แต่มันก็สายเกินกว่าจะร้องขอชีวิตจากขุนแสนคำได้แล้วเช่นกันนายพลตูระเซยะรู้สึกได้ถึงความเย็นวาบที่ซึมซาบมาตามผิวหนัง พอก้มลงมองตรงช่วงอกก็เห็นโลหิตสีแดงฉานค่อยๆ ขยายไปตามบาดแผล สัมผัสได้ถึงกระสุนที่ฝังเฉียดก้อนเนื้อที่เต้นตุบๆ อยู่ภายในร่างกายไปเพียงนิ้วเดียวทาบ วินาทีแรกเขาตกใจสุดขีด เพราะตนเองนั้นเป็นนักรบผู้ไร้พ่าย ไม่เคยมีกระสุนไฟหรือดาบพร้าใดที่สามารถเฉียดเนื้อหนังของตนได้มาก่อน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่กระสุนเฉียดขั้วหัวใจของเขาไปได้เพียงเสี้ยวเดียวกว่าจะรู้สึกตัวทั้งร่างกายก็ชาหนึบไปทั้งตัว กายาใหญ่ค่อยๆ หงายหลังลงไป ร่วงหล่นกระแทกกับพื้นไม้ เลือดมากมายทะลักออกปาก โลหิตเจิ่งนองทั่วบริเวณ ดวงตาที่เหลือกขึ้นบนสบตาเข้ากับร่างใหญ่กำยำของพระยาสิงขรที่ยืนค้ำอยู่เหนือหัว ดวงตาสีหม่นที่หลุบมองลงมานั้นเย็นยะเยือกราวกับกำลังมองสัตว์ร้ายที่ตนเองเพิ่งกำจัดไป“อั่ก... ไอ้” ไม่มีรูปประโยคใดๆ ออกมาจากริมฝีปากที่ซีดเซียวนอกจากเลือดที่ทะลักทะล้นออกมาเต็มอุ้งปากที่เริ่มออกสีคล้ำนางสาวบีเพิ่งเห็นท่าทางของคนที่กำลังอยู่ในอาการโคม่าจากการโดนยิงเป็นครั้งแรก หล่อนค่อยๆ คลานออกมาจากใต้เตียงหลังเกิดเสียงร
“เดี๋ยวก่อนสิคะ... คุณพี่ แหม”เสียงที่ดังเล็ดลอดออกมาจากภายในหอนอนที่ราวกับเป็นเรือนหอของพระยาสิงขรและเมียคนที่สามอย่างออกหน้าออกตานั้นทำให้แม่เอื้องน้อยที่ยืนเงี่ยหูฟังร่วมกับพี่เลี้ยงประจำตัวด้านนอกบานประตูด้วยอารามถือวิสาสะถึงกับเจ็บแปลบปลาบที่อกอิ่มอย่างไม่มีสาเหตุ ดวงหน้าสาวลูกครึ่งซีดเผือดลงถนัดตา เนื่องจากก่อนที่คุณพี่เลือกที่จะหมั้นหมายกับผู้หญิงคนนี้ เขาให้เหตุผลว่าแค่เพียงต้องการดูแลหนึ่งในสิ่งที่อดีตลูกศิษย์นั้นให้ความสำคัญมาก พระยาสิงขรอ้างว่าขุนหลวงที่ตายไปในสงครามคนนั้นมาเข้าฝันว่ายังมีห่วงต่อผู้หญิงคนนี้แต่มันก็ไม่ชอบมาพากลตั้งแต่แรกแล้ว เธอรู้ว่าคุณพี่มีรสนิยมเรื่องกามเพศนั้นรุนแรงจนแม้กระทั่งคุณผู้หญิงยังรับไม่ไหว และเธอเองก็ไม่ใช่คนที่เขาต้องการ เขาจึงมักไปหาเศษหาเลยจากโสเภณีเหล่านั้นนอกบ้านนอกเรือนเสมอ แต่ไม่คิดว่าเขาจะอยากครอบครองแม้กระทั้งเมียของลูกศิษย์ตนเองผู้หญิงคนนี้เอง... ก็อาจพ่ายแพ้ต่อยศถาบรรดาศักดิ์ จนเลือกเข้ามาเป็นอนุภริยาพระยาคราวพ่อก็ได้น่ารังเกียจสิ้นดี สุดท้ายแล้วเขาก็เลือกกินแม้กระทั่งผู้หญิงของคนที่ปากบอกว่าเอ็นดูมาแต่เด็กหนักหนาจะแก้ตัวว่าลูก
หญิงนางหนึ่งงดงามเหลือจักกล่าว มีข่าวคราวถึงนางให้โศกศัลย์ด้วยท่านพ่อต้องการเมียมากอนันต์ รับหญิงหม้ายขันหมากมาสู่ขอท่านพี่เป็นเช่นไรในเเดนสรวง คงเย็นยวงมิได้กันเเล้วหนาถ้าได้กลอนนี้เมื่อไรจงตอบมา เเลข้าจักส่งคนไปในเร็ววันลงชื่อลายมือยิ่งยง ผู้เป็นน้องรักของเจ้าคุณพี่เสมอมาไอ้ยิ่งยงมันช่างเจ้าบทเจ้ากลอนมิเคยเปลี่ยนเลยสิหนา คงอยากให้ข้ารู้จนตัวสั่นว่าตนเองนั้นเล่าเรียนได้ระดับสูงถึงเพียงไหนริมฝีปากหยักลึกฉีกยิ้มพลางสอดกระดาษนั้นเผาลงกับไฟตะเกียง กลิ่นกำยานหอมผสมปนเปกับกลิ่นยาสูบจนเกิดกลุ่มควันลอยฟุ้ง ร่างกายเปลือยเปล่าของหญิงสาวนางหนึ่งซุกไซร้อยู่เบื้องบนร่างกายกำยำใหญ่โตของ ‘ยอดหล้า’ พี่ชายคนโต ที่ตอนนี้เพิ่งได้รับตำแหน่งขุนหลวงมาเมื่อไม่นานนัก“จดหมายนั้น... ท่านเผามันทำไมกันหรือเจ้าคะ” หญิงสาวโฉมสะคราญถามถึงแผ่นกระดาษที่เห็นลายมืองดงามที่ค่อยๆ เผาไหม้ไปเป็นเถ้าถ่าน ยอดหล้าหันกลับมาสบหน้าหล่อน พลางส่ายหน้า“กระผมได้รับข่าวเรื่องการหมั้นหมายของคุณแม่คนใหม่ เลยวุ่นวายใจเล็กน้อยขอรับ”“แต่ข่าวลือเรื่องการหมั้นหมายกับเมียหม้ายของขุนหลวงที่ตายในสนามรบคนนั้นกับพ่อของท่านก็เลื่องลืออ
คิดถึงเตียงนุ่มๆ คิดถึงห้องแอร์เย็นฉ่ำๆ จังโว้ย!สาวเจ้ายืดตัวบิดขี้เกียจ รู้สึกว่าตั้งแต่ขุนแสนคำพาหล่อนมาที่นี่ก็เอาแต่คลุกตัวอยู่ด้วยกันไม่พัก บางครั้งก็มีท่าทีไม่อยากให้เธอออกจากห้อง ทำเป็นปากแข็งไปอย่างนั้นเอง สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับร่างกายสตรีแต่ตอนนี้เธอก็เหมือนจะแพ้เหมือนกัน ทำไมถึงได้แรงเยอะขนาดนี้นะ ขาสั่นไปหมดแล้วแต่จะให้อยู่เฉยๆ คงจะไม่ไหว เธอในฐานะอนุภรรยาต้องคิดทำการใหญ่อย่างเช่นการเอาใจเมียหลวงทั้งสองเพื่อสืบเรื่องราวภายในบ้านหลังนี้แกรกนางบัวงามเปิดประตูไม้ออก มองซ้ายมองขวาก็ไม่แลเห็นใครอยู่รอบเรือนใหญ่ ดูเหมือนว่าพระยาสิงขรจะสั่งการไม่ให้มีใครเข้ามาวุ่นวายหรือรบกวนเราสองคน อาจจะเพราะว่าเขาเวลาใช้เวลาอยู่ร่วมกับหล่อนค่อนข้างรุนแรงและเสียงดังพอสมควรพูดให้ถูกก็คือ... ไม่อยากให้เมียถูกมองไม่ดีสินะพ่อผีเฮี้ยนของแม่บัวงามนี่มีมุมโรแมนติกบ่อยเสียจริง แต่อย่าคิดว่ามันจะทำให้นาวสาวบีหวั่นไหว แน่นอนว่าเธอเคยเวอร์จิ้นและไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ใครๆ ที่เป็นแบบนี้คงจะคิดว่าหัวใจเธอจะอ่อนแอเพราะอ่อนประสบการณ์แต่ไม่เลยเพราะดีลแรกนั้นสำคัญ และเธอเองก็รู้มาตั้งแต่แร
“นี่! ทำตัวเป็นโรคจิตไปได้ ไอ้เด็กบ้า” จนในที่สุดนางบัวงามก็ทนไม่ไหว ใช้กำลังที่มีผลักอกเด็กหนุ่มออกอย่างแรง ไม่รู้ว่าตัวจะสูงไปถึงไหน ถึงจะดูผอมไม่ได้ออกทรงกำยำแบบพี่ผี แต่แรงผู้ชายยังไงก็ยังคงเป็นแรงผู้ชาย แรงของเธอส่งเขาถอยหลังไปได้เพียงแค่ก้าวเดียวสั้นๆ เท่านั้น “มาแอบตามดูคนอื่น จิตไม่ปกติหรือไง”เหอะ! ช่างเป็นหญิงที่ปากคอเราะร้ายนักไม่รู้ว่าทำไมยัยผู้หญิงท่าทางกระโดกกระเดกคนนี้ถึงได้ไปต้องตาต้องใจพ่อนัก จนถึงขนาดกกนอนกันตั้งแต่เช้ามืดจนบ่ายไม่ยอมมากินข้าวกินปลา แต่ก็เพราะเหตุผลนั้นเขาจึงจำเป็นต้องตามมาลอบดูว่าหล่อนไปใช้มารยาอีท่าไหน เพราะมื้อกลางวันที่พวกเขากำลังเริงลีลาสวาท มิ่งขวัญแทบทนดูสีหน้าอมทุกข์ของคุณเอื้องน้อยแทบมิไหว มันช่างขัดหูขัดตาสิ้นดีสุดท้ายก็เป็นอากาศอยู่ในเรือนหลังนี้เพราะท่าทางที่ไม่เอาจริงเอาจังสักทีนั่นล่ะ ยัยผู้หญิงคนนั้นกระทำตัวเหมือนเหยื่อทุกลมหายใจเข้าออกจริงๆทั้งๆ ที่ในภวังค์จิตนึกขบฟัน แต่สีหน้าที่แสดงออกต่อผู้หญิงตรงหน้ากลับมีเพียงรอยยิ้มมุมปากราวกับไม่ยี่หระกับวาจาหยาบคายไม่สมหญิงเท่านั้น“ก็แค่เป็นห่วงน่ะ เห็นว่าขลุกอยู่แต่กับตาแก่จอมหมกมุ่นเสียค
แต่เมื่อมุ่งมั่นจะเดินตรงออกไป กลับถูกคว้าด้วยฝ่ามือหนาของมิ่งขวัญ พลิกตัวหล่อนให้หันกลับมาประจันหน้ากันอีกครั้ง ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่อยากปล่อยเธอไปง่ายๆ สันดานความไม่ยอมแพ้ในเรื่องง่อยๆ ของชายแท้กำลังทำงานตื้อชะมัดเลยไอ้เด็กเวรนี่“คิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงมีโอกาสต่อว่าฉันได้หลายหน พอกันที! ชักเหลือทนกับพฤติกรรมของหล่อนแล้ว!” ต่อล้อต่อเถียงไปก็มากความนัก อีกฝ่ายจึงกระชากแขนหล่อนให้เดินตามไปด้วยกัน “ฉันจักมิพูดพร่ำให้เสียเวลา ฉันจักจับมือหล่อนไปประจันหน้ากับเจ้าคุณแม่ให้รู้แล้วรู้รอดไป หล่อนจักได้รับรู้ถึงความถือดีของตนเองเสียที!”“ปล่อยฉันนะไอ้เด็กบ้า” เอาเข้าไปเถอะ มันจะไม่ยอมลงให้กันจริงๆ ใช่ไหมแต่เมื่อฉุดกระชากลากถูขึ้นเรือนมาได้ ก็พบกับศาลากลางน้ำตรงจุดศนย์กลางะหว่างเรือนไทยใหญ่ที่มีหญิงงามวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังนั่งกรองมาลัยอยู่ด้วยความประณีต มิ่งขวัญสบโอกาสเพราะนั่นคือคุณผู้หญิงทองพินที่เป็นเป้าหมายของตร จึงกึ่งลากกึ่งถูฝ่ายนางบัวงามที่เดินเซซัดตามแรงผู้ชายของเด็กหนุ่มร่างสูงมาต้อยๆ“นี่! ปล่อยฉัน” เมื่อมาถึงตรงหน้าของคุณแม่ เขาก็สะบัดข้อมือหล่อนออกทันที แสดงท่าทางก้าวร้าวอย่าง
“วันนี้มื้อกลางวันมิเห็นหล่อนกับคุณพี่มาทานข้าว แต่ฉันเตรียมสำรับไว้เผื่อเธอหิวอยู่แล้ว ถ้าหิวก็บอกฉันนะ จักเรียกบ่าวมาจัดสำรับให้ตรงนี้” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเอาแต่ยืนยิ้มไม่พูดไม่จาอะไร คุณผู้หญิงทองพินจึงถือโอกาสตัดสินใจว่านั่นคือคำอนุญาต รีบกวักมือเรียวเรียกบ่าวนางหนึ่งที่นั่งพับเพียบเฝ้าที่พื้นเรือนข้างๆ พลางกระซิบกระซาบให้ยกถาดสำรับมาวางให้นางบัวงามที่ยืนอยู่ตรงหน้า บ่าวไพร่มีท่าทีสงบในขณะที่รุดเดินจ้ำก้มหัวนอบน้อมให้เธอและคุณผู้หญิงไปด้านหลัง ซึ่งน่าจะเป็นที่ตั้งของห้องครัวประจำเรือน “ขอโทษที่ทำให้คุณผู้หญิงต้องลำบากนะเจ้าคะ” นางสาวบีพูดอย่าง ถ่อมตน นั่นเพราะอีกอย่างข้าวเมื่อวานที่ตกถึงท้องก็มีแค่ข้าวที่จับมือมาไม่กี่ ก้อนกับน้ำพริกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยิ่งผ่านศึกรักมาอย่างหนักหน่วงเพราะ ขุนแสนคำโคตรดุก็ยิ่งหิวโหยเป็นพิเศษถึงจะแอบหวั่นเกรงถึงบางสิ่งที่คนเป็นเมียหลวงน่าจะใส่ในอาหารตั้งแต่มื้อก่อนก็เถอะ แต่ดวงตาที่จับจ้องราวกับพร้อมรับชมอากัปกิริยาทุกอย่างของหล่อนทำเอาตัวแข็งไม่กล้าขัดขืนหรือปฏิเสธ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงใจดีกับเธอขนาดนั้น แต่ครั้นจะให้ไปหากับข้าวกับปลากินเองก็ใช่ที่
ขุนแสนคำในร่างพระยาสิงขรล่วงรู้เรื่องราวความผิดปรกติภายในพระราชวังจากข้อความที่ส่งมาจากคนสนิทในวังของท่านดูเหมือนในหมู่พระสนมทั้งห้าสิบคน จะมีพระสนมคนหนึ่งมีการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างแปลก และเริ่มเอิกเกริก เอาใหญ่ในด้านความสัมพันธ์กับพระราชา จนพระมเหสีผู้เปรียบไม่ต่างมารดาของเมืองรู้สึกไม่พอพระทัย และต้องการกำจัดพระสนมคนนี้อย่างลับๆ จึงมอบหมายงานนี้ให้คนในวังเป็นหูเป็นตาคอยกลั่นแกล้งให้เสียฐานันดรไปแน่นอนว่าฝั่งพระยาสิงขรเป็นปฏิปักษ์กับพระมเหสี เนื่องจากทำงานอยู่ใต้ร่มพระบาทของพระเจ้าอยู่หัว จึงต้องหาวิธีสกัดกั้นความคิดนั้นของพระองค์เสีย อย่างไรในยุคนี้หญิงไม่มีทางเป็นใหญ่ไปมากกว่าชายหรอก การมีสนมถึงห้าสิบคน เป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดที่พระมเหสีไม่มีวันหนีไปจากความจริงข้อนี้ได้ ในยุคที่กฎมณเฑียรบาลยังไม่เอื้อเฟื้อต่อผู้หญิงแม้แต่แม่เมือง ทำให้ผู้ชายรวมตัวกันคิดว่าถ้ามีอำนาจจะทำอะไรก็ได้แน่นอนว่าขุนแสนคำนั้นอยู่ในยุคโบราณที่ชายเป็นใหญ่ เขาจึงมีความคิดไปตามสมัย นึกเข้าข้างกษัตริย์ เพราะเป็นหญิงถึงต้องยอมผู้ชายเนื่องจากแข็งแรงกว่า หากพระมเหสีไม่เล่นกลการเมืองดีๆ ก็ไม่มีวันที่จะกำจัดพระส
หล่อนควรว่านอนสอนง่ายกับเขา จึงจะเหมาะเจาะที่สุด“เมื่อวานหล่อนยั่วยวนพี่ชายฉัน อย่าคิดว่ามิรู้มิเห็นเชียวล่ะ”“...”“ทำเอาตาเเก่นั่นโกรธเกรี้ยวเป็นฟืนไฟ ดูเหมือนจักประมาทพ่อฉันเกินไป หล่อนมิอาจล่วงรู้ว่าพ่อฉันทำอันใดได้บ้าง”“... คุณยอดหล้าเขาเป็นคนใจดี เเถมยังพึ่งพาได้อีกต่างหาก” เเต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้กระทบกระเทือนทางใจใดๆ เธออยากยอมรับด้วยซ้ำว่าเธอกำลังจะ ‘ยั่ว’ พี่ชายของเขา เพราะยังไงพี่ผีก็ไฟเขียวแล้วนี่ “หน้าตาก็ดี ยศศักดิ์ก็สูง หากจักมีใครตกบ่วงรักคุณเขา ก็ไม่น่าเเปลก”“เเต่หล่อนไม่มีสิทธิ์นั้น เพราะหล่อนเป็นเมียของพ่อฉัน! นั่นไม่ต่างกับมีศักดิ์เป็นเเม่อีกคนของไอ้… ยอดหล้า”“หากคนละสายเลือดเเล้ว ฉันไม่นับว่าเป็นญาติกันหรอก ดูพี่ชายเจ้ามิ่งเองก็สนใจฉันอยู่นะ”“เหอะ” มิ่งขวัญเเค่นหัวเราะ “หล่อนมิรู้หรือว่าพี่ชายข้ามีฉายาในพระนครเช่นไร เเต่มิเเปลกนัก ถึงรู้ หญิงเช่นหล่อนก็ยังคงคิดวิ่งโร่เข้าหามัน เเต่ฉันจักขอเตือนไว้”“...”“พี่ชายฉัน มันมิเหมือนพ่อที่จักตกหลุมพรางหล่อน มันไม่อ่อนโยนกับหล่อนดอก หากได้หล่อนครานึง หล่อนจักเป็นทาสรองบ่อนมันทุกคราไป เพราะมันน่ะคบค้าผู้หญิงมากเสียยิ่งกว่า
นางสาวบีนึกโล่งอก ถ้าเกิดเขายังทำเหมือนหล่อนเป็นตัวเเทนของเมียเก่าต่อไป มองเธอด้วยสายตาเว้าวอนอาลัยอาวรณ์ต่อไป อาจจะมีสักวันที่บีหลงรักขุนเเสนคำเข้าจริงๆ เพราะความสัมพันธ์ทางกายของเธอมีเเค่เขาเท่านั้น เเม้จะใช้ร่างกายของชายอีกคนก็ตามเเม้ว่าเขาจะโพล่งออกมาราวกับเรื่องที่เคยหวงเเหนร่างกายนี้ของนางบัวงามเมื่อก่อนที่เราตกลงสัญญาใจกันครั้งเเรกนั้นมันไม่ต่างกับคำโป้ปดก็ตามหากเเต่เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง เธอก็ลืมตาขึ้นมาในตอนเช้าท่ามกลางฟูกนอนที่ไร้คนเคียงกาย ซึ่งไม่ใช่เรื่องเเปลกเพราะอีกฝ่ายนั้นเพียงเเค่เล่นบทผัวด้วยความจำใจ นางสาวบีทำเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ เธอตื่นขึ้นมาขัดถูคราบเหงื่อโดยมีบ่าวรับใช้คอยปรนนิบัติในช่วงเช้า เเต่งหน้าทำผมเหมือนวันนี้คือวันทั่วๆ ไปของหล่อนหญิงสาวสะคราญนั้นเคลื่อนตัวเปิดบานประตูออก ในเช้าอันสดใสนั้นเหมือนกับโลกใบใหม่ นางสาวบียอมรับว่าเธอเองก็มีความรู้สึกเล็กๆ กับการขีดเส้นให้ชัดเจนในวันนี้ เเต่เพื่อชีวิตเเละหัวใจของเธอ การอกหักมันเจ็บ ยิ่งอกหักจากผู้ชายที่ไม่ลืมรักเก่ายิ่งเจ็บไปอีกสองเท่าที่บอกว่าไม่มีวัน… นั่นมันเพราะเขาไม่มีวันที่จะมาหลงชอบวิญญาณที่ไม่
บีที่ผล็อยหลับไปนั้นจมลงสู่ห้วงนิทราลึกลับในแบบที่ตนเองไม่เคยใฝ่ฝันจะนึกถึง พื้นที่ที่คุ้นเคย เศษความแห้งแล้งจากเพลิงสงคราม เลือดและซากศพของเหล่าทหาร กลุ่มควันไฟดำมืดล้อมรอบพื้นที่กว้างขวาง กลิ่นคาวคละคลุ้งชวนอยากอาเจียน รวมถึงร่างใหญ่ทะมึนที่ไม่พบเจอมาเสียนาน ร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลและรอยคมดาบบาดเลือดเนื้อ แผ่นหลังกว้างในชุดเกราะเต็มยศนั้นทำให้นางสาวบีที่ยังคงอยู่ในร่างของนางบัวงามค่อยๆ ก้าวเดินไปใกล้เขาแม้ภาพลักษณ์ของเขาจะดูน่ากลัวเหมือนที่เคยพบเจอ แต่เชื่อหรือไม่ว่าบีไม่แม้แต่จะรู้สึกหวาดกลัวเหมือนในคราวแรกแล้ว อาจเพราะหล่อนรู้ดีที่สุดว่าคนๆ นี้เป็นผู้ชายที่น่าสงสารและน่าหดหู่แค่ไหน การตายของเขามันทรมานเทียบเท่าไม่ได้กับการทรยศหักหลังของผู้หญิงคนนี้ด้วยซ้ำ“เรียกฉันมาในนิมิตนี่มีอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงหวานนั้นเอ่ยถามอย่างเหินห่าง ที่เขาทิ้งหล่อนนอนคนเดียวและจากไป เพื่อรอให้หลับสนิทจนดึงมาในนิมิตแห่งความตายใช่หรือเปล่า ดูเหมือนเขาเองก็รู้ตัวดีแล้วสินะว่าที่เธอพูดออกไปนั้นหมายความว่ายังไง หากเราสองคนจะขีดเส้นกันใต้ระหว่างกันชัดกว่านี้อีกนิด เพราะว่าเป้าหมายของเขามันย่อมไม่ได้มาโด
หมอนั่นก็แค่เด็กที่ถูกตามใจจนเคยตัวไม่ใช่เหรอ? ดูจากกิตติมาศักดิ์ลูกรักของคุณหญิง ไอ้หมอนี่คงจะคิดว่าทุกอย่างที่อยากได้ก็จะได้มาโดยง่ายสินะ เหมือนอย่างไอ้บอสพี่ชายแท้ๆ ของเธอไง พอรู้ตัวว่าเป็นลูกคนโปรดเลยคิดว่าขออะไรแม่ก็คงจะให้ แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆแต่ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่คิดจะไปเอาจากยอดหล้านั้นจะเพราะเธอต้องการข้อมูลส่วนตัวของบ้านนี้จริงๆ หรือเพราะว่าผูกใจเจ็บเรื่องเก่าๆ ของพี่ชายกันแน่แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะพอเดาความคิดความอ่านของเธอได้ เพราะหล่อนประมาท เขาถึงต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือแม้จะไม่เต็มใจ การที่เข้าสิงท่านพระยาก็เพราะเหตุผลนี้เช่นกัน เพราะความมุทะลุของวิญญาณแฝงในร่างนั้น กำลังจะพาปัญหาย้อนเข้าตัวแน่นอนว่าเขาชอบความกล้าของหล่อน ก็เลยปล่อยไปเฉยๆ ไม่ได้ อย่างไรนี่ก็ร่างของบัวงาม ร่างกายของหญิงที่เขารอคอยให้นางกลับมาอธิบายทุกๆ อย่างว่าเพราะเหตุใดจึงทรยศหักหลังเขาเช่นนี้“หึ สิ่งที่มึงกำลังคิดอยู่นั่นแลที่อันตราย” ฝ่ามือที่ผละออกเปลี่ยนมาบีบข้อแขนของหล่อนที่เม้มปากคิดขัดแย้งในห้วงอารมณ์ ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ถึงได้กระตุกยิ้มอย่างระอาใจเหลือทน กระตุกมือหนาแค่ทีเด
ปึง!หากแต่มีคนที่เก็บอารมณ์ไม่ได้ยิ่งกว่าใครที่เริ่มออกอาการหนัก พระยาสิงขรทุบโต๊ะเสียงดังจนจานชามกระจัดกระจายไปตามแรงเหวี่ยงของเขา พาลให้ทั้งโต๊ะอาหารตกอยู่ในความเงียบสงัด ทุกสายตาตรึงอยู่ที่ชายวัยกลางคนที่กำมือที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารแน่นเสียจนสั่น แม้แต่นางสาวบีก็ยังตกใจที่เขาเป็นไปได้ขนาดนั้น จนร่างกายใหญ่โตนั้นหยัดกายลุกขึ้น ทิ้งประโยคเย็นเยียบทิ้งท้ายเอาไว้“ข้าอิ่ม จักขึ้นเรือน”สุรเสียงที่ทุ้มต่ำไม่ได้กระแทกกระทั้น หากแต่กดต่ำเสียจนพาให้ขนหัวตั้ง ก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากตรงนั้น ทิ้งโต๊ะอาหารไว้ด้านหลังด้วยบรรยากาศที่อื้ออึงยอดหล้ายังคงฉีกยิ้มอยู่ ในขณะที่คุณหญิงนิ่งสงบพอๆ กับบ่าวรับใช้ที่ค่อนข้างตกใจกับท่าทีในวันนี้ของพระยาสิงขร ปรกติท่านไม่เคยมีปัญหากับยอดหล้าไม่ว่าเขาจะทำตัวต่อหน้าเช่นไร ขอเพียงไม่ล่วงเกินแม่ของตนเป็นอันดี เหตุผลที่แท้จริงเพราะว่าเขาเป็นลูกคนโตของผู้หญิงที่เขารัก รวมถึงเป็นลูกที่เก่งกาจมีพรสวรรค์ แต่ทว่าคราวนี้ท่านเปลี่ยนไปแค่เพียงเพราะเห็นลูกชายคนโตพูดจาสนิทสนมกับเมียใหม่เท่านั้นเมื่อคล้อยแผ่นหลังของชายวัยกลางคนไปแล้ว รอยยิ้มของยอดหล้าที่คงอยู่นั้นเปลี่ยนเ
