พริ้งพลอยขับรถมาเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย เพราะไม่อยากกลับไปที่บ้านในตอนนี้ ไม่อยากกลับไปให้ภาพคืนวันก่อนเก่า ที่มีเธอและเขาทำกิจกรรมร่วมกันภายในบ้านผุดเข้ามา แม้สุดท้ายเธอจะหนีความเจ็บปวดที่ว่านั้นไม่ได้ก็ตาม แต่ตอนนี้ขอหนีก่อนแล้วกันรถยนต์จอดสนิทลงเยื้องกับบ้านของผู้เป็นแม่ ไม่รู้อะไรดลใจทำให้พริ้งพลอยใจลอยขับรถมายังบ้านที่อยู่ตั้งแต่เด็ก หรืออาจจะเป็นเพราะบ้านหลังนี้ยังมีแม่ ที่เป็นญาติเพียงคนเดียวของเธออยู่ที่นี่ก็เป็นได้แม้จะรู้ว่าแม่ไม่ได้ยินดียินร้ายในการมีเธอก็ตาม แต่เมื่อความอ่อนแอถาโถมเข้าใส่ ปัญหามากมายประเดประดังเข้ามา เธอก็ยังอยากเจอคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่อยากเห็นหน้าท่าน อยากมองหน้าท่าน ให้ความอ้างว้างเดียวดายในใจได้ทุเลาลงบ้างไม่มากก็น้อย ให้รู้ว่าเธอก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวบนโลกใบนี้พริ้งพลอยเดินมาหยุดอยู่หน้ารั้วบ้าน มองผ่านรั้วเข้าไปยังด้านใน แสงไฟในบ้านเปิดสว่างไสว มิหนำซ้ำประตูรั้วบ้านก็เปิดไว้หญิงสาวจึงค่อยๆ เดินเข้าไปด้วยความเงียบ เพราะอยากเห็นว่ามารดาทำอะไร เผื่อท่านอยู่กับผู้ชายคนนั้น เธอจะได้ไม่ต้องเข้าไปนับว่าโชคดีที่หน้าต่างด้านหน้าถูกเปิดแง้มไว้ ผ้าม่านปลิ
“พี่พริ้ง! ทำไมวันนี้มาแต่เช้าเลยล่ะ มาก่อนหนูอีก” ทันทีที่จอยจอดรถมอไซต์เสร็จ ก็เอ่ยถามเจ้าของร้านคนสวย ที่กำลังจัดเตรียมวัตถุดิบอยู่หน้าร้านและเมื่อมองไปรอบร้าน ทุกอย่างก็ถูกเตรียมไว้เกือบหมดแล้วเช่นกัน แทบจะไม่เหลืองานช่วงเช้าให้เธอทำเลยด้วยซ้ำ“พอดีพี่นอนไม่ค่อยหลับน่ะ ก็เลยมาเร็ว”“ถึงว่าตาพี่ดูช้ำๆ หน้าก็ซีดด้วย” พริ้งพลอยไม่ตอบ เพียงแค่ยิ้มให้จอยเท่านั้นใครจะไปนอนหลับได้ลง ในเมื่อเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานหนักหนาสาหัสถึงเพียงนั้น โดยเฉพาะเรื่องที่เธอไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของแม่เพ็ญ ทำให้เธอช็อกมากกว่าที่เธอถูกเฮงพูดใส่หน้าว่าไม่รักเสียอีกในสมองมีแต่คำถามว่าใช่เหรอ ใช่จริงๆ เหรอ เธอไม่ใช่ลูกของแม่เพ็ญจริงๆ เหรอ มันจะเป็นไปได้อย่างไรแต่เมื่อย้อนกลับไปคิดถึง สิ่งที่แม่เพ็ญตอบตกลงจะให้ผู้ชายคนนั้นย่ำยีเธอ เธอก็แทบจะไม่ต้องหาคำตอบอีกต่อไปและเมื่อย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ ที่ทำให้เธอต้องออกจากบ้านมาเช่นนี้ ก็ไม่ต้องสงสัยเพราะคงไม่มีแม่คนไหนหรอกมั้ง ที่คิดว่าลูกตัวเองจะไปอ่อยสามีตัวเอง และยังเลือกที่จะเชื่อสามีเลวๆ คนนั้น ไล่เธอออกจากบ้าน ไม่ถามถึงเหตุการณ์อะไรเลยไม่สนใจแม้กระทั่งรอยช้ำบนใบ
ช่วงสิบเอ็ดโมงจนเกือบถึงบ่าย ร้านก๋วยเตี๋ยวของพริ้งพลอยจะแน่นขนัด ลูกค้าแวะเวียนเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก โต๊ะเก้าอี้ที่มีอยู่ก็แทบไม่พอคนที่ถูกมรสุมชีวิตสาดเข้าใส่ในช่วงนี้ ก็พลอยยุ่งจนลืมความทุกข์ในใจ ใบหน้าของแม่ค้าสาวสวยฉีกยิ้มตลอดเวลา แม้ข้างในอยากร้องไห้ทุกนาทีก็ตามอีกทั้งยังรู้สึกคลื่นเหียนเวียนหน้า คงเพราะกลิ่นน้ำหอมจากคนตรงหน้านี่แหละมั้ง ที่ประโคมใส่มาเสียฉุนจนพริ้งพลอยคอแข็ง“วันนี้ลูกค้าเยอะเนาะ” ไม่ใช่คนอื่นไกลที่ไหน สำหรับเจ้าของประโยคนี้ เสี่ยป้อเจ้าเก่าเจ้าเดิม ที่วันนี้มาพร้อมกับสับปะรดหนึ่งถุงใหญ่“ใช่จ้ะ”“พี่เอาสับปะรดมาฝาก แม่ไปเที่ยวซื้อมาซะเยอะ เอาไว้ที่บ้านก็กินไม่หมด เลยแบ่งมาให้พริ้งน่ะ”“ขอบคุณนะเสี่ย จอยมารับสับปะรดกับเสี่ยไปเก็บหลังร้านที”จอยที่กำลังเช็ดโต๊ะ ก็เดินมารับถุงสับปะรดจากเสี่ยป้อเข้าไปเก็บหลังร้าน“เดี๋ยวพรุ่งนี้พริ้งจะปอกเอามาวางไว้ให้ลูกค้ากินด้วย เยอะขนาดนั้นพริ้งกินไม่หมดหรอก เสี่ยกับแม่จะได้บุญด้วย”“ตามสบายเลย”“เสี่ยเอาเหมือนเดิมเนาะ ไปนั่งรอที่โต๊ะเลยก็ได้ เดี๋ยวพริ้งให้จอยเอาไปให้”“ครับ” เสี่ยป้อเดินไปนั่งโต๊ะที่ว่าง รอชามก๋วยเตี๋ยวจา
หนึ่งวันผ่านไปช่างแสนนาน วันที่สองก้าวเดินเข้ามาแทนที่ จวบจนวันที่สามก็เงียบเหงา ทั้งไลน์ ทั้งข้อความ ไม่มีเสียงดังแจ้งเตือนขึ้นมาเลยจากคนที่เฝ้ารอ อีกทั้งยังไม่เห็นแม้แต่เงาแวะเวียนมาที่ร้านเหมือนที่ผ่านมา“เห้อ!” เสียงกระแทกลมหายใจดังออกมา ตามอารมณ์ที่สุดแสนจะเบื่อหน่าย วางโทรศัพท์ที่เอามาดูการแจ้งเตือนจากคนที่รอว่ามีไหม แต่ผลกลับพบว่าไม่มีลงบนโต๊ะ“เลิกรักได้จริงๆ เหรอวะ” พึมพำกับตัวเองไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าพริ้งพลอยจะไม่ตามมาตอแยเขาเหมือนเช่นเคย คนที่รักเรามาก ตามตื๊อเราตลอด จะเป็นไปได้อย่างไร ที่ไม่ตามตื๊อเราเหมือนที่ผ่านมา“อยู่ไม่ได้แล้วโว้ย!!”ร่างสูงคว้ากุญแจรถคู่ใจขับออกจากบ้านในช่วงเช้า เพื่อไปให้เห็นกับตาว่าคนที่รอคอย ทำไมถึงไม่คิดจะติดต่อกลับมาบ้างเลยส่วนพริ้งพลอยก็ชีวิตให้เป็นปกติ แม้จะยากกับการห้ามใจไม่ให้ส่งข้อความไปหาคนที่ตัวเองรัก แต่ก็ไม่คิดจะหน้าด้านมากไปกว่านี้ ในเมื่อเขาพูดใส่หน้าขนาดนั้น หากเธอยังตัดใจไม่ได้ก็ควายเต็มทนเมื่อรักก็ย่อมรักหมดใจ แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดใจ พริ้งพลอยก็คิดว่าเธอสามารถตัดได้เช่นกัน ความโง่เขลาที่รักแบบไม่ลืมหูลืมตา เขาด่า เขาไล่ขนาดไ
