“ใครเป็นครอบครัวเดียวกับเจ้ากัน ไสหัวไปให้พ้น ถ้ายังไม่ไสหัวไป ก็อย่ามาโทษที่ลูกธนูของข้าจะพุ่งใส่ไม่เลือกหน้า”“เมื่อครู่พวกเจ้าลงนามว่าจะตัดขาดความสัมพันธ์กับท่านปู่ท่านย่า ถ้ายังไม่ไปอีกก็ถือว่าทำผิดกฎหมายต้าชิ่งของเรา พวกข้าสามารถไปร้องเรียนกับทางการได้”“ตอนที่ข้าวและแป้งหมี่ของพวกข้ายังไม่มา อารองกับอาสามไม่ได้ออกมาจากกอไผ่หรอกหรือ พอข้าวกับแป้งหมี่มา ก็ออกมาจากท้องของท่านย่าเสียอย่างนั้น?”“สรุปแล้ว พวกเจ้าเป็นพวกสวะที่ตอนไม่มีอาหารก็สลัดพ่อแม่ตัวเองทิ้งไป พอมีอาหารก็รับว่าเป็นพ่อแม่ ครอบครัวอะไรกัน พวกเจ้าก็แค่หาข้ออ้างในการได้ส่วนแบ่งของกินของใช้พวกนี้ก็แค่นั้นเอง”สามพี่น้องช่วยกันไล่คนอย่างต่อเนื่องคนแรกที่พูดคือฉินเย่ว์เจียว ต่อจากนั้นก็เป็นฉินเย่ว์ฉู่และฉินเย่ว์โหรวเสียงของฉินเย่ว์เจียวเรียบง่ายและดุดัน ไม่ไปก็จะลงมือเดิมทีความสามารถของนางก็ไม่เลวอยู่แล้ว กองหลังก็ยังมีเฉินฝาน ทำให้ความมั่นใจของนางเต็มเปี่ยมเสียงฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้สลักสำคัญที่สุด ทว่าพลังโจมตีเต็มพิกัด มีเหตุผลและหลักการ ใช้ทางการกดดันคนโดยตรงณ ประตูที่ทำการ หลังจากที่ได้เห็นเฉินฝานใช้กฏหมายต้า
“นายท่าน นายท่าน คิดไม่ถึงว่าเขาทำร้ายท่านรุนแรงขนาดนี้เชียว...” นางเย่เงยหน้าตะโกนลั่นใส่เฉินฝานด้วยความโมโห “เงินชดเชย อย่างน้อยต้อง...”ฉินฉายจินชูมือสามนิ้วขึ้นมาสายตาของนางเย่เหลือบไปมองมือของฉินฉายจิน “สามตำลึง!”สีหน้าของฉินฉายจินบิดเบี้ยวทันทีนั้นเป็นการบิดเบี้ยวที่ทั้งเจ็บปวดและตื่นเต้นดีใจพวกเมียเหล่านี้ร้ายกว่าเขานัก!เขาชูมือสามนิ้ว เดิมทีอยากได้แค่สามร้อยเหวินเงินทั้งปีนี้เอามารวมกันทั้งหมดยังไม่ถึงสามตำลึงเลยชาวบ้านด้านนอกก็ทำสีหน้าตกใจสามตำลึง! ! !นี่มันมากเกินไปแล้ว นี่มันเป็นข้อเรียกร้องที่มากไปชัดๆไม่นานนัก ความสนใจของชาวบ้านก็ย้ายจากนางเย่ที่เสนอเรียกร้องสูง ไปหาเฉินฝานว่าจะให้เงินตำลึงเยอะขนาดนั้นหรือไม่แบบแรกคือเยอะเกินไป ไม่ให้แบบที่สองคือเฉินฝานซื้อของมากมายมาส่งได้ภายในครู่เดียว ต้องจ่ายให้แน่นอนไม่นานนัก คนที่เห็นด้วยกับแบบที่สองเยอะกว่าแบบแรกพูดไป ท้ายที่สุดก็มีคนอิจฉาฉินฉายจินมือบาดเจ็บนิดเดียว ได้สามตำลึง คุ้มชะมัดนางลวี่ที่อยู่ในบ้าน หยิกสามีตนเองด้วยความคับแค้นใจดูครอบครัวฉายจิน ประเดี๋ยวเดียวก็จะได้เงินชดเชยเยอะขนาดนั้น
ฉินฉายจินกุมนิ้วมือที่หักของเขา ใบหน้าบิดเบี้ยวดุร้ายน่ากลัวด้วยความเจ็บปวด “เจ้านี่ เจ้าแน่นักรึ เจ้าคงจะคิดว่ามีเงินนิดหน่อยก็สามารถจัดการทุกอย่างได้สินะ!”เฉินฝานยิ้มอย่างเยือกเย็น “ถูกต้อง วันนี้ข้าจะใช้เงินจัดการเจ้าจนตาย!”“เช่นนั้นเราจะได้เห็นดีกัน ไป!”ฉินฉายจินเอนตัวไปทางนางเย่ “พยุงข้าไปที่ทำการ!”เพิ่งจะเดินถึงประตู ฉินฉายจินก็หันหลังกลับมา เขามองเฉินฝานที่ยังคงนั่งอยู่ข้างกระถางไฟ “ไอหนุ่ม ทำไมยังไม่ไปอีก?ปอดแหกแล้วหรือไร? ไม่ใช่ว่าจะใช้เงินจัดการกับข้าหรอกรึ? มาสิ ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะจัดการอย่างไร?”“ไม่เป็นไร!” เฉินฝานตบไหล่ฉินเย่ว์โหรวที่กระวนกระวายใจเบาๆ “ข้าไปข้างนอกครู่เดียว ถ้าเจ้าหนาว ก็นั่งผิงไฟรอข้าก็พอแล้ว”เฉินฝานลุกขึ้นเดินออกไป เขาทำมือคำนับให้กับชาวบ้านที่เฝ้าดูอยู่ด้านนอก“ข้าน้อยเฉินฝานผู้ร่วมอาศัยหมู่บ้านซานเหอ อยากจะขอให้พี่น้องสามคนไปเป็นพยาน หากว่ายินยอมจะเป็นพยานให้ข้า ข้าจะจ่ายให้พวกเจ้าคนละสองร้อยเหวิน”เป็นพยาน?คนละสองร้อยเหวิน?ชาวบ้านที่เฝ้าดู ต่างพาจ้องหน้ากันและกันเฉินฝานทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร ให้พวกเขาไปเป็นพยานเรื่องอะไร ถ้าใ
“กฎหมายต้าชิ่ง คำกล่าวหน้าที่หก ผู้ที่บุกรุกเข้าไปที่อยู่อาศัย ขึ้นรถขึ้นเรือโดยไม่มีเหตุผลจะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย การต่อสู้ป้องกันตัวถือว่าไม่มีความผิด”“อารอง เป็นท่านที่บุกรุกเข้าบ้านท่านปู่มาตบตีพวกเราก่อน เมื่อครู่นายท่านเพียงแค่ปกป้องพวกเรา ถึงลงมือทำร้ายร่างกายท่าน ตามกฎหมายต้าชิ่งของพวกเรา นายท่านของข้าไม่มีความผิด”ฉินเย่ว์ฉู่เชิดหน้าสูง ใบหน้ามีทั้งความทะนงและความภาคภูมิใจ น้ำเสียงก็ใสแจ๋วและดังกังวานเป็นพิเศษนับถือเฉินฝานที่มองการณ์ไกลในขณะเดียวก็รู้สึกขอบคุณแม่ที่จากไปของตนเองอย่างสุดซึ้งแม่ของพี่น้องตระกูลฉินไม่เหมือนกับสาวชาวบ้านคนอื่น นางรู้หนังสือ สอนให้พวกพี่สาวรู้หนังสือ ก่อนที่ตนเองจะจากโลกนี้ไป ก็ยังสั่งเสียให้พวกพี่สาวสอนนางให้รู้หนังสือ“ตีพวกเจ้า ข้าไปตีพวกเจ้าเมื่อใด?”ถึงแม้น้ำเสียงของฉินฉายจินจะดุดัน ทว่าฟังแล้วดูขี้ขลาดเล็กน้อยนี่ก็เป็นจุดที่ฉินฉายจินไม่ชอบพี่น้องตระกูลฉินเป็นพิเศษ ช่วงก่อนที่พวกนางพี่น้องยังไม่ได้ออกเรือน ก็เป็นเพราะว่ารู้หนังสือ มักจะทำให้เขาแค้นเคืองจนน้ำท่วมปากเขาเป็นอาของพวกนางนะ จะเถียงไม่ชนะพวกนางได้อย่างไรกัน?น่าอับอ
