ณ ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่บุฟเฟ่ต์เจ๊พริ้งคนสวย
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะพี่พริ้ง หรือว่าทะเลาะกับพี่เฮงมา” จอย ลูกน้องที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเอ่ยถาม เมื่อเดินมาช่วยพริ้งพลอยขนวัตถุดิบที่ใช้ทำก๋วยเตี๋ยวลงจากรถกระบะคนเก่า มีทั้งผัก เนื้อไก่ และเส้นก๋วยเตี๋ยว
“นิดหน่อย มีแต่เรื่องเดิมๆ ทั้งนั้น”
“นี่สินะผู้ชาย” จอยคือผู้ที่รู้เรื่องราวทุกอย่างดีที่สุด
เพราะอยู่กับพริ้งพลอยมานาน ตั้งแต่หญิงสาวเปิดร้านใหม่ๆ ด้วยซ้ำ จึงเห็นว่าเฮงมาตามจีบพริ้งพลอยก่อน ทำดีกับพริ้งพลอยทุกอย่าง
หลายครั้งที่เธอยังแอบชื่นชมว่าเฮงคือคนดี แม้จะได้ยินกิตติศัพท์ความเจ้าชู้ของชายหนุ่มมาบ้าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดีกว่าที่เขาร่ำลือกันเลยจริงๆ
จีบผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า พอเบื่อก็ขอเลิกรา
“ใช่ สันดานไม่ดีแบบนี้ต้องถูกพี่ดัดนิสัย จะได้ไม่ไปทำเลวกับผู้หญิงคนไหนอีก งานนี้พี่ขอรับจบเอง”
“จบที่เราเบาที่สุดว่างั้น” จอยเอ่ยถามยิ้มๆ
“คงงั้นมั้ง พี่ไม่อยากให้เฮียเห็นความรักของผู้หญิงเป็นเรื่องสนุกน่ะ ผู้หญิงเรากว่าจะเปิดใจให้ใครสักคนมันยากมากนะ เมื่อเปิดแล้วก็ไม่อยากให้เขาไปไหน มันรักไปแล้ว มันวาดฝันถึงอนาคตร่วมกันกับเขาไปแล้วไง แต่อยู่ดีๆ เขากลับมองความรักของเราเป็นเรื่องสนุก เหมือนทำมันเพื่อเก็บแต้ม”
“ที่พี่พูดมามันก็ถูก แต่มันยิ่งจะไม่เจ็บมากไปกว่านี้เหรอพี่พริ้ง กับการที่เราวิ่งตามคนที่เขาไม่ได้รักเราแล้ว เรายิ่งเป็นตัวน่ารำคาญในสายตาเขาสิ”
“รักเขาว่ะจอย”
“ผู้ชายหล่อๆ มาตามจีบตั้งเยอะ เสี่ยป้อก็แวะเวียนเอาขนมจีบมาให้ ไหนจะคุณบำรุงเจ้าของไร่อ้อย ก็ขยันมากินก๋วยเตี๋ยวแทบทุกวัน ไหนจะเจ้าของรถเกี่ยวข้าวอีก ทำไมไม่ลองเปิดใจให้ใครสักคนบ้าง”
“มันคงยังไม่ถึงเวลานั้นมั้ง พอๆ เลิกพูดถึงเรื่องนี้กันเถอะ ไปเตรียมของเปิดร้านกันเถอะ หม้อน้ำซุปเดือดแล้วมั้ง”
“เดือดเป็นสิบรอบได้แล้วค่ะ แต่เจ้าของร้านมัวแต่แวะไปหาผู้ชายไม่มาสักที”
และหลังจากนั้นสองสาวก็วุ่นวายอยู่กับการเตรียมวัตถุดิบ เพื่อรอรับลูกค้าทั้งขาประจำและขาจร
เนื่องจากร้านก๋วยเตี๋ยวของพริ้งพลอยอยู่ติดกับถนนเส้นหลัก ที่เป็นทางผ่านไปอีกหลายจังหวัด จึงทำให้มีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาใช้บริการมากพอสมควร
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรสชาติอร่อยถูกปาก บวกกับปริมาณของอาหารที่ตักได้ไม่อั้นกินจนอิ่มพุงปลิ้นก็จ่ายแค่ 79 บาท หรือเพราะเจ้าของร้านหน้าตาสะสวยก็ไม่ทราบ ลูกค้าถึงมาไม่ได้ขาดสาย
โดยเฉพาะพี่ๆ สิงห์รถบรรทุกทั้งหลาย ที่เข้ามาใช้บริการกันบ่อยจนคุ้นหน้าคุ้นตา กลายเป็นลูกค้าประจำไปเสียแล้ว
“สวัสดีครับน้องพริ้ง พี่ซื้อพุทรานมมาฝาก พอดีพี่ไปเที่ยววังน้ำเขียวมาน่ะ”
ถุงพุทรานมขนาดสิบกิโลกรัมถูกยื่นมาตรงหน้า พร้อมกับใบหน้าของชายหนุ่มที่ยิ้มจนเห็นฟันเรียงสวย พริ้งพลอยจึงต้องยื่นมือไปรับมาถือไว้อย่างช่วยไม่ได้ แม้จะหนักมากอยู่ก็ตามที
“ขอบคุณนะคะ แต่คราวหลังเสี่ยไม่ต้องซื้ออะไรมาฝากหรอก พริ้งเกรงใจ” เสี่ยที่ว่าไม่ใช่ใครที่ไหน เสี่ยป้อ เจ้าพ่อเงินกู้รายวัน รับจำนำจำนองที่ดิน คนดีคนดังในตัวอำเภอ อีกทั้งพริ้งพลอยยังได้ยินเข้าหูมาว่า อนาคตข้างหน้าอาจจะลงเล่นการเมืองเพื่อขยายอิทธิพล
“แต่พี่เต็มใจ อีกอย่างมันก็ไม่ได้แพงอะไรมาก ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอก คนกันเองทั้งนั้น” เสี่ยป้อยิ้มร่า
ถูกอกถูกใจในตัวพริ้งพลอยนัก อยากได้เธอมาเป็นคู่ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่ติดตรงที่หญิงสาวใจแข็งชะมัด
นี่ก็ตามจีบแข่งมากับไอ้เฮง ลูกชายเจ้าของร้านรับซื้อของเก่า แต่เธอก็ดันไม่เลือกเขาเสียนี่
แต่ไม่เป็นไร ตอนเธอโสดแล้ว เลิกกับไอ้เฮงแล้ว ต่อไปนี้เขาจะเดินหน้าจีบเธอให้เต็มที่
“ถึงอย่างนั้นพริ้งก็เกรงใจเสี่ยอยู่ดี เอาอย่างนี้แล้วกัน วันนี้พริ้งเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวเสี่ยนะ”
“ของซื้อของขายพริ้ง”
“ถ้าอย่างนั้นต่อไปนี้เสี่ยก็ไม่ต้องซื้ออะไรมาฝากพริ้งอีก” เสี่ยป้อยิ้มน้อยๆ ก้มหน้าขอยอมแพ้
“โอเค งั้นวันนี้พี่กินฟรีหนึ่งวันแล้วกัน”
“หมี่ขาวเหมือนเดิมใส่น้ำเยอะๆ” พริ้งพลอยเอ่ยถึงเส้นที่เสี่ยป้อชอบทาน มากินกี่ครั้งก็สั่งแบบนี้จนหญิงสาวจำได้ ทำให้คนที่รู้สึกว่าถูกใส่ใจ รีบพยักหน้ารับ
“ใช่ครับ”
“กูไม่ลงไปแดกแล้วได้ไหมวะ หรือไม่ก็เปลี่ยนร้าน” เสียงห้วนไม่พอใจเอ่ยขึ้นภายในรถกระบะแสนเก่า
หลังจากมีลูกค้าโทรบอกให้ออกไปซื้อขวดที่บ้าน กว่าจะเสร็จก็เที่ยงพอดี ลูกน้องตัวดีที่นั่งมาด้วยก็อยากจะกินก๋วยเตี๋ยวซดน้ำร้อนๆ
แต่ที่ร้อนในตอนนี้ คงไม่ใช่น้ำซุปในหม้อที่เดือดเป็นไอลอยขึ้นมา น่าจะเป็นอารมณ์ของคนที่นั่งมองเข้าไปในร้าน ตั้งแต่ไอ้เสี่ยนั่นมันแบกถุงพุทราเข้าไปในร้านแล้วล่ะ
“หึงเหรอ ที่เห็นเจ๊พริ้งคุยกับเสี่ยป้อ ท่าทางสนิทสนมกันนะ เห็นว่าตามจีบเจ๊พริ้งมาตั้งนานพอๆ กับที่เฮียตามจีบนั่นแหละ นี่ก็คงยังไม่เลิกล้มความพยายาม น่านับถือความอดทนจริงๆ”
แหม... ไอ้ลูกน้องปากหมา มันกล้าพูดออกมาได้ยังไงวะ ว่าเขาหึงพริ้ง เขาจะหึงทำไม ในเมื่อเขาคือคนขอเลิก ประสาท!!
ส่วนเรื่องที่ไอ้เสี่ยป้อหน้าหม้อนั่นตามจีบพริ้ง เขาก็รู้มาตลอดนั่นแหละ ก็มันนี่แหละเป็นชนวนทำให้เขาต้องตามจีบพริ้ง
“ไม่ต้องแดกแล้วก๋วยเตี๋ยว กลับไปกินต้มมาม่าใส่ไข่ที่ร้าน”
“เฮีย!! แต่ผมอยากกินก๋วยเตี๋ยวตีนไก่เปื่อยๆ” ก้องงอแงใส่ ก๋วยเตี๋ยวที่อยากกินอยู่แค่เอื้อมมือ แต่เฮียเฮงกลับบอกว่าให้ไปต้มมาม่าที่ร้าน รสชาติมันต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยนะ
“แต่กูแดกไม่ลงแล้วไอ้ห่า กลับ!”
เอี๊ยด!!เสียงล้อรถยนต์เสียดสีกับพื้นปูนจากการเหยียบเบรกเต็มแรง ตามมาด้วยกลิ่นเหม็นไหม้ของยางรถยนต์ ประตูรถกระบะถูกผลักให้เปิดออกและกระแทกปิดดังปัง! ตามแรงอารมณ์ของคนขับที่เดินหน้าบึ้งเข้าไปในร้านไฮ ที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ได้แต่ยืนเกาศีรษะ มองตามร่างสูงของพี่ชายไปจนลับสายตา จึงหันมาหาก้องที่เปิดประตูรถลงมา“ลูกพี่เอ็งเขาไปกินรังแตนที่ไหนมาวะ ขับรถมาซะเร็วเลย กระเแทกจนประตูรถจะหลุดแล้วมั้ง”“รังแตนที่ร้านเจ๊พริ้ง”“ซ้อพริ้งอะนะ” ก้องพยักหน้า“ใช่” ไฮเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เป็นการบอกก้องว่าเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟังเดี๋ยวนี้ก้องมองซ้ายมองขวาให้แน่ใจ ว่าบุคคลที่ตัวเองจะพูดถึงต่อไปนี้ ไม่ได้อยู่ในรัศมีที่จะได้ยิน เมื่อแน่ใจว่าเฮงไม่ได้ยินแน่ๆ จึงหันมาหาไฮ“เฮียเฮงเขาโมโหอารมณ์เสีย ที่เห็นเสี่ยป้อไปตามจีบเจ๊พริ้งที่ร้านก๋วยเตี๋ยวก็เลยไม่ลงไปกิน คงหึงเจ๊พริ้งนั่นแหละครับ นี่ก็เหยียบรถมายิ่งกว่าฟ้าดแปด หน้าตานี่ไม่รับแขกเลยเฮียไฮ” ก้องเล่าไปตามที่ตัวเองได้เจอ สีหน้าก็จริงจังประกอบคำพูด“จะหึงได้ไง ในเมื่อเฮียเลิกกับซ้อพริ้งมาตั้งนานแล้ว”“ถ้าไม่หึงก็แสดงว่าหวงก้างครับ ทำนองว่าไม่อยากใ
พริ้งพลอยเก็บกวาดทำความสะอาดร้านเสร็จในช่วงสี่โมงเย็น เป็นเวลานี้ประจำทุกวัน เพราะวัตถุดิบที่เตรียมไว้หมดตั้งแต่บ่ายสามกว่า“นี่จ้ะ” เงินจำนวนห้าร้อยบาทถูกยื่นไปให้จอย หลังจากที่หญิงสาวช่วยตัวเองล้างชามเสร็จเรียบร้อย“ขอบคุณค่ะพี่พริ้ง” ยกมือไหว้ทุกวันก่อนจะรับเงินจากพริ้งพลอยมาพริ้งพลอยไม่ได้จ้างจอยเป็นรายเดือนหรอก ให้เงินหญิงสาวทุกวันที่มาทำงาน ด้วยรู้ดีว่าจอยมีความจำเป็นต้องใช้เงิน“อย่าลืมเอาพุทรากับก๋วยเตี๋ยวกลับไปกินบ้านล่ะ”“ค่ะพี่พริ้ง ขอบคุณนะคะให้หนูทุกวันเลย”“เล็กน้อยน่า มีเรื่องอะไรก็บอก ย่าไปหาหมอวันไหนก็ให้บอก เดี๋ยวพี่ขับรถไปส่งที่โรงพยาบาล” จอยยกมือไหว้พริ้งพลอยอีกครั้งด้วยความซาบซึ้งใจ ที่พริ้งพลอยคอยดูแลเอาใจใส่เธอและย่าอย่างดี“ขอบคุณพี่พริ้งมากนะ ถ้าไม่ได้พี่หนูกับย่าคงแย่มากกว่านี้”“พอแล้วน่า ไม่ต้องขอบคุณอะไรมากหรอก รีบกลับบ้านไปได้แล้ว ป่านนี้ย่าชะเง้อคอมองหาแล้วมั้ง”“งั้นหนูกลับก่อนนะพี่ พรุ่งนี้เช้าจะรีบมาแต่เช้าเลยจ้ะ” พริ้งพลอยพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม มองตามร่างเล็กของจอยเดินไปยังรถมอไซต์ ที่เธอเนี่ยแหละเป็นคนซื้อให้ เอาไว้ขี่มาทำงานที่ร้าน จะได้ไม่ต้องเดิ
รถกระบะของเฮงชะลอลงที่หน้าบ้านสีฟ้าชั้นเดียว มีรั้วรอบขอบชิดในเวลาสองทุ่มกว่า จะเป็นบ้านของใครไปไม่ได้ นอกจากบ้านของพริ้งพลอย เพราะรถของหญิงสาวถูกยกไปซ่อมที่อู่ อีกหลายวันกว่าจะซ่อมเสร็จ“เฮียจะลงไปกินน้ำกินท่าก่อนไหมแล้วค่อยกลับ” พริ้งพลอยเอ่ยชวน“ไม่” แค่ยอมขับรถมาส่งถึงบ้านก็มากพอแล้ว ยังจะให้เขาเข้าไปในบ้านอีกอย่างนั้นเหรอ คิดว่าเขารู้ไม่ทันหรือไง ว่าเธอกำลังจะตะล่อมเขาเข้าบ้านเพื่อขืนใจ“ทำไม ที่ไม่เข้าไปเพราะกลัวใจตัวเองเหรอ”“พูดบ้าอะไรของเธอ”“ก็พูดความจริงไง ที่เฮียไม่กล้าเข้าบ้านไปกับพริ้ง เพราะเฮียกลัวตัวเองจะทนต่อความสวยของพริ้งไม่ไหว ทนต่อแรงดึงดูดของหัวใจเราสองคนไม่ไหว หรือไม่ก็ทนต่อความรู้สึกที่เฮียมีต่อพริ้งไม่ไหว เพราะจริงๆ แล้วเฮียยังไม่เลิกรักพริ้ง เฮียเองก็ยังมีความรักให้พริ้งอยู่ แต่ปากแข็ง”“หึ!” หัวเราะแหบต่ำดังขึ้นในลำคอ ร่างสูงขยับตัวมาเผชิญหน้ากับคนหลงตัวเอง มองใบหน้าจิ้มลิ้มที่ไม่ได้จัดว่าสวยจนลืมหายใจ แต่ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร“กระจกเขามีไว้ให้ส่องนะ เผื่อพริ้งยังไม่รู้” พริ้งพลอยย่นจมูกใส่อย่างหมั่นไส้ ที่ถูกอีกคนย้อนกลับเสียเจ็บแสบ แต่เธอจะยอมแพ้เหรอ
“เฮียจ๋า” เสียงหวานร้องเรียก พร้อมกับมือบางที่คว้าหมับเข้าที่แขนของเฮงหลังจากที่ชายหนุ่มอุ้มพริ้งพลอยเข้ามาในห้องนอน เหตุเพราะหญิงสาวเมามายทรงตัวเองแทบไม่ได้“เมาก็นอนพริ้ง อย่ามารุ่มร่าม” คนถูกกล่าวหาว่าเมา สะบัดมือออกจากแขนแกร่งอย่างไร้เยื่อใยความอวดดี อวดเก่ง ส่งผ่านออกมาทางแววตา ความดื้อรั้นอยากเอาชนะ ทำให้คนเมาประคองตัวเองขึ้นนั่ง นิ้วเรียวยกขึ้นชี้หน้า“ใครเมา พริ้งไม่ได้เมา อย่ามาปากดีให้กัน” ลมหายใจหนักกระแทกออกมาเสียงดัง สายตาคมจ้องมองคนที่นั่งหัวยุ่งหน้าแดงอยู่บนเตียง ก่อนใบหน้าคมจะส่ายไปมาน้อยๆไม่รู้คิดถูกหรือผิดกันแน่ ที่ยอมให้พริ้งพลอยดื่มจนเมา และไม่รู้คิดถูกไหม ที่ยอมเข้ามาในบ้านพริ้งพลอยตามคำท้าท้ายของหญิงสาว“นอนๆ จะได้หลับ” เถียงกับคนเมาต่อไปก็คงไม่ชนะ เฮงจึงตัดจบด้วยการเดินเข้าไปจับไหล่เล็กทั้งสองข้าง บังคับให้พริ้งพลอยนอนลงตามเดิม ซึ่งหญิงสาวก็ทำตามอย่างว่าง่ายแต่ที่ไม่ง่าย คือหญิงสาวยกแขนรั้งลำคอเขาเข้าหาเต็งแรง ทำให้คนที่ไม่ทันตั้งตัวเสียหลักล้มลงทาบทับร่างบางเต็มแรง แก้มสากก็แนบเข้ากับริมฝีปากอิ่มของหญิงสาวแม่นเหมือนดั่งจับวาง“เห้ย!” เฮงที่ไม่ได้เมามายไร้ส
ไฮชำเลืองมองพี่ชายที่นั่งทานข้าวเช้าด้วยกันเป็นระยะ เมื่อพี่ชายเงยหน้าขึ้นมาสบตา ไฮก็ส่งสายตาล้อเลียนไปให้พร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มคนถูกมองก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกัน ก็อยากจะยื่นมือไปจิ้มหน้าผากน้องชายนัก กับรอยยิ้มมีเลศนัยนั้น“แปลกแฮะ วันนี้หนูพริ้งไม่มาหาลูกชายป๊า” ฮวดเอ่ยขึ้น หลังจากทานอาหารเช้าไปได้สักระยะ พลางชำเลืองสายตามองลูกชายคนโต“จะมาทำไมทุกวันล่ะป๊า ผมกับพริ้งไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย มาบ่อยๆ ชาวบ้านได้เอาไปพูดนินทากันสนุกปาก”“เดี๋ยวนี้เฮงแคร์คำพูดชาวบ้านด้วยเหรอ ป๊าเพิ่งรู้” อดจะเหน็บแนมลูกชายไม่ได้ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ลูกชายคนนี้แคร์คำพูดใครที่ไหน ใครพูดให้ลูกชายตนก็สวนกลับไม่มีโกง ประชดประชันเก่งยิ่งกว่าผู้หญิง จนป้าข้างบ้านที่ปากยื่นปากยาวมาถามไถ่เรื่องส่วนตัว ก็เลิกคุยไปด้วยแล้วตอนนี้“ถ้าเรื่องเกี่ยวกับผม ผมไม่แคร์หรอกป๊า...”“แต่ถ้าเป็นเรื่องซ้อพริ้ง เฮียก็แคร์ว่างั้น” ไฮเอ่ยแทรกเข้ามา และเหมือนจะจี้ใจดำจนเฮงทานต่อไม่ลง ยกแก้วน้ำขึ้นจิบ“ไม่ใช่แค่พริ้งหรอก ทุกคนนั่นแหละ ไม่อยากให้ต้องมาเป็นขี้ปากชาวบ้าน”“คิดว่ามีพี่ชายเป็นตัวร้ายมาตลอด ที่ไหนได้เป็นพร
ลมหายใจลอยสลายไปในอากาศ เมื่อเจ้าของลมหายใจเงยหน้าเป่าออกมาทางปาก ก่อนจะสูดเอาออกซิเจนกลับเข้าไปให้เต็มปอด ในขณะที่สายตาจับจ้องอยู่ที่บ้านไม้สองชั้นกลางเก่ากลางใหม่ตรงหน้า บ้านที่อาศัยมาตั้งแต่เกิดบ้านที่มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น ทั้งสุขและทุกข์ และก็บ้านที่ทำให้เธอเลือกที่จะเดินจากมา โดยไม่คิดจะหันหลังกลับมาอีกแต่วันนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อเจ้าของบ้านที่เรียกตัวเองว่าแม่ โทรเรียกให้เธอมาหา พริ้งพลอยจึงจำใจต้องขับรถมอไซต์ ฝ่าแดดของเมืองไทยระยะทางสามสิบกว่ากิโลเมตรมาที่นี่“พริ้งลูก” น้ำเสียงที่แสดงถึงความดีใจ ดังเรียกความคิดของพริ้งพลอยที่กระเจิดกระเจิงให้กลับมาสายตาเลื่อนไปยังเจ้าของเสียง ที่กำลังเดินเข้ามาหา ใบหน้านั้นอิดโรย มุมปากมีร่องรอยเขียวช้ำที่ดูจางลงไปมาก“เข้ามาในบ้านก่อนลูก” เพ็ญเปิดประตูรั้วบ้านให้ลูกสาว จับมือพริ้งพลอยให้เดินตามตัวเองเข้ามาในบ้าน“หน้าแม่ไปโดนอะไรมา ดูผอมลงหรือเปล่าเนี่ย” เพ็ญไม่ได้ตอบคำถามของลูกสาว แต่จับมือพริ้งพลอยให้นั่งลงที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าบ้าน“เดี๋ยวแม่ไปเอาน้ำมาให้นะ” พูดจบก็เดินหายเข้าไปในตัวบ้านอีกครั้ง พร้อมกับสายตาของพริ้งพลอย ที่มอง
คนที่บอกใครต่อใครว่าเลิกกับพริ้งพลอยแล้ว ไม่ได้รู้สึกอะไรกับพริ้งพลอยทั้งนั้น ไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบทว่าเมื่อหญิงสาวหายไปจากชีวิตถึงสามวันด้วยกัน ก็เกิดอาการหงุดหงิด มองอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมดเพราะพริ้งพลอยหายไปราวกับลาจากชีวิตกัน ไม่มีข้อความส่งมาหาสักข้อความ สติกเกอร์น่ารักๆ ที่เคยส่งมาก็ไม่มี การโทรหายิ่งไม่ต้องพูดถึงไม่มีสักสาย อีกทั้งยังไม่โผล่หน้ามาหาที่ร้านเพราะโดยปกติหญิงสาวจะต้องมาหาแทบทุกวัน แต่หลังจากวันที่รำลึกความหลังกันเสร็จนั้น หญิงสาวก็หายเงียบไป พาให้คนที่ถูกตื๊อเกิดความสงสัยใคร่อยากรู้ ว่าพริ้งพลอยไปไหน หรือว่าเธอเป็นอะไรหรือไม่“ครั้งนี้กูถูกผู้หญิงฟันแล้วทิ้งเหรอวะ” พึมพำออกมากับตัวเองในเย็นวันหนึ่งหลังจากร้านรับซื้อของเก่าปิดทำการเพราะได้เวลาเลิกงาน เฮงก็ออกมานั่งดื่มเบียร์แก้เหนื่อยที่หน้าร้าน โดยมีก้องทำหน้าที่หากับแกล้มในครัวออกมาให้ ส่วนไฮเห็นบอกว่าวันนี้มีนัดกับสาววิทลัยฯ จะพากันไปเดินตลาดนัดเปิดท้าย“แหนมทอดร้อนๆ มาแล้วจ้าเฮียเฮงคนหล่อ”แหนมอีกแล้วเหรอวะ...เฮงมองจานแหนมทอดส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย ไอจากความร้อนยังลอยตัวขึ้นไปในอากาศ พลันภาพตัวเองและพริ้งพลอยที
“จะบ้าเหรอเฮง ทิพย์ไม่เอาด้วยหรอก หาเรื่องใส่ตัวชัดๆ” ทิพย์ร้องเสียงหลงปฏิเสธในสิ่งที่เพื่อนขอร้อง ว่าขอให้ตัวเองช่วยแสดงเป็นแฟนให้หน่อย“อะไรวะ ช่วยแค่นี้ก็ไม่ได้”“ไม่ใช่ว่าช่วยไม่ได้ แต่มันต้องไม่ใช่การช่วยแบบนี้สิ”“มันก็หมายความว่าทิพย์ไม่ช่วยเราเหมือนเดิมนั่นแหละ” คนที่ถูกปฏิเสธเริ่มงอแงใส่เพื่อนผู้หญิง ที่สนิทสนมที่สุดตั้งแต่เรียนอนุบาลมาด้วยกัน“ก็ไม่อยากยุ่งเรื่องของผัวเมีย เดี๋ยวน้องพริ้งได้คิดว่าทิพย์เป็นมือที่สาม ทำให้ความรักของเฮงกับน้องพริ้งต้องมีปัญหากัน”“แต่เราจบกับพริ้งไปเป็นเดือนแล้วนะทิพย์ แต่พริ้งก็ยังไม่ยอมจบไง เราเลยต้องมาอ้อนวอนขอร้อง ให้ทิพย์ช่วยเล่นละครแกล้งเป็นแฟนให้หน่อย”“แล้วไม่คิดว่าเรื่องมันจะบานปลายหรือไง จากเรื่องเล็กๆ ทิพย์ว่ามันจะขยายใหญ่ขึ้นนะเฮง”“เห้อ!” เฮงไม่รู้จะทำอย่างไร จึงถอนหายใจออกมาดังเฮือก เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ภายในร้านกาแฟของเพื่อนสาว ยกแก้วกาแฟเย็นขึ้นดูดจนพร่องไปถึงครึ่งแก้ว“มาแล้วจ้าแม่จ๋า พ่อจ๋า ลูกโซนคนดีคนเดิมมาแล้วจ๋า” เฮงกลอกตาใส่เพื่อนอีกคน ที่ชอบทำตัวปัญญาอ่อน กำลังเดินมานั่งลงที่โต๊ะเดียวกันกับเขา ทั้งที่ตัวเองเป็นผู้ชายเต็มร
“น้องแพรวไม่วิ่งค่ะเดี๋ยวล้ม”“น้องแพรวคะ ม้าบอกว่าไม่ให้วิ่งยังไงล่ะคะ”“วิ่งเลยครับลูก วิ่งมาหาป๊าเร็ว ป๊ารอตรงนี้”นั่งคือประโยคของสองสามีภรรยาที่ดังขึ้นไล่เลี่ยกัน เพื่อบอกลูกสาวที่กำลังวิ่งเล่นในสวนของดอกทานตะวันนับสิบไร่ เหลืองอร่ามสวยงามในช่วงเช้า ที่พระอาทิตย์ทอแสงแดดอ่อนๆ ยังไม่แรงกล้าจนร้อนระอุแพรวพลอยในวัยสองขวบกว่า ถูกพามาเที่ยวที่ไร่ทานตะวัน ไม่ใช่ความต้องการของหนูน้อย แต่เหมือนจะเป็นความต้องการของผู้เป็นพ่อมากกว่า ที่อยากพาครอบครัวมาที่นี่ และนี่ก็นับว่าเป็นครั้งแรกในการเที่ยวต่างจังหวัดของครอบครัว“เฮียก็ชอบตามใจลูกตลอด” อดไม่ได้ที่จะดุให้สามี ที่ชอบตามใจลูกสาว ส่วนเธอก็คือนางร้ายในสายตาลูกสาวไปแล้ว ที่ชอบขัดใจอยู่เสมอ“เฮียไม่ได้ตามใจครับ เฮียก็แค่อยากให้ลูกได้วิ่งเล่นเฉยๆ เฮียรักพริ้งนะ”พริ้งพลอยจะด่าก็ด่าไม่ได้ เพราะเฮงรู้จุดอ่อนชอบบอกรักเธอเป็นการปิดท้าย ทำให้ประโยคที่เตรียมจะต่อว่ากลืนหายไปในลำคอ“ตลอดเลยนะ”“ก็เฮียรักพริ้งจริงๆ นี่น่า”“ปาค่า” เสียงเล็กของลูกน้อย พร้อมกับมือเล็กๆ ที่จับชายเสื้อผู้เป็นพ่อและดึงเบาๆ ทำให้เฮงต้องย่อตัวลงนั่งให้อยู่ในระดับเดียวกันกั
การมีภรรยาสวยนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไปสินะ ยิ่งเป็นคนสวยอัธยาศัยดียิ่งไม่ดีเข้าไปใหญ่ เพราะพวกผู้ชายหน้าหม้อจ้องจะมาอ้อล้ออยู่บ่อยๆแม้จะรู้อยู่เต็มอก เห็นอยู่เต็มตา ว่าผัวเขานั่งอยู่ตรงนี้ ก็ยังไม่วายจะพูดกับภรรยาเขาเสียงอ่อนเสียงหวาน ตาหวานเยิ้มมันน่าเดินไปควักลูกตาออกซะจริงๆ“พริ้งจ๋า ลูกคิดถึงแล้วครับ” เฮงร้องตะโกนไปขัดจังหวะ เมื่อการสนทนาระหว่างภรรยาคนสวย กับเสี่ยไร้อ้อยอย่างเสี่ยบำรุงกำลังออกรสออกชาติพริ้งพลอยหันมาถลึงตาใส่เฮง ด้วยรู้ดีว่าเฮงหึงตัวเองมากแค่ไหน เห็นเธอคุยกับเสี่ยบำรุงหรือลูกค้าผู้ชายนานๆ ก็ออกอาการหึงหวงจนขึ้นหน้า เข้ามาขัดจังหวะแบบนี้ทุกที“ถ้าอย่างั้นเสี่ยกลับก่อนนะ วันหน้าจะพาคนงานมาอุดหนุนใหม่”“ได้เลยค่ะเสี่ย พริ้งยินดีต้อนรับเสมอค่ะ”“งั้นเสี่ยไปล่ะ”“จ้า” พริ้งพลอยยิ้มให้ลูกค้าเจ้าประจำ ที่เดินออกจากร้านไป จวบจนเสี่ยบำรุงขึ้นรถ จึงได้หุบยิ้มและหันมามองหน้าสามี ที่นั่งหน้าบึ้งไม่สบอารมณ์อยู่ที่โต๊ะ“จะยิ้มอะไรนักหนา” ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้งแสนงอน พริ้งพลอยเห็นแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า“ก็เสี่ยเขาเป็นลูกค้านี่คะ ก็ต้องยิ้มให้ลูกค้าสิ”“แต่เสี่ยนั่นไม่ได้อยากเป
อยากโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนแบบนี้ตลอดไป อยากตื่นมาแล้วเห็นหน้าเธอเป็นคนแรก อยากทำหน้าที่สามีและพ่อที่ดีให้ทั้งเธอและลูกสาว นั่นคือสิ่งที่เฮงปรารถนามากที่สุดในชีวิตเพราะกว่าจะมีวันนี้ได้ ชายหนุ่มก็ต้องเรียนรู้อะไรหลายอย่าง จากหลายเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามา จนเกือบทำให้เขาต้องเสียภรรยาและลูกสาวที่น่ารักไปสุดท้ายเฮงก็ยังอยากขอบคุณพริ้งพลอยอยู่ทุกวัน ที่มอบโอกาสครั้งสำคัญและยิ่งใหญ่นี้ให้ ขอบคุณที่เธอยอมให้เขารักเธออีกครั้ง“ปะปา ปะปา” เสียงเล็กเอ่ยเรียกผู้เป็นพ่อ ร่างจ้ำม่ำของหนูน้อยวัยขวบเศษคลานเข้ามาหาผู้เป็นพ่อที่นั่งเล่นอยู่บนโซฟาเฮงยิ้มให้ลูกสาวสุดที่รัก ขยับตัวลงนั่งที่พื้นด้านล่าง ยื่นมือไปด้านหน้า พร้อมรับลูกสาวที่กำลังคลานเข้ามาหา“ว่าไงครับคนเก่งของปะป๊า มาครับมาหาป๊าเร็ว” หนูน้อยได้ยินเสียงที่คุ้นเคยตั้งแต่อยู่ในท้อง ก็ยิ่งรีบคลานเข้ามาใกล้ สุดท้ายก็พาร่างจ้ำม่ำเข้ามาสู่อ้อมกอดของผู้เป็นพ่อได้สำเร็จ และยังได้รางวัลเป็นหอมฟอดใหญ่ทั้งแก้มซ้ายและขวา“แก้มลูกสาวป๊าหอมที่สุดเลยค่ะ หอมๆๆ” เฮงฟัดจมูกลงบนแก้มนิ่มนั้นอีกครั้งอย่างมันเขี้ยว หนูน้อยก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจเสียงหัวเราะและประ
ให้โอกาสยังไม่ทันไร ไอ้ผัวเฮงซวยก็ทำตัวมีพิรุธให้เห็นซะแล้ว ท่าทางลับๆ ล่อๆ มีลับลมคมใน เหมือนมีอะไรปิดปังไม่อยากให้รู้ ยิ่งทำให้พริ้งพลอยอยากรู้มากขึ้นจากเดิมจากที่ต้องมารับกลับไปส่งที่บ้านหลังจากเก็บร้านเสร็จ ก็บอกให้พริ้งพลอยกลับบ้านเองไปก่อน เป็นแบบนี้มาสามวันแล้วไหนจะเวลากลางคืนที่อยู่ด้วยกันที่บ้าน หลังจากพาลูกสาวเข้านอน เฮงก็ชอบมานั่งดูโทรศัพท์ที่โซฟาด้านนอก เมื่อเห็นเธอเดินเข้าไปหา ก็ทำตัวมีพิรุธน่าสงสัย ครั้นถามว่าทำอะไรก็บอกว่าไม่มี แบบนี้ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่“นี่อย่าบอกนะ ว่ามึงตัดสินใจผิดอีกแล้วอีพริ้ง เห้อ!”“บ่นอะไรพี่พริ้ง” จอยเอ่ยถาม เมื่อได้ยินพริ้งพลอยพึมพำอะไรออกมาสักอย่าง ในระหว่างที่ช่วยกันเก็บร้าน“ก็เฮยน่ะสิจอย พี่ว่าเฮียดูมีพิรุธยังไงก็ไม่รู้”“ยังไงพี่”“ก็ชอบทำตัวลับๆ ล่อๆ ดูแต่โทรศัพท์พอเห็นพี่ก็รีบวาง หรือว่าเฮียจะแอบคุยกับผู้หญิงคนไหนอีก”“ไม่หรอกมั้งพี่พริ้ง กว่าพี่เฮงจะทำให้พี่ใจอ่อนได้ ใช้เวลาเกือบปี นี่เพิ่งจะกลับไปคืนดีกันได้แค่เดือนกว่า จะหาผู้หญิงคนใหม่คุยแล้วอย่างนั้นเหรอ ไม่ใช่มั้ง”“แล้วทำไมเฮียถึงทำตัวมีพิรุธล่ะ”“คำถามนี้ พี่พริ้งก็ต้องเป็น
“ลูกหลับแล้วเหรอคะ” เฮงเดินเข้ามานั่งลงข้างแม่ของลูกส่งยิ้มบางให้“ใช่ เหนื่อยไหม” คำนี้ต้องเป็นพริ้งพลอยหรือเปล่าที่เอ่ยถามเฮง แต่เฮงกลับเป็นฝ่ายถามเธอทุกวันว่าเธอเหนื่อยไหมทั้งที่เขาทำงานหนักมากกว่าเธอมากนัก ไหนจะงานที่ร้านรับซื้อของเก่า งานที่ร้านก๋วยเตี๋ยว และยังต้องมาช่วยเธอเลี้ยงลูกอีก กว่าจะได้นอนพักก็ดึกดื่น ยังต้องตื่นแต่เช้าไปซื้อของให้เธอที่ตลาด“พี่” เฮงเลิกคิ้วขึ้นมองหน้าคนที่เรียกตัวเอง ก็เห็นถึงแววตาประหม่าที่มองมายังเขา“พี่เหนื่อยไหม” เพียงแค่คำถามง่ายๆ แต่ทำให้เฮงน้ำตารื้นขอบตาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ไหนจะก้อนแข็งๆ ที่วิ่งมาจุกที่ลำคออีก จึงได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบ“พี่จะร้องไห้เหรอ” เพราะเห็นน้ำตาคลอเบ้าและนัยน์ตาแดงก่ำของเฮงทันทีที่สิ้นเสียงถาม น้ำตาของลูกผู้ชายก็ไหลลงมาอย่างกลั้นไม่ไหว ดึงพริ้งพลอยเข้ามากอดเอาไว้ไม่อยากให้หญิงสาวเห็นน้ำตาของตัวเอง รีบใช้มือเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าแต่พริ้งพลอยก็ผละตัวออกห่าง มองหน้าที่เปื้อนด้วยน้ำตาของเฮงด้วยความไม่เข้าใจ ว่าเขาร้องไห้ด้วยเรื่องอะไร“พี่ร้องไห้ทำไม” เฮงรีบใช้หลังมือปาดน้ำตาออกลวกๆ ส่งยิ้มให้คนตรงหน้า“เฮียแค่...เฮีย
“ไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่ามึงจะใจแข็งได้มากขนาดนี้ ใจแข็งตั้งแต่ลูกอยู่ในท้อง จนตอนนี้ลูกออกมาลืมตาดูโลก ก็ยังไม่ใจอ่อนให้พ่อของลูกอีก”ไข่ลากเก้าอี้มานั่งข้างเพื่อนสาว ที่นั่งพับผ้าอ้อมที่โซฟาภายในบ้าน ส่วนลูกน้อยก็ถูกคุณพ่อของแกพาเข้านอนในห้องพริ้งพลอยคลอดลูกสาว ร่างกายแข็งแรงจ้ำม่ำ ด้วยน้ำหนักสามโลกว่าออกมาได้เดือนเศษแล้วและคนที่มาคอยช่วยเลี้ยงคงหนีไม่พ้นพ่อของลูก ที่หยิบจับงานทุกอย่างแทนเธอไม่ว่าจะเป็นงานบ้าน อาหารการกิน รวมไปถึงซักเสื้อผ้าลูกน้อยรวมทั้งของเธอ อาบน้ำ พาเข้านอน เฮงทำเป็นหมดทุกอย่างซึ่งพริ้งพลอยเองก็ยังแปลกใจ และเพิ่งมารู้ความจริงจากไฮ ว่าเฮงไปเข้าคอร์สเรียนสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ก่อนที่เธอจะคลอด“ก็ไม่ได้ใจแข็งอะไรนะ”“ไม่ได้ใจแข็ง แต่ก็ไม่ยอมกลับไปคืนดีกับพ่อของลูกเนี่ยนะ”“และที่ให้มาวุ่นวาย เดินเข้าเดินออกภายในบ้านได้แบบนี้ ไม่เรียกว่าใจอ่อนอีกเหรอ”“ก็แค่ทำหน้าที่พ่อไง แกกูรู้ว่าพี่เฮงเขาอยากทำหน้าที่ผัวด้วย”“ผัวที่ดีคือผัวใหม่” ไข่เบะปากใส่เพื่อนรักไปหนึ่งที“ไม่ใช่ผัวเก่าคนโปรดเหรอ ถึงได้ไม่เปิดใจให้ใครสักที”“ตอนนั้นท้องโย่ขนาดนั้น ใครจะมาสนใจ”“ตอนนี้ก็
ร่างสูงดีดตัวขึ้นนั่งในทันทีราวกับติดสปริง เมื่อเห็นพริ้งพลอยยืนอยู่ในห้องนอน รีบลงจากเตียงนอนเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะหยุดชะงักและถอยหลังออกไปไกล เมื่อคิดได้ว่าตัวเองไม่สบาย“พริ้งออกไปก่อนได้ไหม เดี๋ยวติดไข้จากเฮีย แมสอยู่ไหน เฮียไม่มีแมส” เมื่อไม่มีหน้ากากอนามัย เฮงจึงใช้เสื้อตัวเองนี่แหละมาปิดจมูก“ออกไปก่อนนะ เดี๋ยวเฮียตามไป เฮียไม่ได้ไล่นะ แต่เฮียกลัวพริ้งกับลูกติดไข้จากเฮียด้วยไง” พริ้งพลอยพยักหน้ารับ หมุนตัวเดินออกไปจากห้องเฮงรีบหาหน้ากากอนามัย ที่ไม่รู้เลยว่าอยู่ที่ไหนมาใส่ปิดจมูกด้วยความตื่นเต้นดีใจ จนทำอะไรแทบไม่ถูกมือไม้สั่นไปหมด ไม่คิดว่าพริ้งพลอยจะมาหาตัวเองที่บ้าน จากนั้นก็รีบออกมาจากห้องนอน ก็เห็นว่าพริ้งพลอยยืนรออยู่ที่หน้าห้อง“มาหาเฮียถึงบ้านแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า” แม่งโคตรตื่นเต้นเลยเชื่อไหม เพราะตั้งแต่วันนั้นที่พริ้งพลอยมาได้ยินเขากับไอ้ป้อคุยกัน เธอก็ไม่ได้มาที่นี่อีกเลย“ไฮบอกว่าพี่ไม่สบาย และยังไม่ยอมกินยาอีก แล้วเมื่อไหร่จะหาย” เฮงไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองหรอก ว่าตัวเองกำลังถูกพริ้งพลอยดุเพราะว่าเป็นห่วง แต่ตอนนี้มันยิ้มกว้างอยู่ภายใต้หน้ากากอนามัยแล้ว“ก็เฮียไม่ช
สองเดือนต่อมาเวลายังเดินไปไม่รั้งรอ ทุกคนล้วนมีหน้าที่เป็นของตัวเอง แต่วันนี้คนที่ทำหน้าที่ไปซื้อของที่ตลาด ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะเอาของมาที่ร้าน ทั้งที่เวลาล่วงเลยมาแล้วเกือบหนึ่งชั่วโมงพริ้งพลอยเหลือบสายตามองนาฬิกาที่แขวนอีกครั้ง เกือบเจ็ดโมงเช้าแล้วทำไมเฮงยังไม่มา ปกติชายหนุ่มจะมาถึงร้านไม่เกินหกโมงครึ่งนี่น่า“พี่พริ้ง ทำไมวันนี้พี่เฮงยังไม่มาอีกพี่” จอยที่เห็นถึงความผิดปกติก็เอ่ยถามขึ้น พลางชะเง้อคอมองออกไปถนนเป็นระยะ“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”“หรือว่าพี่เฮงเป็นอะไรหรือเปล่า พี่ลองโทรหาแกดูไหม” พริ้งพลอยคว้าโทรศัพท์ที่วางทิ้งไว้ กำลังจะกดโทรหาเฮงตามที่จอยบอก และก็เป็นจังหวะเดียวกับรถยนต์ของเฮงแล่นเข้ามาจอดพอดีแต่วันนี้คนที่ขับรถมากลับไม่ใช่เฮงอย่างที่ควรจะเป็น แต่กลับเป็นไฮและโซน“พี่เฮงไปไหนจ๊ะ ทำไมพี่ไฮกับพี่โซนถึงได้ไปซื้อของแทน” เป็นจอยที่เอ่ยถามตรงกับสิ่งที่พริ้งพลอยอยากรู้พอดิบพอดี“วันนี้เฮียไม่สบายน่ะ นอนซมอยู่ร้าน ก็เลยไหว้วานให้ผมกับเฮียโซนออกไปซื้อของให้ซ้อ ที่จริงก็อยากจะไปเองนั่นแหละ แต่ผมกับป๊าห้ามไว้” ไฮหันมาพูดกับพริ้งพลอย เช่นเดียวกับโซน“เพื่อนพี่มันบ้า บทมันจะดื้
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นเกิดขึ้น ถามว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นหรือไม่ สำหรับเฮงเอง ก็คงต้องบอกว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก ชายหนุ่มก็ยังไม่ได้รับโอกาสจากพริ้งพลอย แม้เวลาจะผ่านมาอีกสองเดือนแล้วก็ตามแต่เฮงก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีทีเดียว เพราะอย่างน้อยเฮงก็ได้ทำหน้าที่ดูแลพริ้งพลอยกับลูกมากขึ้นยิ่งพริ้งพลอยท้องโตขึ้น เฮงเองก็ยิ่งอยากเข้าไปดูแลมากขึ้น และก็ต้องขอบคุณพริ้งพลอยที่ไม่กีดกันหรือปิดกั้นและเฮงยังรู้สึกว่า เธอเปิดใจให้เขามากขึ้นจากเดิมอีกนิด ให้ชายหนุ่มได้ดูแลมากขึ้น ด้วยการไปช่วยพริ้งพลอยเก็บร้านในตอนบ่าย และช่วงเช้าเฮงก็อาสาทำหน้าที่ไปจ่ายตลาดเองคนเดียว ให้พริ้งพลอยมาเตรียมของที่ร้านในส่วนของพริ้งพลอย หญิงสาวคิดว่าตอนนี้เธอมีความสุขดี ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร ส่วนในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฮง ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามกาลเวลาเธอไม่ได้เร่งรีบ เธอไม่ได้ต้องการ และอีกอย่างเธอก็อยากรู้เช่นกัน ว่าคนที่บอกว่ารักเธอทุกวัน ส่งข้อความมาบอกรักและยังบอกด้วยตัวเองต่อหน้า จะมีความอดทนสักแค่ไหน ในการทำเพื่อคนที่เขาบอกว่ารักครั้งหนึ่งเธอเคยถูกหลอกจากคนที่เธอรักมาก เธอถูกทำลาย