“ฮ่าฮ่า อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ ผมไม่ได้มาช่วยพี่ฉือพูดหรอก!”ลู่เฉินหนานหัวเราะ “ก็แค่อยากถามพี่ว่าชินหรือยัง ได้ยินมาว่าพี่อยากซื้อบ้านใหม่ ผมมีบ้านอยู่ในเมืองหลายที่ เดี๋ยวจะส่งข้อมูลไปให้ พี่ลองดูนะว่าชอบที่ไหน ผมยกให้!”“เฉียวสือเนี่ยนปฏิเสธอย่างไม่คิด “ไม่ต้อง หากไม่ได้ทำประโยชน์ให้ ก็ไม่ควรจะรับรางวัลตอบแทน ฉันซื้อเองได้“เฉียวสือเนี่ยนไม่มีอารมณ์มาคุยเล่นกับเขา ลู่เฉินหนานลูบท้ายทอยตัวเองเบา ๆ “พี่สะใภ้ ถึงแม้ผมจะเป็นน้องพี่ฉือ แต่เรื่องปัญหาความสัมพันธ์ของพวกพี่ ผมและคุณฟู่ต่างสนับสนุนพี่นะ!”แม้แต่จะสนับสนุนเธอ เขาก็ต้องแสดงให้เห็นว่าตัวเองได้จุดยืนเดียวกับฟู่เถียนเถียนเฉียวสือเนี่ยนอดไม่ได้ที่จะถาม “นายคงไม่ได้คิดอะไรกับเถียนเถียนใช่ไหม?”ลู่เฉินหนานตอบอย่างร้อนรน “พี่สะใภ้จะพูดมั่ว ๆ แบบนี้ไม่ได้นะ พวกเราเป็นเพื่อนกัน ถึงแม้ผมและคุณฟู่จะเพิ่งรู้จักกันแต่พวกเราก็เหมือนเพื่อนที่สนิทกันมานาน ผมไม่มีทางคิดอะไรกับเธอแน่!”เธอเองก็มีความคิดว่าฟู่เถียนเถียนอาจไม่ชอบเขาเช่นกัน“พี่สะใภ้ ถึงแม้ผมจะสนับสนุนการกระทำของพี่ แต่ถ้าพี่คิดว่าพี่ฉือไม่สนใจ จึงอยากหย่าเพราะว่าโกรธเขา ผมอยากช่ว
เมื่อได้ยินดังนั้น ฮั่วเยี่ยนฉือจึงนำเอกสารที่อยู่บนโต๊ะยื่นมาให้ป๋ายอีอีป๋ายอีอีหยิบขึ้นมาดูด้วยสีหน้างุนงง“นี่เป็นบันทึกการโทรของฉันและพี่เฉิง และรูปที่ไปร้านกาแฟกับเธอก่อนหน้านี้ มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?”ฮั่วเยี่ยนฉือถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ที่คืนนั้นเฉิงหว่านซินไปสร้างเรื่องวุ่นวายในที่พักของเธอ เธอเป็นคนวางแผนงั้นเหรอ?”ป๋ายอีอีดูเหมือนจะไม่เข้าใจว่าทั้งสองเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกันยังไงหลังจากที่นิ่งอึ้งไป เธอก็ดึงสติตัวเองกลับมา“เยี่ยนฉือ คุณหมายความว่าเพราะฉันเคยติดต่อกับคุณเฉิง เพราะฉะนั้นฉันเลยสั่งให้คุณเฉิงมาขายหน้าตัวเองเหรอ?”ป๋ายอีอีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “ฉันไม่รู้นะว่าทำไมคุณถึงสงสัยเรื่องนี้ แต่ฉันกับคุณเฉิงเคยเจอกันจริง ๆ คุณเฉิงยังมีไลน์ฉันด้วย แต่ฉันไม่ได้ทำเรื่องนี้นะคะ”ป๋ายอีอีเล่าว่า ในงานเลี้ยงไม่กี่เดือนก่อน เฉิงหว่านซินเป็นคนเข้ามาขอเบอร์โทรศัพท์ และเพิ่มเพื่อนในไลน์เองและเมื่อดูจากอินสตาแกรมของอีกฝ่าย จึงทำให้เธอรู้ว่าเฉิงหว่านซินและเฉียวสือเนี่ยนเป็นเพื่อนรักกันทุก ๆ ครั้งที่เฉิงหว่านซินโพสต์รูปภาพ คอมเมนต์จะเต็มไปด้วยคำเย้ยหยันถากถาง ทำให้เธอรู้ว่าเฉี
แต่เรื่องนี้ ป๋ายอีอีไม่คิดว่าจะต้องอธิบายให้พ่อฟัง“พ่อ วันไหนที่พ่อจะไปหาเยี่ยนฉืออีกครั้ง พ่อต้องขอโทษเขาในเรื่องที่พ่อบุ่มบ่ามเข้าไปต่อว่าเฉียวสือเนี่ยน”“อืม พ่อเข้าใจแล้ว” ป๋ายซื่ออวี้ทอดถอนใจ “อีอี เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของลูกกับเยี่ยนฉือก่อนหน้านี้ดีจะตายไป ทำไมลูกถึงต้องไปต่างประเทศ ถ้าไม่ไปละก็ ไม่แน่ว่าพวกลูกอาจได้อยู่ด้วยกันนานแล้ว คงไม่มีเรื่องเฉียวสือเนี่ยนเข้ามา”เมื่อพูดเรื่องนี้ขึ้นมา สีหน้าของป๋ายอีอีก็เปลี่ยนไป “พ่อ เลิกพูดเรื่องในอดีตเถอะ คิดว่าพวกเราไร้วาสนาต่อกันก็พอ”“ไม่ต้องกังวล ไม่ช้าก็เร็วเยี่ยนฉือจะต้องรู้ว่าลูกเป็นคนที่เหมาะสมกับเขาที่สุด” ป๋ายซื่ออวี้ปลอบใจ“หวังว่าจะเป็นแบบนั้น” ป๋ายอีอีตอบ “พ่อ ฉันกำลังขับรถอยู่ วางสายก่อนนะ”เมื่อวางสายแล้ว ป๋ายอีอีก็ได้หาไลน์ของใครคนหนึ่ง ก่อนจะส่งคำขอบคุณไปให้อีกฝ่าย [เรื่องครั้งนี้ต้องขอบคุณเธอนะ][ประธานป๋ายไม่ต้องเกรงใจฉันก็ได้ เรื่องเล็กน้อย]ป๋ายอีอีเก็บโทรศัพท์ลง สีหน้าของเธอเย็นชาเป็นอย่างมากหากจะสืบเรื่องเฉิงหว่านซินเพราะมีหลักฐานก็พอเข้าใจได้ แต่ทำไมฮั่วเยี่ยนฉือถึงสืบเรื่องผู้ชายสองคนนั้นที่มณฑลหู?……เ
เขามาได้อย่างไร?“คุณตาเรียกฮั่วเยี่ยนฉือมาเหรอคะ?” เฉียวสือเนี่ยนถามเฉียวตงไห่ยิ้ม “ตอนบ่ายเขาโทรมาหาตา ถามเรื่องสุขภาพช่วงนี้ ตาเลยพูดขึ้นเฉย ๆ ว่าอีกเดี๋ยวหนูจะมา เขาอยากจะมาทานข้าวไหม และเขาก็ตอบตกลง”เฉียวสือเนี่ยนรู้ว่าคุณตาไม่อยากให้เธอหย่ากับฮั่วเยี่ยนฉือ ไม่อย่างนั้นผ่านวันเกิดคุณย่าฮั่วมาตั้งครึ่งเดือนแล้ว เขากลับไม่ได้ถามถึงเรื่องระหว่างเธอและฮั่วเยี่ยนฉือแม้แต่ครั้งเดียวที่เรียกให้ฮั่วเยี่ยนฉือมาก็อาจเป็นเพราะคิดว่าพวกเขายังพอมีความหวังอยู่น่ารำคาญจริง ๆ เมื่อไรแล้วฮั่วเยี่ยนฉือจะเซ็นหย่าให้เธอสักที ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป กลัวว่านับวันจะยิ่งหย่ายากขึ้นเรื่อย ๆ เฉียวสือเนี่ยนเริ่มรู้สึกอยากทำสัญญาร่วมกับโม่ซิวหย่วนซะแล้วไม่นานนัก ฮั่วเยี่ยนฉือก็เดินเข้ามาดูเหมือนเขาจะเพิ่งกลับมาจากงานเลี้ยงทางการที่ไหนสักแห่ง เขาสวมชุดสูทสีดำทั้งตัว ด้านในสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ประณีต ถึงแม้จะแต่งตัวเหมือนกับปกติทุกวัน แต่รัศมีที่ส่งผ่านออกมาจากตัวเขา ล้วนสุขุมและทรงพลังจนไม่สามารถมองข้ามได้ฮั่วเยี่ยนฉือเหลือบมองเธอก่อนจะเอ่ยทักทายผู้อาวุโสอย่างสุภาพ เขาหันไปถามอวี๋จิ่งเฉิงด้วยน้ำเสียงเรียบ
เฉียวสือเนี่ยน “?”นี่มันคำถามบ้าอะไรกันถ้าจะพูดถึงโม่ซิวหย่วนก็คงจะไม่แปลก แต่ทำไมถึงลากอวี๋จิ่งเฉิงเข้ามาเกี่ยวด้วย?ฮั่วเยี่ยนฉือเดาความคิดของเฉียวสือเนี่ยนออก เขาจึงพูดขึ้น “เท่าที่ฉันรู้มา กิจการที่ต่างประเทศของอวี๋จิ่งเฉิงเป็นไปได้สวย เธอคิดว่าทำไมเขาถึงยอมเป็นลูกมือของคุณลุงที่ M•Q ด้วยล่ะ?”เฉียวสือเนี่ยน “เมื่อกี้เขาก็ตอบชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอ มีตรงไหนที่คุณไม่เข้าใจอีก?”ฮั่วเยี่ยนฉือมองเธอ “ถ้าเขาไม่อยากไปต่างประเทศ ก็มีอีกหลายที่ที่สามารถไปอยู่ได้ ทำไมต้องจงใจมาที่เมืองไห่เฉิง?”เพราะฉะนั้น ฮั่วเยี่ยนฉือจึงหมายความว่า ที่อวี๋จิ่งเฉิงมาทำงานที่ M•Q เป็นเพราะเธอนอกจากที่มณฑลหูแล้ว ก่อนหน้านี้เธอและอวี๋จิ่งเฉิงเคยเจอกันแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก ฮั่วเยี่ยนฉือพูดแบบนี้มันน่าขำเกินไปไหม!“ฮั่วเยี่ยนฉือ ฉันจะต้องเตือนสติคุณสักนิด พวกเราใกล้จะหย่ากันแล้ว กรุณาเก็บความหึงหวงไร้สาระของตัวเองไปด้วย!” เฉียวสือเนี่ยนพูดอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะเดินออกจากห้องไปเมื่อได้กลิ่นหอมจากตัวเธอที่ลอยผ่านไป ฮั่วเยี่ยนฉือจึงเม้มปากลง ก่อนจะเดินตามเธอออกไปทั้งสองเดินเข้ามาในห้
เมื่อเฉียวสือเนี่ยนได้ยินดังนั้นก็รีบพูดขึ้น “คุณตา ที่นี่ไม่มีเสื้อผ้าของเขา ไม่สะดวกหรอกค่ะ!”เฉียวตงไห่กล่าว “ทำไมจะไม่มีล่ะ? เสื้อผ้าที่หนูซื้อให้เขาก่อนหน้านี้ยังอยู่ในตู้เสื้อผ้าไม่ใช่เหรอ?”“...” เฉียวสือเนี่ยนเคยซื้อให้เขาจริง ๆเธอคิดว่าเผื่อสักวันฮั่วเยี่ยนฉือจะมาค้างที่นี่และไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน เธอจึงซื้อเสื้อผ้าติดตู้เอาไว้ให้เขาหลายชุดถึงแม้ก่อนหน้านี้ฮั่วเยี่ยนฉือจะไม่เคยมาพักที่บ้านคุณตาเลยก็ตาม“เขายังมีงานที่ต้องจัดการอีกมาก ต้องกลับไปบริษัทค่ะ” เฉียวสือเนี่ยนพูดต่อ“เยี่ยนฉือ จริงเหรอ?” เฉียวตงไห่ถามฮั่วเยี่ยนฉือเฉียวสือเนี่ยนถลึงตาส่งสัญญาณให้ฮั่วเยี่ยนฉือแค่มากินข้าวที่นี่ฉันก็รำคาญจะตายแล้ว อย่าได้คิดที่จะอยู่ที่นี่ต่อเลย!ฮั่วเยี่ยนฉือมองเฉียวสือเนี่ยน ก่อนจะพูดกับเฉียงตงไห่ “ผมมีงานที่ต้องจัดการจริง ๆ ครับ”เฉียวสือเนี่ยนกำลังยิ้มแป้นอย่างดีใจ แต่ฮั่วเยี่ยนฉือกลับพูดต่อด้วยน้ำเสียงสุขุมมั่นคง “แต่สามารถจัดการผ่านวิดีโอคอลในโน้ตบุ๊กได้ครับ”“งั้นก็ดี ไม่ต้องไป ๆ มา ๆ หรอก อยู่ที่บ้านนี่แหละ!” เฉียงตงไห่ยื่นคำขาดอย่างดีใจ“คุณตา วันนี้หนูก็จะอยู่ที่นี่ด้วย” เฉี
“ข้าง ๆ มีห้องรับแขกอยู่ ฉันจะให้แม่บ้านเอาชุดผ้าปูไปเปลี่ยนให้ใหม่ คืนนี้คุณนอน...”“เฉียวสือเนี่ยน ตอนนั้นทำไมเธอถึงอยากแต่งงานกับฉันให้ได้?” ฮั่วเยี่ยนฉือพูดแทรกขึ้นเมื่อได้ยินคำถามของเขา เฉียวสือเนี่ยนจึงหันไปมองเขาตาโต“เธอรู้ว่าการแต่งงานครั้งนี้ให้ในสิ่งที่เธอต้องการไม่ได้ แต่เธอก็ยังคงดึงดันที่จะแต่ง แต่พอไม่มีความสุข เธอก็ดึงดันจะหย่าให้ได้ เธอเคยนึกถึงความรู้สึกของฉันไหม?” ฮั่วเยี่ยนฉือถามอีกครั้งเฉียวสือเนี่ยนกระแอมเบา ๆ “นี่ฉันก็กำลังคิดแทนคุณอยู่นะ ปล่อยให้คุณมีอิสระ ปลดพันธนาการให้คุณ เราต่างมีความสุขทั้งคู่ไง”“ไม่ใช่เราต่างมีความสุขทั้งคู่” ฮั่วเยี่ยนฉือพูดขึ้น “เธอมัวคิดแต่จะหย่า เธอไม่ได้คำนึงถึงความสัมพันธ์ของพวกเราเลย”เฉียวสือเนี่ยนมองฮั่วเยี่ยนฉืออย่างสงสัยแววตาของเขาลุ่มลึกและแฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เฉียวสือเนี่ยนไม่เข้าใจ“คุณต้องการจะพูดอะไรกันแน่?” เฉียวสือเนี่ยนถามฮั่วเยี่ยนฉือก้มหน้ามองเฉียวสือเนี่ยน ท่าทีของเธอดูสบาย ๆ เป็นกันเองมากกว่าตอนอยู่ที่วิลล่าหลงเถิงเห็นได้ชัดว่า ที่นี่ทำให้เธอสบายใจมากกว่า“เฉียวสือเนี่ยน จากนี้ไปเธออยากใช้ชีวิตยังไง ฉ
แววตาของฮั่วเยี่ยนฉือสะท้อนความรู้สึกบางอย่างที่ต่างออกไป ทำให้เฉียวสือเนี่ยนอึ้งไปเล็กน้อย“เฉียวสือเนี่ยน ครั้งที่แล้วถึงแม้ป๋ายอีอีจะไม่ได้แจ้งความ แต่ถ้าคนมันจนตรอกก็ทำได้เหมือนกัน ถ้าป๋ายอีอีแจ้งความ คนที่จะเจ็บหนักที่สุดคือเธอนะ” ฮั่วเยี่ยนฉือพูดขึ้นอีกเฉียวสือเนี่ยนดึงสายตากลับมา “เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับคุณ”ฮั่วเยี่ยนฮือยื่นมือออกไปเชยคางของเธอขึ้น “เธอเป็นภรรยาของฉัน เรื่องของเธอเกี่ยวกับฉัน”เฉียวสือเนี่ยนสะบัดมือเขาออกอย่างไม่ชอบใจ “เดี๋ยวก็จะไม่ใช่แล้ว”“ใครบอกว่าไม่ใช่?”ฮั่วเยี่ยนฉือมองเธอด้วยแววตาลุ่มลึก “เฉียวสือเนี่ยน ฉันไม่ชินที่เธอย้ายออกไป ฉันไม่ชอบใจที่เธออยู่กับผู้ชายคนอื่น ฉันคงจะมีความรู้สึกต่อเธอแล้วล่ะ”เฉียวสือเนี่ยนสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ในชาติที่แล้ว เธอร้องขอแค่คำนี้คำเดียวจนตัวเองดูไร้ค่าแต่ฮั่วเยี่ยนฉือไม่เคยชายตามองเธอสักครั้งในชาตินี้ เพียงเธอแค่อยากหย่าเพื่อให้หลุดพ้นจากฮั่วเยี่ยนฉือ เขากลับบอกว่ามีความรู้สึกต่อเธอ?ช่างไร้สาระจริง ๆเธอในชาติที่แล้ว ทั้งน่าสงสารทั้งน่ารังเกียจ“เธอแต่งงานเพราะความรู้สึก งั้นตอนนี้ช่วยคิดเรื่องหย่าอีกทีได้ไหม?”
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั