Share

ไม่อยากแต่งงาน

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-12 17:23:13

วันนี้ฮองเฮา “หวงจินเหลียน” ได้แวะมาเยี่ยมเยียน “องค์หญิงมู่หรงเซียว” บุตรสาวของตนถึงตำหนักด้วยความรักใคร่

พระนางทรงฉลองพระองค์สีแดงเหลือบทอง งดงามสูงศักดิ์ ปิ่นปักผมหงส์ทองประดับบนมวยผมอย่างวิจิตร ทุกย่างก้าวสง่างามสมตำแหน่งสตรีผู้เป็นศูนย์กลางแห่งวังหลัง

แม้จะทรงเป็นสตรีวัยกลางคนแล้ว แต่หวงจินเหลียนยังคงความงามอ่อนช้อยตามแบบฉบับสตรีแห่งเจียงหนาน ดวงพักตร์อ่อนโยนแต่เปี่ยมด้วยอำนาจ นัยน์ตาสีดำขลับลึกล้ำ ทว่าแฝงไว้ด้วยเสี้ยวหนึ่งของเชื้อสายแคว้นต้าชิง

มู่หรงเซียวได้รับรู้อยู่เสมอว่าพระมารดาของตนนั้นมีสายเลือดต้าชิงอยู่ในกายเสี้ยวหนึ่ง แม้จะมิได้เอ่ยถึงบ่อยครั้งก็ตาม

หากกล่าวว่าสตรีที่งดงามที่สุดในแคว้นเจียงหนานคือฮองเฮา เช่นนั้นคงไม่ใช่เรื่องแปลกที่องค์หญิงจะทรงได้รับสิริโฉมอันโดดเด่นมาจากพระนาง

"คารวะเสด็จแม่"

เสียงหวานดังขึ้น มู่หรงเซียวก้าวออกมาต้อนรับพระมารดาด้วยท่าทีอ่อนช้อย แม้จะเพิ่งกลับจากการหนีเที่ยวมาไม่กี่วัน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพระมารดา นางกลับวางกิริยาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

"เซียวเซียวของแม่ เจ้าเตรียมพร้อมสำหรับพิธีปักปิ่นแล้วหรือยัง?"

น้ำเสียงอ่อนโยนของ ฮองเฮาหวงจินเหลียน เอื้อนเอ่ยขึ้น ขณะทอดพระเนตรพระธิดาด้วยแววตาเอ็นดูปนห่วงใย

"เจ้าอายุสิบหกหนาวแล้วนะลูก แต่ยังทำตัวเป็นเด็กอยู่เลย"

"เสด็จแม่..."

"ชิงหลิงบอกแม่หมดแล้วว่าเจ้าไปทำอะไรที่ไหนมา"

สุรเสียงอ่อนโยนแฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง ดวงเนตรคมดุจอัญมณีจ้องมองมู่หรงเซียวจนองค์หญิงน้อยต้องหลุบตาต่ำ

"หากเสด็จพ่อรู้เข้า หลังพิธีปักปิ่น เจ้าคงหนีไม่พ้นสมรสพระราชทานแน่ เมื่อถึงเวลานั้น แม่เองก็คงช่วยเจ้าไม่ได้ เพราะฉะนั้น... ช่วงนี้จงอยู่แต่ในตำหนัก และเตรียมพร้อมสำหรับพิธีที่จะมาถึง"

"ลูกทราบแล้วเพคะ เสด็จแม่."

นางรู้ดีว่าพระมารดาหวังดีกับตน แต่นางยังมิอาจทำใจยอมรับเรื่องการแต่งงานได้ เพื่อต้องการเปลี่ยนหัวข้อสนทนา มู่หรงเซียวจึงรีบเอ่ยขึ้น

"ไหนๆ เสด็จแม่ก็เสด็จมาแล้ว ลองดื่มน้ำชาสูตรใหม่ของลูกดีหรือไม่เพคะ?"

"เอาสิ อย่างน้อยเจ้าก็ชงชาได้ดีมาก"

ฮองเฮายิ้มบางๆ รับถ้วยชาที่บุตรสาวยื่นให้กับมือ

"แม้เจียงหนานจะขึ้นชื่อเรื่องชามากเพียงใด แต่พรสวรรค์ในการชงชาของเจ้านั้นกลับโดดเด่นกว่าใครในใต้หล้า"

"เสด็จแม่กล่าวชมเกินไปแล้วเพคะ"

"หากวันหน้าเจ้าได้ออกเรือนกับองค์ชายสักพระองค์ ข้าเกรงว่า สามีของเจ้าอาจจะหลงใหลในฝีมือชงชาของเจ้าจนไม่อยากไปไหนเลยก็เป็นได้"

มือที่กำลังจับถ้วยชาของมู่หรงเซียวชะงักไปครู่หนึ่ง ความเงียบแผ่ปกคลุมรอบตัว

'แต่งงาน?'

นางไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าวันหนึ่งจะต้องแต่งงาน แต่... นางไม่อยากแต่งงาน

แม้ว่านางจะเป็นเพียงองค์หญิงพระองค์เดียวที่ประสูติจากฮองเฮา แต่ในวังหลังนั้นยังมีพระพี่นางต่างพระมารดาอีกหลายองค์ สตรีเหล่านั้นล้วนแต่งออกไปยังแคว้นอื่น บ้างก็เป็นบรรณาการทางการเมืองเพื่อเสริมสร้างพันธมิตรให้กับแคว้น

และหากวันหนึ่งนางต้องจากบ้านเกิดไปเช่นกัน...

เพียงแค่คิด หัวใจดวงร้อยขององค์หญิงก็หนักอึ้งขึ้นมาทันที

ข่าวลือแพร่สะพัดกันว่าราชทูตจากหลายแคว้นได้รับเชิญให้มาร่วมงานปักปิ่นขององค์หญิงมู่หรงเซียว และไม่เพียงเท่านั้นบางแคว้นถึงกับมีข่าวว่าองค์ชายจะเสด็จมาด้วยพระองค์เอง

หากเป็นจริง นั่นหมายความว่างานนี้มิใช่เพียงพิธีปักปิ่นธรรมดา แต่อาจเป็นการเลือกคู่ครองอย่างไม่เป็นทางการ!

แต่ไม่ว่าสิ่งนั้นจะคืออะไร นางยังไม่พร้อม...

มู่หรงเซียวหลุบตาลง ดื่มด่ำรสชาติของชาในถ้วย ทว่าในใจกลับขมปร่า นางอยากยืดเวลาออกไป  ยืดให้นานที่สุด

แต่ลึกๆ แล้ว นางรู้ดีว่าคงยืดได้ไม่พ้นเหมันตฤดูที่กำลังจะมาถึงนี้เป็นแน่...

พิธีปักปิ่นใกล้เข้ามาทุกขณะ แต่มู่หรงเซียวกลับไม่อาจทนความน่าเบื่อของการเตรียมงานได้ นางจึงแอบลอบออกจากวังหลวงอีกเช่นเคย

แม้เวรยามจะแน่นหนาสักเพียงใด แต่ก็มิอาจต้านทานความสามารถขององค์หญิงตัวแสบได้ เพราะ “องค์ชายมู่หรงเยวี่ยน” พระเชษฐาของนางได้แอบถ่ายทอดวิชายุทธ์ให้ ด้วยกังวลว่าสักวันหนึ่งจะมีบุรุษเหลือบไร้ค่ามาตอมรอบตัวพระขนิษฐาให้มัวหมองใจ

วิชาตัวเบาของมู่หรงเซียว ก็ถือว่าไม่เป็นรองใครในใต้หล้า! ทว่าเพียงก้าวเท้าออกจากกำแพงวังได้ไม่นาน เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากเงามืด

"นั่น เจ้าคิดจะไปไหน?"

ร่างบางชะงักกึก ก่อนจะหันขวับไปตามสัญชาตญาณ

"เสด็จพี่!?"

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   มู่หรงเยวี่ยน

    เสียงหวานอุทานออกมาอย่างตกใจ คนที่ยืนกอดอกมองนางด้วยสายตาดุกร้าว มิใช่ใครอื่น แต่เป็นองค์ชายมู่หรงเยวี่ยน พระเชษฐาผู้เถรตรงยิ่งกว่าไม้บรรทัดของขุนนางเสียอีก ครั้งนี้นางคงมิรอดถูกลากกลับวังเป็นแน่!หมดกัน อิสรภาพของวันนี้...แต่มู่หรงเซียวยังไม่ยอมแพ้หรอกนะ"ละเว้นข้าสักวันได้หรือไม่เพคะ เสด็จพี่?"มู่หรงเซียวเปลี่ยนน้ำเสียงออดอ้อน ดวงตากลมโตฉายแววอาลัยอาวรณ์"พรุ่งนี้ข้าต้องเข้าพิธีปักปิ่นแล้ว อาจถูกจับแต่งงานเมื่อใดก็ไม่รู้... ข้าอยากชมทิวทัศน์ของเจียงหนานให้เต็มตาสักครั้งเถิด""ไม่ได้!"แม้คำปฏิเสธของพระเชษฐาจะดูไร้ซึ่งเยื่อใย แต่เจ้าตัวไม่ยอมแพ้ง่ายๆ มู่หรงเซียวเบี่ยงกายเข้าใกล้ ก่อนจะคว้าหมับเข้าที่แขนเสด็จพี่ ของนาง"ถือว่าข้าขอเถอะเพคะ! หากท่านระแวง เช่นนั้นก็ไปกับข้าก็ได้"มู่หรงเยวี่ยนขมวดคิ้วมุ่น ดวงเนตรคมกริบฉายแววครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจอย่างจำนน"ก็ได้..." เสียงทุ้มต่ำตอบรับ"แต่ห้ามทำตัวซุกซน ไม่เช่นนั้นข้าจะพากลับวังทันที""ย่อมได้!"องค์หญิงตัวแสบยิ้มกว้าง ก่อนจะคล้องแขนพี่ชายแน่นราวกับกลัวเขาจะเปลี่ยนใจค่ำคืนนี้ มู่หรงเซียวได้ลากมู่หรงเยวี่ยนมายังโรงน้ำชาแห

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   สบตามังกร

    แต่เป็นกลิ่นของสิ่งใดกัน? คล้ายกำยานจันทน์หอม ทว่ามีความเย็นเยียบเจือปนบางเบา ราวกับไอหมอกในยามรุ่งสาง"อึก!"มัวแต่เหม่อจนไม่ทันระวัง เท้าบางก้าวพลาดไปเบื้องหน้า และก่อนที่ร่างของนางจะร่วงลงสู่พื้น"หมับ!"ฝ่ามือใหญ่ของใครบางคนได้คว้าแขนของนางไว้แน่ สัมผัสอบอุ่นประคองร่างนางไว้อย่างมั่นคง และกลิ่นหอมประหลาดที่นางเพิ่งสูดเข้าจมูกเมื่อครู่ ก็ลอยอวลอยู่ตรงนี้จากตัวบุรุษผู้นี้"ขอบคุณท่านมาก"มู่หรงเซียวเงยหน้าขึ้น เสียงของนางแม้จะมั่นคงดี แต่หัวใจกลับเต้นแรงผิดจังหวะภาพที่ปรากฏในสายตาคือบุรุษผู้หนึ่งที่มีรูปร่างสูงใหญ่ สง่างาม ดวงตาสีทองลึกล้ำราวกับพญาเหยี่ยว จ้องมองลงมาด้วยแววตายากจะหยั่งถึงราวกับสายลมอันเยียบเย็นปะทะเข้ากับผิวกาย ดวงตาคู่นั้นแม้จะสว่างไสว ทว่าแฝงไว้ด้วยความหนักแน่นและอำนาจอันน่าหวาดหวั่นสายตาที่จับจ้องราวกับ... นางเคยทำสิ่งใดให้เขาโกรธเคืองมาก่อน"เอ่อ... คุณชาย ปล่อยข้าได้แล้วขอรับ"บุรุษนิรนามยังคงนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะปล่อยมือนางไปในที่สุด"อาเซียว มีอันใดหรือ ทำไมสีหน้าของเจ้าดูไม่ดีเลย?"เสียงของมู่หรงเยวี่ยนดังขึ้น พร้อมกับร่างของพระเชษฐาที่ก้าวมาหานาง"ข้า..

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   พิธีปักปิ่น

    มิใช่แค่ขันที แม้แต่เหล่าราชทูตและองค์ชายจากแคว้นต่างๆ ก็ล้วนตกตะลึง ในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีฮ่องเต้พระองค์ใดเสด็จมาร่วมงานปักปิ่นขององค์หญิงต่างแคว้น!มังกรนั้นสูงส่งเกินไป... จะมาเฝ้าดูการเติบโตของลูกหงส์น้อยได้อย่างไร?นั่นคือสิ่งที่ทุกคนคิด แต่สำหรับฮ่องเต้หวังเฟิ่งแล้วหาได้เป็นเช่นนั้นไม่"คารวะฝ่าบาท"เสียงทุ้มของ “ฮ่องเต้มู่หรงกวง” แห่งเจียงหนานดังขึ้น ดวงเนตรลึกล้ำมองบุรุษเบื้องหน้าด้วยสายตาที่ยากจะประเมิน"ข้าขออภัยที่มิอาจจัดเตรียมการต้อนรับให้สมพระเกียรติ ด้วยไม่คาดคิดว่าฝ่าบาทจะเสด็จมางานปักปิ่นของบุตรสาวข้าด้วยพระองค์เอง"ถ้อยคำแฝงความหมายลึกซึ้ง ทั้งประหลาดใจและคาดการณ์มิถึงทว่า หวังเฟิ่ง เพียงโค้งศีรษะเล็กน้อย สุรเสียงราบเรียบไร้เยื่อใย ทว่าแฝงนัยยะอันลึกซึ้ง"มิเป็นไร เพื่อบุตรสาวของท่าน ข้าหาได้ลำบากไม่"เขามิได้ลำบากจริงๆ เพราะครั้งนี้เขามิได้มาเพียงเพื่อมิตรภาพระหว่างแคว้น แต่มาเพื่อ 'บางสิ่ง' ที่เขาต้องการจากจักรพรรดิผู้นี้ และ 'บางคน' ที่เขาต้องการทวงคืนจากนั้นขันทีของแคว้นเจียงหนานนำเสด็จหวังเฟิ่งไปยังพระที่นั่งที่จัดเตรียมไว้ให้ ข้างกายมีบุรุษในอาภรณ์สีเขียวอ่อ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   จำคนผิด

    หลังจากพิธีเสร็จสิ้นฮ่องเต้มู่หรงกวงและฮองเฮาทำการออกมากล่าวต้อนรับแขกที่มาร่วมงานตามธรรมเนียมของชาวเจียงหนานพิธีปักปิ่นในวันนี้สมบูรณ์แบบเป็นอย่างมาก และทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดี แต่ไม่ใช่สำหรับมู่หรงเซียว"อาเซียว กลับตำหนักได้แล้ว"ก่อนที่นางจะได้ใช้เวลาฉลองวันสำคัญของตนเองให้คุ้มค่า มู่หรงเยวี่ยน พระเชษฐาแสนหวงน้องก็ลากตัวนางกลับไปอย่างรวดเร็วทั้งที่พิธีเพิ่งจะจบแท้ๆ!"ข้าโกรธท่านแล้ว!" นางโอดครวญอย่างขัดใจ"ทำไมต้องพาข้ามากักขังด้วย วันนี้เป็นวันของข้านะ!""ข้าก็แค่ไม่ชอบให้ใครจ้องมองเจ้า ข้าหวงน้องสาวมันผิดตรงไหนกัน?"มู่หรงเยวี่ยนตอบอย่างหนักแน่น โดยเฉพาะสายตาของฮ่องเต้ของแคว้นต้าชิงที่เอาแต่จับจ้องน้องสาวของเขาไม่วางตา!ตั้งแต่ต้นจนจบพิธี สายตาคู่นั้นไม่เคยละไปจากมู่หรงเซียวเลย จะให้เขาวางใจได้อย่างไร!?แม้ว่ามู่หรงเซียวจะโอดครวญเพียงใด แต่มู่หรงเยวี่ยนกลับไม่ใจอ่อนแม้แต่น้อยหลังจากก้าวเข้าสู่ตำหนัก มู่หรงเซียวพลันสะดุดสายตาเข้ากับ กระดาษแผ่นหนึ่ง ที่วางอยู่บนพื้นหน้าประตูห้องบรรทมนางขมวดคิ้ว ก่อนจะก้มลงหยิบขึ้นมาดู มันคือจดหมายฉบับหนึ่ง"นอกวังหลวง ทางทิศเหนือ ใต้ต้นเ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   หวงของ

    "ข้าสังเกตเห็นคณะทูตจากต้าชิงแล้ว สายตาของพวกเขาที่มองข้า... ไม่ใช่เพียงความชื่นชม แต่มันคล้ายกับว่าพวกเขาเห็นผี เห็นใครบางคนที่ไม่ควรจะได้พบเห็นอีกต่อไป""องค์หญิงอย่าได้ใส่พระทัย"เจิ้งซวนรีบกล่าวทันที"ไม่มีสิ่งใดเช่นนั้นในต้าชิงพ่ะย่ะค่ะ"แต่คำพูดของเขาฉับพลันและดูเร่งรีบเกินไปเขากำลังโกหก..มู่หรงเซียวจ้องมององครักษ์หนุ่มตรงหน้า ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ และการที่เขาต้องโกหกนาง หมายความว่านางต้องคล้ายใครบางคนในต้าชิงอย่างแน่นอนขณะที่ หวังเฟิ่ง กำลังก้าวไปยังตำหนักรับรองอาคันตุกะ ใครบางคนกลับยืนดักรออยู่ก่อนแล้วดวงเนตรคมกริบขององค์ชายมู่หรงเยวี่ยนจับจ้องบุรุษตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ นับตั้งแต่ที่มังกรจากต้าชิงก้าวเข้าสู่แผ่นดินเจียงหนาน พระองค์ก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติโดยเฉพาะสายตาที่อีกฝ่ายใช้มองมู่หรงเซียว มันมิใช่สายตาของผู้สูงศักดิ์ที่มองสตรีต่างแคว้น แต่มันเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ยากจะอ่านออก และนั่น... ทำให้มู่หรงเยวี่ยนไม่อาจวางใจได้เลย"ไม่ทราบว่าพระองค์ได้รับการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติหรือไม่?"มู่หรงเยวี่ยนเอ่ยขึ้นเรียบๆ แม้ในใจจะรู้อยู่แล้วว่าผู้เป็นฮ่องเต้ต้าชิงไม่มีวันถูก

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ฝันประหลาด

    มู่หรงเซียวได้ยินข่าวลือนี้จากเหล่านางกำนัลที่แอบพูดคุยกันอยู่ตามตำหนัก หลังจากนั้นนางก็ลอบไต่ถามจากผู้คนรอบตัว"ว่ากันว่า ฮ่องเต้ต้าชิงรีบเสด็จกลับ เพราะแคว้นต้าชิงยังไม่มีหงส์เคียงบัลลังก์""เขาทรงเก็บตำแหน่งนี้ไว้ให้คนตาย อดีตพระชายาที่สิ้นพระชนม์ไปเมื่อหลายสิบปีก่อน"ยิ่งฟัง หัวใจของนางก็ยิ่งหนักอึ้ง จะเป็นไปได้อย่างไร?เขาไม่มีทางชอบข้าแน่นอน บุรุษเช่นเขาเป็นดั่งหินผาที่ไม่อาจสั่นคลอน ตำแหน่งหงส์เคียงบัลลังก์นั้น ย่อมไม่ใช่ที่ของข้า ไม่มีวันเป็นไปได้หลังจากวันที่ได้พบหวังเฟิ่งที่ศาลเจ้าได้เก้าราตรี มู่หรงเซียวก็เริ่มมีอาการฝันร้ายมาโดยตลอด นางฝันประหลาดว่าตัวเองคือสตรีที่มีนามว่า “เซียวหยางมี่” ฝันนั้นเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า..."มี่เอ๋อร์ เจ้าจงตั้งใจฟังพ่อ วันนี้จะเป็นวันแรกที่เจ้าจะได้เข้าเรียนในสำนักศึกษา จงจำไว้ให้ดีว่าเจ้าต้องสำรวมวาจาและกิริยา เพื่อนร่วมชั้นของเจ้าล้วนเป็นเชื้อพระวงศ์ องค์หญิง องค์ชาย เจ้าอย่าได้ทำให้พ่อหนักใจ""ลูกทราบแล้วเจ้าค่ะ ท่านพ่อ""หากมีปัญหา ท่านอาของเจ้าที่อยู่ในสำนักศึกษาจะช่วยชี้แนะเจ้าเอง""ลูกทราบแล้ว ข้าสัญญาว่าจะไม่ก่อเรื่อง"บิดาของนางมอง

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ข้าไม่อยากเป็นสหาย

    วันหนึ่ง จู่ๆ สำนักศึกษาก็มีคำสั่งให้เซียวหยางมี่มาเป็นสหายร่วมเรียนขององค์ชายใหญ่หวังเฟิ่ง แม้ว่าทั้งเซียวหยางมี่และเซียวเมิ่งจะอยากปฏิเสธเพียงใด ก็ไม่อาจฝ่าฝืนคำสั่งของเบื้องสูงได้วันแรกที่เซียวหยางมี่ได้พบกับองค์ชาย นางยังเป็นเพียงเด็กหญิงวัยสิบสี่หนาว ขณะที่เขาคือบุรุษที่ก้าวสู่ช่วงวัยหนุ่มเต็มตัว อายุสิบแปดหนาว รูปร่างสูงสง่า ลักษณะองอาจผิดแผกจากผู้คนทั่วไปสิ่งแรกที่สะดุดตานางคือดวงตาสีทองอันเป็นเอกลักษณ์ของเชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์ มันล้ำลึกเกินกว่าที่นางจะอ่านออกชั่วขณะที่สบตากับองค์ชายใหญ่ นางก็รู้สึกได้ทันทีว่าเขาอยู่ในโลกที่สูงส่งเกินไป นางไม่อาจเอื้อมถึง แม้กระนั้นนางก็ยังเลือกจะยิ้มออกมา"คารวะองค์ชายใหญ่"นางโค้งกายตามมารยาท เสียงหวานใสกล่าวออกไปอย่างไม่ลังเล"นามของข้าคือเซียวหยางมี่ อาจจะพูดมากไปบ้าง แต่เรามาเป็นสหายกันเถอะเพคะ"องค์ชายหวังเฟิ่งเลิกพระขนงขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอียงพระพักตร์มองนาง ดวงตาสีทองฉายแววเย็นเยียบ"สหาย... อย่างนั้นหรือ?"สุรเสียงทุ้มต่ำเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง"ถ้าเราไม่อยากเป็นล่ะ?"เซียวหยางมี่ชะงักไปวูบหนึ่ง ก่อนจะฝืนยิ้ม นางไม่ได้ตอบกลับ แต่ภายในใจกล

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   คิดแตะต้องคนของฝ่าบาท

    หอบหายใจแรง... นางฝันอะไรกัน!? เหตุใดในฝันนั้น นางจึงเป็นหญิงที่มีชื่อว่า เซียวหยางมี่ และเหตุใดฮ่องเต้หวังเฟิ่ง จึงปรากฏอยู่ในฝันของนาง?วันนั้นมู่หรงเซียวไม่อาจข่มใจให้สงบได้เลย ความฝันเมื่อคืนยังติดค้างอยู่ในหัว ทั้งที่มันควรเป็นเพียงความฝัน แต่มันกลับชัดเจนราวกับเป็นเรื่องจริง ความรู้สึกที่ได้รับ ทุกสัมผัส ทุกอารมณ์ ทุกการสนทนา นางสัมผัสได้ทั้งหมด ราวกับว่านางเคยผ่านมันมาด้วยตัวเองนางพยายามคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความบังเอิญ แต่เมื่อความคิดนั้นไม่อาจคลี่คลาย นางจึงเลือกทำในสิ่งที่ช่วยให้นางสงบลงได้เช่นการแอบหนีออกนอกวังองค์หญิงน้อยเปลี่ยนชุดเป็นอาภรณ์บุรุษ สวมหมวกปีกกว้างเพื่ออำพรางใบหน้า ก่อนจะใช้วิชาตัวเบาปีนข้ามกำแพงวังออกไปทางทิศตะวันตกวันนี้ตลาดยังคงคึกคักเช่นเคย กลิ่นขนมอบใหม่ลอยมาตามลม พ่อค้าแม่ขายส่งเสียงเรียกลูกค้า แขกแปลกหน้าจากต่างแคว้นเดินสวนกันไปมา บางคนเป็นนักเดินทาง บางคนเป็นขุนนางจากแคว้นอื่นที่เดินทางมาค้าขายมู่หรงเซียวตั้งใจจะเดินเที่ยวให้สบายใจ แต่ยังไม่ทันจะเดินพ้นไปจากหน้าร้านขายพัด เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง"องค์หญิงมู่หรงเซียว?"นางหยุดฝีเท

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-12

Bab terbaru

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ชดเชยให้สมบูรณ์ 2/2

    “โปรดอย่าหยุด...หวังเฟิ่ง” “ได้ ข้าให้ตามคำที่เจ้าขอ” หวังเฟิ่งประคองสะโพกของหญิงสาวขึ้นมา แล้วแทรกตัวเข้าไปจนสุดทาง ทั้งสองร้องครางออกมาพร้อมกันทันที “เซียวเอ๋อร์...ข้า” “ทำตามที่ใจท่านปรารถนาเถิด หวังเฟิ่ง” ชายหนุ่มโยนความอดกลั้นทั้งหมดทิ้งไป แล้วสะบัดเอวเข้าไปทันที แรกเริ่มเขาเพียงต้องการให้นางปรับตัวได้ แต่ยิ่งสอดใส่มากขึ้นเท่าใด ความเสียวซ่านก็ยิ่งทวีขึ้นทุกขณะ ชายหนุ่มมองร่างอวบอิ่มที่นอนอยู่เบื้องล่าง ตอนนี้ทรวงอกคู่งามกำลังสั่นไหวตามจังหวะรักที่เขากำลังกระแทกเข้าไปไม่หยุด มู่หรงเซียวปรือตามองเขา ขณะที่สองมือกำลังจิกหมอนจนแน่น สองแก้มของนางแดงก่ำราวกับผลผิงกั่ว “เซียวเอ๋อร์...เจ้าช่างดียิ่ง” หวังเฟิ่งกัดริมฝีปากขณะที่กระแทกเอวเข้าไปถี่ๆ เขาเงยหน้าขึ้นสูดลมหายใจ ขณะที่แก่นกายแกร่งสัมผัสกับกลีบดอกไม้งามของภรรยา มู่หรงเซียวทำได้เพียงส่ายหน้าไปมาบนหมอน แล้วปล่อยให้ร่างกายและจิตใจถูกหวังเฟิ่งชักนำไปตามที่เขาต้องการ ขณะที่ความร้อนตรงจุดเชื่อมประสานยิ่งทวีขึ้นเรื่อยๆ นางใช้สองขาเกี่ยวเอวของเขาไว้

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ชดเชยให้สมบูรณ์ 1/2

    ขบวนเสด็จของมู่หรงเซียวเดินทางเข้าสู่ต้าชิงอย่างสมพระเกียรติ นางมิใช่เพียงองค์หญิงแห่งเจียงหนานอีกต่อไป แต่กำลังจะก้าวขึ้นเป็นหงส์เคียงข้างมังกรพิธีอภิเษกถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ทั่วทั้งเมืองหลวงต้าชิงเต็มไปด้วยสีแดงแห่งความมงคล ประชาชนต่างพากันเฉลิมฉลองทว่าภายในใจของผู้เป็นเจ้าของบัลลังก์มังกรนั้นกลับสงบนิ่ง ไม่ใช่เพราะไร้ความรู้สึก หากแต่เป็นเพราะรอคอยวันนี้มานานจนมิอาจกล่าวเป็นคำพูดได้ยามราตรี หวังเฟิ่งและมู่หรงเซียวทอดพระเนตรไปยังท้องฟ้ากว้าง ราวกับต้องการให้แสงจันทร์เป็นพยานแห่งโชคชะตา ครั้งหนึ่งเคยพลาดพลั้ง คำสัญญาที่เคยล่มสลาย บัดนี้ทุกสิ่งกำลังจะถูกชดเชยให้สมบูรณ์“ข้าเคยคิดว่าข้าจะไม่มีวันได้รับโอกาสแก้ไขอดีต”หวังเฟิ่งเอื้อนเอ่ยเสียงแผ่ว พลางกุมมือนางไว้แน่น“แต่แล้วโชคชะตาก็พาเจ้ากลับมา”มู่หรงเซียวยิ้มบาง ทว่าดวงตากลับสะท้อนความรู้สึกที่ลึกซึ้ง“ข้าเองก็เคยคิดว่า ข้าจะไม่มีวันให้อภัยท่านอีก”หวังเฟิ่งชะงักไปชั่วขณะ มือที่กุมมือนางไว้ยังคงมั่นคง แต่ดวงตากลับแฝงไว้ด้วยความลังเล“แล้วตอนนี้เล่า?”มู่หรงเซียวมองสบดวงตาสีทองนั้นอย่างแน่วแน่ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอบอุ่น“ข

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ทำตามสัญญา

    ณ ประตูเมืองต้าชิง ขบวนราชทูตจากแคว้นเจียงหนานยืนเรียงรายอยู่เบื้องหลังของมู่หรงเซียว รถม้าและกองทหารพร้อมเดินทางกลับแคว้น แต่ถึงแม้ทุกอย่างจะพร้อม นางกลับยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเบื้องหน้าของนางคือหวังเฟิ่ง ฮ่องเต้ผู้ทรงอำนาจของแคว้นต้าชิง ดวงตาสีทองของเขาจับจ้องมู่หรงเซียวแน่วแน่ ราวกับต้องการจดจำนางให้ลึกลงไปในหัวใจ"เจ้าต้องกลับไปจริงๆ หรือ?""ข้ามีหน้าที่ของข้าที่ต้องทำ เสด็จพ่อและเสด็จแม่รอข้าอยู่"หวังเฟิ่งถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพยักหน้า ด้วยตัวเขานั้นยังมีภารกิจที่จะต้องเร่งฟื้นฟูบ้านเมือง ทำให้เขาจำต้องยมปล่อยมือนางไปชั่วคราว"ข้าเข้าใจ... เจ้าควรกลับไป""หน้าที่ของข้าสิ้นสุดลงแล้ว... แต่หากวันหนึ่งท่านต้องการให้ข้ากลับมา"หวังเฟิ่งนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะคลี่ยิ้มบาง"ข้าจะไปหาเจ้า แต่เจ้าต้องรอข้า""ข้ารอท่านได้... แต่ท่านต้องไม่มาช้าจนข้าแต่งออกเรือนไปเสียก่อน"ดวงตาของหวังเฟิ่งทอแสงอันตรายขึ้นทันที"เจ้ากล้าหรือ?"มู่หรงเซียวยกยิ้มบาง"หากท่านช้าไปจริงๆ ข้าก็อาจต้องพิจารณา""อย่าหวังเลย"หวังเฟิ่งก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาของเขาฉายแววมุ่งมั่นและจริงจัง"ข้าจะไม่ยอมให้

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   กลับบ้าน

    ไทเฮามองภาพตรงหน้า นางกัดฟันแน่น"น่าขยะแขยง! ความรักของพวกเจ้าเป็นเรื่องงี่เง่า ความเชื่อใจเป็นเพียงคำโกหก เจ้าไม่สมควรได้รับความสุข! เจ้าต้องเจ็บปวดเหมือนที่ข้าเคยเจ็บปวด!"ภายในตำหนักเย็นที่ถูกปกคลุมด้วยความหนาวเหน็บ แสงจากตะเกียงริบหรี่สะท้อนเงาของหญิงผู้เคยครอบครองอำนาจสูงสุดของแผ่นดินไทเฮา... บัดนี้มิใช่ "มารดาแห่งแผ่นดิน" อีกต่อไปหลังจากที่ความจริงทั้งหมดถูกเปิดเผย นางถูกปลดจากฐานะไทเฮา ถูกกักบริเวณให้ใช้ชีวิตที่เหลือไปกับความอ้างว้าง ไม่มีอำนาจ ไม่มีผู้คนให้ความเคารพ ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือให้นางยึดเหนี่ยวเสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้นหน้าตำหนัก บานประตูถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างสูงสง่าของบุรุษที่เคยเรียกนางว่า ‘มารดา’"เสด็จแม่...""หึ... ตอนนี้เจ้ายังกล้าเรียกข้าว่าเสด็จแม่อยู่อีกหรือ?"ไทเฮาหัวเราะเย้ยหยัน แม้น้ำเสียงจะเต็มไปด้วยความขมขื่น"ข้าเป็นเพียงสตรีเฒ่าที่ถูกกักขังอยู่ที่นี่ รอวันหมดลมหายใจ ไยต้องแสร้งทำเป็นเมตตาข้า?"หวังเฟิ่งมองนางอย่างไม่แสดงอารมณ์ใดๆข้ามิได้มาเพื่อแสร้งเมตตา แต่ข้ามาเพื่อให้ท่านยอมรับผิดและข้าจะให้โอกาสสุดท้าย หากท่านสำนึกผิด ข้ายังอาจให้ท่านได้อยู่อ

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ให้อภัย

    "ว่าอย่างไรนะ!?"มู่หรงเซียวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ"ข้าขโมยเขามาจากสนมคนหนึ่ง สนมที่อดีตฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด""...""แต่เจ้ารู้หรือไม่ ว่าข้าไม่ได้ขโมยเขามาเพราะรัก ข้าแค่ต้องการอำนาจ แต่เด็กคนนั้นโตขึ้นมาและปฏิเสธที่จะมอบอำนาจให้แก่ข้า"มู่หรงเซียวยังคงนิ่งเงียบ นางเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้ว"ข้าสนับสนุนเขาขึ้นเป็นไท่จื่อ ตั้งแต่ยังเยาว์วัย ข้าอบรมเขา ให้เขาทำตามที่ข้าต้องการ แต่เขากลับทรยศข้า! เขาปฏิเสธตระกูลหลิวและอีกหลายตระกูลที่อยู่ฝั่งของข้า ไม่มอบอำนาจให้ญาติฝ่ายข้า แม้กระทั่งหลังจากขึ้นครองราชย์ เขาก็ไม่ยอมให้ข้าแตะต้องอำนาจของเขาแม้แต่น้อย"ความเคียดแค้นฉายชัดในแววตาของไทเฮา"และเพราะเหตุนี้ ข้าจึงต้องการทำให้เขาเจ็บปวดที่สุด สิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดได้มากที่สุด...ก็คือเจ้า เซียวหยางมี่"แต่ก่อนที่ไทเฮาจะได้เอ่ยเอื้อนประโยคต่อไป เสียงฝีเท้าหนักแน่นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นที่หน้าตำหนัก"เสด็จแม่!"ประตูถูกผลักเปิดออกอย่างแรง เผยให้เห็นร่างสูงสง่าของหวังเฟิ่งที่ก้าวเข้ามาพร้อมกับองครักษ์คู่ใจ พระเนตรสีทองของเขาเต็มไปด้วยโทสะ นัยน์ตาแดงก่ำ ราวกับถูกโหมด้วยเพลิงไฟจากภายในเขาได้ย

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ถูกยั่วยุ

    หลังจากการต่อสู้อันดุเดือดกินเวลานานกว่าครึ่งคืน ศัตรูที่บุกเข้ามาถูกสังหารและขับไล่ออกไปจนหมด ศึกกบฏจบลง ชาวบ้านต้าชิงรอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งใหญ่แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ความสงบ องค์หญิงมู่หรงเซียวกลับหายตัวไป ร่างของนางถูกลักพาตัวไปในยามวิกาล โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้เมื่อมู่หรงเซียวได้สติ นางพบว่าตัวเองถูกกักขังอยู่ในตำหนักลับที่ไม่คุ้นเคยแสงไฟในห้องสลัว กลิ่นกำยานหอมกรุ่นลอยฟุ้งปะปนไปกับกลิ่นสมุนไพรจางๆ อากาศภายในตำหนักชวนให้อึดอัด ราวกับมีเงาของสิ่งชั่วร้ายแฝงตัวอยู่เบื้องหน้าของนางคือสตรีวัยกลางคนผู้เปี่ยมไปด้วยอำนาจ อาภรณ์ของนางปักลวดลายมังกรหงส์อย่างวิจิตร“ไทเฮา!”มู่หรงเซียวเม้มปากแน่น แม้นางจะถูกจับมาโดยไม่รู้ตัว แต่นางยังคงรักษาความสงบนิ่งของตนเองเอาไว้สตรีผู้นั้นมองนางนิ่งๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา"เจ้าช่างเหมือนนางเหลือเกิน"แม้มู่หรงเซียวจะไม่ได้เอ่ยคำใด แต่ภายในใจของนางรู้ดีว่า ไทเฮาหมายถึงผู้ใด"อย่ามาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ข้ารู้แล้วว่าเจ้าคือเซียวหยางมี่ ที่มาเกิดใหม่ด้วยอาคมของหวังเฟิ่ง!"เสียงของไทเฮาดังขึ้นเรื่องๆ น้ำเสียงของหญิงวัยกลางคนนั้นแฝงไปด

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ผ้าอาบยาสลบ

    หวังเฟิ่งหยุดชะงักชั่วครู่ สีหน้าของพระองค์เคร่งขรึมขึ้นทันที"สามหาว!""เจ้ามิเคยสงสัยบ้างเลยหรือ ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมด? ใครกันที่พาหลิวหงหลัน? ใครปล่อยพิษกู่? และใครเป็นต้นเหตุให้เมียเจ้าต้องตาย?""เจ้า!"รองแม่ทัพหลี่หัวเราะในลำคอ ก่อนจะพูดต่อเพื่อต้องการย้อนเกล็ดขององค์จักรพรรดิ์ผู้นี้"คิดว่าหลิวหงหลันและเสนาบดีหลิวจะอาจหาญก่อการภายในวังได้หรือ ถ้าไม่มีไทเฮาสนับสนุน?"หวังเฟิ่งกัดกรามแน่น บัดนี้ร่างของพระองค์สั่นสะท้านด้วยความโกรธถึงขีดสุด"เล่าออกมาให้หมด!""ถึงท่านไม่บอก ข้าก็จะเล่าอยู่แล้ว"รองแม่ทัพหลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน"ข้ากับหงหลันเป็นสหายกันมานาน ข้าเฝ้ามองนาง... แต่นางกลับเฝ้ามองแต่ท่าน เมื่อรู้ว่าท่านต้องการแต่งงานกับ เซียวหยางมี่บุตรสาวของอดีตราชครู นางก็ร้อนใจเป็นอย่างมาก ไทเฮาผู้ไม่ยอมรับการแต่งงานของท่าน จึงออกอุบายแกล้งป่วย ทำให้เซียวหยางมี่ไม่สามารถวินิจฉัยและรักษาได้ จากนั้นก็ทำทีให้หลิวหงหลันรักษาจนหาย เพื่อเปิดทางให้หงหลันเข้าใกล้ท่าน!""ไม่จริง..."หวังเฟิ่งพึมพำ ดวงตาของพระองค์เต็มไปด้วยความสับสน"เสด็จแม่...""ใช่ เสด็จแม่ของท่านต้องก

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   กับดัก

    บุคคลนิรนามสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบหันไปทางรองแม่ทัพหลี่"เจ้ารีบออกไปเสียบัดนี้ เขามาแล้ว!"รองแม่ทัพหลี่ไม่รอช้า รีบหลบออกไปทางลับของตำหนักโดยทันทีเพียงไม่นาน ประตูตำหนักก็ถูกเปิดออก ร่างสูงของจักรพรรดิต้าชิงก้าวเข้ามา นัยน์ตาสีทองของพระองค์กวาดมองไปรอบห้อง ก่อนจะหยุดลงที่สตรีผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์"เสด็จแม่ ลูกเหมือนได้ยินท่านคุยกับใคร"ไทเฮาแย้มรอยยิ้มบาง นางขยับพัดในมือเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"เจ้าคิดมากไปแล้ว อาเฟิ่งลูกแม่ ว่าแต่เจ้ามีอะไร ถึงมาหาข้ายามนี้?""ลูกจะออกไปบัญชาการทัพ เนื่องจากด้านนอกยามนี้เกิดเหตุร้าย เกรงว่าจะเป็นกลุ่มกบฏ"ไทเฮาชะงักไปเพียงครู่ ก่อนจะคลี่ยิ้มอ่อนโยน ราวกับมารดาผู้เปี่ยมไปด้วยความรักและห่วงใย"แม่ห่วงเจ้ามาก อาเฟิ่ง เจ้าไม่ไปได้หรือไม่?"หวังเฟิ่งมองมารดาของพระองค์ สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ผิดแปลก แต่เพียงพริบตาเดียว นางก็กลับมาเป็นไทเฮาผู้เมตตาดังเดิม"แต่ข้าจำเป็นต้องไป"หวังเฟิ่งตอบด้วยน้ำเสียงที่ช่างดูราบเรียบ ก่อนจะค้อมศีรษะให้ แล้วหมุนตัวเดินจากไปเบื้องหลังของพระองค์ ไทเฮายังคงยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นกลับเยียบเย็น ราวกับมิใช่ของผู้เป็น

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ลอบโจมตี

    ภายในจวนของเสนาบดีหลิว บรรยากาศอึมครึมปกคลุมไปทั่ว ทุกมุมห้องถูกปกคลุมด้วยความมืดสลัว มีเพียงแสงเทียนที่ริบหรี่ส่องให้เห็นชายชราที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่บัดนี้เขาดูซูบเซียวลงไปไม่น้อย ตั้งแต่บุตรสาวเพียงคนเดียวถูกคุมขังในข้อหาปองร้ายฮ่องเต้หวังเฟิ่ง ไม่ว่าเขาจะใช้เส้นสายเท่าใด ก็ไม่อาจช่วยนางออกมาได้เขาอับอาย เขาโกรธแค้น และเหนือสิ่งอื่นใด เขาไม่อาจยอมรับความพ่ายแพ้ได้ หลิวหงหลันคือสายเลือดเดียวของเขา เขาย่อมไม่มีวันยอมให้บุตรสาวต้องตายในคุกของต้าชิง!เสียงฝีเท้าดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่ขันทีคนสนิทของไทเฮาจะเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง ใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความวิตกกังวล"นายท่าน... พวกเราจะทำเช่นไรต่อไปดี?"เสนาบดีหลิวเปิดเปลือกตาขึ้น นัยน์ตาของเขาขุ่นมัวด้วยความเครียด"พวกสุนัขเฝ้าประตูวังไม่ยอมปล่อยนางง่ายๆ หากข้ายังเพิกเฉย ชื่อเสียงตระกูลหลิวต้องป่นปี้แน่""เช่นนั้น"เขาหลับตาลงชั่วครู่ ก่อนจะสูดลมหายใจลึก แล้วลืมตาขึ้นใหม่"ส่งสารลับไปยังพวกทางใต้ บอกพวกมันว่า หากต้องการโอกาสบุกต้าชิง ข้าจะเป็นผู้เปิดทางให้เอง"ขันทีที่ยืนอยู่ถึงกับหน้าเสีย ใบหน้าของเขาซีดเผือดไปทันที"ถ้าฝ่าบาททร

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status