แชร์

บทที่ 1 : เกิดใหม่

ผู้เขียน: MIN-G
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-04-03 21:32:32

“ที่นี่มัน ที่ไหนเนี่ย?!” เขาลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตอนนี้ตัวเขานั้นอยู่ในสถานที่ที่ไม่รู้จักและไม่คุ้นเคย เหมือนว่าอยู่ในห้องกระจกสีแดงที่เต็มไปด้วยความร้อนระอุ

“หืม ทำไมตอนนี้ฉันถึงจำได้ว่าฉันตายไปแล้ว... โดนรถชนเพราะช่วยคุณยายข้ามถนน อืม... คิด ๆ ดูแล้วทำไมพระเจ้าถึงเล่นตลกกับฉันแบบนี้กันฟร้ะ!!!”

“ดีจ้า การตายของนายจบสวยดีไหมเอ่ย?” ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าเขา ราวกับว่ามาจากอีกมิติหนึ่ง

“เอ่อ น..นี่เธอเป็นใคร? หรือว่าจะพาฉันมานรก” เขาถามออกไปด้วยความงุนงง เพราะเขาคิดว่าตนเองจะได้ไปบนสวรรค์เสียอีก

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นายนี่ตลกดีนะ! ฉันคงคิดถูกแล้วล่ะที่เลือกนายมา จะบอกให้ว่าฉันน่ะ.. คือผู้คัดเลือก และนายก็คือผู้ถูกเลือกไงเล่า”

“ผู้คัดเลือก? ผู้ถูกเลือก? อะไรของเธอน่ะ” สำหรับเขาแล้วนั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งงุนงง เพราะเขายังไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าอะไรเป็นอะไร ทั้งที่เขาควรจะได้ไปบนสวรรค์แล้วแท้ ๆ แต่กลับได้มาเจอหญิงสาวในสถานที่แปลกประหลาด

“เฮ้อ! "ยามะ โชจิ" อายุ 31 ปี ตายเมื่อสักครู่นี้.. ตายพร้อมคุณยายด้วย นายนี่ตัวอัปมงคลหรือไงเนี่ย ทำไมต้องพาคนอื่นมาตายด้วย” หญิงสาวคนนั้นพูดออกไป

“ยามะ โชจิ นั่นคือชื่อเรางั้นเหรอ?” เขาพูดถามกับตนเองด้วยน้ำเสียงที่สั่นระริกและสีหน้าที่ตกใจ

“โอ๊ะ! ฉันว่ามันคงถึงเวลาของนายแล้วล่ะ ฉันจะส่งนายไปยังโลกใหม่ที่มีแต่เวทมนตร์ ไปใช้ชีวิตใหม่ในเมืองเล็ก ๆ ที่มีแต่ความสงบสุขและการทำความดี ฉันว่านายก็คงจะทำความดีด้วยนั่นแหละนะ แต้ม B (Black) และแต้ม W (White) จะเป็นตัวตัดสินชะตาชีวิตของนายเองว่านายจะได้ไปไหน ขอให้โชคดี”

“เดี๋ยว อย่าเพิ่ง...” ทันใดนั้น เขาก็หายไปพร้อมกับแสงสีแดงที่พุ่งตรงขึ้นไปบนฟ้า

“...นายจะเป็นหายนะของโลกใบใหม่หรือเปล่าน้าา หรือจะเป็นคนดีเหมือนเดิม หุหุ น่าสนใจซะจริง” เธอพูดก่อนที่จะแสยะยิ้มออกมา

...

ณ จักรวรรดิไดจิ

เมืองชิโตเสะ

ในโลกแห่งเวทมนตร์ เมืองชิโตเสะคือเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในจักรวรรดิไดจิ ซึ่งเมืองนี้ก็คือเมืองที่ผู้คัดเลือกพูดถึงนั่นเอง จักรวรรดิไดจิซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางระหว่าง 4 จักรวรรดิใหญ่ จึงทำให้ตกเป็นเป้าหมายของจักรวรรดิรอบด้านที่จะบุกเข้ามายึดครองได้ทุกเมื่อ

‘เอ๊ะ?’

“ได้ลูกชายล่ะครับ แต่แปลกที่เด็กไม่ส่งเสียงร้องสักนิดเลยนะครับ” เสียงของหมอพูดขึ้นมา ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะยกยิ้มด้วยความปิติยินดี แต่แม่ผู้ให้กำเนิดนั้นกลับยิ้มด้วยความขมขื่น พี่ชายที่อยู่ข้าง ๆ นั้นก็ดูไม่ค่อยยินดีนัก

“ลูกคนที่ 2 ของเรา หวังว่าจะเป็นคนดีเหมือนพี่ชายนะ ถึงแม้ในคืนก่อนคลอดฉันจะฝันร้ายก็เถอะ” ทางด้านของ "คาอิดะ ฮารุโนะ" ผู้เป็นแม่พูดด้วยสีหน้าที่ดูหดหู่

“เอาน่าที่รัก ลูกก็คงจะเป็นคนดีนั่นแหละนะ เพราะว่า...” "คาอิดะ อิซามุ" ผู้เป็นพ่อนั้นยังพูดไม่ทันจบประโยค ฮารุโนะก็เกิดอาเจียนออกมาเป็นเลือดที่มีสีดำ

“แม่ครับ!”

“ฮารุโนะ!”

เมื่อเห็นอย่างนั้นพี่ชายที่มีนามว่า "คาอิดะ เก็น" ก็ลุกขึ้นมาในทันที เพราะไม่เคยเห็นแม่เป็นแบบนี้มาก่อน อิซามุก็ตกใจเป็นอย่างยิ่งจึงได้แต่ประคองให้เธอนั้นนอนลง

“นี่มันไม่ใช่ผลข้างเคียงนะครับ.. หมอเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร” หมอและพยาบาลก็ตกใจไปตาม ๆ กัน แต่ตอนนี้จำเป็นที่จะต้องทำอะไรสักอย่าง แต่ทันใดนั้นเอง ฮารุโนะที่นอนอยู่ก็กระอักเลือดออกมา และมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป ราวกับว่ากำลังกลัวอยู่

“เจ้า.. เด็กนี่เป็น...” ฮารุโนะสลบไปในทันที หัวใจและชีพจรของเธอหยุดเต้นไปหลังจากนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อครู่นี้เกิดขึ้นและผ่านไปรวดเร็วมาก หมอและพยาบาลก็ทำได้แค่ปั๊มหัวใจ ซึ่งนั่นก็ไม่สามารถกู้ชีวิตของเธอคืนมาได้

“แม่!!”

“ฮารุโนะ!”

‘อย่าบอกนะว่าตายเพราะคลอดฉัน?’

ทั้งอิซามุและเก็นต่างก็เศร้าโศกเสียใจ ทางด้านของอิซามุนั้นคิดว่าคงจะเป็นผลข้างเคียงของบางอย่างที่รุนแรงเกินไป แต่ว่าเก็นไม่คิดอย่างนั้น..

“แก.. ถ้าแกไม่ได้เกิดมา แม่ก็คงไม่ตาย”

“หยุดนะเก็น! เพราะยังไงเขาก็คือน้องชายแท้ ๆ ของลูก ยังไงเขาก็เป็นคนในครอบครัวของเราที่มีสายเลือดเดียวกันนะ!” อิซามุพยายามพูดเพื่อที่จะทำให้เก็นนั้นเปลี่ยนความคิด แต่ทว่า.. กลับไม่เป็นเช่นนั้น

“ผมไม่นับมันเป็นน้อง!” เขาตวาดกลับมาด้วยอารมณ์พร้อมกับเดินออกไปในทันที

‘เอ๋? นี่ฉันผิดอะไรเนี่ย?’

“เติบโตมาเป็นคนที่ดีนะลูก” อิซามุพูดพร้อมกับลูบหัวลูกชายที่นอนอยู่อย่างอ่อนโยน

‘คนดี? ก็แปลกแล้วล่ะ ฮิฮิ’ ตัวเขาในตอนนี้นั้นยังคงมีความทรงจำเมื่อชาติที่แล้วหลงเหลืออยู่ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาก็ไม่สามารถนึกชื่อตนเองเมื่อชาติที่แล้วออกได้ แต่ที่จำได้แม่นเลยก็คือการตายของเขา.. ที่ตายเพราะทำความดี

‘เป็นคนดีแล้วมันแย่ ผมไม่เป็นหรอกครับพ่อ’ ...

6 ปีต่อมา

หลังจากวันที่เขาเกิดก็ผ่านมาหกปีแล้ว เขามีชื่อว่า "คาอิดะ อาคุมุ" นั่นคือชื่อของเขา แน่นอนว่าเดี๋ยวเขาต้องได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ จากพ่อและพี่ชายรวมถึงคนอื่น ๆ ซึ่งอย่างแรกเลยก็คงจะเป็นเรื่องของแต้ม W (White) และแต้ม B (Black)

แต้ม W จะอยู่บริเวณซีกซ้ายของร่างกาย ถ้าหากใครมีแต้ม W ถึง 1,000,000 ก็จะได้ไปบนสวรรค์ แน่นอนว่าอาคุมุนั้นไม่เชื่อเป็นแน่แท้

แต้ม W ก็คือแต้มการทำความดี ตัวเลขนั้นจะปรากฏขึ้นบนซีกซ้ายของร่างกายแบบสุ่ม ไม่ว่าจะเป็นแขน ขา ไหล่ ชายโครง แก้ม หรือแม้กระทั่งหน้าผากด้านซ้าย ซึ่งการทำความดีแต่ละอย่างนั้นจะได้รับแต้ม W ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความอยากจะทำของแต่ละคน

แต้ม B จะอยู่บริเวณซีกขวาของร่างกาย ถ้าหากใครแต้ม B ถึง 1,000,000 ก็จะมีพลังที่สูงมากจนไม่มีใครเทียบเคียงได้ ที่เปิดเผยเพราะคนส่วนใหญ่จะทำแต่ความดี เนื่องจากเชื่อในเรื่องของสวรรค์และนรกนั่นเอง จึงมีแค่คนส่วนน้อยเท่านั้นที่ต้องการพลังมหาศาล

แต้ม B ก็คือแต้มการทำความชั่ว ขึ้นอยู่กับความร้ายแรงในสิ่งที่ทำ เช่นการฆ่าพ่อและแม่ผู้ให้กำเนิด ก็อาจจะได้รับแต้ม B มามากพอสมควร รวมไปถึงการทรมานก่อนที่จะลงมือฆ่า นั่นก็จะเพิ่มไปอีกครึ่งหนึ่งของแต้มที่ได้รับ เช่นฆ่าคนได้รับแต้ม B มา 500 แต้ม แต่ก่อนฆ่าก็ทรมานด้วย ก็จะได้รับเพิ่มอีก 250 แต้ม กลายเป็น 750 แต้มนั่นเอง

ตัวเลขของแต้มทั้งสองบนร่างกายอาคุมุนั้น แต้ม W ทางซีกซ้ายนั้นอยู่ที่หลังมือ และแต้ม B ทางซีกขวานั้นอยู่ที่หัวไหล่ ทั้งสองตำแหน่งนั้นปรากฏให้เห็นเลข 00

“นี่ อาคุมุ.. ลูกน่ะต้องเป็นคนดีนะ จะได้มีแต้ม W เยอะ ๆ เราจะได้ไปสวรรค์กัน ส่วนแต้ม B ถ้ามีบ้างเราก็จะไว้ใช้ป้องกันตัว เดี๋ยวพ่อจะสอนการใช้เวทมนตร์และอีกหลาย ๆ อย่างให้เอง” อิซามุนั้นจะบอกทั้งคู่อยู่เสมอว่าให้เป็นคนดี และให้ทำความดี ซึ่งทางด้านของเก็นนั้นเชื่อฟังมาโดยตลอด แต่...

“ครับคุณพ่อ”

‘แต่ว่าเรื่องทำความดี.. คิดว่าผมจะทำเหรอครับพ่อ? พ่อหรือไม่ก็พี่ คนใดคนหนึ่งนั่นแหละจะตายด้วยมือของผมเองเมื่อถึงเวลา หึหึ’

สิ่งที่อิซามุพูดกับสิ่งที่ตัวเขาทำนั้นอาจไม่สอดคล้องกันสักเท่าไร เพราะบ่อยครั้งที่อาคุมุนั้นคิดจะแอบดูแต้ม W และแต้ม B ของอิซามุเพราะตัวเลขทั้งสองอย่างของอิซามุนั้นอยู่ที่แผ่นหลัง แต่ทุกครั้งก็ถูกอิซามุจับได้ตลอด ราวกับว่าผู้เป็นพ่อนั้นรู้อยู่แล้วว่าลูกคิดจะทำอะไรในตอนไหน

และบ่อยครั้งที่เวลาอาคุมุถามเกี่ยวกับเรื่องการทำความดีของอิซามุ ซึ่งอิซามุนั้นจะเปลี่ยนไปเป็นการย้ำเตือนผู้เป็นลูกทั้งสองคนอยู่ทุกครั้ง

นั่นจึงทำให้อาคุมุเริ่มสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของอิซามุผู้เป็นพ่อของเขาเอง

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 2 : ข้อมูลพื้นฐาน

    “ตอนนี้ลูกก็ 6 ขวบแล้ว พ่อคิดว่าคงถึงเวลาที่ลูกนั้นจะได้รับรู้ข้อมูลต่าง ๆ ที่มากกว่าแต้ม W และแต้ม B แล้วล่ะ” อิซามุพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจัง ในตอนนี้อาคุมุก็มีอายุครบหกปีพอดี ซึ่งอาคุมุนั้นมีสีผมเป็นสีแดงสดเช่นเดียวกันกับอิซามุ แต่ที่แปลกไปคือบางจุดของสีผมนั้นมีสีฟ้าปะปนมาด้วย ดวงตาของเขามีสีดำสนิทและดูดุดัน แต่ร่างกายนั้นดูผอมบาง ซึ่งร่างกายที่ต้องฝึกฝนเพิ่ม แต่มาพร้อมกับพลังอันมหาศาลที่ซ่อนอยู่ แน่นอนว่าเขาจะได้ใช้มันอย่างเต็มที่เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม“เกี่ยวกับโลกนี้เหรอครับพ่อ?” อาคุมุถามกลับไป ซึ่งมันเป็นคำถามที่เขาไม่ควรจะถามไปตรง ๆ แบบนั้นเลยสักนิด“ใช่แล้วล่ะ เกี่ยวกับโลกนี้และการใช้ชีวิต เพราะมันมีหลายอย่างเลยล่ะที่ลูกต้องรู้” อิซามุนั้นตอบกลับไปโดยที่ไม่มีท่าทีสงสัยหรือแปลกใจอะไรเลยแม้แต่น้อย‘ไม่สงสัยอะไรในตัวฉันงั้นเหรอเนี่ย? ถ้าเป็นแบบนี้ฉันก็หลอกถามอะไรได้ง่าย ๆ น่ะสินะ’“ผมพร้อมรับฟังครับ” อาคุมุนั้นพูดด้วยสีหน้าที่ตั้งมั่น แต่ในใจลึก ๆ แล้วเพียงแค่ต้องการคนช่วยสอนอะไรหลาย ๆ อย่างในโลกนี้ ทั้งการใช้พลังเวท การต่อสู้ การฝึกใช้อาวุธ หรือแม้กระทั่งการฆ่า“ก็นะ พ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-03
  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 3 : ผู้ใช้พลังปีศาจคนที่13?

    “ผู้ใช้พลังปีศาจ? จอมมารด้วยเหรอครับ?” จอมมารคือผู้ที่อยู่เหนือทุกสิ่งในโลกนี้ ซึ่งยังไม่มีใครเคยเห็นเลยสักครั้ง ว่ากันว่าปรากฏตัวล่าสุดก็เกือบ ๆ 140 ปีที่แล้ว เป็นเรื่องที่บอกต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน และผู้ใช้พลังปีศาจทั้ง 13 ซึ่งปรากฏตัวล่าสุดก็เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว แต่มีแค่ 4 คนเท่านั้นที่ชาวบ้านได้เห็นและนักเวทได้ต่อกรด้วย แน่นอนว่าแพ้ราบคาบ“จอมมารคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ผู้ใช้พลังปีศาจทั้ง 13 คนก็เหมือนกับองครักษ์ของจอมมาร” อิซามุตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ราวกับว่าไม่ค่อยอยากจะพูดถึงเรื่องนี้สักเท่าไหร่“เป็นมนุษย์เหมือนกันสินะครับ”“ใช่แล้วล่ะ.. เป็นมนุษย์ที่ภายในจิตใจถูกความมืดครอบงำจนกลายเป็นอมนุษย์ไปทั้งอย่างนั้น มีพลังที่แข็งแกร่งและร่างกายที่แทบจะเป็นอมตะ”“พ่อไม่อยากนึกถึงมันเลย ในตอนนั้นผู้ใช้พลังปีศาจของจอมมารนั้นมีอยู่แค่ 12 คน จอมมารมันต้องการอีก 1 คน.. ใช่แล้ว มันฆ่าบรรพบุรุษของเราแล้วมันก็เปลี่ยนให้ 1 ในบรรพบุรุษของเราเป็นผู้ใช้พลังปีศาจ แต่พ่อก็ยังไม่สามารถรู้ได้ว่าคือใคร เพราะตระกูลของเราสืบทอดกันมา 7 รุ่นแล้วจนถึงปัจจุบันนี้”‘เท่ากับว่าบรรพบุรุษของตระกูลนี้สินะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-03
  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 4 : ฝึกการร่ายเวท

    “การปล่อยพลังเวท เราจะใช้การร่ายออกมาพร้อมกับฝ่ามือที่หันออกจากตัว หรือให้พูดง่าย ๆ ก็คือแบมือไปข้างหน้านั่นแหละนะ พ่อจะทำให้ดูเป็นตัวอย่างแล้วกัน” อิซามุนั้นอธิบายเกี่ยวกับวิธีการร่ายเวท โดยการใช้ฝ่ามือพร้อมกับการพูด “ลูกบอลเพลิง!” บริเวณรอบข้อมือของอิซามุนั้นมีวงแหวนเวทสีแดงปรากฏขึ้น แล้วมันก็หายไป ในขณะเดียวกันที่กลางฝ่ามือของอิซามุก็มีลูกไฟเล็ก ๆ ออกมาและลอยอยู่อย่างนั้น “สุดยอด แต่ไหนพ่อบอกว่าตระกูลเรามีพลังมังกรไงครับ ทำไมพ่อถึงมีพลังไฟ.. หรือคือมังกรไฟ? แล้วทำไมมันถึงอยู่นิ่งแบบนั้นล่ะครับพ่อ พ่อทำให้มันไม่ยิงออกไปเหรอครับ?” “เจ้าลูกบ้านี่ ใช่แล้วล่ะ พลังมังกรที่พ่อบอกไว้ก็คือมังกรไฟ..” “แล้วก็เราสามารถควบคุมพลังเวทได้อย่างอิสระตราบใดที่มันยังอยู่ตรงฝ่ามือเรา ถ้าจะยิงมันออกไปก็ต้องพูดต่อว่า 'ยิงลูกบอลเพลิง' และการร่ายแบบนี้นั้นส่วนมากจะใช้ในการรวบรวมพลังเพื่อนำไปสู่การใช้พลังเวทหรือใช้การโจมตีขนาดใหญ่ แต่มันก็มีการร่ายแบบลัดเพื่อใช้ในการต่อสู้จริงอยู่แล้ว วิธีก็คือพูด 'ยิงลูกบอลเพลิง' โดยที่ไม่ต้องพูดว่า 'ลูกบอลเพลิง จงออกมา' เหมือนตอนแรก.. มันก็มีอยู่แค่นั้นแหละนะ” การร่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-03
  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 5 : องค์ชาย?

    หลังจากนั้นเป้าหมายของอาคุมุที่คิดไว้ล่วงหน้าก็ไม่ได้มีเพียงแค่การฆ่าเพราะความแค้นในอดีต แต่เป็นการที่ได้ขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุดของโลกใบใหม่นี้ ในดินแดนอันกว้างใหญ่แห่งนี้ และเป็นจอมเวทที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกนี้!“ออกไปสูดอากาศข้างนอกก่อนแล้วกัน” ว่าแล้วอาคุมุก็ลุกออกจากเตียงและเปิดผ้าม่าน พร้อมกับเดินไปยังประตูห้องที่ปิดอยู่เขาเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูแต่ทันใดนั้นก็ได้มีสิ่งที่แปลกประหลาดเกิดขึ้น“นี่มันอะไร?!” เขารู้สึกได้ถึงพลังที่มีความแข็งแกร่งยากเกินจะเปรียบเทียบ และแรงกดดันที่มหาศาลราวกับว่ามันกำลังจะกดทับร่างกายของเขาให้จมลงไปภายใต้แรงกดดันนี้“ความแข็งแกร่งของพลังนี้มันเป็นของใครกันแน่?”ทันใดนั้นเอง อิซามุก็เปิดประตูเข้ามาซึ่งมันเป็นเวลาเดียวกันกับที่แรงกดดันอันมหาศาลนั้นหายไป ราวกับว่าถูกเขาหยุดเอาไว้“เอ๊ะ.. พ่อ?”“อาคุมุ ร่างกายและพลังของลูกฟื้นตัวดีแล้วใช่ไหม? มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?” อิซามุเอ่ยถาม“เอ่อ.. ร่างกายและพลังของผมกลับมาเป็นปกติแล้วครับ ไม่มีอะไรผิดปกติ” อาคุมุตอบกลับไปด้วยความงุนงง เพราะเมื่อครู่นี้เขายังรู้สึกถึงแรงกดดันนั้นอยู่เลย แต่ทำไมมันถ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-03
  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 6 : การพัฒนาของวงแหวนเวท

    “ฉันจะแสดงให้เห็นเองนี่แหละ ว่าฉันสมควรจะได้รับมัน!! ไม่ใช่แกคนเดียวสักหน่อยที่มีความสามารถนั้น!” ชายคนนั้นเริ่มมีเปลวไฟปะทุออกมารอบตัว และออร่ารอบ ๆ ตัวของเขาก็เริ่มเห็นได้ชัดเจนขึ้นเช่นกัน‘สีม่วง?!’ อาคุมุถึงกับตกใจในทันทีเมื่อได้เห็นออร่านั้น ซึ่งมันปรากฏให้เห็นถึงความน่าเกรงขามและแรงกดดันโดยรอบ“อิชิโร่! ใจเย็น ๆ ก่อนไม่เป็นหรือไง?!” อากิระเอ่ยปากบอกกับชายคนนั้น ซึ่งเขามีนามว่า "ฟุโด อิชิโร่" เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของอากิระ แต่ด้วยความที่ไม่ค่อยเอาใจใส่ในหน้าที่การงาน ไม่มีความรับผิดชอบ และด้วยความสามารถรอบด้านที่ด้อยกว่าน้องชาย ทำให้ไม่ได้รับสืบทอดเป็นหัวหน้าตระกูลต่อไป“ห๊าา? นี่แกเรียกชื่อฉันตรง ๆ เลยเหรอ แกไม่นับพี่นับน้องกันแล้วใช่ไหม? อยากจะเป็นศัตรูกันใช่ไหม?!” ด้วยความเอาแต่ใจของอิชิโร่ ทำให้เขาดูเหมือนยังไม่น่านับถือเท่าที่ควร คนส่วนใหญ่ในตระกูลจึงไม่เคารพและเชื่อฟังเขา ทำให้เขาน่าเกรงขามเพียงเพราะว่าเป็นพี่ชายของอากิระก็เท่านั้น“เฮ้อ!.. นี่พี่ยังคิดจะทำตัวเหมือนเด็กไม่เปลี่ยนเลยหรือไง อยู่ต่อหน้าเด็กก็ยังจะทำตัวเป็นเด็กเหมือนเดิม แบบนี้มันจะไปมีคุณสมบัติอะไรที่สามารถเข้ามารั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-03
  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 7 : ขุมทรัพย์

    การพัฒนาของวงแหวนเวทนั้นทำให้เห็นถึงความต่างในทันที เพราะขนาดของวงแหวนเวทเริ่มต้นนั้นมีความยาวเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่เพียงแค่ 1 เมตร แต่ในตอนนี้...“นี่มันอะไรกันเนี่ย?!!”ความแตกต่างนั้นปรากฏให้เห็นโดยไม่มีอะไรมาขวางกั้น ตามที่อาคุมุเห็นก็คงจะมีขนาดความยาวเส้นผ่านศูนย์กลางสักประมาณ 100 เมตรได้“ฉันยืนอยู่ตรงกลาง... จากด้านนั้นถึงอีกด้านหนึ่งมันไกลพอสมควรเลยนะเนี่ย มิน่าล่ะในตอนนั้นองค์ชายถึงโผล่มาตรงนี้ได้ คงจะเพิ่งพัฒนาสำเร็จแล้วก็อยู่ไม่ไกลจากจุดที่ฉันอยู่สินะ”เขายืนพูดกับตัวเองและคิดไตร่ตรองสิ่งที่ผ่านมาอยู่อย่างนั้น ความน่าจะเป็นที่มีโอกาสมากที่สุดก็คงไม่พ้นแนวคิดของเขาในตอนนี้แต่ในขณะที่สิ่งนั้นยังไม่กระจ่าง ก็ได้มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นอีกครั้ง“หืม?!! นั่นใครน่ะ?!” ในตอนนี้เขาเปิดใช้วงแหวนเวทอยู่ และด้วยการพัฒนาของวงแหวนเวทจึงทำให้ประสาทสัมผัสการรับรู้ของเขาพัฒนาขึ้นตามไปด้วย“แบบนี้เองสินะ” ใครก็ตามที่อยู่ในรัศมีของวงแหวนเวท เขาจะรับรู้ได้อย่างทันท่วงที แต่ไม่สามารถรับรู้ตำแหน่งแบบเฉพาะเจาะจงได้ ไม่สามารถระบุตำแหน่งนั้นออกมาได้ไม่นานนัก เขาก็ไม่สามารถรับรู้ถึงบุคคลปริศนานั้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-03
  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 8 : การประลอง?

    อาคุมุที่แอบดูอยู่ในจุดลับสายตา ซึ่งก็คือบริเวณต้นไม้ใหญ่หลังพุ่มไม้ ตำแหน่งของเขาในตอนนี้นั้นมีระยะห่างจากตำแหน่งขององค์ชายชูยะกับอากิระมากพอสมควร แต่เขาก็ยังคงมองเห็นทุกการกระทำได้ซึ่งเขาเห็นบางสิ่งที่เขาไม่เคยได้เห็นมาก่อนทั้งในโลกก่อนความตายของเขาและในโลกนี้ ถึงแม้จะยังใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้ไม่นานนักก็ตาม แต่ตอนนี้เขาได้เห็นมันแล้ว“มหาศาลชะมัด”ซึ่งนั่นก็คือทอง เพชร อัญมณี และของล้ำค่าต่าง ๆ ที่ดูระยิบระยับเป็นอย่างมากในสายตาของเขา จึงทำให้เขาตาเป็นประกายได้ในทันทีอากิระนั้นควบคุมดูแลการขนย้ายทรัพย์สินออกมาจากอุโมงค์ ซึ่งมันมีมากเกินกว่าที่จะขนย้ายเพียงไม่กี่รอบก็เสร็จสิ้นได้ จากที่อาคุมุนั้นเห็นคือกลุ่มคนนับหลายสิบคนต่างขนย้ายของมีค่าเหล่านั้นด้วยรถเข็น และขนย้ายขึ้นรถม้าอีกครั้งหนึ่ง รถม้านั้นก็มีจำนวนมากอีกเช่นกัน ราวกับว่าเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว“จะว่าไป ที่ลุงอากิระบอกว่าคนจากตระกูลใหญ่นั้นออกตามหาของล้ำค่า แต่ทำไมที่ฉันเห็นตรงนี้กลับเป็นองค์ชายกับตัวเขาเองแล้วก็คนของเขาล่ะเนี่ย”ทันใดนั้นอาคุมุก็นึกสงสัยอีกว่าขนย้ายแบบนี้ไม่กลัวการลอบโจมตีเลยก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เขาจึงคิด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-03
  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 9 : บุคคลปริศนา

    ในเมื่อตัวตนขององค์ชายชูยะนั้นไม่ค่อยชัดเจน แต่ด้วยความไม่ชัดเจนนี้นั่นเองที่ทำให้อาคุมุต้องการหาคำตอบ แต่ในตอนนี้มีสิ่งที่ต้องทำนั่นก็คือแข็งแกร่งขึ้นเพื่อไปต่อสู้และล่ารางวัล... รวมถึงล่าแต้ม B ไปในตัวด้วย แน่นอนว่าเขาไม่รอช้าที่จะอยากทำให้สำเร็จ“สร้างวงแหวนเวท!” ว่าแล้วเขาก็ใช้การเคลื่อนที่ด้วยวงแหวนเวทแล้วมุ่งหน้ากลับไปที่บ้าน ซึ่งระหว่างทางนั้นกลับได้พบเจอปีศาจเวทมนตร์อยู่ตรงหน้า แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นปีศาจเวทมนตร์ที่หลงมาตัวเดียวปีศาจเวทมนตร์ตนนั้นมีรูปร่างผอมบาง ความสูงเพียงประมาณ 1 เมตร ผิวหนังสีน้ำตาลเข้ม ดวงตาสีแดง ใบหน้าคล้ายกับมนุษย์แต่มีจมูกที่แหลมยาว ใบหูคล้ายกับมนุษย์ มีฟันที่แหลมคม รอบ ๆ ตัวมีออร่าสีขาวค่อนข้างที่จะเบาบาง และสิ่งที่โดดเด่นคือกรงเล็บบริเวณมือสองข้าง ซึ่งแต่ละข้างมีเพียงอันเดียว เป็นกรงเล็บที่มีความแหลมคมพร้อมกับมีออร่าสีฟ้าอ่อนปกคลุมอยู่“ได้โอกาสทดสอบฝีมือพอดีเลย อยากรู้เหมือนกันว่าฉันจะทำอะไรมันได้บ้าง”พูดจบเขาก็หาตำแหน่งที่เหมาะสมในการโจมตีระยะไกล เพราะในตอนนี้เขายังไม่มีอาวุธหรือทักษะการโจมตีระยะประชิด แน่นอนว่ามันคือสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก หลังจา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-03

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 60 : มอบรางวัลด้วยเลือด [จบเล่ม 2]

    บทที่ 60 : มอบรางวัลด้วยเลือด [จบเล่ม 2]การต่อสู้จบลง สนามประลองแบบจำลองก็ได้หายไป อาคุมุลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเขาอยู่ที่สนามประลองของจักรวรรดิไดจิเสียแล้ว เขามองไปรอบ ๆ ขณะเดียวกันกับเสียงตอบรับที่ดังมาจากผู้ชมทั่วทั้งสนามประลองอย่างครึกครื้น“อาคุมุชนะจริง ๆ ด้วย?!!”“เขาสู้แบบนั้นได้ยังไงกันนะ? โดนรุมนั่นน่ะ”“เจ้าเด็กคนนี้ต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกันเนี่ย?! แน่ใจนะว่าไม่ใช่นักเวทของจักรวรรดิ?”“ตามดูเจ้าหนูนี่มาตั้งแต่วันแรก ไม่ทำให้ผิดหวังเลย!”…“ในรอบนี้เราสามารถหาผู้ชนะเลิศได้เลยล่ะครับทุกท่าน! ผู้ชนะการประลองของจักรวรรดิไดจิในครั้งนี้คือ… คาอิคะ อาคุมุ!!!” ผู้คุมสนามประกาศออกไปอย่างเป็นทางการด้วยผลการต่อสู้ที่เป็นเอกฉันท์กลางสนามประลองที่มีผู้ชมเป็นจำนวนมาก คู่ต่อสู้ทั้งหกคนของอาคุมุนั้นนอนบาดเจ็บอยู่ที่พื้น โดยมีอาคุมุยืนอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น แม้การบาดเจ็บจะไม่ได้สาหัสมากนัก แต่ร่องรอยบาดแผลตามที่เห็นคงต้องใช้เวลาพอสมควร‘ไม่มีใครตายเพราะเมื่อพลังชีวิตแบบจำลองหมดไปก็จะถูกส่งออกมาทันทีสินะ’ อาคุมุที่ไม่ได้เข้าใจเกี่ยวกับทักษะสร้างภาพลวงตาของราชันจอมเวทอาวุโสนี้มากนัก ทำได้เพียงวิเ

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 59 : หนึ่งรุมหก

    บทที่ 59 : หนึ่งรุมหกการโจมตีที่รุนแรงและรวดเร็วของรินนั้นทำให้ฮิบาริไม่สามารถหลบหลีกหรือป้องกันได้ทั้งหมด ทำให้เขาต้องรับการโจมตีไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งพลังชีวิตแบบจำลองเป็นศูนย์ในตอนนี้ฮิบาริได้ถูกคัดออกจากการประลองแบบกลุ่มแล้ว ซึ่งทำให้กลุ่มของอาคุมุนั้นเหลือเพียงสามคน และภายในทักษะหมอกเพลิงสีชาดของรินนี้… เหลือเพียงอาคุมุและรินเท่านั้น“นายจะทำยังไงดีล่ะเจ้าหนูอาคุมุ? สู้กับฉันตัวต่อตัวไหวไหมนะ? อืม… ฉันมีสมาชิกอยู่ข้างล่างทั้งหมด 5 คนเนี่ยสิ คงจะเอาชนะฉันได้ไม่ง่ายหรอกมั้ง” รินพูดขึ้นมา ซึ่งนั่นทำให้อาคุมุแปลกใจในทันที“ว่าไงนะ? ทั้งหมดห้าคนนี่หมายความว่าอะไร?” อาคุมุถามกลับไป“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! นายนี่น่าขำจริง ๆ เลย คิดว่าเจ้าพวกที่เหลืออยู่จะมั่นใจในตัวนายแล้วไม่สนผลประโยชน์หรือไงกัน?” รินตอบกลับมา“หรือว่านั่นคือ…”“ใช่แล้วล่ะ! ฉันแค่เสนอให้พวกมันมาร่วมมือกับฉัน ข้อแลกเปลี่ยนคือการเข้าร่วมกลุ่มจันทราแดง ถึงจะถูกคัดออกและไม่ชนะเลิศในการประลอง แต่มีเงินใช้ง่าย ๆ ต่อจากนี้… ใครจะไม่ชอบกันล่ะ ลองดูนั่นสิ” รินพูดจนจบและชี้ลงไปยังข้างล่าง ซึ่งสิ่งที่เห็นนั้นคือสมาชิกกลุ่มของอาคุมุที

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 58 : ผู้ที่ถูกคัดออกคนแรก

    บทที่ 58 : ผู้ที่ถูกคัดออกคนแรกในตอนนี้ สถานการณ์ของอาคุมุและฮิบารินั้นไม่สู้ดีนัก พวกเขาถูกปิดล้อมไปด้วยทักษะหมอกเพลิงสีชาดของริน อีกทั้งยังถูกล้อมไปด้วยสมาชิกคนอื่น ๆ ในกลุ่มของรินจากภายนอก ซึ่งสามารถโจมตีเข้ามาได้โดยตรง เรียกได้ว่าถูกบีบให้จนมุมทั้งอย่างนั้น‘ซวยจริง ๆ แล้วไง’“ออกไปเฉย ๆ ไม่ได้เลย!” ฮิบาริกำลังพยายามจะดันตัวเองออกไปจากทักษะของริน‘ไอ้บ้านี่มันแกล้งทำเป็นไม่รู้เหรอ?’“ถ้าออกไปได้ง่าย ๆ เขาจะสร้างขึ้นมาทำไมล่ะครับคุณฮิบาริ?” อาคุมุถามกลับไป“พวกนายฟังฉันนะ! ทักษะหมอกเพลิงสีชาดนี้จะสามารถใช้ได้ 30 นาที หลังจากนั้นจะสามารถใช้ทักษะนี้ได้อีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปอีก 30 นาที” รินพูดขึ้นมา“แล้ว... บอกทำไมเหรอครับ?” อาคุมุที่ได้ยินอย่างนั้นจึงถามกลับไป“เพราะว่า... ฉันสามารถเอาชนะพวกนายได้ใน 30 นาทีนี้ไงล่ะ!! กระสุนเพลิงสีชาด!!!” รินตอบกลับมาพร้อมกับยิงกระสุนเพลิงเข้าใส่อาคุมุและฮิบาริด้วยความเร็ว“ตาข่ายอัสนี!”ตู้มมมม!!!“อึ่ก! บ้าจริง”ถึงแม้อาคุมุจะใช้ทักษะป้องกันไว้ได้ทัน แต่ความเสียเปรียบนั้นปรากฏขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน เพราะตาข่ายอัสนีของอาคุมุนั้นถูกทำลายได้โดยการ

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 57 : ความได้เปรียบเป็นศูนย์

    บทที่ 57 : ความได้เปรียบเป็นศูนย์รินและสมาชิกอีกสามคนได้มาถึงที่ตำแหน่งของอาคุมุ ซึ่งรินนั้นปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับอาวุธคู่กายอย่างปืนพกเช่นเดิม ส่วนอีกสามคนนั้นก็คือนักเวทชุดขาวเป็นผู้ชายสองคนและผู้หญิงอีกหนึ่งคน โดยทุกคนนั้นมีกระเป๋าสะพายอยู่ข้างหลัง“อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดเลยล่ะครับ... ทุกอย่างเลย” สิ่งที่อาคุมุคิดไว้นั้นเป็นจริงทุกอย่าง ซึ่งก็คือการที่นักเวทชุดขาวทั้งสามนั้นเปลี่ยนชุดก่อนจะเข้ามายังสนามประลองแบบจำลองนี้“แต่ว่า... จะทำไปเพื่ออะไรเหรอครับ? เตรียมชุดมาเปลี่ยนตอนเข้ามาในนี้แล้วเนี่ย?” อาคุมุถามออกไป“ก็ถ้าพวกฉันอยู่ในบทบาทของนักเวทชุดขาวตั้งแต่ตอนที่อยู่ข้างนอกล่ะก็... คงจะโดนประท้วงพอดีน่ะสิ” หนึ่งในนักเวทชุดขาวตอบกลับมา“ฉันควรจะแนะนำตัวอีกครั้งไหมนะ? ฉันคือ อากาเนะ ริน เป็นเพียงคนที่กำลังจะได้เป็นจอมเวทระดับ 3 แล้วล่ะนะ!!” รินพูดขึ้นมาพร้อมกับจับปืนพกทั้งสองกระบอกไว้แน่น ลมจากแรงของพลังเวทปะทะเข้ากับร่างของอาคุมุโดยตรง‘กำลังจะได้เป็นจอมเวทระดับ 3 งั้นเหรอ? สีของออร่าพลังเวทกำลังจะเป็นสีแดงแล้วสินะ แข็งแกร่งขึ้นมากจริง ๆ ด้วย’“สุดยอดไปเลยนะครับ สมแล้วกับตำแหน่งรอ

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 56 : เริ่มการประลองแบบกลุ่ม

    บทที่ 56 : เริ่มการประลองแบบกลุ่มในตอนนี้ ผู้คุมสนามได้ทำการสร้างสนามประลองแบบจำลองเสร็จสิ้นแล้ว เป็นทักษะที่มีความเหมือนจริงเป็นอย่างมาก ถึงได้ชื่อว่าเป็นภาพลวงตา และด้วยความแข็งแกร่งระดับราชันจอมเวทอาวุโส การที่สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ก็คงจะไม่เกินจริงนัก...ที่สนามประลอง ภายนอกทักษะภาพลวงตา“สิ่งที่ทุกคนเห็นอยู่ตรงหน้านี้... คือสิ่งที่เกิดขึ้นภายในนั้นครับ” เสียงของผู้คุมสนามได้ดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนามประลองด้วยทักษะพลังเวทของพิธีกร เสียงตอบรับจากคนดูก็เกิดขึ้นในทันที“น... นี่เหมือนฉันดูการประลองผ่านจอเลยนะ”“ข้างในนั้นจะไม่เป็นอะไรแน่เหรอ?”“ดูนั่นสิ! อาคุมุอยู่นั่นล่ะ!!”“ที่นั่นมันคือจำลองเมืองไหนหรือเปล่า? ที่ไหนในจักรวรรดิหรือเปล่านะ?”...สิ่งที่ทุกคนเห็นอยู่ตรงหน้านั้น คือลูกบาศก์ขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยออร่าของพลังเวทสีม่วง ลอยอยู่ในอากาศตรงกลางสนามประลอง ทั้งสี่ด้านนั้นเผยให้เห็นภาพจากมุมมองของแต่ละคนและมุมมองภาพรวมภายในนั้น ราวกับว่ากำลังดูผ่านจอขนาดยักษ์“สถานที่ภายในนั้นคือเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในจักรวรรดิ มีชื่อว่าเมืองชิโตเสะครับ... ขอให้ทุกคนเพลิดเพลินไปกับการประลองในครั้ง

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 55 : ราชันจอมเวทอาวุโส?

    บทที่ 55 : ราชันจอมเวทอาวุโส?กฎและกติกาการแข่งขันในรอบ 8 คนสุดท้ายนั้น ได้ถูกเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันโดยไม่ได้มีการประกาศล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้ารอบหรือผู้ชมทั่วทั้งสนามประลอง ไม่เคยมีใครคิดไว้ว่าจะถูกเปลี่ยนเป็นการประลองแบบกลุ่ม“เริ่มจากการจัดกลุ่ม กลุ่มที่ 1 จะมีผู้ชนะจากสายการต่อสู้เดิมก็คือสาย A, B, C และ D ส่วนกลุ่มที่ 2 ก็จะมีผู้ชนะจากสายการต่อสู้เดิมคือสาย E, F, G และ H ครับ”พิธีกรได้ประกาศวิธีการแบ่งกลุ่มให้กับทั้ง 8 คน‘ฉันพอเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงแบ่งกลุ่มง่าย ๆ แบบนี้...’‘...เพราะรินอยู่ในกลุ่มที่ 2 สินะ? การคาดเดาของฉันถูกต้องอย่างแน่นอน!’สิ่งที่อาคุมุคิดไว้นั้นมีเพียงความได้เปรียบของฝั่งตรงข้าม ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด และในสถานการณ์ตรงหน้านี้ ความได้เปรียบที่ว่าก็คงจะหนีไม่พ้นการที่กลุ่มนั้นมีคนอย่างรินอยู่ด้วยนั่นเอง“ก่อนที่จะเข้าสู่ลำดับถัดไป...” พิธีกรพูดยังไม่ทันจบประโยค เสียงจากแท่นด้านบนก็ดังขึ้นมาในทันทีตึ้ง!!ซึ่งเป็นเสียงขององค์จักรพรรดิที่ใส่พลังเวทเข้าไปในแท่นข้าง ๆ ตัว สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ทำให้ทุกคนต่างก็ตกใจกันไปตาม ๆ กัน“องค์จักร

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 54 : รอบ 8 คนสุดท้าย

    บทที่ 54 : รอบ 8 คนสุดท้ายอาคุมุนั้นเก็บชัยชนะไปได้อีกครั้ง ทุกรอบของการลงสนาม อาคุมุได้สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน แต่จากการที่สามารถเอาชนะผู้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์นี้ได้ ทำให้ทั่วทั้งเมืองหลวงแห่งนี้ได้รับรู้และได้สัมผัสแล้ว... ...ว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นเป็นเช่นไรโดยไร้ข้อกังขาวันต่อมาในเวลาเดิม อาคุมุและคาเอเกะก็เดินไปยังสนามประลอง วันนี้เขาได้สะพายกระเป๋าและเตรียมเสื้อคลุมยาวใส่ไว้ในกระเป๋าด้วย แน่นอนว่าของสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือดาบแห่งราชันสิ่งที่เกิดขึ้นก็ยังคงเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับทุกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งก็คือเหล่าผู้คนที่เข้าหาล้อมหน้าล้อมหลัง‘เฮ้อ! ฉันล่ะเหนื่อยจริง ๆ เลย ในช่วงอาคุมุพบปะประชาชนเนี่ย’“ยินดีต้อนรับท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย!! ไม่ว่าจะเป็นผู้เข้าแข่งขัน หรือผู้ที่ชื่นชอบในการประลอง วันนี้... เราเดินทางมาถึงวันสุดท้ายในการประลองของจักรวรรดิไดจิแล้วครับ!!!”ผู้เป็นพิธีกรกล่าวขึ้นมาเพียงเท่านั้น กระแสตอบรับของผู้คนต่างก็แตกออกเป็นสองเสียง ทั้งคนที่ดีใจกับการจะได้เห็นรอบชิงชนะเลิศ และคนที่เสียใจกับการจบลงของการประลองอันแสนดุเดือดนี้“ใกล้จะได้ดูรอบชิงแล้วโ

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 53 : คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด

    บทที่ 53 : คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดการโจมตีของอาคุมุในครั้งนี้นั้นรุนแรงยิ่งกว่าการโจมตีของดาอิเสียอีก ทั้งยังทำให้ดาอิต้องถอยร่นออกไปเพื่อรับมือกับการโจมตีนี้‘ถึงจะบอกว่าลบล้างสิ่งชั่วร้าย แต่ไอ้หมอนี่ดูจะไม่ใช่คนชั่วร้ายแบบนั้นเลยนะ หมายความว่ายังไงกันแน่เนี่ย? ฉันล่ะไม่เข้าใจกับดาบเล่มนี้เลยจริง ๆ แฮะ’อาคุมุยังคงครุ่นคิดกับสิ่งที่มังกรผู้เป็นเจ้าของดาบแห่งราชันได้บอกไว้“แต่... ดาบฉัน? มันไม่ได้อยู่ในมือนี่?!” นั่นคือสิ่งที่อาคุมุเพิ่งจะรู้สึกตัวได้“ความรู้สึกนายนี่มันช้าจริง ๆ เลยนะ” ดาอิพูดและเดินเข้ามาหาอาคุมุอย่างช้า ๆ พร้อมกับดาบแห่งราชันที่อยู่ในมือดาอินั้นสามารถหลบการโจมตีที่รุนแรงของอาคุมุได้เพียงบางส่วน ซึ่งเขาได้รับบาดเจ็บมากพอสมควร“แล้วมันไปอยู่ที่คุณได้ยังไงกัน? แล้วก็สภาพแบบนั้น...”“การโจมตีของนายมันรุนแรงจนดาบนายหลุดมือมาทางนี้เลยล่ะ ฉันแค่โดนเฉียด ๆ ยังเละขนาดนี้ ถ้าฉันรู้สึกตัวช้าอีกหน่อยคงละเอียดจนเป็นผงไปแล้ว” ดาอิตอบกลับมาพร้อมกับโยนดาบแห่งราชันของอาคุมุไปยังทางด้านหลังของตัวเขาเอง จุดที่ดาบตกอยู่นั้นคือขอบของสนามประลองพอดี“ปล่อยมันไว้แบบนั้นก่อนก็แล้ว

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 52 : พลังที่แท้จริง?

    บทที่ 52 : พลังที่แท้จริง?“ลุกขึ้นมาซะ!! ผมบอกแล้วไง... ว่าผมกำลังต้องการคู่ซ้อมน่ะ” อาคุมุพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ใครเห็นต่างก็คงต้องขนลุกไปตาม ๆ กัน“นี่แก... เป็นบ้าไปแล้วรึไง?! ชนะขาดลอยขนาดนี้แล้วยังจะเอาอะไรอีกห๊ะ?!!” ดาอิตอบกลับมา“ขาดลอย?”ดาอิที่ได้ยินอย่างนั้นก็แปลกใจ“อะไรของแก?”“ผมถามอะไรคุณหน่อยสิ คุณผู้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์... หากได้ชัยชนะมาแบบนี้นี่คุณภูมิใจเหรอครับ? ทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ใช้พลังเลยเนี่ยนะ? ผมไม่เอาด้วยหรอกนะครับ” อาคุมุถามกลับไปดาอิที่ได้ยินอย่างนั้นก็ชะงักไปในทันที“อึ่ก... แต่ตอนนี้เราแค่ประลองกันนี่! จะเล่นเอาตายเลยหรือไง?!! แกคิดจะรบเร้าฉันไปถึงไหน?”“ถ้าผมตายขึ้นมาจริง ๆ ล่ะก็... คนที่ได้ผลประโยชน์คือคุณไม่ใช่เหรอครับ? แข็งแกร่งขึ้นมาทันตาเห็นเลยนะ เป็นจอมเวทระดับ 3 เลยสิเนี่ย? ระดับพลังเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเลยแฮะ...” อาคุมุพูดแล้วจึงหยุดไป“ฮ่า! แก... ไม่สิ นายนี่ทำให้ฉันนึกถึงสิ่งที่ลืมคิดไปได้ยังไงกันนะ? หาแรงจูงใจมาให้ฉันจนได้!!” ดาอิพูดพร้อมกับใช้หอกดันตัวขึ้น ออร่าพลังเวทได้ถูกแผ่ออกมาจากรอบ ๆ ตัวเขา “ไม่ธรรมดาจริง ๆ เลย ต้องแบบนี้สิครั

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status