อาคุมุที่แอบดูอยู่ในจุดลับสายตา ซึ่งก็คือบริเวณต้นไม้ใหญ่หลังพุ่มไม้ ตำแหน่งของเขาในตอนนี้นั้นมีระยะห่างจากตำแหน่งขององค์ชายชูยะกับอากิระมากพอสมควร แต่เขาก็ยังคงมองเห็นทุกการกระทำได้
ซึ่งเขาเห็นบางสิ่งที่เขาไม่เคยได้เห็นมาก่อนทั้งในโลกก่อนความตายของเขาและในโลกนี้ ถึงแม้จะยังใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้ไม่นานนักก็ตาม แต่ตอนนี้เขาได้เห็นมันแล้ว
“มหาศาลชะมัด”
ซึ่งนั่นก็คือทอง เพชร อัญมณี และของล้ำค่าต่าง ๆ ที่ดูระยิบระยับเป็นอย่างมากในสายตาของเขา จึงทำให้เขาตาเป็นประกายได้ในทันที
อากิระนั้นควบคุมดูแลการขนย้ายทรัพย์สินออกมาจากอุโมงค์ ซึ่งมันมีมากเกินกว่าที่จะขนย้ายเพียงไม่กี่รอบก็เสร็จสิ้นได้ จากที่อาคุมุนั้นเห็นคือกลุ่มคนนับหลายสิบคนต่างขนย้ายของมีค่าเหล่านั้นด้วยรถเข็น และขนย้ายขึ้นรถม้าอีกครั้งหนึ่ง รถม้านั้นก็มีจำนวนมากอีกเช่นกัน ราวกับว่าเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว
“จะว่าไป ที่ลุงอากิระบอกว่าคนจากตระกูลใหญ่นั้นออกตามหาของล้ำค่า แต่ทำไมที่ฉันเห็นตรงนี้กลับเป็นองค์ชายกับตัวเขาเองแล้วก็คนของเขาล่ะเนี่ย”
ทันใดนั้นอาคุมุก็นึกสงสัยอีกว่าขนย้ายแบบนี้ไม่กลัวการลอบโจมตีเลยก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เขาจึงคิดจะลองทำอะไรบางอย่าง
“สร้างวงแหวนเวท” เขาคว่ำฝ่ามือลงพร้อมกับพูดออกมา ซึ่งเขาเห็นวงแหวนเวทสีฟ้าค่อย ๆ ขยายใหญ่ไปเป็นวงกว้างจากจุดที่เขายืนอยู่
“นั่นไง อย่างที่คิดไว้จริง ๆ ด้วยนะ”
วงแหวนเวทของเขานั้นขยายวงกว้างออกไปยังไม่ทันเสร็จสิ้น มันก็ได้ไปกระทบกับเกราะป้องกันเวทมนตร์ขนาดใหญ่ มันคล้ายคลึงกับเกราะป้องกันที่อากิระใช้ในตอนนั้น แต่ที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้มันมีขนาดใหญ่กว่าหลายสิบเท่า ครอบคลุมทั้งอุโมงค์และรถม้าจำนวนมาก รวมไปถึงองค์ชายชูยะที่นั่งดูอยู่ห่าง ๆ
อาคุมุนั่งลงพิงต้นไม้ใหญ่ พร้อมกับหลับตาลงและครุ่นคิดเกี่ยวกับองค์ชาย
‘ยังคงแปลกใจอยู่นั่นแหละนะ ถ้าเพิ่งจะสามารถพัฒนาวงแหวนเวทได้ ทำไมถึงไปโผล่ตรงนั้นเลยล่ะ หรือว่าจะระดับสูงกว่านี้หนึ่งระดับ? ไม่สิ น่าจะยังเป็นไปได้ยากอยู่พอสมควร แต่ฉันยังไม่รู้เลยว่าการพัฒพัฒนาครั้งต่อไปวงแหวนเวทจะมีขนาดเท่าไร แล้วทำไมฉันถึงต้องมาคิดสงสัยเรื่องนี้ตลอดเลยเนี่ย’
ไม่นานนัก บรรยากาศรอบ ๆ ตัวเขาก็เกิดความร้อนราวกับไฟไหม้ป่า
‘เอ๊ะ?!’ ทันทีที่อาคุมุลืมตาขึ้นก็ได้พบเจอสิ่งที่ทำให้เขาตกใจจนร่างกายแทบจะไม่สามารถขยับได้
“เราเจอกันอีกแล้วนะน้องชาย”
เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคือองค์ชายชูยะนั่นเอง
“เอ่อ...” แค่จะขยับปากพูดโต้ตอบกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า อาคุมุก็ยังทำไม่ได้ นั่นไม่ใช่เพราะองค์ชายชูยะใช้พลังเวทหรืออะไร แต่เกิดจากความตกใจสุดขีดและความกลัวของตัวเขาเองทั้งนั้น
“องค์ชาย... ชูยะ มาตรงนี้ได้ไงกันครับ?” อาคุมุกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อยและตะกุกตะกัก
“ไม่น่าถามเลยนะนายน่ะ แต่ก็ช่างเถอะ ฉันไม่ได้อะไรอยู่แล้ว รู้นานแล้วด้วยว่านายตามมาจนถึงนี่ ก็ดีแล้วที่มาเพราะฉันมีอะไรดี ๆ จะบอกนายด้วยล่ะ”
อาคุมุที่ได้ยินอย่างนั้นถึงกับงุนงงไปในทันที เพราะนี่มันดูคล้ายกับว่าเขาได้รู้ความลับบางอย่างของราชวงศ์เลยด้วยซ้ำ
“เอ๋? ทำไมถึงเป็นแบบนั้นได้ล่ะครับ ทั้งที่ตอนนี้ผมน่าจะเหมือนคนมีความผิดแล้วนะ?”
