แชร์

ฝันประหลาด

ผู้เขียน: อิ่น เยว่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-12 17:26:35

มู่หรงเซียวได้ยินข่าวลือนี้จากเหล่านางกำนัลที่แอบพูดคุยกันอยู่ตามตำหนัก หลังจากนั้นนางก็ลอบไต่ถามจากผู้คนรอบตัว

"ว่ากันว่า ฮ่องเต้ต้าชิงรีบเสด็จกลับ เพราะแคว้นต้าชิงยังไม่มีหงส์เคียงบัลลังก์"

"เขาทรงเก็บตำแหน่งนี้ไว้ให้คนตาย อดีตพระชายาที่สิ้นพระชนม์ไปเมื่อหลายสิบปีก่อน"

ยิ่งฟัง หัวใจของนางก็ยิ่งหนักอึ้ง จะเป็นไปได้อย่างไร?

เขาไม่มีทางชอบข้าแน่นอน บุรุษเช่นเขาเป็นดั่งหินผาที่ไม่อาจสั่นคลอน ตำแหน่งหงส์เคียงบัลลังก์นั้น ย่อมไม่ใช่ที่ของข้า ไม่มีวันเป็นไปได้

หลังจากวันที่ได้พบหวังเฟิ่งที่ศาลเจ้าได้เก้าราตรี มู่หรงเซียวก็เริ่มมีอาการฝันร้ายมาโดยตลอด นางฝันประหลาดว่าตัวเองคือสตรีที่มีนามว่า “เซียวหยางมี่”

ฝันนั้นเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า...

"มี่เอ๋อร์ เจ้าจงตั้งใจฟังพ่อ วันนี้จะเป็นวันแรกที่เจ้าจะได้เข้าเรียนในสำนักศึกษา จงจำไว้ให้ดีว่าเจ้าต้องสำรวมวาจาและกิริยา เพื่อนร่วมชั้นของเจ้าล้วนเป็นเชื้อพระวงศ์ องค์หญิง องค์ชาย เจ้าอย่าได้ทำให้พ่อหนักใจ"

"ลูกทราบแล้วเจ้าค่ะ ท่านพ่อ"

"หากมีปัญหา ท่านอาของเจ้าที่อยู่ในสำนักศึกษาจะช่วยชี้แนะเจ้าเอง"

"ลูกทราบแล้ว ข้าสัญญาว่าจะไม่ก่อเรื่อง"

บิดาของนางมอง
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ข้าไม่อยากเป็นสหาย

    วันหนึ่ง จู่ๆ สำนักศึกษาก็มีคำสั่งให้เซียวหยางมี่มาเป็นสหายร่วมเรียนขององค์ชายใหญ่หวังเฟิ่ง แม้ว่าทั้งเซียวหยางมี่และเซียวเมิ่งจะอยากปฏิเสธเพียงใด ก็ไม่อาจฝ่าฝืนคำสั่งของเบื้องสูงได้วันแรกที่เซียวหยางมี่ได้พบกับองค์ชาย นางยังเป็นเพียงเด็กหญิงวัยสิบสี่หนาว ขณะที่เขาคือบุรุษที่ก้าวสู่ช่วงวัยหนุ่มเต็มตัว อายุสิบแปดหนาว รูปร่างสูงสง่า ลักษณะองอาจผิดแผกจากผู้คนทั่วไปสิ่งแรกที่สะดุดตานางคือดวงตาสีทองอันเป็นเอกลักษณ์ของเชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์ มันล้ำลึกเกินกว่าที่นางจะอ่านออกชั่วขณะที่สบตากับองค์ชายใหญ่ นางก็รู้สึกได้ทันทีว่าเขาอยู่ในโลกที่สูงส่งเกินไป นางไม่อาจเอื้อมถึง แม้กระนั้นนางก็ยังเลือกจะยิ้มออกมา"คารวะองค์ชายใหญ่"นางโค้งกายตามมารยาท เสียงหวานใสกล่าวออกไปอย่างไม่ลังเล"นามของข้าคือเซียวหยางมี่ อาจจะพูดมากไปบ้าง แต่เรามาเป็นสหายกันเถอะเพคะ"องค์ชายหวังเฟิ่งเลิกพระขนงขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอียงพระพักตร์มองนาง ดวงตาสีทองฉายแววเย็นเยียบ"สหาย... อย่างนั้นหรือ?"สุรเสียงทุ้มต่ำเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง"ถ้าเราไม่อยากเป็นล่ะ?"เซียวหยางมี่ชะงักไปวูบหนึ่ง ก่อนจะฝืนยิ้ม นางไม่ได้ตอบกลับ แต่ภายในใจกล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   คิดแตะต้องคนของฝ่าบาท

    หอบหายใจแรง... นางฝันอะไรกัน!? เหตุใดในฝันนั้น นางจึงเป็นหญิงที่มีชื่อว่า เซียวหยางมี่ และเหตุใดฮ่องเต้หวังเฟิ่ง จึงปรากฏอยู่ในฝันของนาง?วันนั้นมู่หรงเซียวไม่อาจข่มใจให้สงบได้เลย ความฝันเมื่อคืนยังติดค้างอยู่ในหัว ทั้งที่มันควรเป็นเพียงความฝัน แต่มันกลับชัดเจนราวกับเป็นเรื่องจริง ความรู้สึกที่ได้รับ ทุกสัมผัส ทุกอารมณ์ ทุกการสนทนา นางสัมผัสได้ทั้งหมด ราวกับว่านางเคยผ่านมันมาด้วยตัวเองนางพยายามคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความบังเอิญ แต่เมื่อความคิดนั้นไม่อาจคลี่คลาย นางจึงเลือกทำในสิ่งที่ช่วยให้นางสงบลงได้เช่นการแอบหนีออกนอกวังองค์หญิงน้อยเปลี่ยนชุดเป็นอาภรณ์บุรุษ สวมหมวกปีกกว้างเพื่ออำพรางใบหน้า ก่อนจะใช้วิชาตัวเบาปีนข้ามกำแพงวังออกไปทางทิศตะวันตกวันนี้ตลาดยังคงคึกคักเช่นเคย กลิ่นขนมอบใหม่ลอยมาตามลม พ่อค้าแม่ขายส่งเสียงเรียกลูกค้า แขกแปลกหน้าจากต่างแคว้นเดินสวนกันไปมา บางคนเป็นนักเดินทาง บางคนเป็นขุนนางจากแคว้นอื่นที่เดินทางมาค้าขายมู่หรงเซียวตั้งใจจะเดินเที่ยวให้สบายใจ แต่ยังไม่ทันจะเดินพ้นไปจากหน้าร้านขายพัด เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง"องค์หญิงมู่หรงเซียว?"นางหยุดฝีเท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ภัยสงคราม

    "องค์หญิง ท่านเป็นอะไรไปเพคะ? พระพักตร์ดูไม่แจ่มใสเลย"เสียงของชิงหลิงดังขึ้นด้วยความเป็นห่วง แต่มู่หรงเซียวกลับทำได้เพียงส่งยิ้มบางๆ ไปให้นาง แม้ภายในใจจะเต็มไปด้วยความว้าวุ่นเพียงใดก็ตาม"ข้าไม่อาจเอ่ยปากบอกใครได้"นางไม่อยากให้คนรอบตัวเป็นกังวล ไม่อยากให้เสด็จพ่อหรือเสด็จแม่ต้องหนักใจ ยามนี้แคว้นเจียงหนานกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แคว้นเยวียและแคว้นฉินกำลังระส่ำระสาย พวกเขาเป็นแคว้นที่คลั่งไคล้สงคราม ต้องการขยายอำนาจ และเจียงหนานซึ่งเป็นแคว้นที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด ย่อมตกเป็นเป้าหมายและต้นเหตุของความวุ่นวายนี้...ก็คือตัวนางเองทุกอย่างเริ่มต้นจากการสู่ขอ องค์ชายจากแคว้นเยวีย แคว้นจ้าว และแคว้นซ่ง เดินทางมาพร้อมราชทูตเพื่อขอเจรจาเสกสมรสกับองค์หญิงแห่งเจียงหนานแคว้นเยวียต้องการเชื่อมสัมพันธ์เพื่อครอบครองทรัพยากรของเจียงหนาน แคว้นจ้าวต้องการดึงเจียงหนานให้อยู่ในอิทธิพลของตน แคว้นซ่งต้องการองค์หญิงผู้เลอโฉมไปเป็นชายาขององค์รัชทายาท แต่องค์จักรพรรดิมู่หรงกวงและองค์ชายมู่หรงเยวี่ยน กลับไม่ยินยอม และนั่นกลายเป็นชนวนที่ทำให้สงครามปะทุขึ้นจากการสู่ขอกลายเป็นการช่วงชิง!ไม่นานหลังจากน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ไม่อยากไปต้าชิง

    "...""ข้าจะให้ความสำคัญกับเจ้าเพียงผู้เดียว แม้ในวันข้างหน้าข้าจะต้องแต่งสตรีจากตระกูลอื่นเพื่อคานอำนาจ แต่เจ้าจะเป็นเพียงคนเดียวที่ข้ามอบหัวใจให้"ในที่สุด เซียวหยางมี่ก็แต่งเข้ามาเป็นพระชายาขององค์ไท่จื่อแต่นางคิดผิด...ไม่นานนัก เขาก็ผิดสัญญาแม้นางไม่ได้ตั้งความหวัง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง"ข้าต้องรับนางเข้ามา หวังว่าเจ้าจะใจกว้างพอจะเข้าใจ"น้ำเสียงของหวังเฟิ่งฟังดูเย็นชาอย่างที่นางไม่เคยสัมผัสมาก่อน"ในเมื่อเจ้าไม่สามารถรักษาเสด็จแม่ได้ เจ้าก็ควรหลีกทางให้หลิวหงหลันเสีย""ท่าน...""อย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย นางเป็นคนของข้า ข้าย่อมต้องเก็บนางไว้เคียงข้าง"หัวใจของเซียวหยางมี่เหมือนถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ นางมองบุรุษที่เคยให้คำมั่นต่อหน้านาง ด้วยแววตาว่างเปล่า"เช่นนั้น เราสองคนก็คงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก"นางกล่าวเสียงเรียบ ก่อนจะค้อมศีรษะและหมุนกายจากไป"เจ้าอย่าทำตัวเป็นเด็กไม่รู้ความนะ เซียวหยางมี่""พระองค์ผิดสัญญาก่อน หม่อมฉันคงไม่มีสิ่งใดจะพูดอีก"หวังเฟิ่งกัดฟันแน่น กำพระหัตถ์จนเส้นเลือดปูดขึ้น"ที่ผ่านมา เจ้าเห็นเราว่าเป็นอะไร?""หม่อมฉันไม่เคยเห็นพระองค์เป็นสิ่งใด นอกจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ออกเดินทาง

    มู่หรงเซียวเม้มริมฝีปากแน่น นางรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่พอได้ยินกับหูของตัวเอง หัวใจก็ยังรู้สึกหนักอึ้งอยู่ดี"แต่ว่าตัวข้านั้นเป็นสตรี เกรงว่าจะไม่เหมาะสม...""ทูลองค์หญิง แคว้นต้าชิงของเรานั้นกว้างขวาง มิได้แบ่งแยกหญิงชาย"ราชทูตของต้าชิงเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ คำพูดของเขาทำให้นางเผลอคิดถึงสิ่งที่เคยเห็นในฝันใช่แล้ว ที่นั่นไม่มีการแบ่งแยกสตรีบุรุษ ตั้งแต่ในสำนักศึกษา ทุกคนถูกปฏิบัติอย่างเท่าเทียม แคว้นต้าชิง และแคว้นเจียงหนานไม่ต่างกันเท่าใดนักเพียงแต่ว่ามู่หรงเซียวมิได้กังวลเรื่องธรรมเนียม นางกังวลเกี่ยวกับตัวบุรุษที่ปกครองแคว้นนั้นต่างหาก นางไม่อยากเข้าใกล้องค์จักรพรรดิต้าชิง ไม่อยากแม้แต่จะเห็นหน้าเขา!แต่ท้ายที่สุด ความกดดันจากสงครามก็ทำให้นางไม่มีทางเลือกขณะที่ขบวนคณะทูตของต้าชิงเริ่มออกเดินทางจากเขตพระราชฐาน มู่หรงเซียวก็ได้แต่มองเหล่าข้าราชบริพารและประชาชนที่มาร่วมส่งเสด็จ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความห่วงใยนางมิใช่เพียงองค์หญิงของเจียงหนานอีกต่อไป แต่เป็นตัวประกันทางการเมืองของแคว้นต้าชิงด้วยเช่นกันเส้นทางระหว่างเจียงหนานและต้าชิงนั้นช่างยาวไกลเหลือเกินมู่ห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ข้ามิได้เกิดมาเพื่อเป็นหงส์

    มู่หรงเซียวชะงัก หัวใจเต้นกระหน่ำโดยไม่รู้ตัว นาง... นางเคยเห็นสตรีผู้นี้มาก่อนแม้จะไม่มีความทรงจำใดเกี่ยวกับหลิวหงหลันในชีวิตนี้ แต่เพียงแค่สบตากับนาง ความรู้สึกเกลียดชังที่อธิบายไม่ได้ ก็พลันพวยพุ่งขึ้นมาในอกนางจำได้...หลิวหงหลัน คือผู้หญิงในความฝัน คนที่อยู่เบื้องหลังการล่มสลายของเซียวหยางมี่ นางเป็นสตรีที่ทำลายชีวิตของนางในอดีตมู่หรงเซียวรีบสะกดกลั้นความรู้สึกทั้งหมดไว้ ก่อนจะย่อตัวลงอย่างสง่างาม เอ่ยเสียงเรียบ"คารวะฝ่าบาท และเชื้อพระวงศ์ทุกท่าน ข้ามู่หรงเซียว องค์หญิงแห่งแคว้นเจียงหนาน มาในฐานะราชทูตเพคะ"แม้จะพยายามทำตัวสงบเสงี่ยม แต่สีหน้าของหลิวหงหลันกลับ หมองคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัดพระสนมผู้งดงามกำฝ่ามือแน่น จิกเล็บลงบนผิวเนื้อตัวเองจนขึ้นรอยแดง แววตาที่มองมู่หรงเซียวเต็มไปด้วยความ ไม่พอใจอย่างถึงที่สุด"..."ไม่ใช่แค่หลิวหงหลัน พระสนมอีกสองนางที่อยู่ด้านข้างก็มองนางอย่างไม่เป็นมิตร แม้พวกนางจะมิได้แสดงออกอย่างชัดแจ้ง เท่าหลิวหงหลัน แต่ก็เห็นได้ชัดว่า การปรากฏตัวของนางไม่เป็นที่ต้อนรับในวังหลังแห่งนี้เพราะในตอนนี้ ตำแหน่งจักรพรรดินีของต้าชิง ยังคงว่างอยู่ และการที่องค์จักร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ที่นี่ไม่ใช่บ้านของข้า

    ทั่วทั้งท้องพระโรงตกอยู่ในความเงียบงันหลิวหงหลันซึ่งนั่งอยู่ข้างบัลลังก์จิกเล็บลงบนฝ่ามือ ริมฝีปากเม้มแน่นอย่างข่มอารมณ์ขณะที่เหล่าพระสนมและขุนนางบางส่วนต่างพอใจในคำพูดของนาง แต่ขุนนางที่ต้องการผลักดันนางให้ขึ้นเป็นจักรพรรดินีกลับมีสีหน้าไม่สู้ดีนักแต่สิ่งที่มู่หรงเซียวสนใจมากกว่านั้นคือปฏิกิริยาของหวังเฟิ่ง นางเงยหน้าขึ้นมององค์จักรพรรดิสูงศักดิ์ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ทองแต่พระองค์กลับนิ่งเงียบ ริมฝีปากหยักลึกของจักรพรรดิยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ แต่ดวงเนตรสีทองกลับลึกล้ำจนมิอาจหยั่งถึงมู่หรงเซียวรู้ดีว่า...เขาย่อมจะไม่มีวันยอมให้ทุกอย่างจบเพียงเท่านี้อย่างแน่นอนยามราตรีเงียบงัน แต่เสียงฉินที่ดังแว่วไปทั่วตำหนักกลับทำลายความเงียบสงบ ลำนำที่ถูกบรรเลงช่างอ่อนหวานปนเศร้าโศก เหมือนเสียงเพรียกจากอดีตอันไกลโพ้น กรีดลึกลงกลางใจของผู้ฟังมู่หรงเซียวขมวดคิ้วแน่น“ดึกดื่นป่านนี้ ใครกันที่มาเล่นฉิน?”เสียงฉินดึงดูดให้นางออกจากตำหนัก นางก้าวย่างไปตามทำนองเพลง ราวกับถูกดึงเข้าไปในวังวนของเสียงนั้นโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงเมื่อเดินมาถึงลานกว้างของตำหนักใหญ่ นางก็พบกับ คนที่นางไม่อยากพบเป็นที่สุดบุรุษ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-12
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   เสแสร้ง

    ดวงตาเต็มไปด้วยความพรั่นพรึง เซียวหยางมี่เฝ้าสงสัยมาเนิ่นนานว่ามีบางสิ่งผิดปกติภายในจวนองค์ไท่จื่อ ทว่าสวามีของนางกลับหลงใหลพระสนมคนใหม่จนไม่สนใจฟังคำเตือนของนางเลย จนกระทั่งวันนี้ที่นางตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ทุกอย่างจึงปรากฏชัดเสียงหัวเราะแหลมเล็กดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน“เจ็บปวดมากใช่หรือไม่?”เงาร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งก้าวเข้ามาใกล้ แววตาที่มองลงมามีแต่ความเย้ยหยันกับความพึงพอใจ หลิวหงหลันในอาภรณ์งดงามย่อตัวลงช้าๆ เอียงคอเล็กน้อย ก่อนเอื้อมนิ้วเรียวเย็นเฉียบเชยคางของคนที่นอนจมกองเลือดขึ้นมา“แต่ข้าสามารถทำให้เจ้าเจ็บปวดได้มากกว่านี้อีกนะ พระชายา”เซียวหยางมี่กัดฟันแน่น แววตาฉายชัดถึงความตกตะลึง ไม่อยากเชื่อว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดคือคนผู้นี้“เจ้า... เจ้าทำสิ่งนี้ลงไปทำไม” เสียงของนางแหบพร่าเต็มไปด้วยความสั่นสะท้าน “ข้าเคยทำอะไรให้เจ้ากัน?”พระสนมคนงามแย้มรอยยิ้ม ทว่าดวงตากลับเย็นชา“เจ้าตั้งครรภ์บุตรขององค์ไท่จื่อ แล้วจะไม่ให้ข้าคิดกำจัดเจ้าได้อย่างไร?”เซียวหยางมี่แข็งค้างไปทั้งร่างนางปกปิดเรื่องครรภ์มาตลอด เพราะต้องการสืบหาความจริงเกี่ยวกับพิษประหลาดที่ฮองเฮากำลังเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-12

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ชดเชยให้สมบูรณ์ 2/2

    “โปรดอย่าหยุด...หวังเฟิ่ง” “ได้ ข้าให้ตามคำที่เจ้าขอ” หวังเฟิ่งประคองสะโพกของหญิงสาวขึ้นมา แล้วแทรกตัวเข้าไปจนสุดทาง ทั้งสองร้องครางออกมาพร้อมกันทันที “เซียวเอ๋อร์...ข้า” “ทำตามที่ใจท่านปรารถนาเถิด หวังเฟิ่ง” ชายหนุ่มโยนความอดกลั้นทั้งหมดทิ้งไป แล้วสะบัดเอวเข้าไปทันที แรกเริ่มเขาเพียงต้องการให้นางปรับตัวได้ แต่ยิ่งสอดใส่มากขึ้นเท่าใด ความเสียวซ่านก็ยิ่งทวีขึ้นทุกขณะ ชายหนุ่มมองร่างอวบอิ่มที่นอนอยู่เบื้องล่าง ตอนนี้ทรวงอกคู่งามกำลังสั่นไหวตามจังหวะรักที่เขากำลังกระแทกเข้าไปไม่หยุด มู่หรงเซียวปรือตามองเขา ขณะที่สองมือกำลังจิกหมอนจนแน่น สองแก้มของนางแดงก่ำราวกับผลผิงกั่ว “เซียวเอ๋อร์...เจ้าช่างดียิ่ง” หวังเฟิ่งกัดริมฝีปากขณะที่กระแทกเอวเข้าไปถี่ๆ เขาเงยหน้าขึ้นสูดลมหายใจ ขณะที่แก่นกายแกร่งสัมผัสกับกลีบดอกไม้งามของภรรยา มู่หรงเซียวทำได้เพียงส่ายหน้าไปมาบนหมอน แล้วปล่อยให้ร่างกายและจิตใจถูกหวังเฟิ่งชักนำไปตามที่เขาต้องการ ขณะที่ความร้อนตรงจุดเชื่อมประสานยิ่งทวีขึ้นเรื่อยๆ นางใช้สองขาเกี่ยวเอวของเขาไว้

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ชดเชยให้สมบูรณ์ 1/2

    ขบวนเสด็จของมู่หรงเซียวเดินทางเข้าสู่ต้าชิงอย่างสมพระเกียรติ นางมิใช่เพียงองค์หญิงแห่งเจียงหนานอีกต่อไป แต่กำลังจะก้าวขึ้นเป็นหงส์เคียงข้างมังกรพิธีอภิเษกถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ทั่วทั้งเมืองหลวงต้าชิงเต็มไปด้วยสีแดงแห่งความมงคล ประชาชนต่างพากันเฉลิมฉลองทว่าภายในใจของผู้เป็นเจ้าของบัลลังก์มังกรนั้นกลับสงบนิ่ง ไม่ใช่เพราะไร้ความรู้สึก หากแต่เป็นเพราะรอคอยวันนี้มานานจนมิอาจกล่าวเป็นคำพูดได้ยามราตรี หวังเฟิ่งและมู่หรงเซียวทอดพระเนตรไปยังท้องฟ้ากว้าง ราวกับต้องการให้แสงจันทร์เป็นพยานแห่งโชคชะตา ครั้งหนึ่งเคยพลาดพลั้ง คำสัญญาที่เคยล่มสลาย บัดนี้ทุกสิ่งกำลังจะถูกชดเชยให้สมบูรณ์“ข้าเคยคิดว่าข้าจะไม่มีวันได้รับโอกาสแก้ไขอดีต”หวังเฟิ่งเอื้อนเอ่ยเสียงแผ่ว พลางกุมมือนางไว้แน่น“แต่แล้วโชคชะตาก็พาเจ้ากลับมา”มู่หรงเซียวยิ้มบาง ทว่าดวงตากลับสะท้อนความรู้สึกที่ลึกซึ้ง“ข้าเองก็เคยคิดว่า ข้าจะไม่มีวันให้อภัยท่านอีก”หวังเฟิ่งชะงักไปชั่วขณะ มือที่กุมมือนางไว้ยังคงมั่นคง แต่ดวงตากลับแฝงไว้ด้วยความลังเล“แล้วตอนนี้เล่า?”มู่หรงเซียวมองสบดวงตาสีทองนั้นอย่างแน่วแน่ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอบอุ่น“ข

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ทำตามสัญญา

    ณ ประตูเมืองต้าชิง ขบวนราชทูตจากแคว้นเจียงหนานยืนเรียงรายอยู่เบื้องหลังของมู่หรงเซียว รถม้าและกองทหารพร้อมเดินทางกลับแคว้น แต่ถึงแม้ทุกอย่างจะพร้อม นางกลับยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเบื้องหน้าของนางคือหวังเฟิ่ง ฮ่องเต้ผู้ทรงอำนาจของแคว้นต้าชิง ดวงตาสีทองของเขาจับจ้องมู่หรงเซียวแน่วแน่ ราวกับต้องการจดจำนางให้ลึกลงไปในหัวใจ"เจ้าต้องกลับไปจริงๆ หรือ?""ข้ามีหน้าที่ของข้าที่ต้องทำ เสด็จพ่อและเสด็จแม่รอข้าอยู่"หวังเฟิ่งถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพยักหน้า ด้วยตัวเขานั้นยังมีภารกิจที่จะต้องเร่งฟื้นฟูบ้านเมือง ทำให้เขาจำต้องยมปล่อยมือนางไปชั่วคราว"ข้าเข้าใจ... เจ้าควรกลับไป""หน้าที่ของข้าสิ้นสุดลงแล้ว... แต่หากวันหนึ่งท่านต้องการให้ข้ากลับมา"หวังเฟิ่งนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะคลี่ยิ้มบาง"ข้าจะไปหาเจ้า แต่เจ้าต้องรอข้า""ข้ารอท่านได้... แต่ท่านต้องไม่มาช้าจนข้าแต่งออกเรือนไปเสียก่อน"ดวงตาของหวังเฟิ่งทอแสงอันตรายขึ้นทันที"เจ้ากล้าหรือ?"มู่หรงเซียวยกยิ้มบาง"หากท่านช้าไปจริงๆ ข้าก็อาจต้องพิจารณา""อย่าหวังเลย"หวังเฟิ่งก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาของเขาฉายแววมุ่งมั่นและจริงจัง"ข้าจะไม่ยอมให้

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   กลับบ้าน

    ไทเฮามองภาพตรงหน้า นางกัดฟันแน่น"น่าขยะแขยง! ความรักของพวกเจ้าเป็นเรื่องงี่เง่า ความเชื่อใจเป็นเพียงคำโกหก เจ้าไม่สมควรได้รับความสุข! เจ้าต้องเจ็บปวดเหมือนที่ข้าเคยเจ็บปวด!"ภายในตำหนักเย็นที่ถูกปกคลุมด้วยความหนาวเหน็บ แสงจากตะเกียงริบหรี่สะท้อนเงาของหญิงผู้เคยครอบครองอำนาจสูงสุดของแผ่นดินไทเฮา... บัดนี้มิใช่ "มารดาแห่งแผ่นดิน" อีกต่อไปหลังจากที่ความจริงทั้งหมดถูกเปิดเผย นางถูกปลดจากฐานะไทเฮา ถูกกักบริเวณให้ใช้ชีวิตที่เหลือไปกับความอ้างว้าง ไม่มีอำนาจ ไม่มีผู้คนให้ความเคารพ ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือให้นางยึดเหนี่ยวเสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้นหน้าตำหนัก บานประตูถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างสูงสง่าของบุรุษที่เคยเรียกนางว่า ‘มารดา’"เสด็จแม่...""หึ... ตอนนี้เจ้ายังกล้าเรียกข้าว่าเสด็จแม่อยู่อีกหรือ?"ไทเฮาหัวเราะเย้ยหยัน แม้น้ำเสียงจะเต็มไปด้วยความขมขื่น"ข้าเป็นเพียงสตรีเฒ่าที่ถูกกักขังอยู่ที่นี่ รอวันหมดลมหายใจ ไยต้องแสร้งทำเป็นเมตตาข้า?"หวังเฟิ่งมองนางอย่างไม่แสดงอารมณ์ใดๆข้ามิได้มาเพื่อแสร้งเมตตา แต่ข้ามาเพื่อให้ท่านยอมรับผิดและข้าจะให้โอกาสสุดท้าย หากท่านสำนึกผิด ข้ายังอาจให้ท่านได้อยู่อ

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ให้อภัย

    "ว่าอย่างไรนะ!?"มู่หรงเซียวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ"ข้าขโมยเขามาจากสนมคนหนึ่ง สนมที่อดีตฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด""...""แต่เจ้ารู้หรือไม่ ว่าข้าไม่ได้ขโมยเขามาเพราะรัก ข้าแค่ต้องการอำนาจ แต่เด็กคนนั้นโตขึ้นมาและปฏิเสธที่จะมอบอำนาจให้แก่ข้า"มู่หรงเซียวยังคงนิ่งเงียบ นางเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้ว"ข้าสนับสนุนเขาขึ้นเป็นไท่จื่อ ตั้งแต่ยังเยาว์วัย ข้าอบรมเขา ให้เขาทำตามที่ข้าต้องการ แต่เขากลับทรยศข้า! เขาปฏิเสธตระกูลหลิวและอีกหลายตระกูลที่อยู่ฝั่งของข้า ไม่มอบอำนาจให้ญาติฝ่ายข้า แม้กระทั่งหลังจากขึ้นครองราชย์ เขาก็ไม่ยอมให้ข้าแตะต้องอำนาจของเขาแม้แต่น้อย"ความเคียดแค้นฉายชัดในแววตาของไทเฮา"และเพราะเหตุนี้ ข้าจึงต้องการทำให้เขาเจ็บปวดที่สุด สิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดได้มากที่สุด...ก็คือเจ้า เซียวหยางมี่"แต่ก่อนที่ไทเฮาจะได้เอ่ยเอื้อนประโยคต่อไป เสียงฝีเท้าหนักแน่นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นที่หน้าตำหนัก"เสด็จแม่!"ประตูถูกผลักเปิดออกอย่างแรง เผยให้เห็นร่างสูงสง่าของหวังเฟิ่งที่ก้าวเข้ามาพร้อมกับองครักษ์คู่ใจ พระเนตรสีทองของเขาเต็มไปด้วยโทสะ นัยน์ตาแดงก่ำ ราวกับถูกโหมด้วยเพลิงไฟจากภายในเขาได้ย

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ถูกยั่วยุ

    หลังจากการต่อสู้อันดุเดือดกินเวลานานกว่าครึ่งคืน ศัตรูที่บุกเข้ามาถูกสังหารและขับไล่ออกไปจนหมด ศึกกบฏจบลง ชาวบ้านต้าชิงรอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งใหญ่แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ความสงบ องค์หญิงมู่หรงเซียวกลับหายตัวไป ร่างของนางถูกลักพาตัวไปในยามวิกาล โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้เมื่อมู่หรงเซียวได้สติ นางพบว่าตัวเองถูกกักขังอยู่ในตำหนักลับที่ไม่คุ้นเคยแสงไฟในห้องสลัว กลิ่นกำยานหอมกรุ่นลอยฟุ้งปะปนไปกับกลิ่นสมุนไพรจางๆ อากาศภายในตำหนักชวนให้อึดอัด ราวกับมีเงาของสิ่งชั่วร้ายแฝงตัวอยู่เบื้องหน้าของนางคือสตรีวัยกลางคนผู้เปี่ยมไปด้วยอำนาจ อาภรณ์ของนางปักลวดลายมังกรหงส์อย่างวิจิตร“ไทเฮา!”มู่หรงเซียวเม้มปากแน่น แม้นางจะถูกจับมาโดยไม่รู้ตัว แต่นางยังคงรักษาความสงบนิ่งของตนเองเอาไว้สตรีผู้นั้นมองนางนิ่งๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา"เจ้าช่างเหมือนนางเหลือเกิน"แม้มู่หรงเซียวจะไม่ได้เอ่ยคำใด แต่ภายในใจของนางรู้ดีว่า ไทเฮาหมายถึงผู้ใด"อย่ามาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ข้ารู้แล้วว่าเจ้าคือเซียวหยางมี่ ที่มาเกิดใหม่ด้วยอาคมของหวังเฟิ่ง!"เสียงของไทเฮาดังขึ้นเรื่องๆ น้ำเสียงของหญิงวัยกลางคนนั้นแฝงไปด

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ผ้าอาบยาสลบ

    หวังเฟิ่งหยุดชะงักชั่วครู่ สีหน้าของพระองค์เคร่งขรึมขึ้นทันที"สามหาว!""เจ้ามิเคยสงสัยบ้างเลยหรือ ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมด? ใครกันที่พาหลิวหงหลัน? ใครปล่อยพิษกู่? และใครเป็นต้นเหตุให้เมียเจ้าต้องตาย?""เจ้า!"รองแม่ทัพหลี่หัวเราะในลำคอ ก่อนจะพูดต่อเพื่อต้องการย้อนเกล็ดขององค์จักรพรรดิ์ผู้นี้"คิดว่าหลิวหงหลันและเสนาบดีหลิวจะอาจหาญก่อการภายในวังได้หรือ ถ้าไม่มีไทเฮาสนับสนุน?"หวังเฟิ่งกัดกรามแน่น บัดนี้ร่างของพระองค์สั่นสะท้านด้วยความโกรธถึงขีดสุด"เล่าออกมาให้หมด!""ถึงท่านไม่บอก ข้าก็จะเล่าอยู่แล้ว"รองแม่ทัพหลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน"ข้ากับหงหลันเป็นสหายกันมานาน ข้าเฝ้ามองนาง... แต่นางกลับเฝ้ามองแต่ท่าน เมื่อรู้ว่าท่านต้องการแต่งงานกับ เซียวหยางมี่บุตรสาวของอดีตราชครู นางก็ร้อนใจเป็นอย่างมาก ไทเฮาผู้ไม่ยอมรับการแต่งงานของท่าน จึงออกอุบายแกล้งป่วย ทำให้เซียวหยางมี่ไม่สามารถวินิจฉัยและรักษาได้ จากนั้นก็ทำทีให้หลิวหงหลันรักษาจนหาย เพื่อเปิดทางให้หงหลันเข้าใกล้ท่าน!""ไม่จริง..."หวังเฟิ่งพึมพำ ดวงตาของพระองค์เต็มไปด้วยความสับสน"เสด็จแม่...""ใช่ เสด็จแม่ของท่านต้องก