“หลานเขย หลานเขยที่แสนดีของข้า!” นางเย่อ้อนวอนกอดขาของเฉินฝาน “อารองของเจ้าเจ็บมือ จึงหน้ามืดชั่วขณะ อาสะใภ้ขอร้องเจ้าล่ะ ปล่อยพวกข้าไปเถอะ!”“ข้ามีอาสะใภ้ในหมู่บ้านนี้ตั้งแต่เมื่อใด!” เฉินฝานสะบัดขา“เฉินฝาน!” นางเย่กอดแน่นกว่าเดิม “ข้าขอโทษ พวกข้าผิดไปแล้ว เจ้าอย่าแจ้งทางการเลย อย่าแจ้งทางการเลย!”อากาศนับวันก็ยิ่งหนาวขึ้นเรื่อยๆ มือของฉินฉายจินหักแล้ว หากติดคุกเวลานี้ ตอนออกมาไม่ตายก็พิการแล้ว“ขอโทษ คำขอโทษของท่านมีค่าอย่างไร?”“พวกข้าผิดไปแล้ว หากสามีของข้าเข้าคุกแล้วพวกข้าจะทำอย่างไร? ลูกข้ายังเล็ก”“ท่านรู้ว่าลูกของท่านยังเล็ก หากไม่มีพ่อชีวิตก็จะลำบาก แล้วพวกภรรยาของข้าเมื่อก่อนเล่า? เวลานั้นพวกนางไม่ใช่เด็กหรือ?”นึกถึงคำว่านังชั่วที่เมื่อครู่ฉินฉายจินพูด รวมถึงการปฏิบัติด้วยความใจร้ายในอดีตที่ชาวบ้านบอก เฉินฝานไม่อาจให้อภัยสามีภรรยาคู่นี้จริงๆ“ข้า...”นางเย่คิดไม่ถึงว่า เมื่อก่อนพวกตนทุบตีพวกฉินเย่ว์เจียวด้วยความสะใจนั้น วันหนึ่งสามีของพวกนางจะกลับมาแก้แค้นแม้หลับฝันนางก็คิดไม่ถึงจริงๆ ว่า พวกฉินเย่ว์เจียวจะได้สามีที่มากความสามารถเช่นนี้เฉินฝานสะบัดอย่างแรง จนนา
นางลวี่พูดจบ กระทุ้งสามีของตนเองหนึ่งครั้ง แม้ฉินฉายหัวจะไม่อยากทำแม้แต่น้อย แต่สุดท้ายก็ยอมทำ“ท่านพ่อ ท่านแม่”“หลานๆ อาและอาสะใภ้ขอโทษพวกเจ้าด้วย!”นางเย่เห็นเช่นนั้นก็บอกให้ฉินฉายจินและฉินเต๋อโห่วขอโทษพวกฉินเย่ว์เจียว ทั้งยังคำนับเขกหัวเสียงดังเฉินฝานเงียบ ไม่มีใครกล้ายกโทษให้ฉินฉายจินกับฉินฉายหัวยิ่งเวลาผ่านไปนาน สีหน้าของฉินฉายจินก็ยิ่งกระอักกระอ่วน สุดท้ายล้มลงบนพื้น“นายท่าน นายท่าน ท่านเป็นอะไรไป ท่านเป็นอะไร?” นางเย่กอดฉินฉายจินที่ล้มลงบนพื้นด้วยความกระวนกระวาย“ท่านพ่อ ท่านแม่ หลานรัก” นางเย่อ้อนวอน “ฉายจินเป็นถึงขั้นนี้แล้ว พวกท่านยกโทษให้พวกเราเถอะ”“เย่ว์เจียว เย่ว์โหรว” สีหน้านางไป๋ฉายความกังวล “พวกเจ้ายกโทษให้อาของพวกเจ้าเถอะ”“ควรจบลงได้แล้ว คนในหมู่บ้านหัวเราะเยาะนานแล้ว” ฉินเต๋อโห่วก็พูดด้วยอีกคนไม่ว่าในอดีตพวกฉินฉายจินทำสิ่งใด แต่ก็เป็นลูกชายของพวกเขา หากกล่าวว่าฉินเต๋อโห่วกับนางไป๋ไม่ปวดใจเลยสักนิดก็เป็นเรื่องโกหก“นายท่าน...”ฉินเย่ว์โหรวมองเฉินฝาน ดวงตาอ่อนโยนร้องขอความเมตตาเฉินฝานเดินไปหาพวกภรรยา ตอนเดินผ่านฉินฉายจินกับนางเย่ โยนเศษเงินทิ้งสองก้
“ขอบคุณเขยฝาน”คำขอบคุณมากมายหลั่งไหลเข้ามาเฉินฝานรีบโบกมือ “เกรงใจแล้ว เมื่อครู่พวกท่านช่วยข้า นี่คือสิ่งที่ข้าพึงกระทำ!”“พวกข้าเพียงช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ก็แค่พูดเท่านั้น ต้องขอบคุณความใจกว้างของเจ้า”“เช่นนั้น...ในเมื่อพวกท่านเรียกข้าว่าลูกเขยแล้ว พวกท่านควรขอบคุณบรรดาภรรยาของข้า รวมถึงท่านปู่ท่านย่าที่เลี้ยงดูพวกนางจนเติบใหญ่!”“เขยฝานพูดถูก”ชาวบ้านหันไปขอบคุณพวกฉินเต๋อโห่ว“ข้าและพวกเย่ว์เจียวคงไม่อาจกลับมาทุกวันได้ หลังจากนี้คงต้องรบกวนทุกคนช่วยดูแลคนแก่ทั้งสองด้วย”“แน่นอน แน่นอน”“ไอ้แก่!” นางไป๋น้ำตาคลอเบ้านานแล้ว “ได้หลานเขยอย่างเสี่ยวฝาน เป็นวาสนาของพวกเราจริงๆ”การกระทำนี้ของเฉินฝาน มองผิวเผินคล้ายทำเพียงสิ่งเดียว แต่ความจริงทำสองสิ่ง ทั้งยังเป็นสองสิ่งที่ทำให้พวกเขาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขประการแรก ท่ามกลางสายตามากมายของชาวบ้าน อนาคตพวกฉินฉายจินและฉินหายหัวไม่กล้ารังแกพวกเขาพร่ำเพรื่อแน่นอนประการที่สอง เดิมทีไม่มีใครเป็นห่วงและดูแลพวกเขา แต่นับจากนี้ พวกเขาจะได้รับการดูแลจากคนทั้งหมู่บ้าน“ใช่! วาสนาของพวกเราน่าจะเริ่มตั้งแต่รับซูอิงมา นางเป็นมารดาของหลานสาว”
ภาพตอนกลับถึงหมู่บ้านซานเหอกับตอนอยู่หมู่บ้านตระกูลฉินแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงตอนอยู่หมู่บ้านตระกูลฉิน พี่น้องตระกูลฉินได้รับคำชื่นชมจากคนทั้งหมู่บ้าน ตรงกันข้ามกับตอนอยู่หมู่บ้านซานเหอตอนผ่านต้นไหวใหญ่หน้าหมู่บ้าน เริ่มได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์เช่นไร้ยางอาย ใช้เงินของครอบครัวสามีจนหมด ส่งของกลับบ้านก็ไม่แบ่งให้ญาติผู้ใหญ่ของครอบครัวสามีทำให้บุรุษหลงเสน่ห์ ให้สามีมีภรรยาแล้วลืมแม่ของตนเป็นต้นแม้เสียงวิพากษ์วิจารณ์นั้นไม่ได้พูดชื่อ แต่ทุกคนฟังออกว่ากำลังพูดถึงสามพี่น้องตระกูลฉินเฉินฝานลากของเต็มคันรถไปถึงหมู่บ้านตระกูลฉิน เรื่องนี้แพร่สะพัดไปทั้งหมู่บ้านตั้งนานแล้ว มีคนอิจฉาแต่มีคนริษยามากกว่าโดยเฉพาะตอนเรื่องนี้ไปถึงตระกูลฉินและตระกูลเจียง เฉินฟู่และนางโจวรู้สึกแย่ยิ่งนักพวกเขาในฐานะปู่กับย่าของเฉินฝาน หลานชายหาเงินได้ก้อนใหญ่ พวกเขาควรเป็นคนแรกที่ได้เสพสุข แต่เวลานี้กลับเป็นพี่น้องตระกูลที่ได้รับมองรถม้าของเฉินฝานขับออกไป จางเหลียนฮวาที่อุ้มลูกอยู่นั้นพูดขึ้นช้าๆ“แม้เมื่อก่อนเสี่ยวฝานจะทำตัวแย่ไปหน่อย แต่เขาดีกับปู่และย่าของเขามาก ยามมีของอร่อยต้องให้ปู่กับย่าก่อน แ
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