เฉินมู่ปัดมืออีกฝ่ายออกอย่างหมดความอดทน “ฟังนะลู่ซีเจ๋อ ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ ส่วนเรื่องระหว่างเฉินชิงเสวี่ยกับฉันที่เธอใช้ให้ใครซักคนลักพาตัวและใส่ร้ายฉัน หรือแม้แต่พยายามทำลายความไร้เดียงสาของฉัน คุณจะให้ฉันหยวนหยวนงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ!”เฉินมู่หันหลังเดินออกจากประตูไป ทว่าเมื่อกำลังจะถึงประตู เธอกลับจำบางอย่างได้ จึงหยุดและหันกลับไปเอ่ย “ฝากกลับไปบอกแม่ของคุณด้วยนะ ขอบคุณสำหรับคำเชิญของท่าน ต่อให้ทั้งโลกไม่มีผู้ชายเหลืออยู่ ฉันก็จะไม่แต่งงานกับตระกูลลู่เด็ดขาด!”ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่เยาะเย้ยระรัวไม่หยุดจนเขาไม่มีจังหวะตอบโต้เฉินมู่แต่อย่างใดเมื่อเขามีสติขึ้นมา หัวใจก็ลุกโชนขึ้นด้วยความโกรธทันที เฉินมู่เป็นอะไรไป ทำไมเธอถึงกล้าวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นด้วยท่าทางเหยียดหยามเช่นนี้?คู่หมั้นที่เขาเลือกเป็นผู้หญิงที่ใจดีและอ่อนโยนที่สุดในโลกนี้แล้ว แม้แต่เฉินมู่ก็อิจฉา! เขาจะรอดูวันที่เฉินมู่เสียใจจนต้องหลั่งน้ำตา!เวลานี้ เฉินมู่ไม่มีเจตนาจะเข้าไปพัวพันกับคนอย่างตระกูลลู่ อย่างไรก็ตาม เธอมีเงินถึงสามสิบล้านแล้ว เธอต้องการหาที่พักส่วนตัวและไม่ถูกรบกวนจากคนนอก เพื่อให้ตัวเองได้จั
ทางฝั่งฮั่วหยุนเซียวก็มีเสียงเตือน “ดิ๊งด่อง”เหมือนกัน เขาขมวดคิ้ว พร้อมทั้งเปิดสถานที่ต้นทางของสัญญาณอีกฝ่ายในเมืองปินไห่ขึ้นมาดูส่วนฮานเฉิงที่ได้ยินเสียงนั้นก็วิ่งไปมาอย่างตื่นเต้น “พบแล้วเหรอครับ อะไรจะเร็วขนาดนั้น? มันอยู่ในสหรัฐอเมริกาใช่ไหม? ผมจะรีบส่งคนไปจับมัน!”ฮั่วหยุนเซียวส่ายหัว มือหนาปิดคอมพิวเตอร์ พร้อมกล่าว “จองเที่ยวบินที่เร็วที่สุดและกลับไปที่ปินไห่”ฮานเฉิงเบิกตากว้างกว่าเดิมเมื่อเห็นตำแหน่งสัญญาณบนคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็รีบไปจองตั๋วทันทีทางด้านอพาร์ทเมนท์เพนต์เฮาส์ในเมืองปินไห่เฉินมู่หมอบลงกับพื้นเพื่อเก็บเศษมันฝรั่งทอดของตน จากนั้นก็ตบหน้าผากเกลี้ยงไปหนึ่งที เป็นฮั่วหยุนเซียวไปได้อย่างไรเนี่ย!ฮั่วหยุนเซียวซื้อบริษัทซิงอวี่มีเดียของเธอ! และเธอก็ไม่สามารถเอาเงินไปหมุนแลกบัญชีอื่นได้! ไม่เช่นนั้นฮั่วหยุนเซียวจะติดตามเงินของเธออย่างแน่นอน!เฉินมู่กอดมันฝรั่งทอดพร้อมร้องไห้น้ำตาซึม สิ่งเดียวที่ทำให้เธอมีความสุขได้ในตอนนี้คือบริษัท มันจะไม่มีอะไรผิดพลาดใช่ไหม?เธอล็อคประตูอพาร์ทเมนท์ ก่อนจะกลับไปที่บ้านตระกูลเฉินกว่าจะกลับถึงบ้านก็ค่ำมืดแล้ว ทันทีที่เปิดประตูก
เธอโยนกล่องใบนั้นทิ้งไป ทว่ายังมีของบางอย่างนอกจากกล่องนี่ที่ไปกระตุ้นความโกรธของเฉินชิงเสวี่ย เธอเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าอะไรที่ทำให้น้องสาวของตนโกรธได้ขนาดนี้ส่วนของขวัญนั่นนะเหรอ? สำหรับเธอมันไม่ได้หายากเลยเฉินมู่เดินเข้าไปอาบน้ำ พอเสร็จเรียบร้อยก็ออกมาย่อตัวลงบนเตียงแล้วกัดนิ้วครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่สงสัย เธอจะเอาบริษัทคืนมาจากมือของฮั่วหยุนเซียวได้ยังไง?สิ่งสำคัญที่สุดคือการคลายความสัมพันธ์ก่อน! ฮั่วหยุนเซียวยังคงโกรธ เป็นเพราะเรื่องครั้งก่อนที่เธอวางสายใส่เขา!เฉินมู่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วส่งข้อความถึงฮั่วหยุนเซียว “คุณฮั่ว ฉันรู้สึกขอบคุณมากที่คุณช่วยชีวิตฉันหลายครั้ง ไม่รู้ว่าคุณพอจะมีเวลาทานอาหารว่างด้วยกันไหม…”เธอส่ายหัวแล้วลบข้อความอีกครั้ง พลางเปลี่ยนประโยคเป็น “ฉันสามารถเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อได้ไหม…”ลบออก!“คุณชอบทานอะไร? ฉันจะเลี้ยงคุณ?”แล้วก็ลบออกอีก!“ฉันจะทำอาหารให้คุณทาน และจะบริการคุณอย่างดี!”เฉินมู่กลอกตา การทำอาหารของเธอเป็นเรื่องที่น่าสยดสยอง อย่าคิดจะฆ่าตัวเองดีกว่าแต่พอพิมพ์เสร็จก็ดันมือลั่นส่งข้อความไปเฉินมู่ “???”เมื่อมองไปที่หน้าจ
เฉินมู่เผยยิ้มช้า ๆ พลันตอบกลับ “แฮมเบอร์เกอร์…ไม่ใช่สิ่งที่ฉันถนัด…”ฮั่วหยุนเซียวเลิกคิ้วเล็กน้อย “จริงเหรอ ? ถ้าอย่างนั้น ผมจะตั้งหน้าตั้งตารอทานฝีมือของคุณก็แล้วกันนะ”เฉินมู่คิดตามคำพูดของฮั่วหยุนเซียวที่ว่า ฝีมือของเธองั้นเหรอ? เธอจะมีฝีมือขนาดไหน? ทักษะที่ดีที่สุดของเธอเป็นเพียงการย่างกระต่ายป่าในภูเขาลึก ทว่าแม้แต่จะถอนขนของมัน เธอก็ไม่มีความสามารถพอเมื่อเดินไปที่ข้างรถ ฮานเฉิงก็เปิดประตูให้ทั้งสองคนเข้าไปด้านในระหว่างทางฮั่วหยุนเซียวหลับตาพักผ่อน ดูเหมือนว่าการเดินทางสำหรับธุรกิจครั้งนี้ทำให้เขาเหนื่อยมาก จนตอนนี้ก็แอบเห็นว่าใต้ตาจะมีรอยดำจาง ๆรถหยุดที่ชั้นใต้ดินของอพาร์ทเมนท์หงเฟิง ฮั่วหยุนเซียวกับเฉินมู่ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นบนสุด เมื่อลิฟต์เปิดออกก็ปรากฏประตูอพาร์ทเมนท์ส่วนตัวของฮั่วหยุนเซียวเฉินมู่ตบริมฝีปาก นี่มันอลังการมาก!ท่ามกลางเมืองขนาดใหญ่ที่ชั้นบนสุดของอพาร์ทเมนท์ ในห้องชุดมีบันไดหนึ่งขั้นไว้แบ่งระดับและหนึ่งห้องครัวใหญ่ มันดูดีมีสไตล์มากกว่าโรงซ่อมเล็ก ๆ ที่เธอเพิ่งซื้อถึงสิบเท่า สมแล้วจริง ๆ ที่เขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลฮั่วฮั่วหยุนเซียวกดลายนิ้วมือ
