เมื่อเฉินฝานออกคำสั่ง เหมียวเหลียงจื้อกับโจวหยางชิงก็ได้รับการปล่อยตัวออกมาพอดีเหล่าขุนนางที่ตามหลังพวกเฉินฝานต่างก้มหน้าพูดคุยแสดงความเห็นกันเบา ๆ “เปิดประตูเมืองโดยตรง เขากล้าดีอย่างไร ไม่กลัวชาวบ้านด้านนอกจะพุ่งเข้ามาทำร้ายเขาหรือไร?”“ท่านอัครเสนาบดีมีความมั่นใจกระมัง”“มั่นใจเกินไปก็จะเป็นความทะนงตน”“ข้าเองก็คิดว่าเขาทระนงตนแล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่พวกราษฎรอารมณ์อ่อนไหวถึงเพียงนั้น ขึ้นไปที่หอด้านบนประตูเมืองคงจะดีกว่า” “เอาไว้รอให้เปิดประตูแล้ว พวกเรายืนห่าง ๆ เสียหน่อยจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องพลอยรับเคราะห์ไปด้วย” “ท่านกล่าวได้ถูกต้อง”เมื่อฟังคำวิพากษ์วิจารณ์จากบรรดาขุนนางโดยรอบ นัยน์ตาโจวหยางชิงก็ฉายแววทะมึน เขาหันหน้าไปถามเหมียวเหลียงจื้อเสียงต่ำว่า “เตรียมการเสร็จหมดแล้วหรือยัง?”เหมียวเหลียงจื้อพยักหน้า “เตรียมการเสร็จหมดแล้ว ส่วนมากผู้ที่มาล้วนเป็นช่างตีเหล็กและกรรมกรป่าไม้”“อืม” โจวหยางชิงพยักหน้า สายตาของเขาทอดมองไปที่เฉินฝานอีกครั้ง แววตาดูโหดเหี้ยมชั่วร้ายเฉินฝาน เจ้าอย่าโทษที่ข้าอำมหิตเลย หากจะโทษก็ได้แต่โทษที่เจ้าละโมบมากเกินไป อภิเษกกับองค์หญิงยังไม่พ
โจวหยางชิงลอบชูนิ้วโป้งให้เหมียวเหลียงจื้อ “ใต้เท้าเหมียว ผู้คนมากมายถึงเพียงนี้ จัดการเรื่องนี้ได้สวยจริง ๆ”เหมียวเหลียงจื้อพยักหน้าเล็กน้อย “ขอบคุณใต้เท้าที่ชื่นชม นี่ไม่ใช่ความดีความชอบของข้า เป็นความโกรธแค้นของราษฎรเท่านั้น” เหมียวเหลียงจื้อปีติยินดี ขณะเดียวกันก็รู้สึกพิศวงด้วยเนื่องจากคนของเขาบอกเขาว่า ได้จัดเตรียมประชาชนราวห้าหมื่นคนให้มาประท้วง แต่ตอนนี้ดูน่าจะมากกว่าห้าหมื่นแล้ว ฝูงชนเนื่องแน่นสุดลูกหูลูกตา อย่างน้อยก็มีสองสามแสนคน“เขานี่แหละ!” มีคนด้านนอกวังชี้มาที่เฉินฝาน“เขาก็คือเฉินฝาน”เสียงของคนผู้นั้นยังไม่ทันสิ้นสุดลง ชาวบ้านที่อัดแน่นตรงหน้าประตูพระราชวังก็พุ่งมาหาเฉินฝานราวกับน้ำทะเลที่โหมกระหน่ำ“คุ้มกันใต้เท้า คุ้มกันใต้เท้า!”อวิ๋นเต๋อที่เป็นห่วงความปลอดภัยของเฉินฝาน ตะโกนเสียงดังพลางวิ่งมาหาเฉินฝานทหารรักษาพระองค์กว่าพันนายล้อมรอบเฉินฝานไว้ คุ้มกันด้านในสามชั้น ด้านนอกสามชั้นภายนอกเป็นราษฎร ภายในเป็นทหารรักษาพระองค์ ทางเข้าพระราชวังที่เดิมทีกว้างขวางมากเปลี่ยนเป็นแออัดในพริบตา แม้ว่ามีทหารรักษาพระองค์กว่าพันนาย แต่ราษฎรด้านนอกมีมากเกินไปจริง
ฝูงชนที่เนืองแน่นเบื้องหน้าเฉินฝานต่างคุกเข่าลงบนพื้นกันหมด“อวิ๋นเต๋อสั่งให้ยิงธนูแล้วหรือ?” โอวหยางน่าหลันหันหน้าไปถามนางกำนัลข้างกาย “องค์หญิง แม่ทัพอวิ๋นเต๋อไม่ได้ออกคำสั่งให้ยิงธนูเพคะ หลังจากที่คนพวกนั้นพุ่งไปหาท่านอัครเสนาบดีเมื่อครู่นี้ จู่ ๆ ก็พากันคุกเข่าลงเพคะ” นางกำนัลตอบกลับทันที“ไม่ได้ยิงธนู คนพวกนั้นก็คุกเข่าเอง?”โอวหยางน่าหลันทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อโอวหยางน่าหลันเบิกตาโต มองอยู่หลายนาทีเต็ม ๆ ถึงค่อยกล้าเชื่อคำพูดของนางกำนัลแต่นางไม่เข้าใจ คนเหล่านี้บุกประตูวังโดยไม่คำนึงว่าต้องแลกด้วยอะไร บุกเข้ามาในวังโดยที่ไม่สนใจทุกสิ่งทุกอย่าง หลังจากนั้นกลับไม่ได้มาหาเรื่องเฉินฝาน แต่มาคุกเข่าแทน หรือว่าคนพวกนี้จะเปลี่ยนแผนการ ไม่กล่าวประณาม แต่มาขอร้องอ้อนวอนแทน?ขอให้เฉินฟานสละตำแหน่งอัครเสนาบดีหรือ?โอวหยางน่าหลันพลันอารมณ์ดิ่งลงอย่างถึงที่สุดนางรู้จักเฉินฝานดี เฉินฝานเป็นคนใจดีมีเมตตา รักและใส่ใจชาวประชา หากผู้คนต่อต้านเขาอย่างรุนแรง เขาไม่เพียงจะไม่ยอมทำตาม แต่ยังจะจับตัวผู้บงการออกมาด้วยแต่ถ้าคุกเข่าอ้อนวอน มีความเป็นไปได้สูงว่าเฉินฝานจะใจอ่อน สละตำแห
เมื่อคนเหล่านั้นคุกเข่าลง พวกเขาก็คุกเข่าตามเช่นกัน พวกเขายังนึกว่าเหมียวเหลียงจื้อเปลี่ยนวิธีการแล้ว“คนเหล่านี้ไม่ใช่คนที่มากับพวกเจ้าหรือ?” เหมียวเหลียงจื้อกระวนกระวายใจขึ้นเรื่อย ๆ คนผู้นั้นส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ขอรับ!” เหมียวเหลียงจื้อยิ่งร้อนรน “เช่นนั้นพวกเขามาจากที่ใด?”คนผู้นั้นส่ายศีรษะอีกครั้ง“ส่ายหัว ส่ายหัว นอกจากส่ายหัวแล้ว เจ้ายังทำอะไรเป็นอีกบ้าง?”ใบหน้าของเหมียวเหลียงจื้อเต็มไปด้วยความเดือดดาล เขาแทบอยากจะฉีกคนทิ้ง ทว่าตอนนี้ผู้คนจ้องมองอยู่ เขาไม่กล้าระเบิดโทสะออกมาตรง ๆ “ท่านเทพเซียน ท่านเทพเซียน!”หลังจากผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วยาม เสียงคุกเข่ากราบไหว้ขอบคุณของชาวบ้านไม่เพียงไม่ลดลง ตรงกันข้ามกลับดังขึ้นเรื่อย ๆ“ไม่ใช่เทพเซียนอันใด ข้าเป็นคนธรรมดามีเลือดมีเนื้อเช่นเดียวกับพวกท่าน รีบลุกขึ้นเถิด รีบลุกขึ้นเถิด!” ขณะที่เฉินฝานเอ่ย เขายังโน้มตัวไปพวกประคองพวกชาวบ้านที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมา อย่างไรก็ตามคนเหล่านั้นไม่ยอมเชื่อฟังเลย พอถูกประคองให้ลุกขึ้นก็รีบคุกเข่าลงมาอีกครั้งเฉินฝานบอกว่าครรภ์ขององค์หญิงใหญ่แล้ว ร่างกายไม่สะดวก เขาต้องประคององค์หญิงกลับไปก่อน