การกลับมาที่บ้านในรอบปีของยอดหล้านั้นสร้างความยินดีให้แก่คุณผู้หญิงและบรรดาบ่าวรับใช้เพศหญิงเป็นอย่างมาก แน่นอน... เพราะเขานั้นมีวาจาคารมเป็นอาวุธ รวมถึงรูปโฉมที่แทบจะถอดแบบจากพ่อสมัยยังหนุ่มมาเต็มๆ การใช้คารมหลอกล่อผู้หญิงทั้งน้อยใหญ่ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินความสามารถของยอดหล้าคนนี้ตั้งแต่เล็กแต่น้อยก็ไปหยอกเอินแม่ครัว ไม่เคยแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายว่าคนไหนเป็นบ่าวในเรือนเบี้ยหรือคนไหนเป็นเมียขุนนางชั้นสูง ขอแค่เป็นผู้หญิงสะสวยพร้อมใช้คำเยินยอเสมอ บ่าวไพร่ในเรือนล้วนรักใคร่เอ็นดู ยิ่งได้รับแต่งตั้งยศขุนหลวงแล้วมีข่าวดีว่าจักกลับมาเยี่ยมบ้าน หญิงสาวน้อยใหญ่ในบ้านก็ดีใจจนเป็นลมใครจะรู้ว่าด้านมืดของบุตรชายคนโตผู้นี้น่ากลัวถึงเพียงไหน และคงไม่มีใครรับรู้ได้ดีเท่าพี่น้องร่วมสายเลือด โดยเฉพาะมิ่งขวัญที่ไม่ต่างจากสิ่งที่รอรับแรงระบายอารมณ์จากพี่ชายทั้งของคาวหวานถูกตระเตรียมมาเป็นการดีเสียจนเต็มโต๊ะ อาหารที่ดูหรูหราและพิเศษกว่าทุกมื้ออาหารที่ผ่านมา (และน่าจะไม่มีสารพิษจากเงื้อมมือคุณหญิงปะปนอีก) ถูกตั้งตระหง่านรอบโต๊ะ เมนูที่ผ่านปลายจวักจนประณีตบรรจงนั้นไม่ต่างจากอาหารในโรงแรมไทยหรูๆ เสียจนน่าสวาปา
แล้วเจ้าที่พี่ไม่เคยจักสามารถแสดงความอ่อนแอได้เลยสักคราเพราะกลัวเจ้าจักหลุดมือพี่ไป จักกลับมาหาพี่ได้เมื่อไหร่กันพี่กลัวว่าตนเอง... จักแสดงความอ่อนแอกับวิญญาณเร่ร่อนที่สิงสู่ในกายเจ้าไปมากกว่านี้ แลพี่จักมิเป็นตัวพี่อีกต่อไปใครๆ ก็รู้ว่าไอ้แสนคำไม่ใช่บุตรชายที่แท้จริงของเจ้าหมื่นบรมเดชะ เป็นเพียงเด็กชายเก็บมาเลี้ยงในบานะ ‘ทายาท’ เพื่อสืบทอดเชื้อสายต่อไป เนื่องจากลูกของเจ้าหมื่นนั้นมีแต่ผู้หญิง การที่เขาได้ยศขุนนำหน้าจากการทำความดีความชอบในการศึกตอนที่อายุยี่สิบปี ผู้เป็นพ่อนั้นพึงพอใจในตัวลูกยิ่งนัก เพราะแสนคำเติบโตมาอย่างดีในมุมมองของชายชาติทหาร เขาแข็งแกร่ง และสามารถสืบทอดเรื่องการรบได้อย่างดีเยี่ยมไม่ต่างกับบิดาเลี้ยงตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม แม้ว่าตอนนี้ขาข้างขวาจะใช้การไม่ได้จนต้องพึ่งไม่เท้าอยู่เป็นประจำหากแต่ใครจะรู้ถึงความกล้ำกลืนฝืนทนของบุตายที่เลื่องลือว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของท่าน พ่อแม่ของเขาเป็นใครไม่เคยพบเห็นหน้าค่าตาเลยสักครั้ง เพียงว่าเขาเป็นอดีตลูกทาส ที่เจ้าหมื่นขอซื้อมาเพราะในเรือนมีแต่บุตรหญิงเขามันเป็นเพียงลูกทาสที่ถูกพ่อแม่ขายให้ขุนมูลนายหวังมีพดเบื้ยไว้กินเศษข้าวเท่านั
ขุนแสนคำในร่างพระยาสิงขรล่วงรู้เรื่องราวความผิดปรกติภายในพระราชวังจากข้อความที่ส่งมาจากคนสนิทในวังของท่านดูเหมือนในหมู่พระสนมทั้งห้าสิบคน จะมีพระสนมคนหนึ่งมีการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างแปลก และเริ่มเอิกเกริก เอาใหญ่ในด้านความสัมพันธ์กับพระราชา จนพระมเหสีผู้เปรียบไม่ต่างมารดาของเมืองรู้สึกไม่พอพระทัย และต้องการกำจัดพระสนมคนนี้อย่างลับๆ จึงมอบหมายงานนี้ให้คนในวังเป็นหูเป็นตาคอยกลั่นแกล้งให้เสียฐานันดรไปแน่นอนว่าฝั่งพระยาสิงขรเป็นปฏิปักษ์กับพระมเหสี เนื่องจากทำงานอยู่ใต้ร่มพระบาทของพระเจ้าอยู่หัว จึงต้องหาวิธีสกัดกั้นความคิดนั้นของพระองค์เสีย อย่างไรในยุคนี้หญิงไม่มีทางเป็นใหญ่ไปมากกว่าชายหรอก การมีสนมถึงห้าสิบคน เป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดที่พระมเหสีไม่มีวันหนีไปจากความจริงข้อนี้ได้ ในยุคที่กฎมณเฑียรบาลยังไม่เอื้อเฟื้อต่อผู้หญิงแม้แต่แม่เมือง ทำให้ผู้ชายรวมตัวกันคิดว่าถ้ามีอำนาจจะทำอะไรก็ได้แน่นอนว่าขุนแสนคำนั้นอยู่ในยุคโบราณที่ชายเป็นใหญ่ เขาจึงมีความคิดไปตามสมัย นึกเข้าข้างกษัตริย์ เพราะเป็นหญิงถึงต้องยอมผู้ชายเนื่องจากแข็งแรงกว่า หากพระมเหสีไม่เล่นกลการเมืองดีๆ ก็ไม่มีวันที่จะกำจัดพระส
“วันนี้มื้อกลางวันมิเห็นหล่อนกับคุณพี่มาทานข้าว แต่ฉันเตรียมสำรับไว้เผื่อเธอหิวอยู่แล้ว ถ้าหิวก็บอกฉันนะ จักเรียกบ่าวมาจัดสำรับให้ตรงนี้” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเอาแต่ยืนยิ้มไม่พูดไม่จาอะไร คุณผู้หญิงทองพินจึงถือโอกาสตัดสินใจว่านั่นคือคำอนุญาต รีบกวักมือเรียวเรียกบ่าวนางหนึ่งที่นั่งพับเพียบเฝ้าที่พื้นเรือนข้างๆ พลางกระซิบกระซาบให้ยกถาดสำรับมาวางให้นางบัวงามที่ยืนอยู่ตรงหน้า บ่าวไพร่มีท่าทีสงบในขณะที่รุดเดินจ้ำก้มหัวนอบน้อมให้เธอและคุณผู้หญิงไปด้านหลัง ซึ่งน่าจะเป็นที่ตั้งของห้องครัวประจำเรือน “ขอโทษที่ทำให้คุณผู้หญิงต้องลำบากนะเจ้าคะ” นางสาวบีพูดอย่าง ถ่อมตน นั่นเพราะอีกอย่างข้าวเมื่อวานที่ตกถึงท้องก็มีแค่ข้าวที่จับมือมาไม่กี่ ก้อนกับน้ำพริกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยิ่งผ่านศึกรักมาอย่างหนักหน่วงเพราะ ขุนแสนคำโคตรดุก็ยิ่งหิวโหยเป็นพิเศษถึงจะแอบหวั่นเกรงถึงบางสิ่งที่คนเป็นเมียหลวงน่าจะใส่ในอาหารตั้งแต่มื้อก่อนก็เถอะ แต่ดวงตาที่จับจ้องราวกับพร้อมรับชมอากัปกิริยาทุกอย่างของหล่อนทำเอาตัวแข็งไม่กล้าขัดขืนหรือปฏิเสธ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงใจดีกับเธอขนาดนั้น แต่ครั้นจะให้ไปหากับข้าวกับปลากินเองก็ใช่ที่