบดีกับท่านอ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1019

    สิ่งปลูกสร้างที่ดีที่สุดในเมืองกลับเป็นราชนิเวศน์ที่ฮ่องเต้จ้าวพำนักก่อนหน้านี้ ราชนิเวศน์นั้นยังเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาหลังจากที่แคว้นจ้าวยึดครองเมืองเฟิ่งหวงอีกด้วยก่อนหน้านี้เฉินฝานรู้สึกว่าการได้เป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายนั้นเก่งกาจมากแล้ว มีอำนาจล้นฟ้า แม้แต่เสิ่นหมิงหยวนก็ไม่อาจแตะต้องเขาได้ตามใจชอบตอนนี้เขาถึงค่อยรู้สึกว่ายิ่งมีอำนาจบนตัวมาก ภาระบนบ่าก็ยิ่งหนักมากต้าชิ่งยังคงยากจนข้นแค้นมากเมื่อเห็นเฉินฝานอารมณ์หดหู่มากถึงเพียงนั้น อ๋องตวนก็ไม่กล้าลากเขาไปดื่มเหล้าทายตัวเลขแล้ว เขาอยู่ทางด้านข้าง แม้แต่เสียงดื่มเหล้าก็ยังเบามาก“เฮ้อ นี่มันปัญหาใหญ่จริง ๆ!”อ๋องตวนที่ดื่มจนเมากรึ่มแล้ววางไหเหล้าลงข้าง ๆ พิงกำแพงเมืองอย่างเอียงเอน“เสี่ยวฝาน เจ้าคิดว่าโจรพวกนี้ยังควรจะปราบหรือไม่?”“โจรย่อมต้องถูกปราบอยู่แล้ว!” เฉินฝานเอ่ยอย่างหนักแน่น“แล้วบุตรชายของเหอจื้อเฟยจะจัดการอย่างไร? เขาถูกเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้เป็นหัวหน้าโจรที่ดื้อรั้นเสียแล้ว”“เหอจื้อเฟยฆ่าบุตรชายกับมือไปแล้วหนึ่งคน หากสังหารอีกคน ดูเหมือนว่า...”อ๋องตวนยกไหเหล้าจากทางด้านข้างขึ้นมากรอกอีกคำแล้วค่อ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1018

    ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าเหอเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความสิ้นหวัง“ความเมตตาของสวรรค์ก็ไม่อาจทนต่อความโหดร้ายในโลกนี้ได้ ตอนที่ลูกชายของข้าออกไปปราบโจรครั้งที่ห้า โจรพวกนั้นฉวยโอกาสบุกเข้ามาในเมือง และเอาหลานชายฝาแฝดที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่นานของข้า...”เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าเหอก็สะอื้นไม่หยุด ริมฝีปากอ้าอยู่หลายครั้งแต่ก็พูดไม่ออก“หลานชายฝาแฝดของเจ้าถูกโจรพวกนั้นฆ่าไปแล้วหรือ?”อ๋องตวนถามขึ้น ความจริงไม่ต้องให้ฮูหยินผู้เฒ่าตอบ อ๋องตวนก็นึกคำตอบได้แล้ว เขากำหมัดแน่นจนข้อนิ้วส่งเสียงดังกร๊อบ“เจ้าวางใจเถิด ข้าจะต้องสังหารหัวหน้าโจรเหล่านั้นให้หมดอย่างแน่นอน!”“ท่านอ๋อง!”ฮูหยินผู้เฒ่าเหอคุกเข่าลงอีกครั้ง “ทหารแคว้นจ้าวถูกขับไล่ไปแล้ว ขอร้องท่านกลับไปยังเมืองหลวงเสียเถิด”“หญิงชราผู้นี้เป็นอะไรไป?” อ๋องตวนโกรธจัดจนเต้นเร่า ๆ แล้ว“พวกเจ้าบอกว่าโจรส่วนมากล้วนเป็นลูกชายของชาวบ้านเหล่านี้ ข้าจะไม่ฆ่าโจรทั่วไป จะฆ่าแค่หัวหน้าของพวกมันก็ไม่ได้หรือ?”“ท่านอ๋อง!” เฉินฝานดึงอ๋องตวนไว้"ผู้อาวุโส" เฉินฝานก้มตัวประคองนางเหอให้ลุกขึ้นมา“โจรให้หลานชายฝาแฝดของพวกท่านเป็นหัวหน้าแล้วใช่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1017

    “พวกสตรีชั่วช้าอยากจะฆ่าอัครเสนาบดีก็เหมือนก่อกบฏอย่างไม่ต้องสงสัย เจ้ายังจะขอร้องแทนพวกนางอีกหรือ?”อ๋องตวนเตะเหอจื้อเฟยด้วยความเดือดดาลเหอจื้อเฟยคลานขึ้นมาคุกเข่าต่อหน้าเฉินฝานต่อเพื่อขอร้องแทนสตรีเหล่านั้น “พวกนางก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน ลูกชายของพวกนางล้วนอยู่ในกำมือของโจรพวกนั้น หลายคนถูกจับตัวไปตั้งแต่ที่ยังเด็กมาก ๆ พวกเขากลายเป็นโจรก็เพราะถูกบีบบังคับ”“เพราะว่าหากพวกเขาไม่ยอมเข้าร่วมฝึกฝนกลายเป็นโจร หัวหน้าโจรเหล่านั้นก็จะสังหารมารดาของพวกเขาแทน”เหอจื้อเฟยเอ่ยคำพูดสองประโยคนี้ก็มีเสียงร้องไห้ดังขึ้นทั่วบริเวณแม้ว่าเฉินฝานจะคาดเดาคำตอบได้แล้ว แต่เมื่อได้ยินเองกับหูถึงสิ่งที่เหอจื้อเฟยพูดออกมา เขาก็ยังรู้สึกสะเทือนใจมาก แม่กลัวลูกต้องตาย จึงห้ามไม่ให้ทางการส่งทหารออกไปปราบโจรลูกกลัวแม่ต้องตาย จึงฝึกฝนสุดชีวิตเพื่อเป็นโจรที่มีคุณสมบัติเหมาะสมต้องยอมรับว่าหัวหน้าโจรพวกนั้นเฉลียวฉลาดมาก“นั่นเป็นเพราะเจ้าบกพร่องต่อหน้าที่!” อ๋องตวนเตะเหอจื้อเฟยอีกครั้ง “หากเจ้าส่งคนไปกำจัดโจรพวกนี้ตั้งแต่แรก จะมีผลที่ตามมาเยอะถึงเพียงนี้หรือ?”ทันทีที่อ๋องตวนพูดจบก็มีสตรีผู้หนึ่งออก

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1016

    “เมื่อครู่ข้าได้ยินชัดเจนว่าเจ้าแค่สั่งให้เหอจื้อเฟยไปปราบโจรเท่านั้น เหตุใดถึงไปทำร้ายลูกของพวกเขา...”อ๋องตวนพลันหยุดชะงัก“โจร?!” อ๋องตวนร้องอุทานขึ้นมา “หรือว่าโจรพวกนั้นก็คือลูกชายของพวกนาง?”“ข้าคิดว่ามีความเป็นไปได้แปดเก้าส่วน” เฉินฝานพยักหน้าเช่นกัน“พวกเขาไม่ใช่โจรร้าย ขุนนางใหญ่สูงส่งอย่างพวกท่านจะไปเข้าใจอะไร?” บทสนทนาระหว่างอ๋องตวนกับเฉินฝานทำให้สตรีเหล่านั้นอารมณ์ร้อนมาก แต่ละคนเหมือนกับไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วก็ไม่ปาน ผลักดันเบียดเสียดกันห้อมล้อมนักการในศาลาว่าการข้างกายเฉินฝานกับอ๋องตวนไว้ เมื่อเห็นว่าผลักไม่ได้แล้ว ก็ใช้มีดหั่นผักในมือฟันใส่ทันที“เพล้ง!”อ๋องตวนโยนไหเหล้าในมือลงกับพื้น“พวกสตรีชั่วช้า พอพยัคฆ์ไม่แสดงบารมี พวกเจ้าก็เห็นว่าเป็นแมวป่วยใช่หรือไม่?” พวกนางคิดว่าข้าเป็นแมวป่วยหรืออย่างไร? ถ้าเสือไม่คำราม พวกเจ้าไม่เห็นรัศมีหรืออย่างไร?”อ๋องตวนก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เตะสตรีหลายคนจนกระเด็นไปทันทีอย่างไรก็ตามแม้สตรีหลายคนจะถูกถีบกระเด็น แต่ก็ไม่เกิดผลให้หวาดกลัวใด ๆ เลย สตรีเหล่านั้นกลับฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น ปากตะโกนว่าจะให้พวกเฉินฝานตายไปพร้อมกั

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1015

    หญิงชราวัยประมาณหกสิบปีผู้หนึ่งขวางหน้าเหอจื้อเฟยไว้“ท่านแม่ ลูกต้องไปทำงาน ท่านอย่าขัดขวางลูกเลย” เหอจื้อเฟยเอ่ยด้วยความเจ็บปวดใจคนที่ยืนขวางเหอจื้อเฟยไม่ให้เหอจื้อเฟยไปทำร้ายโจร ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นมารดาของเขาเองนางเหอเหลือบมองดาบในมือของเหอจื้อเฟยแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “งานของเจ้าอยู่ในที่ว่าการไม่ใช่หรือ? เจ้าเป็นขุนนาง ไม่อยู่ในที่ว่าการ ถือดาบวิ่งออกมา นี่จะไปทำสิ่งใด? เจ้าเป็นเพชฌฆาตหรือไร? เจ้าเป็นคนฆ่าสัตว์หรือไร?”“ท่านแม่ ลูกมีงานราชการเร่งด่วนจริง ๆ ใครก็ได้!”เหอจื้อเฟยพูดพลางหันหน้าไปสั่งนักการในศาลาว่าการที่อยู่ข้างหลังเสียงดัง “พาฮูหยินผู้เฒ่ากลับจวน!” “ใครกล้าแตะต้องข้า!”นางเหอหยิบกรรไกรออกมาทันที แล้วชี้ไปยังนักการในศาลาว่าการที่เดินมาหานางหลังจากที่นักการในศาลาว่าการหยุดเดินไม่กล้าเดินข้างหน้า นางเหอก็ใช้กรรไกรจ่อคอตัวเองทันที“เหอจื้อเฟย เจ้าอย่าคิดว่าแม่แก่แล้วหูตาฟ้าฟาง ไม่รู้ว่าเจ้าจะไปที่ใด หากเจ้าไปสังหารโจรก็สังหารแม่ก่อน หลังจากนั้นค่อยข้ามศพของแม่ไป”“ท่านแม่ นี่ท่านทำอะไร?” ใบหน้าของเหอจื้อเฟยเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและอับจนปัญญาอ๋องตวนถ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1014

    โจรเข้ามาในเมืองกันหมดแล้ว แต่เหอจื้อเฟยกลับทำเป็นไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นเมื่อครู่สตรีวัยกลางคนยังบอกว่าเหอจื้อเฟยเป็นขุนนางที่ดี หรือว่าจะไม่กล้าพูดความจริงเฉินฝานบอกลาครอบครัวของสตรีวัยกลางคน แล้วรีบรุดไปยังที่ว่าการเมืองเฟิ่งหวงด้านนอกศาลาว่าการ เฉินฝานยังจงใจมองรอบหนึ่ง มีชายหลายคนเดินป้วนเปี้ยนอยู่ด้านนอกศาลาว่าการจริง ๆ ดวงตาชำเลืองมองศาลาว่าการของเมืองเฟิ่งหวงเป็นครั้งคราวสายตาของชายเหล่านั้นดูอำมหิตดุดัน มองแวบเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาพวกเขาน่าจะเป็นโจรที่สตรีวัยกลางคนพูดถึงโจรป่าคอยนั่งเฝ้าอยู่หน้าประตูที่ว่าการช่างอุกอาจนัก!เฉินฝานสาวเท้ายาว ๆ เข้าไปในที่ว่าการ“ท่านอัครเสนาบดีฝ่ายซ้าย!”เมื่อเห็นเฉินฝาน เหอจื้อเฟยก็วิ่งเข้ามาหาทันทีเฉินฝานเองก็ก้าวเท้ายาว ๆ เดินเข้าไปหาเช่นกัน เมื่ออยู่ห่างจากเหอจื้อเฟยไม่ถึงห้าเมตร...“เคร้ง!”เฉินฝานชักดาบคู่กายของนักการในศาลาว่าการคนหนึ่งออกมาอย่างฉับไว“ตะ ใต้...”ขณะที่นักการในศาลาว่าการพูดติดอ่าง เฉินฟานก็ถือดาบชี้ไปที่เหอจื้อเฟยแล้วเหอจื้อเฟยมองเฉินฟานอย่างตกตะลึง สุดท้ายก็คุกเข่าลงอย่างเงียบงัน

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status