เสียงเข้มถาม “โดนลวกหรือเปล่า?”เฉินมู่ส่ายหน้า “ไม่ค่ะ”ฮั่วหยุนเซียวหัวเราะเบา ๆ “ผมก็ว่าใช่ ฝีมือคุณออกจะเก่ง”เฉินมู่ชะงักงัน ฮั่วหยุนเซียวยังไม่ได้ลืมความร้ายกาจของเธอที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวมือหนาวางผ้ากันเปื้อนทิ้งไว้ด้านข้าง ก่อนจะเดินนำเธอออกมาจากห้องครัวไปยังห้องน้ำ “ล้างมือให้สะอาด กลิ่นไหม้แรงมาก”เฉินมู่ล้างมือตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เมื่อเช็ดมือจนสะอาดแล้วจึงเดินออกจากห้องน้ำฮั่วหยุนเซียวที่นั่งอยู่บนโซฟาถามขึ้น “คิดอะไรอยู่ถึงอยากมาทำอาหาร?”เฉินมู่เหลือบมองไปยังทิศทางของห้องครัว พลางกระแอมไอแล้วพูดอย่างไม่มั่นใจ “มาขอโทษค่ะ”ฮั่วหยุนเซียวยกขาขึ้นไขว้หนึ่งข้าง มือทั้งสองข้างวางประกบกันบนตักแล้วหรี่ตามอง “พูดให้ชัด ๆ สิ คุณหนูเฉิน มาหาคุณฮั่วคนนี้เพื่อขออะไร?”เฉินมู่ขบกรามแน่น ชายคนนี้ช่างอาฆาตแค้นเสียจริง!ตั้งแต่เจอกันที่สนามบินจนถึงตอนนี้ ฮั่วหยุนเซียวอะไร ๆ ก็เรียกแต่คุณหนูเฉิน!เห็นได้ชัดว่าเขายังแค้นใจเรื่องที่โดนตัดสายโทรศัพท์ แล้วก็เอือมที่เฉินมู่ไม่ยอมสารภาพมาตามตรงอยู่ชัด ๆ แถมยังจงใจทำท่าทางเฉยเมยไม่สะทกสะท้าน บังคับให้เฉินมู่ต้องเป็นคนเอ่ยปากเองถ้าเ
ฮั่วหยุนเซียวเดินออกมาจากห้องครัว เสียงกริ่งด้านนอกประตูดังขึ้นไม่หยุดเขาเดินไปเปิดประตู ก่อนจะเจอกับโอวจินที่ถือขวดไวน์ยืนรออยู่ด้านนอกประตู อีกฝ่ายยักคิ้วไปมา “ดื่มสักขวดไหม?”ฟังจบ ฮั่วหยุนเซียวก็หันหลังเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่น “คุณชายโอวผู้เชี่ยวชาญด้านความรักหาเพื่อนดื่มไม่ได้หรือไงกัน?”“จะเป็นแบบนั้นไปได้ไงเล่า? ฉันก็แค่มาเลี้ยงต้อนรับนายที่กลับมาจากแดนไกล นาย...”พูดมาได้ครึ่งประโยคจู่ ๆ ก็เงียบเสียงไป โอวจินยืนนิ่งอยู่ที่ประตูทางเข้า พร้อมใช้จมูกอันทรงพลังสูดกลิ่นเข้าไปเฮือกใหญ่ “หยุนเซียว บ้านนายไฟไหม้หรือเปล่า?”ฮั่วหยุนเซียวนั่งลงบนโซฟา ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นจาง ๆ “อืม คนที่จุดไฟเพิ่งจะออกไปเมื่อกี้นี้เอง”โอวจินวางไวน์แดงลง เขาดมตามกลิ่นเข้าไปในครัวแล้วตะโกนออกมาเสียงดัง “ให้ตายสิ!”“ฮั่วหยุนเซียว! ปลานี่ฉันต้องลำบากหาคนส่งทางเครื่องบินมาเลยนะ! ใครกันที่มาทำให้ของของฉันเละเทะแบบนี้!” โอวจินอารมณ์เสีย ทว่าเมื่อหันไปสบเข้ากับใบหน้าเพื่อนสนิท กลับเห็นอมยิ้มของฮั่วหยุนเซียวแทนเขาเบิกตากว้าง แล้วถามหยั่งเชิงออกมา “เฉินมู่มาที่นี่?”ฮั่วหยุนเซียวเอนตัวพิงโซฟาตอบนิ่ง ๆ “ก
คุณนายลู่ยิ่งมองเฉินมู่ก็ยิ่งรู้สึกชอบ หน้าตาของเฉินมู่คล้ายคลึงกับแม่ของเธอตอนยังสาวอยู่เจ็ดถึงแปดส่วน พอแต่งหน้าและตกแต่งรอยแผลเป็นก็ยิ่งทำให้ใบหน้าดูงดงามมีเสน่ห์มากขึ้นบวกกับบุคลิกที่ดูสง่างามและสุขุม มันช่างเหมือนแม่ของเธอเป็นอย่างมากคุณนายลู่บอกว่าจะมาแต่เช้า ซู่หรูหลานเลตั้งท่ารออยู่ที่บ้านมานานแล้ว ทว่าพอได้ยินเสียงด้านนอก หล่อนจึงรีบพาเฉินชิงเสวี่ยออกไปต้อนรับ “คุณนายลู่ คุณมาถึงแล้วหรือคะ คุณ...”ซู่หรูหลานก็ชะงักเมื่อเห็นคุณนายลู่กำลังจับมืออยู่กับเฉินมู่ พริบตาก็เปลี่ยนเป็นยิ้มพูดต้อนรับในที “เสี่ยวมู่ก็กลับมาแล้วเหรอลูก ในครัวเพิ่งจะทำของหวานเสร็จ รีบเข้ามาชิมเร็ว”เฉินชิงเสวี่ยที่อยู่ด้านหลังของซู่หรูหลานฉีกยิ้มออกมาแล้วเข้าไปทักทายระยะประชิด “คุณป้า สวัสดีค่ะ”คุณนายลู่พยักหน้าแบบไม่ยินดียินร้าย “สวัสดี”จากนั้นก็จับมือเฉินมู่เดินตามซู่หรูหลานเข้าไปในห้องรับแขก หล่อนยกยิ้มพอใจ “เสี่ยวมู่เองก็ชอบทานของหวานเหมือนป้าเลยนะเนี่ย! รีบไปกันเถอะ ไปลองชิมด้วยกัน!”เฉินมู่ทำได้เพียงเดินตามเข้าไปในห้องรับแขก ไม่นานคนรับใช้ก็นำของหวานชั้นเลิศสองสามอย่างมาเสิร์ฟ แม้แต่แชมเปญ
เฉินชิงเสวี่ยจ้องไปยังสีหน้าเย้ยหยันของพี่สาว เธอโกรธจัดจนสีหน้าบิดเบี้ยวใช้อะไรมาตัดสินกัน! เธอสวยกว่าเฉินมู่ชัด ๆ! ทั้งเชื่อฟังและรู้ความกว่าเฉินมู่! เธอดีกว่าเฉินมู่ในทุก ๆ ด้าน แต่คุณนายลู่ก็ยังยินยอมที่จะให้นังอัปลักษณ์เฉินมู่นี่เป็นลูกสะใภ้!เฉินมู่กับเฉินชิงเสวี่ยสบตากัน ไม่อาจปิดความเคียดแค้นในดวงตาของเธอได้ทั้งหมดเฉินมู่ก้าวขาขึ้นบันไดแล้วเอ่ยทิ้งท้ายอย่างแผ่วเบา “ฉันพูดแล้วว่าจะไม่แต่งงานกับลู่ซีเจ๋อ ช่วยเก็บอาการทางสายตาของเธอหน่อย ไม่อย่างนั้นแผนแอ๊บแบ๊วของเธอมันจะพังเอานะ”เฉินชิงเสวี่ยพูดออกมาด้วยความโกรธ “ก็จำได้นี่ว่าแกเคยพูด!”เฉินมู่ชะงักฝีเท้า พลันนึกถึงคำพูดนั่นที่ฮั่วหยุนเซียวพูดในวันนี้“คุณจำได้นี่ว่าผมชื่อฮั่วหยุนเซียว แล้วก็รู้ด้วยว่าไม่ควรตัดสายผม”ตอนนั้นสมองของเธอมีแค่เรื่องขอสงบศึกกับเรื่องของซิงอวี่มีเดีย แต่ไหนแต่ไรก็ไม่ได้คิดอย่างรอบคอบ ตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว นี่แหละเป็นสาเหตุว่าทำไมฮั่วหยุนเซียวถึงไม่พอใจเฉินมู่หันหน้าไปมองสายตาที่โกรธเคืองของเฉินชิงเสวี่ย และก็มองไปที่ครีมเค้กที่หกเละเทะอยู่บนพื้นแล้วคิดไอเดียขึ้นมาได้เธอลงจากบันไดพลันตรงเข้า
ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน
เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ
เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”
แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”
“นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่
เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ
เช้าวันถัดมา เฉินมู่ไปมหาวิทยาลัยตามปกติเรื่องของเฉิงหยวนยังเป็นที่กล่าวถึงบนโลกโซเชียล ซุยซินยี่ยอมจ่ายให้กับคอมเมนท์พวกนี้ไม่น้อยเลยจริง ๆแต่เฉินมู่ยังต้องกลับไปเรียน ถึงแม้ว่าชาวเน็ตจะยังพากันด่าทอดาราในสังกัดของเธอก็ตามทันทีที่เดินเข้าห้องเรียน เฉินหยวนก็โบกมือเรียก “เฉินมู่ ฉันจองที่ตรงนี้ไว้ให้เธอ”เฉินมู่สาวเท้าเข้าไปพร้อมกระเป๋านักเรียน พลางเผยยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะ”จางหยางที่นั่งโต๊ะด้านหน้าก็ยื่นกาแฟกับพร้อมแซนด์วิชให้ “อาหารเช้าของเธอ”เฉินมู่พูดด้วยความปลาบปลื้มใจ “ทำไมพวกเธอดีกับฉันจังเลย?”จางหยางส่ายหัวอย่างเคอะเขิน แล้วตอบว่า “แต่ก่อนฉันไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอ เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันจะแก้ตัว” ตั้งแต่ที่เธอทำให้ผู้คนเกิดความประทับใจในคืนงานเลี้ยงปีใหม่ ทุกคนในชั้นเรียนก็หันมาดีกับเธอเฉินหยวนรีบวิ่งเข้ามาซุบซิบ “เธอเห็นหรือยังว่าข่าวเฉิงหยวนในเน็ตกลับมาฉาวอีกแล้วนะ?”เฉินมู่รับอาหารเข้ากัดไปหนึ่งคำ ก่อนพยักหน้าตอบ “เห็นแล้ว”เฉินหยวนรีบโต้ตอบทันที “เฉินมู่ ฉันเห็นเธอสนิทกับหล่อน หล่อนไม่ใช่คนดีนะ!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนตอบว่า “หล่อนเป็นคนดีมาก แล้วต่อไปเธอจะรู้เอง
แค่คําเดียว ทำให้มุมปากของฮั่วหยุนเซียวกระตุกยกโค้งราวไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มไว้ได้เขาแตะมือไปที่ใบหน้าของเฉินมู่ พลางเรียกอย่างอ่อนโยนว่า “มู่มู่”เฉินมู่ลุกขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือ แล้วถาม “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว แล้วคุณทานข้าวหรือยัง?”