หลินโจวเปิดประตูและเห็นจอภาพบนโต๊ะของเขาบนพื้นคือโฮสต์ของคอมพิวเตอร์และสายเคเบิลเครือข่ายเชื่อมต่ออยู่หลินฉางเจิงซื้อคอมพิวเตอร์ให้ตัวเองเหรอ?หลินโจวปิดตาซึ่งมีความชื้นเล็กน้อยนี่คือของขวัญที่เขาอยากได้ตั้งแต่เขาเข้าโรงเรียนมัธยมตอนนั้นเขาเพิ่งเข้ามาเล่นอินเตอร์เน็ตและติดเกมเขาร้องไห้มาทั้งสัปดาห์อย่างไรก็ตาม หลินฉางเจิงไม่เห็นด้วยเขารู้นิสัยของหลินโจว เมื่อเขาไม่มีคอมพิวเตอร์เขามักจะนอนดึกและออกไปท่องอินเทอร์เน็ต ถ้ามีคอมพิวเตอร์ก็ไม่เป็นไรดังนั้นเขาจึงสัญญากับหลินโจว ว่าถ้าเขาสามารถสอบติดสี่สิบอันดับแรกในชั้นเรียนได้ เขาจะซื้อมันให้เขาจากมุมมองหลินโจว เรื่องนี้ทำให้เขาอับอายและมันก็น่าอึดอัดยิ่งกว่าการฆ่าเขาเสียอีกด้วยเหตุนี้ เขาจึงทะเลาะวิวาทครั้งใหญ่กับหลินฉางเจิงและไม่ได้พูดอะไรกับเขาเลยเป็นเวลาสองเดือนตั้งแต่นั้นมาพ่อก็หยุดตะโกนตอนนี้ เขาลืมเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ นี้ในชีวิตก่อนหน้านี้แล้ว แต่เขาไม่คาดคิดว่าหลินฉางเจิงจะยังจำมันได้คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ใช้เงินเดือนของหลินฉางเจิงก็อย่างน้อยสามเดือนหลินโจวถอนหายใจโยนกระเป๋านักเรียนที่เขานำมาไว้บนเตียงแล้วเปิ
อวิ๋นรั่วซีสวมชุดราตรีสีชมพูและนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เธอทาไวน์รักษาโรคบนเท้าของเธอแต่เธอยังคงรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยฉันวางแผนจะออนไลน์เพื่อหันเหความสนใจแต่ยิ่งฉันหันเหความสนใจมากเท่าไร ฉันก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเท่านั้นอวิ๋นรั่วซีรู้สึกว่าเธอบ้าสิ่งเดียวที่เธอคิดได้คือหลินโจวหลินโจว ได้อันดับหนึ่งในการสอบหลินโจว ไม่สนใจเธอหลินโจว เรียนกับผู้หญิงคนอื่นหลินโจว มอบของขวัญให้ตัวเองหลินโจว กล่าวว่า " อวิ๋นรั่วซี ฉันชอบเธอ ได้โปรดมาเป็นแฟนฉันเถอะ"หลินโจว รออยู่ที่ประตูโรงเรียนทุกวันและรีบไปหาเธอเมื่อเห็นเธอ“ อวิ๋นรั่วซี ฉันจะพาคุณกลับบ้านไหม?”หลินโจว หยิบขนมกระต่ายขาวแล้วยื่นให้เธอ“ อวิ๋นรั่วซี ทั้งหมดนี้เพื่อคุณ ฉันเตรียมไว้ให้คุณทุกวัน”……ยิ่งเธอคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ อวิ๋นรั่วซีก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดในใจมากขึ้นเท่านั้นเป็นอย่างนี้ได้ยังไง?ทำไมจึงเป็นเช่นนี้?เธอไม่ยอมแพ้และตัดสินใจตามหา หลินโจวอีกครั้งอวิ๋นรั่วซี จึงส่งข้อความถึงหลินโจวอย่างรวดเร็วในอดีตทุกครั้งที่เธอส่งข้อความ หลินโจวเขาจะตอบกลับทันทีอวิ๋นรั่วซี รู้สึกว่าคราวนี้คงจะเหมือนเดิม
สีหน้าของสวี่เนี่ยนชูเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัดมือของเธอสั่นเพราะความลนลาน จึงพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว“……ไม่ใช่ซะหน่อย”ผู้ชายคนนี้ทำไมถึงเดาได้แม่นขนาดนี้?เธอยังไม่ได้ไปซื้อด้ายขนสัตว์เลย"ฮ่าฮ่า"หลินโจวยิ้ม หยิบถุงถักทอที่สวยงามถุงหนึ่งออกมาจากในโต๊ะ และยัดมันไว้ในอ้อมแขนของเธอ:“อ่ะให้ เตรียมไว้ให้เธอหมดแล้ว ถักดีๆล่ะ”บริเวณรอบมีผู้คนสัญจรไปมา ด้ายขนสัตว์ที่อยู่ข้างในแทบจะทะลักออกมาแล้วสวี่เนี่ยนชูรีบเอาหนังสือบังถุงเอาไว้:“รู้ รู้แล้ว”หลิวซื่อหมิงที่อยู่ข้างๆมีใบหน้าที่งุนงง:“เกิดอะไรขึ้น? ทั้งสองคนคุยอะไรกันอยู่เหรอ?ทำไมฉันถึงไม่เข้าใจเลยสักนิด”ในเวลานี้ เฉียนกั๋วกั่วก็รีบวิ่งมาจากด้านหน้า และขัดจังหวะการสงสัยของหลิวซื่อหมิง“พวกนายยังไม่ไปกันอีกเหรอ?ดีเหลือเกิน!”เธอรีบหยิบถุงขนมขนาดใหญ่ถุงหนึ่งออกมาจากกระเป๋า และแจกถุงใบเล็กให้แต่ละคน"การสอบในครั้งนี้ก้าวหน้ามาก แม่ของฉันให้ฉันมาขอบคุณพวกนาย รับเอาไป ไม่ต้องเกรงใจ "ตอนที่ส่งมันไปให้สวี่เนี่ยนชู เธอก็พบว่าสวี่เนี่ยนชูมองดูเธออย่างงุนงง และไม่ได้รับเอาไว้เฉียนกั๋วกั่วรู้สึกร้อนใจเล็กน้อย เธอหันศีรษะ
"....."เงินของผมถูกพี่ปล้นไปหมดแล้ว...ไม่ใช่สิ ถูกพี่ยืมไปแล้ว?แม้ว่าจะพร่ำบ่นแบบนี้ แต่หลิวซื่อหมิงก็ไม่ปฏิเสธและยอมรับเงื่อนไขของหลินโจวจอมเผด็จการอย่างมีความสุขหลินโจวเดินไปร้านโฆษณาที่อยู่ด้านข้าง และปรินต์ป้ายโฆษณาอันหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว"ผลไม้ตักตระกูลหลิน ซื้อหนึ่งแถมลูกโป่งหนึ่งลูก ซื้อมากแถมมาก"เมื่อจัดเก็บทุกอย่างเสร็จแล้ว หลิวซื่อหมิงก็เป่าลูกโป่งไปแล้วยี่สิบกว่าลูกหลินโจวมัดลูกโป่งเอาไว้ด้วยกันอย่างพึงพอใจ แขวนไว้หน้าร้านแผงลอยของตนเอง และปรบมือ:“อืม ดูไปแล้วไม่เลวเลย งั้นก็เริ่มขายกันเถอะ!”ราคาผลไม้ ปี 2004 ไม่แพงนักแอปเปิ้ลและส้มเหล่านี้ห้าร้อยกรัมราคาเพียงห้าบาทเท่านั้นกล้วยและแก้วมังกรจะมีราคาแพงกว่าเล็กน้อยหลินโจวตั้งราคาผลไม้ตักไว้ที่สามสิบห้าบาทต่อห้าร้อยกรัม ต้นทุนของลูกโป่งหนึ่งลูกก็แค่ไม่กี่สตางค์เท่านั้น ดังนั้นจึงมั่นใจว่าจะได้กำไรและไม่ขาดทุนอย่างแน่นอนเมืองเจียงมีสถานที่เที่ยวเล่นไม่มากนักไทม์สแควร์เป็นอีกที่หนึ่ง ที่รายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ตรงไทม์สแควร์ยังมีเครื่องเล่นเล็กๆที่เด็กๆชื่นชอบมากมาย เช่น ม้าหมุน รถบั๊มเป็น
หลินโจวกลอกตาใส่หลิวซื่อหมิง“นายคิดว่าว่าฉันมีเวลาไปไหม?”“……ดูเหมือนว่าจะไม่มีเวลาจริงๆ”เรื่องนี้ หลิวซื่อหมิงไม่ได้ปฏิเสธ“นายไปเองเถอะ ฉันขายเสร็จแล้วจะต้องไปหาเพื่อนร่วมโต๊ะตัวน้อย”รับปากไว้แล้วว่าจะออกไปเที่ยวกับเธอ ก็จะต้องทำให้ได้หลังจากที่ยุ่งมาทั้งอาทิตย์ ตอนบ่ายก็ควรจะให้ตนเองได้ผักผ่อนบ้าง!“ก็ได้ พี่โจวงั้นผมไปแล้วนะ ถ้าพี่มีเรื่องอะไรเรียกผมได้เลย ตอนบ่ายพอร้องเพลงเสร็จแล้วผมจะมาช่วยพี่”ท้ายที่สุดแล้วหลิวซื่อหมิงก็ยังเป็นเด็กอยู่ จึงรักความสนุกสนานมากกว่าการหาเงิน"อืม"หลังจากที่หลิวซื่อหมิงจากไป หลินโจวก็มองไปรอบๆก็พบว่าเถ้าแก่ยังคงป้วนเปี้ยนอยู่ข้างๆตนเองหลินโจวมองไปที่เธอ:“เถ้าแก่ใช่ไหม?”“เอ่อใช่ใช่ใช่ พ่อหนุ่ม ฉันชื่อหลิวลี่”ปีนี้หลิวลี่อายุสามสิบปีแล้ว และมีลูกสองคนเมื่อมองไปที่หลินโจว ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกเขินอายเล็กน้อย“อืม พี่หลิว ผมเห็นว่าพี่กำลังมองมาที่นี่ตลอด พี่สนใจในสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่หรือ?”พอถูกเดาความคิดได้อย่างทะลุปรุโปร่ง หลิวลี่ก็รู้สึกเคอะเขินมากยิ่งขึ้นบรรดาผู้ที่ประกอบธุรกิจขนาดเล็กเหล่านี้ มักจะกลัวคนอื่นที่รู้ส
"ได้เลย!"“คณะกรรมการการศึกษา มีนายอยู่ สุดยอดมาก!”“อีกสักพักจะต้องตั้งใจสนทนากับดาวโรงเรียนให้ดีๆ”พอฟ่านอวิ๋นเจ๋อถูกชมก็ดีใจเป็นอย่างมาก“นี่เป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ดีมาก ทุกคนจะต้องคว้ามันเอาไว้ให้ได้!”หวังจื่อเฉินที่อยู่ข้างๆก็สามารถเข้าใจได้ในทันที:"ใช่แล้ว พวกเราจะเลียนแบบหลินโจวไม่ได้นะ สอบได้คะแนนดีขึ้นมาหน่อยก็หลงตัวเองแล้ว ออกไปค้าขายทุกวัน ครั้งที่แล้วยังบอกว่าตนเองหาเงินได้วันละห้าพันบาท?เหอะ ถ้าเขาสามารถหาเงินได้ห้าพันบาท ฉันจะยืนกลับหัวกินอึเลย! "แม้ว่าครั้งที่แล้วพวกเขาจะเห็นคนมาเรียกหลินโจว แต่พวกเขายังไม่เคยเห็นธุรกิจของหลินโจวเลยพอมานึกได้ในภายหลัง ก็มักจะรู้สึกว่าหลินโจวไปหาคนมาแสดงให้พวกเขาดู“ใช่แล้วใช่แล้ว แค่นักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งทำธุรกิจอะไรกัน!”“จะต้องพูดไปเรื่อยเปื่อยแน่ๆ! ฟ่านอวิ๋นเจ๋อ นายไม่ต้องกังวล พวกเราจะตั้งใจเรียนอย่างแน่นอน”ฟ่านอวิ๋นเจ๋อพอใจกับสถานการณ์แบบนี้มากเขาหันกลับมา แล้วมองไปที่อวิ๋นรั่วซีอย่างดีใจ:“รั่วซี”สายตาของอวิ๋นรั่วซีกลับมองไปที่ประตูอยู่ตลอดเวลาเธออยากจะไปหาหลินโจวเหตุผลที่รับปากฟ่านอวิ๋นเจ๋อว่
“หาใครนะ?หลินโจว?”โจวซานซานตะลึงงันหวังจื่อเฉินที่อยู่ด้านหลังก็หัวเราะขึ้นมา:“พวกเราจะกินผลไม้ตัก จะไปหาหลินโจวทำไม?”“นายไม่ได้ยินที่พวกเขาพูดว่าคนเยอะมากเหรอ?พวกเรายังซื้อไม่ได้เลย เรียกเขามาแล้วจะซื้อได้เหรอ?”“ทำไมหลินโจวมีตาเพิ่มขึ้นมาอีกดวงเหรอ? ผู้คนถึงได้ให้ความสำคัญเขาขนาดนี้?”โจวซานซานก็หัวเราะ:“แม้ว่าหลินโจวจะหล่อ แต่หลิวซื่อหมิง นายก็อย่าโอเวอร์ให้มันมากเกินไป”? ? ? ?พวกนายนั่นแหละอย่าโอเวอร์เกินไป?“ผลไม้ตักนั่น พี่โจวของฉันเป็นคนขาย!”"อะไรนะ?""จะเป็นไปได้อย่างไร?"“หลินโจวเป็นคนขายเหรอ?”“หลินโจวทำอันนี้เป็นด้วยเหรอ?ขี้โม้มากกว่า?”“เอาอีกละเอาอีกละ หลิวซื่อหมิงนายไม่อวดเก่งไม่ได้เลยเหรอ?”ฟ่านอวิ๋นเจ๋อและคนอื่นๆต่างก็พากันหัวเราะเห็นได้ชัดว่าอวิ๋นรั่วซีไม่เชื่อเช่นกัน“หลิวซื่อหมิง นั่นเป็นธุรกิจที่มีรายได้หนึ่งหมื่นบาทขึ้นไปต่อวัน หลินโจวจะเปิดร้านได้อย่างไร? หลินโจวสามารถทำธุรกิจเล็กๆได้ก็ไม่เลวแล้ว”“เฮ้อ? พวกนายเนี่ยนะ พูดความจริงกับพวกนายแล้วพวกนายก็ไม่เชื่อ พี่โจวของฉันพูดถูก งานเลี้ยงนี้ไม่ข้าวร่วมก็ไม่เป็นไร”หลิวซื่อหมิงพูดจบแล้ว ก็โ
เพื่อนร่วมชั้นเหล่านี้ไม่ได้กำลังกินข้าวกันอยู่เหรอ? ทำไมถึงได้มากินอยู่ที่นี่แล้วล่ะ?ขณะที่กำลังคิดอยู่ เขาก็เห็นหลิวซื่อหมิงกำลังอธิบายให้เพื่อนๆฟังอย่างหน้าดำคร่ำเครียด:“ฉันบอกว่าเป็นของหลินโจวก็ต้องเป็นของหลินโจวสิ บางทีเขาอาจจะออกไปทำธุระก็ได้ พวกนายมาเห่าอะไรอยู่ที่นี่?”ฟ่านอวิ๋นเจ๋อและหวังจื่อเฉินต่างก็พากันส่ายหัว และกำลังจะพาคนที่อยู่ข้างหลังพวกเขาจากไปแล้วก็เรียกอวิ๋นรั่วซีไปด้วยอวิ๋นรั่วซีมีสีหน้าที่ผิดหวัง จึงทำได้แค่หันหลังกลับ“เฮ้อ? อย่าเพิ่งไปสิ สามารถกินผลไม้ตักได้จริงๆนะ พวกนายเชื่อฉันสิ!”เยี่ยมมากท่าทางอย่างนี้!หลิวซื่อหมิงไปคุยโวโอ้อวดอีกแล้วแน่เลย?ดูเหมือนจะมีความเสี่ยงที่จะคุยโวโอ้อวดล้มเหลวหลินโจวส่ายหัวอย่างจนใจ รีบเดินอ้อมไปที่ข้างหลังพวกเขา แล้วเดินไปที่ร้านแผงลอยแม้ว่าเขาจะไม่ชอบอวดเก่ง แต่ก็ทนไม่ได้ที่จะเห็นน้องชายคู่หูของตนอวดเก่งล้มเหลวไม่อย่างนั้นก็เท่ากับว่าโดนรังแก?มีคนในฝูงชนเห็นเขา“เอ๊ะ?นั่นไม่ใช่หลินโจวเหรอ?”“หลินโจวจริงๆด้วย!”หลินโจวไม่ได้สนใจพวกเขาเลยหลังจากที่เดินไปที่หน้าร้านแผงลอย เขาก็หยิบองุ่นลุกหนึ่งขึ้นมาแล