ฟางเหนียงก่อไฟอีกเตาและเริ่มทำปลานึ่งทันที นางใส่ปลาไว้ภาชนะที่เตรียมไว้ก่อนจะคนผสมซีอิ๊วขาว น้ำมันเล็กน้อย เหล้าจีน น้ำตาลทรายแดง และน้ำร้อนเข้าด้วยกัน ตักราดลงบนตัวปลา วางเห็ดหอม ขิงซอย และพริกชี้ฟ้าแดงด้านบนตัวปลา ให้ทั่ว แต่ส่วนนี้นางใช้ไปนิดเดียวกลัวว่าเด็กจะกินเผ็ดไม่ได้
นางจะค่อย ๆ ปรับเพิ่มพริกลงไปในครั้งหน้าแต่ตอนนี้ต้องให้กระเพาะของเด็ก ๆ คุ้นเคยกับรสชาติเช่นนี้ก่อน เมื่อโรยทุกอย่างเสร็จแล้วจึงนำใส่ลงในชุดนึ่งที่มีน้ำเดือด นึ่งใช้ไฟแรงมากขึ้นนางเพิ่มฟืนลงอีก นานประมาณสองเค่อก็มีกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบ้านหลังเล็ก ๆ จากนั้นจึงลงมือทำต้มซุปปลาต่อซึ่งใช้เวลาไม่นานมากนักฟางเหนียงใช้เวลาทำอาหารเพียงแค่ครึ่งชั่วยามก็ทำอาหารเสร็จเรียบร้อยทุกอย่าง นางยกอาหารมาวางไว้ตรงที่นั่งกินข้าว เด็ก ๆ เองก็ช่วยยกชามและถ้วยเล็ก ฟางเหนียงตักข้าวให้เจ้าก้อนแป้งที่ยกยิ้มหน้าบานมองอาหารตรงหน้าจนน้ำลายแทบหก นางตักน้ำซุปปลาใส่ถ้วยเล็กให้คนละใบ เด็ก ๆ นั่งยกน้ำซุปปลาในถ้วยเล็ก ๆ ของตัวเองจนอิ่ม เวลานี้พวกนางยังพากันนั่งบนพื้นกินข้าว คงต้องคิดหาทางหาเงินเพิ่ม และสวันนั้นทีมของนางได้รับภารกิจให้ไปนำเครื่องมือทดลองในเมืองบี มันเป็นภารกิจระดับเอส ซึ่งน้อยคนนักที่จะรับงานนี้ แต่ว่ามันเป็นความหวังเดียวของมนุษย์ชาติหากพวกเขาทำงานนี้สำเร็จ จะสามารถผลิตยาต้านไวรัสได้และโลกจะกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง แม้จะใช้เวลาอีกหลายร้อยปีที่จะให้คืนสภาพเช่นเดิมแต่พวกเขาก็ยังคงมีความหวัง แม้มันจะเหลือน้อยมากก็ตาม ทีมของนางมีร่วมยี่สิบคนแต่ละคนระดับเอกันทั้งนั้นและไม่มีใครที่ไม่มีพลังพิเศษ จะมีเพียงแค่นางเท่านั้นที่มีเพียงพลังจิตสัมผัสถึงซอมบี้ได้ในระยะหนึ่งกิโลเมตร แต่วันนั้นนางยังไม่ทันสัมผัสเห็นราชาซอมบี้รู้สึกมีเงาวูบผ่าน เพียงชั่วพริบตาหัวใจนางก็ถูกกวักออกมาแล้วน่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสบอกเพื่อนร่วมทีม หวังว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอดกลับไป แต่หากไม่สามารถกลับไปได้ การตายเช่นนางมันก็ไม่ทันทรมานเท่าไหร่นัก นางยังสามารถมองเห็นหัวใจของตนเองเต้นตุ๊บ ๆ อยู่ในมือของราชาซอมบี้อยู่เลยแม้จะมองเห็น แต่กลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดแล้ว จากนั้นนางก็ไม่รับรู้อะไรอีกและมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ นับว่ายังมีความโชคดีในความโชคร้าย
มันเป็นเรื่องราวตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งร่างเดิมมาเสียชีวิต เพราะป่วยหนักอย่างที่นางสันนิษฐานจริง ๆ จากนั้นนางก็มาเข้าร่างนี้ เรื่องราวตรงหน้านี้เป็นความทรงจำของร่างเดิม แต่ที่นางหยุดมองหลายครั้งคือฟางเหยียนอวี้คนที่ได้ขึ้นชื่อว่าสามีของร่างนี้ หน้าตาของฟางเหยียนอวี้ หล่อเหลายิ่งดูยิ่งรู้สึกสบายตา ใบหน้าคล้ายบุรุษเจ้าสำราญ แค่อาภรณ์เหมือนคุณชายตกยากเท่านั้น แต่นิสัยจริงจังและมีความรับผิดชอบสูง ต่างจากคนที่ชื่อฮุ่ยหมิงที่หล่อคมเข้ม แต่กลับไปชอบซูฮวาผู้เป็นพี่สาวทว่าในสายตานาง ฟางเหยียนวอี้หล่อเหลากว่ามากนัก หรือเป็นนางลำเอียงเพราะหน้าตาของฟางเหยียนอวี้ตรงกับสเปกมากฟางเหนียงมองดูภาพเหล่านั้นจนจบ แต่นางยังตกอยู่ในความมืดที่เงียบสนิท ทันใดนั้นแสงสว่างปรากฏขึ้นจนนางต้องหลับตา ก่อนจะลืมตาขึ้นมาใหม่อีกครั้งนางมองภาพตรงหน้าอย่างเงียบงัน ใบหน้างดงามและร่างบอบบางตรงหน้าคือร่างที่เริ่มจะคุ้นเคย ซึ่งก็คือฟางเหยียนคนในโลกนี่นั่นเอง ใบหน้าของนางขาวซีดดวงตาเศร้าหมองและไม่มีความสุข“เจ้ามาทวงร่างคืนหรือ”ฟางเหนียงเอ่ยถามอย่างใ
จากที่นางเห็น ร่างเดิมชี้นิ้วสั่งเจ้าก้อนแป้งน้อยน่ารักให้ไปซักผ้าเอง แม้เด็ก ๆ จะซักไม่สะอาดก็ไม่สนใจ นั่นทำให้ชาวบ้านสงสารและมาช่วยซักผ้าให้ เรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกปวดใจทุกครั้งที่นึกถึง แม้เด็กบ้านอื่นจะช่วยงานบ้านแต่พวกเขาก็โตจนเจ็ดแปดขวบแล้ว แต่ไม่เป็นไรนางอยู่ตรงนี้ต่อไปนี้จะเลี้ยงดูในแบบของนาง นางไม่ได้ปล่อยให้เขาเหมือนไข่ในหินแต่นางจะสอนและให้ทำในสิ่งที่เหมาะสมและสิ่งที่เจ้าก้อนแป้งชอบเท่านั้นกลิ่นหอมหัวปลาต้มเผือกอบอวลไปทั่วห้องเล็ก ๆ ทำให้ ฟางเหนียงเลิกคิดในสิ่งที่ผ่านมาแล้วเพราะอย่างไรมันก็แก้ไขไม่ได้ แต่นางสามารถทำได้ในอนาคตวันนี้นางทำหัวปลาต้มเผือกและปลาทอดกรอบแบบง่าย ๆ นางยังไม่ทำอาหารรสจัดมากนัก เพราะเจ้าก้อนแป้งยังเล็กแต่จะค่อย ๆ ปรับรสชาติให้มีรสเผ็ดมากขึ้นพริกในยุคนี้มีราคาแพงเพราะหายาก แต่สำหรับนางมีอยู่ในมิติอยู่แล้ว จึงสามารถนำมาใช้ได้เลยและอย่างสุดท้ายคือผัดผักอย่างง่าย ๆ อีกอย่างหนึ่งเพื่อไม่ให้ขาดสารอาหารพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ นางใช้เวลาทำไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย ทันใดนั้นก็มีเสียงเล็ก ๆ ทักทายมาจากด้านหลังนาง
ก่อนออกจากบ้าน ฟางเหนียงยังสวมหมวกใบเก่าไว้ให้ทั้งคู่แล้วเดินทางอีกครั้ง ระหว่างทางก็ทักทายคนในหมู่บ้านไปหลายคน จนกระทั่งขึ้นเขาเมื่อไม่มีคนจึงได้ให้เด็ก ๆ ไปเล่นกันในมิติสวรรค์ ก่อนจะให้เด็ก ๆ เล่นรูบิคที่นางเคยโยนใส่มิติไว้นางชอบเอามาเล่นแก้เบื่อ มันมีเพียงลูกเดียวเด็ก ๆ จึงแบ่งกันเล่น แต่จากที่นางสังเกตฟางเหรินแฝดคนพี่จะจิตใจสงบเยือกเย็นมากกว่า ขณะที่คนน้องไม่ชอบอยู่กับสิ่งใดนิ่ง ๆฟางเหนียงจึงตัดไม้ต้นเล็ก ๆ มาเหลาดาบไม้ให้เด็กน้อยสองอันไว้เล่นกัน และบอกให้ระวังอย่าให้โดนหน้ากันเมื่อเห็นป่าไผ่จึงได้ตัดมาสร้างเก้าห่วงปริศนาให้ทั้งคู่อีกอัน โดยใช้เชือกป่านในมิติสวรรค์มาร้อยให้ เมื่อรู้สึกวางใจแล้วจึงเริ่มสำรวจพื้นที่โดยรอบ บนเขาจะมีเพียงเส้นทางเล็ก ๆ ที่คนในหมู่บ้านเดินขึ้นเขามาหาของป่าหรือไม่ก็ตัดฟืนเท่านั้นฟางเหนียงมองป่ารอบนอก ที่คนในหมู่บ้านขึ้นมาบ่อย ๆ จนเป็นเส้นทางเล็ก ในมือยังมีมีดยาวอยู่อันหนึ่ง นางแผ่จิตสัมผัสออกไปเพื่อค้นสิ่งที่เกิดอันตราย ร่างนี้ยังอ่อนแอไม่อาจต่อสู้กับสัตว์ป่าที่ดุร้ายได้ และยังต้องระวังงูพิษ
ฟางเหนียงนำน้ำในมิติมาดื่ม และปรับลมหายใจของตัวเองให้กลับมาปกติ ก่อนจะนำงูสองตัวเข้าไปในมิติสวรรค์ อย่างน้อยมันก็เป็นอาหารได้ แต่หากเป็นชาวบ้านธรรมดามาเจอเข้าคงตายตกอย่างง่ายดาย มิน่าเส้นทางนี้ถึงไม่เคยมีใครเข้ามาก่อน แต่มันกลับทำให้นางตื่นเต้น เพราะเส้นทางที่ไม่มีผู้คนย่อมมีสมุนไพรหายาก ขอเพียงนางหาเจอเท่านั้น เงินสร้างบ้านใหม่ก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมมือแล้วแบบนี้นางจะปล่อยผ่านไปได้อย่างไร เมื่อพักเหนื่อยและเก็บซากงูไปแล้ว ฟางเหนียงจึงเดินเข้าไปในถ้ำพร้อมคบเพลิงอันหนึ่ง ซึ่งมีอยู่ก่อนแล้วเพราะวันสิ้นโลกไม่อาจใช้ไฟฉายได้จึงต้องมีคบเพลิงให้ความสว่างทดแทน แต่บางค่ายก็ยังมีพลังงานของแสงอาทิตย์แต่ก็มีส่วนน้อยจริง ๆ ยิ่งผ่านวันสิ้นโลกไปหลายปี ข้าวของในยุคก่อนวันสิ้นโลกจึงเริ่มหมดไป อย่างถ่านไฟฉายก็หาไม่ได้อีกแล้ว หลังจากงูตัวเมียตาย ที่นี่ก็ไม่เจอสัตว์ดุร้ายอะไรอีก ทว่าเมื่อส่องไฟเห็นสิ่งของหลายอย่างยิ่งรู้สึกตื่นเต้น ผนังถ้ำกลับมีไข่มุกเรืองแสงที่หายากในยุคสมัยนี้ ทำให้ภายในถ้ำมีแสงสว่างและอบอุ่นอย่างที่คาดไม่ถึง ใจกลางถ้ำมีไข่สามใบที่ลูกใหญ่เท่าไข่ห่าน ซึ่
สวบ!เสียงเดินเหยียบใบไม้ที่ร่วงหล่นตามพื้นดิน แม้จะแผ่วเบาแต่กลับได้ยินอย่างชัดเจน ฟางเหนียงกระชับดาบในมือแน่นขึ้น แม้จะแผ่สัมผัสออกไปแต่กลับไม่ว่องไวเช่นแต่ก่อน เพียงพริบตาก็มีศัตรูหมายขย้ำนางแล้ว ร่างกายบอบบางเกร็งขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงสัตว์ป่าดุร้ายอีกตัว มันคงได้กลิ่นคาวเลือดจึงตามกลิ่นมาและเจอร่องรอยของงูที่ถูกนางฆ่าเอาไว้ที่หน้าถ้ำ ร่างเสือโคร่งตัวใหญ่ตั้งท่ากระโจนมาทางนาง ดวงตาดุร้ายมันมองนางเป็นเหยื่อ!ฟิ้วววฉัวะ!!!ตุ๊บ!!!ร่างใหญ่ยาวของมันพุ่งมาด้วยความเร็วไม่สมกับน้ำหนักตัว ฟางเหนียงกระโดดหลบอย่างรวดเร็ว มือขวาฟาดดาบใส่ร่างใหญ่อย่างคล่องแคล่ว นางไม่ได้ประมาท ขณะเดียวกันนางกลับไม่ได้หวาดกลัวเพราะหากนางสู้ไม่ได้ก็เพียงหนีเข้ามิตินั่นทำให้นางกล้าที่จะต่อสู้กับมัน แต่เมื่ออาหารมาส่งถึงมือนางแล้วนางจะไม่ยินดีต้อนรับได้อย่างไรร่างใหญ่ของมันเสียหลักหน้าพุ่งลงดินจนเกิดเสียงดัง ต้นไม้เล็ก ๆ หักโค่นลงตามแรงกระแทกของร่างใหญ่โต แต่มันยังลุกขึ้นยืนหันกลับมามองเหยื่ออย่างโกรธแค้น ก่อนจะพุ่งเข้าหาร่าง เล็ก ๆ นั่นอย่างว่องไว
