แชร์

ลำนำแห่งวันวาน 2/2

ผู้เขียน: อิ่น เยว่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-17 14:13:47

เซียวหยางมี่รู้ดีว่าคืนนี้ต้องเกิดสิ่งใดขึ้น แต่ตอนนี้เขาคือสามีของนางแล้ว เรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อนี้คือเรื่องธรรมดาของสามีภรรยา

นางพยายามตอบรับจุมพิตอันเร่าร้อนของเขา แม้จะยังรู้สึกประหม่าอยู่บ้างจวบจนลมหายใจสุดท้ายเขาฉกชิงเอาไปหมดแล้ว

ริมฝีปากคู่นั้นจึงผละออกมา เหลือเพียงรสสุราจางๆ ในปากของนาง มือข้างหนึ่งของเขาเอื้อมไปด้านหลัง แล้วจับเชื้อผูกเอี๊ยมเอาไว้

“เชือกเส้นนี้ ข้าปลดมันได้หรือไม่”

“ได้ หากท่านต้องการเช่นนั้น”

“เด็กดี ข้าจะอ่อนโยนกับเจ้าให้มาก”

น้ำเสียงของเขาฟังดูแหบแห้งเล็กน้อย สายตาของชายหนุ่มมองไปทั่วร่างนวลที่อยู่ในอ้อมกอด กลิ่นกายของนางทำให้เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป เมื่อเอี๊ยมหล่นลงมาบนตักของนาง ทรวงอกอวบอิ่มก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า

“งามยิ่ง”

ชายหนุ่มประคองร่างของเซียวหยางมี่ให้นอนลง ก่อนจะรีบถอดเสื้อตัวในออก เขาก้มมองร่างขาวผุดผ่องขณะที่ต้องแสงเทียน ก่อนจะก้มหน้าลงไปลิ้มลองปลายยอดอกสีชมพู ร่างของหญิงสาวสั่นไหวเล็กน้อย เมื่ออีกฝ่ายทั้งขบเม้นและดูดกลืนทรวงอกของนาง

เขาไม่ได้ทำในนางเจ็บสักนิด แต่ทำให้นางรู้สึกว่ามีความปรารถนาบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้นมา

หวังเฟิ่งกลืนกินทรวงอกคู่งามอย่างห
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ให้ข้ามีส่วนร่วมได้ไหม

    บัดนี้ มู่หรงเซียวกำลังชั่งใจว่าควรทำตามคำขอที่น่าอายของคนตรงหน้าดีหรือไม่ นางกำลังกัดริมฝีปากอย่างแน่นสายตาของหวังเฟิ่งเต็มไปด้วยความเว้าวอนที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน บุรุษผู้สูงศักดิ์ องค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ กลับลดตัวลงร้องขอสิ่งนี้จากนาง มันช่างน่าขัน... และน่าหงุดหงิดในเวลาเดียวกันนางควรปฏิเสธ ควรเย็นชาต่อเขาเหมือนที่เขาเคยทำกับนาง แต่แล้ว...จิตใต้สำนึกกลับทำตามที่หัวใจเรียกร้อง ริมฝีปากของนางขยับเล็กน้อย ก่อนจะเปล่งเสียงที่ไม่คิดว่าจะเอ่ยออกมาอีก"หวังเฟิ่ง"เพียงแค่คำเรียกขานสั้นๆ แต่กลับทำให้คนตรงหน้าหลับตาลงช้าๆ ราวกับกำลังซึมซับมันเข้าไปในหัวใจมู่หรงเซียวเบือนหน้าหนี นางรู้ตัวดีว่านี่ไม่ได้หมายความว่านางให้อภัยเขา ไม่ได้หมายความว่าแผลในอดีตจะจางหายไปสิ่งที่เกิดขึ้นยังคงอยู่ ความเจ็บปวดไม่เคยเลือนหาย และนางก็ไม่ได้กลับมาที่นี่เพื่อเริ่มต้นใหม่นางทำเพียงเพราะ...สงสารเขา ก็เท่านั้น“มี่เอ๋อร์ แค่เจ้ายอมคุยกับข้า... สวรรค์ก็เมตตาข้ามากแล้ว”“...”“วันนั้นเป็นข้าที่ผิดเอง ข้ารู้ดีมาตั้งแต่แรกว่าเสด็จแม่นั้นถูกพิษกู่ แต่ข้ากลับทำตามแผนของศัตรูโดยไม่บอกเจ้า ข้าเพียงต้องการกันเจ้าอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   โรคระบาด