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   กับดัก

    บุคคลนิรนามสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบหันไปทางรองแม่ทัพหลี่"เจ้ารีบออกไปเสียบัดนี้ เขามาแล้ว!"รองแม่ทัพหลี่ไม่รอช้า รีบหลบออกไปทางลับของตำหนักโดยทันทีเพียงไม่นาน ประตูตำหนักก็ถูกเปิดออก ร่างสูงของจักรพรรดิต้าชิงก้าวเข้ามา นัยน์ตาสีทองของพระองค์กวาดมองไปรอบห้อง ก่อนจะหยุดลงที่สตรีผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์"เสด็จแม่ ลูกเหมือนได้ยินท่านคุยกับใคร"ไทเฮาแย้มรอยยิ้มบาง นางขยับพัดในมือเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"เจ้าคิดมากไปแล้ว อาเฟิ่งลูกแม่ ว่าแต่เจ้ามีอะไร ถึงมาหาข้ายามนี้?""ลูกจะออกไปบัญชาการทัพ เนื่องจากด้านนอกยามนี้เกิดเหตุร้าย เกรงว่าจะเป็นกลุ่มกบฏ"ไทเฮาชะงักไปเพียงครู่ ก่อนจะคลี่ยิ้มอ่อนโยน ราวกับมารดาผู้เปี่ยมไปด้วยความรักและห่วงใย"แม่ห่วงเจ้ามาก อาเฟิ่ง เจ้าไม่ไปได้หรือไม่?"หวังเฟิ่งมองมารดาของพระองค์ สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ผิดแปลก แต่เพียงพริบตาเดียว นางก็กลับมาเป็นไทเฮาผู้เมตตาดังเดิม"แต่ข้าจำเป็นต้องไป"หวังเฟิ่งตอบด้วยน้ำเสียงที่ช่างดูราบเรียบ ก่อนจะค้อมศีรษะให้ แล้วหมุนตัวเดินจากไปเบื้องหลังของพระองค์ ไทเฮายังคงยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นกลับเยียบเย็น ราวกับมิใช่ของผู้เป็น

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ลอบโจมตี

    ภายในจวนของเสนาบดีหลิว บรรยากาศอึมครึมปกคลุมไปทั่ว ทุกมุมห้องถูกปกคลุมด้วยความมืดสลัว มีเพียงแสงเทียนที่ริบหรี่ส่องให้เห็นชายชราที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่บัดนี้เขาดูซูบเซียวลงไปไม่น้อย ตั้งแต่บุตรสาวเพียงคนเดียวถูกคุมขังในข้อหาปองร้ายฮ่องเต้หวังเฟิ่ง ไม่ว่าเขาจะใช้เส้นสายเท่าใด ก็ไม่อาจช่วยนางออกมาได้เขาอับอาย เขาโกรธแค้น และเหนือสิ่งอื่นใด เขาไม่อาจยอมรับความพ่ายแพ้ได้ หลิวหงหลันคือสายเลือดเดียวของเขา เขาย่อมไม่มีวันยอมให้บุตรสาวต้องตายในคุกของต้าชิง!เสียงฝีเท้าดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่ขันทีคนสนิทของไทเฮาจะเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง ใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความวิตกกังวล"นายท่าน... พวกเราจะทำเช่นไรต่อไปดี?"เสนาบดีหลิวเปิดเปลือกตาขึ้น นัยน์ตาของเขาขุ่นมัวด้วยความเครียด"พวกสุนัขเฝ้าประตูวังไม่ยอมปล่อยนางง่ายๆ หากข้ายังเพิกเฉย ชื่อเสียงตระกูลหลิวต้องป่นปี้แน่""เช่นนั้น"เขาหลับตาลงชั่วครู่ ก่อนจะสูดลมหายใจลึก แล้วลืมตาขึ้นใหม่"ส่งสารลับไปยังพวกทางใต้ บอกพวกมันว่า หากต้องการโอกาสบุกต้าชิง ข้าจะเป็นผู้เปิดทางให้เอง"ขันทีที่ยืนอยู่ถึงกับหน้าเสีย ใบหน้าของเขาซีดเผือดไปทันที"ถ้าฝ่าบาททร

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status