ฟางหรงเอ่ยบอกขณะกินอย่างเอร็ดอร่อย ฟางเหนียงมองทั้งคู่ที่น่ารักและไม่เลือกกินด้วยรอยยิ้มเอ็นดู นางลูบศีรษะเล็ก ๆ นั่นแล้วเอ่ยบอกอย่างอ่อนโยน“หากเจ้าชอบก็กินเยอะ ๆ เหรินเอ๋อร์ไม่ชอบหรือ”ฟางเหนียงบอกคนน้องและมองคนพี่อย่างสังเกต“เปล่าขอรับ แต่ท่านแม่ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ขอรับ”ฟางเหนียงแปลกใจที่ฟางเหรินจับความผิดปกติของมารดาได้ นางส่ายหน้าแล้วยิ้มให้ลูกชายคนโต“แม่ไม่เป็นอะไรหรอก หากอร่อยก็กินเยอะ ๆ จะได้โตเร็ว ๆ วันนั้นพวกเจ้าก็ปกป้องแม่ได้”ฟางเหรินเอ่ยหยอกเย้า ก่อนจะนั่งกินร่วมกับเจ้าก้อนแป้งทั้งสองอย่างมีความสุข ยิ่งเห็นรอยยิ้มของเด็กน้อยหัวใจนางก็รู้สึกอบอุ่นหลังจากทานอาหารเย็นแล้ว นางจึงให้เด็ก ๆ หัดเขียนหนังสือ วาดรูปเล่น และเหมือนฟางหรงจะวาดรูปสวยกว่าเขียนตัวอักษรและเหมือนจะสนุกไม่น้อย ฟางเหนียงปล่อยให้เด็ก ๆ เล่นกันก่อนจะเข้าไปจัดการของในมิติที่นางยังไม่ได้เก็บเข้าที่เข้าทาง ซึ่ง เด็ก ๆ ไม่ได้กลัวความมืดและพวกเขารู้ว่ามีมารดามองเห็นพวกเขาตลอดจึงไม่ได้งอแง
อาหารเช้านางตุ๋นเนื้อเสือน้ำแดง รสชาติคล้ายเนื้อวัว แต่จะมีกลิ่นสาปติดมาบ้าง ครั้งต่อไปคงต้องหาสมุนไพรบางตัวเพื่อดับกลิ่นสาปของมัน ครั้งนี้นางเคี่ยวนานกว่าตุ๋นเนื้อหมู เพราะเนื้อเสือจะเหนียวกว่า และอีกอย่างนางได้ทำปลานึ่งบ๊วย และซาลาเปาไส้เนื้อกับไส้ผักให้เด็ก ๆ ไว้กินเล่นห้องครัวเล็กและแคบอีกทั้งเครื่องปรุงที่นางซื้อมามีมากนัก หากนางขายสมุนไพรได้เงินมามากต้องซื้อเสบียงตุนไว้มากกว่านี้อาจเพราะนางเคยอดอยากในชาติก่อนทำให้ชาตินี้นางค่อนข้างอยากกักตุนอาหารเอาไว้เป็นจำนวนมาก แต่วันที่เข้าเมืองนางมีเงินไม่มากนักจึงซื้อมาแค่เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่หากนางได้เงินมาเยอะ จะซื้อข้าวของกักตุนเอาไว้ จะไม่ปล่อยให้ครอบครัวอดอยากอย่างเช่นที่ผ่านมาโดยเด็ดขาด“เด็ก ๆ ไปล้างมือกินข้าวกัน”ฟางเหนียงร้องบอกเด็ก ๆ ขณะที่ยกอาหารไปวางตรงที่กินข้าว เจ้าก้อนแป้งน้อยก็ไปล้างมือและรีบมาช่วยนางอย่างว่องไว“ไม่ต้องรีบ ล้างมือให้สะอาด”ฟางเหนียงเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม เพียงไม่นานอาหารที่นางทำวันนี้ก็ถูกวางอย่างเป็นระเบียบ
ตอนพิเศษ ความในใจของฟางเหริน ตั้งแต่วันนั้นที่มารดาตื่นขึ้นมา ฟางเหรินรู้ว่าท่านแม่ของเขาไม่เหมือนเดิม เปลี่ยนไปแทบไม่ใช่คนที่เขาเคยรู้จักแต่ถึงกระนั้นเขากลับเห็นแก่ตัว อยากให้มารดาเป็นคนนี้ตลอดไป แรก ๆ เขายังหวาดระแวง ทว่าความอ่อนโยนที่มอบให้ทำให้เขาพ่ายแพ้ แม้อายุยังน้อย แต่เพราะต้องช่วยเหลือตัวเองกับน้องชายมาหลายปี ทำให้รู้ความมากกว่าเด็กคนอื่น บ้างครั้งเขายังอิจฉาเสี่ยวเปาที่มีมารดาที่ดี มีอาหารให้อิ่มทุกมื้อ ไม่ถูกดุด่าและไม่ลงมือทำร้ายเมื่อไม่ได้ดั่งใจ ทว่าตั้งแต่มารดาคนนี้ฟื้นขึ้นมา พวกเขาก็ไม่ถูกดุด่าอีกเลย มีข้าวกินทุกมื้อและยังอร่อยจนน้ำตาแทบไหล เขาไม่เคยได้กินอาหารอร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย มีเสื้อผ้าใหม่ ๆ สวมใส่ มีผ้าห่มผืนหนาได้ห่ม พวกเขาไม่ต้องทนเหน็บหนาวอีกแล้วฟางหรงเองก็เช่นกัน แม้พวกเขาจะรู้สึกว่ามารดาคนนี้ไม่ใช่มารดาคนนั้น แต่ก็ไม่เคยปริปากถามและยอมรับอย่างเงียบ ๆ อาจเพราะพวกเขาเห็นแก่ตัวเกินไป ที่จะเอ่ยถามถึงมารดาคนนั้น และที่ทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อ มารดาคนนี้เหมือนเทพจากสวรรค์ที่ลงมาประทานความรัก ความห่วงใยให้พวกเขา นางมีมิติสวรรค์ที่มีอาหารการกินครบพร้อม ต่อให้ต
ฟางเหนียงไม่รู้ว่าตนเองจะมีชีวิตไปได้อีกนานเท่าไหร่ เธอมองความสิ้นหวังขอมนุษย์ชาติที่ยังมีชีวิตหลงเหลืออยู่ เธอต่อสู้และปกป้องตัวเองมานานนับสิบปี ตั้งแต่วันนั้น วันที่ภัยพิบัติมาเยือน มนุษย์ตายตกกลายเป็นซอมบี้ที่กัดกินมนุษย์ที่ยังมีเลือดเนื้อ พวกมันไม่มีความรู้สึก และยังสามารถเคลื่อนไหวได้แม้ว่าแขนขาของมันจะขาดแล้วก็ตาม จุดอ่อนของมันมีเพียงแค่ตัดศีรษะเท่านั้น และในศีรษะของพวกมันมีผนึกที่สามารถช่วยให้ผู้มีพลังพิเศษแข็งแกร่งขึ้น ในโลกนี้ตอนนี้มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะมีชีวิตรอด และคงต้องขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจเดินเส้นทางทหารถึงทำให้เธออึดและอดทนได้มากเช่นนี้ ก๊อก ๆ ๆ “ฟางเหนียง” เสียงเรียกพร้อมร่างสูงของฟางอวี้เฉิงเปิดประตูเดินเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ชายหนุ่มมาพร้อมรถลากมีผ้าคลุมไว้จนมิดชิด เมื่อเข้ามาแล้วจึงปิดประตูตามหลัง ฟางเหนียงเงยหน้าจากการทำความสะอาดอาวุธในมือมองญาติผู้พี่ซึ่งเป็นญาติที่หลงเหลือเพียงคนเดียว ใบหน้าไม่ได้อ่อนเยาว์เช่นกาลก่อนแล้ว เวลานี้มีริ้วรอยที่หางตาเพิ่มขึ้นมาก “มีอะไรหรือเปล่าคะ” ฟางเหนียงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ เพราะตั้งแต่ฟางอวี้เฉิงหมด
“เพียงแค่ปล่อยวางอดีต เริ่มต้นชีวิตใหม่เราก็มีความสุขในสิ่งที่เรามีแล้ว เจ้าว่าจริงหรือไม่บุตรสาวข้า” รอยยิ้มอ่อนโยนและคำพูดที่แสนอบอุ่นนั้น ทำให้ฟางเซียนครุ่นคิดตามและส่งยิ้มให้มารดาอย่างเต็มใจ “ข้าเข้าใจแล้วท่านแม่ ขอบคุณเจ้าค่ะ” ฟางเหนียงกอดร่างอวบอ้วนของเด็กน้อยที่กินเก่งแข่งกับพี่ชายไว้ในอ้อมกอด นางรู้สึกดีใจที่คนในอ้อมกอดเข้าใจอะไรง่าย ๆ เช่นนี้ นางไม่จำเป็นต้องบีบคั้นเรื่องในอดีต หากไม่ใช่เรื่องที่ดีก็อยากให้เจ้าตัวลืมไปเสียเถอะ “ท่านแม่ความจริงข้าเคยเป็นหมอปีศาจ ผู้คนเกียจชังข้ามากมาย โลกนั้นเพียงแค่ต้องการของวิเศษของข้า ต่างตามล่าแย่งชิงมันไปจากข้า พวกมันต่างร่วมมือกันจนสามารถสังหารข้าได้ แต่พวกมันไม่มีทางได้ของวิเศษจากข้าไปได้เจ้าค่ะ” ฟางเซียนเอ่ยบอก ในน้ำเสียงของนางยังคงความแค้นเอาไว้ แต่นางรู้ว่าโลกนี้ไม่ใช่โลกเดียวที่นางจากมา มารดานางพูดถูก เพียงแค่นางปล่อยวางนางก็มีความสุข ทันใดนั้นปรากฏร่มสีแดงบนมือเล็ก มันมีกลิ่นอายที่เย็นเยือกราวกับว่ามันได้ดื่มโลหิตมามากเพียงใด “นี่คืออาวุธวิเศษเจ้าค่ะ มันสามารถเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ข้าต้องการได้ ข้าเรียกสิ่งนี้ว่าหนิงเฟิ่งหวังว่าพ
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และแล้วฟางเหนียงก็ได้มาอยู่ที่นี่ยาวนานถึงหกปี นางมีบุตรสาวเพิ่มมาอีกหนึ่งคนนามว่าฟางเซียนที่แปลว่านางฟ้าผู้มีกลิ่นหอม และด้วยความที่นางคลอดลูกคนนี้ยากทำให้ไม่กล้ามีเพิ่มอีก ซึ่งฟางเหยียนอวี้ก็เห็นด้วยเพราะสงสารภรรยา ฟางเหนียงไม่รู้ว่าร่างเดิมผ่านการคลอดบุตรแฝดมาได้อย่างไร แต่สามีนางบอกว่าฝาแฝดคลอดมานั้นตัวเล็กมากทำให้คลอดง่าย ไม่เหมือนบุตรสาวของพวกเขาที่ขาวอวบอ้วนมาตั้งแต่แรกเกิด น้ำหนักหกชั่งนิด ๆ ทำให้คลอดยากแม้นางเป็นทหารที่ผ่านการบาดเจ็บมานักต่อนัก แต่เมื่อมาเจอการคลอดลูกทำให้นางเข็ดขยาดไปเลยทีเดียว โชคดีที่ฟางเซียนของนางเป็นเด็กดีและรู้ความ แต่เพราะความรู้ความของนางทำให้นางกังวลและแอบสังเกตอยู่บ่อยครั้งจนกระทั่งแน่ใจว่า บุตรสาวของนางเป็นเด็กพิเศษกว่าคนอื่น นั่นคือนางจำอดีตชาติของนางได้ แม้พยายามปกปิดได้มิดชิดจนบิดาและพี่ชายไม่ได้สงสัย แต่นางผู้เป็นมารดาที่ใกล้ชิดตลอดเวลา และยังผ่านเรื่องอัศจรรย์เช่นนี้มาก่อน ทำให้รู้ได้ทันที แต่ไม่ว่าเมื่อก่อนฟางเซียนจะเป็นใคร แต่ตอนนี้เจ้าตัวน้อยตรงหน้านางเวลานี้ก็คือบุตรสาวของนาง “อ่านจบแล้วหรือ” ฟางเหนียงเอ่ยถา
ฟางเหยียนอวี้พาภรรยาสาวมานั่งบนเตียงนอน แล้วลูบหน้าท้องที่นูนออกมาอย่างแผ่วเบาพร้อมน้ำเสียงตำหนิลูกในท้องไปด้วย เขาไม่รู้ว่าเมื่อก่อนฟางเหนียงคนเดิมเป็นเช่นไร แต่สิ่งที่จำได้มีแต่น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของนางเท่านั้น คำพูดนั้นทำให้ฟางเหนียงรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย ความอ่อนโยนที่ฟางเหยียนอวี้มอบให้ทำหัวใจอบอุ่น ใบหน้างามระบายยิ้มเบาบาง บ่งความสุขของนางและอารมณ์ตอนนี้นางดีมาก ๆ ที่เห็นนางน้ำตาไหลไม่ใช่อารมณ์อ่อนไหวอะไร แค่อาเจียนจนเหนื่อยและน้ำตาไหลมาเองเท่านั้น “เจ้านอนพักก่อนเดี๋ยวพี่ไปทำอาหารเย็น” ฟางเหยียนอวี้ลูบศีรษะภรรยาสาวอย่างรักใคร่ ช่วงนี้เขาไม่อนุญาตให้นางเข้ามิติสวรรค์ เนื่องจากกลัวว่านางจะเป็นลมอยู่คนเดียวที่นั่น เพราะพวกเขาไม่สามารถรับรู้หรือเข้าไปได้หากฟางเหนียงไม่พาเข้าไป ฟางเหนียงมองตามร่างสูงแล้วรู้สึกว่าตัวเองโชคดี นางเคยใช้ชีวิตที่พึ่งพาแค่ตัวเอง เวลานี้กลับมีคนให้นางพึ่งพาได้ แม้นางไม่ได้อ่อนแอแต่การได้รับการดูแล ก็ทำให้หัวใจมีความสุขได้เช่นกัน นางยกมือลูบท้องแผ่วเบาเวลานี้มีสายใยเพิ่มอีกหนึ่งครอบครัวของนางก็ครบสมบูรณ์แบบ ฟางเหนียงไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีชีวิตที่ดีเช่น
“ไม่ได้ เจ้าอยู่บ้านเถอะ ตอนนี้เจ้ากำลังตั้งครรภ์ ข้ายังมีลูกชายช่วย” ฟางเหยียนอวี้ตอบปฏิเสธพร้อมลูบศีรษะนางอย่างรักใคร่ เขารู้ว่านางค่อนข้างเบื่อที่จะอยู่นิ่ง ๆ แต่เขาก็อดที่จะห่วงใยไม่ได้ ยิ่งช่วงหลัง ๆ มานี่นางแพ้ท้องเกือบทุกวันจนอดที่จะสงสารไม่ได้ ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากจะแพ้ทองแทนเอง ภรรยาเขาจะได้ไม่ต้องเหนื่อยและอ่อนเพลียเช่นนี้ “ข้าแค่ตามไปดูเฉย ๆ เจ้าค่ะ ไม่ได้ลงไปช่วยท่านเสียหน่อย” ฟางเหนียงหน้ามุ่ยเมื่อถูกลูบหัวเหมือนเด็ก ๆ ก่อนจะประท้วงเบา ๆ ตอนนี้นางถูกตามใจจนจะเสียคนอยู่แล้ว ทว่าหัวใจนางกลับรู้สึกอบอุ่นความสุขเอ่อล้นภายในใจ จนต้องเผลอยิ้มออกมาเบาบาง “เด็กดีอย่าดื้อนะ นอนพักมาก ๆ เดี๋ยวพี่จะรีบกลับมา” ฟางเหนียงหน้าร้อนผ่าวเมื่อได้ยินคำพูดของสามี อีกทั้งมือหนาที่ลูบหัวนางเหมือนเด็กนั่นอีก นางได้แต่ถอนหายใจอย่างจนใจ นางแพ้คำพูดอ่อนโยนของฟางเหยียนอวี้เช่นนี้และเขาก็จับจุดได้แล้วนางจะเอาอะไรไปสู้เขา “ดูแลลูก ๆ ด้วยเจ้าค่ะ” ฟางเหนียงเอ่ยบอกอย่างยอมแพ้ ดวงตาคู่คมมองนางจนรู้สึกเก้อเขินจนนางต้องดันหลังอีกฝ่ายเอาไว้ ให้ออกจากบ้าน “ไปได้แล้วเจ้าค่ะ ลูก ๆ รออยู่” ฟางเหยียนอวี้ยกย
“อร่อยมากเจ้าค่ะ” เด็กหญิงสองคนพูดออกมาพร้อมกัน ขณะที่ตักปีกไก่น้ำแดงเข้าปาก ฟางเหนียงมองดูเด็กสองคนอย่างเอ็นดู นางเองก็อยากมีลูกสาวกับเขาบ้างแต่หลายเดือนมานี้ยังไม่มีวี่แวว หรือว่านางจะไม่สามารถมีลูกสาวเพิ่มได้อีก “ท่านแม่ ท่านกินบ้างขอรับ” ฟางเหนียงก้มมองดูเจ้าก้อนแป้งน้อยทั้งคู่แล้วยิ้มอ่อนโยน หากไม่มีก็ไม่เป็นไร แค่พวกเขาสองคนนางก็มีความสุขแล้ว แต่หากมีเพิ่มก็นับว่าดีมาก ๆ “พวกเจ้าก็กินเยอะ ๆ” ฟางเหนียงบอกพร้อมคีบปีกไก่น้ำแดงให้ทั้งคู่บ้าง ก่อนจะพากันกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ตอนนี้พวกเขาแยกโต๊ะกัน เนื่องจากผู้ชายยังดื่มเหล่าไม่เหมาะให้เด็ก ๆ ไปนั่งด้วย แต่หลังจากกินข้าวจนอิ่มแล้วจึงให้เด็ก ๆ ออกไปเล่นข้างนอก ส่วนนางก็อยู่พูดคุยกับมารดา พี่สาวและพี่สะใภ้ใหญ่เพื่อสร้างความสัมพันธ์ให้มากขึ้น เวลานี้นางมีครอบครัวไม่ได้โดดเดี่ยวแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวกับการผูกมิตรอีก เสียงหัวเราะของพวกผู้ชายดังแว่วมาเป็นระยะ พร้อมเสียงหยอกล้อกันอย่างสนุก หนึ่งในนั้นคือหยอกล้อเรื่องที่อยากให้นางมีบุตรเพิ่มอีกหลาย ๆ คน ฟางเหนียงสังเกตสีหน้าคนตอบไปด้วย ก่อนจะก้มหน้าต่ำปกปิดสายตาของตนเองเอาไว้
ขณะที่พวกเขาอยู่ในวิมานรัก สองฝาแฝดที่เหนื่อยจากการฝึกได้แต่หยุดมองหน้ากันเงียบ ๆ ท่านพ่อพาท่านแม่เข้าบ้านอีกแล้ว หลายครั้งแล้วไม่เห็นมีน้องสาวน้องชายตัวน้อย ๆ มาให้พวกเขาเสียที ทว่าไม่ใช่แค่สองแฝดที่รู้อึดอัดหัวใจ องครักษ์เงาที่ถูกส่งมาอารักขาก็ได้แต่กินอาหารหมา สำหรับคนโสดอย่างอัดอั้นตันใจไม่แพ้กัน ไหนศัตรู? นี่ส่งพวกเขามาดูพวกเขาแสดงความรักกันต่างหากเล่า! วันรุ่งขึ้นฟางเหนียงได้เตรียมอาหารและผักผลไม้ใส่รถเกวียนม้า วันนี้นางตั้งใจจะไปเยี่ยมบ้านมารดา และอยากให้พี่สาวของร่างนี้ลืมความรู้สึกผิดในใจเสียที และหลายเดือนมานี้นางยุ่งวุ่นวายเลยไม่ได้ไปเยี่ยมนานมากแล้ว ตั้งแต่ครั้งก่อนที่ให้เงินไปสร้างบ้าน นางไม่ได้ไปช่วยงานเพราะมีหลายอย่างที่ต้องจัดการ เพราะตอนนั้นนางก็พึ่งมาอยู่ที่นี่ ความทรงจำและการปรับสภาพยังไม่คุ้นเคยมากนัก วันนี้เด็ก ๆ ดูจะตื่นเต้นมาก พวกเขาเตรียมของเล่นและของฝากไปให้ญาติผู้พี่ทางบ้านนั้นด้วย แต่คนที่ใบหน้าเคร่งขรึมกลับเป็นฟางเหยียนอวี้ ที่เหมือนไม่อยากให้นางกลับบ้านเดิมเท่าไหร่นัก “ท่านพี่ไม่อยากไปด้วยรอข้าอยู่ที่นี่ก็ได้นะเจ้าค่ะ” “ไม่! พี่จะไปด้วย” คำตอบหนักแน่นท
“ข้าก็รออยู่เหมือนกันเจ้าค่ะ” ฟางเหนียงเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม ทุกคนที่มาซักผ้าต่างพูดคุยหยอกล้ออย่างสนุกสนานเมื่อมีคนรัก ก็ต้องมีคนอิจฉาริษยาเป็นเรื่องธรรมดา “ว่าแต่เจ้าจะขึ้นเขาอีกหรือไม่ ตอนนี้รวยแล้วนี่ เงินปลดประจำการของเหยียนอวี้คงได้มากกระมัง” ลู่ชิงภรรยาของลู่หลิ่งที่เสียชีวิตเพราะโดนสัตว์ร้ายฆ่าตาย เอ่ยถามอย่างประชดประชัน ดวงตาของนางมีแต่ความริษยาและโกรธแค้นแม้จะรู้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฟางเหนียง แต่หากไม่ใช่นางเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องสมุนไพร ทุกอย่างก็คงไม่ลงเอ่ยเช่นนี้ “ลู่ชิงเจ้าพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูก เงินของเขาเจ้าจะไปเดือดร้อนอะไรด้วย แล้วลู่หลิ่งตายไม่เกี่ยวกับฟางเหนียง มีแต่เจ้าที่บังคับสามีขึ้นเขา ทำไมไม่รู้จักโทษตัวเองบ้าง” ป้าหวังที่อยู่ไม่ไกลเอ่ยตอบโต้อย่างไม่พอใจนัก เพราะอย่างไรหลายเดือนมานี้ฟางเหนียงก็เทียวแบ่งอาหารมาให้นางบ่อยครั้ง จนเดี๋ยวนี้เสี่ยวเปาเริ่มอวบอ้วนขึ้นมากแล้ว “เหอะ! ข้าพูดความจริง รอดูเถอะเดี๋ยวเงินปลดประจำการหมดก็คงทิ้งสามีไปหาคนที่รวยกว่า” ลู่ชิงเค้นเสียงตอบโต้อย่างดูถูก ก่อนจะถือตะกร้ากระแทกเท้าเดินจากไป ทำให้คนแถวนั้นส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ “ฟางเห