ฉินเย่ว์เหมยสะบัดมือ“เพียะ!”ฝ่ามือตบไปที่ใบหน้าของเสิ่นไต้มั่นอย่างรุนแรง ดวงหน้าขาวเนียนงดงามนั้นปรากฏรอยฝ่ามือในพริบตารอยฝ่ามือนั้นมองเห็นได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังแดงก่ำ เห็นได้ว่าฉินเย่ว์เหมยลงแรงมากเพียงใด“อ๊าย!”เสิ่นไต้มั่นกรีดร้องออกมา นางเพิ่งคลอดบุตร ร่างกายยังอ่อนแอมาก ฝ่ามือนี้ของฉินเย่ว์เหมยตบจนดวงตาของนางมีดาวระยิบระยับ ขนาดคุกเข่าก็ยังทรงตัวไม่อยู่ ล้มลงไปในอ้อมแขนของหมัวมัวที่อยู่ข้างกายโดยพลันเสิ่นไต้มั่นเอามือกุมแก้ม ถามฉินเย่ว์เหมยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความงุนงง “ฝ่าบาท เหตุใดพระองค์ถึงทำเช่นนี้เพคะ?”ฉินเย่ว์เหมยชี้ไปที่เสิ่นไต้มั่นแล้วก่นด่าเสียงดังว่า “เจ้ามันคนแพศยาไม่รู้จักยางอาย ลอบคบชู้แล้วยังมีหน้ามาเสแสร้งทำตัวเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมที่นี่อีก และยังมีหน้าอุ้มเด็กมาอีกหรือ?”ถ้อยคำของฉินเย่ว์เหมยราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ ทำให้ทุกคนตกตะลึงกันหมด“อะไรนะ? อะไรนะ? พวกเจ้าได้ยินที่ฝ่าบาทตรัสชัดเจนหรือยัง?”“ได้ยินชัดเจนแล้ว ฝ่าบาทตรัสว่าฮองเฮาคบชู้ และยังตรัสอีกว่าฮองเฮามีหน้าอุ้มองค์ชายน้อยมาได้อย่างไร”“สวรรค์ เช่นนั้นไม่ใช่ว่า...องค์ชายน้อยไ
“ผู้บัญชาการหง เป็นข้าที่โยนความผิด หรือว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าบ้าตัณหากันแน่?”การซักถามติดต่อกันของเสิ่นหมิงหยางทำให้หงอิงไม่อาจโต้กลับได้เลยบัดนี้ฉินเย่ว์เหมยมีเฉินฝาน มีพ่อลูกตระกูลเหอ มีการสนับสนุนจากกองทัพลาดตระเวน ไม่ใช่หุ่นเชิดที่เสิ่นหมิงหยวนสามารถควบคุมได้ตามใจชอบมานานแล้ว ตั้งแต่วันที่เฉินฝานดำรงตำแหน่งอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย ฉินเย่ว์เหมยก็ขับไล่ทหารรักษาการณ์เมืองหลวงในวังออกไปตอนนี้ภายในวังมีเพียงทหารรักษาพระองค์ของหงอิงเท่านั้นคำพูดสั้น ๆ สองประโยคของเสิ่นหมิงหยวนก็ลากหงอิงลงน้ำแล้ว หากฉินเย่ว์เหมยอยากประหารเสิ่นไต้มั่น เช่นนั้นหงอิงก็ต้องตายด้วยเช่นกัน“ฝ่าบาท ขอทรงโปรดตรวจสอบให้ละเอียดด้วยเพคะ หากเป็นทหารรักษาพระองค์ของหม่อมฉัน หม่อมฉันจะตายเพื่อชดใช้ความผิดเดี๋ยวนี้เพคะ!” หงอิงคุกเข่าลงทันทีแล้วเอ่ยออกมา ความหมายของหงอิงชัดเจนมาก นางอยากให้ฉินเย่ว์เหมยไม่ต้องสนใจนาง นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง หากผู้ใต้บังคับบัญชาของนางเป็นคนทำจริง ๆ ฉินเย่ว์เหมยสามารถละทิ้งนางได้ทันที “ฝ่าบาท โอกาสยากจะได้มา หากพลาดไปก็จะไม่มีมาอีกแล้วนะเพคะ!” หงอินอ้อนวอนฉินเย่ว์เหมย หา
“อย่านะ!”เสียงของเฉินฝานช้าไปเสียแล้ว ความงดงามที่ดำขลับดกหนาบนศีรษะของฉินเย่ว์เหมยสยายลงมาจากยอดศีรษะราวกับน้ำตกสีดำ ริมฝีปากแดง ดวงหน้างดงาม นัยน์ตาดุจดวงดารา จมูกสวย ดูเย็นชาทระนงตน ฉินเย่ว์เหมยที่ยืนเอามือไพล่หลังดูสวยและสง่างาม “ว้าว...”“นะ นี่...”“ฝ่าบาท ทรง ทรงเป็นสะ สตรีหรือเนี่ย?!” “ฮ่องเต้ของแคว้นต้าชิ่งเราเป็นสตรี!”ไม่เพียงแต่ราษฎรรอบด้านที่ตกใจ แม้แต่ขุนนางและเชื้อพระวงศ์ทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนเบิกตาโต ตกตะลึงอยู่กับที่“มิน่า มิน่า มิน่าล่ะ!”เสิ่นหมิงหยวนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ปากพูดพร่ำไม่หยุด สีหน้าบนใบหน้าเปลี่ยนเป็นหลากหลายราวกับกล้องสลับลายก็ไม่ปาน ตกใจ ตื่นเต้น ไม่เข้าใจ เข้าใจ และประหลาดใจแกมยินดีมิน่าล่ะ ตั้งแต่ที่ตกจากหลังม้า เห็นได้ชัดว่าฉินหย่งคังที่เหลือเท้าอีกแค่ข้างเดียวยังไม่ได้ยืนอยู่บนเส้นทางสู่ปรโลก จู่ ๆ กลับฟื้นกลับมา และขึ้นครองบัลลังก์โดยสมบูรณ์ไม่มีการบุบสลายมิน่าล่ะ ฉินหย่งคังที่ให้กำเนิดองค์หญิงหลายพระองค์แล้ว จู่ ๆ กลับชมชอบผู้ชาย และไม่ยอมเข้าวังหลังอีกมิน่าล่ะ ฉินหย่งคังที่เคยกลัวร้อนจู่ ๆ ถึงได้กลัวความหนาว ต่อให้อยู่
โอวหยางน่าหลันหันไปมองเฉินฝาน สายตาเริ่มเปลี่ยนเป็นซับซ้อน เวลานี้นางทั้งนับถือฉินเย่ว์เหมยทั้งรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อยดูจากการแสดงออกของเฉินฝาน เขาจะต้องรู้แต่แรกแล้วว่าฉินเย่ว์เหมยเป็นสตรีนอกจากจักรพรรดินีแคว้นเหมี่ยนแล้ว โอวหยางน่าหลันคิดมาตลอดว่านางเป็นคนที่มีฐานะและรูปโฉมโดดเด่นที่สุดในหมู่ภรรยามากมายของเฉินฝาน บัดนี้...โอวหยางน่าหลันเงยหน้ามองฉินเย่ว์เหมยอีกครั้ง ฉินเย่ว์เหมยยังคงยืนอยู่ในท่วงท่าเดิม เผชิญหน้ากับสายตาและคำพูดต่าง ๆ นานาจากรอบข้างโดยไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อยยืนตระหง่านไม่ไหวติง!สายลมอ่อน ๆ พัดผ่านจากบนใบหน้าของนาง นำพาเส้นผมที่สยายลงบนใบหน้าขึ้นมา ปลายผมปลิวไสวเล็กน้อยโอวหยางน่าหลันอดตัวสั่นไม่ได้ นางที่เย่อหยิ่งจองหองวางตัวเหนือกว่าผู้อื่นมาโดยตลอด ก้มศีรษะให้สตรีเป็นครั้งแรกเนื่องจากเวลานี้ ฉินเย่ว์เหมยที่นางเห็นดูเหมือนกับเทพเจ้า ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับผู้ใด เผชิญหน้ากับสายตาแบบไหน สายตาของฉินเย่ว์เหมยก็ดูเยือกเย็นกระจ่างใส มีเพียงยามที่สบตากับเฉินฝานเท่านั้นถึงมีการเปลี่ยนแปลงแม้ว่าฉินเย่ว์เหมยจะปกปิดไว้ดีมาก แต่ในฐานะที่โอวหยางน่าหลันเป็นสตรีจะ
