ลมหายใจลอยสลายไปในอากาศ เมื่อเจ้าของลมหายใจเงยหน้าเป่าออกมาทางปาก ก่อนจะสูดเอาออกซิเจนกลับเข้าไปให้เต็มปอด ในขณะที่สายตาจับจ้องอยู่ที่บ้านไม้สองชั้นกลางเก่ากลางใหม่ตรงหน้า บ้านที่อาศัยมาตั้งแต่เกิด
บ้านที่มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น ทั้งสุขและทุกข์ และก็บ้านที่ทำให้เธอเลือกที่จะเดินจากมา โดยไม่คิดจะหันหลังกลับมาอีก
แต่วันนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อเจ้าของบ้านที่เรียกตัวเองว่าแม่ โทรเรียกให้เธอมาหา พริ้งพลอยจึงจำใจต้องขับรถมอไซต์ ฝ่าแดดของเมืองไทยระยะทางสามสิบกว่ากิโลเมตรมาที่นี่
“พริ้งลูก” น้ำเสียงที่แสดงถึงความดีใจ ดังเรียกความคิดของพริ้งพลอยที่กระเจิดกระเจิงให้กลับมา
สายตาเลื่อนไปยังเจ้าของเสียง ที่กำลังเดินเข้ามาหา ใบหน้านั้นอิดโรย มุมปากมีร่องรอยเขียวช้ำที่ดูจางลงไปมาก
“เข้ามาในบ้านก่อนลูก” เพ็ญเปิดประตูรั้วบ้านให้ลูกสาว จับมือพริ้งพลอยให้เดินตามตัวเองเข้ามาในบ้าน
“หน้าแม่ไปโดนอะไรมา ดูผอมลงหรือเปล่าเนี่ย” เพ็ญไม่ได้ตอบคำถามของลูกสาว แต่จับมือพริ้งพลอยให้นั่งลงที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าบ้าน
“เดี๋ยวแม่ไปเอาน้ำมาให้นะ” พูดจบก็เดินหายเข้าไปในตัวบ้านอีกครั้ง พร้อมกับสายตาของพริ้งพลอย ที่มองตามหลังมารดาไปด้วยความไม่เข้าใจ ว่าทำไมวันนี้แม่ของเธอถึงได้เปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้
ตั้งแต่มีเรื่องราวกันใหญ่โต จนไล่เธอออกจากบ้านวันนั้น แม่ก็ไม่เคยแยแสสนใจเธออีกเลย
หากมีการโทรหาก็เพื่อขอเงินทองมาใช้สอยเท่านั้น แม้แต่ถ้อยคำหรือน้ำเสียงที่ใช้ก็ฟังไม่รื่นหูแต่อย่างใด ทว่าวันนี้กลับพูดจารื่นหูน่าฟัง และยังเดินไปเอาน้ำเย็นใส่แก้วมาให้เธออีก
แปลกเกินไปจริงๆ
“มาเหนื่อยๆ กินน้ำเย็นให้ชื่นใจก่อนนะ... แล้วนี่เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม” เพ็ญยังคงสร้างความแปลกใจให้ลูกสาวไม่หยุดหย่อน จนพริ้งพลอยเริ่มระแวดระวังตัวขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
ช่วยไม่ได้นี่น่า ก็ที่ผ่านมาแม่เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน อยู่ๆ เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้ ก็ต้องระวังตัวเป็นธรรมดา
“สบายดีจ้ะ แล้วแม่ล่ะ ยังไม่ตอบพริ้งเลยว่าหน้าไปโดนอะไรมา หรือว่าถูกไอ้สานมันทำร้ายร่างกาย” ไอ้สานที่ว่าคือไอ้ชาติหมาที่พริ้งพลอยเกลียดเข้าไส้
“แม่ล้มน่ะ ไม่เกี่ยวกับสานหรอก อีกอย่างแม่ก็เลิกกับมันไปแล้วด้วย” พริ้งพลอยพยักหน้ารับ บอกตามตรงว่ารู้สึกดีไม่น้อย เมื่อได้ยินว่าแม่เลิกกับไอ้ชาติหมานั่น
“ก็ดีแล้ว แม่ควรเลิกกับมันตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ ตกลงที่ให้พริ้งมาหามีเรื่องอะไรเหรอ” เพ็ญแสดงสีหน้าลำบากใจกับสิ่งที่ต้องเอ่ยต่อจากนี้ ลมหายใจอุ่นผ่อนออกมาเล็กน้อย
“ไอ้สานมันก่อหนี้ไว้ก้อนโต ก่อนที่มันจะเลิกกับแม่ไป เจ้าหนี้รายวันก็มาตามทวงที่บ้านทุกวัน พอทวงไม่ได้ก็ข่มขู่จะทำร้ายกัน แม่ก็เลย... แม่ขอโทษนะพริ้ง แม่ไม่ได้อยากรบกวนพริ้งเลยจริงๆ แต่แม่กลัว แม่กลัวคนพวกนั้นมันจะมาทำอะไรแม่” คนเป็นแม่กุมมือลูกสาวมาจับไว้และบีบกระชับด้วยความกลัว
“เท่าไหร่ล่ะรอบนี้” เพราะไม่ใช่ครั้งแรกหรอก ที่แม่ขอเงินจากเธอ เอาไปใช้หนี้การพนันให้ไอ้สานนั่น
“หมื่นนึง” พริ้งพลอยกระแทกลมหายใจออกมาหนักๆ
“เยอะขนาดนั้นพริ้งไม่มีให้หรอกแม่”
“ไม่มี!” เผลอขึ้นเสียงใส่ลูกสาว แต่เมื่อรู้ตัวว่าเผลอพลั้งไป เพ็ญก็เก็บอาการตามเดิม
“ไม่มีจริงๆ เหรอลูก แล้วพริ้งมีให้แม่เท่าไหร่”
“ได้แค่ห้าพันเท่านั้นแหละ พริ้งต้องเอาเงินไปจ่ายค่าซ่อมรถไม่รู้จะหมดเท่าไหร่”
“ก็ได้จ้ะ ห้าพันก็ห้าพัน” ดีกว่าไม่ได้เลยสักบาท
“แล้วนี่แม่อยู่กับใคร”
“แม่อยู่คนเดียว พริ้งจะกลับมาอยู่กับแม่ไหม กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมไงลูก”
“ไม่ล่ะ พริ้งอยู่ที่นั่นดีแล้ว เผื่อแม่อยากจะพาใครเข้ามา... พริ้งหมายถึงเผื่อแม่ต้องการความเป็นส่วนตัวน่ะ... โอนไปให้แล้วนะ” โชว์หน้าจอโทรศัพท์ที่ขึ้นว่าโอนเงินสำเร็จให้ผู้เป็นแม่ดู
“ขอบใจมากนะลูก พริ้งของแม่กตัญญูจริงๆ” คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อย กับคำว่ากตัญญู หากย้อนไปเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมา แม่เรียกเธอว่า...
อีลูกไม่รักดี อีเนรคุณ อีอกตัญญู ไม่ใช่หรือไง
“พริ้งขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะ เสร็จแล้วจะได้กลับเลย”
“จ้ะลูก” เพ็ญยิ้มตามหลังบุตรสาวที่เดินเข้าไปในบ้าน ก่อนรอยยิ้มนั้นจะฉีกกว้างขึ้น เมื่อเห็นข้อความแจ้งเตือนยอดเงินเข้าในบัญชี
“ไม่เสียแรงที่เลี้ยงมา” พึมพำกับหน้าจอโทรศัพท์ จากนั้นจึงเก็บโทรศัพท์เข้าไว้ในกระเป๋ากางเกงตามเดิม
ส่วนคนที่ขอตัวมาเข้าห้องน้ำ เมื่อเดินเข้ามาภายในบ้าน ภาพคืนวันก่อนเก่าที่เคยอยู่อาศัยก็ผุดเข้ามาเป็นฉากๆ โดยเฉพาะวันที่พริ้งพลอย...
หญิงสาวหยุดความคิดไว้แค่ตรงนี้ เรื่องทุกอย่างที่ผ่านมาแล้วควรผ่านไป อย่าเก็บเอามาคิดอีก พริ้งพลอยเดินตรงไปยังห้องน้ำ เธอไม่ได้อยากมาเข้าห้องน้ำหรอก แต่เธอแค่อยากมาเห็นกับตาเท่านั้น ว่าผู้เป็นแม่อยู่คนเดียวจริงหรือไม่
และเมื่อเห็นแปรงสีฟันที่เสียบอยู่มีสองอัน ใบหน้างามก็ส่ายไปมาน้อยๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องน้ำ หางตาก็เหลือบไปเห็นชุดชั้นในผู้ชายแขวนอยู่ด้านในสุด คงตั้งใจซุกไว้ไม่ให้เธอเห็นสินะ
และเมื่อเดินออกมานอกบ้าน พริ้งพลอยก็เห็นว่าชั้นวางรองเท้ามีรองเท้าผ้าใบผู้ชาย ที่มีรองเท้าของแม่เธอวางทับกันไว้
“พริ้งกลับนะแม่ เงินที่ให้ไปก็ใช้ให้มีประโยชน์ล่ะ ไม่ใช่เอาไปปรนเปรอผู้ชาย” ไม่รอให้ผู้เป็นแม่เอ่ยอะไรออกมา พริ้งพลอยก็เดินผ่านหน้าผู้เป็นแม่ออกจากรั้วบ้าน ขับมอไซต์กลับในทันที เพ็ญจึงรีบเดินไปปิดประตูรั้ว และเดินเข้ามาภายในตัวบ้านเช่นกัน
“สาน” ประตูห้องนอนถูกเปิดออก เรียกชื่อของคนที่ยืนอยู่ที่หน้าต่าง กำลังมองตามหลังคนที่เพิ่งออกจากบ้านไป ก่อนเจ้าของชื่อจะหมุนตัวกลับมา
“ได้มาห้าพัน” เพ็ญเอ่ยบอกสามีที่มีอายุน้อยกว่าห้าปี เพ็ญอายุสี่สิบห้าทว่ารูปร่างหน้าตาก็ยังสะสวยอยู่ นั่นจึงทำให้สานไม่อายที่จะมีเมียแก่และยังฉลาดน้อยกว่าตัวเองเสียอีก
“ก็ดีกว่าไม่ได้ พี่เพ็ญเก่งมากรู้ไหมครับ ผมโชคดีจริงๆ ที่เลือกพี่เพ็ญมาเป็นเมีย” คำหวานไร้ซึ่งความจริงใจ มีไว้เพื่อหลอกลวงคนโง่เขลา โอบกอดหญิงสาวเข้ามาใกล้และหอมแก้มเป็นการเอาใจ แต่เพ็ญกลับคิดหลงเชื่อและยังหลงผัวเด็กไม่ลืมหูลืมตา
“ปากหวานกับพี่แบบนี้อีกแล้ว” แสร้งหันหน้าหลบสายตาของสามี ทว่ากลับบดเบียดร่างกายเข้าหา พร้อมกับมือที่ลูบไล้ต่ำลงมายังเป้ากางเกง เป็นอันรู้กันดีว่าต้องการอะไร และนี่ก็คงเป็นอีกเรื่อง ที่ทำให้เพ็ญติดอกติดใจผัวเด็กคนนี้อย่างไม่ลืมหูลืมตา
คนที่บอกใครต่อใครว่าเลิกกับพริ้งพลอยแล้ว ไม่ได้รู้สึกอะไรกับพริ้งพลอยทั้งนั้น ไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบทว่าเมื่อหญิงสาวหายไปจากชีวิตถึงสามวันด้วยกัน ก็เกิดอาการหงุดหงิด มองอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมดเพราะพริ้งพลอยหายไปราวกับลาจากชีวิตกัน ไม่มีข้อความส่งมาหาสักข้อความ สติกเกอร์น่ารักๆ ที่เคยส่งมาก็ไม่มี การโทรหายิ่งไม่ต้องพูดถึงไม่มีสักสาย อีกทั้งยังไม่โผล่หน้ามาหาที่ร้านเพราะโดยปกติหญิงสาวจะต้องมาหาแทบทุกวัน แต่หลังจากวันที่รำลึกความหลังกันเสร็จนั้น หญิงสาวก็หายเงียบไป พาให้คนที่ถูกตื๊อเกิดความสงสัยใคร่อยากรู้ ว่าพริ้งพลอยไปไหน หรือว่าเธอเป็นอะไรหรือไม่“ครั้งนี้กูถูกผู้หญิงฟันแล้วทิ้งเหรอวะ” พึมพำออกมากับตัวเองในเย็นวันหนึ่งหลังจากร้านรับซื้อของเก่าปิดทำการเพราะได้เวลาเลิกงาน เฮงก็ออกมานั่งดื่มเบียร์แก้เหนื่อยที่หน้าร้าน โดยมีก้องทำหน้าที่หากับแกล้มในครัวออกมาให้ ส่วนไฮเห็นบอกว่าวันนี้มีนัดกับสาววิทลัยฯ จะพากันไปเดินตลาดนัดเปิดท้าย“แหนมทอดร้อนๆ มาแล้วจ้าเฮียเฮงคนหล่อ”แหนมอีกแล้วเหรอวะ...เฮงมองจานแหนมทอดส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย ไอจากความร้อนยังลอยตัวขึ้นไปในอากาศ พลันภาพตัวเองและพริ้งพลอยที
“จะบ้าเหรอเฮง ทิพย์ไม่เอาด้วยหรอก หาเรื่องใส่ตัวชัดๆ” ทิพย์ร้องเสียงหลงปฏิเสธในสิ่งที่เพื่อนขอร้อง ว่าขอให้ตัวเองช่วยแสดงเป็นแฟนให้หน่อย“อะไรวะ ช่วยแค่นี้ก็ไม่ได้”“ไม่ใช่ว่าช่วยไม่ได้ แต่มันต้องไม่ใช่การช่วยแบบนี้สิ”“มันก็หมายความว่าทิพย์ไม่ช่วยเราเหมือนเดิมนั่นแหละ” คนที่ถูกปฏิเสธเริ่มงอแงใส่เพื่อนผู้หญิง ที่สนิทสนมที่สุดตั้งแต่เรียนอนุบาลมาด้วยกัน“ก็ไม่อยากยุ่งเรื่องของผัวเมีย เดี๋ยวน้องพริ้งได้คิดว่าทิพย์เป็นมือที่สาม ทำให้ความรักของเฮงกับน้องพริ้งต้องมีปัญหากัน”“แต่เราจบกับพริ้งไปเป็นเดือนแล้วนะทิพย์ แต่พริ้งก็ยังไม่ยอมจบไง เราเลยต้องมาอ้อนวอนขอร้อง ให้ทิพย์ช่วยเล่นละครแกล้งเป็นแฟนให้หน่อย”“แล้วไม่คิดว่าเรื่องมันจะบานปลายหรือไง จากเรื่องเล็กๆ ทิพย์ว่ามันจะขยายใหญ่ขึ้นนะเฮง”“เห้อ!” เฮงไม่รู้จะทำอย่างไร จึงถอนหายใจออกมาดังเฮือก เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ภายในร้านกาแฟของเพื่อนสาว ยกแก้วกาแฟเย็นขึ้นดูดจนพร่องไปถึงครึ่งแก้ว“มาแล้วจ้าแม่จ๋า พ่อจ๋า ลูกโซนคนดีคนเดิมมาแล้วจ๋า” เฮงกลอกตาใส่เพื่อนอีกคน ที่ชอบทำตัวปัญญาอ่อน กำลังเดินมานั่งลงที่โต๊ะเดียวกันกับเขา ทั้งที่ตัวเองเป็นผู้ชายเต็มร
“แล้วพาลูกน้องมากินที่ร้านอีกนะเสี่ย” เสียงหวานเอ่ยขึ้น พร้อมกับส่งเงินทอนให้กับเจ้าของไร่อ้อยอย่างบำรุง ที่พริ้งพลอยยกให้เป็นเสี่ยใจป๋า ที่มักจะพาลูกน้องมากินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านอยู่เป็นประจำ“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวพี่แวะมาอุดหนุนใหม่นะ วันนี้อยู่คุยนานไม่ได้ ไอ้ดำมันเอารถลงสวนไปเกี่ยวอ้อยรอแล้ว”“จ้ะ ขอบใจนะจ๊ะที่มาอุดหนุนพริ้ง”“อืม” ก็แม่ค้าทั้งสวย ทั้งน่ารักอัธยาศัยดีแบบนี้ จะไม่ให้มาอุดหนุนได้ยังไง อีกอย่างก๋วยเตี๋ยวก็อร่อยและยังเป็นบุฟเฟ่ต์อีก คนงานเขาชอบนักล่ะกินอิ่มจนพุงกาง“เสี่ยบำรุงกระเป๋าหนัก มีไร่อ้อยเป็นร้อย ไหนจะไร่มันอีกล่ะ พี่ไม่คิดจะเทใจให้บ้างเหรอ” จอยเดินเข้ามาเก็บโต๊ะพร้อมกับเอ่ยแซวเจ้าของร้านคนสวย“มันก็น่าสนใจอยู่ แต่คนอายุสี่สิบกว่าอย่างเสี่ยบำรุง และมีที่ทางมากถึงขนาดนั้น จอยคิดว่ายังโสดอีกเหรอ พี่ว่าคงมีเจ้าของไร่ที่เสี่ยเขาไปเกี่ยวอ้อยตัดมัน จ้องจะเอาเสี่ยไปเป็นลูกเขยไม่มากก็น้อย” จอยพยักหน้ารับเห็นด้วยในข้อนี้“จริงด้วย คนขยันอย่างเสี่ยบำรุง ก็คงมีคนอยากได้ไปเป็นลูกเขยล่ะนะ ว่าแต่ เสี่ยป้อเจ้าพ่อเงินกู้ล่ะ มีสิทธิ์เข้าชิงกับเขาบ้างไหม”  “พี่รู้สึกว่าจอยจะเชีย
ยิ่งรู้ว่าพริ้งพลอยจะตัดใจ หลังจากทำใจที่ตัวเองบอกเลิกได้ เฮงก็ยิ่งสร้างสถานการณ์ให้หญิงสาวเข้าใจผิด คิดว่าตัวเองจะกลับมาคบกับทิพย์จริงๆจนข่าวของชายหนุ่มเริ่มมีคนพูดถึง และมันก็ลอยมาเข้าหูพริ้งพลอยพอดิบพอดี ในวันที่หญิงสาวออกไปซื้อของที่ตลาด“ไข่จ๋า พริ้งมาแล้วจ้ะ” พริ้งพลอยยื่นรายการชิ้นส่วนไก่ที่ต้องการ ให้เจ้าของร้านขายไก่สดเจ้าใหญ่ในตลาด และยังเป็นเพื่อนรักสมัยเรียนมัธยมด้วยกันเรียกว่าเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของพริ้งพลอยก็ว่าได้ เพราะเพื่อนคนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันไปทำงานหรือเรียนต่อที่อื่น“ปูๆ ไปจัดของให้พี่พริ้งที เสร็จแล้วก็เอาไปใส่หลังรถให้พี่เขาเลยนะ”“ครับพี่” ลูกน้องเดินมารับใบรายการไป ไข่จึงได้โอกาสสอบถามเพื่อนให้รู้เรื่องรู้ราว“นี่พริ้ง กูถามอะไรมึงหน่อยสิ... ตกลงมึงกับพี่เฮงเลิกกันจริงๆ แล้วใช่ไหม”“เฮียเขาขอเลิกด้วยเหตุผลควายๆ ว่าเราเข้ากันไม่ได้ แต่กูยังยื้อไว้ บอกตามตรงว่ายังทำใจไม่ได้ ก็รักเขาไปแล้ว ให้ไปหมดทั้งตัวและหัวใจ อยู่ดีๆ มาบอกว่าเรื่องของเรามันไปกันไม่ได้ มันใช่ที่ไหนวะ”“แล้วมึงจะยื้อไปอีกนานแค่ไหน ตัดใจตอนนี้มันยังไม่สายนะ ยิ่งยื้อนานไปก็ยิ่งเจ็บ เห็นว่าเป็น
เวลา 12.20 น. ณ ร้านก๋วยเตี๋ยวเฮงเปิดประตูรถลงมา ทั้งที่ความจริงชายหนุ่มมาถึงที่ร้านตั้งแต่เที่ยงตามที่พริ้งพลอยนัดไว้ แต่ไม่อยากลงไปตอนนั้น เพราะเดี๋ยวพริ้งพลอยจะได้ใจ คิดว่าเขาอยากมาหาเธอตามที่เธอบอกและเมื่อก้าวขาเข้ามาในร้าน ก็เห็นเจ้าของร้านกำลังวุ่นอยู่กับลูกค้าที่แน่นขนัดในช่วงเที่ยง พริ้งพลอยเพียงแค่ส่งยิ้มหวานมาให้ เมื่อหันมาเห็นว่าเฮงเดินเข้ามา เพราะตอนนี้กำลังลวกเส้นมือเป็นระวิง“สวัสดีจ้ะพี่เฮง เอาเหมือนเดิมไหมจ๊ะ เดี๋ยวจอยไปบอกพี่พริ้งให้”“เหมือนเดิม”“โอเคค่ะ พี่หาที่นั่งได้เลยนะ”เฮงพยักหน้ารับ เดินไปหาที่นั่งที่อยู่ไกลจากหน้าร้านเล็กน้อย เพราะไม่อยากเป็นจุดสนใจจากลูกค้าที่มาใช้บริการเท่าไหร่นานแล้วนะที่เขาไม่ได้มาที่ร้านนี้ น่าจะตั้งแต่ที่เลิกรากับพริ้งพลอยไปนั่นแหละ คิดมาถึงตรงนี้ก็อดที่จะคิดย้อนไปถึงวัน ที่เขามาตามจีบพริ้งพลอยใหม่ๆ ไม่ได้ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะใช้เวลาเกือบปีในการพิชิตใจเธอ“สวัสดีครับน้องพริ้ง” และเสียงทักทายที่ดังขึ้นหน้าร้าน ก็ทำให้เฮงหลุดออกจากความคิด หันไปมองยังทิศทางของเสียง ก็เห็นว่าเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...“สวัสดีค่ะเสี่ยป้อ เอาเส้นหมี่เหมือนเ
เสี่ยป้อรีบลงจากรถทันที เมื่อเห็นเฮงเดินมาที่รถของตัวเอง ชายหนุ่มทั้งสองยืนมองหน้ากัน โดยปราศจากเสียงสนทนาร่วมนาที“กูขอคุยด้วยหน่อย” เฮงยกยิ้มมุมปาก เดินเข้ามาใกล้อดีตเพื่อนที่เคยสนิท“นี่อย่าบอกนะ ว่ามึงนั่งในรถเพื่อรอคุยกับกู เป็นเกียรติฉิบหายเลยว่ะ” เสี่ยป้อกัดกรามกรอด สองมือกำเข้าหากันแน่น เมื่อสิ่งที่เฮงเอ่ยมาคือเรื่องจริง เขานั่งรอเฮงในรถร่วมสี่สิบนาทีได้“กูจะคุยกับมึงดีๆ เพราะฉะนั้นอย่ามากวนตีนไอ้เฮง”“ให้เกียรติเรียกชื่อกูอีก นี่เห็นแก่วันนี้มึงให้เกียรติกูสองรอบนะ กูจะยอมลดตัวลงมาคุยกับมึงก็ได้ ว่ามาสิมีเรื่องอะไรจะคุยกับกู” ไม่ปล่อยให้ป้อมีโอกาสสวนกลับ เมื่อกวนประสาทเสร็จก็วกกลับเข้าเรื่องทันที เสี่ยป้อจึงได้แต่ข่มอารมณ์ไม่พอใจไว้“มึงเลิกกับพริ้งแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วมายุ่งกับน้องอีกทำไม” จากที่อารมณ์ดีเพราะกวนประสาทเสี่ยป้อได้ ตอนนี้คนที่อารมณ์ไม่ดีดูเหมือนจะเป็นเฮงเสียเอง ที่ดูเหมือนเสี่ยป้อมันจะให้ความสนใจพริ้งพลอยมากขนาดนี้“กูไม่ได้ยุ่ง แต่พริ้งเองต่างหากที่ยุ่งกับกูไม่เลิก”“แต่มึงก็ไม่ควรเข้าใกล้พริ้งอีก” เฮงผ่อนลมหายใจออกมาหนักๆ ไอ้นี่มันยังพูดไม่รู้เรื่องเหมือนเดิมเ
“สวัสดีครับน้องพริ้งคนสวย สวยที่สุด สวยในซอย สวยในโลกหล้าไม่มีใครมาเทียบเคียง สวยจนไม่รู้จะสรรหะ...”“พอก่อนเถอะค่ะพี่โซน พริ้งว่ามันเริ่มสวยแบบแปลกๆ แล้วนะคะ” ก่อนที่เธอจะสวยมากไปกว่านี้ พริ้งพลอยจึงรีบเอ่ยขัดขึ้นมา“มาหาไอ้เฮงเหรอครับ”“ใช่ค่ะ พอดีพริ้งทำเมนูโปรดของเฮียมาให้ แล้วก็มีต้มซูเปอร์แซ่บๆ มาให้ด้วย เผื่อตอนเย็นเฮียตั้งวงเหล้าจะได้มีกับแกล้ม”“ทำไมเป็นคนดีแบบนี้ล่ะคะคุณน้องพริ้งคนสวย สวยแล้วยังใจดี เอาใจใส่คนรักไม่มีขาดตกบกพร่อง”“ทำดีขนาดนี้ เพื่อนพี่โซนยังทิ้งพริ้งได้ลงคอ ใจร้ายชะมัด” โซนยิ้มเจือน สงสารพริ้งพลอยอยู่หรอก ที่ถูกเจ้าเพื่อนตัวดีมันตีตัวออกห่าง ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายไปตามจีบน้องก่อน และไม่ได้ตามจีบรายเดือนหรือรายวันด้วยนะ มันตามจีบเกือบปีแน่ะถ้าโซนเป็นพริ้งโซนก็ใจอ่อน“เรื่องมันเศร้านะ แต่พี่เชื่อว่าไอ้เฮงมันไม่ได้หมดรักพริ้งหรอก เพราะถ้ามันหมดรักแล้วจริงๆ มันคงไม่ยอมให้พริ้งเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตมันแบบนี้ มันอาจจะมีเหตุผลที่ต้องบอกเลิกพริ้งมั้ง”แล้วเหตุผลอะไรล่ะวะ ยิ่งพูดโซนก็ยิ่งไม่เข้าใจ“พริ้งดื้อที่จะเข้ามาวุ่นวายเองต่างหากค่ะ เฮียเขาชัดเจนมากด้วยซ้ำ ว่าอ
พริ้งพลอยขับรถมาเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย เพราะไม่อยากกลับไปที่บ้านในตอนนี้ ไม่อยากกลับไปให้ภาพคืนวันก่อนเก่า ที่มีเธอและเขาทำกิจกรรมร่วมกันภายในบ้านผุดเข้ามา แม้สุดท้ายเธอจะหนีความเจ็บปวดที่ว่านั้นไม่ได้ก็ตาม แต่ตอนนี้ขอหนีก่อนแล้วกันรถยนต์จอดสนิทลงเยื้องกับบ้านของผู้เป็นแม่ ไม่รู้อะไรดลใจทำให้พริ้งพลอยใจลอยขับรถมายังบ้านที่อยู่ตั้งแต่เด็ก หรืออาจจะเป็นเพราะบ้านหลังนี้ยังมีแม่ ที่เป็นญาติเพียงคนเดียวของเธออยู่ที่นี่ก็เป็นได้แม้จะรู้ว่าแม่ไม่ได้ยินดียินร้ายในการมีเธอก็ตาม แต่เมื่อความอ่อนแอถาโถมเข้าใส่ ปัญหามากมายประเดประดังเข้ามา เธอก็ยังอยากเจอคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่อยากเห็นหน้าท่าน อยากมองหน้าท่าน ให้ความอ้างว้างเดียวดายในใจได้ทุเลาลงบ้างไม่มากก็น้อย ให้รู้ว่าเธอก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวบนโลกใบนี้พริ้งพลอยเดินมาหยุดอยู่หน้ารั้วบ้าน มองผ่านรั้วเข้าไปยังด้านใน แสงไฟในบ้านเปิดสว่างไสว มิหนำซ้ำประตูรั้วบ้านก็เปิดไว้หญิงสาวจึงค่อยๆ เดินเข้าไปด้วยความเงียบ เพราะอยากเห็นว่ามารดาทำอะไร เผื่อท่านอยู่กับผู้ชายคนนั้น เธอจะได้ไม่ต้องเข้าไปนับว่าโชคดีที่หน้าต่างด้านหน้าถูกเปิดแง้มไว้ ผ้าม่านปลิ
“น้องแพรวไม่วิ่งค่ะเดี๋ยวล้ม”“น้องแพรวคะ ม้าบอกว่าไม่ให้วิ่งยังไงล่ะคะ”“วิ่งเลยครับลูก วิ่งมาหาป๊าเร็ว ป๊ารอตรงนี้”นั่งคือประโยคของสองสามีภรรยาที่ดังขึ้นไล่เลี่ยกัน เพื่อบอกลูกสาวที่กำลังวิ่งเล่นในสวนของดอกทานตะวันนับสิบไร่ เหลืองอร่ามสวยงามในช่วงเช้า ที่พระอาทิตย์ทอแสงแดดอ่อนๆ ยังไม่แรงกล้าจนร้อนระอุแพรวพลอยในวัยสองขวบกว่า ถูกพามาเที่ยวที่ไร่ทานตะวัน ไม่ใช่ความต้องการของหนูน้อย แต่เหมือนจะเป็นความต้องการของผู้เป็นพ่อมากกว่า ที่อยากพาครอบครัวมาที่นี่ และนี่ก็นับว่าเป็นครั้งแรกในการเที่ยวต่างจังหวัดของครอบครัว“เฮียก็ชอบตามใจลูกตลอด” อดไม่ได้ที่จะดุให้สามี ที่ชอบตามใจลูกสาว ส่วนเธอก็คือนางร้ายในสายตาลูกสาวไปแล้ว ที่ชอบขัดใจอยู่เสมอ“เฮียไม่ได้ตามใจครับ เฮียก็แค่อยากให้ลูกได้วิ่งเล่นเฉยๆ เฮียรักพริ้งนะ”พริ้งพลอยจะด่าก็ด่าไม่ได้ เพราะเฮงรู้จุดอ่อนชอบบอกรักเธอเป็นการปิดท้าย ทำให้ประโยคที่เตรียมจะต่อว่ากลืนหายไปในลำคอ“ตลอดเลยนะ”“ก็เฮียรักพริ้งจริงๆ นี่น่า”“ปาค่า” เสียงเล็กของลูกน้อย พร้อมกับมือเล็กๆ ที่จับชายเสื้อผู้เป็นพ่อและดึงเบาๆ ทำให้เฮงต้องย่อตัวลงนั่งให้อยู่ในระดับเดียวกันกั
การมีภรรยาสวยนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไปสินะ ยิ่งเป็นคนสวยอัธยาศัยดียิ่งไม่ดีเข้าไปใหญ่ เพราะพวกผู้ชายหน้าหม้อจ้องจะมาอ้อล้ออยู่บ่อยๆแม้จะรู้อยู่เต็มอก เห็นอยู่เต็มตา ว่าผัวเขานั่งอยู่ตรงนี้ ก็ยังไม่วายจะพูดกับภรรยาเขาเสียงอ่อนเสียงหวาน ตาหวานเยิ้มมันน่าเดินไปควักลูกตาออกซะจริงๆ“พริ้งจ๋า ลูกคิดถึงแล้วครับ” เฮงร้องตะโกนไปขัดจังหวะ เมื่อการสนทนาระหว่างภรรยาคนสวย กับเสี่ยไร้อ้อยอย่างเสี่ยบำรุงกำลังออกรสออกชาติพริ้งพลอยหันมาถลึงตาใส่เฮง ด้วยรู้ดีว่าเฮงหึงตัวเองมากแค่ไหน เห็นเธอคุยกับเสี่ยบำรุงหรือลูกค้าผู้ชายนานๆ ก็ออกอาการหึงหวงจนขึ้นหน้า เข้ามาขัดจังหวะแบบนี้ทุกที“ถ้าอย่างั้นเสี่ยกลับก่อนนะ วันหน้าจะพาคนงานมาอุดหนุนใหม่”“ได้เลยค่ะเสี่ย พริ้งยินดีต้อนรับเสมอค่ะ”“งั้นเสี่ยไปล่ะ”“จ้า” พริ้งพลอยยิ้มให้ลูกค้าเจ้าประจำ ที่เดินออกจากร้านไป จวบจนเสี่ยบำรุงขึ้นรถ จึงได้หุบยิ้มและหันมามองหน้าสามี ที่นั่งหน้าบึ้งไม่สบอารมณ์อยู่ที่โต๊ะ“จะยิ้มอะไรนักหนา” ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้งแสนงอน พริ้งพลอยเห็นแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า“ก็เสี่ยเขาเป็นลูกค้านี่คะ ก็ต้องยิ้มให้ลูกค้าสิ”“แต่เสี่ยนั่นไม่ได้อยากเป
อยากโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนแบบนี้ตลอดไป อยากตื่นมาแล้วเห็นหน้าเธอเป็นคนแรก อยากทำหน้าที่สามีและพ่อที่ดีให้ทั้งเธอและลูกสาว นั่นคือสิ่งที่เฮงปรารถนามากที่สุดในชีวิตเพราะกว่าจะมีวันนี้ได้ ชายหนุ่มก็ต้องเรียนรู้อะไรหลายอย่าง จากหลายเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามา จนเกือบทำให้เขาต้องเสียภรรยาและลูกสาวที่น่ารักไปสุดท้ายเฮงก็ยังอยากขอบคุณพริ้งพลอยอยู่ทุกวัน ที่มอบโอกาสครั้งสำคัญและยิ่งใหญ่นี้ให้ ขอบคุณที่เธอยอมให้เขารักเธออีกครั้ง“ปะปา ปะปา” เสียงเล็กเอ่ยเรียกผู้เป็นพ่อ ร่างจ้ำม่ำของหนูน้อยวัยขวบเศษคลานเข้ามาหาผู้เป็นพ่อที่นั่งเล่นอยู่บนโซฟาเฮงยิ้มให้ลูกสาวสุดที่รัก ขยับตัวลงนั่งที่พื้นด้านล่าง ยื่นมือไปด้านหน้า พร้อมรับลูกสาวที่กำลังคลานเข้ามาหา“ว่าไงครับคนเก่งของปะป๊า มาครับมาหาป๊าเร็ว” หนูน้อยได้ยินเสียงที่คุ้นเคยตั้งแต่อยู่ในท้อง ก็ยิ่งรีบคลานเข้ามาใกล้ สุดท้ายก็พาร่างจ้ำม่ำเข้ามาสู่อ้อมกอดของผู้เป็นพ่อได้สำเร็จ และยังได้รางวัลเป็นหอมฟอดใหญ่ทั้งแก้มซ้ายและขวา“แก้มลูกสาวป๊าหอมที่สุดเลยค่ะ หอมๆๆ” เฮงฟัดจมูกลงบนแก้มนิ่มนั้นอีกครั้งอย่างมันเขี้ยว หนูน้อยก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจเสียงหัวเราะและประ
ให้โอกาสยังไม่ทันไร ไอ้ผัวเฮงซวยก็ทำตัวมีพิรุธให้เห็นซะแล้ว ท่าทางลับๆ ล่อๆ มีลับลมคมใน เหมือนมีอะไรปิดปังไม่อยากให้รู้ ยิ่งทำให้พริ้งพลอยอยากรู้มากขึ้นจากเดิมจากที่ต้องมารับกลับไปส่งที่บ้านหลังจากเก็บร้านเสร็จ ก็บอกให้พริ้งพลอยกลับบ้านเองไปก่อน เป็นแบบนี้มาสามวันแล้วไหนจะเวลากลางคืนที่อยู่ด้วยกันที่บ้าน หลังจากพาลูกสาวเข้านอน เฮงก็ชอบมานั่งดูโทรศัพท์ที่โซฟาด้านนอก เมื่อเห็นเธอเดินเข้าไปหา ก็ทำตัวมีพิรุธน่าสงสัย ครั้นถามว่าทำอะไรก็บอกว่าไม่มี แบบนี้ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่“นี่อย่าบอกนะ ว่ามึงตัดสินใจผิดอีกแล้วอีพริ้ง เห้อ!”“บ่นอะไรพี่พริ้ง” จอยเอ่ยถาม เมื่อได้ยินพริ้งพลอยพึมพำอะไรออกมาสักอย่าง ในระหว่างที่ช่วยกันเก็บร้าน“ก็เฮยน่ะสิจอย พี่ว่าเฮียดูมีพิรุธยังไงก็ไม่รู้”“ยังไงพี่”“ก็ชอบทำตัวลับๆ ล่อๆ ดูแต่โทรศัพท์พอเห็นพี่ก็รีบวาง หรือว่าเฮียจะแอบคุยกับผู้หญิงคนไหนอีก”“ไม่หรอกมั้งพี่พริ้ง กว่าพี่เฮงจะทำให้พี่ใจอ่อนได้ ใช้เวลาเกือบปี นี่เพิ่งจะกลับไปคืนดีกันได้แค่เดือนกว่า จะหาผู้หญิงคนใหม่คุยแล้วอย่างนั้นเหรอ ไม่ใช่มั้ง”“แล้วทำไมเฮียถึงทำตัวมีพิรุธล่ะ”“คำถามนี้ พี่พริ้งก็ต้องเป็น
“ลูกหลับแล้วเหรอคะ” เฮงเดินเข้ามานั่งลงข้างแม่ของลูกส่งยิ้มบางให้“ใช่ เหนื่อยไหม” คำนี้ต้องเป็นพริ้งพลอยหรือเปล่าที่เอ่ยถามเฮง แต่เฮงกลับเป็นฝ่ายถามเธอทุกวันว่าเธอเหนื่อยไหมทั้งที่เขาทำงานหนักมากกว่าเธอมากนัก ไหนจะงานที่ร้านรับซื้อของเก่า งานที่ร้านก๋วยเตี๋ยว และยังต้องมาช่วยเธอเลี้ยงลูกอีก กว่าจะได้นอนพักก็ดึกดื่น ยังต้องตื่นแต่เช้าไปซื้อของให้เธอที่ตลาด“พี่” เฮงเลิกคิ้วขึ้นมองหน้าคนที่เรียกตัวเอง ก็เห็นถึงแววตาประหม่าที่มองมายังเขา“พี่เหนื่อยไหม” เพียงแค่คำถามง่ายๆ แต่ทำให้เฮงน้ำตารื้นขอบตาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ไหนจะก้อนแข็งๆ ที่วิ่งมาจุกที่ลำคออีก จึงได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบ“พี่จะร้องไห้เหรอ” เพราะเห็นน้ำตาคลอเบ้าและนัยน์ตาแดงก่ำของเฮงทันทีที่สิ้นเสียงถาม น้ำตาของลูกผู้ชายก็ไหลลงมาอย่างกลั้นไม่ไหว ดึงพริ้งพลอยเข้ามากอดเอาไว้ไม่อยากให้หญิงสาวเห็นน้ำตาของตัวเอง รีบใช้มือเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าแต่พริ้งพลอยก็ผละตัวออกห่าง มองหน้าที่เปื้อนด้วยน้ำตาของเฮงด้วยความไม่เข้าใจ ว่าเขาร้องไห้ด้วยเรื่องอะไร“พี่ร้องไห้ทำไม” เฮงรีบใช้หลังมือปาดน้ำตาออกลวกๆ ส่งยิ้มให้คนตรงหน้า“เฮียแค่...เฮีย
“ไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่ามึงจะใจแข็งได้มากขนาดนี้ ใจแข็งตั้งแต่ลูกอยู่ในท้อง จนตอนนี้ลูกออกมาลืมตาดูโลก ก็ยังไม่ใจอ่อนให้พ่อของลูกอีก”ไข่ลากเก้าอี้มานั่งข้างเพื่อนสาว ที่นั่งพับผ้าอ้อมที่โซฟาภายในบ้าน ส่วนลูกน้อยก็ถูกคุณพ่อของแกพาเข้านอนในห้องพริ้งพลอยคลอดลูกสาว ร่างกายแข็งแรงจ้ำม่ำ ด้วยน้ำหนักสามโลกว่าออกมาได้เดือนเศษแล้วและคนที่มาคอยช่วยเลี้ยงคงหนีไม่พ้นพ่อของลูก ที่หยิบจับงานทุกอย่างแทนเธอไม่ว่าจะเป็นงานบ้าน อาหารการกิน รวมไปถึงซักเสื้อผ้าลูกน้อยรวมทั้งของเธอ อาบน้ำ พาเข้านอน เฮงทำเป็นหมดทุกอย่างซึ่งพริ้งพลอยเองก็ยังแปลกใจ และเพิ่งมารู้ความจริงจากไฮ ว่าเฮงไปเข้าคอร์สเรียนสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ก่อนที่เธอจะคลอด“ก็ไม่ได้ใจแข็งอะไรนะ”“ไม่ได้ใจแข็ง แต่ก็ไม่ยอมกลับไปคืนดีกับพ่อของลูกเนี่ยนะ”“และที่ให้มาวุ่นวาย เดินเข้าเดินออกภายในบ้านได้แบบนี้ ไม่เรียกว่าใจอ่อนอีกเหรอ”“ก็แค่ทำหน้าที่พ่อไง แกกูรู้ว่าพี่เฮงเขาอยากทำหน้าที่ผัวด้วย”“ผัวที่ดีคือผัวใหม่” ไข่เบะปากใส่เพื่อนรักไปหนึ่งที“ไม่ใช่ผัวเก่าคนโปรดเหรอ ถึงได้ไม่เปิดใจให้ใครสักที”“ตอนนั้นท้องโย่ขนาดนั้น ใครจะมาสนใจ”“ตอนนี้ก็
ร่างสูงดีดตัวขึ้นนั่งในทันทีราวกับติดสปริง เมื่อเห็นพริ้งพลอยยืนอยู่ในห้องนอน รีบลงจากเตียงนอนเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะหยุดชะงักและถอยหลังออกไปไกล เมื่อคิดได้ว่าตัวเองไม่สบาย“พริ้งออกไปก่อนได้ไหม เดี๋ยวติดไข้จากเฮีย แมสอยู่ไหน เฮียไม่มีแมส” เมื่อไม่มีหน้ากากอนามัย เฮงจึงใช้เสื้อตัวเองนี่แหละมาปิดจมูก“ออกไปก่อนนะ เดี๋ยวเฮียตามไป เฮียไม่ได้ไล่นะ แต่เฮียกลัวพริ้งกับลูกติดไข้จากเฮียด้วยไง” พริ้งพลอยพยักหน้ารับ หมุนตัวเดินออกไปจากห้องเฮงรีบหาหน้ากากอนามัย ที่ไม่รู้เลยว่าอยู่ที่ไหนมาใส่ปิดจมูกด้วยความตื่นเต้นดีใจ จนทำอะไรแทบไม่ถูกมือไม้สั่นไปหมด ไม่คิดว่าพริ้งพลอยจะมาหาตัวเองที่บ้าน จากนั้นก็รีบออกมาจากห้องนอน ก็เห็นว่าพริ้งพลอยยืนรออยู่ที่หน้าห้อง“มาหาเฮียถึงบ้านแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า” แม่งโคตรตื่นเต้นเลยเชื่อไหม เพราะตั้งแต่วันนั้นที่พริ้งพลอยมาได้ยินเขากับไอ้ป้อคุยกัน เธอก็ไม่ได้มาที่นี่อีกเลย“ไฮบอกว่าพี่ไม่สบาย และยังไม่ยอมกินยาอีก แล้วเมื่อไหร่จะหาย” เฮงไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองหรอก ว่าตัวเองกำลังถูกพริ้งพลอยดุเพราะว่าเป็นห่วง แต่ตอนนี้มันยิ้มกว้างอยู่ภายใต้หน้ากากอนามัยแล้ว“ก็เฮียไม่ช
สองเดือนต่อมาเวลายังเดินไปไม่รั้งรอ ทุกคนล้วนมีหน้าที่เป็นของตัวเอง แต่วันนี้คนที่ทำหน้าที่ไปซื้อของที่ตลาด ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะเอาของมาที่ร้าน ทั้งที่เวลาล่วงเลยมาแล้วเกือบหนึ่งชั่วโมงพริ้งพลอยเหลือบสายตามองนาฬิกาที่แขวนอีกครั้ง เกือบเจ็ดโมงเช้าแล้วทำไมเฮงยังไม่มา ปกติชายหนุ่มจะมาถึงร้านไม่เกินหกโมงครึ่งนี่น่า“พี่พริ้ง ทำไมวันนี้พี่เฮงยังไม่มาอีกพี่” จอยที่เห็นถึงความผิดปกติก็เอ่ยถามขึ้น พลางชะเง้อคอมองออกไปถนนเป็นระยะ“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”“หรือว่าพี่เฮงเป็นอะไรหรือเปล่า พี่ลองโทรหาแกดูไหม” พริ้งพลอยคว้าโทรศัพท์ที่วางทิ้งไว้ กำลังจะกดโทรหาเฮงตามที่จอยบอก และก็เป็นจังหวะเดียวกับรถยนต์ของเฮงแล่นเข้ามาจอดพอดีแต่วันนี้คนที่ขับรถมากลับไม่ใช่เฮงอย่างที่ควรจะเป็น แต่กลับเป็นไฮและโซน“พี่เฮงไปไหนจ๊ะ ทำไมพี่ไฮกับพี่โซนถึงได้ไปซื้อของแทน” เป็นจอยที่เอ่ยถามตรงกับสิ่งที่พริ้งพลอยอยากรู้พอดิบพอดี“วันนี้เฮียไม่สบายน่ะ นอนซมอยู่ร้าน ก็เลยไหว้วานให้ผมกับเฮียโซนออกไปซื้อของให้ซ้อ ที่จริงก็อยากจะไปเองนั่นแหละ แต่ผมกับป๊าห้ามไว้” ไฮหันมาพูดกับพริ้งพลอย เช่นเดียวกับโซน“เพื่อนพี่มันบ้า บทมันจะดื้
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นเกิดขึ้น ถามว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นหรือไม่ สำหรับเฮงเอง ก็คงต้องบอกว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก ชายหนุ่มก็ยังไม่ได้รับโอกาสจากพริ้งพลอย แม้เวลาจะผ่านมาอีกสองเดือนแล้วก็ตามแต่เฮงก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีทีเดียว เพราะอย่างน้อยเฮงก็ได้ทำหน้าที่ดูแลพริ้งพลอยกับลูกมากขึ้นยิ่งพริ้งพลอยท้องโตขึ้น เฮงเองก็ยิ่งอยากเข้าไปดูแลมากขึ้น และก็ต้องขอบคุณพริ้งพลอยที่ไม่กีดกันหรือปิดกั้นและเฮงยังรู้สึกว่า เธอเปิดใจให้เขามากขึ้นจากเดิมอีกนิด ให้ชายหนุ่มได้ดูแลมากขึ้น ด้วยการไปช่วยพริ้งพลอยเก็บร้านในตอนบ่าย และช่วงเช้าเฮงก็อาสาทำหน้าที่ไปจ่ายตลาดเองคนเดียว ให้พริ้งพลอยมาเตรียมของที่ร้านในส่วนของพริ้งพลอย หญิงสาวคิดว่าตอนนี้เธอมีความสุขดี ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร ส่วนในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฮง ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามกาลเวลาเธอไม่ได้เร่งรีบ เธอไม่ได้ต้องการ และอีกอย่างเธอก็อยากรู้เช่นกัน ว่าคนที่บอกว่ารักเธอทุกวัน ส่งข้อความมาบอกรักและยังบอกด้วยตัวเองต่อหน้า จะมีความอดทนสักแค่ไหน ในการทำเพื่อคนที่เขาบอกว่ารักครั้งหนึ่งเธอเคยถูกหลอกจากคนที่เธอรักมาก เธอถูกทำลาย