“ฝ่าบาท ในรัชสมัยนี้ขาดแคลนชายหนุ่มอย่างหนักพ่ะย่ะค่ะ!”“ร้ายแรงถึงขั้นไหน”“ในหนึ่งร้อยคน มีชายหนุ่มไม่ถึงยี่สิบคน หลายปีมานี้ มีหญิงสาววัยเหมาะสมจำนวนมากจบชีวิตตนเองเพราะไม่มีใครแต่งงานด้วย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่ารากฐานของแผ่นดินอาจสั่นคลอนได้พ่ะย่ะค่ะ”“จงประกาศราชโองการลงไป ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทุกเขตการปกครอง เมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองให้ดำเนินการจัดสรรการแต่งงาน ผู้ใดยินดีรับมากกว่าสามคน มอบรางวัล!”“ผู้ใดให้กำเนิดบุตรชาย มอบรางวัลใหญ่!”“ภายในสามปี ต้องพลิกปรากฏการณ์หญิงมากชายน้อยของแผ่นดินให้จงได้!”-เฉินฝานตื่นขึ้นด้วยเสียงร้องไห้รบกวนเมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าตนเองอยู่ในห้องที่ตนไม่รู้จักมีหญิงสาวนั่งปิดหน้าร้องไห้เสียงเบานั่งอยู่ข้างกาย“หยุดร้องได้แล้ว ข้ารำคาญ!”เมื่อได้ยินเสียงของเฉินฝาน หญิงสาวปาดน้ำตาและมองเขาทันที “นายท่าน ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ!”เฉินฝากเงยหน้ามองหญิงสาว……ผมเผ้าดำเงาวับ ผิวขาวนวลผุดผ่องดังหยก ดวงตาคู่งามแลมองหมุนรอบเป็นพันครั้ง ทุกการขมวดคิ้วคือการตีความคำว่าสง่างามน่าประทับใจผ้าดิบหยาบกระด้าง ก็ไม่อาจปกปิดรูปร่างน่าเอ็นดูของนางเฮ้ย
“นายท่าน ข้าน้อยผิดไปแล้ว!”“……” เฉินฝานทำหน้ามึนงง นางมีความผิดอะไร!เขาโน้มตัวจะพยุงฉินเย่ว์โหรวให้ลุกขึ้น ปรากฏว่านางโขกศีรษะกับพื้นโป๊ก ๆ ทันทีที่มือของเขาสัมผัสถึงตัว“ข้าน้อยรู้ว่านายท่านรังเกียจฝีมือของข้าน้อยเสมอมา ข้าน้อยจะไปร่ำเรียนกับกลุ่มสตรีในชุมชนเจ้าค่ะ”“ก่อนหน้านี้ ท่านลงโทษจนขาขวาของข้าน้อยหักแล้ว หากท่านลงโทษจนขาซ้ายของข้าหักอีก ข้าน้อยก็จะปรนนิบัติท่านไม่ได้แล้วนะเจ้าคะ”!!!แท้จริงแล้วเจ้าของร่างเดิมเป็นคนตีขานางหัก!!เมื่อมองขาขวาที่หักของฉินเย่ว์โหรว พลางมีเสียงหวีดดังขึ้นในหัวของเฉินฝานคนสวยขนาดนี้ทั้งคน ยังนอบน้อมอ่อนโยนเช่นนี้อีก มีแต่อยากเอ็นดู เจ้าของร่างเดิมคิดอะไรอยู่กันแน่ เหตุใดถึงกล้าลงมือเช่นนี้!“เมื่อขาเจ้าไม่สะดวก งั้นก็ลุกขึ้นเถิด!”ฉินเย่ว์โหรวตัวสั่นและกลัวเฉินฝานมาก นางแทบไม่ได้รู้ว่าเฉินฝานพูดอะไร “ได้โปรดนายท่าน อย่าทุบตีข้าเลย อย่าทุบข้าเลย”ร่างกายที่สั่นจนควบคุมไม่ได้และสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวั่นกลัวเห็นได้ว่าเมื่อก่อนเจ้าของร่างเดิมทุบตีนางเป็นประจำจนนางกลัวเฉินฝานพูดสามครั้งติดต่อกันว่าจะไม่ทุบตี จากนั้นฉินเย่ว์โหรวก็หยุ
เฉินฝานพลันตะโกนเสียงแข็ง จูต้าอันกับผู้ชายอีกสองคนถึงกับสะดุ้งตกใจไอ้หมอนี่ กล้าพูดจาเสียงดังกับพวกเขา!ภายในห้องเงียบสงบในทันใด“เฉินฝาน!” จูต้าอันแสดงหน้าถมึงทึง “ตั้งแต่พวกเราเข้ามา เจ้าก็ทำกร่างตลอด เมื่อครู่นี้ข้าถือว่าเจ้าเพิ่งตกเขากลับมาร่างกายยังไม่หายดี แต่เจ้าอย่าทำตัวไว้หน้าแล้วไม่สนใจ ข้าขอพูดไว้ตรงนี้ ไม่ว่าเจ้าจะยอมหรือไม่ เมื่อเจ้ารับเงินไปแล้วก็ต้องทำตามที่ตกลงไว้”ตอนที่จูต้าอันกำลังพูด ผู้ชายสองคนด้านหลังยืนขึ้นแล้วผู้ชายสองคนนั้น ทั้งตัวสูงและบึกบึนหากเกิดการปะทะขึ้นมาจริง ๆ เขาสามารถเอาตัวรอดได้ เพียงแต่ว่า……เฉินฝานชำเลืองมองฉินเย่ว์โหรวที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ด้านข้าง“โหย ดูสมองข้าสิ!” เฉินฝานกุมหัวแสดงสีหน้าเหมือนเจ็บปวด “หลังจากตกเขาและฟื้นขึ้นมาข้าก็ไข้ขึ้นไม่หยุด จนป่านนี้หัวของข้าก็ยังเจ็บตื้อ ๆ ไม่หาย และลืมเรื่องต่าง ๆ ไปเยอะมาก ข้าขออภัยด้วย”เมื่อเห็นสีหน้าของชายสามคนผ่อนคลายลง เฉินฝานพลางรีบเอ่ยถามจูต้าอัน “พี่จู ก่อนหน้านี้ข้าตกลงกับพี่เรื่องอะไรนะ!”“หากเป็นเช่นนั้น……ก็ช่างเถอะ!” จูต้าอันส่งสัญญาณให้สองคนนั่งลง “ตกเขาฤดูหนาวแต่ไม่ถูกหมาป่าคาบ
“ขอร้องแม่เจ้าสิ!” เฉินฝานยกอีกถ้วยหนึ่งขึ้น“ปึก!”“ดูซิว่าข้าจะกล้าตีเจ้าหรือไม่ ?”“อ๊าก!” จูต้าอันที่ไม่ทันระวังตัวส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ต่อมาเขาพยายามจะลุกขึ้น แต่เฉินฝานไม่ให้โอกาสเขาเลย“ปึก!”“กล้าไหม!”“ปึก!”“กล้าไหม!”เขาพูดคำว่ากล้าไหมหนึ่งครั้ง ก็ฟาดจูต้าอันหนึ่งครั้งกำลังมือที่เฉินฝานฟาดลงไปหนักขึ้นทุกครั้งศีรษะของจูต้าอันกลายเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว เลือดไหลออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ เขาปากแข็งในตอนเริ่มต้น แต่ภายหลังส่งเสียงร้องเจ็บปวดดังสนั่นและร้องขอความเมตตาไม่หยุดชายสองคนที่มาจากหอนางโลมอี๋ชุนย่วนวางมือลงและมองหน้ากัน ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยจูต้าอันสักคนไอ้เฉินฝานนี่ เหตุใดถึงไม่เหมือนอย่างที่รู้จักเฉินฝานที่พวกเขารู้จัก นอกจากผู้หญิงในเรือนตนเองแล้วก็สู้ใครไม่ได้เลย คำว่าอันธพาลของหมู่บ้านล้วนได้มาเพราะอยู่กับจูต้าอันและล้วนเพราะมีจูต้าอันคอยหนุนหลังทำไมตอนนี้กลับ……“ปึกๆๆ!” เฉินฝานยังทุบไม่หยุด“นายท่านเจ้าคะ นายท่าน!” ฉินเย่ว์โหรวนั่งลงข้างเฉินฝาน “หยุดตีได้แล้ว หยุดตีได้แล้ว ถ้ายังตีต่อไปเขาจะตายได้นะเจ้าคะ!”ครอบครัวไม่อาจไร้ผู้นำ หากเฉินฝานเข้า
เมื่อคนเหล่านั้นคุกเข่าลง พวกเขาก็คุกเข่าตามเช่นกัน พวกเขายังนึกว่าเหมียวเหลียงจื้อเปลี่ยนวิธีการแล้ว“คนเหล่านี้ไม่ใช่คนที่มากับพวกเจ้าหรือ?” เหมียวเหลียงจื้อกระวนกระวายใจขึ้นเรื่อย ๆ คนผู้นั้นส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ขอรับ!” เหมียวเหลียงจื้อยิ่งร้อนรน “เช่นนั้นพวกเขามาจากที่ใด?”คนผู้นั้นส่ายศีรษะอีกครั้ง“ส่ายหัว ส่ายหัว นอกจากส่ายหัวแล้ว เจ้ายังทำอะไรเป็นอีกบ้าง?”ใบหน้าของเหมียวเหลียงจื้อเต็มไปด้วยความเดือดดาล เขาแทบอยากจะฉีกคนทิ้ง ทว่าตอนนี้ผู้คนจ้องมองอยู่ เขาไม่กล้าระเบิดโทสะออกมาตรง ๆ “ท่านเทพเซียน ท่านเทพเซียน!”หลังจากผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วยาม เสียงคุกเข่ากราบไหว้ขอบคุณของชาวบ้านไม่เพียงไม่ลดลง ตรงกันข้ามกลับดังขึ้นเรื่อย ๆ“ไม่ใช่เทพเซียนอันใด ข้าเป็นคนธรรมดามีเลือดมีเนื้อเช่นเดียวกับพวกท่าน รีบลุกขึ้นเถิด รีบลุกขึ้นเถิด!” ขณะที่เฉินฝานเอ่ย เขายังโน้มตัวไปพวกประคองพวกชาวบ้านที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมา อย่างไรก็ตามคนเหล่านั้นไม่ยอมเชื่อฟังเลย พอถูกประคองให้ลุกขึ้นก็รีบคุกเข่าลงมาอีกครั้งเฉินฝานบอกว่าครรภ์ขององค์หญิงใหญ่แล้ว ร่างกายไม่สะดวก เขาต้องประคององค์หญิงกลับไปก่อน
ฝูงชนที่เนืองแน่นเบื้องหน้าเฉินฝานต่างคุกเข่าลงบนพื้นกันหมด“อวิ๋นเต๋อสั่งให้ยิงธนูแล้วหรือ?” โอวหยางน่าหลันหันหน้าไปถามนางกำนัลข้างกาย “องค์หญิง แม่ทัพอวิ๋นเต๋อไม่ได้ออกคำสั่งให้ยิงธนูเพคะ หลังจากที่คนพวกนั้นพุ่งไปหาท่านอัครเสนาบดีเมื่อครู่นี้ จู่ ๆ ก็พากันคุกเข่าลงเพคะ” นางกำนัลตอบกลับทันที“ไม่ได้ยิงธนู คนพวกนั้นก็คุกเข่าเอง?”โอวหยางน่าหลันทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อโอวหยางน่าหลันเบิกตาโต มองอยู่หลายนาทีเต็ม ๆ ถึงค่อยกล้าเชื่อคำพูดของนางกำนัลแต่นางไม่เข้าใจ คนเหล่านี้บุกประตูวังโดยไม่คำนึงว่าต้องแลกด้วยอะไร บุกเข้ามาในวังโดยที่ไม่สนใจทุกสิ่งทุกอย่าง หลังจากนั้นกลับไม่ได้มาหาเรื่องเฉินฝาน แต่มาคุกเข่าแทน หรือว่าคนพวกนี้จะเปลี่ยนแผนการ ไม่กล่าวประณาม แต่มาขอร้องอ้อนวอนแทน?ขอให้เฉินฟานสละตำแหน่งอัครเสนาบดีหรือ?โอวหยางน่าหลันพลันอารมณ์ดิ่งลงอย่างถึงที่สุดนางรู้จักเฉินฝานดี เฉินฝานเป็นคนใจดีมีเมตตา รักและใส่ใจชาวประชา หากผู้คนต่อต้านเขาอย่างรุนแรง เขาไม่เพียงจะไม่ยอมทำตาม แต่ยังจะจับตัวผู้บงการออกมาด้วยแต่ถ้าคุกเข่าอ้อนวอน มีความเป็นไปได้สูงว่าเฉินฝานจะใจอ่อน สละตำแห
โจวหยางชิงลอบชูนิ้วโป้งให้เหมียวเหลียงจื้อ “ใต้เท้าเหมียว ผู้คนมากมายถึงเพียงนี้ จัดการเรื่องนี้ได้สวยจริง ๆ”เหมียวเหลียงจื้อพยักหน้าเล็กน้อย “ขอบคุณใต้เท้าที่ชื่นชม นี่ไม่ใช่ความดีความชอบของข้า เป็นความโกรธแค้นของราษฎรเท่านั้น” เหมียวเหลียงจื้อปีติยินดี ขณะเดียวกันก็รู้สึกพิศวงด้วยเนื่องจากคนของเขาบอกเขาว่า ได้จัดเตรียมประชาชนราวห้าหมื่นคนให้มาประท้วง แต่ตอนนี้ดูน่าจะมากกว่าห้าหมื่นแล้ว ฝูงชนเนื่องแน่นสุดลูกหูลูกตา อย่างน้อยก็มีสองสามแสนคน“เขานี่แหละ!” มีคนด้านนอกวังชี้มาที่เฉินฝาน“เขาก็คือเฉินฝาน”เสียงของคนผู้นั้นยังไม่ทันสิ้นสุดลง ชาวบ้านที่อัดแน่นตรงหน้าประตูพระราชวังก็พุ่งมาหาเฉินฝานราวกับน้ำทะเลที่โหมกระหน่ำ“คุ้มกันใต้เท้า คุ้มกันใต้เท้า!”อวิ๋นเต๋อที่เป็นห่วงความปลอดภัยของเฉินฝาน ตะโกนเสียงดังพลางวิ่งมาหาเฉินฝานทหารรักษาพระองค์กว่าพันนายล้อมรอบเฉินฝานไว้ คุ้มกันด้านในสามชั้น ด้านนอกสามชั้นภายนอกเป็นราษฎร ภายในเป็นทหารรักษาพระองค์ ทางเข้าพระราชวังที่เดิมทีกว้างขวางมากเปลี่ยนเป็นแออัดในพริบตา แม้ว่ามีทหารรักษาพระองค์กว่าพันนาย แต่ราษฎรด้านนอกมีมากเกินไปจริง
เมื่อเฉินฝานออกคำสั่ง เหมียวเหลียงจื้อกับโจวหยางชิงก็ได้รับการปล่อยตัวออกมาพอดีเหล่าขุนนางที่ตามหลังพวกเฉินฝานต่างก้มหน้าพูดคุยแสดงความเห็นกันเบา ๆ “เปิดประตูเมืองโดยตรง เขากล้าดีอย่างไร ไม่กลัวชาวบ้านด้านนอกจะพุ่งเข้ามาทำร้ายเขาหรือไร?”“ท่านอัครเสนาบดีมีความมั่นใจกระมัง”“มั่นใจเกินไปก็จะเป็นความทะนงตน”“ข้าเองก็คิดว่าเขาทระนงตนแล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่พวกราษฎรอารมณ์อ่อนไหวถึงเพียงนั้น ขึ้นไปที่หอด้านบนประตูเมืองคงจะดีกว่า” “เอาไว้รอให้เปิดประตูแล้ว พวกเรายืนห่าง ๆ เสียหน่อยจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องพลอยรับเคราะห์ไปด้วย” “ท่านกล่าวได้ถูกต้อง”เมื่อฟังคำวิพากษ์วิจารณ์จากบรรดาขุนนางโดยรอบ นัยน์ตาโจวหยางชิงก็ฉายแววทะมึน เขาหันหน้าไปถามเหมียวเหลียงจื้อเสียงต่ำว่า “เตรียมการเสร็จหมดแล้วหรือยัง?”เหมียวเหลียงจื้อพยักหน้า “เตรียมการเสร็จหมดแล้ว ส่วนมากผู้ที่มาล้วนเป็นช่างตีเหล็กและกรรมกรป่าไม้”“อืม” โจวหยางชิงพยักหน้า สายตาของเขาทอดมองไปที่เฉินฝานอีกครั้ง แววตาดูโหดเหี้ยมชั่วร้ายเฉินฝาน เจ้าอย่าโทษที่ข้าอำมหิตเลย หากจะโทษก็ได้แต่โทษที่เจ้าละโมบมากเกินไป อภิเษกกับองค์หญิงยังไม่พ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหตุใดจึงกระวนกระวายเช่นนี้?”เมื่อเห็นคนคนนั้น อวิ๋นเต๋อรีบเดินไปถามทันที คนที่มาคือหัวหน้าทหารเวรรักษาพระองค์ในวันนี้“ผู้นำอวิ๋น จู่ๆ นอกวังหลวงก็มีชาวบ้านมากมายมา พวกเขาต้องการเข้าพบท่านอัครเสนาบดีขอรับ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น โอวหยางน่าหลันที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรโมโหเล็กน้อย “เรื่องเล็กแค่นี้ กลับกระวนกระวายขั้นนี้ อวิ๋นเต๋อ เอาตัวเขาออกไป!”เมื่อครั้นโอวหยางน่าหลันเพิ่งครอบครองอำนาจ มักจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นบ่อยครั้ง ดังนั้นโอวหยางน่าหลันจึงเคยชินแล้ว สำหรับนางนี่เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ“องค์หญิง!”หัวหน้าทหารเวรคุกเข่าลง สีหน้าลำบากใจ“ครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้งพ่ะย่ะค่ะ ไม่ว่ากระหม่อมจะใช้วิธีการใด พวกชาวบ้านก็ไม่ยอมไป ยิ่งไล่พวกเขาก็ยิ่งบุกเข้ามา กล่าวว่าแม้พวกเขาต้องตาย พวกเขาก็ต้องขอพบท่านอัครเสนาบดีให้ได้!”โอวหยางน่าหลันโบกมือด้วยความรำคาญ “เช่นนั้นก็ไล่ด้วยวิธีที่รุนแรงขึ้นอีก หากมีคนตาย เช่นนั้นก็ส่งอาหารสำหรับสามปีไปให้ครอบครัวเขา เจ้าไปจัดการด้วยตนเอง!”นี่คือวิธีการที่โอวหยางน่าหลันใช้เป็นประจำ เมื่อก่อนให้เงิน ตอนนี้ข้าวสารล้ำค่ากว่าเงิน เช
เสียงฟิ้วดังขึ้นสองครั้ง โอวหยางกว่างเซวียนใช้หนังสติ๊กยิงก้อนหินออกไปแล้วสองก้อนเหตุเพราะเป็นการใช้หนังสติ๊กครั้งแรก ก้อนหินที่ยิงออกไป จึงไกลเพียงสองสามเมตรเท่านั้น“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?”ริมฝีปากของโอวหยางกว่างเซวียนจู๋เล็กน้อย สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความไม่พอใจ ถามเฉินฝาน “เหตุใดท่านจึงยิงไกลเช่นนั้น”เฉินฝานยิ้ม “เพราะข้าใช้เป็นประจำ ยกหนังสติ๊กให้ท่านแล้ว วันข้างหน้าท่านฝึกฝนทุกวัน ต้องยิงได้ไกลแน่นอน”“แต่ว่า...” โอวหยางกว่างเซวียนขมวดคิ้วเป็นปม “ท่านบอกให้ข้าใช้หนังสติ๊กยิงคนที่พูดถ้อยคำเหล่านั้นกับข้าไม่ใช่หรือ?”“ถูกต้อง แต่ข้าไม่ให้ท่านอยู่ห่างไกลเช่นนี้!”เฉินฝานยังพูดไม่จบ โอวหยางกว่างเซวียนก็พุ่งตัวออกมาราวกับฟ้าแลบเสียงฟิ้วดังขึ้นสองครั้งโอวหยางกว่างเซวียนใช้หนังสติ๊กยิงหัวหน้าเลขากรมขุนนางเหมียวเหลียงจื้อและราชครูโจวหยางชิง“พวกเจ้าสองคนนี่เอง ทหาร!”โอวหยางน่าหลันร้องตะโกนเสียงดัง“เอาตัวขุนนางชั่วพูดจาให้ร้ายผู้อื่น ทั้งสองคนออกไป จับพวกเขากักขังในคุกหลวง!”“องค์หญิง กระหม่อมถูกใส่ร้ายพ่ะย่ะค่ะ”เหมียวเหลียงจื้อและโจวหยางชิงคุกเข่าอ้อนวอนทันที“องค์หญิง
เฉินฝานโน้มตัวลง พูดกับโอวหยางกว่างเซวียนด้วยความอ่อนโยน “วังหลวงแคว้นหลู่คือบ้านของเซวียนเอ๋อร์ตลอดไป ข้าจะไล่ท่านออกไปได้อย่างไร?”“ข้าไม่เชื่อท่านหรอก พวกเขาบอกว่า แรกเริ่มท่านต้องพูดเช่นนี้กับข้าแน่นอน แต่หลังจากผ่านไปนานวันเข้า ท่านต้องเห็นว่าข้าขวางหูขวางตา แล้วไล่ข้าออกไปจากวังหลวง”“เซวียนเอ๋อร์ ถ้อยคำเหล่านี้ผู้ใดเป็นคนบอกเจ้า?” โอวหยางน่าหลันที่ยืนฟังอู่ข้างๆ ยิ่งฟังก็ยิ่งโมโห “เจ้าบอกพี่มา ข้าจะไปฉีกปากพวกเขา”“พวกเขา...” ทันใดนั้นเองโอวหยางกว่างเซวียนก็ปิดปากเงียบสนิท ไม่ว่าโอวหยางน่าหลันจะใช้ลูกไม้ได้ ถึงขั้นตำหนิ เขาก็ไม่อมพูดเฉินฝานเข้าใจแล้ว ทว่าเป็นเที่ยงตรงและกล้าคิดกล้าทำแม้โอวหยางกว่างเซวียนจะปัญญานิ่ม ทว่าเขาเป็นคนเที่ยงตรงและกล้าคิดกล้าทำราชวงศ์โอวหยางแคว้นหลู่ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ล้วนเป็นคนเที่ยงตรงและกล้าคิดกล้าทำ ทว่าพวกเขาค่อนข้างให้ความสำคัญกับสายเลือด ชอบให้ญาติมิตรสนิทชิดเชื้อแต่งงานกัน เมื่อถึงรุ่นของโอวหยางน่าหลัน มารดาของโอวหยางน่าหลัน มีลูกชายสามคนติดกัน สองคนแรกอายุไม่ถึงหนึ่งขวบก็สิ้นใจ ไม่ง่ายเลยอุตส่าห์เลี้ยงดูโอวหยางกว่างเซวียนจนเติบโต
ท่านราชครูบอกให้เซวียนเอ๋อร์มาขอรับ”“ท่านราชครู? โจวหยางชิงบอกให้เจ้ามา”โจวหยางชิงเป็นราชครูของโอวหยางกว่างเซวียน และเคยสอนเหมียวเหลียงจื้อ ภรรยาเป็นชาวเมืองหลวงแคว้นต้าชิ่ง“ขอรับ!” โอวหยางกว่างเซวียนพยักหน้า “ท่านราชครูกล่าวว่า เซวียนเอ๋อร์เป็นจักรพรรดิแคว้นหลู่ อายุสิบสามแล้ว ควรค่อยๆ ศึกษาการปกครองแคว้นหลู่ อย่าให้ท่านพี่เหนื่อยเช่นนี้ แต่ว่า...”จู่ๆ โอวหยางกว่างเซวียนก็ทำหน้ามุ่ย สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความเสียใจ“ฮือ!” โอวหยางกว่างเซวียนร้องไห้เสียงดัง แล้วกอดโอวหยางน่าหลัน “เซวียนเอ๋อร์ไม่อยากนั่งเก้าอี้ตัวนั้น เพราะเซวียนเอ๋อร์อยากไปชิ้งฉ่อง แต่ท่านราชครูบอกว่าไม่อาจไปได้หากยังไม่จบการประชุมราชสำนัก ทั้งยังไม่อาจเล่นกับแมลงได้”“ท่านพี่ ท่านรักเซวียนเอ๋อร์ที่สุด ท่านไปตำหนิราชครูได้หรือไม่ เซวียนเอ๋อร์ไม่อยากประชุมราชสำนักจริงๆ ขอรับ”โอวหยางกว่างเซวียนจับแขนเสื้อของโอวหยางน่าหลันแล้วอ้อนวอน สำหรับเขา ท่านแม่นอกจากใจดีกับเขาและท่านพ่อท่านแม่แล้ว ล้วนดุร้ายกับทุกคน อีกทั้งคนพวกนั้นก็กลัวท่านพี่มาก ขอเพียงท่านพี่ดุเล็กน้อย พวกเขาก็เชื่อฟังท่านพี่แล้วโอวหยางน่าหลันไม่ได้ตอบ
“ท่านพี่ฝาน ท่านหมายความว่า...” โอวหยางน่าหลันเงยหน้าขึ้น “ชาวต้าชิ่งช่วยเขาคิดแผนการนี้หรือ?”“มีความเป็นไปได้สูง” แววตาของเฉินฝานเย็นยะเยือก “พุ่งเป้ามาที่ข้าได้ แต่เอาสตรีของข้าเข้ามาข้องเกี่ยว เอาชาวแคว้นหลู่มาข้องเกี่ยว เช่นนั้นไม่ได้”“ท่านพี่ฝาน ฟังจากที่ท่านพูดหมายความว่า...” แววตาของโอวหยางน่าหลันแปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมโหดเช่นเดียวกัน “ไฟป่าแคว้นหลู่ในครั้งนี้ มีคนตั้งใจทำให้เกิดขึ้น”เฉินฝานพยักหน้าตลอดสี่เดือนที่ผ่านมานี้ เขาวิ่งวุ่นไปทั่วทุกเมืองของแคว้นหลู่ ไฟป่าทั้งรุนแรงและไม่รุนแรง เขาดับมามากมายกว่าพันแห่ง เขามั่นใจว่า ไฟป่าแคว้นหลู่ในครั้งนี้ เป็นฝีมือมนุษย์“ข้าจะมีราชโองการ ให้กรมยุติธรรมไปสืบเดี๋ยวนี้!”โอวหยางน่าหลันกำลังจะเอ่ยปาก ให้นางกำนัลคนสนิทนำม้วนหนังสือราชโองการ พู่กันและหมึกมา ก็ถูกเฉินฝานปราม“ต้องรีบสืบหาความจริง แต่ไม่อาจสืบหาเช่นนี้ ต้องดำเนินการอย่างลับๆ ท่านมีรับสั่งลับ ให้คนของอวิ๋นเต๋อไปสืบด้วยตนเอง”“ได้ ท่านพี่ฝาน ข้าฟังท่าน”ตอนโอวหยางน่าหลันมีรับสั่งลับ นางถามเฉินฝานอีกครั้ง “ท่านพี่ฝาน ท่านว่า เสิ่นหมิงหยวนจากแคว้นต้าชิ่งอยู่เบื้องหลัง