“ฮ่า ฮ่า! ไม่ใช่สักหน่อย นี่น่ะมันไม่ใช่ความลับหรอก เพราะหลากหลายตระกูลต่างก็ต้องการมันทั้งตระกูลเล็กตระกูลใหญ่ แต่ตระกูลเล็กใหญ่เหล่านั้นไม่ใช่ปัญหา เนื่องจากเป็นตระกูลในจักรวรรดิก็แน่นอนว่าต้องหลีกทางให้ราชวงศ์อยู่แล้ว” องค์ชายชูยะพูดจบก็เงียบไป
“องค์ชายต้องการจะบอกอะไรอย่างนั้นเหรอครับ?” อาคุมุจึงถามกลับไป
“สั้น ๆ ก็คือ... เพียงแค่ฉันมีเชื้อสายราชวงศ์ ก็สามารถทำได้ทุกอย่างไงล่ะ”
อาคุมุที่ได้ยินอย่างนั้น ก็ยังคงไม่ค่อยเข้าใจเหมือนเดิม ใบหน้าของเขานั้นบ่งบอกอย่างเห็นได้ชัด
“น้องชาย นายอาจจะยังไม่ค่อยรู้เรื่องของจักรวรรดิสินะ ฉันจะอธิบายให้นายเข้าใจง่ายที่สุด” ว่าแล้วองค์ชายชูยะก็นั่งลงใกล้ ๆ กับอาคุมุ
“จักรวรรดิไดจิแห่งนี้น่ะ มีแค่องค์จักรพรรดิเพียงองค์เดียวที่ปกครอง จักรวรรดิแห่งนี้ไม่ได้เล็กอย่างที่คิด เพราะมีทั้งเมืองเล็กเมืองใหญ่ในอาณาจักรทั้ง 6 อาณาจักร ซึ่งทั้ง 6 อาณาจักรนั้นอยู่ภายใต้ชื่อจักรวรรดิไดจิ ปกครองแบบขูดเลือดขูดเนื้อเลยล่ะ”
สิ่งที่อาคุมุได้รับฟังจากองค์ชายชูยะนั้นทำให้เขาเกิดคำถามขึ้นมาในหัวเต็มไปหมด
‘ทำไมพ่อไม่เคยบอกเลยนะ รู้แค่ว่าองค์จักรพรรดิคงไม่ใช่คนดีนัก แล้วไอ้คำว่าอาณาจักรก็ไม่เคยหลุดออกมาจากปากเขาเลยด้วยซ้ำ อะไรกันเนี่ย? ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงมีคนอื่นอีก’
“การปกครองแบบนี้มัน... แล้วคนที่มีอำนาจคนอื่น ๆ ล่ะครับ เกิดอะไรขึ้นบ้างเหรอครับ?”
องค์ชายชูยะเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่รู้ได้ทันทีว่ากำลังโกรธ
“องค์จักรพรรดิ... ทำการประหารราชาไปองค์หนึ่ง เพื่อเป็นการยืนยันว่าเขาคือผู้ควบคุม และทุกคนต้องอยู่ภายใต้การปกครองของเขา โดยที่.. ราชาองค์นั้นคือพ่อของฉัน” องค์ชายชูยะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่โกรธ แต่ก็ปนไปด้วยความเสียใจ
‘แบบนี้นี่เอง’
อาคุมุได้แค่คิดในใจเป็นคำพูดสั้น ๆ และยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมา องค์ชายชูยะก็เก็บความโกรธและความเสียใจนั้นไว้ พร้อมกับเปลี่ยนบทบาทของตนเองจากองค์ชายที่สง่างามเป็นคนขายประกันในทันที
“นี่น้องชาย นายสนใจจะเข้าร่วมการประลองไหม? แน่นอนว่าสิ่งที่ได้มามันคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไป มันก็คืออะไรดี ๆ ที่ฉันบอกไปเมื่อก่อนหน้านี้นี่แหละ”
“ผมปรับอารมณ์ตามแทบไม่ทันเลยนะครับองค์ชาย ฮ่า ฮ่า แล้วก็มันคือการประลองเหรอครับ? อย่าบอกนะว่า...” มีบางสิ่งที่อาคุมุคิดไว้ ซึ่งสิ่งที่เขาคิดไว้นั้นอาจจะใช่ก็เป็นได้
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า โทษที ๆ ที่พานายเครียดไปด้วย ส่วนเรื่องการประลองฉันตั้งใจจะชวนนายอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะได้พูดเรื่องบ้านั่น ใช่แล้วล่ะ... รางวัลก็คือส่วนหนึ่งในของล้ำค่าจำนวนมากมายนั่นแหละ” องค์ชายชูยะตอบกลับไป ซึ่งนั่นทำให้อาคุมุตาเป็นประกายอีกครั้ง
“ว้าว สุดยอด!!”
เพราะสิ่งที่เขาคิดไว้มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ รางวัลของการประลองนั่น คือของล้ำค่าที่เขาไม่เคยได้เห็นมาก่อน แต่ก่อนที่เขาจะดีใจไปมากกว่านั้น องค์ชายชูยะก็พูดขึ้นมาในทันที
“ต้องมีการคัดเลือกก่อนน่ะนะ การประลองจะมีทั้งสิ้น 2 รอบใหญ่ ๆ ซึ่งก็คือรอบแบ่งกลุ่มและรอบ 8 คนสุดท้าย”
“เอ่อ... จริงเหรอครับ?” อาคุมุเริ่มเกิดความลังเลใจแล้ว เพราะเขายังไม่ค่อยมั่นใจในฝีมือของตนเองเท่าไรนัก
“ใช่แล้วล่ะ แต่นายวางใจเถอะ ฉันว่านายน่าจะสามารถคว้ารางวัลมาได้ง่าย ๆ เลยนะ เริ่มจากรอบแบ่งกลุ่ม จะเป็นการสู้แบบหาผู้ชนะเพียงคนเดียวในแต่ละกลุ่ม ก็จะมีทั้งหมด 8 กลุ่ม แล้วเหลือ 8 คนหลังจากนั้นก็จะเป็นการสู้ตัวต่อตัวเพื่อหาผู้ชนะเพียงคนเดียว” องค์ชายชูยะก็ลุกขึ้นพร้อมกับหันหลังให้อาคุมุ
“วันไหนที่เปิดรับสมัครแล้วเดี๋ยวฉันจะมาบอก เตรียมตัวให้ดี ไว้เจอกันล่ะน้องชาย” ว่าแล้วก็หายไปโดยการใช้วงแหวนเวทในการเคลื่อนที่และกลับไปใกล้ ๆ อุโมงค์
“มาไวไปไวนะองค์ชายเนี่ย แต่ในเมื่อเขาเป็นคนบอกเองว่าให้วางใจได้ ฉันก็ควรจะวางใจแล้วกลับไปฝึกต่อล่ะนะ” พูดจบเขาก็เตรียมจะใช้วงแหวนเวท ยังไม่ทันได้ใช้เขาก็เกิดนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
“แต่ว่า พลังเวทขององค์ชายคือน้ำแข็ง แล้วทำไมตอนนั้นถึงได้...”