    “ข้าคิดว่าเจ้าเป็นสตรีที่เข้มแข็ง แต่ข้าลืมไปว่าในที่สุดแล้ว เจ้าก็ยังเป็นเพียงหญิงคนหนึ่ง เป็นมารดาที่เพิ่งใจสลายจากการสูญเสียลูกของเราไป”มู่หรงเซียวกำมือแน่น ดวงตาของนางเย็นชาขึ้นอีกครั้ง เมื่อคำว่าลูกของเราถูกเอ่ยออกมาจากปากของหวังเฟิ่ง“ข้าผิดเองทั้งหมด เป็นข้าเองที่ทำให้เจ้าต้องอ่อนแอ จนเลือกจบชีวิตของตัวเอง”เขายกมือขึ้นกุมมือของนางเบาๆ อยากจะปลอบโยนเหลือเกิน แม้ว่าวันนี้มันจะสายเกินไปที่จะถ่ายทอดความรู้สึกเหล่านี้ให้กับคนรัก“ข้าเองก็รักเจ้า... รักเจ้ามาตั้งแต่แรก ขอโทษที่สวามีคนนี้โง่งม แต่ตอนนี้ ข้าสัญญาว่าข้าจะทำทุกอย่างให้ถูกต้อง”หวังเฟิ่งจ้องมองมู่หรงเซียว อยากจะขอความเห็นใจ ถ้าท้ายที่สุดนางไม่อยากกลับมาหาเขา เขาก็ยินดีที่จะปล่อยนางไป“เจ้ายังรอข้าได้ไหม?”มู่หรงเซียวจ้องมองเขาด้วยสายตาที่สั่นไหว น้ำเสียงที่เปล่งออกมาพร่าเลือนด้วยความรู้สึกหลากหลาย แม้การให้อภัยจะไม่อาจเกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน ทว่าหัวใจของนางยังมิอาจตัดใจจากเขาได้ โดยเฉพาะเมื่อรับรู้ถึงความเปราะบางในยามนี้ของอดีตพระสวามี“เปลี่ยนจากการเฝ้ารอ... ให้ข้ามีส่วนร่วมได้ไหม?”“แต่มันอันตรายนะ ข้าไม่อาจให้เจ้าเอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ว่าด้วยเรื่องของหงส์

    หวังเฟิ่งเหลือบมองเอกสารเหล่านั้น ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ เขาวางฎีกาลงกับโต๊ะไม้จันทน์ ก่อนจะตรัสขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย ทว่ากลับทำให้ทุกคนในท้องพระโรงเงียบกริบ"แล้วถ้าเจิ้นอยากให้องค์หญิงต่างแคว้นมาเป็นหงส์แห่งต้าชิงเล่า?"บรรยากาศเงียบงันไปชั่วขณะ ขุนนางทั้งหลายต่างอยากจะคัดค้าน แต่ไม่อาจเอ่ยอะไรออกมาได้"ไม่เพียงแต่งตั้งนางเป็นหงส์ แต่ยังให้นางเป็นผู้รับผิดชอบรักษาโรคระบาดด้วย ดีหรือไม่?"เพราะความสามารถด้านการแพทย์ของมู่หรงเซียวโดดเด่นเกินไปเพราะฐานะของนางก็สูงศักดิ์เพียงพอเพราะนางเหมาะสมกับตำแหน่งหงส์แห่งต้าชิงมากกว่าหลิวหงหลันเสนาบดีหลิวชางหรี่ตาลง มือใต้แขนเสื้อกำแน่น หากจักรพรรดิประกาศเรื่องนี้ออกไปจริงๆ สตรีที่เขาฝากความหวังไว้จะไม่มีวันได้ขึ้นสู่ตำแหน่งที่เขาต้องการขุนนางคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา จากนั้นขุนนางอีกหลายคนจึงออกมาสนับสนุน"ถ้าเช่นนั้น กระหม่อมขอทูลเสนอให้พระองค์หญิงเจียงหนานช่วยดูแลเรื่องโรคระบาดของต้าชิงเสียเลยพ่ะย่ะค่ะ""เพื่อพิสูจน์ให้ชาวบ้านเห็นว่านางมีคุณสมบัติพอ"เสนาบดีหลิวชางปรายตามองขุนนางที่เอ่ยสนับสนุนข้อเสนอนี้ เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่คิดอยู่ในใจ"ถ้าหากน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   สูญเสียดวงใจ

    มู่หรงเซียวสังเกตเห็นว่าในช่วงหลัง มีคนลึกลับผู้หนึ่งคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด คนผู้นี้เงียบขรึม ไม่พูดไม่จา แต่มักปรากฏตัวในยามที่นางต้องการความช่วยเหลือนางรู้สึกคุ้นเคยกับท่าทางของเขาเป็นอย่างมาก และที่แปลกที่สุดคือหากมีบุรุษคนใดพยายามเข้าใกล้นาง คนผู้นี้ก็มักจะแสดงท่าทีไม่พอใจอย่างชัดเจน"ผู้ช่วยนิรนามคนนี้... ดูคุ้นเนอะ"มู่หรงเซียวพึมพำกับตัวเอง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากหลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจรักษาผู้ป่วย มู่หรงเซียวก็กลับมาที่กระโจมของตน นางอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเสร็จเรียบร้อย กำลังจะเข้านอน แต่แล้ว“หมับ!”มือของใครบางคนคว้าข้อมือของนางเอาไว้!มู่หรงเซียวสะบัดมือออกทันที แต่เสียงที่คุ้นเคยมากเสียงหนึ่งดังขึ้นเบาๆ ข้างหูทำให้นางต้องหยุดชะงักไป"ชู่ว์ ข้าเอง... ท่านพี่ของเจ้าไง"เสียงทุ้มนั้นคุ้นเคยจนหัวใจของนางเต้นแรง นางเงยหน้าขึ้น ก่อนจะเบิกตากว้าง"ฝ่าบาท!?"ร่างสูงในชุดสีดำสนิทยืนอยู่ตรงหน้านาง ดวงตาสีทองส่องประกายแม้ในความมืด"ท่านมาได้อย่างไร!? หากท่านติดเชื้อไปจะทำเช่นไร เป็นถึงโอรสสวรรค์ ใยทำอะไรไม่คิด!"หลังจากที่ยอมรับว่าตัวเองคือ เซียวหยางมี่ ภรรยาของหวังเฟิ่ง น้ำเสียงขอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   เพื่อช่วยดวงใจของข้า

    ภายในวัดเก่าแก่ ณ ตีนเขาสูงตระหง่าน เปลวเทียนนับสิบเล่มส่องแสงริบหรี่ พร่างพรายอยู่ทั่ววิหารกลาง ทว่าบรรยากาศกลับเย็นยะเยือกดุจต้องสายลมจากหุบเหวลึกหวังเฟิ่งยืนนิ่งอยู่ด้านหน้า พระชราผู้เป็นเจ้าอาวาสมองจักรพรรดิหนุ่มด้วยสายตาหนักใจ มือเหี่ยวย่นประนมแนบอก ขณะกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม"ฝ่าบาท... พิธีนี้ทำได้เพียงครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว หากต้องทำอีกครั้ง เกรงว่าพระองค์จะรับไม่ไหว""เพื่อช่วยดวงใจของข้า ต่อให้ต้องตาย ข้าก็ไม่หวั่นเกรง"พระอาจารย์นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจยาว ท่านมองจักรพรรดิหนุ่มที่มีอำนาจสูงสุดในใต้หล้า บุรุษผู้แข็งแกร่ง เย็นชา และไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น แต่ในยามนี้ สิ่งที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของพระองค์กลับเป็นเพียงความหวาดกลัวและสิ้นหวังสิบหกปีก่อน หวังเฟิ่งเคยทำพิธีนี้ครั้งหนึ่ง พลังปราณกว่าครึ่งของเขาถูกเผาผลาญไปเพื่อเปิดทางให้ดวงวิญญาณของสตรีนางหนึ่งหวนคืน แม้จะเกิดใหม่ในดินแดนอันห่างไกล แต่ด้วยสายใยแห่งโชคชะตา ด้วยหัวใจที่ผูกพันกันไม่เสื่อมคลาย นางจึงหวนกลับมาอยู่เคียงข้างเขาได้อีกครั้งแต่ในยามนี้ หากเขาต้องสูญเสียพลังปราณไปอีกแม้เพียงน้อย เขาย่อมไม่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ตัดตอน

    เปลือกตาคู่สวยของมู่หรงเซียวค่อยๆ เงยขึ้น ก่อนจะพบว่ามือของนางยังคงถูกหวังเฟิ่งจับกุมไว้แน่น ราวกับกลัวว่านางจะหายไปอีกครั้ง ทว่าก่อนที่นางจะกล่าวสิ่ง“ข้าไม่ยอมให้เจ้าจากไป ไม่มีเจ้า ย่อมไม่มีข้า” “ฝ่าบาท...”“เจ้ากลับมาเรียกข้าว่าอาเฟิ่งเหมือนเดิมได้ไหม ข้าจะให้อภัยเจ้า และขอให้เจ้าให้อภัยคนโง่อย่างข้า”มู่หรงเซียวเม้มริมฝีปาก นางเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวออกมาอย่างยากลำบาก“แล้วกุ้ยเฟยกับเหล่าสนมของท่านเล่า”“ข้าไม่เคยร่วมคืนวสันต์กับผู้ใด มีเพียงเจ้าผู้เดียว ด้วยเงื่อนไขของพิธีเรียกวิญญาณทำให้ข้านั้นไม่สามารถรักใครได้อีก นอกจากคนที่ข้ามอบปราณวิญญาณให้”ทันทีที่ได้ยินคำว่าปราณวิญญาณ มู่หรงเซียวหยุดชะงักทันทีพร้อมกับแววตาที่สั่นไหว“ปราณวิญญาณ... อย่าบอกนะว่า...”“ใช่ ข้าสละปราณเพื่อให้วิญญาณของเจ้าไม่สลายหายไป แม้มันจะล่องลอยไปไกลถึงต่างแคว้น แต่ข้าก็นำพาเจ้ากลับมาได้”ดวงตาของมู่หรงเซียวเริ่มคลอไปด้วยหยาดน้ำตาสีใส“ท่าน... ทำไม”หวังเฟิ่งยิ้มบางๆ ก่อนจะใช้มืออีกข้างลูบเส้นผมของนางอย่างอ่อนโยน“เพราะข้าเสียเจ้าไปไม่ได้ สิบเจ็ดปีที่แล้วข้านั้นพยายามหาเหตุผลต่างๆ นานา แต่สุดท้ายข้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ถูกเล่นงาน 1/2

    ภายในเมืองหลวง ความวุ่นวายจากโรคระบาดที่เคยแพร่กระจายไปทั่วถูกควบคุมลงได้ในที่สุด สาเหตุของโรคครั้งนี้ถูกเปิดเผยว่าเกิดจาก “ฝูจื่อ” สมุนไพรที่โดยปกติใช้รักษาอาการหนาวเย็น แต่หากใช้ในปริมาณมากเกินไป หรือถูกนำไปผสมกับ “ชวนอู้” สมุนไพรอีกชนิดหนึ่ง จะทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบ ติดเชื้อ และเสียชีวิตในที่สุดเซียวเมิ่งที่เดินทางไปยังแดนใต้เพื่อค้นหาที่มาของพิษนี้ ได้ข้อมูลว่า มีพ่อค้าเร่จำนวนหนึ่งแอบขายสมุนไพรนี้ไปทั่ว พร้อมทั้งวางแผนกักตุนยารักษาโรคเพื่อโก่งราคา และยังมีการลักลอบทำกรรมสิทธิ์ในการเพาะปลูกในแคว้น “เซิงเจียง” เพื่อผูกขาดทางการค้า สร้างผลกำไรมหาศาลบนความทุกข์ของผู้คนเมื่อมู่หรงเซียวทราบข่าว นางจึงตัดสินใจปลอมตัวออกไปสืบเรื่องราวด้วยตนเอง จนกระทั่งได้หลักฐานสำคัญที่สามารถมัดตัวผู้บงการได้ในยามค่ำคืน ณ เรือนพักลับแห่งหนึ่ง มู่หรงเซียวส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับเซียวเมิ่ง"ข้าฝากสิ่งนี้ให้ฝ่าบาทที ท่านอา"บุรุษตรงหน้าซึ่งเป็นท่านอาของนาง รับกระดาษไปก่อนจะมองหน้านาง"เจ้าแน่ใจแล้วหรือ ว่าจะยืนอยู่ข้างเขา?""ท่านอา..." มู่หรงเซียวเม้มปากแน่น"แม้ว่าเขาจะทำเพื่อเจ้า สละปราณเพื่อเจ้า แ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ถูกเล่นงาน 2/2

    คำเรียกขานนั้นทำให้นางชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะหันกลับไปมองแม่นมด้วยสายตานิ่งสนิท“ท่านเรียกข้าว่าอะไรนะ ข้ายังไม่ออกเรือน ท่านเรียกผิดแล้ว”ต้องไม่มีผู้ใดรู้ความจริงเด็ดขาดว่ามู่หรงเซียวแห่งเจียงหนานในตอนนี้ แท้จริงแล้วคือเซียวหยางมี่กลับชาติมาเกิดเพราะเวทย์โบราณของลัทธิประหลาด และคนที่เป็นผู้ชักนำให้นางกลับมาก็คือหวังเฟิ่งจนกว่าทุกอย่างจะคลี่คลาย หรือไม่ก็...หากเป็นไปได้ นางอยากให้ความลับนี้ถูกฝังไปตลอดกาลตอนนี้นางคือมู่หรงเซียว องค์หญิงแห่งแคว้นเจียงหนาน นางมีชีวิตใหม่นี้เพราะบิดามารดาในชาตินี้ ต่อให้ต้องแลกด้วยสิ่งใด นางก็จะต้องทดแทนบุญคุณนั้นให้จงได้แม่นมที่เผลอเรียกผิดก้มศีรษะต่ำ ก่อนจะแก้คำพูดของตนเองอย่างรวดเร็ว“ขออภัยเพคะองค์หญิง ไม่สิ ท่านราชทูต”แม่นมมองสตรีตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ขัดแย้งในใจ นางหวังให้นางผู้นี้อยู่ที่นี่ต่อไปตราบนานเท่านาน เพราะนับตั้งแต่นางกลับมา ฝ่าบาทของนางก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก แม้พระองค์จะไม่แสดงออก แต่คนที่เลี้ยงดูพระองค์มาตั้งแต่เยาว์วัยเช่นนาง ย่อมสังเกตเห็นได้แต่ขณะเดียวกัน ตำแหน่งของสตรีผู้นี้ก็อันตรายเกินไป มีคนมากมายที่อยากให้นางหายไปเสียงน้ำ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ชดเชยให้สมบูรณ์ 2/2