เมื่อเห็นชาวบ้านและทหารมากมายต่างก็ยกมืออยากให้ฉินเย่ว์เหมยปลิดชีพตนเอง ขุนนางมากมายก็เริ่มยกมือด้วยเช่นกันถึงขนาดที่มีเชื้อพระวงศ์มากมายเดินออกมาด่าทอเสียงดัง“ซูซิวฉีหาบุตรีนอกสมรสมาสวมรอยก่อนตาย ช่างชั่วร้ายเกินไปแล้วจริง ๆ”“ทำร้ายสายเลือดของราชวงศ์ต้าชิ่งเรา ฟ้าดินไม่อาจให้อภัย!” “ปลิดชีพตนเองยังน้อยไป สมควรโดนม้าแยกร่างทันที!”“ตัวบัดซบ!” อ๋องตวนตวาดใส่เชื้อพระวงศ์เหล่านั้นด้วยความโกรธเกรี้ยว “พวกเจ้าก็มาเพิ่มความวุ่นวายด้วยหรือ ไสหัวกลับไปเสีย!” แม้ว่าอ๋องตวนกดดันเสิ่นหมิงหยวนไม่ได้ในราชสำนัก แต่ในฐานะที่เขาเป็นท่านอ๋อง เป็นตัวตนที่บดขยี้ในหมู่เชื้อพระวงศ์อย่างแน่นอน เพราะว่าหากไม่มีอ๋องตวน เสิ่นหมิงหยวนคงกดดันพวกเขารุนแรงมากยิ่งขึ้น หลายคนในหมู่พวกเขาอย่าว่าแต่ไม่สามารถเพลิดเพลินกับความรุ่งเรืองมั่นคั่งได้เลย เกรงว่าแม้แต่ชีวิตก็คงไม่มีแล้ว เชื้อพระวงศ์เหล่านั้นก้มหน้าถอยกลับไปทีละคน“ท่านอ๋อง บรรดาเชื้อพระวงศ์จะก่อความวุ่นวายเพิ่มได้อย่างไร? พวกเขาปกป้องสายเลือดของราชวงศ์ หรือท่านอ๋องทนให้สตรีที่มีที่มาไม่ชัดเจนนั่งบนบัลลังก์มังกรของแคว้นต้าชิ่ง ทำให้สายเลือดราชว
ขณะที่อ๋องตวนกล่าวก็มีลมพัดมาพอดี ลมพัดเส้นบนที่สยายลงมาบนใบหน้าของฉินเย่ว์เหมยขึ้น หลังจากลมพัดผ่านไปแล้วเส้นผมก็ตกลงบนแก้ม “สวรรค์!” รอบข้างมีเสียงอุทานของประชาชน “ฝ่าบาทหน้าตาเหมือนกับเซิ่งโฮ่วบนภาพวาดปีใหม่เลย!” เซิ่งโฮ่วที่ประชาชนเอ่ยออกมาจากปากนั้นก็คือฮองเฮาหม่าขององค์ปฐมกษัตริย์ ในภาพวาดขององค์ปฐมกษัตริย์และฮองเฮาหม่าของแคว้นต้าชิ่งเป็นภาพวาดที่ขายดีที่สุดรองจากเทพเจ้าแห่งโชคลาภ ร้านหนังสือและร้านภาพวาดจะทำภาพเหมือนของพวกพระองค์เป็นภาพปีใหม่ ประชาชนซื้อไปแขวนไว้ที่บ้าน นอกจากปัดเป่าวิญญาณขจัดเภทภัย ยังสวดมนต์ขอพรให้ทั้งสองพระองค์คุ้มครองคนในครอบครัวพวกเขา กิจการรุ่งเรื่อง มีความรักที่สมดังใจ“ไม่ใช่คล้ายมาก แต่คล้ายอย่างยิ่ง!”“แทบจะเหมือนกันไม่มีผิดเลย!” เสียงผู้คนรอบด้านดังกึกก้อง ไม่มีใครโต้แย้งเรื่องที่ฉินเย่ว์เหมยหน้าตาเหมือนกับฮองเฮาหม่า เนื่องจากฉินเย่ว์เหมยที่มีเส้นผมสยายลงมาข้างแก้มดูเหมือนฮองเฮาหม่าอย่างยิ่งจริง ๆ นี่ก็คือหนึ่งในเหตุผลที่ซูซิวฉีให้ฉินเย่ว์เหมยปลอมตัวเป็นฉินหย่งคัง ฉินหย่งคงก็หน้าตาเหมือนฮองเฮาหม่าเช่นกัน แต่ไม่ได้เหมือนเท่าฉินเย่ว์เหมยซู
สถานะที่พัวพันไม่ชัดเจนระหว่างฉินเย่ว์เหมยกับเฉินฝาน ไม่เพียงแต่ชาวเมืองหลวงที่รู้ ผู้คนทั่วทั้งต้าชิ่งต่างก็รู้ เมื่อก่อนฉินเย่ว์เหมยเป็น “บุรุษ” ตอนนี้กลับไม่เหมือนกัน“เรื่องนั้นไม่ได้เป็นอันขาด!”คนแรกที่ออกมาคัดค้านก็คือเชื้อพระวงศ์เหล่านั้น และครั้งนี้ท่าทีของพวกเขาดูแข็งกร้าวขึ้น“ท่านอ๋องตวน ท่านว่ากระหม่อมพูดถูกต้องหรือไม่?”เสิ่นหมิงหยวนถามอ๋องตวนที่เงียบไม่พูดไม่จามาโดยตลอด อ๋องตวนเป็นพระอนุชาแท้ ๆ ของอดีตฮ่องเต้ หากเขาคัดค้านด้วย เช่นนั้นฉินเย่ว์เหมยก็ต้องลงจากบัลลังก์แล้ว อ๋องตวนทำหน้าทะมึนพลางถลึงตาใส่เสิ่นหมิงหยวนด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ก็ไม่เอ่ยอันใดเมื่อเผชิญหน้ากับการถลึงมองด้วยความเกรี้ยวกราดของอ๋องตวน เสิ่นหมิงหยวนไม่เพียงไม่ท้อถอย แต่กลับเชิดหน้าสูงยิ่งขึ้น “กระหม่อมดูออกแล้ว พ่อตาอย่างท่านอ๋องตวนช่างยิ่งใหญ่เกินไปแล้วจริง ๆ ถึงขนาดสามารถยกแผ่นดินของตระกูลฉินให้ผู้อื่นได้” สีหน้าของอ๋องตวนดูมืดมนยิ่งขึ้น เขาสนับสนุนฉินเย่ว์เหมยอย่างเต็มกำลังแน่นอน เขาเองก็ไม่ตระหนี่ความโปรดปรานของตนที่มีต่อเฉินฝานเลยแม้แต่น้อย เขาถึงขนาดสามารถยกทรัพย์สินของทั้งจวนอ๋องให้เฉ
“ใต้เท้า!”ท้ายที่สุดแม้แต่ไป่เผยหรานและเหอจื่อหลินก็คุกเข่าด้วยระบบสืบทอดอำนาจทางสายเลือดหยั่งรากฝังลึกลงไปในแก่นแท้ของคนยุคโบราณเหล่านี้ไปเรียบร้อยแล้วเฉินฝานกวาดสายตามองโดยรอบ ท้ายที่สุดมองกลับจุดเดิม ริมฝีปากสั่นเล็กน้อย “ข้า...”“ชิ้ง~”เสียงกังวานดังขัดคำพูดของเฉินฝานตอนที่เฉินฝานกำลังจะพูด ฉินเย่ว์เหมยชักกระบี่อ่อนจากช่วงเอวออกมาทันทีใต้แสงอาทิตย์ กระบี่อ่อนสีเงินเปล่งประกาย รังสีน่าเกรงขามดูแล้วชวนให้รู้สึกหวาดกลัวอย่างมากฉินเย่ว์เหมยยกกระบี่อ่อนในมือขึ้น“ฝ่าบาท!”เฉินฝานรีบเดินสับขามาด้านหน้าฉินเย่ว์เหมยอย่างรวดเร็ว เขากลัวว่าฉินเย่ว์เหมยจะหุนหัน กลัวว่านางจะโกรธสุดขีดจนฟาดกระบี่สังหารเสิ่นหมิงหยวนวันนี้เสิ่นหมิงหยวนต้องตายก็จริง แต่ไม่ใช่ตายเช่นนี้ ต้องยอมรับสารภาพผิดและรับโทษตามกฎหมายต้าชิ่งต่อหน้าสาธารณชนการห้ามปรามของเฉินฝานสายไปเสียแล้วทว่า ฉินเย่ว์เหมยยกกระบี่ขึ้นมาไม่ใช่จะสังหารเสิ่นหมิงหยวน แต่นำมาตัดผมของตนเองออกมากระจุกหนึ่ง“นี่เจ้ากำลังจะ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์เหมยด้วยความมึนงง เขาไม่เข้าใจเจตนาที่ฉินเย่ว์เหมยทำเช่นนี้แตกต่างจากคนโดยรอบ เ
“หา เจ้าว่าอะไรนะ? เสียงเบายิ่งนัก พูดอีกครั้งสิ!” เฉินฝานกล่าวเขาได้ยินแล้วจริงๆ แต่จะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน อาศัยโอกาสนี้เล่นงานเด็กน้อยหวงหวั่นเอ๋อร์คว้าผมของเฉินฝาน “คนบ้า ข้าไม่เชื่อว่าท่านไม่ได้ยิน”“อ๊าก เจ็บๆ เจ้าทึ้งผมข้าเจ็บเช่นนี้ ประเดี๋ยว หากข้าไม่ออกแรงมากหน่อย จะคลายความเจ็บนี้อย่างไร” เฉินฝานก็ไม่เกรงใจ ยังคงพูดจาเหลวไหลหวงหวั่นเอ๋อร์ปล่อยเฉินฝานอย่างว่าง่าย ไม่กล้าพูดอะไรอีกเฉินฝานแบกหวงหวั่นเอ๋อร์เดินหน้า ทั้งสองต่างฝ่ายต่างเงียบ มีเพียงเสียงฝีเท้าและเสียงครางที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ของหวงหวั่นเอ๋อร์เท่านั้น“ท่านจะเดินไปที่ใดอีก? ข้ายอมเข้าหอกับท่านแล้วไม่ใช่หรือ?”