ความขุ่นเคืองในใจของพริ้งพลอย ยังติดสอยตามตัวหญิงสาวมาจนถึงร้าน ใบหน้าสวยตอนนี้บูดบึ้งไม่ต่างจากอารมณ์เลยสักนิดยิ่งคิดไปถึงใบหน้าของคนที่เคยเป็นที่รัก เธอก็อยากจะกลับไปซัดใบหน้าหล่อเหลานั้นอีกสักทีสองทีให้หายเจ็บช้ำไม่รู้เลยจริงๆ ว่าตอนนั้นเธอหลงรักผู้ชายคนนี้ได้อย่างไร ไม่รู้ผีห่าซาตานตัวไหนผลักเธอให้ชอบคนเฮงซวยอย่างนั้นได้“พี่พริ้งไปทะเลาะกับใครมาเหรอจ๊ะ ทำไมหน้าตาถึงได้บูดบึ้งแบบนี้ได้”“กับไอ้คนเฮงซวยน่ะ”“คนเฮงซวย” จอยทวนคำพูดของเจ้าของร้านคนสวนกลับ“อืม พี่เฮงน่ะ”“พี่เฮง” แปลกใจนัก ที่พริ้งพลอยเรียกเฮงว่าพี่ ปกติหญิงสาวจะเรียกเฮงว่าเฮียนี่น่า“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าพี่ ทำไมอยู่ดีๆ มาเรียกพี่เฮงว่าพี่ ทั้งที่เมื่อก่อนพี่เรียกแกว่าเฮีย”“เลิกกันแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่สนิทสนมเหมือนเมื่อก่อนไง ต่างคนต่างไป ต่างใช้ชีวิตของตัวเอง”“พี่พริ้งทำใจได้แล้วเหรอจ๊ะ”“ใช่ พี่ทำใจได้แล้ว และมันควรเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วด้วย ไม่น่าเสียเวลายื้อไว้เลยตั้งนาน”นี่สินะที่เขาว่ากันว่า ไปให้สุด เจ็บจนพอใจ เมื่อถึงเวลานั้นไม่ต้องให้ใครเอาช้างมาฉุด ก็สามารถเดินออกมาจากความเจ็บช้ำได้เอง“ถ้าอย่
เพราะแสร้งทำตัวสดใสมาตั้งหลายวัน วันนี้พริ้งพลอยจึงอยากปลดปล่อยความเศร้าบ้าง หญิงสาวถือขวดเบียร์เย็นฉ่ำสามขวดเข้ามาภายในร้านขายไก่สดของไข่“ไอ้ไข่ ทำอะไรอยู่วะ อยู่ร้านไหมเนี่ย” ร้องตะโกนเรียกเจ้าของร้าน ที่ไม่รู้ป่านนี้ทำอะไรอยู่ที่ไหน รอไม่นานเจ้าของชื่อก็เดินออกมาจากหลังร้าน“ทำกับข้าวอยู่มีอะไร โอ้โห! เกิดอะไรขึ้นวะ อยู่ดีๆ ถึงซื้อเบียร์มาหา”“อยากกินประชดชีวิตสักหน่อย”“ฉลองที่เลิกกับผัวอย่างเป็นทางการเหรอ”“มันมีอะไรมากกว่านั้นอะดิ”“งั้นรอแป๊บ ขอไปปิดแก๊สก่อน พอดีเลยทำต้มยำไก่ เดี๋ยวเอามาแกล้มเบียร์หน่อย น้ำแข็งอยู่ในตู้เย็น แก้วเย็นๆ ก็แช่ไว้แล้ว จัดการได้เลย”และนับว่าความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง ที่พริ้งพลอยมีไข่คอยรับฟังปัญหา อีกทั้งยังให้คำแนะนำที่แสนจะเจ็บปวดต่อหัวใจ แต่ถือว่าจริงใจมากถึงมากที่สุด“กูบอกมึงแล้วว่าอย่ายื้อ แล้วเป็นไง เจ็บมากกว่าจบตั้งแต่ตอนนั้นอีก” ไม่อยากจะซ้ำเติมหรอกนะ หลังจากได้ฟังเรื่องที่เพื่อนสาวเล่ามา แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ“ตอนนั้นใครพูดอะไรมันก็ไม่ฟังหรอก เพราะในใจมันยังหวังไง ว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้”“มึงหวังให้ความรักกลับมาเหมือนเดิม
“เป็นไงล่ะ สงสัยรอบนี้น้องพริ้งจะทิ้งมึงจริงๆ แล้วนะ” คล้อยหลังพริ้งพลอยเดินออกไป โซนก็เอ่ยขึ้น“กูทิ้งก่อนต่างหาก เผื่อมึงความจำสั้น” โซนเบะปากใส่เพื่อนไปหนึ่งครั้ง“ทิ้งก่อนก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นฝ่ายชนะสักหน่อย คนที่ตัดใจและเริ่มต้นใหม่ได้ก่อนต่างหากที่เป็นฝ่ายชนะ”“มึงเป็นเพื่อนกูนะ เผื่อมึงลืม” ว่าพร้อมกับยกเหล้าขึ้นจิบ หัวใจมันคันยุบยิบจังวะ เมื่อได้ยินว่าคนที่ตัดใจและเริ่มต้นใหม่เป็นฝ่ายชนะแม้จะรู้อยู่แล้วว่าไข่กับพริ้งพลอยคือเพื่อนกัน แต่เพื่อนผู้หญิงกับเพื่อนผู้ชายมาเที่ยวสถานบันเทิงด้วยกันสองต่อสองแบบนี้มันก็น่าคิด“ไม่รู้กูเคยบอกมึงไหม ว่าเวลาที่ผู้หญิงเขาตัดใจได้ ต่อให้มึงพยายามตามง้อเท่าไหร่เขาก็ไม่กลับมานะ”“พูดเพื่อ?” โซนไหวไหล่ใส่“ให้มึงรู้ไง เผื่อมึงยังไม่รู้”“ไร้สาระ” ปากบอกว่าไร้สาระ แต่ใจมันกลับไม่ได้คิดแบบนั้น ตอนนี้มันกระวนกระวายอยู่ไม่นิ่งเอาซะเลย“เออกูมันไร้สาระ นู่นสาระดีๆ กำลังเดินเข้ามาแล้ว ท่าทางคืนนี้จะสนุกแล้วสิ” เฮงมองหน้าเพื่อนอย่างสงสัย ก่อนจะหันหลังกลับไปมอง ก็เห็นว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาตอย่างเสี่ยป้อกำลังเดินเข้ามาในร้าน ตั้งใจจะมาดื่มแก้เครียดดันเ
คนไม่ได้รวยมาตั้งแต่เกิด ไม่มีครอบครัวคอยซัพพอร์ต หาเช้ากินค่ำอย่างพริ้งพลอยไม่มีเวลามานั่งเสียใจนานหรอกโดยเฉพาะคนที่ทำอาชีพค้าขายอย่างเธอ หากมัวแต่ปิดร้านเพื่อทำใจ คงได้อดตายกันพอดี ลูกค้าที่เหนียวแน่นเสมอมา คราวนี้คงได้หายไปหมดแน่แม้ในวันที่ร่างกายอ่อนแอ เหมือนจะไม่สบายก็ยังหอบสังขารอันอิดโรยมาซื้อของ“เป็นอะไรวะ ทำไมหน้าตาซีดเซียวแบบนี้”“เหมือนจะไม่สบายเลยว่ะ ตื่นมาก็พะอืดพะอมจะอวก แถมยังเวียนหัวอีก อื้อฮือ! ทำไมวันนี้กลิ่นคาวมันแรงจังวะไข่” ยกมือขึ้นมาปิดจมูก รู้สึกคอแข็งอยากจะอาเจียนอีกแล้ว“เอาดีๆ นะพริ้ง ไม่เล่นนะพริ้ง” ไข่ชักเริ่มหวั่นใจกับอาการของเพื่อนขึ้นมาแล้วสิ“เล่นบ้าอะไรล่ะ เหม็นจริงมึง น้ำแข็งแช่เนื้อไม่ถึงหรือเปล่า เดี๋ยวของก็เน่า”“พริ้งอาการมึงตอนนี้เหมือนคนแพ้ท้องนะเอาดีๆ” พริ้งพลอยหัวใจกระตุกวูบเริ่มชา ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เมื่อได้ยินสิ่งที่ไข่เอ่ยมา“จริงเหรอไข่”“อืม ตรวจดูหน่อยก็ดีนะ เผื่อกูมีหลานขึ้นมาจะได้ไปฝากท้อง” พริ้งพลอยพยักหน้ารับ รู้สึกใจหายวูบโหวงในอกอย่างไรก็ไม่ทราบเธอคงไม่ท้องหรอกมั้ง ที่มีอาการเหล่านี้คงเป็นเพราะเครียดลงกระเพาะแหละ บวกกับอา
“น้องแพรวไม่วิ่งค่ะเดี๋ยวล้ม”“น้องแพรวคะ ม้าบอกว่าไม่ให้วิ่งยังไงล่ะคะ”“วิ่งเลยครับลูก วิ่งมาหาป๊าเร็ว ป๊ารอตรงนี้”นั่งคือประโยคของสองสามีภรรยาที่ดังขึ้นไล่เลี่ยกัน เพื่อบอกลูกสาวที่กำลังวิ่งเล่นในสวนของดอกทานตะวันนับสิบไร่ เหลืองอร่ามสวยงามในช่วงเช้า ที่พระอาทิตย์ทอแสงแดดอ่อนๆ ยังไม่แรงกล้าจนร้อนระอุแพรวพลอยในวัยสองขวบกว่า ถูกพามาเที่ยวที่ไร่ทานตะวัน ไม่ใช่ความต้องการของหนูน้อย แต่เหมือนจะเป็นความต้องการของผู้เป็นพ่อมากกว่า ที่อยากพาครอบครัวมาที่นี่ และนี่ก็นับว่าเป็นครั้งแรกในการเที่ยวต่างจังหวัดของครอบครัว“เฮียก็ชอบตามใจลูกตลอด” อดไม่ได้ที่จะดุให้สามี ที่ชอบตามใจลูกสาว ส่วนเธอก็คือนางร้ายในสายตาลูกสาวไปแล้ว ที่ชอบขัดใจอยู่เสมอ“เฮียไม่ได้ตามใจครับ เฮียก็แค่อยากให้ลูกได้วิ่งเล่นเฉยๆ เฮียรักพริ้งนะ”พริ้งพลอยจะด่าก็ด่าไม่ได้ เพราะเฮงรู้จุดอ่อนชอบบอกรักเธอเป็นการปิดท้าย ทำให้ประโยคที่เตรียมจะต่อว่ากลืนหายไปในลำคอ“ตลอดเลยนะ”“ก็เฮียรักพริ้งจริงๆ นี่น่า”“ปาค่า” เสียงเล็กของลูกน้อย พร้อมกับมือเล็กๆ ที่จับชายเสื้อผู้เป็นพ่อและดึงเบาๆ ทำให้เฮงต้องย่อตัวลงนั่งให้อยู่ในระดับเดียวกันกั
การมีภรรยาสวยนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไปสินะ ยิ่งเป็นคนสวยอัธยาศัยดียิ่งไม่ดีเข้าไปใหญ่ เพราะพวกผู้ชายหน้าหม้อจ้องจะมาอ้อล้ออยู่บ่อยๆแม้จะรู้อยู่เต็มอก เห็นอยู่เต็มตา ว่าผัวเขานั่งอยู่ตรงนี้ ก็ยังไม่วายจะพูดกับภรรยาเขาเสียงอ่อนเสียงหวาน ตาหวานเยิ้มมันน่าเดินไปควักลูกตาออกซะจริงๆ“พริ้งจ๋า ลูกคิดถึงแล้วครับ” เฮงร้องตะโกนไปขัดจังหวะ เมื่อการสนทนาระหว่างภรรยาคนสวย กับเสี่ยไร้อ้อยอย่างเสี่ยบำรุงกำลังออกรสออกชาติพริ้งพลอยหันมาถลึงตาใส่เฮง ด้วยรู้ดีว่าเฮงหึงตัวเองมากแค่ไหน เห็นเธอคุยกับเสี่ยบำรุงหรือลูกค้าผู้ชายนานๆ ก็ออกอาการหึงหวงจนขึ้นหน้า เข้ามาขัดจังหวะแบบนี้ทุกที“ถ้าอย่างั้นเสี่ยกลับก่อนนะ วันหน้าจะพาคนงานมาอุดหนุนใหม่”“ได้เลยค่ะเสี่ย พริ้งยินดีต้อนรับเสมอค่ะ”“งั้นเสี่ยไปล่ะ”“จ้า” พริ้งพลอยยิ้มให้ลูกค้าเจ้าประจำ ที่เดินออกจากร้านไป จวบจนเสี่ยบำรุงขึ้นรถ จึงได้หุบยิ้มและหันมามองหน้าสามี ที่นั่งหน้าบึ้งไม่สบอารมณ์อยู่ที่โต๊ะ“จะยิ้มอะไรนักหนา” ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้งแสนงอน พริ้งพลอยเห็นแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า“ก็เสี่ยเขาเป็นลูกค้านี่คะ ก็ต้องยิ้มให้ลูกค้าสิ”“แต่เสี่ยนั่นไม่ได้อยากเป
อยากโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนแบบนี้ตลอดไป อยากตื่นมาแล้วเห็นหน้าเธอเป็นคนแรก อยากทำหน้าที่สามีและพ่อที่ดีให้ทั้งเธอและลูกสาว นั่นคือสิ่งที่เฮงปรารถนามากที่สุดในชีวิตเพราะกว่าจะมีวันนี้ได้ ชายหนุ่มก็ต้องเรียนรู้อะไรหลายอย่าง จากหลายเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามา จนเกือบทำให้เขาต้องเสียภรรยาและลูกสาวที่น่ารักไปสุดท้ายเฮงก็ยังอยากขอบคุณพริ้งพลอยอยู่ทุกวัน ที่มอบโอกาสครั้งสำคัญและยิ่งใหญ่นี้ให้ ขอบคุณที่เธอยอมให้เขารักเธออีกครั้ง“ปะปา ปะปา” เสียงเล็กเอ่ยเรียกผู้เป็นพ่อ ร่างจ้ำม่ำของหนูน้อยวัยขวบเศษคลานเข้ามาหาผู้เป็นพ่อที่นั่งเล่นอยู่บนโซฟาเฮงยิ้มให้ลูกสาวสุดที่รัก ขยับตัวลงนั่งที่พื้นด้านล่าง ยื่นมือไปด้านหน้า พร้อมรับลูกสาวที่กำลังคลานเข้ามาหา“ว่าไงครับคนเก่งของปะป๊า มาครับมาหาป๊าเร็ว” หนูน้อยได้ยินเสียงที่คุ้นเคยตั้งแต่อยู่ในท้อง ก็ยิ่งรีบคลานเข้ามาใกล้ สุดท้ายก็พาร่างจ้ำม่ำเข้ามาสู่อ้อมกอดของผู้เป็นพ่อได้สำเร็จ และยังได้รางวัลเป็นหอมฟอดใหญ่ทั้งแก้มซ้ายและขวา“แก้มลูกสาวป๊าหอมที่สุดเลยค่ะ หอมๆๆ” เฮงฟัดจมูกลงบนแก้มนิ่มนั้นอีกครั้งอย่างมันเขี้ยว หนูน้อยก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจเสียงหัวเราะและประ
ให้โอกาสยังไม่ทันไร ไอ้ผัวเฮงซวยก็ทำตัวมีพิรุธให้เห็นซะแล้ว ท่าทางลับๆ ล่อๆ มีลับลมคมใน เหมือนมีอะไรปิดปังไม่อยากให้รู้ ยิ่งทำให้พริ้งพลอยอยากรู้มากขึ้นจากเดิมจากที่ต้องมารับกลับไปส่งที่บ้านหลังจากเก็บร้านเสร็จ ก็บอกให้พริ้งพลอยกลับบ้านเองไปก่อน เป็นแบบนี้มาสามวันแล้วไหนจะเวลากลางคืนที่อยู่ด้วยกันที่บ้าน หลังจากพาลูกสาวเข้านอน เฮงก็ชอบมานั่งดูโทรศัพท์ที่โซฟาด้านนอก เมื่อเห็นเธอเดินเข้าไปหา ก็ทำตัวมีพิรุธน่าสงสัย ครั้นถามว่าทำอะไรก็บอกว่าไม่มี แบบนี้ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่“นี่อย่าบอกนะ ว่ามึงตัดสินใจผิดอีกแล้วอีพริ้ง เห้อ!”“บ่นอะไรพี่พริ้ง” จอยเอ่ยถาม เมื่อได้ยินพริ้งพลอยพึมพำอะไรออกมาสักอย่าง ในระหว่างที่ช่วยกันเก็บร้าน“ก็เฮยน่ะสิจอย พี่ว่าเฮียดูมีพิรุธยังไงก็ไม่รู้”“ยังไงพี่”“ก็ชอบทำตัวลับๆ ล่อๆ ดูแต่โทรศัพท์พอเห็นพี่ก็รีบวาง หรือว่าเฮียจะแอบคุยกับผู้หญิงคนไหนอีก”“ไม่หรอกมั้งพี่พริ้ง กว่าพี่เฮงจะทำให้พี่ใจอ่อนได้ ใช้เวลาเกือบปี นี่เพิ่งจะกลับไปคืนดีกันได้แค่เดือนกว่า จะหาผู้หญิงคนใหม่คุยแล้วอย่างนั้นเหรอ ไม่ใช่มั้ง”“แล้วทำไมเฮียถึงทำตัวมีพิรุธล่ะ”“คำถามนี้ พี่พริ้งก็ต้องเป็น
“ลูกหลับแล้วเหรอคะ” เฮงเดินเข้ามานั่งลงข้างแม่ของลูกส่งยิ้มบางให้“ใช่ เหนื่อยไหม” คำนี้ต้องเป็นพริ้งพลอยหรือเปล่าที่เอ่ยถามเฮง แต่เฮงกลับเป็นฝ่ายถามเธอทุกวันว่าเธอเหนื่อยไหมทั้งที่เขาทำงานหนักมากกว่าเธอมากนัก ไหนจะงานที่ร้านรับซื้อของเก่า งานที่ร้านก๋วยเตี๋ยว และยังต้องมาช่วยเธอเลี้ยงลูกอีก กว่าจะได้นอนพักก็ดึกดื่น ยังต้องตื่นแต่เช้าไปซื้อของให้เธอที่ตลาด“พี่” เฮงเลิกคิ้วขึ้นมองหน้าคนที่เรียกตัวเอง ก็เห็นถึงแววตาประหม่าที่มองมายังเขา“พี่เหนื่อยไหม” เพียงแค่คำถามง่ายๆ แต่ทำให้เฮงน้ำตารื้นขอบตาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ไหนจะก้อนแข็งๆ ที่วิ่งมาจุกที่ลำคออีก จึงได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบ“พี่จะร้องไห้เหรอ” เพราะเห็นน้ำตาคลอเบ้าและนัยน์ตาแดงก่ำของเฮงทันทีที่สิ้นเสียงถาม น้ำตาของลูกผู้ชายก็ไหลลงมาอย่างกลั้นไม่ไหว ดึงพริ้งพลอยเข้ามากอดเอาไว้ไม่อยากให้หญิงสาวเห็นน้ำตาของตัวเอง รีบใช้มือเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าแต่พริ้งพลอยก็ผละตัวออกห่าง มองหน้าที่เปื้อนด้วยน้ำตาของเฮงด้วยความไม่เข้าใจ ว่าเขาร้องไห้ด้วยเรื่องอะไร“พี่ร้องไห้ทำไม” เฮงรีบใช้หลังมือปาดน้ำตาออกลวกๆ ส่งยิ้มให้คนตรงหน้า“เฮียแค่...เฮีย
“ไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่ามึงจะใจแข็งได้มากขนาดนี้ ใจแข็งตั้งแต่ลูกอยู่ในท้อง จนตอนนี้ลูกออกมาลืมตาดูโลก ก็ยังไม่ใจอ่อนให้พ่อของลูกอีก”ไข่ลากเก้าอี้มานั่งข้างเพื่อนสาว ที่นั่งพับผ้าอ้อมที่โซฟาภายในบ้าน ส่วนลูกน้อยก็ถูกคุณพ่อของแกพาเข้านอนในห้องพริ้งพลอยคลอดลูกสาว ร่างกายแข็งแรงจ้ำม่ำ ด้วยน้ำหนักสามโลกว่าออกมาได้เดือนเศษแล้วและคนที่มาคอยช่วยเลี้ยงคงหนีไม่พ้นพ่อของลูก ที่หยิบจับงานทุกอย่างแทนเธอไม่ว่าจะเป็นงานบ้าน อาหารการกิน รวมไปถึงซักเสื้อผ้าลูกน้อยรวมทั้งของเธอ อาบน้ำ พาเข้านอน เฮงทำเป็นหมดทุกอย่างซึ่งพริ้งพลอยเองก็ยังแปลกใจ และเพิ่งมารู้ความจริงจากไฮ ว่าเฮงไปเข้าคอร์สเรียนสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ก่อนที่เธอจะคลอด“ก็ไม่ได้ใจแข็งอะไรนะ”“ไม่ได้ใจแข็ง แต่ก็ไม่ยอมกลับไปคืนดีกับพ่อของลูกเนี่ยนะ”“และที่ให้มาวุ่นวาย เดินเข้าเดินออกภายในบ้านได้แบบนี้ ไม่เรียกว่าใจอ่อนอีกเหรอ”“ก็แค่ทำหน้าที่พ่อไง แกกูรู้ว่าพี่เฮงเขาอยากทำหน้าที่ผัวด้วย”“ผัวที่ดีคือผัวใหม่” ไข่เบะปากใส่เพื่อนรักไปหนึ่งที“ไม่ใช่ผัวเก่าคนโปรดเหรอ ถึงได้ไม่เปิดใจให้ใครสักที”“ตอนนั้นท้องโย่ขนาดนั้น ใครจะมาสนใจ”“ตอนนี้ก็
ร่างสูงดีดตัวขึ้นนั่งในทันทีราวกับติดสปริง เมื่อเห็นพริ้งพลอยยืนอยู่ในห้องนอน รีบลงจากเตียงนอนเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะหยุดชะงักและถอยหลังออกไปไกล เมื่อคิดได้ว่าตัวเองไม่สบาย“พริ้งออกไปก่อนได้ไหม เดี๋ยวติดไข้จากเฮีย แมสอยู่ไหน เฮียไม่มีแมส” เมื่อไม่มีหน้ากากอนามัย เฮงจึงใช้เสื้อตัวเองนี่แหละมาปิดจมูก“ออกไปก่อนนะ เดี๋ยวเฮียตามไป เฮียไม่ได้ไล่นะ แต่เฮียกลัวพริ้งกับลูกติดไข้จากเฮียด้วยไง” พริ้งพลอยพยักหน้ารับ หมุนตัวเดินออกไปจากห้องเฮงรีบหาหน้ากากอนามัย ที่ไม่รู้เลยว่าอยู่ที่ไหนมาใส่ปิดจมูกด้วยความตื่นเต้นดีใจ จนทำอะไรแทบไม่ถูกมือไม้สั่นไปหมด ไม่คิดว่าพริ้งพลอยจะมาหาตัวเองที่บ้าน จากนั้นก็รีบออกมาจากห้องนอน ก็เห็นว่าพริ้งพลอยยืนรออยู่ที่หน้าห้อง“มาหาเฮียถึงบ้านแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า” แม่งโคตรตื่นเต้นเลยเชื่อไหม เพราะตั้งแต่วันนั้นที่พริ้งพลอยมาได้ยินเขากับไอ้ป้อคุยกัน เธอก็ไม่ได้มาที่นี่อีกเลย“ไฮบอกว่าพี่ไม่สบาย และยังไม่ยอมกินยาอีก แล้วเมื่อไหร่จะหาย” เฮงไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองหรอก ว่าตัวเองกำลังถูกพริ้งพลอยดุเพราะว่าเป็นห่วง แต่ตอนนี้มันยิ้มกว้างอยู่ภายใต้หน้ากากอนามัยแล้ว“ก็เฮียไม่ช
สองเดือนต่อมาเวลายังเดินไปไม่รั้งรอ ทุกคนล้วนมีหน้าที่เป็นของตัวเอง แต่วันนี้คนที่ทำหน้าที่ไปซื้อของที่ตลาด ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะเอาของมาที่ร้าน ทั้งที่เวลาล่วงเลยมาแล้วเกือบหนึ่งชั่วโมงพริ้งพลอยเหลือบสายตามองนาฬิกาที่แขวนอีกครั้ง เกือบเจ็ดโมงเช้าแล้วทำไมเฮงยังไม่มา ปกติชายหนุ่มจะมาถึงร้านไม่เกินหกโมงครึ่งนี่น่า“พี่พริ้ง ทำไมวันนี้พี่เฮงยังไม่มาอีกพี่” จอยที่เห็นถึงความผิดปกติก็เอ่ยถามขึ้น พลางชะเง้อคอมองออกไปถนนเป็นระยะ“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”“หรือว่าพี่เฮงเป็นอะไรหรือเปล่า พี่ลองโทรหาแกดูไหม” พริ้งพลอยคว้าโทรศัพท์ที่วางทิ้งไว้ กำลังจะกดโทรหาเฮงตามที่จอยบอก และก็เป็นจังหวะเดียวกับรถยนต์ของเฮงแล่นเข้ามาจอดพอดีแต่วันนี้คนที่ขับรถมากลับไม่ใช่เฮงอย่างที่ควรจะเป็น แต่กลับเป็นไฮและโซน“พี่เฮงไปไหนจ๊ะ ทำไมพี่ไฮกับพี่โซนถึงได้ไปซื้อของแทน” เป็นจอยที่เอ่ยถามตรงกับสิ่งที่พริ้งพลอยอยากรู้พอดิบพอดี“วันนี้เฮียไม่สบายน่ะ นอนซมอยู่ร้าน ก็เลยไหว้วานให้ผมกับเฮียโซนออกไปซื้อของให้ซ้อ ที่จริงก็อยากจะไปเองนั่นแหละ แต่ผมกับป๊าห้ามไว้” ไฮหันมาพูดกับพริ้งพลอย เช่นเดียวกับโซน“เพื่อนพี่มันบ้า บทมันจะดื้
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นเกิดขึ้น ถามว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นหรือไม่ สำหรับเฮงเอง ก็คงต้องบอกว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก ชายหนุ่มก็ยังไม่ได้รับโอกาสจากพริ้งพลอย แม้เวลาจะผ่านมาอีกสองเดือนแล้วก็ตามแต่เฮงก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีทีเดียว เพราะอย่างน้อยเฮงก็ได้ทำหน้าที่ดูแลพริ้งพลอยกับลูกมากขึ้นยิ่งพริ้งพลอยท้องโตขึ้น เฮงเองก็ยิ่งอยากเข้าไปดูแลมากขึ้น และก็ต้องขอบคุณพริ้งพลอยที่ไม่กีดกันหรือปิดกั้นและเฮงยังรู้สึกว่า เธอเปิดใจให้เขามากขึ้นจากเดิมอีกนิด ให้ชายหนุ่มได้ดูแลมากขึ้น ด้วยการไปช่วยพริ้งพลอยเก็บร้านในตอนบ่าย และช่วงเช้าเฮงก็อาสาทำหน้าที่ไปจ่ายตลาดเองคนเดียว ให้พริ้งพลอยมาเตรียมของที่ร้านในส่วนของพริ้งพลอย หญิงสาวคิดว่าตอนนี้เธอมีความสุขดี ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร ส่วนในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฮง ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามกาลเวลาเธอไม่ได้เร่งรีบ เธอไม่ได้ต้องการ และอีกอย่างเธอก็อยากรู้เช่นกัน ว่าคนที่บอกว่ารักเธอทุกวัน ส่งข้อความมาบอกรักและยังบอกด้วยตัวเองต่อหน้า จะมีความอดทนสักแค่ไหน ในการทำเพื่อคนที่เขาบอกว่ารักครั้งหนึ่งเธอเคยถูกหลอกจากคนที่เธอรักมาก เธอถูกทำลาย