    “โปรดอย่าหยุด...หวังเฟิ่ง” “ได้ ข้าให้ตามคำที่เจ้าขอ” หวังเฟิ่งประคองสะโพกของหญิงสาวขึ้นมา แล้วแทรกตัวเข้าไปจนสุดทาง ทั้งสองร้องครางออกมาพร้อมกันทันที “เซียวเอ๋อร์...ข้า” “ทำตามที่ใจท่านปรารถนาเถิด หวังเฟิ่ง” ชายหนุ่มโยนความอดกลั้นทั้งหมดทิ้งไป แล้วสะบัดเอวเข้าไปทันที แรกเริ่มเขาเพียงต้องการให้นางปรับตัวได้ แต่ยิ่งสอดใส่มากขึ้นเท่าใด ความเสียวซ่านก็ยิ่งทวีขึ้นทุกขณะ ชายหนุ่มมองร่างอวบอิ่มที่นอนอยู่เบื้องล่าง ตอนนี้ทรวงอกคู่งามกำลังสั่นไหวตามจังหวะรักที่เขากำลังกระแทกเข้าไปไม่หยุด มู่หรงเซียวปรือตามองเขา ขณะที่สองมือกำลังจิกหมอนจนแน่น สองแก้มของนางแดงก่ำราวกับผลผิงกั่ว “เซียวเอ๋อร์...เจ้าช่างดียิ่ง” หวังเฟิ่งกัดริมฝีปากขณะที่กระแทกเอวเข้าไปถี่ๆ เขาเงยหน้าขึ้นสูดลมหายใจ ขณะที่แก่นกายแกร่งสัมผัสกับกลีบดอกไม้งามของภรรยา มู่หรงเซียวทำได้เพียงส่ายหน้าไปมาบนหมอน แล้วปล่อยให้ร่างกายและจิตใจถูกหวังเฟิ่งชักนำไปตามที่เขาต้องการ ขณะที่ความร้อนตรงจุดเชื่อมประสานยิ่งทวีขึ้นเรื่อยๆ นางใช้สองขาเกี่ยวเอวของเขาไว้

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ชดเชยให้สมบูรณ์ 1/2

    ขบวนเสด็จของมู่หรงเซียวเดินทางเข้าสู่ต้าชิงอย่างสมพระเกียรติ นางมิใช่เพียงองค์หญิงแห่งเจียงหนานอีกต่อไป แต่กำลังจะก้าวขึ้นเป็นหงส์เคียงข้างมังกรพิธีอภิเษกถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ทั่วทั้งเมืองหลวงต้าชิงเต็มไปด้วยสีแดงแห่งความมงคล ประชาชนต่างพากันเฉลิมฉลองทว่าภายในใจของผู้เป็นเจ้าของบัลลังก์มังกรนั้นกลับสงบนิ่ง ไม่ใช่เพราะไร้ความรู้สึก หากแต่เป็นเพราะรอคอยวันนี้มานานจนมิอาจกล่าวเป็นคำพูดได้ยามราตรี หวังเฟิ่งและมู่หรงเซียวทอดพระเนตรไปยังท้องฟ้ากว้าง ราวกับต้องการให้แสงจันทร์เป็นพยานแห่งโชคชะตา ครั้งหนึ่งเคยพลาดพลั้ง คำสัญญาที่เคยล่มสลาย บัดนี้ทุกสิ่งกำลังจะถูกชดเชยให้สมบูรณ์“ข้าเคยคิดว่าข้าจะไม่มีวันได้รับโอกาสแก้ไขอดีต”หวังเฟิ่งเอื้อนเอ่ยเสียงแผ่ว พลางกุมมือนางไว้แน่น“แต่แล้วโชคชะตาก็พาเจ้ากลับมา”มู่หรงเซียวยิ้มบาง ทว่าดวงตากลับสะท้อนความรู้สึกที่ลึกซึ้ง“ข้าเองก็เคยคิดว่า ข้าจะไม่มีวันให้อภัยท่านอีก”หวังเฟิ่งชะงักไปชั่วขณะ มือที่กุมมือนางไว้ยังคงมั่นคง แต่ดวงตากลับแฝงไว้ด้วยความลังเล“แล้วตอนนี้เล่า?”มู่หรงเซียวมองสบดวงตาสีทองนั้นอย่างแน่วแน่ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอบอุ่น“ข