“เจ้าจะถอนหมั้นไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ตกลงแต่งงานกับข้าแล้วหรือ?” เฉินฝานตอบไม่ตรงคำถาม“ใครจะแต่งงานกับท่าน?”หวงหวั่นเอ๋อร์กัดฟันแน่นจนเสียงดัง นางแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว นางอยากจูบเฉินฝานยิ่งนักเมื่อก่อนรู้สึกว่าชายคนนี้เหม็นเหงื่อยิ่งนัก เหตุใดตอนนี้แม้กระทั่งเหงื่อของเขาก็มีกลิ่นหอมนี่มันเวลาไหนแล้ว เขายังจะพูดเช่นนี้อีก“เจ้าตกลงเข้าหอแล้วไม่ใช่หรือ?”“เข้าหอต้องแต่งงานเท่านั้นหรือ?”“เข้า
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง มือทั้งสองข้างของนางยื่นไปที่คอของเฉินฝานดูจากท่าทางของนางแล้ว คล้ายกำลังจะกอดคอเฉินฝานเฉินฝานยื่นคอไปให้นางอย่างว่าง่าย“ไสหัวไปซะ!”ทันใดนั้นเองมือของหวงหวั่นเอ๋อร์เปลี่ยนทิศทาง ผลักเฉินฝานอย่างแรง นางมีกำลังภายในสูง เฉินฝานจึงกระเด็นไปไกลหลังจากเดินโซซัดโซเซอยู่หลายตลบ เฉินฝานก็ทรงตัวได้“เอื๊อก!”หวงหวั่นเอ๋อร์อาเจียนเป็นเลือดอีกครั้ง“ชิ้ง!” หวงหวั่นเอ๋อร์ทิ่มดาบลงไปบนพื้น ทิ้งน้ำหนักตัวไปที่ดาบ นางที่กำลังคุกเข่าอยู่นั้นหายใจหอบภายใต้แสงจันทร์ พวงแก้มของนางแดงยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ให้ตายสิหวงหวั่นเอ๋อร์สบถในใจยาของคงจิ้งคนต่ำช้านั่นช่างรุนแรงเสียจริง นางใช้กำลังภายในขับพิษอยู่นาน แต่กลับขับได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นตอนนี้หวงหวั่นเอ๋อร์ไม่กล้าใช้กำลังภายในขับพิษแล้ว ขืนขับอีก ยาไม่ได้ขับออกมา แต่อวัยวะภายในของนางจะพังหมดเฉินฝานก็เห็นแล้วว่าหวงหวั่นเอ๋อร์ทรมานอย่างมาก เขาเดินไปหานาง“ปล่อยข้า!”เฉินฝานไม่เพียงไม่ปล่อยหวงหวั่นเอ๋อร์ตามคำสั่งนาง เขาโค้งตัวลงแล้วแบกหวงหวั่นเอ๋อร์ขึ้นมา“ปล่อยข้า!”ยิ่งหวงหวั่นเอ๋อร์ร้องตะโกน เฉินฝานก็เดินเร
ม้าตายทำให้รถม้าล้มลงเฉินฝานจำต้องกระโดดออกมาจากรถม้าเฉินฝานเงยหน้ามองรอบๆ โดยรอบมืดสนิท ไร้ผู้คน“แม่นางหวง ดูสิ เจ้าไม่ยอมฟังข้า ตอนนี้ม้าตายแล้วจะทำอย่างไรดี”หวงหวั่นเอ๋อร์ที่ปากเก่งมาโดยตลอด ทั้งยังเจ้าเล่ห์และร้ายกาจ แต่ตอนนี้กลับไม่ยอมตอบคำถามของเฉินฝานเฉินฝานฉงนยิ่งนัก “แม่นางหวง แม่นางหวง!”หลังจากจุดพับไฟเสร็จ ก็ตามหาอยู่นานพักใหญ่ กว่าเฉินฝานจะเจอตัวหวงหวั่นเอ๋อร์หวงหวั่นเอ๋อร์นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ห่างจากรถม้าประมาณสิบเมตร ไม่ว่าเฉินฝานจะร้องเรียกนางอย่างไร นางก็ไม่ตอบ เอาแต่ก้มหน้านั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้นหวงหวั่นเอ๋อร์ที่เป็นเช่นนี้ เฉินฝานไม่เคยพบเจอมาก่อนทำตัวผิดปกติ ต้องมีเรื่องบางอย่างแน่นอน!เฉินฝานเดินไปหาหวงหวั่นเอ๋อร์ ก้มหน้าร้องเรียกนาง “แม่นางหวง”หวงหวั่นเอ๋อร์ยังคงไม่สนใจเฉินฝาน ตัวของนางกำลังสั่นเทา แม้จะสั่นเทาเพียงเล็กน้อย แต่เฉินฝานก็ยังดูออก“แม่นางหวง เจ้าไม่สบายหรือ?”เฉินฝานเป็นห่วง คนที่ปกติร่าเริง กลับเงียบกะทันหัน เกรงว่าคงจะล้มป่วยแล้ว“แม่นางหวง เจ้าไม่สบายตรงไหน?”เฉินฝานยื่นมือไปเปิดหมวกของหวงหวั่นเอ๋อร์“อย่าแตะต้องข้า!”เฉินฝาน
เถียนเสี่ยวอวี่ขอบคุณคงจิ้งในใจ“ใต้เท้า!”เสียงของเถียนเสี่ยวอวี่ดังกว่าเดิม เรี่ยวแรงและเสียงของนางดังและมากพอกันเถียนเสี่ยวอวี่ที่กำลังบ้าคลั่ง ตอนเฉินฝานเสพสุข เขาอยากหัวเราะเล็กน้อยเขาและเถียนเสี่ยวอวี่ร่วมหฤหรรษ์กันสองครั้ง ล้วนเป็นเพราะเหตุผลเดียวกันช่างเถอะไม่ว่าจะเพราะเหตุผลใด มีความสุขก่อนค่อยว่ากันมือข้างหนึ่งประคอง มือข้างหน้าปิด...ทั้งสองบ้าไปแล้วนี่เป็นการเดินทางแสนพิเศษที่เปี่ยมไปด้วยความสุข...ตอนเฉินฝานออกมาจากห้องของเถียนเสี่ยวอวี่ จางหย่าเชาจัดการเรื่องของสวี่ซื่อเจี๋ยเรียบร้อยแล้ว ทางด้านจางหย่งเชามีองครักษ์เงา ‘ดูแลความปลอดภัย’ ส่งกลับเมืองหลวงเฉินฝานอยากพาเถียนเสี่ยวอวี่กลับเมืองหลวงไปด้วยกัน แต่เถียนเสี่ยวอวี่ปฏิเสธอีกครั้งการได้มีช่วงเวลาแสนพิเศษกับเฉินฝานสองครั้ง ชีวิตนี้นางรู้สึกพอใจมากแล้วเป็นภรรยาของเขา นางไม่คู่ควรเพราะเถียนเสี่ยวอวี่ทำความผิด จึงจำต้องบวชใหม่อีกครั้ง พร้อมกับพักนอกสำนักระยะหนึ่งหลังจากเฉินฝานจัดการเรื่องที่พักให้เถียนเสี่ยวอวี่เสร็จ เขาก็ออกเดินทางด้านนอกเรือนของเถียนเสี่ยวอวี่ หวงหวั่นเอ๋อร์นั่งอยู่บนรถม้ารอ
“ท่านอาจารย์ ไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็น...”“ใต้เท้า ข้ารู้ว่าท่านกังวลสิ่งใด ทว่าพุทธศาสนามีหลักธรรมเมตตาต่อสรรพชีวิต ตอนนี้คงอันกำลังจะตาย พระพุทธต้องเข้าใจแน่นอน หากพระพุทธองค์พิโรธ เช่นนั้นข้าจะขอรับผิดชอบสิ่งที่ตามมาเอง”“ท่านผู้ดูแล ท่านผู้ดูแล!”เสียงร้อนรนดังมาจากในวัดตามด้วยร่างของคนๆ หนึ่งปรากฏตัวด้วยความเร็วสูง“ใต้เท้า!”นางพุ่งตัวออกมาแล้วหยุดตรงหน้าเฉินฝานคนคนนี้คือชิงหนิง นางคุกเข่าบนพื้น “โปรดช่วยท่านผู้ดูแลด้วย”ชิงหนิงไม่รอเฉินฝานรับปาก นางลุกขึ้นก่อน “ใต้เท้า ล่วงเกินแล้ว!”พูดจบ นางคว้าแขนของเฉินฝาน วิ่งเข้าไปในสำนักชิงเมี่ยวด้วยความเร็วสูงรอเฉินฝานดึงสติกลับมาได้ เขาก็อยู่ในห้องของเถียนเสี่ยวอวี่แล้ว“ปั้ง!”“ใต้เท้า โปรดช่วยท่านผู้ดูแลด้วยเจ้าค่ะ”“ใต้เท้า โปรดช่วยคงอันด้วย”ด้านนอก เสียงของชิงหนิงและหลิงอวี้ ดังขึ้นตามๆ กัน“ปั้ง!”เฉินฝานล้มลงบนพื้นเถียนเสี่ยวอวี่ที่เดิมทีอยู่บนเตียง ไม่รู้ว่านางอยู่ข้างกายเขาตั้งแต่เมื่อใด นางกระโจนเข้าไปหาเฉินฝาน เขาไม่ทันตั้งตัว จึงไม่อาจทรงตัวได้ทำให้ล้มลงกับพื้นเถียนเสี่ยวอวี่ไม่มีสติ
เฉินฝานเปิดม่านรถม้ามองใบหน้าแดงก่ำของเฉินฝาน แววตาจางหย่งเชาฉายความตกตะลึง เขาย่อมทราบเรื่องที่สวี่ซื่อเจี๋ยวางแผนสวี่ซื่อเจี๋ยยังบอกเขาอีกว่า หากเฉินฝานมาถึงเมืองหรงตู เช่นนั้นหมายความว่าแผนการของสวี่ซื่อเจี๋ยสำเร็จแล้ว รอเฉินฝานมาถอนคำสั่งเนรเทศเท่านั้นจางหย่งเชามองใบหน้าแดงก่ำของเฉินฝาน รวมถึงดวงตาแดงจัดที่ผ่านการอดกลั้นอย่างแรงกล้า เขารู้สึกทันทีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นย่อมไม่ธรรมดาเฉินฝานกวาดมองเขาด้วยแววตาเย็นชา “จางหย่งเชาเจ้าช่างเก่งจริงๆ ข้ายังไม่ได้ส่งคนมาแจ้ง เจ้าก็รู้ล่วงหน้าแล้วว่าข้าจะมา”“ใต้เท้า” ตัวของจางหย่งเชาสั่นเทาเล็กน้อย “มีทหารมารายงานว่า ท่านออกจากสำนักชิงเมี่ยวแล้ว”“ช่างใจกล้ายิ่งนัก ถึงขนาดกล้าส่งคนไปสะกดรอยข้า”“ใต้เท้า!” จางหย่งเชารีบอธิบาย “ข้าเปล่าขอรับ ข้าเปล่า ข้าเพียงเป็นห่วงความปลอดภัยของใต้เท้า ดังนั้นจึงส่งพวกเขาไปคุ้มกันความปลอดภัยของใต้เท้าที่สำนักชิงเมี่ยว”“คุ้มกันหรือจับตาดู เจ้ารู้ดีแก่ใจ!”เฉินฝานไม่เปลืองน้ำลายกับจางหย่งเชา เหยียบแผ่นหลังของเขาลงจากรถม้า แล้วตรงไปยังรถคุมขังสวี่ซื่อเจี๋ยสวี่ซื่อเจี๋ยเฝ้ารอเฉินฝานด้วยความมั่นใจเต
คำพูดของคงจิ้งทำให้เฉินฝานโอบเถียนเสี่ยวอวี่ไว้แน่นโดยไม่รู้ตัวราวกับคนจมน้ำเจอขอนไม้ เถียนเสี่ยวอวี่ตะเกียกตะตายขึ้นมาความร้อนในร่างกายแทบจะเผาทำลายสติของนางจนหมดสิ้นเถียนเสี่ยวอวี่ดีดดิ้นในอ้อมกอดของเฉินฝาน นางหงุดหงิดเสื้อผ้าที่เฉินฝานสวมใส่ จึงฉีกเสื้อของเฉินฝาน วินาทีที่ริมฝีปากของเถียนเสี่ยวอวี่ประทับลงบนตัวเขา เฉินฝานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ลูกกระเดือกของเขากลิ้งไปมา ร่างกายของเขารู้สึกราวถูกมดนับหมื่นตัวกัดเฉินฝานกัดฟันแน่น ยกมือขึ้นประคองศีรษะของเถียนเสี่ยวอวี่ ล็อกศีรษะของนางเอาไว้แน่นเวลานี้ คงจิ้งเดินเข้ามาแล้ว“สมกับเป็นท่านอัครเสนาบดีจริงๆ เจอข้าก็ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย ใต้เท้า...” คงจิ้งหยุดชะงักครู่หนึ่ง น้ำเสียงเบาลงมาก“พวกข้าไม่ได้อยากทำให้ท่านลำบากใจ ขอเพียงท่านปล่อยตัวท่านอาของข้า ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในเมืองหรงตูอีก เรื่องระหว่างท่านกับคงอัน จะถือว่าไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้น”“หากใต้เท้าไม่ยอม เช่นนั้นเราคงต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!” ถ้อยคำประโยคนี้ คงจิ้งพูดไม่ดังนัก แต่เปี่ยมไปด้วยพลังเฉินฝานไม่ตอบคงจิ้ง เขาอดทนกับความร้อนในร่างกาย เอาตัวเถียนเสี่ยวอวี่ไปใ
“ใต้เท้า!”“เสี่ยวอวี่...” เฉินฝานมองเถียนเสี่ยวอวี่ที่แนบชิดเขาด้วยแววตาตกตะลึงเถียนเสี่ยวอวี่ที่ไร้วรยุทธ์ ตั้งแต่เตียงมาถึงจุดที่เฉินฝานยืนอยู่ ความเร็วของนางเทียบเท่าชิงหนิงที่มีวรยุทธ์“ใต้เท้า ข้า...ข้า...อยาก...”เช่นเดียวกับเหตุการณ์ครั้งนั้นที่เกิดขึ้นกับเฉินฝาน นางถูกวางยาที่คล้ายคลึงกัน เถียนเสี่ยวอวี่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับตนเอง นางอยากให้เฉินฝานช่วยนาง แต่นางก็กลัวว่าจะเป็นการทำลายเฉินฝานร่างกายและความคิดย้อนแย้งกันอย่างมาก ทำให้เถียนเสี่ยวอวี่ดูทรมานมากยิ่งขึ้นนางผละออกจากเฉินฝานหลายครั้ง แล้วกลับมาแนบชิดเขาอีกหลายครา“ใต้เท้า พวกเขา...พวกเขาช่างอำมหิตยิ่งนัก ยาครั้งนี้ รุนแรงกว่าของท่านพ่อมาก”เถียนเสี่ยวอวี่กัดฟันแน่นแล้วผละออกมาจากเฉินฝาน นางพยายามผลักเฉินฝานไปไกล “ใต้เท้า ท่านรีบไปเร็วเข้า ไม่ต้องสนใจข้า”เฉินฝานก้มหน้ามองเถียนเสี่ยวอวี่ที่ผละจากเขา แล้วกัดมือตนเองอย่างแรง พยายามห้ามไม่ให้ตนแนบชิดเฉินฝานอีกครั้งปลายจมูกและพวงแก้มของนางแดงระเรื่อ ผิวขาวในเวลานี้อมชมพู ผิวเปล่งประกาย ริมฝีปากอวบอิ่มและชุ่มฉ่ำราวกับกลีบดอกกุหลาบพรมน้ำร่างกายที่ร้อนระอ
มีชายสองคนปรากฎตัวขึ้นกะทันหันโชคดีที่เฉินฝานผ่านการฝึกอย่างหนักในยุคปัจจุบัน หลังจากเดินทางทะลุมิติมาเขาก็ยังคงฝึกฝนด้วยตนเอง แม้จะถูกวางยา ก็ไม่ถูกใครจับได้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นเรือนหลังนี้อยู่ไม่ห่างจากเรือนของหลิงอวี้เฉินฝานหนีเข้าไปในเรือนของหลิงอวี้ได้สำเร็จเพิ่งเข้าไปในเรือนของหลิงอวี้ ชายทั้งสองคนก็ชะงักฝีเท้าเพราะชิงหนิงเดินมาเมื่อวานชิงหนิงแสดงความสามารถของนางให้เห็นแล้ว ชิงซีไม่กล้าให้ชายทั้งสองคนบุ่มบ่ามเข้าไป“ใต้เท้า เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับท่านเจ้าคะ?”ชิงหนิงที่อยู่ไกลๆ สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของเฉินฝาน“ใต้เท้า เหตุใดหน้าท่านถึงแดงก่ำเช่นนี้? เป็นไข้หรือเจ้าคะ?”“อย่างแตะต้องข้า!”เฉินฝานปัดมือของชิงหนิงที่จะพยุงเขาทิ้งตอนนี้ไม่อาจให้สตรีคนใดแตะต้องตัวเขาได้ ความรู้สึกที่อัดแน่นในร่างกาย อยู่ในจุดที่ใกล้จะสูญเสียการควบคุมแล้ว“ใต้เท้า?”ชิงหนิงเบิกตากว้าง มองเฉินฝานด้วยความงุนงงเฉินฝานไม่มีแรงอธิบายให้ชิงหนิงฟัง เขาเพียงพูดไม่หยุด “ข้าร้อน! น้ำ ข้าต้องการน้ำเย็น น้ำเย็นจำนวนมาก!”“เจ้าค่ะๆ! ข้าจะรีบไปเตรียมให้เดี๋ยวนี้!”ตอนเฉินฝานบอกว่าร้อน ชิงหนิงเข้