ลู่ฉินหนานกังวลแล้ว “เธอไม่มีกระดูกหรือไง นั่งให้มันตรง ๆ หน่อย!”“คุณชายลู่ คุณหมายความว่ายังไง ประธานฮั่วบอกแล้วให้ฉันมาดื่มเป็นเพื่อนเขา ฉันนั่งแบบนี้ไม่ถูกตรงไหนเหรอ? คุณจะโมโหขึ้นมาทำไม!” ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยอย่างฉุน ๆ “เธอ——”“ถ้านายไม่อยากดื่มก็ไสหัวไป จะมาสร้างปัญหาอะไรอยู่ที่นี่?” ฮั่วเยี่ยนฉ
“ก่อนหน้านี้ผมเคยโน้มน้าวพี่ ว่าอย่าแตะต้องลูกของเธอ พี่สะใภ้จะเกลียดพี่ได้ พี่ไม่ฟัง! ตอนนี้พี่สะใภ้ถูกพี่บีบจนจากไป พี่พอใจแล้วล่ะสิ!”พูดจบลู่เฉินหนานก็นั่งถอยไปหนึ่งเมตรอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าฮั่วเยี่ยนฉือจะหงุดหงิดจนกลายเป็นความโกรธและลงไม้ลงมือกับเขาอีกครั้งสุดท้าย ฮั่วเยี่ยนสือก็ไม่ได้ทำอะ
ป้าหวังรีบหยิบมันขึ้นมา “อันนี้คุณผู้หญิงซื้อมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนค่ะ ตอนนั้นเธอหวงมาก สั่งห้ามไม่ให้ป้าแตะต้องโดยเด็ดขาด ก็ไม่ทราบว่าทำไมตอนที่คุณผู้หญิงเก็บของถึงไม่เอาไปด้วย”“คุณผู้ชาย อยากจะถามคุณผู้หญิงไหมคะ ว่าลืมเอาไปหรือเปล่า?”ฮั่วเยี่ยนฉือไม่พูดอะไร เขายื่นมือไปรับถุงกระดาษ และหยิบกล่องส
อวี๋จิ่งเฉิงเอ่ย “พี่เคยดูข้อมูลที่เกี่ยวข้องแล้ว น่าจะมีแค่ผู้บริหารระดับสูงเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าถึงได้ และพี่แยกแยะอย่างคร่าว ๆ แล้ว ความเป็นไปได้มากที่สุดคือ ลุงเฉียวกับป้าเฉียวเป็นฝ่ายเปิดโปงออกมา”เมื่อเฉียวสือเนี่ยนได้ยิน ก็ตกตะลึงอย่างมาก “พี่จิ่งเฉิง พี่สุดยอดไปเลย! งั้นพี่ไปหาคุณลุงกับคุณ
“น้องเฉียว ตั้งแต่ที่พี่กับคุณปู่อวี๋มาถึงไห่เฉิงและเจอเธอครั้งแรก พี่ก็รู้สึกว่าเธอพิเศษมาก ๆ”อวี๋จิ่งเฉิงจ้องเฉียวสือเนี่ยน “หลายปีมานี้ แม้พี่จะไม่ได้ติดต่อกับเธอ แต่พี่ก็รู้ข่าวคราวของเธอจากคุณปู่ไม่น้อยเลย” “ได้ยินว่าเธอแต่งงานกับคนที่ชอบแล้ว พี่รู้สึกอิจฉาคนคนนั้นมาก ๆ แต่สิ่งที่พี่สามารถทำไ
หลายวันมานี้ เขาส่งคนสะกดรอยตามที่อยู่ของเหล่าหลินอยู่ตลอด เพราะคิดอยากจะสืบผู้บงการเบื้องหลังของเขาออกมา ตอนนี้ในที่สุดก็มีข่าวคราวแล้ว“นายจัดเตรียมคนควบคุมเขาเอาไว้ก่อน เรื่องที่เหลือพรุ่งนี้ค่อยจัดการ”โจวเทียนเฉิงลังเลเล็กน้อย และเอ่ย “ประธานฮั่ว คุณยังคงแวะมาที่บริษัทหน่อยเถอะครับ”คิ้วเข้มของ
ยุ่งเรื่องของเขาทำไมเฉียวสือเนี่ยนปิดม่านหน้าต่างลง แล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน......ตอนที่ฮั่วเยี่ยนฉือมาถึงห้องทำงาน โจวเทียนเฉิงก็รอเขาอยู่แล้ว“ทางฝั่งเหล่าหลินมันยังไงกัน คนล่ะอยู่ที่ไหน?” ฮั่วเยี่ยนฉือถาม“ประธานฮั่ว คุณดูอันนี้หน่อยครับ” โจวเทียนเฉิงส่งข้อมูลฉบับหนึ่งให้ฮั่วเยี่ยนฉือด้วยสีหน้
คุณแม่ของฮั่วเยี่ยนฉือไม่ตอบกลับถามแทน “สือเนี่ยน ร่างกายของเธอฟื้นฟูเป็นยังไงบ้าง ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?”“เกือบจะหายดีแล้วค่ะ คุณหมอจะให้ยาฉันและกายภาพบำบัดทุกวัน”เฉียวสือเนี่ยนเอ่ย “อีกสองวันฉันยังคิดว่าจะไปเยี่ยมท่านกับคุณย่า คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเข้ามาหาด้วยตัวเองแล้ว”“ร่างกายไม่เป็นอะไรก็ดีแล
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั