แชร์

สบตามังกร

ผู้เขียน: อิ่น เยว่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-12 17:24:09

แต่เป็นกลิ่นของสิ่งใดกัน? คล้ายกำยานจันทน์หอม ทว่ามีความเย็นเยียบเจือปนบางเบา ราวกับไอหมอกในยามรุ่งสาง

"อึก!"

มัวแต่เหม่อจนไม่ทันระวัง เท้าบางก้าวพลาดไปเบื้องหน้า และก่อนที่ร่างของนางจะร่วงลงสู่พื้น

"หมับ!"

ฝ่ามือใหญ่ของใครบางคนได้คว้าแขนของนางไว้แน่ สัมผัสอบอุ่นประคองร่างนางไว้อย่างมั่นคง และกลิ่นหอมประหลาดที่นางเพิ่งสูดเข้าจมูกเมื่อครู่ ก็ลอยอวลอยู่ตรงนี้จากตัวบุรุษผู้นี้

"ขอบคุณท่านมาก"

มู่หรงเซียวเงยหน้าขึ้น เสียงของนางแม้จะมั่นคงดี แต่หัวใจกลับเต้นแรงผิดจังหวะ

ภาพที่ปรากฏในสายตาคือบุรุษผู้หนึ่งที่มีรูปร่างสูงใหญ่ สง่างาม ดวงตาสีทองลึกล้ำราวกับพญาเหยี่ยว จ้องมองลงมาด้วยแววตายากจะหยั่งถึง

ราวกับสายลมอันเยียบเย็นปะทะเข้ากับผิวกาย ดวงตาคู่นั้นแม้จะสว่างไสว ทว่าแฝงไว้ด้วยความหนักแน่นและอำนาจอันน่าหวาดหวั่น

สายตาที่จับจ้องราวกับ... นางเคยทำสิ่งใดให้เขาโกรธเคืองมาก่อน

"เอ่อ... คุณชาย ปล่อยข้าได้แล้วขอรับ"

บุรุษนิรนามยังคงนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะปล่อยมือนางไปในที่สุด

"อาเซียว มีอันใดหรือ ทำไมสีหน้าของเจ้าดูไม่ดีเลย?"

เสียงของมู่หรงเยวี่ยนดังขึ้น พร้อมกับร่างของพระเชษฐาที่ก้าวมาหานาง

"ข้า..."

มู่หรงเซียวรีบหันกลับไปมองรอบตัว แต่บุรุษผู้นั้นหายไปแล้ว!

"ไม่มีอะไร เสด็จพี่... เอ่อ พี่ใหญ่ เรารีบกลับกันดีกว่า"

นางกระพริบตา ถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะรีบก้าวตามพระเชษฐากลับวังหลวงไป

ทว่า ดวงตาสีทองคู่หนึ่ง ยังคงจับจ้องแผ่นหลังของนางจากเงามืด สายตาที่ทอดมองราวกับว่ามีบางอย่างถูกจุดประกายในห้วงลึกของจิตใจ

สายตาที่เต็มไปด้วย "ความรัก" แต่กลับแฝงไว้ด้วย "โทสะ"

"เสด็จพี่ ข้ากลับมาแล้ว ไม่ทราบว่าโรงน้ำชาของข้าทำให้พึงพอพระทัยหรือไม่?"

เสียงทุ้มดังขึ้น พร้อมกับร่างของบุรุษสูงโปร่งผู้หนึ่งก้าวเข้ามาใกล้ เขาสวมอาภรณ์สีเขียวอ่อนตัดลายเงิน รูปโฉมหล่อเหลาแฝงแววเสน่ห์แบบคนเจ้าสำราญ ท่วงท่าสบายๆ ไม่รีบร้อน ทว่าดวงตากลับฉายแววเฝ้าระวัง

“หวังหย่ง” มองพระเชษฐาของตนด้วยความเป็นห่วง แม้จะเชื่อมั่นว่าไม่มีสิ่งใดทำให้พระองค์ไม่พอพระทัย แต่เขาก็อดถามไถ่ไม่ได้

"ข้าสบายดี"

สุรเสียงทุ้มต่ำดังขึ้น หวังเฟิ่งเงยพระพักตร์ขึ้นจากถ้วยชา ดวงเนตรสีทองลึกล้ำจับจ้องบุรุษที่อยู่เบื้องหน้า

"หวังหย่ง ไม่ได้พบกันหลายปี เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง หรือเสเพลจนลืมไปแล้วว่าเจ้ายังมีงานรออยู่?"

"เสด็จพี่อย่าบังคับข้าเลย"

หวังหย่งหัวเราะเบาๆ ก่อนจะทรุดกายนั่งลง

"ข้าชอบชีวิตที่สงบแบบนี้มากกว่า อย่างน้อยความเสเพลของข้า ก็ทำให้ท่านได้พบนางมิใช่หรือ?"

"..!"

ปลายนิ้วที่กำลังแตะขอบถ้วยชาของหวังเฟิ่งหยุดนิ่งทันที คำว่า "นาง" เพียงคำเดียว... กลับทำให้ทุกความรู้สึกเดิมพลันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

แม้ว่าเขาจะได้พานพบกับนางอีกครั้ง แต่นางกลับมิได้จำอะไรได้เลย มิเป็นไร หากนางจำอะไรไม่ได้ เขาจะเป็นคนรื้อฟื้นความทรงจำของนางด้วยตัวเอง

และที่สำคัญ...เขาจะทำให้นางตอบคำถาม ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตนั้น นางทำลงไปด้วยเหตุผลใดกันแน่

วันดีๆ ในฤดูใบไม้ร่วงช่างงดงามเป็นพิเศษ เมื่อดวงอาทิตย์ลอยเด่นอยู่เหนือท้องฟ้า เจิดจ้าประหนึ่งกำลังประทานพรให้กับองค์หญิงผู้เป็นเจ้าของงาน

ในที่สุดก็ถึงวันทำพิธีปักปิ่นขององค์หญิงมู่หรงเซียว พระธิดาเพียงองค์เดียวที่ประสูติจากฮองเฮาหวงจินเหลียนที่ฮ่องเต้ของแคว้นเจียงหนานแสนจะรักยิ่ง และด้วยเหตุนี้ ฮ่องเต้จึงทรงโปรดปรานมู่หรงเซียวเป็นที่สุด

องค์หญิงน้อยเติบโตมาท่ามกลางความรักและความทะนุถนอม นิสัยซุกซน ขี้อ้อน ทำให้ไม่ว่าใครก็ยากจะปฏิเสธนางได้ ไหนจะมี พระเชษฐาผู้หวงแหนนางเกินใคร ช่างเป็นสตรีที่โชคดีนักในแคว้นเจียงหนาน

พิธีปักปิ่นครั้งนี้ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ สมฐานะองค์หญิงแห่งแคว้นที่อุดมสมบูรณ์

ทั่วทั้งตำหนักหลวงถูกประดับประดาด้วยผ้าไหมชั้นดี ซึ่งเป็นสินค้าขึ้นชื่อของแคว้น สตรีสูงศักดิ์ล้วนแต่งกายด้วยอาภรณ์งามวิจิตร ลวดลายปักทองอ่อนละมุนสะท้อนแสงคบไฟระยิบระยับ

ราชทูตและองค์ชายจากแคว้นต่างๆ ทยอยเดินทางมาถึง แต่กระทั่งถึงบัดนี้เหลือเพียงแค่แคว้นต้าชิงที่ยังมิได้ส่งผู้แทนเข้ามา

ในบรรดาแคว้นพันธมิตร แค้วนต้าชิงถือเป็นแคว้นที่แข็งแกร่งที่สุด ทั้งอาณาเขตกว้างใหญ่ ทั้งกองกำลังที่เปรียบดั่งป้อมปราการเหล็ก นักรบของต้าชิงเป็นที่เลื่องลือไปทั่วใต้หล้า ยากที่แคว้นใดจะกล้าต่อกร ยากที่แคว้นใดจะไม่หวาดเกรง

"ฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าชิงเสด็จ!"

เสียงขันทีประกาศก้องกลางท้องพระโรง ร่างของเขาสั่นเล็กน้อย หยาดเหงื่อผุดพรายเต็มแผ่นหลัง

ไม่เคยมีผู้ใดคาดคิดว่าผู้สูงศักดิ์ที่สุดในต้าชิงจะเสด็จมาร่วม พิธีปักปิ่นขององค์หญิงแห่งแคว้นเล็กๆ เช่นนี้!

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   พิธีปักปิ่น

    มิใช่แค่ขันที แม้แต่เหล่าราชทูตและองค์ชายจากแคว้นต่างๆ ก็ล้วนตกตะลึง ในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีฮ่องเต้พระองค์ใดเสด็จมาร่วมงานปักปิ่นขององค์หญิงต่างแคว้น!มังกรนั้นสูงส่งเกินไป... จะมาเฝ้าดูการเติบโตของลูกหงส์น้อยได้อย่างไร?นั่นคือสิ่งที่ทุกคนคิด แต่สำหรับฮ่องเต้หวังเฟิ่งแล้วหาได้เป็นเช่นนั้นไม่"คารวะฝ่าบาท"เสียงทุ้มของ “ฮ่องเต้มู่หรงกวง” แห่งเจียงหนานดังขึ้น ดวงเนตรลึกล้ำมองบุรุษเบื้องหน้าด้วยสายตาที่ยากจะประเมิน"ข้าขออภัยที่มิอาจจัดเตรียมการต้อนรับให้สมพระเกียรติ ด้วยไม่คาดคิดว่าฝ่าบาทจะเสด็จมางานปักปิ่นของบุตรสาวข้าด้วยพระองค์เอง"ถ้อยคำแฝงความหมายลึกซึ้ง ทั้งประหลาดใจและคาดการณ์มิถึงทว่า หวังเฟิ่ง เพียงโค้งศีรษะเล็กน้อย สุรเสียงราบเรียบไร้เยื่อใย ทว่าแฝงนัยยะอันลึกซึ้ง"มิเป็นไร เพื่อบุตรสาวของท่าน ข้าหาได้ลำบากไม่"เขามิได้ลำบากจริงๆ เพราะครั้งนี้เขามิได้มาเพียงเพื่อมิตรภาพระหว่างแคว้น แต่มาเพื่อ 'บางสิ่ง' ที่เขาต้องการจากจักรพรรดิผู้นี้ และ 'บางคน' ที่เขาต้องการทวงคืนจากนั้นขันทีของแคว้นเจียงหนานนำเสด็จหวังเฟิ่งไปยังพระที่นั่งที่จัดเตรียมไว้ให้ ข้างกายมีบุรุษในอาภรณ์สีเขียวอ่อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   จำคนผิด

    หลังจากพิธีเสร็จสิ้นฮ่องเต้มู่หรงกวงและฮองเฮาทำการออกมากล่าวต้อนรับแขกที่มาร่วมงานตามธรรมเนียมของชาวเจียงหนานพิธีปักปิ่นในวันนี้สมบูรณ์แบบเป็นอย่างมาก และทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดี แต่ไม่ใช่สำหรับมู่หรงเซียว"อาเซียว กลับตำหนักได้แล้ว"ก่อนที่นางจะได้ใช้เวลาฉลองวันสำคัญของตนเองให้คุ้มค่า มู่หรงเยวี่ยน พระเชษฐาแสนหวงน้องก็ลากตัวนางกลับไปอย่างรวดเร็วทั้งที่พิธีเพิ่งจะจบแท้ๆ!"ข้าโกรธท่านแล้ว!" นางโอดครวญอย่างขัดใจ"ทำไมต้องพาข้ามากักขังด้วย วันนี้เป็นวันของข้านะ!""ข้าก็แค่ไม่ชอบให้ใครจ้องมองเจ้า ข้าหวงน้องสาวมันผิดตรงไหนกัน?"มู่หรงเยวี่ยนตอบอย่างหนักแน่น โดยเฉพาะสายตาของฮ่องเต้ของแคว้นต้าชิงที่เอาแต่จับจ้องน้องสาวของเขาไม่วางตา!ตั้งแต่ต้นจนจบพิธี สายตาคู่นั้นไม่เคยละไปจากมู่หรงเซียวเลย จะให้เขาวางใจได้อย่างไร!?แม้ว่ามู่หรงเซียวจะโอดครวญเพียงใด แต่มู่หรงเยวี่ยนกลับไม่ใจอ่อนแม้แต่น้อยหลังจากก้าวเข้าสู่ตำหนัก มู่หรงเซียวพลันสะดุดสายตาเข้ากับ กระดาษแผ่นหนึ่ง ที่วางอยู่บนพื้นหน้าประตูห้องบรรทมนางขมวดคิ้ว ก่อนจะก้มลงหยิบขึ้นมาดู มันคือจดหมายฉบับหนึ่ง"นอกวังหลวง ทางทิศเหนือ ใต้ต้นเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   หวงของ

    "ข้าสังเกตเห็นคณะทูตจากต้าชิงแล้ว สายตาของพวกเขาที่มองข้า... ไม่ใช่เพียงความชื่นชม แต่มันคล้ายกับว่าพวกเขาเห็นผี เห็นใครบางคนที่ไม่ควรจะได้พบเห็นอีกต่อไป""องค์หญิงอย่าได้ใส่พระทัย"เจิ้งซวนรีบกล่าวทันที"ไม่มีสิ่งใดเช่นนั้นในต้าชิงพ่ะย่ะค่ะ"แต่คำพูดของเขาฉับพลันและดูเร่งรีบเกินไปเขากำลังโกหก..มู่หรงเซียวจ้องมององครักษ์หนุ่มตรงหน้า ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ และการที่เขาต้องโกหกนาง หมายความว่านางต้องคล้ายใครบางคนในต้าชิงอย่างแน่นอนขณะที่ หวังเฟิ่ง กำลังก้าวไปยังตำหนักรับรองอาคันตุกะ ใครบางคนกลับยืนดักรออยู่ก่อนแล้วดวงเนตรคมกริบขององค์ชายมู่หรงเยวี่ยนจับจ้องบุรุษตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ นับตั้งแต่ที่มังกรจากต้าชิงก้าวเข้าสู่แผ่นดินเจียงหนาน พระองค์ก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติโดยเฉพาะสายตาที่อีกฝ่ายใช้มองมู่หรงเซียว มันมิใช่สายตาของผู้สูงศักดิ์ที่มองสตรีต่างแคว้น แต่มันเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ยากจะอ่านออก และนั่น... ทำให้มู่หรงเยวี่ยนไม่อาจวางใจได้เลย"ไม่ทราบว่าพระองค์ได้รับการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติหรือไม่?"มู่หรงเยวี่ยนเอ่ยขึ้นเรียบๆ แม้ในใจจะรู้อยู่แล้วว่าผู้เป็นฮ่องเต้ต้าชิงไม่มีวันถูก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ฝันประหลาด

    มู่หรงเซียวได้ยินข่าวลือนี้จากเหล่านางกำนัลที่แอบพูดคุยกันอยู่ตามตำหนัก หลังจากนั้นนางก็ลอบไต่ถามจากผู้คนรอบตัว"ว่ากันว่า ฮ่องเต้ต้าชิงรีบเสด็จกลับ เพราะแคว้นต้าชิงยังไม่มีหงส์เคียงบัลลังก์""เขาทรงเก็บตำแหน่งนี้ไว้ให้คนตาย อดีตพระชายาที่สิ้นพระชนม์ไปเมื่อหลายสิบปีก่อน"ยิ่งฟัง หัวใจของนางก็ยิ่งหนักอึ้ง จะเป็นไปได้อย่างไร?เขาไม่มีทางชอบข้าแน่นอน บุรุษเช่นเขาเป็นดั่งหินผาที่ไม่อาจสั่นคลอน ตำแหน่งหงส์เคียงบัลลังก์นั้น ย่อมไม่ใช่ที่ของข้า ไม่มีวันเป็นไปได้หลังจากวันที่ได้พบหวังเฟิ่งที่ศาลเจ้าได้เก้าราตรี มู่หรงเซียวก็เริ่มมีอาการฝันร้ายมาโดยตลอด นางฝันประหลาดว่าตัวเองคือสตรีที่มีนามว่า “เซียวหยางมี่” ฝันนั้นเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า..."มี่เอ๋อร์ เจ้าจงตั้งใจฟังพ่อ วันนี้จะเป็นวันแรกที่เจ้าจะได้เข้าเรียนในสำนักศึกษา จงจำไว้ให้ดีว่าเจ้าต้องสำรวมวาจาและกิริยา เพื่อนร่วมชั้นของเจ้าล้วนเป็นเชื้อพระวงศ์ องค์หญิง องค์ชาย เจ้าอย่าได้ทำให้พ่อหนักใจ""ลูกทราบแล้วเจ้าค่ะ ท่านพ่อ""หากมีปัญหา ท่านอาของเจ้าที่อยู่ในสำนักศึกษาจะช่วยชี้แนะเจ้าเอง""ลูกทราบแล้ว ข้าสัญญาว่าจะไม่ก่อเรื่อง"บิดาของนางมอง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ข้าไม่อยากเป็นสหาย

    วันหนึ่ง จู่ๆ สำนักศึกษาก็มีคำสั่งให้เซียวหยางมี่มาเป็นสหายร่วมเรียนขององค์ชายใหญ่หวังเฟิ่ง แม้ว่าทั้งเซียวหยางมี่และเซียวเมิ่งจะอยากปฏิเสธเพียงใด ก็ไม่อาจฝ่าฝืนคำสั่งของเบื้องสูงได้วันแรกที่เซียวหยางมี่ได้พบกับองค์ชาย นางยังเป็นเพียงเด็กหญิงวัยสิบสี่หนาว ขณะที่เขาคือบุรุษที่ก้าวสู่ช่วงวัยหนุ่มเต็มตัว อายุสิบแปดหนาว รูปร่างสูงสง่า ลักษณะองอาจผิดแผกจากผู้คนทั่วไปสิ่งแรกที่สะดุดตานางคือดวงตาสีทองอันเป็นเอกลักษณ์ของเชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์ มันล้ำลึกเกินกว่าที่นางจะอ่านออกชั่วขณะที่สบตากับองค์ชายใหญ่ นางก็รู้สึกได้ทันทีว่าเขาอยู่ในโลกที่สูงส่งเกินไป นางไม่อาจเอื้อมถึง แม้กระนั้นนางก็ยังเลือกจะยิ้มออกมา"คารวะองค์ชายใหญ่"นางโค้งกายตามมารยาท เสียงหวานใสกล่าวออกไปอย่างไม่ลังเล"นามของข้าคือเซียวหยางมี่ อาจจะพูดมากไปบ้าง แต่เรามาเป็นสหายกันเถอะเพคะ"องค์ชายหวังเฟิ่งเลิกพระขนงขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอียงพระพักตร์มองนาง ดวงตาสีทองฉายแววเย็นเยียบ"สหาย... อย่างนั้นหรือ?"สุรเสียงทุ้มต่ำเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง"ถ้าเราไม่อยากเป็นล่ะ?"เซียวหยางมี่ชะงักไปวูบหนึ่ง ก่อนจะฝืนยิ้ม นางไม่ได้ตอบกลับ แต่ภายในใจกล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   คิดแตะต้องคนของฝ่าบาท

    หอบหายใจแรง... นางฝันอะไรกัน!? เหตุใดในฝันนั้น นางจึงเป็นหญิงที่มีชื่อว่า เซียวหยางมี่ และเหตุใดฮ่องเต้หวังเฟิ่ง จึงปรากฏอยู่ในฝันของนาง?วันนั้นมู่หรงเซียวไม่อาจข่มใจให้สงบได้เลย ความฝันเมื่อคืนยังติดค้างอยู่ในหัว ทั้งที่มันควรเป็นเพียงความฝัน แต่มันกลับชัดเจนราวกับเป็นเรื่องจริง ความรู้สึกที่ได้รับ ทุกสัมผัส ทุกอารมณ์ ทุกการสนทนา นางสัมผัสได้ทั้งหมด ราวกับว่านางเคยผ่านมันมาด้วยตัวเองนางพยายามคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความบังเอิญ แต่เมื่อความคิดนั้นไม่อาจคลี่คลาย นางจึงเลือกทำในสิ่งที่ช่วยให้นางสงบลงได้เช่นการแอบหนีออกนอกวังองค์หญิงน้อยเปลี่ยนชุดเป็นอาภรณ์บุรุษ สวมหมวกปีกกว้างเพื่ออำพรางใบหน้า ก่อนจะใช้วิชาตัวเบาปีนข้ามกำแพงวังออกไปทางทิศตะวันตกวันนี้ตลาดยังคงคึกคักเช่นเคย กลิ่นขนมอบใหม่ลอยมาตามลม พ่อค้าแม่ขายส่งเสียงเรียกลูกค้า แขกแปลกหน้าจากต่างแคว้นเดินสวนกันไปมา บางคนเป็นนักเดินทาง บางคนเป็นขุนนางจากแคว้นอื่นที่เดินทางมาค้าขายมู่หรงเซียวตั้งใจจะเดินเที่ยวให้สบายใจ แต่ยังไม่ทันจะเดินพ้นไปจากหน้าร้านขายพัด เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง"องค์หญิงมู่หรงเซียว?"นางหยุดฝีเท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ภัยสงคราม

    "องค์หญิง ท่านเป็นอะไรไปเพคะ? พระพักตร์ดูไม่แจ่มใสเลย"เสียงของชิงหลิงดังขึ้นด้วยความเป็นห่วง แต่มู่หรงเซียวกลับทำได้เพียงส่งยิ้มบางๆ ไปให้นาง แม้ภายในใจจะเต็มไปด้วยความว้าวุ่นเพียงใดก็ตาม"ข้าไม่อาจเอ่ยปากบอกใครได้"นางไม่อยากให้คนรอบตัวเป็นกังวล ไม่อยากให้เสด็จพ่อหรือเสด็จแม่ต้องหนักใจ ยามนี้แคว้นเจียงหนานกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แคว้นเยวียและแคว้นฉินกำลังระส่ำระสาย พวกเขาเป็นแคว้นที่คลั่งไคล้สงคราม ต้องการขยายอำนาจ และเจียงหนานซึ่งเป็นแคว้นที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด ย่อมตกเป็นเป้าหมายและต้นเหตุของความวุ่นวายนี้...ก็คือตัวนางเองทุกอย่างเริ่มต้นจากการสู่ขอ องค์ชายจากแคว้นเยวีย แคว้นจ้าว และแคว้นซ่ง เดินทางมาพร้อมราชทูตเพื่อขอเจรจาเสกสมรสกับองค์หญิงแห่งเจียงหนานแคว้นเยวียต้องการเชื่อมสัมพันธ์เพื่อครอบครองทรัพยากรของเจียงหนาน แคว้นจ้าวต้องการดึงเจียงหนานให้อยู่ในอิทธิพลของตน แคว้นซ่งต้องการองค์หญิงผู้เลอโฉมไปเป็นชายาขององค์รัชทายาท แต่องค์จักรพรรดิมู่หรงกวงและองค์ชายมู่หรงเยวี่ยน กลับไม่ยินยอม และนั่นกลายเป็นชนวนที่ทำให้สงครามปะทุขึ้นจากการสู่ขอกลายเป็นการช่วงชิง!ไม่นานหลังจากน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ไม่อยากไปต้าชิง

    "...""ข้าจะให้ความสำคัญกับเจ้าเพียงผู้เดียว แม้ในวันข้างหน้าข้าจะต้องแต่งสตรีจากตระกูลอื่นเพื่อคานอำนาจ แต่เจ้าจะเป็นเพียงคนเดียวที่ข้ามอบหัวใจให้"ในที่สุด เซียวหยางมี่ก็แต่งเข้ามาเป็นพระชายาขององค์ไท่จื่อแต่นางคิดผิด...ไม่นานนัก เขาก็ผิดสัญญาแม้นางไม่ได้ตั้งความหวัง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง"ข้าต้องรับนางเข้ามา หวังว่าเจ้าจะใจกว้างพอจะเข้าใจ"น้ำเสียงของหวังเฟิ่งฟังดูเย็นชาอย่างที่นางไม่เคยสัมผัสมาก่อน"ในเมื่อเจ้าไม่สามารถรักษาเสด็จแม่ได้ เจ้าก็ควรหลีกทางให้หลิวหงหลันเสีย""ท่าน...""อย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย นางเป็นคนของข้า ข้าย่อมต้องเก็บนางไว้เคียงข้าง"หัวใจของเซียวหยางมี่เหมือนถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ นางมองบุรุษที่เคยให้คำมั่นต่อหน้านาง ด้วยแววตาว่างเปล่า"เช่นนั้น เราสองคนก็คงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก"นางกล่าวเสียงเรียบ ก่อนจะค้อมศีรษะและหมุนกายจากไป"เจ้าอย่าทำตัวเป็นเด็กไม่รู้ความนะ เซียวหยางมี่""พระองค์ผิดสัญญาก่อน หม่อมฉันคงไม่มีสิ่งใดจะพูดอีก"หวังเฟิ่งกัดฟันแน่น กำพระหัตถ์จนเส้นเลือดปูดขึ้น"ที่ผ่านมา เจ้าเห็นเราว่าเป็นอะไร?""หม่อมฉันไม่เคยเห็นพระองค์เป็นสิ่งใด นอกจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-12

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ชดเชยให้สมบูรณ์ 2/2

    “โปรดอย่าหยุด...หวังเฟิ่ง” “ได้ ข้าให้ตามคำที่เจ้าขอ” หวังเฟิ่งประคองสะโพกของหญิงสาวขึ้นมา แล้วแทรกตัวเข้าไปจนสุดทาง ทั้งสองร้องครางออกมาพร้อมกันทันที “เซียวเอ๋อร์...ข้า” “ทำตามที่ใจท่านปรารถนาเถิด หวังเฟิ่ง” ชายหนุ่มโยนความอดกลั้นทั้งหมดทิ้งไป แล้วสะบัดเอวเข้าไปทันที แรกเริ่มเขาเพียงต้องการให้นางปรับตัวได้ แต่ยิ่งสอดใส่มากขึ้นเท่าใด ความเสียวซ่านก็ยิ่งทวีขึ้นทุกขณะ ชายหนุ่มมองร่างอวบอิ่มที่นอนอยู่เบื้องล่าง ตอนนี้ทรวงอกคู่งามกำลังสั่นไหวตามจังหวะรักที่เขากำลังกระแทกเข้าไปไม่หยุด มู่หรงเซียวปรือตามองเขา ขณะที่สองมือกำลังจิกหมอนจนแน่น สองแก้มของนางแดงก่ำราวกับผลผิงกั่ว “เซียวเอ๋อร์...เจ้าช่างดียิ่ง” หวังเฟิ่งกัดริมฝีปากขณะที่กระแทกเอวเข้าไปถี่ๆ เขาเงยหน้าขึ้นสูดลมหายใจ ขณะที่แก่นกายแกร่งสัมผัสกับกลีบดอกไม้งามของภรรยา มู่หรงเซียวทำได้เพียงส่ายหน้าไปมาบนหมอน แล้วปล่อยให้ร่างกายและจิตใจถูกหวังเฟิ่งชักนำไปตามที่เขาต้องการ ขณะที่ความร้อนตรงจุดเชื่อมประสานยิ่งทวีขึ้นเรื่อยๆ นางใช้สองขาเกี่ยวเอวของเขาไว้

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ชดเชยให้สมบูรณ์ 1/2

    ขบวนเสด็จของมู่หรงเซียวเดินทางเข้าสู่ต้าชิงอย่างสมพระเกียรติ นางมิใช่เพียงองค์หญิงแห่งเจียงหนานอีกต่อไป แต่กำลังจะก้าวขึ้นเป็นหงส์เคียงข้างมังกรพิธีอภิเษกถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ทั่วทั้งเมืองหลวงต้าชิงเต็มไปด้วยสีแดงแห่งความมงคล ประชาชนต่างพากันเฉลิมฉลองทว่าภายในใจของผู้เป็นเจ้าของบัลลังก์มังกรนั้นกลับสงบนิ่ง ไม่ใช่เพราะไร้ความรู้สึก หากแต่เป็นเพราะรอคอยวันนี้มานานจนมิอาจกล่าวเป็นคำพูดได้ยามราตรี หวังเฟิ่งและมู่หรงเซียวทอดพระเนตรไปยังท้องฟ้ากว้าง ราวกับต้องการให้แสงจันทร์เป็นพยานแห่งโชคชะตา ครั้งหนึ่งเคยพลาดพลั้ง คำสัญญาที่เคยล่มสลาย บัดนี้ทุกสิ่งกำลังจะถูกชดเชยให้สมบูรณ์“ข้าเคยคิดว่าข้าจะไม่มีวันได้รับโอกาสแก้ไขอดีต”หวังเฟิ่งเอื้อนเอ่ยเสียงแผ่ว พลางกุมมือนางไว้แน่น“แต่แล้วโชคชะตาก็พาเจ้ากลับมา”มู่หรงเซียวยิ้มบาง ทว่าดวงตากลับสะท้อนความรู้สึกที่ลึกซึ้ง“ข้าเองก็เคยคิดว่า ข้าจะไม่มีวันให้อภัยท่านอีก”หวังเฟิ่งชะงักไปชั่วขณะ มือที่กุมมือนางไว้ยังคงมั่นคง แต่ดวงตากลับแฝงไว้ด้วยความลังเล“แล้วตอนนี้เล่า?”มู่หรงเซียวมองสบดวงตาสีทองนั้นอย่างแน่วแน่ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอบอุ่น“ข

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ทำตามสัญญา

    ณ ประตูเมืองต้าชิง ขบวนราชทูตจากแคว้นเจียงหนานยืนเรียงรายอยู่เบื้องหลังของมู่หรงเซียว รถม้าและกองทหารพร้อมเดินทางกลับแคว้น แต่ถึงแม้ทุกอย่างจะพร้อม นางกลับยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเบื้องหน้าของนางคือหวังเฟิ่ง ฮ่องเต้ผู้ทรงอำนาจของแคว้นต้าชิง ดวงตาสีทองของเขาจับจ้องมู่หรงเซียวแน่วแน่ ราวกับต้องการจดจำนางให้ลึกลงไปในหัวใจ"เจ้าต้องกลับไปจริงๆ หรือ?""ข้ามีหน้าที่ของข้าที่ต้องทำ เสด็จพ่อและเสด็จแม่รอข้าอยู่"หวังเฟิ่งถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพยักหน้า ด้วยตัวเขานั้นยังมีภารกิจที่จะต้องเร่งฟื้นฟูบ้านเมือง ทำให้เขาจำต้องยมปล่อยมือนางไปชั่วคราว"ข้าเข้าใจ... เจ้าควรกลับไป""หน้าที่ของข้าสิ้นสุดลงแล้ว... แต่หากวันหนึ่งท่านต้องการให้ข้ากลับมา"หวังเฟิ่งนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะคลี่ยิ้มบาง"ข้าจะไปหาเจ้า แต่เจ้าต้องรอข้า""ข้ารอท่านได้... แต่ท่านต้องไม่มาช้าจนข้าแต่งออกเรือนไปเสียก่อน"ดวงตาของหวังเฟิ่งทอแสงอันตรายขึ้นทันที"เจ้ากล้าหรือ?"มู่หรงเซียวยกยิ้มบาง"หากท่านช้าไปจริงๆ ข้าก็อาจต้องพิจารณา""อย่าหวังเลย"หวังเฟิ่งก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาของเขาฉายแววมุ่งมั่นและจริงจัง"ข้าจะไม่ยอมให้

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   กลับบ้าน

    ไทเฮามองภาพตรงหน้า นางกัดฟันแน่น"น่าขยะแขยง! ความรักของพวกเจ้าเป็นเรื่องงี่เง่า ความเชื่อใจเป็นเพียงคำโกหก เจ้าไม่สมควรได้รับความสุข! เจ้าต้องเจ็บปวดเหมือนที่ข้าเคยเจ็บปวด!"ภายในตำหนักเย็นที่ถูกปกคลุมด้วยความหนาวเหน็บ แสงจากตะเกียงริบหรี่สะท้อนเงาของหญิงผู้เคยครอบครองอำนาจสูงสุดของแผ่นดินไทเฮา... บัดนี้มิใช่ "มารดาแห่งแผ่นดิน" อีกต่อไปหลังจากที่ความจริงทั้งหมดถูกเปิดเผย นางถูกปลดจากฐานะไทเฮา ถูกกักบริเวณให้ใช้ชีวิตที่เหลือไปกับความอ้างว้าง ไม่มีอำนาจ ไม่มีผู้คนให้ความเคารพ ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือให้นางยึดเหนี่ยวเสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้นหน้าตำหนัก บานประตูถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างสูงสง่าของบุรุษที่เคยเรียกนางว่า ‘มารดา’"เสด็จแม่...""หึ... ตอนนี้เจ้ายังกล้าเรียกข้าว่าเสด็จแม่อยู่อีกหรือ?"ไทเฮาหัวเราะเย้ยหยัน แม้น้ำเสียงจะเต็มไปด้วยความขมขื่น"ข้าเป็นเพียงสตรีเฒ่าที่ถูกกักขังอยู่ที่นี่ รอวันหมดลมหายใจ ไยต้องแสร้งทำเป็นเมตตาข้า?"หวังเฟิ่งมองนางอย่างไม่แสดงอารมณ์ใดๆข้ามิได้มาเพื่อแสร้งเมตตา แต่ข้ามาเพื่อให้ท่านยอมรับผิดและข้าจะให้โอกาสสุดท้าย หากท่านสำนึกผิด ข้ายังอาจให้ท่านได้อยู่อ

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ให้อภัย

    "ว่าอย่างไรนะ!?"มู่หรงเซียวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ"ข้าขโมยเขามาจากสนมคนหนึ่ง สนมที่อดีตฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด""...""แต่เจ้ารู้หรือไม่ ว่าข้าไม่ได้ขโมยเขามาเพราะรัก ข้าแค่ต้องการอำนาจ แต่เด็กคนนั้นโตขึ้นมาและปฏิเสธที่จะมอบอำนาจให้แก่ข้า"มู่หรงเซียวยังคงนิ่งเงียบ นางเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้ว"ข้าสนับสนุนเขาขึ้นเป็นไท่จื่อ ตั้งแต่ยังเยาว์วัย ข้าอบรมเขา ให้เขาทำตามที่ข้าต้องการ แต่เขากลับทรยศข้า! เขาปฏิเสธตระกูลหลิวและอีกหลายตระกูลที่อยู่ฝั่งของข้า ไม่มอบอำนาจให้ญาติฝ่ายข้า แม้กระทั่งหลังจากขึ้นครองราชย์ เขาก็ไม่ยอมให้ข้าแตะต้องอำนาจของเขาแม้แต่น้อย"ความเคียดแค้นฉายชัดในแววตาของไทเฮา"และเพราะเหตุนี้ ข้าจึงต้องการทำให้เขาเจ็บปวดที่สุด สิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดได้มากที่สุด...ก็คือเจ้า เซียวหยางมี่"แต่ก่อนที่ไทเฮาจะได้เอ่ยเอื้อนประโยคต่อไป เสียงฝีเท้าหนักแน่นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นที่หน้าตำหนัก"เสด็จแม่!"ประตูถูกผลักเปิดออกอย่างแรง เผยให้เห็นร่างสูงสง่าของหวังเฟิ่งที่ก้าวเข้ามาพร้อมกับองครักษ์คู่ใจ พระเนตรสีทองของเขาเต็มไปด้วยโทสะ นัยน์ตาแดงก่ำ ราวกับถูกโหมด้วยเพลิงไฟจากภายในเขาได้ย

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ถูกยั่วยุ

    หลังจากการต่อสู้อันดุเดือดกินเวลานานกว่าครึ่งคืน ศัตรูที่บุกเข้ามาถูกสังหารและขับไล่ออกไปจนหมด ศึกกบฏจบลง ชาวบ้านต้าชิงรอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งใหญ่แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ความสงบ องค์หญิงมู่หรงเซียวกลับหายตัวไป ร่างของนางถูกลักพาตัวไปในยามวิกาล โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้เมื่อมู่หรงเซียวได้สติ นางพบว่าตัวเองถูกกักขังอยู่ในตำหนักลับที่ไม่คุ้นเคยแสงไฟในห้องสลัว กลิ่นกำยานหอมกรุ่นลอยฟุ้งปะปนไปกับกลิ่นสมุนไพรจางๆ อากาศภายในตำหนักชวนให้อึดอัด ราวกับมีเงาของสิ่งชั่วร้ายแฝงตัวอยู่เบื้องหน้าของนางคือสตรีวัยกลางคนผู้เปี่ยมไปด้วยอำนาจ อาภรณ์ของนางปักลวดลายมังกรหงส์อย่างวิจิตร“ไทเฮา!”มู่หรงเซียวเม้มปากแน่น แม้นางจะถูกจับมาโดยไม่รู้ตัว แต่นางยังคงรักษาความสงบนิ่งของตนเองเอาไว้สตรีผู้นั้นมองนางนิ่งๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา"เจ้าช่างเหมือนนางเหลือเกิน"แม้มู่หรงเซียวจะไม่ได้เอ่ยคำใด แต่ภายในใจของนางรู้ดีว่า ไทเฮาหมายถึงผู้ใด"อย่ามาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ข้ารู้แล้วว่าเจ้าคือเซียวหยางมี่ ที่มาเกิดใหม่ด้วยอาคมของหวังเฟิ่ง!"เสียงของไทเฮาดังขึ้นเรื่องๆ น้ำเสียงของหญิงวัยกลางคนนั้นแฝงไปด

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ผ้าอาบยาสลบ

    หวังเฟิ่งหยุดชะงักชั่วครู่ สีหน้าของพระองค์เคร่งขรึมขึ้นทันที"สามหาว!""เจ้ามิเคยสงสัยบ้างเลยหรือ ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมด? ใครกันที่พาหลิวหงหลัน? ใครปล่อยพิษกู่? และใครเป็นต้นเหตุให้เมียเจ้าต้องตาย?""เจ้า!"รองแม่ทัพหลี่หัวเราะในลำคอ ก่อนจะพูดต่อเพื่อต้องการย้อนเกล็ดขององค์จักรพรรดิ์ผู้นี้"คิดว่าหลิวหงหลันและเสนาบดีหลิวจะอาจหาญก่อการภายในวังได้หรือ ถ้าไม่มีไทเฮาสนับสนุน?"หวังเฟิ่งกัดกรามแน่น บัดนี้ร่างของพระองค์สั่นสะท้านด้วยความโกรธถึงขีดสุด"เล่าออกมาให้หมด!""ถึงท่านไม่บอก ข้าก็จะเล่าอยู่แล้ว"รองแม่ทัพหลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน"ข้ากับหงหลันเป็นสหายกันมานาน ข้าเฝ้ามองนาง... แต่นางกลับเฝ้ามองแต่ท่าน เมื่อรู้ว่าท่านต้องการแต่งงานกับ เซียวหยางมี่บุตรสาวของอดีตราชครู นางก็ร้อนใจเป็นอย่างมาก ไทเฮาผู้ไม่ยอมรับการแต่งงานของท่าน จึงออกอุบายแกล้งป่วย ทำให้เซียวหยางมี่ไม่สามารถวินิจฉัยและรักษาได้ จากนั้นก็ทำทีให้หลิวหงหลันรักษาจนหาย เพื่อเปิดทางให้หงหลันเข้าใกล้ท่าน!""ไม่จริง..."หวังเฟิ่งพึมพำ ดวงตาของพระองค์เต็มไปด้วยความสับสน"เสด็จแม่...""ใช่ เสด็จแม่ของท่านต้องก

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   กับดัก

    บุคคลนิรนามสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบหันไปทางรองแม่ทัพหลี่"เจ้ารีบออกไปเสียบัดนี้ เขามาแล้ว!"รองแม่ทัพหลี่ไม่รอช้า รีบหลบออกไปทางลับของตำหนักโดยทันทีเพียงไม่นาน ประตูตำหนักก็ถูกเปิดออก ร่างสูงของจักรพรรดิต้าชิงก้าวเข้ามา นัยน์ตาสีทองของพระองค์กวาดมองไปรอบห้อง ก่อนจะหยุดลงที่สตรีผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์"เสด็จแม่ ลูกเหมือนได้ยินท่านคุยกับใคร"ไทเฮาแย้มรอยยิ้มบาง นางขยับพัดในมือเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"เจ้าคิดมากไปแล้ว อาเฟิ่งลูกแม่ ว่าแต่เจ้ามีอะไร ถึงมาหาข้ายามนี้?""ลูกจะออกไปบัญชาการทัพ เนื่องจากด้านนอกยามนี้เกิดเหตุร้าย เกรงว่าจะเป็นกลุ่มกบฏ"ไทเฮาชะงักไปเพียงครู่ ก่อนจะคลี่ยิ้มอ่อนโยน ราวกับมารดาผู้เปี่ยมไปด้วยความรักและห่วงใย"แม่ห่วงเจ้ามาก อาเฟิ่ง เจ้าไม่ไปได้หรือไม่?"หวังเฟิ่งมองมารดาของพระองค์ สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ผิดแปลก แต่เพียงพริบตาเดียว นางก็กลับมาเป็นไทเฮาผู้เมตตาดังเดิม"แต่ข้าจำเป็นต้องไป"หวังเฟิ่งตอบด้วยน้ำเสียงที่ช่างดูราบเรียบ ก่อนจะค้อมศีรษะให้ แล้วหมุนตัวเดินจากไปเบื้องหลังของพระองค์ ไทเฮายังคงยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นกลับเยียบเย็น ราวกับมิใช่ของผู้เป็น

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ลอบโจมตี

    ภายในจวนของเสนาบดีหลิว บรรยากาศอึมครึมปกคลุมไปทั่ว ทุกมุมห้องถูกปกคลุมด้วยความมืดสลัว มีเพียงแสงเทียนที่ริบหรี่ส่องให้เห็นชายชราที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่บัดนี้เขาดูซูบเซียวลงไปไม่น้อย ตั้งแต่บุตรสาวเพียงคนเดียวถูกคุมขังในข้อหาปองร้ายฮ่องเต้หวังเฟิ่ง ไม่ว่าเขาจะใช้เส้นสายเท่าใด ก็ไม่อาจช่วยนางออกมาได้เขาอับอาย เขาโกรธแค้น และเหนือสิ่งอื่นใด เขาไม่อาจยอมรับความพ่ายแพ้ได้ หลิวหงหลันคือสายเลือดเดียวของเขา เขาย่อมไม่มีวันยอมให้บุตรสาวต้องตายในคุกของต้าชิง!เสียงฝีเท้าดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่ขันทีคนสนิทของไทเฮาจะเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง ใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความวิตกกังวล"นายท่าน... พวกเราจะทำเช่นไรต่อไปดี?"เสนาบดีหลิวเปิดเปลือกตาขึ้น นัยน์ตาของเขาขุ่นมัวด้วยความเครียด"พวกสุนัขเฝ้าประตูวังไม่ยอมปล่อยนางง่ายๆ หากข้ายังเพิกเฉย ชื่อเสียงตระกูลหลิวต้องป่นปี้แน่""เช่นนั้น"เขาหลับตาลงชั่วครู่ ก่อนจะสูดลมหายใจลึก แล้วลืมตาขึ้นใหม่"ส่งสารลับไปยังพวกทางใต้ บอกพวกมันว่า หากต้องการโอกาสบุกต้าชิง ข้าจะเป็นผู้เปิดทางให้เอง"ขันทีที่ยืนอยู่ถึงกับหน้าเสีย ใบหน้าของเขาซีดเผือดไปทันที"ถ้าฝ่าบาททร

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status