ในเมื่อตัวตนขององค์ชายชูยะนั้นไม่ค่อยชัดเจน แต่ด้วยความไม่ชัดเจนนี้นั่นเองที่ทำให้อาคุมุต้องการหาคำตอบ แต่ในตอนนี้มีสิ่งที่ต้องทำนั่นก็คือแข็งแกร่งขึ้นเพื่อไปต่อสู้และล่ารางวัล... รวมถึงล่าแต้ม B ไปในตัวด้วย แน่นอนว่าเขาไม่รอช้าที่จะอยากทำให้สำเร็จ“สร้างวงแหวนเวท!” ว่าแล้วเขาก็ใช้การเคลื่อนที่ด้วยวงแหวนเวทแล้วมุ่งหน้ากลับไปที่บ้าน ซึ่งระหว่างทางนั้นกลับได้พบเจอปีศาจเวทมนตร์อยู่ตรงหน้า แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นปีศาจเวทมนตร์ที่หลงมาตัวเดียวปีศาจเวทมนตร์ตนนั้นมีรูปร่างผอมบาง ความสูงเพียงประมาณ 1 เมตร ผิวหนังสีน้ำตาลเข้ม ดวงตาสีแดง ใบหน้าคล้ายกับมนุษย์แต่มีจมูกที่แหลมยาว ใบหูคล้ายกับมนุษย์ มีฟันที่แหลมคม รอบ ๆ ตัวมีออร่าสีขาวค่อนข้างที่จะเบาบาง และสิ่งที่โดดเด่นคือกรงเล็บบริเวณมือสองข้าง ซึ่งแต่ละข้างมีเพียงอันเดียว เป็นกรงเล็บที่มีความแหลมคมพร้อมกับมีออร่าสีฟ้าอ่อนปกคลุมอยู่“ได้โอกาสทดสอบฝีมือพอดีเลย อยากรู้เหมือนกันว่าฉันจะทำอะไรมันได้บ้าง”พูดจบเขาก็หาตำแหน่งที่เหมาะสมในการโจมตีระยะไกล เพราะในตอนนี้เขายังไม่มีอาวุธหรือทักษะการโจมตีระยะประชิด แน่นอนว่ามันคือสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก หลังจา
อาคุมุกลับมาถึงหน้าบ้านพร้อมกับคำถามที่อยู่ในหัวมากมายเต็มไปหมด“เขาเป็นใครกันแน่นะ...”แน่นอนว่าสิ่งที่เขายังคงคาใจมากที่สุดนั้นเกี่ยวกับเรื่องขององค์ชายชูยะ ซึ่งก็คือการที่พลังเวทขององค์ชายนั้นเป็นเวทน้ำแข็ง แต่เมื่อตอนที่เขาแอบดูการขนย้ายของล้ำค่าอยู่ในป่าแล้วองค์ชายชูยะได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขา ในตอนนั้นได้เกิดความร้อนที่ถ้าใช้พลังทั้งหมดก็คงแทบจะแผดเผาตัวเขาไปได้ในทันทีอีกทั้งชายปริศนาที่ได้มาช่วยให้เขารอดตายไปอย่างหวุดหวิด พลังเวทของชายคนนั้นซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับพลังเวทขององค์ชายชูยะความแข็งแกร่งของปีศาจเวทมนตร์ ทั้งที่เป็นเพียงปีศาจเวทมนตร์ระดับ 1 แข็งแกร่งเกินกว่าที่อาคุมุจะรับมือไหว“เหมือนกับว่าเขางัดท่าไม้ตายออกมาจัดการกับปีศาจเวทมนตร์นั่นเลยนะ นี่มันบ้าเกินไปแล้ว แต่รอให้ถึงเวลาของฉันก่อนเถอะ... ฉันจะไม่ยอมโดนเล่นงานแบบนี้อีกแน่นอน”“แต่ตอนนี้จะมืดแล้ว เข้าไปนอนก่อนแล้วกัน”ว่าแล้วเขาก็เดินเข้าไปในบ้าน ซึ่งพบว่าอิซามุนั้นไม่อยู่ จึงเดินไปดูที่ห้องของเก็น พบว่าเขานอนหลับแทบไม่รู้สึกตัว ทั้งสะกิดหรือเรียกก็ไร้วี่แววที่จะลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนนี้“อะอ้าว... หมอนี่นอนหลับสนิท
“ลืมไปเลยว่าได้แต้ม B ก็เท่ากับว่ามีพลังที่เพิ่มมากขึ้น แล้วไม่ได้แต้ม B แค่จากการฆ่าพี่ชายสักหน่อย แบบนี้ฉันก็ได้เพิ่มอีกสิเนี่ย”การลงมือปลิดชีพคนซึ่งเกิดขึ้นติดต่อกัน 2 ครั้ง แน่นอนว่าอาคุมุนั้นมีแต้ม B ที่มากขึ้น แต่เหตุการณ์นั้นมันมีมาติด ๆ กันจึงทำให้เขาลืมเรื่องผลที่ได้รับ ซึ่งก็คือพลังที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว“อยากรู้ชะมัดว่าจริง ๆ แล้วได้มาเท่าไหร่”ว่าแล้วอาคุมุก็ดึงแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นตัวเลขบนหัวไหล่ของเขา ซึ่งตัวเลขที่ปรากฏนั้นไม่ใช่ตัวเลขทุกตัว แต่ปรากฏเป็นค่า k(kilo) [1]“หืม... 3k(3,000) งั้นเหรอ? มันเป็นเพราะหัวไหล่ฉันเล็กไปหรือเปล่านะเลขถึงเป็นแบบนี้”ในตอนนี้อาคุมุนั้นมีแต้ม B อยู่ที่ 3,000 แต้ม ซึ่งมันเป็นตัวเลขที่สูงมากสำหรับเด็กอายุ 6 ปี แน่นอนว่าสำหรับผู้ใหญ่บางคนมันก็ยังคงเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงมากเช่นเดิม เนื่องจากในกลุ่มของชาวบ้านธรรมดา การทำอะไรก็ตามเพื่อที่จะได้รับแต้ม B นั้นไม่ค่อยจะเกิดขึ้นกับกลุ่มคนเหล่านี้สักเท่าไร“ทั้ง 2 ศพเลยเหรอลูก? มีดของพ่อด้วย รู้ได้ไงว่าห้องพ่อมีมีดล่ะเนี่ย”“พ.. พ่อ?!”แต่อาคุมุยังไม่ทันได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น ก็พบว่าอิซามุนั้
“มากันหลายคนเลยนะพวกนั้น แต่ตอนนี้ฉันจะไปไหนได้ล่ะเนี่ย คงต้องหาที่หลบแล้วดูแผนที่ก่อน”อาคุมุหนีออกมาในทันทีเมื่อมีการโจมตีโดยกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง ซึ่งถ้านับจากเสียงฝีเท้าที่อาคุมุได้ยินนั้น จำนวนคนคงไม่ต่ำกว่าสิบเป็นแน่แท้เขาใช้การเคลื่อนที่ด้วยวงแหวนเวทเพียงครั้งเดียว ซึ่งก็คือเคลื่อนที่มาได้ 100 เมตร แล้วจึงหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ในป่าซึ่งบดบังเขาได้มิดชิด ทั้งยังรอบด้านมีพุ่มไม้เป็นส่วนใหญ่ บวกกับท้องฟ้าในช่วงหัวค่ำ แต่ต้องแลกมาด้วยการที่ไม่มีแสงไฟจากหมู่บ้าน“รอบด้านมืดชะมัดเลย แต่เดี๋ยวนะ?!!”ทันใดนั้นเขาก็ได้พบสิ่งที่ไม่เคยสังเกตมาก่อนหลังจากมีแต้ม B ซึ่งนั่นก็คือความสามารถการมองเห็นในที่มืดหรือในที่ที่มีแสงน้อย นี่คือความสามารถพื้นฐานแต่ในอนาคตมันอาจพัฒนาไปได้อีก แต่ในตอนนี้เขายังไม่พบความสามารถใหม่ ๆ ไปมากกว่าเท่าที่ใช้ได้“แล้วก็ออร่ารอบตัวฉัน... ที่เป็นสีฟ้าเข้ม” เขาตั้งสมาธิพร้อมกับมองเพ่งไปยังร่างกายของตนเอง และค่อย ๆ ถ่ายเทพลังออกมา ซึ่งออร่ารอบ ๆ ตัวเขานั้นเป็นสีฟ้าเข้ม แน่นอนว่าด้วยแต้ม B ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก พลังและทักษะรอบด้านต่างพัฒนาขึ้นอย่างมากเช่นกัน“ไม่มีจังหวะได้
หลังจากที่อาคุมุได้พูดคุยกับเรย์เล็กน้อย เขาก็พบว่าความในใจของเรย์นั้นมีมากมาย และทหารราบส่วนใหญ่ล้วนมีบางอย่างที่ไม่สามารถโต้ตอบหรือตอบกลับตามที่ควรจะเป็นได้เลยแม้แต่น้อย‘ฉันคงไม่ต้องคิดอะไรมากมาย เพราะมันคือเรื่องที่เกี่ยวกับองค์จักรพรรดิอย่างแน่นอน... ช่องโหว่ของจักรพรรดิจะเปลี่ยนเป็นปราการที่แข็งแกร่งของฉัน ทหารราบนี่แหละจะเป็นพันธมิตรกลุ่มแรก’นั่นคือสิ่งที่อาคุมุคิด โดยเขาจะอาศัยผลจากการที่อำนาจขององค์จักรพรรดินั้นมีมาก มากเสียจนกดขี่ข่มเหงทุกสิ่งอย่างและดันตัวเองขึ้นไปในจุดสูงสุด ซึ่งเขาจะทำให้เรย์และทหารราบในหน่วยของเรย์นั้นมาเป็นพันธมิตร“ผมรู้นะครับว่าลุงเรย์หมายถึงอะไร... และผมก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่พวกคุณนั้นเจอคืออะไร แค่ได้ยินจากลุงเรย์เพียงไม่กี่ประโยคผมก็กระจ่างแล้วล่ะครับ” อาคุมุพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เรียบและใบหน้าที่จริงจัง ซึ่งเมื่อเรย์และนายทหารคนอื่น ๆ ในรถม้าได้ยินต่างก็แปลกใจพร้อมกับมองหน้ากันอีกครั้ง“เฮ้ย! ฉันว่ามันจะมากเกินไปแล้วนะโว้ย ตั้งแต่ที่พวกเราไปหาแกโดยที่แกอยู่ในป่าคนเดียวตอนกลางคืน ตอนที่กำลังเดินมาขึ้นรถม้าแกก็ไปเดินอยู่ข้างหลัง ทั้งยังทำอวดเก่งใส่หั
“ในเมื่อเราเป็นพันธมิตรกันแล้ว เราควรจะต้องเริ่มจากอะไร? ถ้ามีแผนแล้วตอนนี้แผนของนายคืออะไรงั้นเหรอเจ้าหนู?” เรย์กล่าวถามกับอาคุมุซึ่งอาคุมุเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะตอบกลับ“ผมต้องถามก่อนว่ารถม้าจะมุ่งหน้าไปที่ไหนเหรอครับ? แล้วก็ตั้งแต่แรกเริ่มแท้จริงแล้วจะส่งตัวผมให้กับใคร?”“เดิมทีรถม้าพวกฉันจะตรงไปยังเมืองบาระ ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้ ๆ เมืองชิโตเสะนี่แหละ แล้วก็เรื่องส่งตัว.. เห้อ! เด็กอะไรฉลาดเป็นบ้า ไม่ได้มีการคุยกันแค่เพียงเล็กน้อยหรอก พวกฉันจะต้องส่งตัวนายให้หน่วยสอบสวนของนักเวท แล้วก็ดูเหมือนว่า...” เรย์พูดแล้วก็หยุดไป‘ส่งตัวฉันให้นักเวทจริง ๆ ด้วย’“ดูเหมือนว่าอะไรเหรอครับ?” เมื่อได้ยินอย่างนั้นอาคุมุจึงถามกลับไป“ดูเหมือนว่าองค์จักรพรรดิจะต้องการตัวนายน่ะสิ แล้วก็ไม่อยากรอนานนัก จึงให้พวกฉันพานายตรงไปยังพระราชวังที่เมืองหลวงเลย แล้วก็ต่อจากนี้จะเป็นขั้นตอนไหนฉันก็ไม่รู้ เพราะทหารราบฝ่ายนอกอย่างพวกฉันมีสิทธิ์ทำได้แค่เข้าไปส่งตัวคนสักคนหนึ่งจากสถานที่ห่างไกลเพียงเท่านั้น แต่ฉันรู้มาว่าหน่วยสอบสวนของนักเวทน่ะ... โหดร้ายมากเลยล่ะ”‘แบบนี้ก็เข้าทางฉันสิ’“ในเมื่อเป็นแบบนั้