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ทำตามสัญญา

    ณ ประตูเมืองต้าชิง ขบวนราชทูตจากแคว้นเจียงหนานยืนเรียงรายอยู่เบื้องหลังของมู่หรงเซียว รถม้าและกองทหารพร้อมเดินทางกลับแคว้น แต่ถึงแม้ทุกอย่างจะพร้อม นางกลับยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเบื้องหน้าของนางคือหวังเฟิ่ง ฮ่องเต้ผู้ทรงอำนาจของแคว้นต้าชิง ดวงตาสีทองของเขาจับจ้องมู่หรงเซียวแน่วแน่ ราวกับต้องการจดจำนางให้ลึกลงไปในหัวใจ"เจ้าต้องกลับไปจริงๆ หรือ?""ข้ามีหน้าที่ของข้าที่ต้องทำ เสด็จพ่อและเสด็จแม่รอข้าอยู่"หวังเฟิ่งถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพยักหน้า ด้วยตัวเขานั้นยังมีภารกิจที่จะต้องเร่งฟื้นฟูบ้านเมือง ทำให้เขาจำต้องยมปล่อยมือนางไปชั่วคราว"ข้าเข้าใจ... เจ้าควรกลับไป""หน้าที่ของข้าสิ้นสุดลงแล้ว... แต่หากวันหนึ่งท่านต้องการให้ข้ากลับมา"หวังเฟิ่งนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะคลี่ยิ้มบาง"ข้าจะไปหาเจ้า แต่เจ้าต้องรอข้า""ข้ารอท่านได้... แต่ท่านต้องไม่มาช้าจนข้าแต่งออกเรือนไปเสียก่อน"ดวงตาของหวังเฟิ่งทอแสงอันตรายขึ้นทันที"เจ้ากล้าหรือ?"มู่หรงเซียวยกยิ้มบาง"หากท่านช้าไปจริงๆ ข้าก็อาจต้องพิจารณา""อย่าหวังเลย"หวังเฟิ่งก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาของเขาฉายแววมุ่งมั่นและจริงจัง"ข้าจะไม่ยอมให้

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   กลับบ้าน

    ไทเฮามองภาพตรงหน้า นางกัดฟันแน่น"น่าขยะแขยง! ความรักของพวกเจ้าเป็นเรื่องงี่เง่า ความเชื่อใจเป็นเพียงคำโกหก เจ้าไม่สมควรได้รับความสุข! เจ้าต้องเจ็บปวดเหมือนที่ข้าเคยเจ็บปวด!"ภายในตำหนักเย็นที่ถูกปกคลุมด้วยความหนาวเหน็บ แสงจากตะเกียงริบหรี่สะท้อนเงาของหญิงผู้เคยครอบครองอำนาจสูงสุดของแผ่นดินไทเฮา... บัดนี้มิใช่ "มารดาแห่งแผ่นดิน" อีกต่อไปหลังจากที่ความจริงทั้งหมดถูกเปิดเผย นางถูกปลดจากฐานะไทเฮา ถูกกักบริเวณให้ใช้ชีวิตที่เหลือไปกับความอ้างว้าง ไม่มีอำนาจ ไม่มีผู้คนให้ความเคารพ ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือให้นางยึดเหนี่ยวเสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้นหน้าตำหนัก บานประตูถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างสูงสง่าของบุรุษที่เคยเรียกนางว่า ‘มารดา’"เสด็จแม่...""หึ... ตอนนี้เจ้ายังกล้าเรียกข้าว่าเสด็จแม่อยู่อีกหรือ?"ไทเฮาหัวเราะเย้ยหยัน แม้น้ำเสียงจะเต็มไปด้วยความขมขื่น"ข้าเป็นเพียงสตรีเฒ่าที่ถูกกักขังอยู่ที่นี่ รอวันหมดลมหายใจ ไยต้องแสร้งทำเป็นเมตตาข้า?"หวังเฟิ่งมองนางอย่างไม่แสดงอารมณ์ใดๆข้ามิได้มาเพื่อแสร้งเมตตา แต่ข้ามาเพื่อให้ท่านยอมรับผิดและข้าจะให้โอกาสสุดท้าย หากท่านสำนึกผิด ข้ายังอาจให้ท่านได้อยู่อ

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ให้อภัย

    "ว่าอย่างไรนะ!?"มู่หรงเซียวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ"ข้าขโมยเขามาจากสนมคนหนึ่ง สนมที่อดีตฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด""...""แต่เจ้ารู้หรือไม่ ว่าข้าไม่ได้ขโมยเขามาเพราะรัก ข้าแค่ต้องการอำนาจ แต่เด็กคนนั้นโตขึ้นมาและปฏิเสธที่จะมอบอำนาจให้แก่ข้า"มู่หรงเซียวยังคงนิ่งเงียบ นางเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้ว"ข้าสนับสนุนเขาขึ้นเป็นไท่จื่อ ตั้งแต่ยังเยาว์วัย ข้าอบรมเขา ให้เขาทำตามที่ข้าต้องการ แต่เขากลับทรยศข้า! เขาปฏิเสธตระกูลหลิวและอีกหลายตระกูลที่อยู่ฝั่งของข้า ไม่มอบอำนาจให้ญาติฝ่ายข้า แม้กระทั่งหลังจากขึ้นครองราชย์ เขาก็ไม่ยอมให้ข้าแตะต้องอำนาจของเขาแม้แต่น้อย"ความเคียดแค้นฉายชัดในแววตาของไทเฮา"และเพราะเหตุนี้ ข้าจึงต้องการทำให้เขาเจ็บปวดที่สุด สิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดได้มากที่สุด...ก็คือเจ้า เซียวหยางมี่"แต่ก่อนที่ไทเฮาจะได้เอ่ยเอื้อนประโยคต่อไป เสียงฝีเท้าหนักแน่นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นที่หน้าตำหนัก"เสด็จแม่!"ประตูถูกผลักเปิดออกอย่างแรง เผยให้เห็นร่างสูงสง่าของหวังเฟิ่งที่ก้าวเข้ามาพร้อมกับองครักษ์คู่ใจ พระเนตรสีทองของเขาเต็มไปด้วยโทสะ นัยน์ตาแดงก่ำ ราวกับถูกโหมด้วยเพลิงไฟจากภายในเขาได้ย

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ถูกยั่วยุ

    หลังจากการต่อสู้อันดุเดือดกินเวลานานกว่าครึ่งคืน ศัตรูที่บุกเข้ามาถูกสังหารและขับไล่ออกไปจนหมด ศึกกบฏจบลง ชาวบ้านต้าชิงรอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งใหญ่แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ความสงบ องค์หญิงมู่หรงเซียวกลับหายตัวไป ร่างของนางถูกลักพาตัวไปในยามวิกาล โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้เมื่อมู่หรงเซียวได้สติ นางพบว่าตัวเองถูกกักขังอยู่ในตำหนักลับที่ไม่คุ้นเคยแสงไฟในห้องสลัว กลิ่นกำยานหอมกรุ่นลอยฟุ้งปะปนไปกับกลิ่นสมุนไพรจางๆ อากาศภายในตำหนักชวนให้อึดอัด ราวกับมีเงาของสิ่งชั่วร้ายแฝงตัวอยู่เบื้องหน้าของนางคือสตรีวัยกลางคนผู้เปี่ยมไปด้วยอำนาจ อาภรณ์ของนางปักลวดลายมังกรหงส์อย่างวิจิตร“ไทเฮา!”มู่หรงเซียวเม้มปากแน่น แม้นางจะถูกจับมาโดยไม่รู้ตัว แต่นางยังคงรักษาความสงบนิ่งของตนเองเอาไว้สตรีผู้นั้นมองนางนิ่งๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา"เจ้าช่างเหมือนนางเหลือเกิน"แม้มู่หรงเซียวจะไม่ได้เอ่ยคำใด แต่ภายในใจของนางรู้ดีว่า ไทเฮาหมายถึงผู้ใด"อย่ามาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ข้ารู้แล้วว่าเจ้าคือเซียวหยางมี่ ที่มาเกิดใหม่ด้วยอาคมของหวังเฟิ่ง!"เสียงของไทเฮาดังขึ้นเรื่องๆ น้ำเสียงของหญิงวัยกลางคนนั้นแฝงไปด

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ผ้าอาบยาสลบ

    หวังเฟิ่งหยุดชะงักชั่วครู่ สีหน้าของพระองค์เคร่งขรึมขึ้นทันที"สามหาว!""เจ้ามิเคยสงสัยบ้างเลยหรือ ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมด? ใครกันที่พาหลิวหงหลัน? ใครปล่อยพิษกู่? และใครเป็นต้นเหตุให้เมียเจ้าต้องตาย?""เจ้า!"รองแม่ทัพหลี่หัวเราะในลำคอ ก่อนจะพูดต่อเพื่อต้องการย้อนเกล็ดขององค์จักรพรรดิ์ผู้นี้"คิดว่าหลิวหงหลันและเสนาบดีหลิวจะอาจหาญก่อการภายในวังได้หรือ ถ้าไม่มีไทเฮาสนับสนุน?"หวังเฟิ่งกัดกรามแน่น บัดนี้ร่างของพระองค์สั่นสะท้านด้วยความโกรธถึงขีดสุด"เล่าออกมาให้หมด!""ถึงท่านไม่บอก ข้าก็จะเล่าอยู่แล้ว"รองแม่ทัพหลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน"ข้ากับหงหลันเป็นสหายกันมานาน ข้าเฝ้ามองนาง... แต่นางกลับเฝ้ามองแต่ท่าน เมื่อรู้ว่าท่านต้องการแต่งงานกับ เซียวหยางมี่บุตรสาวของอดีตราชครู นางก็ร้อนใจเป็นอย่างมาก ไทเฮาผู้ไม่ยอมรับการแต่งงานของท่าน จึงออกอุบายแกล้งป่วย ทำให้เซียวหยางมี่ไม่สามารถวินิจฉัยและรักษาได้ จากนั้นก็ทำทีให้หลิวหงหลันรักษาจนหาย เพื่อเปิดทางให้หงหลันเข้าใกล้ท่าน!""ไม่จริง..."หวังเฟิ่งพึมพำ ดวงตาของพระองค์เต็มไปด้วยความสับสน"เสด็จแม่...""ใช่ เสด็จแม่ของท่านต้องก

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   กับดัก

    บุคคลนิรนามสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบหันไปทางรองแม่ทัพหลี่"เจ้ารีบออกไปเสียบัดนี้ เขามาแล้ว!"รองแม่ทัพหลี่ไม่รอช้า รีบหลบออกไปทางลับของตำหนักโดยทันทีเพียงไม่นาน ประตูตำหนักก็ถูกเปิดออก ร่างสูงของจักรพรรดิต้าชิงก้าวเข้ามา นัยน์ตาสีทองของพระองค์กวาดมองไปรอบห้อง ก่อนจะหยุดลงที่สตรีผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์"เสด็จแม่ ลูกเหมือนได้ยินท่านคุยกับใคร"ไทเฮาแย้มรอยยิ้มบาง นางขยับพัดในมือเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"เจ้าคิดมากไปแล้ว อาเฟิ่งลูกแม่ ว่าแต่เจ้ามีอะไร ถึงมาหาข้ายามนี้?""ลูกจะออกไปบัญชาการทัพ เนื่องจากด้านนอกยามนี้เกิดเหตุร้าย เกรงว่าจะเป็นกลุ่มกบฏ"ไทเฮาชะงักไปเพียงครู่ ก่อนจะคลี่ยิ้มอ่อนโยน ราวกับมารดาผู้เปี่ยมไปด้วยความรักและห่วงใย"แม่ห่วงเจ้ามาก อาเฟิ่ง เจ้าไม่ไปได้หรือไม่?"หวังเฟิ่งมองมารดาของพระองค์ สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ผิดแปลก แต่เพียงพริบตาเดียว นางก็กลับมาเป็นไทเฮาผู้เมตตาดังเดิม"แต่ข้าจำเป็นต้องไป"หวังเฟิ่งตอบด้วยน้ำเสียงที่ช่างดูราบเรียบ ก่อนจะค้อมศีรษะให้ แล้วหมุนตัวเดินจากไปเบื้องหลังของพระองค์ ไทเฮายังคงยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นกลับเยียบเย็น ราวกับมิใช่ของผู้เป็น

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ลอบโจมตี

    ภายในจวนของเสนาบดีหลิว บรรยากาศอึมครึมปกคลุมไปทั่ว ทุกมุมห้องถูกปกคลุมด้วยความมืดสลัว มีเพียงแสงเทียนที่ริบหรี่ส่องให้เห็นชายชราที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่บัดนี้เขาดูซูบเซียวลงไปไม่น้อย ตั้งแต่บุตรสาวเพียงคนเดียวถูกคุมขังในข้อหาปองร้ายฮ่องเต้หวังเฟิ่ง ไม่ว่าเขาจะใช้เส้นสายเท่าใด ก็ไม่อาจช่วยนางออกมาได้เขาอับอาย เขาโกรธแค้น และเหนือสิ่งอื่นใด เขาไม่อาจยอมรับความพ่ายแพ้ได้ หลิวหงหลันคือสายเลือดเดียวของเขา เขาย่อมไม่มีวันยอมให้บุตรสาวต้องตายในคุกของต้าชิง!เสียงฝีเท้าดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่ขันทีคนสนิทของไทเฮาจะเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง ใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความวิตกกังวล"นายท่าน... พวกเราจะทำเช่นไรต่อไปดี?"เสนาบดีหลิวเปิดเปลือกตาขึ้น นัยน์ตาของเขาขุ่นมัวด้วยความเครียด"พวกสุนัขเฝ้าประตูวังไม่ยอมปล่อยนางง่ายๆ หากข้ายังเพิกเฉย ชื่อเสียงตระกูลหลิวต้องป่นปี้แน่""เช่นนั้น"เขาหลับตาลงชั่วครู่ ก่อนจะสูดลมหายใจลึก แล้วลืมตาขึ้นใหม่"ส่งสารลับไปยังพวกทางใต้ บอกพวกมันว่า หากต้องการโอกาสบุกต้าชิง ข้าจะเป็นผู้เปิดทางให้เอง"ขันทีที่ยืนอยู่ถึงกับหน้าเสีย ใบหน้าของเขาซีดเผือดไปทันที"ถ้าฝ่าบาททร

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status