เฉียวสือเนี่ยนยิ้มแต่ไม่ตอบ“เธอยิ้มอะไร...”ซ่งม่านยังไม่ทันจะพูดจบ ก็พลันนึกขึ้นได้ “หรือว่านักเลงคีย์บอร์ดพวกนั้น เป็นฝีมือของเธอเหรอ?”เฉียวสือเนี่ยนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ถ้าไม่ทำแบบนี้ เราจะปั่นกระแสจนได้รับความนิยมในเวลาอันสั้น ทำให้ชาวเน็ตทุกคนสงสัยในเกมของเราได้ยังไงล่ะ?”“กรี้ด เฉียวสือ
เป็นฮั่วเยี่ยนฉือที่โทรเข้ามาหลังจากเฉียวสือเนี่ยนยกหูโทรศัพท์ขึ้นมารับสายแล้ว ฮั่วเยี่ยนฉือก็พูดว่ามีข่าวหนึ่งจะบอกเธอและถามว่าเธอมีเวลาว่างมารับประทานอาหารด้วยกันหรือไม่“เนี่ยนเนี่ยน ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่ประเทศ XX เธอรับปากว่าจะทานข้าวกับฉัน ตอนนี้ก็น่าจะหาเวลาได้แล้วใช่ไหม?” ฮั่วเยี่ยนฉือถามเฉ
“ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก” เฉียวเล่อเยียนเช็ดลิปสติกที่ทาเลยขอบริมฝีปากออกมา “ก็แค่ไม่เคยคิดไปในทางนั้นมาก่อน…พี่ พี่คงไม่ได้คิดจะทำให้อวี๋จิ่งเฉิงหยุดความคิดที่มีต่อพี่อย่างเด็ดขาด ถึงจงใจพูดแบบนี้หรอกใช่ไหม?”“ไม่หรอก พี่ไม่น่าทำแบบนั้น” ยังไม่ทันรอให้เฉียวสือเนี่ยนได้พูดจา เฉียวเล่อเยียนก็ทึกทักตอ
เฉียวสือเนี่ยนเงยหน้าขึ้นมา ไม่คิดว่าจะเป็นซ่งชิงชวนซึ่งไม่ได้เจอหน้ากันมาพักหนึ่งแล้วเมื่อเทียบกับสภาพย่ำแย่และท่าทางอ่อนแอในวันนั้นที่อยู่ใต้หุบเหวที่ประเทศ XX แล้ว ซ่งชิงชวนในเวลานี้ก็กลับมามีลักษณะสุภาพบุรุษผู้สูงส่งอีกครั้งเขาอยู่ในชุดสูทสีเทาเข้ม ดวงตาภายใต้แว่นกรอบทองยังคงอ่อนโยนและสง่างามด
“พี่——”ในขณะที่ฮั่วเยี่ยนฉือโน้มศีรษะลงมา ด้านหน้าก็มีเสียงอันสดใสของเฉียวเล่อเยียนดังขึ้น“อ๊ะ ขอโทษค่ะ ฉัน… ฉันไม่เห็นอะไรเลยนะ!”เฉียวเล่อเยียนที่สังเกตเห็นถึงความผิดปกติพลันรีบพูดขอโทษอย่างอึก ๆ อัก ๆ จากนั้นก็หมุนตัวกลับไป แล้วยังเอามือปิดตาด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนเฉียวสือเนี่ยนกลับมามีสติสัมปชั
หาได้ยากที่อวี๋จิ่งเฉิงจะพูดคำพูดค่อนข้างแข็งกร้าวออกมา ในสถานการณ์ปกติเขาจะทั้งอ่อนโยนและใส่ใจมากตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเฉียวเล่อเยียนกำลังเลี่ยงเขา เขาไม่ได้พยักหน้าคล้อยตาม แต่กลับเสนอขึ้นมาเองว่าจะไปส่งเธอกลับบ้านในใจเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกดีใจอยู่บ้าง จากปฏิกิริยาของอวี๋จิ่งเฉิง เห็นได้ชัดว่าเขามีคว
แม้ว่าเฉียวสือเนี่ยนจะมีความขุ่นเคืองต่อหลีพัวถิงอยู่บ้าง แต่เฉียวสือเนี่ยนก็ยังคงเชื่อใจในนิสัยของหลีพัวถิงหลีพัวถิงเป็นคนที่มีหลักการทำงานตรงไปตรงมาและเที่ยงธรรม ไม่ได้โหดเหี้ยมและต่ำช้าเหมือนหลีซูเหยียนครั้งนี้หลีซูเหยียนอาจไปล้ำเส้นหลีพัวถิงเข้า จึงทำให้เขาผิดหวังมากเกินไปในใจเฉียวสือเนี่ยนก็
เมื่อได้ยินดังนั้น แววตาของซ่งชิงชวนดูจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้ตอบคำถามของเธอตามที่เฉียวสือเนี่ยนต้องการแต่กลับยกน้ำชาบนโต๊ะขึ้นมาดื่ม “สือเนี่ยน ขอบคุณนะที่วันนี้คุณยอมพบผม แค่น่าเสียดายที่ความเข้าใจผิดของคุณที่มีต่อผมมันมากเกินไป และคำอธิบายของผมก็ไม่สามารถทำให้คุณคลายความกังวลได้”ซ่งชิงช
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั