เมื่อได้ยินดังนั้น ฮั่วเยี่ยนฉือจึงดึงสายตากลับมา เขายกมือขึ้นมากุมหน้าผาก “กลับสิ”เมื่อเฉียวสือเนี่ยนนำกระเป๋าเข้าไปเก็บในห้องได้ไม่นาน ฟู่เถียนเถียนก็ส่งข้อความมาบอกว่าเธอถึงร้านเนื้อย่างแล้ว[รอเดี๋ยว ฉันใกล้จะถึงแล้ว!]เมื่อตอบกลับข้อความแล้ว เฉียวสือเนี่ยนจึงหยิบเซ็ทสกินแคร์บำรุงผิวที่ซื้อมาฝากฟู่เถียนเถียนไปยังร้านเนื้อย่างด้วยร้านนี้อยู่ข้าง ๆ โรงแรมใช้เวลาเดินทางไม่กี่นาที เมื่อเฉียวสือเนี่ยนมาถึง ฟู่เถียนเถียนก็ได้ทำการสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว ส่วนเนื้อก็กำลังถูกย่างบนกระดาษในเตาอยู่“มาแล้ว!” ฟู่เถียนเถียนเอ่ยทักทาย “ฉันสั่งของอร่อยให้เธอเยอะมากเลย”เมื่อได้กลิ่นหอมฉุยของเนื้อย่าง เฉียวสือเนี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย “ดีจัง ตอนที่อยู่ประเทศ M ฉันกินอะไรไม่สะใจเลย อยากกินเนื้ออยากกินชิ้นโต ๆ กับผัก”“งั้นวันนี้เธอเชิญทานตามสบาย วันนี้เจ๊เลี้ยงเอง กินให้หนำใจไปเลย!”“ขอบคุณคุณฟู่คนสวย”เฉียวสือเนี่ยนนั่งลงก่อนจะหยิบของฝากยื่นไปให้ฟู่เถียนเถียน “ฉันซื้อของฝากมาให้”“โอ้โห เซตนี้แพงมากด้วยนี่ ขอบคุณนะคุณเฉียวคนสวย”“เนื้อสุกแล้ว กินกันเถอะ!”เฉียวสือเนี่ยนไม่มีพิธีรีตองอะไรกับ
เมื่อเดินเข้าไปด้านใน ฮั่วเยี่ยนฉือก็เห็นสิ่งของเครื่องใช้ของเฉียวสือเนี่ยนไม่มากเครื่องสำอางบนโต๊ะเครื่องแป้งถูกหยิบไปเกินครึ่ง และยังมีที่คาดผมที่เธอมักสวมใส่ โคมไฟส่องหน้ารูปทรงแปลกประหลาดก็หายไปแล้วเช่นกันในห้องแต่งตัว เดิมทีถูกแขวนไว้ด้วยเสื้อผ้าสีสดใสมากมาย แต่ตอนนี้กลับว่างเปล่า ชั้นรองเท้าและกระเป๋าก็ว่างไปหลายชั้นความรู้สึกว่างเปล่าเมื่อครู่กลับมาครอบงำอีกครั้งฮั่วเยี่ยนฉือยุ่งอยู่กับการทำงานที่ประเทศ M ทั้งวัน ตอนที่นั่งเครื่องบินกลับมาเขาก็ไม่ได้พักผ่อน ตอนนี้จึงรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมากเขาล้มตัวลงนอนบนเตียงหมอนและผ้าห่มยังคงมีกลิ่นของเฉียวสือเนี่ยนฮั่วเยี่ยนฉือนนึกถึงตอนที่อยู่ประเทศ M เขากลัวว่าตัวเองจะอดใจไม่ไหวที่จะรังแกเฉียวสือเนี่ยนในตอนกลางคืนจนทำให้เธอโกรธและกลับไป เขาจึงบังคับตัวเองให้นอนแยกกับเฉียวสือเนี่ยน แต่ในตอนนี้เขากลับรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมากเขาควรจะนอนอยู่ที่ห้องนอน ต่อให้จะต้องอุ้มเธอมานอนในกลางดึก แต่ก็สามารถได้ใกล้ชิดกับเธอสองสามชั่วโมงเห็นได้ชัดว่าเขาทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย แต่ไม่สามารถเข้านอนได้ ฮั่วเยี่ยนฉือจึงโทรศัพท์ไปหาเฉียวสือเนี่ยนเสีย
ฮั่วเยี่ยนฉือพูดเสียงเรียบ “ออกไปแจ้งแก่ทีมโปรเจกต์ว่าจะประชุมในอีกสิบห้านาที““ค่ะ ประธานฮั่ว”หลังจากที่เลขาออกไปแล้ว ลู่เฉินหนานก็โวยวายขึ้นอย่างไม่พอใจอีกครั้ง “พี่ฉือ ผมตั้งใจมาหาพี่เลยนะ แต่พี่กลับให้ผมพูดกับพี่แค่สิบห้านาทีเนี่ยนะ?”ฮั่วเยี่ยนฉือ “นายชอบพูดเรื่องไร้สาระ ฟังแค่สิบห้านาทีก็พอแล้ว““...” ลู่เฉินหนาน “พี่ฉือ ทำไมพี่ต้องใส่ร้ายผมขนาดนี้ด้วย! ผมพูดไร้สาระตรงไหน ที่ผมช่วยวิเคราะห์เรื่องพี่สะใภ้ มีจุดไหนที่ไม่ตรงบ้าง?”เมื่อพูดถึงเฉียวสือเนี่ยน ฮั่วเยี่ยนฉือก็รู้สึกหงุดหงิดใจ “คำแนะนำของนายใช้ไม่ได้ผลแม้แต่อย่างเดียว”ไม่ว่าจะเป็นขอโทษ อธิบายให้เธอฟัง หรือลดศักดิ์ศรีตัวเอง ก็ไม่ทำให้เฉียวสือเนี่ยนเปลี่ยนใจได้เลย“ทำไม พี่สะใภ้ยังอยากหย่าอีกเหรอ?” ลู่เฉินหนานถามฮั่วเยี่ยนฉือเม้มริมฝีปาก และสุดท้ายเขาก็เล่าให้ลู่เฉินหนานฟัง “ฉันตกลงกับเธอไปแล้วว่าหากจัดการโปรเจกต์นี้เสร็จ จะไปดำเนินการเรื่องหย่าให้”“ทำไมต้องตกลงล่ะ” ลู่เฉินหนานไม่เข้าใจความคิดของฮั่วเยี่ยนฉือ “พี่สะใภ้พูดอะไรที่ทำให้พี่โกรธ พี่ถึงตอบตกลงอย่างหุนหันพลันแล่นงั้นเหรอ?”ฮั่วเยี่ยนฉือมีสีหน้าอ่านได้ยาก “เธอบ
อาจเป็นเพราะเฉียวสือเนี่ยนจ้องอีกฝ่ายนานเกินไป ซ่งม่านจึงหันหน้ามามองเธอเมื่อพวกเธอสบตากัน ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มของซ่งม่านก็แข็งทื่อทันที“คุณเฉียว บังเอิญจัง คุณก็มารับพี่ซิวหย่วนเหรอ”ซ่งม่านเดินมาหาเธออย่างไม่ลังเลเฉียวสือเนี่ยนไม่รู้จริง ๆ ว่าจะต้องทำตัวอย่างไรต่อซ่งม่านก่อนที่เธอจะไปต่างประเทศ โม่ซิวหย่วนตั้งใจสร้างความเข้าใจผิดเอาไว้ไม่น้อย แถมเขายังไปหาเธอที่ประเทศ M อีกด้วย ซ่งม่านคงจะเกลียดเธอเข้าไส้แล้วตอนที่ถูกโม่ซิวหย่วนหลอกให้ไปเจอซ่งม่านที่ร้านอาหารครั้งก่อน เธอได้อธิบายไปแล้วว่าไม่มีอะไรระหว่างเธอกับโม่ซิวหย่วน และเคยพยายามเกลี้ยกล่อมซ่งม่านอีกด้วยแต่เห็นได้ชัดว่าซ่งม่านไม่คิดจะถอยห่างจากโม่ซิวหย่วนเลยแม้แต่นิดเดียวตอนนี้ เมื่อเฉียวสือเนี่ยนต้องเผชิญหน้ากับน้ำเสียงซักถามอย่างไม่ค่อยพอใจของซ่งม่าน เธอจึงทำได้เพียงนิ่งสู้ “ฉันติดบุญคุณโม่ซิวหย่วนไว้ครั้งหนึ่ง เขาจึงให้ฉันมารับเขา ถ้าเป็นเหตุผลนี้คุณจะเชื่อไหม?”จู่ ๆ ซ่งม่านก็ตอบกลับเสียงสูง แววตาของเธอเต็มไปด้วยความโมโห “เธอไม่ต้องเล่นละครตบตาฉันอีกแล้ว พี่ซิวหย่วนชอบเธอข้างเดียว! ไม่ว่าพวกเธอจะทำยังไง ฉันก็จะไม
“พี่ซิวหย่วน...” ซ่งม่านเอ่ยทักทายเขาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆโม่ซิวหย่วนปิดประตูลงอย่างแรง “เฉียวสือเนี่ยน เธอทำบ้าอะไร ทำไมซ่งม่านถึงอยู่ที่นี่!”เห็นได้ชัดว่าโม่ซิวหย่วนโกรธจริง ๆ เขาถึงได้เรียกชื่อเต็มของเธอออกมาเฉียวสือเนี่ยนกระพริบตาปริบ ๆ อย่างใสซื่อ “รถของคุณซ่งเสียก็เลยอยากกลับไปพร้อมพวกเราด้วย ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นคู่หมั้นของคุณนะ จะให้ฉันทำเป็นเมินเฉยไม่ได้หรอก”โม่ซิวหย่วนโมโหยิ่งกว่าเดิม “เธอโกรธที่ฉันไม่ได้กลับมาด้วย เธอถึงทำแบบนี้กับฉันใช่ไหม! แต่เธอก็สัญญาแล้วว่าจะหย่ากับฮั่วเยี่ยนฉือ ผ่านมาตั้งหลายวันยังไม่ได้ทำเรื่องหย่าเลย มันก็เป็นธรรมดาที่ฉันจะไม่พอใจ!”“...” เรื่องราวมันมาถึงขั้นนี้ได้ยังไง?“เฉียวสือเนี่ยน ถ้าเธอกล้าพูดต่อหน้าซ่งม่านว่าจะไม่มีทางหย่า งั้นฉันก็จะไม่รักเธอ!”โม่ซิวหย่วนจงใจแกล้งเธอ เธอจะพูดแบบนี้ออกไปได้อย่างไร!เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง เฉียวสือเนี่ยนจึงหันไปพูดกับโม่ซิวหย่วน “เป็นบ้าให้มันน้อย ๆ หน่อย เรื่องที่ฉันจะหย่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลยแม้แต่นิดเดียว”“ฉันรู้ว่าก่อนหน้านี้เธอรักฮั่วเยี่ยนฉือแค่ไหน ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมีใจให้ฉัน เธอจะหย่า
“…”โม่ซิวหย่วนรู้จักที่กินที่เที่ยวมากมาย ไม่นานเขาก็หาโรงแรมซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพวกเขาและมีรสชาติอาหารอร่อยมากแห่งหนึ่งเฉียวสือเนี่ยนหิวมากจริง ๆ จึงขับรถไปยังโรงแรมนั้นทันทีหลังจากทั้งสองมาถึง เฉียวสือเนี่ยนก็นำกุญแจรถฝากไว้ที่เด็กจอดรถ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องรับรองแขกในโรงแรมสุดหรูกับโม่ซิวหย่วน“คุณผู้หญิงฮั่ว?”เมื่อพนักงานเพิ่งจะเข้ามาต้อนรับพวกเขา จู่ ๆ ก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากด้านหลังเฉียวสือเนี่ยนเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเป็นป๋ายอีอีเธอสวมชุดทำงาน และข้าง ๆ มีผู้ชายสวมชุดสูทยืนอยู่สองสามคน รวมไปถึงฮั่วเยี่ยนฉือซึ่งอยู่ในชุดสูทสีดำพวกเขาเพิ่งจะเดินออกมาจากลิฟต์ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งกินข้าวกันเสร็จเมื่อได้ยินเสียงเรียกทักของป๋ายอีอี คนที่กำลังพูดคุยกับคนข้าง ๆ อย่างฮั่วเยี่ยนฉือก็เงยหน้าขึ้นมามองทันทีเมื่อเห็นว่าเธอและโม่ซิวหย่วนอยู่ด้วยกัน สีหน้าของฮั่วเยี่ยนฉือก็เปลี่ยนเป็นไม่พอใจทันที“ประธานโม่ก็อยู่ด้วย บังเอิญจริง ๆ พวกคุณมาทานข้าวเหรอคะ?”ป๋ายอีอีราวกับไม่รู้ว่าบรรยากาศในตอนนี้ผิดปกติไป เธอเอ่ยทักทายโม่ซิวหย่วนโม่ซิวหย่วนตอบกลับเสียงเรียบ “เพิ่งกลับมาจากประเทศ M ก็เล
เมื่อได้ยินฮั่วเยี่ยนฉือพูดดังนั้น ยิ่งทำให้เฉียวสือเนี่ยนมั่นใจว่าเขาเป็นคนทำให้โม่ซิวหย่วนต้องกลับไปฮั่วเยี่ยนฉือเดินมาตรงหน้าเธอ “เธอไปรับโม่ซิวหย่วนที่สนามบินเหรอ?”“มีปัญหาอะไร?” เฉียวสือเนี่ยนถามกลับฮั่วเยี่ยนฉือจ้องเธอด้วยสายตาเย็นชา “เธอไปตั้งไกลเพื่อเป็นคนขับรถงั้นเหรอ?”เฉียวสือเนี่ยน “...” ประชดประชันใครกันขณะนั้นเองพนักงานก็นำอาหารมาเสิร์ฟพอดี เฉียวสือเนี่ยนคร้านจะสนใจเขา จึงหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารเมื่อฮั่วเยี่ยนฉือถูกเฉียวสือเนี่ยนเมิน เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้น “ในเมื่อเธอไม่ใช่คนขับรถของเขา ทำไมตอนไปร้านอาหารคราวก่อนถึงไปขับรถให้เขา วันนี้ก็ไปรับเขาที่สนามบินด้วยตัวเองอีก?”“เขาไม่มีคนขับรถ หรือเธอชอบเขาจริง ๆ แม้แต่สถานะตัวเองยังไม่สนใจ คิดแต่จะหาเวลาไปหาเขา!”เฉียวสือเนี่ยนเงยหน้าขึ้น เธอยิ้มบาง ๆ “ใช่ ถ้าคุณเข้าใจความคิดของฉันขนาดนี้ งั้นก็ช่วยรีบตัดความสัมพันธ์ของเราเสียทีสิ”ฮั่วเยี่ยนฉืออึ้งไป สีหน้าและน้ำเสียงของเขาแข็งกร้าว “เฉียวสือเนี่ยน เธอใช้ข้ออ้างว่าการใช้ชีวิตคู่ของเราทำให้เธอไม่มีความสุขจนอยากจะหย่ากัน ฉันก็อดทนยอมรับ”“แต่ถ้าเธอทำให้ฉันเป็นคนโง่ มองการแต
ฮั่วเยี่ยนฉือพยักหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟต์ป๋ายอีอีกำโทรศัพท์ในมือแน่น ก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟต์อีกตัว……เมื่อฮั่วเยี่ยนฉือเดินมาถึงห้องทำงาน ลู่เฉินหนานก็มารออยู่ก่อนแล้วลู่เฉินหนานไม่ได้พูดอะไรมาก ก่อนจะหยิบเอกสารออกมาส่งไปให้เขา “พี่ฉือ ผมสืบมาแล้ว เพื่อนของพี่สะใภ้คนนั้นชื่อเฉิงหว่านซิน และมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับป๋ายอีอีจริง ๆ ในนี้มีบันทึกการโทรของพวกเธอ และรูปจากกล้องวงจรปิดร้านกาแฟ”ฮั่วเยี่ยนฉือดึงเอกสารออกมาดูและเป็นดังที่ลู่เฉินหนานพูด ในนั้นมีบันทึกการโทรและรูปที่แคปออกมาจากวิดีโอ“ไม่มีหลักฐานการโอนเงินเข้าออกเหรอ“ ฮั่วเยี่ยนฉือถามลู่เฉินหนานส่ายหน้า “ผมให้คนไปสืบแล้วไม่มี แต่ช่วงนี้คุณเฉิงใช้เงินเป็นน้ำ เธอซื้อกระเป๋ารองเท้าแบรนด์เนมมากมาย ล้วนใช้เงินตัวเองซื้อทั้งหมด”“ก่อนหน้านี้พี่สะใภ้มักจะเป็นคนซื้อของพวกนี้ให้เธอ” ลู่เฉินหนานอธิบาย “ช่วงนี้ไม่รู้ว่าเธอและพี่สะใภ้ทะเลาะอะไรกัน เหมือนกับว่าพี่สะใภ้บล็อกเบอร์โทรศัพท์ของเธอไป”“จริงสิ เดือนที่แล้วพ่อของคุณเฉิงได้ชักชวนให้ตระกูลเฉียวมาทำธุรกิจใหญ่ร่วมกัน แต่พี่สะใภ้ไม่เห็นด้วย” ลู่เฉินหนานพูดเสริม——ถึงแม้
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั