บทที่ 6 ข้าจะถอนหมั้น
ท่านอ๋องที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างจ้องมองไปด้านนอกเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาก็คิดว่าเป็นบ่าวรับใช้เขาจึงได้เอ่ยถาม
"นางกลับแล้วหรือ หึ! ช่างน่ารำคาญเสียจริง " เขาเอ่ยออกมาโดยไม่ได้หันมามองเลยว่าผู้ที่เข้ามาด้านในหาใช่บ่าวรับใช้ไม่
"รำคาญอย่างนั้นหรือเพคะ ไหนท่านอ๋องบอกว่ามีงานมากมายที่ต้องทำ การยืนมองทอดสายตาไปยังด้านนอกคืองานของท่านอ๋องหรือเพคะ หม่อมฉันก็พึ่งจะได้รู้วันนี้นี่เอง " เสี่ยวลี่เหมยเก็บความโมโหเอาไว้ไม่ไหวเมื่อนางเห็นเรื่องราวที่ผ่านมาที่เขาได้ทำกับลู่เพ่ยยิ่งทำให้นางไม่ชอบขี้หน้าท่านอ๋องผู้นี้เลยแม้แต่น้อย
"เจ้ากล้าดีอย่างไรเข้ามาในห้องของข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต" เจียวหั่วหันควับกลับมาเมื่อรับรู้ว่าผู้ที่เข้ามามิใช่บ่าวรับใช้ แต่ทว่าเมื่อเขามองมายังนางต้องตกตะลึง สตรีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่หมั้นที่เขาเคยรำคาญและรังเกียจ สตรีที่อวบอ้วนน่าเบื่อผู้นั้นมายืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ระยะเวลาเพียงหนึ่งฤดูที่นางหายหน้าหายตาไปไม่คิดเลยว่านางจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ใบหน้าเรียวงามกระจ่างหมดจด ริมฝีปากบางแต้มด้วยชาดสีแดงขับผิวผุดผ่อง ดวงตาดำขลับเว้าลึกมีความไม่แยแสต่อโลกเจืออยู่ในนั้น ช่างแตกต่างราวกับคนละคนเพียงแต่ว่าแววตาของนางยังคงเช่นเดิม
เสี่ยวลี่เหมยมองแผ่นหลังกว้างที่ยืนอยู่ตรงหน้าขนาดแผ่นหลังยังสง่างามขนาดนี้แล้วใบหน้าท่านอ๋องจะรูปงามเช่นดั่งคำร่ำลือหรือไม่? แต่เมื่อท่านอ๋องหันมาทำให้นางตกตะลึงไม่ต่างกัน คำร่ำลือที่เขาเอ่ยกันเป็นจริงเสียด้วยแถมยังรูปงามหล่อเหลาราวกับหลุดออกมาจากภาพวาด แต่นางจะมายืนมองชื่นชมบุรุษที่ไม่แยแสนางมิได้ นางต้องจัดการธุระที่มาในวันนี้ให้เสร็จสิ้น นางดึงสติให้กลับมาไม่หลงใหลในรูปร่างหน้าตา ตั้งสติเอ่ยเรื่องที่นางมาในครั้งนี้กับบุรุษไร้ใจผู้นี้
"ที่หม่อมฉันเอ่ยมาคือเรื่องจริงสินะเพคะ มิเช่นนั้นท่านอ๋องคงไม่นิ่งเงียบไป ที่หม่อมฉันมาในวันนี้และขัดคำสั่งของท่านอ๋องเพราะมีเรื่องสำคัญต่อชีวิตของหม่อมฉันจะมาแจ้งให้ท่านอ๋องได้รับรู้ ในเมื่อท่านอ๋องเองก็รำคาญหม่อมฉัน หม่อมฉันเองก็ไม่ได้มีความรู้สึกพิศวาสในตัวของท่านอ๋องแล้ววันนี้หม่อมฉันจึงมาขอถอนหมั้นเพคะ และอีกอย่างคือของที่ท่านอ๋องเคยไปหมั้นหม่อมฉัน หม่อมฉันได้จัดเตรียมมาคืนท่านอ๋องด้วยตัวของหม่อมฉันเอง ตอนนี้หม่อมฉันให้บ่าวรับใช้ขนเข้ามาไว้ที่ห้องโถงแล้ว หมดธุระของหม่อมฉันเชิญท่านอ๋องทำงานของท่านเถอะเพคะ ต่อจากนี้หม่อมฉันจะไม่มาให้รำคาญแล้วเพคะตระกูลลู่ต่อจากนี้ไม่ขอข้องเกี่ยวกับท่านอ๋อง รักษาเนื้อรักษาตัวด้วยนะเพคะ" เสี่ยวลี่เหมยเอ่ยชัดถ้อยชัดคำโค้งคำนับลงก่อนจะเดินออกมา ทำเอาเจียวหั่วเอ่ยคำพูดไม่ทันนางเพราะมัวแต่ตกตะลึงในรูปร่างของนาง
เมื่อเขาตั้งสติได้ก็รีบเดินไปคว้าตัวของนางให้หยุดเดินและฟังเขาพูดเสียก่อน แต่ทว่าบัดนี้มีสาวใช้อยู่ด้านในด้วย ท่านอ๋องจึงมองด้วยสายตาทำให้ลี่อินรีบเดินออกจากห้องทันที
"อย่าพึ่งไปสิ เจ้ากล้าดีอย่างไรที่มาเอ่ยเช่นนี้กับข้า เมื่อครั้งจะหมั้นเจ้าก็เอาแต่ใจขอร้องให้ท่านพ่อของเจ้ามาอ้อนวอนให้ข้าหมั้นกับเจ้า แต่มาวันนี้เจ้าก็เอาแต่ใจมาถอนหมั้นกับข้าโดยที่ไม่ได้สนชื่อเสียงของข้า ช่างหยามข้าเหลือเกิน" มือหนาคว้าแขนของเสี่ยวลี่เหมยให้หยุดเดินและหันมามองเขาโดยไม่ให้นางได้หนี
"เพราะตอนนั้นหม่อมฉันยังเด็กเกินกว่าจะรู้เพคะ ตอนนี้หม่อมฉันรู้แล้วว่าท่านอ๋องมิได้ใยดีหรือสนใจหม่อมฉันเลยแม้แต่น้อย ท่านอ๋องต่างหากเพคะที่หยามเกียรติหม่อมฉัน ปล่อยหม่อมฉันนะเพคะ"
"เฮอะ! ข้าไม่ถอนหมั้น " เจียวหั่วเริ่มหัวร้อนเมื่อเห็นสตรีร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาไม่หวั่นกลัวและอ่อนหวานเหมือนเมื่อก่อน แต่ตอนนี้แววตาของนางราวกับนางพญาไม่เกรงกลัวต่อผู้ใด
"ที่หม่อมฉันมาในวันนี้ไม่ได้มาเพื่อขอความเห็นเพคะ แต่หม่อมฉันมาบอกว่าหม่อมฉันถอดหมั้นกับท่านอ๋อง" พูดจบเสี่ยวลี่เหมยก็ได้ใช้พละกำลังที่นางได้ดูจากหนังในมิติของตนยกขาขึ้นมาระหว่างกลางขาของท่านอ๋องที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อขาแข็งโดนของรักของหวงจนทำให้เจ็บจุกปล่อยเสี่ยวลี่เหมยออกจากอ้อมแขนทรุดลงนั่งลงกับพื้นใช้มือกุมตรงกลาง ใบหน้าเกร็งหงิกงอร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ไม่คิดเลยว่าสตรีที่เคยรักแทบถวายทุกอย่างให้แก่เขากล้าทำร้ายเขาถึงเพียงนี้
"โอ๊ย!! นี่เจ้า เจ้าช่างกล้า" เขาเงยหน้าขึ้นต่อว่าเสี่ยวลี่เหมยแต่ทว่าเมื่อนางเห็นว่าเขาได้รับบาดเจ็บก่อนที่จะถูกลงโทษนางก็รีบวิ่งออกมาจากห้องพร้อมหันไปบอกท่านอ๋องก่อนจะปิดประตูหนี
"จากนี้อย่าได้พบได้เจอกันอีกเลยนะเพคะ หม่อมฉันทูลลา" เสี่ยวลี่เหมยแสยะยิ้มก่อนจะปิดประตูรีบดึงมือลี่อินกับไป๋เซ่อให้หนีตามนางออกมา
"รีบตามข้ามาเร็วเข้า "แม้ทั้งสองไม่เข้าใจแต่ก็รีบตามคุณหนูตนเองมาเช่นกัน
ภายในห้องก็มีเพียงเสียงร้องระงมอย่างเจ็บปวดของเจียวหั่ว
"ลู่เพ่ยเจ้าบังอาจยิ่งนัก ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแน่นอน " เจียวหั่วกัดฟันพูดออกมาพร้อมพยุงร่างตนเองไปที่โต๊ะก่อนจะเรียกหาบ่าวรับใช้ให้ไปนำยาลูกกลอนมาให้เขากินเพื่อระงับความเจ็บปวด
ฝั่งด้านเสี่ยวลี่เหมยเมื่อกลับมาที่รถม้านางหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
"ฮ่า ฮ่า ใครจะไปคิดว่าท่านอ๋องจะไม่ระวังตัวขนาดนี้ คงไม่คิดสินะว่าข้าจะกล้าทำ"
"คุณหนูเหตุใดต้องพาพวกข้าวิ่งออกมาด้วยเจ้าคะ ด้านในมีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ " ลี่อินหอบเหนื่อยเอ่ยถามคุณหนูที่ยืนหัวเราะอยู่
"ไม่มีเรื่องอะไรหรอกนะ ตอนนี้ธุระข้าเสร็จแล้วกลับเรือนกันเถอะ " เสี่ยวลี่เหมยบอกแก่สาวใช้ทั้งสองพร้อมก้าวเท้าขึ้นรถม้าเพื่อกลับเรือน ไป๋เซ่อกับลี่อินมองหน้ากันอย่างไม่เข้า
"เจ้าว่าด้านในเกิดเรื่องอันใดขึ้น เมื่อครู่ข้าได้ยินเสียงของท่านอ๋องร้องออกมาเสียงดัง อย่าบอกนะว่าคุณหนูทำร้ายท่านอ๋อง" ลี่อินเอ่ยถามไป๋เซ่อที่ครุ่นคิดเช่นกัน
"ไม่หรอกข้าว่า คุณหนูของเราไม่ได้มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะทำร้ายท่านอ๋องที่แข็งแกร่งขนาดนั้น ข้าว่าคุณหนูน่าจะดีใจเรื่องถอนหมั้นซะมากกว่า เจ้าเองก็อย่าซักไซรีบขึ้นเกี้ยวตามคุณหนูมาเถิด เดี๋ยวจะโดนคุณหนูดุเอาได้ " ไป๋เซ่อพูดจบก็รีบเดินตามคุณหนูขึ้นเกี้ยวไป
"รอข้าด้วยสิ " เสี่ยวลี่เหมยเดินทางกลับเรือนอย่างอารมร์ดี ในมิติที่นางมานางเจ็บกับความรักมามากพอแล้วจนทำให้ชีวิตของนางหมดลมหายใจ ครั้งนี้นางจะไม่พลาดให้กับความรักอีกต่อไป
ข่าวคราวเรื่องการมาเยือนของลู่เพ่ยที่ไม่ได้มาหาแต่มาถอดหมั้นกับท่านอ๋องถูกสาวใช้เอ่ยปากต่อปาก ไม่นานนักข่าวก็แพร่ไปทั่วใต้หล้า อีกทั้งเรื่องรูปร่างหน้าตาที่เปลี่ยนไปของลู่เพ่ยก็ถูกกล่าวขานของชายทั้งสองที่เห็นกับตาวันคุณหนูตระกูลลู่มิได้อวบอ้วนเหมือนแม่หมู แต่ทว่างดงามราวกับนางฟ้าจึงถูกกระจายไปจนทั่วสารทิศ
หลายวันถัดมา
หน้าเรือนของตระกูลลู่ก็เต็มไปด้วยบุรษมากมายที่อยากยลโฉมของลู่เพ่ย เพราะข่าวลือทำให้พวกเขามายืนรออยู่ที่หน้าเรือน ไม่ว่าจะเป็นบัณฑิต ขุนนางหรือไม่ว่าจะเป็นบุตรชายของใต้เท้าน้อยใหญ่ พ่อหม้ายที่ร่ำรวย ต่างพากันหอบของกำนัลมามอบให้ใต้เท้าลู่ไป๋เหวินหวังทำคะแนนพิชิตใจใต้เท้า ทำให้เสี่ยวลี่เหมยอึดอัดมากกว่าเดิม นางคิดว่าต่อจากนี้นางจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับผู้ใดอีกกลับกลายเป็นว่าบุรุษมาที่เรือนของนางกว่าเดิมอีกซ้ำไป
บทที่ 7 ข้าจะไปอยู่กับท่านอาจวนจวิ้นอ๋องตั้งแต่ที่ท่านอ๋องพบเจอลู่เพ่ยวันนั้นเขาก็เอาแต่คิดถึงใบหน้าที่หยิ่งพยองของนาง แตกต่างจากตอนที่นางอวบอ้วนยิ่งนักตอนนี้ความเจ็บปวดที่นางฝากไว้ให้เขาในวันนั้นก็ได้หายดีแล้ว ถึงคราวแล้วที่เขาจะไปเยือนและจะไม่ยอมถอนหมั้น"ผู้ใดอยู่ด้านนอกเข้ามาหาข้าที" เจียวหั่วตะโกนเรียกบ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านนอกเพื่อทำในสิ่งที่เขาครุ่นคิดมาหลายวัน"ท่านอ๋องมีอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ""เจ้าไปจัดเตรียมทองคำ หยกและเบี้ยอัฐขึ้นเกี้ยวให้ข้าที ให้มากกว่าที่คุณหนูลู่เพ่ยเอามาคืน ข้าจะเดินทางไปที่เรือนของใต้เท้าลู่ไป๋เหวิน""พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะรีบไปจัดเตรียมให้ท่านอ๋องโปรดรอสักครู่" พูดจบบ่าวรับใช้เดินออกจากห้องของเจียวหั่วไปทำตามคำสั่ง เจียวหั่วยืนขึ้นกอดอก ยิ้มมุมปากแววตาเจ้าเล่ห์"เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอกนะ คิดหรือว่าข้าจะยอมถอดหมั้นง่าย ๆ อำนาจที่อยู่ตรงหน้าไม่ว่าผู้ใดก็คงไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ " เจียวหั่วหัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจพร้อมเดินออกจากห้องของตนเพื่อเดินทางไปที่เรือนตระกูลลู่ทำอย่างใจหวังเรือนตระกูลลู่"ขนมมาแล้วเจ้าค่ะคุณหนู" ลี่อินเดินถือถาดที่ใส่ขนมพร้อมน้ำชามา
บทที่ 8 เตรียมรับมือเจียวหั่วเดินทางมาถึงเรือนใต้เท้าลู่ไป่เหวินก็ต้องสงสัยเมื่อพบเจอชายมากมายมายืนรออยู่หน้าเรือนเต็มไปหมด จึงได้ให้บ่าวรับใช้ที่มากับตนไปสืบดูก็ได้รู้ความที่เหล่าบุรุษมาอยู่ที่หน้าเรือนเพราะต้องใจหมายตาคุณหนูลู่เพ่ยผู้งดงาม ทำให้จิตใจของเจียวหั่วร้อนรุ่มขึ้นมา ไม่คิดเลยว่าสตรีที่เขาไม่เคยสนใจใยดีจะมีบุรุษอยากครอบครองมากขนาดนี้ เจียวหั่วลงจากรถม้าเร่งรีบก้าวเท้าเข้าเรือนของใต้เท้าลู่ไป๋เหวินอย่างเร็ว"ท่านอ๋องมาพบใต้เท้าหรือพ่ะย่ะค่ะ" บ่าวรับใช้ที่ยืนอยู่หน้าเรือนได้เอ่ยถามขึ้นทำให้ผู้คนที่ยืนอยู่แถวนั้นหันมามองเป็นตาเดียว แถมยังหัวเราะกระซิบกระซาบนินทาเจียวหั่วกันใหญ่ เขายืนอยู่ไม่ไกลพลอยให้ได้ยินคำพูดที่ชายเหล่านั้นเอ่ยนินทาเขา"เฮอะ! มาหวงของทีหลังล่ะสิ ข้าได้ยินมาว่าเมื่อก่อนท่านอ๋องไม่เคยแยแสคุณหนูลู่เพ่ยแม้แต่น้อย พอนางงดงามคิดจะอยากนางคืนสินะ " คำพูดของคนเหล่านั้นทำให้เจียวหั่วโมโหแววตาดุดันมองขวับไปยังคนพวกนั้นจนต้องหลบสายตา"ใช่! ข้ามาหาใต้เท้าลู่ไป๋เหวิน และที่มาวันนี้ก็เรื่องการหมั้นหมาย เมื่อคราวที่คุณหนูลู่เพ่ยไปหาข้าที่จวนในครั้งนั้น ข้าไม่ได้จะถอนหมั้น
บทที่ 9 เดินทางเมื่อเก็บของเสร็จได้ไม่นานสาวใช้ทั้งสองก็พากันหอบถุงผ้าของตนเองมาหาคุณหนูเพื่อออกเดินทาง"คุณหนูเก็บของเสร็จหรือยังเจ้าคะ "ลี่อินวางถุงผ้าเอ่ยถามคุณหนูที่นั่งอยู่ที่โต๊ะน้ำชา"เสร็จแล้วเจ้าไปบอกให้บ่าวมายกไปที่รถม้าเถิดจะได้ออกเดินทาง""เจ้าค่ะ " ลี่อินรับคำสั่งพรางเดินออกไปด้านนอกส่วนไป๋เซ่อก็เดินเข้ามาใกล้เสี่ยวลี่เหมยมองดูคุณหนูที่ผมเผ้าปกปิดใบหน้าจากการเก็บของด้วยตัวเอง"คุณหนูข้าจะแต่งตัวให้นะเจ้าคะ ดูสิเผ้าผมของคุณหนูหลุดรุ่ยหมดแล้ว เป็นเพราะข้ากับลี่อินที่ไม่ได้มาช่วยคุณหนูเก็บของต้องขออภัยด้วยนะเจ้าคะ" นางพูดไปเดินไปหยิบหวี่มาแปรงผมแกะปิ่นออกพร้อมจัดแจงให้ผมเข้าทรงและปักปิ่นเข้าไปเช่นเดิม"ข้ายังไม่ได้ตำติเจ้าเสียหน่อย อีกอย่างข้าเองที่บอกให้พวกเจ้าไปเก็บของเจ้าไม่ต้องใส่ใจ เจ้าจัดผมให้ข้าเสร็จแล้วก็ออกไปข้างนอกกันเถอะ ข้าอยากไปร่ำลาท่านพ่อเสียหน่อย""เจ้าค่ะ" ทั้งสองออกมาข้างนอกก็พบใต้เท้าลู่ไป๋เหวินเดินมาพร้อมบ่าวรับใช้ที่ลี่อินไปตามมายกของใช้ของลู่เพ่ย"ท่านพ่อข้ากำลังจะไปหาท่านพ่อพอดีเลยเจ้าค่ะ""อย่างนั้นหรือ เฮ้อ! เจ้าอยู่กับข้ามาตั้งแต่เกิดไม่เคยห่างกาย
บทที่ 10 ข้าจะปลูกผักเจ้าค่ะหลังจากกินอาการอิ่มท่านอาก็พาเสี่ยวลี่เหมยมายังห้องนอนที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ได้ให้นางพักผ่อน เมื่อหัวถึงหมอนตัวนอนบนเตียงนอนนุ่มไม่นานเสี่ยวลี่เหมยก็ได้หลับลงรุ่งเช้ามาเยือนเสียงนกน้อยร้องตอบโต้กันไปมาเจี๊ยวจ้าว เสียงกระดิ่งดังราวกับสำนวนเพียงไพเราะ เสี่ยวลี่เหมยตื่นเช้าเพราะแปลกที่มายืนมองดูดวงอาทิตย์ขึ้นอย่างงดงาม เช้า ๆ ที่นี่อากาศเย็นสบายแม้ว่านางจะตื่นเช้าแต่ชาวบ้านที่นี่ก็ตื่นเช้ากันมาก ๆ"คุณหนูตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่เจ้าคะ นี่ยังไม่สว่างเลย" ไป๋เซ่อที่นอนอยู่ข้าง ๆ ตื่นมาเพื่อดูแลก็ต้องตกใจที่เห็นลู่เพ่ยยืนอยู่หน้าระเบียงเสียแล้ว"ข้านอนไม่หลับนะ แล้วลี่อินเล่าไม่มาพร้อมกับเจ้าหรือ" นางมองไปด้านหลังไม่พบลี่อินจึงได้เอ่ยถามด้วยความสงสัย"ลี่อินไปที่ห้องครัวเจ้าค่ะ " เสี่ยวลี่เหมยพยักหน้ารับรู้"เช่นนั้นเจ้าก็ตามข้ามาเถิด ข้าจะไปหาท่านอา ""เจ้าค่ะ" เสี่ยวลี่เหมยเดินเล่นดูรอบ ๆ เรือน ก่อนจะมาพบท่านอาที่กำลังสั่งให้บ่าวไปทำหน้าที่ของตน เสี่ยวลี่เหมยไม่รอช้ารีบย้ำเท้าตรงเข้าไปหา"ท่านอาทำอันใดอยู่หรือเจ้าคะ" ซีเหนี่ยวได้ยินเสียงหลานสาวหันขวับมามองอย่างรวด
บทที่ 11 คุณชายฮุ่ยเจิน“ไป๋เซ่อเจ้าดูสิร้านขายผักร้านนี้ดูจะใหญ่ที่สุดในตลาดเลยก็ว่าได้”"นั้นสิเจ้าคะ หากคุณหนูปลูกผักขายเข้าไปถามดูราคาดูมั้ยเจ้าคะ เผื่อผักที่คุณหนูปลูกเติบใหญ่จะได้นำมาขาย""นั้นสิงั้นเราเข้าไปถามกันเถิด " เสี่ยวลี่เหมยเดินย่างเท้าเข้ามาในร้านขายผักไม่ว่าจะมองไปทางใดก็มีทุกอย่างราวกับว่าที่นี่คือที่รับซื้อผักจากชาวบ้านมาวางขายอีกที"คุณหนูหาสิ่งใดหรือขอรับ" เฒ่าแก่ร้านขายเมล็ดพันธ์ุผู้เดิมก็เดินเข้ามาหาเสี่ยวลี่เหมยอีกรอบ"เอ๊ะ! นี่เฒ่าแก่ร้านเมื่อครู่มิใช่หรือ? ""อ้อ นี่ก็คืออีกร้านของข้าขอรับผู้คนแถวนี้รู้จักกันดี คุณหนูคงไม่ใช่คนแถวนี้ใช่หรือไม่ขอรับ" เสี่ยวลี่เหมยกวาดตามองอีกรอบก็พบว่าร้านทั้งสองร้านอยู่ติดกันแถมยังมีทางเข้าออกเชื่อมกันอีกด้วย"ใช่แล้วเฒ่าแก่ คุณหนูของข้าเดินทางมาจากที่อื่น จะมาอยู่ที่นี่สักระยะจะมาปลูกผักไม่ทราบว่าที่ร้านเฒ่าแก่นอกจะขายผักแล้วท่านรับซื้อผักจากชาวบ้านด้วยหรือไม่เจ้าคะ" ไป๋เซ่อได้เอ่ยถามเฒ่าแก่เพราะนางเป็นคนช่างพูดช่างจาเป็นที่ชอบใจของเสี่ยวลี่เหมยยิ่งนัก"แน่นอนอยู่แล้ว ร้านของข้าทั้งขายและรับซื้อขอรับหากผักของคุณหนูโตพอจนเก็บ
บทที่ 12 เรื่องแปลก ๆวันเวลาผ่านพ้นไปครึ่งเดือนที่เสี่ยวลี่เหมยมาอยู่กับท่านอา นางเหน็ดเหนื่อยอยู่กับการปลูกผักแต่ก็ทำให้นางมีความสุขมาก ๆ ที่ได้ลงมือทำด้วยตนเองจนตอนนี้ผักที่นางได้ลงมือหว่านเมล็ดเติบโตขึ้นมาเขียวขจี"ท่านอาเจ้าคะ ในเรือนของท่านอามีบ่าวที่เป็นชายกี่คนเจ้าคะ"เมื่อเช้าเสี่ยวลี่เหมยไปรดน้ำผักกับสาวใช้เห็นว่าตอนนี้แตงกวาของนางกำลังจะหาไม้เพื่อปีนป่ายจึงกลับมาหาท่านอาที่เรือนเพื่อถามหาบ่าวที่เป็นบุรุษ"ก็เพียงไม่กี่คน ทำไมหรือ"ซีเหนี่ยวกำลังตากผ้าอยู่หันมาถามหลานอย่างสงสัย"ข้าต้องการไม้ไผ่บนเขามาทำค้างให้กับแตงกวาเจ้าค่ะ ""เช่นนั้นข้าจะให้บ่าวนเรือนไปจัดการให้เจ้าเอง ว่าแต่เจ้าเถิดมาอยู่ที่นี่ก็หลายวันแล้วรู้สึกคิดถึงเรือนตระกูลลู่หรือไม่ ""ก็มีบ้างเจ้าค่ะ แต่อยู่ที่นี่ข้ามีความสุขมากนะเจ้าคะ ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมากมายแถมยังได้กินอาหารฝีมือท่านอาทุกวันแต่มีเรื่องหนึ่งที่ข้าไม่เข้าใจเลยเจ้าตค่ะเมื่อตะวันตกดินทุกคนในหมู่บ้านทำไมถึงรีบเข้านอนกันเจ้าคะ หากจะบอกว่าเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานแต่ว่าจะเหนื่อยทุกวันทุกเรือนก็คงมิใช่นะเจ้าคะ "นางมาอยู่ที่นี้สักพักสังเกตเห็นชาวบ้าน
บทที่ 13 ไม่เชื่อว่าเป็นฝีมือปีศาจรุ่งเช้ามาเยือนเสี่ยวลี่เหมยตื่นแต่เช้ารีบไปหาท่านอาที่ห้องพร้อมคำถามเต็มหัวไปหมด นางเดินเข้ามาในเรือนพร้อมเรียกท่าอาจากด้านนอก"ท่านอาเจ้าคะ ข้าขอเข้าไปด้านในได้หรือไม่" นางเงียบฟังคำตอบไม่นานเสียงด้านในก็ดังออกมา"เข้ามาสิ" นางเปิดประตูเข้าไปด้านในห้องของท่านป้าตอนนี้นางกำลังแต่งกายอยู่ก็หันมาถามหลานสาวเหตุใดนางถึงมาหานางแต่เช่าตรู่"เจ้ามาหาแต่เช้ามีเรื่องอันใดหรือไม่""ท่านอาช่างรู้ใจข้าเสียจริง ก็เรื่องที่ท่านอาเล่าให้ข้าฟัง ข้าไปนอนครุ่นคิดทั้งคืนก็ยังค้างคาในใจอยากจะมาถามท่านอาให้รู้แจ้งเจ้าค่ะ""เรื่องอันใดอย่างนั้นหรือ""ท่านอาว่าเป็นฝีมือปีศาจจริง ๆ เช่นนั้นหรือเจ้าคะ แล้วเหตุใดถึงพึ่งมาปรากฎตัว ข้าคิดว่านี่น่าจะเป็นฝีมือของมนุษย์เสียมากกว่าเจ้าค่ะ""แล้วมนุษย์จะทำเช่นนี้ทำไมกันไม่เห็นจะได้ผลประโยชน์อันใด""แล้วปีศาจจะทำเรื่องนี้ทำไมเจ้าคะ ไม่เห็นจะได้ผลประโยชน์อันใดเช่นกัน " เสี่ยวลี่เหมยแย้งคำพูดของท่านอาจนเขานิ่งเงียบเพราะคิดตามที่เสี่ยวลี่เหมยเอ่ยออกมา"นั้นสิ เช่นนั้นเจ้าก็ออกไปกินอาหารเช้าเถิดเดี๋ยวข้าจะเข้าไปในหมู่บ้านสักครู่ " ท่าน
