แชร์

ให้ข้ามีส่วนร่วมได้ไหม

ผู้เขียน: อิ่น เยว่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-17 14:14:30

บัดนี้ มู่หรงเซียวกำลังชั่งใจว่าควรทำตามคำขอที่น่าอายของคนตรงหน้าดีหรือไม่ นางกำลังกัดริมฝีปากอย่างแน่น

สายตาของหวังเฟิ่งเต็มไปด้วยความเว้าวอนที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน บุรุษผู้สูงศักดิ์ องค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ กลับลดตัวลงร้องขอสิ่งนี้จากนาง มันช่างน่าขัน... และน่าหงุดหงิดในเวลาเดียวกัน

นางควรปฏิเสธ ควรเย็นชาต่อเขาเหมือนที่เขาเคยทำกับนาง แต่แล้ว...จิตใต้สำนึกกลับทำตามที่หัวใจเรียกร้อง ริมฝีปากของนางขยับเล็กน้อย ก่อนจะเปล่งเสียงที่ไม่คิดว่าจะเอ่ยออกมาอีก

"หวังเฟิ่ง"

เพียงแค่คำเรียกขานสั้นๆ แต่กลับทำให้คนตรงหน้าหลับตาลงช้าๆ ราวกับกำลังซึมซับมันเข้าไปในหัวใจ

มู่หรงเซียวเบือนหน้าหนี นางรู้ตัวดีว่านี่ไม่ได้หมายความว่านางให้อภัยเขา ไม่ได้หมายความว่าแผลในอดีตจะจางหายไป

สิ่งที่เกิดขึ้นยังคงอยู่ ความเจ็บปวดไม่เคยเลือนหาย และนางก็ไม่ได้กลับมาที่นี่เพื่อเริ่มต้นใหม่

นางทำเพียงเพราะ...สงสารเขา ก็เท่านั้น

“มี่เอ๋อร์ แค่เจ้ายอมคุยกับข้า... สวรรค์ก็เมตตาข้ามากแล้ว”

“...”

“วันนั้นเป็นข้าที่ผิดเอง ข้ารู้ดีมาตั้งแต่แรกว่าเสด็จแม่นั้นถูกพิษกู่ แต่ข้ากลับทำตามแผนของศัตรูโดยไม่บอกเจ้า ข้าเพียงต้องการกันเจ้าอ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   โรคระบาด

    “ข้าคิดว่าเจ้าเป็นสตรีที่เข้มแข็ง แต่ข้าลืมไปว่าในที่สุดแล้ว เจ้าก็ยังเป็นเพียงหญิงคนหนึ่ง เป็นมารดาที่เพิ่งใจสลายจากการสูญเสียลูกของเราไป”มู่หรงเซียวกำมือแน่น ดวงตาของนางเย็นชาขึ้นอีกครั้ง เมื่อคำว่าลูกของเราถูกเอ่ยออกมาจากปากของหวังเฟิ่ง“ข้าผิดเองทั้งหมด เป็นข้าเองที่ทำให้เจ้าต้องอ่อนแอ จนเลือกจบชีวิตของตัวเอง”เขายกมือขึ้นกุมมือของนางเบาๆ อยากจะปลอบโยนเหลือเกิน แม้ว่าวันนี้มันจะสายเกินไปที่จะถ่ายทอดความรู้สึกเหล่านี้ให้กับคนรัก“ข้าเองก็รักเจ้า... รักเจ้ามาตั้งแต่แรก ขอโทษที่สวามีคนนี้โง่งม แต่ตอนนี้ ข้าสัญญาว่าข้าจะทำทุกอย่างให้ถูกต้อง”หวังเฟิ่งจ้องมองมู่หรงเซียว อยากจะขอความเห็นใจ ถ้าท้ายที่สุดนางไม่อยากกลับมาหาเขา เขาก็ยินดีที่จะปล่อยนางไป“เจ้ายังรอข้าได้ไหม?”มู่หรงเซียวจ้องมองเขาด้วยสายตาที่สั่นไหว น้ำเสียงที่เปล่งออกมาพร่าเลือนด้วยความรู้สึกหลากหลาย แม้การให้อภัยจะไม่อาจเกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน ทว่าหัวใจของนางยังมิอาจตัดใจจากเขาได้ โดยเฉพาะเมื่อรับรู้ถึงความเปราะบางในยามนี้ของอดีตพระสวามี“เปลี่ยนจากการเฝ้ารอ... ให้ข้ามีส่วนร่วมได้ไหม?”“แต่มันอันตรายนะ ข้าไม่อาจให้เจ้าเอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ว่าด้วยเรื่องของหงส์

    หวังเฟิ่งเหลือบมองเอกสารเหล่านั้น ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ เขาวางฎีกาลงกับโต๊ะไม้จันทน์ ก่อนจะตรัสขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย ทว่ากลับทำให้ทุกคนในท้องพระโรงเงียบกริบ"แล้วถ้าเจิ้นอยากให้องค์หญิงต่างแคว้นมาเป็นหงส์แห่งต้าชิงเล่า?"บรรยากาศเงียบงันไปชั่วขณะ ขุนนางทั้งหลายต่างอยากจะคัดค้าน แต่ไม่อาจเอ่ยอะไรออกมาได้"ไม่เพียงแต่งตั้งนางเป็นหงส์ แต่ยังให้นางเป็นผู้รับผิดชอบรักษาโรคระบาดด้วย ดีหรือไม่?"เพราะความสามารถด้านการแพทย์ของมู่หรงเซียวโดดเด่นเกินไปเพราะฐานะของนางก็สูงศักดิ์เพียงพอเพราะนางเหมาะสมกับตำแหน่งหงส์แห่งต้าชิงมากกว่าหลิวหงหลันเสนาบดีหลิวชางหรี่ตาลง มือใต้แขนเสื้อกำแน่น หากจักรพรรดิประกาศเรื่องนี้ออกไปจริงๆ สตรีที่เขาฝากความหวังไว้จะไม่มีวันได้ขึ้นสู่ตำแหน่งที่เขาต้องการขุนนางคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา จากนั้นขุนนางอีกหลายคนจึงออกมาสนับสนุน"ถ้าเช่นนั้น กระหม่อมขอทูลเสนอให้พระองค์หญิงเจียงหนานช่วยดูแลเรื่องโรคระบาดของต้าชิงเสียเลยพ่ะย่ะค่ะ""เพื่อพิสูจน์ให้ชาวบ้านเห็นว่านางมีคุณสมบัติพอ"เสนาบดีหลิวชางปรายตามองขุนนางที่เอ่ยสนับสนุนข้อเสนอนี้ เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่คิดอยู่ในใจ"ถ้าหากน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   สูญเสียดวงใจ

    มู่หรงเซียวสังเกตเห็นว่าในช่วงหลัง มีคนลึกลับผู้หนึ่งคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด คนผู้นี้เงียบขรึม ไม่พูดไม่จา แต่มักปรากฏตัวในยามที่นางต้องการความช่วยเหลือนางรู้สึกคุ้นเคยกับท่าทางของเขาเป็นอย่างมาก และที่แปลกที่สุดคือหากมีบุรุษคนใดพยายามเข้าใกล้นาง คนผู้นี้ก็มักจะแสดงท่าทีไม่พอใจอย่างชัดเจน"ผู้ช่วยนิรนามคนนี้... ดูคุ้นเนอะ"มู่หรงเซียวพึมพำกับตัวเอง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากหลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจรักษาผู้ป่วย มู่หรงเซียวก็กลับมาที่กระโจมของตน นางอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเสร็จเรียบร้อย กำลังจะเข้านอน แต่แล้ว“หมับ!”มือของใครบางคนคว้าข้อมือของนางเอาไว้!มู่หรงเซียวสะบัดมือออกทันที แต่เสียงที่คุ้นเคยมากเสียงหนึ่งดังขึ้นเบาๆ ข้างหูทำให้นางต้องหยุดชะงักไป"ชู่ว์ ข้าเอง... ท่านพี่ของเจ้าไง"เสียงทุ้มนั้นคุ้นเคยจนหัวใจของนางเต้นแรง นางเงยหน้าขึ้น ก่อนจะเบิกตากว้าง"ฝ่าบาท!?"ร่างสูงในชุดสีดำสนิทยืนอยู่ตรงหน้านาง ดวงตาสีทองส่องประกายแม้ในความมืด"ท่านมาได้อย่างไร!? หากท่านติดเชื้อไปจะทำเช่นไร เป็นถึงโอรสสวรรค์ ใยทำอะไรไม่คิด!"หลังจากที่ยอมรับว่าตัวเองคือ เซียวหยางมี่ ภรรยาของหวังเฟิ่ง น้ำเสียงขอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   เพื่อช่วยดวงใจของข้า

    ภายในวัดเก่าแก่ ณ ตีนเขาสูงตระหง่าน เปลวเทียนนับสิบเล่มส่องแสงริบหรี่ พร่างพรายอยู่ทั่ววิหารกลาง ทว่าบรรยากาศกลับเย็นยะเยือกดุจต้องสายลมจากหุบเหวลึกหวังเฟิ่งยืนนิ่งอยู่ด้านหน้า พระชราผู้เป็นเจ้าอาวาสมองจักรพรรดิหนุ่มด้วยสายตาหนักใจ มือเหี่ยวย่นประนมแนบอก ขณะกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม"ฝ่าบาท... พิธีนี้ทำได้เพียงครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว หากต้องทำอีกครั้ง เกรงว่าพระองค์จะรับไม่ไหว""เพื่อช่วยดวงใจของข้า ต่อให้ต้องตาย ข้าก็ไม่หวั่นเกรง"พระอาจารย์นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจยาว ท่านมองจักรพรรดิหนุ่มที่มีอำนาจสูงสุดในใต้หล้า บุรุษผู้แข็งแกร่ง เย็นชา และไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น แต่ในยามนี้ สิ่งที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของพระองค์กลับเป็นเพียงความหวาดกลัวและสิ้นหวังสิบหกปีก่อน หวังเฟิ่งเคยทำพิธีนี้ครั้งหนึ่ง พลังปราณกว่าครึ่งของเขาถูกเผาผลาญไปเพื่อเปิดทางให้ดวงวิญญาณของสตรีนางหนึ่งหวนคืน แม้จะเกิดใหม่ในดินแดนอันห่างไกล แต่ด้วยสายใยแห่งโชคชะตา ด้วยหัวใจที่ผูกพันกันไม่เสื่อมคลาย นางจึงหวนกลับมาอยู่เคียงข้างเขาได้อีกครั้งแต่ในยามนี้ หากเขาต้องสูญเสียพลังปราณไปอีกแม้เพียงน้อย เขาย่อมไม่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ตัดตอน

    เปลือกตาคู่สวยของมู่หรงเซียวค่อยๆ เงยขึ้น ก่อนจะพบว่ามือของนางยังคงถูกหวังเฟิ่งจับกุมไว้แน่น ราวกับกลัวว่านางจะหายไปอีกครั้ง ทว่าก่อนที่นางจะกล่าวสิ่ง“ข้าไม่ยอมให้เจ้าจากไป ไม่มีเจ้า ย่อมไม่มีข้า” “ฝ่าบาท...”“เจ้ากลับมาเรียกข้าว่าอาเฟิ่งเหมือนเดิมได้ไหม ข้าจะให้อภัยเจ้า และขอให้เจ้าให้อภัยคนโง่อย่างข้า”มู่หรงเซียวเม้มริมฝีปาก นางเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวออกมาอย่างยากลำบาก“แล้วกุ้ยเฟยกับเหล่าสนมของท่านเล่า”“ข้าไม่เคยร่วมคืนวสันต์กับผู้ใด มีเพียงเจ้าผู้เดียว ด้วยเงื่อนไขของพิธีเรียกวิญญาณทำให้ข้านั้นไม่สามารถรักใครได้อีก นอกจากคนที่ข้ามอบปราณวิญญาณให้”ทันทีที่ได้ยินคำว่าปราณวิญญาณ มู่หรงเซียวหยุดชะงักทันทีพร้อมกับแววตาที่สั่นไหว“ปราณวิญญาณ... อย่าบอกนะว่า...”“ใช่ ข้าสละปราณเพื่อให้วิญญาณของเจ้าไม่สลายหายไป แม้มันจะล่องลอยไปไกลถึงต่างแคว้น แต่ข้าก็นำพาเจ้ากลับมาได้”ดวงตาของมู่หรงเซียวเริ่มคลอไปด้วยหยาดน้ำตาสีใส“ท่าน... ทำไม”หวังเฟิ่งยิ้มบางๆ ก่อนจะใช้มืออีกข้างลูบเส้นผมของนางอย่างอ่อนโยน“เพราะข้าเสียเจ้าไปไม่ได้ สิบเจ็ดปีที่แล้วข้านั้นพยายามหาเหตุผลต่างๆ นานา แต่สุดท้ายข้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ถูกเล่นงาน 1/2

    ภายในเมืองหลวง ความวุ่นวายจากโรคระบาดที่เคยแพร่กระจายไปทั่วถูกควบคุมลงได้ในที่สุด สาเหตุของโรคครั้งนี้ถูกเปิดเผยว่าเกิดจาก “ฝูจื่อ” สมุนไพรที่โดยปกติใช้รักษาอาการหนาวเย็น แต่หากใช้ในปริมาณมากเกินไป หรือถูกนำไปผสมกับ “ชวนอู้” สมุนไพรอีกชนิดหนึ่ง จะทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบ ติดเชื้อ และเสียชีวิตในที่สุดเซียวเมิ่งที่เดินทางไปยังแดนใต้เพื่อค้นหาที่มาของพิษนี้ ได้ข้อมูลว่า มีพ่อค้าเร่จำนวนหนึ่งแอบขายสมุนไพรนี้ไปทั่ว พร้อมทั้งวางแผนกักตุนยารักษาโรคเพื่อโก่งราคา และยังมีการลักลอบทำกรรมสิทธิ์ในการเพาะปลูกในแคว้น “เซิงเจียง” เพื่อผูกขาดทางการค้า สร้างผลกำไรมหาศาลบนความทุกข์ของผู้คนเมื่อมู่หรงเซียวทราบข่าว นางจึงตัดสินใจปลอมตัวออกไปสืบเรื่องราวด้วยตนเอง จนกระทั่งได้หลักฐานสำคัญที่สามารถมัดตัวผู้บงการได้ในยามค่ำคืน ณ เรือนพักลับแห่งหนึ่ง มู่หรงเซียวส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับเซียวเมิ่ง"ข้าฝากสิ่งนี้ให้ฝ่าบาทที ท่านอา"บุรุษตรงหน้าซึ่งเป็นท่านอาของนาง รับกระดาษไปก่อนจะมองหน้านาง"เจ้าแน่ใจแล้วหรือ ว่าจะยืนอยู่ข้างเขา?""ท่านอา..." มู่หรงเซียวเม้มปากแน่น"แม้ว่าเขาจะทำเพื่อเจ้า สละปราณเพื่อเจ้า แ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ถูกเล่นงาน 2/2

    คำเรียกขานนั้นทำให้นางชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะหันกลับไปมองแม่นมด้วยสายตานิ่งสนิท“ท่านเรียกข้าว่าอะไรนะ ข้ายังไม่ออกเรือน ท่านเรียกผิดแล้ว”ต้องไม่มีผู้ใดรู้ความจริงเด็ดขาดว่ามู่หรงเซียวแห่งเจียงหนานในตอนนี้ แท้จริงแล้วคือเซียวหยางมี่กลับชาติมาเกิดเพราะเวทย์โบราณของลัทธิประหลาด และคนที่เป็นผู้ชักนำให้นางกลับมาก็คือหวังเฟิ่งจนกว่าทุกอย่างจะคลี่คลาย หรือไม่ก็...หากเป็นไปได้ นางอยากให้ความลับนี้ถูกฝังไปตลอดกาลตอนนี้นางคือมู่หรงเซียว องค์หญิงแห่งแคว้นเจียงหนาน นางมีชีวิตใหม่นี้เพราะบิดามารดาในชาตินี้ ต่อให้ต้องแลกด้วยสิ่งใด นางก็จะต้องทดแทนบุญคุณนั้นให้จงได้แม่นมที่เผลอเรียกผิดก้มศีรษะต่ำ ก่อนจะแก้คำพูดของตนเองอย่างรวดเร็ว“ขออภัยเพคะองค์หญิง ไม่สิ ท่านราชทูต”แม่นมมองสตรีตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ขัดแย้งในใจ นางหวังให้นางผู้นี้อยู่ที่นี่ต่อไปตราบนานเท่านาน เพราะนับตั้งแต่นางกลับมา ฝ่าบาทของนางก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก แม้พระองค์จะไม่แสดงออก แต่คนที่เลี้ยงดูพระองค์มาตั้งแต่เยาว์วัยเช่นนาง ย่อมสังเกตเห็นได้แต่ขณะเดียวกัน ตำแหน่งของสตรีผู้นี้ก็อันตรายเกินไป มีคนมากมายที่อยากให้นางหายไปเสียงน้ำ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   กำจัดให้พ้นทาง

    ร่างของหลิวหงหลันชะงักไปชั่วขณะ หัวใจเต้นแรงราวกับสัมผัสได้ถึงอันตราย เงาร่างของใครบางคนยืนอยู่ที่มุมห้อง ม่านสีแดงเบื้องหลังปลิวไหวตามแรงลมเย็น"เจ้าเป็นคนปล่อยพิษกู่ใช่หรือไม่ หวงกุ้ยเฟย... ไม่สิ หลิวหงหลัน”เสียงเย็นยะเยือกเอ่ยขึ้น ดวงตาของหลิวหงหลันเบิกกว้างก่อนจะหันขวับไป ริมฝีปากสั่นระริก"เซียวหยางมี่..."ร่างของหญิงสาวที่ควรตายไปแล้ว กำลังยืนอยู่ตรงหน้า!ชุดสีเข้มขับผิวขาวผ่อง เรือนผมดำสนิทปล่อยยาวสยาย ดวงตาคมกริบจ้องมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน"ใช่ เป็นข้าเอง"หลิวหงหลันสูดลมหายใจลึก ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะนั้นทั้งบ้าคลั่งและแฝงไปด้วยความเจ็บแค้น"สุดท้ายแล้ว ฝ่าบาทก็ทำมันสำเร็จสินะ""...""หม่อมฉันสงสัยมาตลอดว่าสิบหกปีที่ผ่านมา ฝ่าบาททำอะไรอยู่นอกเมือง บัดนี้ สิ่งที่ข้าสงสัยมาโดยตลอดกำลังมายืนอยู่ตรงหน้านี้แล้ว"ดวงตาของหลิวหงหลันทอประกายราวกับคนเสียสติ นางหัวเราะก่อนจะกัดฟันแน่น"ฝ่าบาทเป็นคนพาเจ้าคืนกลับมาสินะ! ข้าแพ้อีกแล้วใช่หรือไม่... แพ้ให้กับมารหัวใจอย่างเจ้าอีกแล้ว!"มู่หรงเซียวไม่ได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใด ใบหน้างามยังคงนิ่งสงบไร้ซึ่งความรู้สึกใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ชดเชยให้สมบูรณ์ 2/2

    “โปรดอย่าหยุด...หวังเฟิ่ง” “ได้ ข้าให้ตามคำที่เจ้าขอ” หวังเฟิ่งประคองสะโพกของหญิงสาวขึ้นมา แล้วแทรกตัวเข้าไปจนสุดทาง ทั้งสองร้องครางออกมาพร้อมกันทันที “เซียวเอ๋อร์...ข้า” “ทำตามที่ใจท่านปรารถนาเถิด หวังเฟิ่ง” ชายหนุ่มโยนความอดกลั้นทั้งหมดทิ้งไป แล้วสะบัดเอวเข้าไปทันที แรกเริ่มเขาเพียงต้องการให้นางปรับตัวได้ แต่ยิ่งสอดใส่มากขึ้นเท่าใด ความเสียวซ่านก็ยิ่งทวีขึ้นทุกขณะ ชายหนุ่มมองร่างอวบอิ่มที่นอนอยู่เบื้องล่าง ตอนนี้ทรวงอกคู่งามกำลังสั่นไหวตามจังหวะรักที่เขากำลังกระแทกเข้าไปไม่หยุด มู่หรงเซียวปรือตามองเขา ขณะที่สองมือกำลังจิกหมอนจนแน่น สองแก้มของนางแดงก่ำราวกับผลผิงกั่ว “เซียวเอ๋อร์...เจ้าช่างดียิ่ง” หวังเฟิ่งกัดริมฝีปากขณะที่กระแทกเอวเข้าไปถี่ๆ เขาเงยหน้าขึ้นสูดลมหายใจ ขณะที่แก่นกายแกร่งสัมผัสกับกลีบดอกไม้งามของภรรยา มู่หรงเซียวทำได้เพียงส่ายหน้าไปมาบนหมอน แล้วปล่อยให้ร่างกายและจิตใจถูกหวังเฟิ่งชักนำไปตามที่เขาต้องการ ขณะที่ความร้อนตรงจุดเชื่อมประสานยิ่งทวีขึ้นเรื่อยๆ นางใช้สองขาเกี่ยวเอวของเขาไว้

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ชดเชยให้สมบูรณ์ 1/2

    ขบวนเสด็จของมู่หรงเซียวเดินทางเข้าสู่ต้าชิงอย่างสมพระเกียรติ นางมิใช่เพียงองค์หญิงแห่งเจียงหนานอีกต่อไป แต่กำลังจะก้าวขึ้นเป็นหงส์เคียงข้างมังกรพิธีอภิเษกถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ทั่วทั้งเมืองหลวงต้าชิงเต็มไปด้วยสีแดงแห่งความมงคล ประชาชนต่างพากันเฉลิมฉลองทว่าภายในใจของผู้เป็นเจ้าของบัลลังก์มังกรนั้นกลับสงบนิ่ง ไม่ใช่เพราะไร้ความรู้สึก หากแต่เป็นเพราะรอคอยวันนี้มานานจนมิอาจกล่าวเป็นคำพูดได้ยามราตรี หวังเฟิ่งและมู่หรงเซียวทอดพระเนตรไปยังท้องฟ้ากว้าง ราวกับต้องการให้แสงจันทร์เป็นพยานแห่งโชคชะตา ครั้งหนึ่งเคยพลาดพลั้ง คำสัญญาที่เคยล่มสลาย บัดนี้ทุกสิ่งกำลังจะถูกชดเชยให้สมบูรณ์“ข้าเคยคิดว่าข้าจะไม่มีวันได้รับโอกาสแก้ไขอดีต”หวังเฟิ่งเอื้อนเอ่ยเสียงแผ่ว พลางกุมมือนางไว้แน่น“แต่แล้วโชคชะตาก็พาเจ้ากลับมา”มู่หรงเซียวยิ้มบาง ทว่าดวงตากลับสะท้อนความรู้สึกที่ลึกซึ้ง“ข้าเองก็เคยคิดว่า ข้าจะไม่มีวันให้อภัยท่านอีก”หวังเฟิ่งชะงักไปชั่วขณะ มือที่กุมมือนางไว้ยังคงมั่นคง แต่ดวงตากลับแฝงไว้ด้วยความลังเล“แล้วตอนนี้เล่า?”มู่หรงเซียวมองสบดวงตาสีทองนั้นอย่างแน่วแน่ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอบอุ่น“ข

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ทำตามสัญญา

    ณ ประตูเมืองต้าชิง ขบวนราชทูตจากแคว้นเจียงหนานยืนเรียงรายอยู่เบื้องหลังของมู่หรงเซียว รถม้าและกองทหารพร้อมเดินทางกลับแคว้น แต่ถึงแม้ทุกอย่างจะพร้อม นางกลับยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเบื้องหน้าของนางคือหวังเฟิ่ง ฮ่องเต้ผู้ทรงอำนาจของแคว้นต้าชิง ดวงตาสีทองของเขาจับจ้องมู่หรงเซียวแน่วแน่ ราวกับต้องการจดจำนางให้ลึกลงไปในหัวใจ"เจ้าต้องกลับไปจริงๆ หรือ?""ข้ามีหน้าที่ของข้าที่ต้องทำ เสด็จพ่อและเสด็จแม่รอข้าอยู่"หวังเฟิ่งถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพยักหน้า ด้วยตัวเขานั้นยังมีภารกิจที่จะต้องเร่งฟื้นฟูบ้านเมือง ทำให้เขาจำต้องยมปล่อยมือนางไปชั่วคราว"ข้าเข้าใจ... เจ้าควรกลับไป""หน้าที่ของข้าสิ้นสุดลงแล้ว... แต่หากวันหนึ่งท่านต้องการให้ข้ากลับมา"หวังเฟิ่งนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะคลี่ยิ้มบาง"ข้าจะไปหาเจ้า แต่เจ้าต้องรอข้า""ข้ารอท่านได้... แต่ท่านต้องไม่มาช้าจนข้าแต่งออกเรือนไปเสียก่อน"ดวงตาของหวังเฟิ่งทอแสงอันตรายขึ้นทันที"เจ้ากล้าหรือ?"มู่หรงเซียวยกยิ้มบาง"หากท่านช้าไปจริงๆ ข้าก็อาจต้องพิจารณา""อย่าหวังเลย"หวังเฟิ่งก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาของเขาฉายแววมุ่งมั่นและจริงจัง"ข้าจะไม่ยอมให้

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   กลับบ้าน

    ไทเฮามองภาพตรงหน้า นางกัดฟันแน่น"น่าขยะแขยง! ความรักของพวกเจ้าเป็นเรื่องงี่เง่า ความเชื่อใจเป็นเพียงคำโกหก เจ้าไม่สมควรได้รับความสุข! เจ้าต้องเจ็บปวดเหมือนที่ข้าเคยเจ็บปวด!"ภายในตำหนักเย็นที่ถูกปกคลุมด้วยความหนาวเหน็บ แสงจากตะเกียงริบหรี่สะท้อนเงาของหญิงผู้เคยครอบครองอำนาจสูงสุดของแผ่นดินไทเฮา... บัดนี้มิใช่ "มารดาแห่งแผ่นดิน" อีกต่อไปหลังจากที่ความจริงทั้งหมดถูกเปิดเผย นางถูกปลดจากฐานะไทเฮา ถูกกักบริเวณให้ใช้ชีวิตที่เหลือไปกับความอ้างว้าง ไม่มีอำนาจ ไม่มีผู้คนให้ความเคารพ ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือให้นางยึดเหนี่ยวเสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้นหน้าตำหนัก บานประตูถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างสูงสง่าของบุรุษที่เคยเรียกนางว่า ‘มารดา’"เสด็จแม่...""หึ... ตอนนี้เจ้ายังกล้าเรียกข้าว่าเสด็จแม่อยู่อีกหรือ?"ไทเฮาหัวเราะเย้ยหยัน แม้น้ำเสียงจะเต็มไปด้วยความขมขื่น"ข้าเป็นเพียงสตรีเฒ่าที่ถูกกักขังอยู่ที่นี่ รอวันหมดลมหายใจ ไยต้องแสร้งทำเป็นเมตตาข้า?"หวังเฟิ่งมองนางอย่างไม่แสดงอารมณ์ใดๆข้ามิได้มาเพื่อแสร้งเมตตา แต่ข้ามาเพื่อให้ท่านยอมรับผิดและข้าจะให้โอกาสสุดท้าย หากท่านสำนึกผิด ข้ายังอาจให้ท่านได้อยู่อ

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ให้อภัย

    "ว่าอย่างไรนะ!?"มู่หรงเซียวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ"ข้าขโมยเขามาจากสนมคนหนึ่ง สนมที่อดีตฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด""...""แต่เจ้ารู้หรือไม่ ว่าข้าไม่ได้ขโมยเขามาเพราะรัก ข้าแค่ต้องการอำนาจ แต่เด็กคนนั้นโตขึ้นมาและปฏิเสธที่จะมอบอำนาจให้แก่ข้า"มู่หรงเซียวยังคงนิ่งเงียบ นางเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้ว"ข้าสนับสนุนเขาขึ้นเป็นไท่จื่อ ตั้งแต่ยังเยาว์วัย ข้าอบรมเขา ให้เขาทำตามที่ข้าต้องการ แต่เขากลับทรยศข้า! เขาปฏิเสธตระกูลหลิวและอีกหลายตระกูลที่อยู่ฝั่งของข้า ไม่มอบอำนาจให้ญาติฝ่ายข้า แม้กระทั่งหลังจากขึ้นครองราชย์ เขาก็ไม่ยอมให้ข้าแตะต้องอำนาจของเขาแม้แต่น้อย"ความเคียดแค้นฉายชัดในแววตาของไทเฮา"และเพราะเหตุนี้ ข้าจึงต้องการทำให้เขาเจ็บปวดที่สุด สิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดได้มากที่สุด...ก็คือเจ้า เซียวหยางมี่"แต่ก่อนที่ไทเฮาจะได้เอ่ยเอื้อนประโยคต่อไป เสียงฝีเท้าหนักแน่นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นที่หน้าตำหนัก"เสด็จแม่!"ประตูถูกผลักเปิดออกอย่างแรง เผยให้เห็นร่างสูงสง่าของหวังเฟิ่งที่ก้าวเข้ามาพร้อมกับองครักษ์คู่ใจ พระเนตรสีทองของเขาเต็มไปด้วยโทสะ นัยน์ตาแดงก่ำ ราวกับถูกโหมด้วยเพลิงไฟจากภายในเขาได้ย

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ถูกยั่วยุ

    หลังจากการต่อสู้อันดุเดือดกินเวลานานกว่าครึ่งคืน ศัตรูที่บุกเข้ามาถูกสังหารและขับไล่ออกไปจนหมด ศึกกบฏจบลง ชาวบ้านต้าชิงรอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งใหญ่แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ความสงบ องค์หญิงมู่หรงเซียวกลับหายตัวไป ร่างของนางถูกลักพาตัวไปในยามวิกาล โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้เมื่อมู่หรงเซียวได้สติ นางพบว่าตัวเองถูกกักขังอยู่ในตำหนักลับที่ไม่คุ้นเคยแสงไฟในห้องสลัว กลิ่นกำยานหอมกรุ่นลอยฟุ้งปะปนไปกับกลิ่นสมุนไพรจางๆ อากาศภายในตำหนักชวนให้อึดอัด ราวกับมีเงาของสิ่งชั่วร้ายแฝงตัวอยู่เบื้องหน้าของนางคือสตรีวัยกลางคนผู้เปี่ยมไปด้วยอำนาจ อาภรณ์ของนางปักลวดลายมังกรหงส์อย่างวิจิตร“ไทเฮา!”มู่หรงเซียวเม้มปากแน่น แม้นางจะถูกจับมาโดยไม่รู้ตัว แต่นางยังคงรักษาความสงบนิ่งของตนเองเอาไว้สตรีผู้นั้นมองนางนิ่งๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา"เจ้าช่างเหมือนนางเหลือเกิน"แม้มู่หรงเซียวจะไม่ได้เอ่ยคำใด แต่ภายในใจของนางรู้ดีว่า ไทเฮาหมายถึงผู้ใด"อย่ามาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ข้ารู้แล้วว่าเจ้าคือเซียวหยางมี่ ที่มาเกิดใหม่ด้วยอาคมของหวังเฟิ่ง!"เสียงของไทเฮาดังขึ้นเรื่องๆ น้ำเสียงของหญิงวัยกลางคนนั้นแฝงไปด

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ผ้าอาบยาสลบ

    หวังเฟิ่งหยุดชะงักชั่วครู่ สีหน้าของพระองค์เคร่งขรึมขึ้นทันที"สามหาว!""เจ้ามิเคยสงสัยบ้างเลยหรือ ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมด? ใครกันที่พาหลิวหงหลัน? ใครปล่อยพิษกู่? และใครเป็นต้นเหตุให้เมียเจ้าต้องตาย?""เจ้า!"รองแม่ทัพหลี่หัวเราะในลำคอ ก่อนจะพูดต่อเพื่อต้องการย้อนเกล็ดขององค์จักรพรรดิ์ผู้นี้"คิดว่าหลิวหงหลันและเสนาบดีหลิวจะอาจหาญก่อการภายในวังได้หรือ ถ้าไม่มีไทเฮาสนับสนุน?"หวังเฟิ่งกัดกรามแน่น บัดนี้ร่างของพระองค์สั่นสะท้านด้วยความโกรธถึงขีดสุด"เล่าออกมาให้หมด!""ถึงท่านไม่บอก ข้าก็จะเล่าอยู่แล้ว"รองแม่ทัพหลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน"ข้ากับหงหลันเป็นสหายกันมานาน ข้าเฝ้ามองนาง... แต่นางกลับเฝ้ามองแต่ท่าน เมื่อรู้ว่าท่านต้องการแต่งงานกับ เซียวหยางมี่บุตรสาวของอดีตราชครู นางก็ร้อนใจเป็นอย่างมาก ไทเฮาผู้ไม่ยอมรับการแต่งงานของท่าน จึงออกอุบายแกล้งป่วย ทำให้เซียวหยางมี่ไม่สามารถวินิจฉัยและรักษาได้ จากนั้นก็ทำทีให้หลิวหงหลันรักษาจนหาย เพื่อเปิดทางให้หงหลันเข้าใกล้ท่าน!""ไม่จริง..."หวังเฟิ่งพึมพำ ดวงตาของพระองค์เต็มไปด้วยความสับสน"เสด็จแม่...""ใช่ เสด็จแม่ของท่านต้องก

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   กับดัก

    บุคคลนิรนามสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบหันไปทางรองแม่ทัพหลี่"เจ้ารีบออกไปเสียบัดนี้ เขามาแล้ว!"รองแม่ทัพหลี่ไม่รอช้า รีบหลบออกไปทางลับของตำหนักโดยทันทีเพียงไม่นาน ประตูตำหนักก็ถูกเปิดออก ร่างสูงของจักรพรรดิต้าชิงก้าวเข้ามา นัยน์ตาสีทองของพระองค์กวาดมองไปรอบห้อง ก่อนจะหยุดลงที่สตรีผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์"เสด็จแม่ ลูกเหมือนได้ยินท่านคุยกับใคร"ไทเฮาแย้มรอยยิ้มบาง นางขยับพัดในมือเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"เจ้าคิดมากไปแล้ว อาเฟิ่งลูกแม่ ว่าแต่เจ้ามีอะไร ถึงมาหาข้ายามนี้?""ลูกจะออกไปบัญชาการทัพ เนื่องจากด้านนอกยามนี้เกิดเหตุร้าย เกรงว่าจะเป็นกลุ่มกบฏ"ไทเฮาชะงักไปเพียงครู่ ก่อนจะคลี่ยิ้มอ่อนโยน ราวกับมารดาผู้เปี่ยมไปด้วยความรักและห่วงใย"แม่ห่วงเจ้ามาก อาเฟิ่ง เจ้าไม่ไปได้หรือไม่?"หวังเฟิ่งมองมารดาของพระองค์ สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ผิดแปลก แต่เพียงพริบตาเดียว นางก็กลับมาเป็นไทเฮาผู้เมตตาดังเดิม"แต่ข้าจำเป็นต้องไป"หวังเฟิ่งตอบด้วยน้ำเสียงที่ช่างดูราบเรียบ ก่อนจะค้อมศีรษะให้ แล้วหมุนตัวเดินจากไปเบื้องหลังของพระองค์ ไทเฮายังคงยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นกลับเยียบเย็น ราวกับมิใช่ของผู้เป็น

  • เกิดใหม่ครานี้ ไม่ขออยู่เคียงข้างท่านอีก   ลอบโจมตี

    ภายในจวนของเสนาบดีหลิว บรรยากาศอึมครึมปกคลุมไปทั่ว ทุกมุมห้องถูกปกคลุมด้วยความมืดสลัว มีเพียงแสงเทียนที่ริบหรี่ส่องให้เห็นชายชราที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่บัดนี้เขาดูซูบเซียวลงไปไม่น้อย ตั้งแต่บุตรสาวเพียงคนเดียวถูกคุมขังในข้อหาปองร้ายฮ่องเต้หวังเฟิ่ง ไม่ว่าเขาจะใช้เส้นสายเท่าใด ก็ไม่อาจช่วยนางออกมาได้เขาอับอาย เขาโกรธแค้น และเหนือสิ่งอื่นใด เขาไม่อาจยอมรับความพ่ายแพ้ได้ หลิวหงหลันคือสายเลือดเดียวของเขา เขาย่อมไม่มีวันยอมให้บุตรสาวต้องตายในคุกของต้าชิง!เสียงฝีเท้าดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่ขันทีคนสนิทของไทเฮาจะเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง ใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความวิตกกังวล"นายท่าน... พวกเราจะทำเช่นไรต่อไปดี?"เสนาบดีหลิวเปิดเปลือกตาขึ้น นัยน์ตาของเขาขุ่นมัวด้วยความเครียด"พวกสุนัขเฝ้าประตูวังไม่ยอมปล่อยนางง่ายๆ หากข้ายังเพิกเฉย ชื่อเสียงตระกูลหลิวต้องป่นปี้แน่""เช่นนั้น"เขาหลับตาลงชั่วครู่ ก่อนจะสูดลมหายใจลึก แล้วลืมตาขึ้นใหม่"ส่งสารลับไปยังพวกทางใต้ บอกพวกมันว่า หากต้องการโอกาสบุกต้าชิง ข้าจะเป็นผู้เปิดทางให้เอง"ขันทีที่ยืนอยู่ถึงกับหน้าเสีย ใบหน้าของเขาซีดเผือดไปทันที"ถ้าฝ่าบาททร

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status