แม้ว่าเธอไม่ได้งดงามเหมือนเหล่าคนมีชื่อเสียง แต่ก็แฝงด้วยความอ่อนหวานอยู่บ้างฮั่วหยุนเซียวไม่เคยรู้สึกว่า คําว่าเฉินมู่คํานี้จะอบอุ่นและน่าหลงใหลเช่นนี้มาก่อนหญิงสาวที่เขาสนใจนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีกำลังงัวเงียผมเผ้ายุ่งเหยิงสามคำถามต่อเนื่องนั้นดึงเขาออกจากภวังค์และเข้าสู่ความเป็นจริง แต่เขาไม่มีทางเลือก และทำตามอย่างเต็มใจเฉินมู่อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ดวงตาค่อย ๆ ปิดลงอีกครั้ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ถ้าอยู่ในความสงบเมื่อไหร่เธอพร้อมจะหลับทันที“อืม…” จู่ ๆ ความเย็นก็เข้ามากระทบริมฝีปาก สมองเฉินมู่รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันทีสมองของเธอเริ่มประมวลผล พลันฝืนลืมตาขึ้น และเลียริมฝีปากตามสัญชาตญาณเธอมองเข้าไปในสายตาลึกลับของชายตรงหน้า ก่อนถามอย่างงุนงงว่า “อะไรเหรอ?”ปลายลิ้นของฮั่วหยุนเซียวไล่เลียตรงริมฝีปากล่างของตน รา
เมื่อทุกคนออกไป เฉิงหยวนก็ยังคงเกาะแขนของเฉินมู่ด้วยร่างกายอันสั่นอยู่อย่างนั้นเฉินมู่แตะมือเธอ พร้อมปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรนะ ฉันจะคอยปกป้องคุณเอง”เฉิงหยวนพยักหน้า “ฉันเชื่อคุณ แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคนร้ายแบบพวกนั้น ถึงได้กล้ากล่าวหาเหยื่อแบบนี้”ผู้อำนวยการหยางวิ่งเข้ามาถามอย่างรีบร้อน “ผู้อำนวยการเฉินบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ? ผมพยายามห้ามคุณหนูซุยแล้ว แต่…”เฉินมู่ปัดมือไปมา พลางบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ผู้อำนวยการหยางไม่ต้องกังวล นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา”เธอมองร่องรอยความเสียหายของข้าวของบนพื้น แล้วพูดต่อ “พวกเธอทำอะไรเสียหายบ้าง ลิสต์ให้ฉันด้วยนะ”ผู้อำนวยการหยางรีบยกปัดไม้ปัดมือปฎิเสธอย่างเร็ว “ไม่ได้ ๆ จะให้ผู้อำนวยการเฉินชดใช้ได้อย่างไร?” เฉินมู่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ใครบอกว่าฉันจะเป็นคนชดใช้ค่าเสียหาย? คุณหยางจัดการลิสต์รายการของที่เสียหายมาก็พอค่ะ”ผู้อำนวยการหยางก็ไม่รู้ว่าเฉินมู่คิดจะมาไม้ไหน จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นเฉิงหยวนกระแอมเล็กน้อย แล้วถามด้วยความระมัดระวังว่า “คงไม่ใช่ให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายหรอกนะ?”“หึหึ” เฉินมู่ยิ้ม “ไม่ใช่ คนที่ลงมือทำลายข้าวของต่าง