“เหลวไหลชะมัด! พลังเวทของแกมันจะไม่ใช่มังกรไฟได้ไงกัน?!” หนึ่งในสามคนนั้นพูดขึ้นมา“ก็พลังเวทของผม... มันคือมังกรสายฟ้าไงล่ะครับ” อาคุมุตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่แสดงให้เห็นว่าตนคือผู้ชนะ“สายฟ้า? อย่ามาอำพวกฉันเล่นนะโว้ย! ตระกูลของแกมันเป็นตระกูลมังกรไฟ ตระกูลมังกรสายฟ้าน่ะได้หายสาบสูญไปราว ๆ 50 ปีแล้ว และตระกูลมังกรสายฟ้าน่ะมีมาก่อนตระกูลของแกด้วย อีกทั้งเด็กเวรอย่างแกเนี่ยนะจะไปเทียบกับตระกูลที่สูงส่งอย่างตระกูลมังกรสายฟ้า เหอะ! ไปอ่านประวัติความเป็นมาของตระกูลให้เข้าใจก่อนค่อยมาพูดอะไรบ้า ๆ แบบนี้”‘มีมาก่อนตระกูลคาอิดะก็หมายความว่ามันยาวนานกว่านั้น... ลึกซึ้งชะมัด แล้วตัวฉันถูกโยงไปตระกูลมังกรสายฟ้าได้ไงล่ะนั่น? ฉันเป็นคนจากตระกูลมังกรไฟหรือมังกรสายฟ้ากันแน่เนี่ยเริ่มไม่เข้าใจแล้วนะไอ้บ้าเอ๊ย!!’ซึ่งแน่นอนว่าทั้งสามต่างก็ไม่เชื่อในสิ่งที่ตนได้ยิน มันคงไม่มีทางเป็นไปได้เพราะตระกูลคาอิดะนั้นเป็นตระกูลที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน เคยได้รับขนานนามว่าเป็นตระกูลแห่ง "ราชามังกรอัคคี" เด่นในเรื่องของการโจมตีด้วยเพลิงที่แข็งแกร่ง บุตรหลานของตระกูลนี้ที่ได้สืบทอดมาก็มีพลังเวทเป็
ทั้งที่อาคุมุเป็นต่อทุกอย่างไม่ว่าจะพลังเวทหรือแต้ม B แต่สาเหตุที่เขาไม่อยากจะต่อสู้ในตอนนี้ ก็เพราะว่าเขาไม่ได้ฝึกอะไรเพิ่มเลยหลังจากมีแต้ม B ที่มากขึ้น ทักษะการโจมตีก็มีเพียงแสงอัสนีบาตเพียงอย่างเดียว ถ้าไม่นับมีดในกระเป๋าและก็ยังไปไม่ถึงเมืองหลวงเสียที ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยแม้แต่น้อย“กระสุนวารี!!” นักเวทผู้เป็นน้องได้พูดพร้อมกับหันฝ่ามือทั้งสองมาทางอาคุมุ วงแหวนเวทสีฟ้าได้ปรากฏขึ้นรอบข้อมือของเขา พลังเวทกระสุนน้ำได้พุ่งออกมาจากฝ่ามือทั้งสอง ผ่านข้างลำตัวของพี่ใหญ่และพี่รองของเขา ตรงไปยังอาคุมุที่ยืนอยู่“หอกวารี!!” ผู้เป็นพี่คนโตและคนรองกล่าวออกมาพร้อมกัน วงแหวนสีฟ้าปรากฏขึ้นข้าง ๆ ลำตัว ได้มีอาวุธหอกซึ่งเป็นอาวุธที่สร้างจากพลังเวทแห่งน้ำค่อย ๆ ออกมาจากวงแหวนเวท แล้วทั้งสองก็ดึงมันออกมา‘ฉันไม่ได้ฝึกอะไรเพิ่มเลยเนี่ยสิ โธ่เว้ย!’“แสงอัสนีบาต!” อาคุมุพูดพร้อมกับหันฝ่ามือไปทางศัตรู วงแหวนเวทสีฟ้าปรากฏขึ้นรอบข้อมือของเขาพร้อมกับสายฟ้าที่มีความรุนแรงได้พุ่งออกจากฝ่ามือและตรงไปหาทั้งคู่ แต่แท้จริงแล้วอาคุมุตั้งใจโจมตีใส่กระสุนวารีของผู้ที่เป็นน้อง เพราะตำแหน่งที่เขายืนในตอนนี้คือด้า
นักเวทที่เหลือนั้นหายไปพร้อมกันด้วยความเร็วอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งแน่นอนว่านั่นคงเป็นเวทที่ใช้ในการเคลื่อนที่“หายไปหมดเลย เวทเคลื่อนที่สินะครับ” พูดจบอาคุมุก็หันไปทางองค์ชายชูยะ ซึ่งองค์ชายนั้นเดินออกมาหลังจากทำการรักษาให้กับอากิระแล้ว“อืม การต่อสู้ทุกครั้งต้องมีนักเวทที่เชี่ยวชาญในการใช้เวทเคลื่อนที่อย่างน้อยสักหนึ่งคน ถึงจะเป็นนักเวทชุดขาวก็เถอะนะ แต่ถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้แล้วไม่มีเวทเคลื่อนที่ก็คงตายยกกลุ่ม”“แล้วก็สีหน้าท่าทางของพวกเขามัน...” อาคุมุยังไม่ทันได้พูดจนจบแต่อย่างใด องค์ชายชูยะก็ตอบกลับในทันที“ก็เพื่อทำให้ไม่ผิดสังเกตนั่นแหละ และมันเป็นกลอุบายอย่างหนึ่งที่มีโอกาสทำให้ศัตรูใจอ่อน หรือดึงเวลาเอาไว้เพราะหนึ่งในนั้นต้องมีสักคนกำลังร่ายเวทขนาดใหญ่อยู่ และอาจเป็นคนที่อยู่แนวหลังซึ่งนายยังเดินไปไม่ถึง อีกทั้งยังไม่ได้อยู่ในระยะสายตาของนาย จึงทำให้ร่ายเวทได้ไม่ยากนัก” องค์ชายชูยะอธิบาย“แต่ว่าปล่อยไว้แบบนี้จะเป็นอะไรไหมครับ? เหมือนว่าพวกเขาจะได้ข้อมูลกลับไปรายงานองค์จักรพรรดิแล้ว”“ก็ค่อนข้างเสียเปรียบอยู่พอสมควร การฝึกก็จะลำบากยิ่งขึ้นเพราะสถานที่แห่งนี้เป็นที่เดียวที่ฉันใช้ เ
นักเวททุกคนถูกพันธนาการไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งทักษะนี้นั้นราวกับว่ามันคือทักษะขั้นสูง เพราะในการควบคุมให้ตรงกับตำแหน่งที่ต้องการนั้นคงมีความยากเป็นแน่ อีกทั้งองค์ชายชูยะก็ใช้มันได้ด้วยความชำนาญ อาคุมุจึงมั่นใจได้อีกอย่างหนึ่งว่าองค์ชายชูยะอาจจะเป็นชายปริศนาคนนั้นที่เคยได้ช่วยเขาไว้แท่งน้ำแข็งจำนวนมากออกมาจากวงแหวนเวทสีส้มด้วยความรวดเร็ว ทั้งหมดนั่นล้อมรอบตัวของนักเวทเอาไว้และเป็นคุกน้ำแข็งในที่สุด‘ทักษะพันธนาการนี้แข็งแกร่งมากเลยนะเนี่ย’ นี่เป็นอีกครั้งที่อาคุมุได้เห็นการใช้ทักษะพันธนาการแบบหมู่ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่อาคุมุจะต้องกลับไปฝึกฝนและนำออกมาใช้ให้ได้ โดยเริ่มจากทักษะพันธนาการทั่วไปที่เขาจะต้องทำให้ชำนาญและคล่องแคล่วที่สุด“ลุงอากิระน่ะยังไม่ตายหรอก แต่คนที่จะตายก็คงหนีไม่พ้นลุงอิชิโร่... ใช่ไหม?” องค์ชายชูยะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ แต่แววตาทั้งสองกลับไม่ใช่แบบนั้นอาคุมุที่ได้ยินอย่างนั้นก็พยายามจะลุกขึ้นไปดูอาการของอากิระ แต่เขาก็ต้องแปลกใจที่ทักษะพันธนาการด้วยด้ายของนักเวทคนนั้นยังคงอยู่ ถึงแม้จะถูกพันธนาการด้วยคุกน้ำแข็งขององค์ชายชูยะ“เลิกเรียกฉันว่าลุงสักทีสิองค์ชาย!
“ชิ! เพราะไอ้โง่คนเดียวเลยทำให้นักเวทชุดขาวอย่างเราถูกเด็กตัวแค่นี้หยามได้ ผู้ใหญ่หัวอ่อนน่ะมันมีแค่ไม่กี่คนหรอกนะเฟ้ย!!” หนึ่งในนักเวทพูดจบก็กระโดดขึ้นไปลอยค้างอยู่ในอากาศ“ปีกแห่งลม!” เขาใช้ทักษะพลังเวท ได้มีปีกซึ่งเป็นปีกแห่งลมปรากฏขึ้นมาที่ร่างกายของเขา จึงทำให้นักเวทคนนั้นสามารถบินได้“ไม่ธรรมดาเลยนะครับ”“ทักษะแบบนี้น่ะ มีน้อยคนที่จะสามารถใช้ได้ เพราะฉะนั้นแล้วก็เตรียมรับการโจมตีแบบที่นายไม่เคยเจอมาก่อนได้เลย!” ว่าแล้วนักเวทคนนั้นก็บินพุ่งตรงเข้ามาหาอาคุมุด้วยความเร็ว“กรงเล็บแห่งลม!!” ที่มือทั้งสองของนักเวทนั้นได้มีพลังเวทมาห่อหุ้ม จนก่อตัวเป็นกรงเล็บที่พร้อมสำหรับการโจมตี“บาทาไร้เงา... ผมไม่ยืนอยู่นิ่ง ๆ เพื่อให้โดนการโจมตีหรอกนะครับ” อาคุมุพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบและแผ่วเบาขณะที่หลบการโจมตี ทั้งยังพูดในตอนที่เห็นการเคลื่อนที่ของนักเวทนั้นช้าลง จนกระทั่งเขาไปยืนอยู่ข้างหลังนักเวทคนนั้น“แสงอัสนีบาต!!” เมื่อสิ้นเสียงของอาคุมุ วงแหวนเวทสีฟ้าปรากฏขึ้นรอบข้อมือของเขา ตามด้วยการโจมตีจากแสงอัสนีบาตที่ออกมาจากวงแหวนเวทสีฟ้าเข้ม ซึ่งปรากฏให้เห็นอยู่หน้าฝ่ามือของอาคุมุ“อ่อก! ธ.. โธ่เว
“ฆ่ามันซะ!!!” อิชิโร่ตะโกนสั่งการนักเวทที่อยู่ข้างหลังเขา ซึ่งจำนวนที่มีนั้นไม่ได้น้อยเลย ทั้งยังมีมาสมทบเพิ่มอีกหลายคน โดยนักเวททุกคนนั้นใส่ชุดคลุมที่มีหมวกสีขาว ปิดหน้าด้วยผ้าสีดำ ไม่สามารถคาดเดาพลังเวทของคนพวกนี้ได้เลยแม้แต่น้อย“คิดจะลงมือแล้วก็เตรียมตัวรับแรงกระแทกไว้เลย!” อากิระตะโกนโต้ตอบพร้อมกับเตรียมที่จะต่อสู้ ซึ่งขณะนี้อาคุมุนั้นกำลังหลับตาและทำการบางอย่างอยู่ ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นแล้วหันไปถามอากิระ“ลงมือได้ไหมครับ?”“แน่นอน! นี่น่ะมันคือการเปิดศึกแล้วไงล่ะ”เมื่อได้ยินอย่างนั้น อาคุมุก็ชี้นิ้วขึ้นไปข้างบนในทันที“มองดูข้างบนสิครับลุง”“ทำอะไรของแกน่ะเจ้าหนู? จะให้ฉันมองวิวที่มันเหมือนกับท้องฟ้า...” อิชิโร่พูดยังไม่ทันจบประโยค เขาก็ต้องตกตะลึงในทันที เพราะเหนือศีรษะของทุกคนขึ้นไปนั้น มีวงแหวนเวทขนาดเล็กอยู่เต็มไปหมด“แสงอัสนีบาต!!” เมื่อสิ้นเสียงของอาคุมุ วงแหวนเวทสีฟ้าได้ปรากฏขึ้นรอบข้อมือของเขา พร้อมกับการโจมตีด้วยสายฟ้าที่ลงมาจากข้างบนตู้มมม!!!“อ่อก! โธ่เว้ย” นักเวทจำนวนหนึ่งที่กำลังพุ่งเข้ามาหาอากิระนั้นโดนการโจมตีที่รุนแรงของอาคุมุเป็นพิเศษ เนื่องจากว่าจำนวนวงแหวน
หลังจากที่อาคุมุได้พูดคุยกับองค์ชายชูยะเล็กน้อย องค์ชายชูยะก็บอกให้อากิระนั้นนำทางและพาอาคุมุไปยังที่พัก ซึ่งสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือองค์ชายนั้นจัดการเตรียมที่พักให้เป็นอย่างดี ซึ่งที่พักนั้นอยู่ในตึกใหญ่ที่อยู่นอกพระราชวัง แต่แค่นี้ก็ดีเกินกว่าที่อาคุมุนั้นต้องการแล้ว ทั้งยังมีสถานที่สำหรับใช้ในการฝึกที่อากิระจะแนะนำหลังต่อจากนี้ เริ่มจากการที่อากิระนั้นผลักประตูบานยักษ์ หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปตามโถงทางเดิน จนกระทั่งมาถึงห้องพักห้องหนึ่ง “นี่แหละห้องของนาย ลองเข้าไปดูสิ” อากิระกล่าวหลังจากที่เดินมาแล้วหยุดอยู่หน้าห้อง 06 นั่นคือหมายเลขห้องของเขา เมื่อได้ยินอย่างนั้นอาคุมุจึงเดินเข้าไป ในที่สุดก็มาถึงห้องของอาคุมุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งห้องนอนนั้นเป็นเพียงห้องสี่เหลี่ยมที่มีกำแพงเป็นสีขาวล้วนรอบด้าน มีเตียงนอนและของใช้ต่าง ๆ ครบครัน ทั้งโต๊ะทำงาน ตู้หนังสือ โคมไฟ หรือแม้กระทั่งดาบเล่มหนึ่งที่วางอยู่ แน่นอนว่าห้องนี้นั้นมีขนาดความกว้างมากกว่าห้องของเขาที่บ้าน ทั้งยังมีความสะดวกสบายมากเป็นพิเศษ ซึ่งเขาไม่แปลกใจเท่าไรเพราะนี่เป็นที่ที่องค์ชายชูยะเตรียมไว้ให้ “ห้องกว้างมากเลยล่ะครั
ความประมาทของอาคุมุทำให้ตัวเขาเองได้รับบาดเจ็บมากที่สุดเท่าที่เคยเจอมา เสื้อขาดตามแนวของการโจมตีจนเผยให้เห็นรอยแผลเป็นปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน นี่คือบาดแผลขนาดใหญ่แผลแรกของเขา “จะเป็นยังไงล่ะครับ... ถ้าผมเก็บกวาดตรงนี้ซะหมด? แต้ม B ของผมคงจะมีเยอะมากและแข็งแกร่งขึ้นอย่างก้าวกระโดดเลยล่ะ มันคงจะดีต่อตัวผมมากเลยนะครับ” อาคุมุพูดพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก สายตาของเขานั้นดูน่ากลัวราวกับปีศาจอย่างไม่ต้องสงสัย “ม.. ไม่เอาน่า มันคงไม่ดีต่อตัวนายนักหรอก” คาซูโอะพูดด้วยน้ำเสียงและร่างกายที่มีอาการสั่นกลัวเล็กน้อย “ที่ไม่ดี.. เพราะกลัวตายหรือเปล่าครับ? ถ้าอย่างนั้น...” อาคุมุพูดยังไม่ทันจบก็ได้มีชายคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นมา “นายควรพอได้แล้วนะน้องชาย คนพวกนี้ทำอะไรนายไม่ได้หรอก” “เอ๋? องค์ชาย?” ซึ่งชายคนนั้นก็คือองค์ชายชูยะนั่นเอง เขาปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับอากิระที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ในขณะที่อาคุมุไม่ทันได้สังเกตเห็น “องค์ชาย... ทั้งหมดเป็นฝีมือของเขาครับ!” คาซูโอะพูดขึ้นมาพร้อมกับชี้นิ้วไปยังอาคุมุ “คาซูโอะ... นายพามาแทบทั้งหน่วยเพื่อจัดการกับเด็กคนเดียวเนี่ยนะ? แต่ฉันจะบอกอะไรให้อย่าง.. เด็กคนนี้คือเพื่อน
การโจมตีในครั้งนี้อาคุมุไม่ได้คาดหวังผลลัพธ์อะไรมากนัก แค่ได้นำสิ่งที่ฝึกฝนมาประยุกต์แล้วทดลองใช้ก็ถือว่าเป็นกำไรสำหรับเขาแล้ว อีกอย่างคือเขาสามารถหนีไปได้อย่างแน่นอนด้วยการใช้บาทาไร้เงา สังเกตได้จากการที่เขาออกมาจากการปิดล้อมนั้นได้โดยง่าย เพียงแต่ว่า.. เขายังไม่ได้ฝึกทักษะที่ใช้ป้องกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว ‘ไม่เป็นไร ยังไงเราก็พอหนีได้ล่ะนะ’ เมื่อควันเริ่มเบาบางลง เผยให้เห็นคนนับสิบนอนล้มอยู่ที่พื้นดิน โดยพื้นที่บริเวณรอบนั้นเป็นหลุมเป็นบ่อใหญ่พอสมควร “เอ๋? ทำไมถึงไม่ใช้เวทป้องกันล่ะเนี่ย?” อาคุมุเกิดความตกใจพอสมควรที่ไม่มีใครใช้เวทป้องกันเลยแม้แต่คนเดียว ซึ่งแท้จริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้น “อึ่ก!... ไม่ใช่หรอก ใช้แล้วแต่ไม่ไหวต่างหาก” ชายหนุ่มผู้ที่เป็นหัวหน้าค่อย ๆ ยืนขึ้นและใช้ดาบที่อยู่ในมือประคองไว้ ซึ่งดาบของเขาติดตัวไว้ตำแหน่งไหนอาคุมุก็ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ที่น่าตกใจไปมากกว่านั้นคือการป้องกันกลับต้านพลังโจมตีของอาคุมุไม่ได้ ‘เดี๋ยวนะ เขาระดับสูงกว่าฉันมากเลยนี่ ทำไมถึงไม่ไหวได้ล่ะเนี่ย?’ “ฉันล่ะยอมใจนายจริง ๆ มิน่าล่ะองค์จักรพรรดิถึงต้องการตัว เอาล่ะฉันชื่อ "มิกาซูกิ คาซูโอ
ในตอนนี้อาคุมุได้ผ่านการฝึกกับโทชิทั้งทักษะบาทาไร้เงาและการสร้างวงแหวนเวทเพื่อใช้โจมตีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เท่านี้ก็นับว่าเขาแข็งแกร่งขึ้นมามากพอสมควรถ้าฟังจากที่โทชิได้บอกไว้ และหลังจากนี้ก็จะขึ้นอยู่กับการฝึกฝนของตัวเขาเอง ความชำนาญในการใช้ทักษะต่าง ๆ จะทำให้เขาได้เปรียบในการต่อสู้.. แม้กระทั่งการวิ่งหนีอาคุมุนั่งลงและฝึกการสร้างวงแหวนเวทอีกครั้ง โดยเขาจะสร้างมันขึ้นมาสองอัน ตามเทคนิคที่เขาเข้าใจคาดว่าคงจะไม่ยากนัก“เอาล่ะ สร้างวงแหวนเวท!” เขาพูดขึ้นมาพร้อมกับยกแขนขวาขึ้นในระดับเอว หันฝ่ามือขึ้นและแยกนิ้วทั้งห้าออกจากกัน ซึ่งอาคุมุยังไม่ทันได้บีบอัดออร่าและพลังเวทไว้ตรงจุดเดียวแต่อย่างใด วงแหวนเวทสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นเหนือฝ่ามือของเขาในทันที“เอ๋? ทำแบบนี้ได้แล้วหรอกเหรอ? ถ้างั้น..” ว่าแล้วอาคุมุก็ยกแขนซ้ายขึ้นมาในระดับเดียวกันและทำแบบเดียวกัน โดยเขาแค่เกร็งแขนและยังไม่ทันได้พูดว่าสร้างวงแหวนเวทเลยด้วยซ้ำ มันก็ปรากฏขึ้นมาเหนือฝ่ามือเขาเสียแล้ว“เยี่ยมเลย! ทำได้เร็วกว่าที่คิดแฮะ” การที่เขาฝึกฝนต่อหลังจากเรียนรู้เทคนิควิธีใช้ ทำให้เขามีความเข้าใจและสามารถควบคุมพลังได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังทำ
หลังจากที่อาคุมุสามารถใช้ทักษะบาทาไร้เงาได้แล้วนั้น ทักษะอีกอย่างที่ควรมีก็คือการสร้างวงแหวนเวท ซึ่งเป็นการสร้างวงแหวนเวทไว้ใช้ในการโจมตีโดยตรง ต่างจากการสร้างวงแหวนเวทธรรมดาเพื่อใช้ในการเคลื่อนที่ เพราะมันทั้งควบคุมยากกว่าและสารพัดประโยชน์ยิ่งกว่า“ตอนนี้เราวิ่งเข้ามาลึกกว่าเดิม ถ้าพวกนั้นจะออกตามหาก็คงต้องใช้เวลาหน่อย แต่ว่าถ้าเป็นตำแหน่งนี้สิ่งที่ควรระวังมากที่สุดมันไม่ใช่พวกนักเวทน่ะสิ” โทชิพูดขึ้นมา“หรือว่าจะหมายถึง.. ปีศาจเวทมนตร์เหรอครับ?”“ใช่แล้วล่ะ เราอยู่ในจุดที่ใกล้กลางป่ามากเท่าไร โอกาสที่จะเจอกับปีศาจเวทมนตร์ก็มากขึ้นเท่านั้น ที่เราต้องระวังรองลงมาก็คือนักเวท.. แต่ก็นะ ในจักรวรรดินี้ถึงจะมีก็มีได้ไม่เยอะหรอก เพราะอะไรฉันก็ไม่รู้เหมือนกันแต่จักรวรรดิไดจิเป็นจักรวรรดิที่มีปีศาจเวทมนตร์น้อยที่สุดในโลกนี้น่ะ”“ต้องมีเบื้องหลังสินะครับ”“ถึงเวลาเดี๋ยวนายก็จะรู้เอง”ป่าใหญ่แห่งนี้นั้นเป็นป่าที่อยู่ในเมืองไดอิกิ เรียกได้ว่ามันอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของเมืองหลวง ซึ่งเดิมทีป่าก็เป็นตำแหน่งออกล่าของปีศาจเวทมนตร์อยู่แล้ว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ทำให้จักรวรรดิแห่งนี้มีปีศาจเวทมนตร์ออกเพ