บทที่ 14 หนีไม่พ้นหลังจากนั้นท่านอาได้เข้าครัวทำอาหารพร้อมกับลี่อินปล่อยให้ไป๋เซ่ออยู่กับเสี่ยวลี่เหมย นางเก็บเรื่องที่ท่านอามาเล่าให้ฟังอย่างถ้วนทีก็ไม่เข้าใจสักนิด ทำไมชาวบ้านถึงหูเบาเชื่อเรื่องเช่นนี้ด้วย ปีศาจเหตุใดถึงต้องการพืชผักแทนที่จะเป็นเงินทอง ยิ่งคิดยิ่งทำให้ปวดหัว เสี่ยวลี่เหมยจึงได้ออกมาเดินรับลมด้านนอกไม่นานลี่อินก็ได้ตามไปกินอาหารเย็น หลังจากกินอาหารเย็นเสร็จทานอาก็ได้กำชับไม่ให้เสี่ยวลี่เหมยออกมาด้านนอกอีก เพราะนางเกรงว่าหลานสาวจะเสียสติหากได้พบปีศจจอย่างชายฉกรรจ์ที่เคยลบหลู่ราตรีมืดมิดเสียงทุกอย่างเงียบสงัดมีเพียงเสียงสายลมที่พัดผ่านกระพวนเสียงดังกระทบกันไปมา เสี่ยวลี่เหมยนอนอยู่บนเตียงนอนหนานุ่มด้วยปุ๋ยฝ้าย นางลืมตาพลิกตัวมาด้านขวาก็ต้องชะงักตกใจเมื่อเห็นท่านอ๋องมานอนเคียงคู่แถมยังมองนางด้วยสายตาหยาดเยิ้มยิ้มกว้างอ่อนหวาน อย่างไม่เคยพบเห็นมาก่อน"กรี๊ด! นี่ท่านอ๋องมาอยู่ในห้องหม่อมฉันได้อย่างไรเพคะ แถมไม่ใช่มาอยู่ธรรมดาแต่มานอนร่วมเตียงกับหม่อมฉัน ออกไปเดี๋ยวนี้นะเพคะ" เสี่ยวลี่เหมยกรี๊ดร้องใช้มือผลักไสให้ใบหน้าของจวิ้นอ๋องออกห่างตนพรางขยับกายหนี แต่ทว่าจวิ้นอ๋องจ
บทที่ 40 ให้โอกาสความรักอีกครั้งหลายวันต่อมาเสี่ยวลี่เหมยยังคงไม่ฟื้นนางนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้สึกตัว ไป๋เซ่อลี่อินคอยพลัดเปลี่ยนกันมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ตลอด"เมื่อไหร่เจ้าจะฟื้นเสียที รีบฟื้นมาเถิดต่อให้เจ้าจำข้าไม่ได้หรือชิงชังข้าเพียงใดข้าก็ยอม "เจียวหั่วจับมือของนางแน่นมองใบหน้าที่หลับสนิทพร้อมอ้อนวอนให้นางฟื้น ตอนนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้วลมพัดเข้ามาทางหน้าต่างให้ความรู้สึกหนาวเย็น เจียวหั่ววางมือของนางไว้แนบกายนางก่อนจะเดินไปปิดหน้าต่างเพื่อไม่ให้ลมเข้ามาได้ ก่อนจะเดินมาที่เตียงพร้อมดึงผ้าห่มมาห่มกายให้นาง"เจ้ารีบฟื้นมาเสียที ต่อให้เจ้าอวบอ้วนเช่นดั่งเมื่อก่อน ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่เฉยชาเมินเฉยต่อเจ้า เจ้ารอคอยให้ข้าสนใจเจ้ามาตลอดมิใช่หรือ? และข้าก็มีเรื่องอีกเรื่องที่ยังไม่ได้บอกเจ้าเลย ว่าตอนนี้ข้ารักเจ้าเพียงใด แม้ว่าข้าจะรู้ตัวช้าแต่ตอนนี้ทั้งหัวใจของข้ามีเพียงเจ้า เจ้าได้ยินหรือไม่พระชายาของข้า""จริงหรือ แล้วรักหม่อมฉันเมื่อไหร่กันเพคะ" น้ำเสียงแหบพร่าได้เอ่ยขึ้นเสี่ยวลี่เหมยนางรู้สึกตัวในตอนแรกนางคิดว่าตนเองจะตายไปแล้วเสียอีกแต่ทว่านางได้ไปพบกับลู่เพ่ยตั
บทที่ 39 เสี่ยวลี่เหมยได้รับบาดเจ็บฝั่งด้านซีเหนี่ยวกับสาวใช้ที่ร้อนรนหัวใจเป็นห่วงเสี่ยวลี่เหมยนานมากแล้วที่นางกับท่านอ๋องหายตัวไปไม่กลับมาเสียที ซีเหนี่ยวไม่อาจจะนั่งติดเก้าอี้เดินไปมาอย่างร้อนใจ ไม่นานนักเสียงฝีเท้าของม้าได้วิ่งเข้ามาในเรือนทุกคนรีบเดินออกไปดูก็พบว่าบัดนี้ท่านอ๋องได้อุ้มร่างของเสี่ยวลี่เหมยที่หมดสติเสื้อผ้าเปื้อนไปด้วยเลือด ซีเหนี่ยวทรุดตัวลงเป็นลมที่เห็นหลานสาวของตนเองได้รับบาดเจ็บ"ซีเหนี่ยว ซีเหนี่ยวเจ้าคะลี่อินรีบพาซีเหยี่ยวไปนั่งก่อนข้าจะรีบไปดูคุณหนู" แม้ว่าพวกนางแตกตื่นแต่ตอนนี้นายหญิงของตนต่างดูแลตนเองไม่ได้ไป๋เซ่อรีบตั้งสติเรียกลี่อินที่ยืนตัวสั่นเทาดวงตาเริ่มสั่นคลอนคล้ายจะร้องให้ตั้งสติ"คุณหนู คุณหนูของข้า ฮื้อ ๆ""นี่ลี่อินเจ้าจั้งสติพาซีเหนี่ยวเข้าไปด้านในก่อนเร็วเข้า ""อื้อ ๆ " ลี่อินปาดน้าตาประคองร่างซีเหนี่ยวเข้าไปด้านในส่วนไป๋เซ่อรีบวิ่งมาหาเสี่ยวลี่เหมย"ท่านอ๋องเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูเพคะ""ลู่เพ่ยได้รับบาดเจ็บ เจ้ารีบไปเตรียมน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดเลือดมาให้ข้าโดยเร็ว " เจียวหั่วอุ้มร่างของเสี่ยวลี่ไปที่ห้องพักของนาง ไป๋เซ่อรีบไปทำตามที่ท่านอ๋องบอกอ
บทที่ 38 ข้าไม่ได้ตั้งใจทั้งสองต่อสู้ฟาดฟันเพลงดาบกันอย่างดุเดือดฝุ่นคละคลุ้งเต็มอากาศ เจียวหั่วแม้จะมีฝีมือเก่งกาจแต่ทว่าฮุ่ยเจินมีแรงเหลือมากกว่า ทำให้เขาได้พลาดท่าโดนฟันเข้าที่แขนข้างขวาจนล้มลงกับพื้น ดาบกระเด็นออกไปไกลห่างตัว"แฮ่ก ๆ! " เสียงเหนื่อยหอบของทั้งสองดังระงม"ฮุ่ยเจินต่อให้เจ้าจะฆ่าพวกข้าได้แต่เจ้าเปลี่ยนแปลงทุกอย่างไม่ได้หรอกนะ ตอนนี้ทางการได้จับกุมท่านพ่อของเจ้ายึดของที่เจ้าได้ขโมยจากชาวบ้านเพื่อเป็นหลักฐานแล้ว อีกไม่นานทหารของข้ากำลังตาม เจ้าหนีไม่พ้นหรอกนะ" เพราะเห็นว่ามีเพียงฮุ่ยเจินเพียงคนเดียวเจียวหั่วจึงสั่งให้องครักษ์พร้อมกำลังทหารไปที่เรือนของท่านพ่อฮุ่ยเจินเพราะเกรงกลัวว่าเขาจะหนีไปเสียก่อน"หยุดปากไปซ่ะ หากข้าถูกจับอย่างไรก็ต้องตายสู้ฆ่าพวกท่านทั้งสองให้ตายไปพร้อมกับข้าไม่ดีกว่าหรือ?? " เสี่ยวลี่เหมยเห็นเจียวหั่วได้รับบาดเจ็บรีบวิ่งเข้ามาห้ามฮุ่ยเจินทันที"คุณชายฮุ่ยเจิน!! หยุดเถอะนะข้าไม่เชื่อหรอกว่าท่านเป็นคนไม่ดี ข้ารู้ว่าที่ผ่านมาท่านไม่ได้แสร้งเป็นคนดีความรู้สึกที่ท่านมีต่อพวกเรานั้นเป็นความรู้สึกของท่านจริง ๆ ไหนท่านเคยบอกรักข้า ความรู้สึกที่ท่านมีต่อ
บทที่ 37 ผู้อยู่เบื้องหลังแต่ทันใดนั้นเองก่อนที่ดาบจะฟาดลงมาที่บ่าของเสี่ยวลี่เหมยมีดาบอีกด้ามมาขวางเสียก่อน เจียวหั่วดีใจที่เสี่ยวลี่เหมยปลอดภัยแม้ไม่รู้ว่าบุรุษที่โผล่เข้ามาช่วยนั้นคือผู้ใด เขาสวมชุดสีดำคล้าย ๆ คนกลุ่มนี้ปกปิดใบหน้าด้วยเช่นกันแต่ก็มองออกเพราะชุดเนื้อผ้าคนละแบบ"ทำไมต้องมาขวางด้วย ข้าจจะจัดการสตรีนางนี้" ชายที่จะฆ่าเสี่ยวลี่เหมยเอ่ยถามชายที่ปรากฏตัว แต่ทว่าเขาไม่ตอบอันใดฟาดดาบไม่ยั้งจนชายชุดดำล้มลงพลาดท่า เขารีบคว้าตัวเสี่ยวลี่เหมยขึ้นมาจะพาหนี เสี่ยวลี่เหมยลืมตาเพราะได้ยินเสียงต่อสู้กันนางมองอย่างแน่ชัดผู้ที่มาช่วยคือคุณชายฮุ่ยเจินไม่ผิดแน่ เมื่อเขาคว้าตัวของนางมาประคองจะให้นางขึ้นหลังจะได้หลบหนีทัน เสี่ยวลี่เหมยยอมขึ้นหลังเขาแต่โดยดี เจียวหั่วจึงตะโกนมาบอกเขา"ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นใครแต่ท่านหวังดีกับนางข้าฝากให้ท่านดูแลนางอย่าให้ได้รับบาดเจ็บ" เขาจับเสี่ยวลี่เหมยขึ้นหลังพยักหน้าให้เจียวหั่วก่อนจะวิ่งหนี้ไปโดยเร็ว ส่วนเจียวหั่วก็ยังคงต่อสู้กับชายที่เหลืออีกคน จนในที่สุดเจียวหั่วก็ได้จัดการจนไม่เหลือสักคนไม่นานกลุ่มขององครักษ์พร้อมทหารที่ตามมาจากวังหลวงได้เดินทางมาอ
บทที่ 36 ตามคนร้ายเสี่ยวลี่เหมยวิ่งสุดแรงจนตามไปพบกลุ่มชายที่ปกปิดใบหน้าพูดคุยกันเพื่อแยกย้ายเพราะตอนนี้ถูกจับได้เสียแล้ว"ตอนนี้พวกเราต้องแยกย้ายก่อน เมื่อครู่ข้าถูกคุณหนูของเรือนนั้นจับได้""ทำไมเจ้าถึงทำงานพลาดเช่นนี้งั้นเอาตามนี้แยกย้ายก่อนจะถูกจับได้อีก" เสี่ยวลี่เหมยจะออกไปยืนกรานแต่ก็ต้องถูกองครักษ์ของเจียวหั่วเข้ามาห้ามเสียก่อน"คุณหนูอย่าทำอันใดบุ่มบ่ามคนพวกนี้มีมากกว่าที่เราเห็นขอรับ จะเกิดอันตรายได้""แล้วเจ้าจะให้ข้าทำเช่นใดจะให้ปล่อยไปอย่างนั้นหรือแล้วก็ไปทำเช่นนี้กับชาวบ้านอีกอย่างนั้นหรือ""ลู่เพ่ยเจ้าใจเย็นก่อน องครักษ์ของข้าได้ตรวจตราดูคนพวกนี้มีมากกว่าเรา ข้าว่าเรากลับเรือนไปตั้งหลักเสียก่อน ตอนนี้ท่านอาของเจ้าเป็นห่วงเจ้ามากเลยรู้หรือไม่!! " เจียวหั่วที่ตามมาถึงคว้ามือของเสี่ยวลี่เหมยให้หยุดตามคนพวกนั้น"ไม่เพคะ หากท่านอ๋องเกรงกลัวคนพวกนั้นก็ทรงปล่อยหม่อมฉัน เพราะหม่อมฉันไม่กลัวเลยสักนิดการตายเจ็บเพียงตอนที่เรายังไม่หมดลม แต่เมื่อเราหมดสติเมื่อไหร่ก็ไม่เจ็บปวดอันใดแล้วเพคะ " สายตาดุดันน้ำเสียงแข็งกร้าวของเสี่ยวลี่เหมยเปล่งออกมาจนเจียวหั่วต้องตกใจ เขาไม่เคยเห็นสีหน้
บทที่ 35 แปลงผักถูกทำลายมาถึงเรือนท่านอารีบปิดประตูเรือนอย่างเร่งรีบ ก่อนจะจับเสี่ยวลี่เหมยให้นั่งที่เก้าอี้เพื่อพูดให้หลานสาวตนเองเปลี่ยนใจ"ลู่เพ่ยเจ้าเห็นหรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าว่าเจ้าเปลี่ยนใจเก็บผักไปขายที่ตลาดหมู่บ้านเราเถอะนะ แม้จะได้ไม่มากแต่ยังดีกว่าไม่ได้ข้ากลัวว่าเจ้าจะเจอเช่นดั่งท่านลุง" ซีเหนี่ยวอ้อนวอนขอให้เสี่ยวลี่เหมยเปลี่ยนใจแต่มีหรือที่นางจะกลัวและยอมเปลี่ยนใจอย่างที่ท่านอาขอ"ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่เปลี่ยนใจข้าไม่เชื่อหรอกนะเจ้าคะว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของปีศาจบ้าบออะไรนั่น คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดในเรื่องนี้คือเฒ่าแก่เจ้าของร้านรับซื้อผักมิใช่หรือเจ้าคะ ไม่แน่นี่อาจจะเป็นฝีมือของเขาก็ได้ ข้าจะทำให้ชาวบ้านได้เห็นเองว่าหากข้าไปขายที่อื่นจะไม่มีอันใดเกิดขึ้น" เสี่ยวลีเหมยโมโหแทนชายชราที่ถูกทำลายแปลงผัก และนางก็ไม่กลัวที่ท่านผู้เฒ่าข่มขู่อีกด้วย "ไม่ได้นะ!!! หากเกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าข้าจะเอาหน้าที่ไหนไปพบท่านพี่""ซีเหนี่ยวท่านเบาใจเถิด หากนางอยากจะนำผักไปขายที่หมู่บ้านอื่นข้าจะไปเป็นเพื่อนนางเองท่านไม่ต้องห่วง หากมีข้าอยู่เคียงข้างข้าไม่ให้นางได้รับอันตรายแน่นอน " เสี่ยว
บทที่ 34 เพราะไม่เชื่อฟังเจียวหั่วเดินมาถึงห้องโถงเห็นเสี่ยวลี่เหมยจัดโต๊ะรินน้ำสำหรับทุกคนเขารอยยิ้มบนใบหน้าช่างทำให้เขามีความสุขเป็นอย่างมากที่เห็นรอยยิ้มของนางเช่นนี้ "วันนี้มีเรื่องอันใดดี ๆ หรือไม่เจ้าถึงได้จัดเตรียมทุกอย่างด้วยตนเองเช่นนี้" "ท่านอ๋องมาแล้วหรือเพคะ เชิญนั่งที่เก้าอี้ก่อนนะเพคะ""เจ้าไม่สบายหรืออย่างไรถึงได้เอ่ยวาจาดี ๆกับข้าเช่นนี้ข้าชักไม่ชินแล้วสิ" "เฮ้อ!! นี่ท่านอ๋องวันนี้หม่อมฉันอารมณ์ดี แถมยังดีมากท่านอ๋องช่วยอย่าเอ่ยวาจากวนใจให้หม่อมฉันมีอารมณ์ขุ่นมัวได้มั้ยเพคะ""ก็ได้ ๆ ข้าชักอยากรู้แล้วสิว่าเจ้าอารมณ์ดีเรื่องอะไรกัน""รอท่านอามาก่อนเพคะหม่อมฉันจะได้เล่าครั้งเดียว"พูดจบท่านอาได้เดินมาพอดี "ข้ามาแล้ว เจ้ามีเรื่องอันใดดี ๆ รีบเล่ามาเถิดข้าเองก็อยากรู้เช่นกัน"ซีเหนี่ยวนั่งลงที่เก้าอี้ของตนเอง เสี่ยวลี่เหมยตักข้าวใส่ถ้วยให้ทุกคนนั่งลงที่ตนเองพร้อมเอ่ยปากเล่าให้ทุกคนฟัง"เช่นนั้นกินไปด้วยเล่าไปด้วยแล้วกัน วันนี้ข้าได้ออกหาร้านรับซื้อผักมาเจ้าค่ะ มีร้านที่ให้ราคาดีกว่าที่ตลาดของหมู่บ้านเราเสียอีกนะเจ้าคะท่านอา ข้าว่าจะนำไปขายที่นั่นเจ้าค่ะ""ดี! นับว่าเป็
บทที่ 33 หาตลาดสองวันผ่านมา เสี่ยวลี่เหมยเดินหาตลาดจนทั่วแต่ในหมู่บ้านนี้มีเพียงที่เดียวที่รับซื้อคือร้านที่นางไปซื้อเมล็ดพันธุ์นั้นเอง แต่ทว่าราคาเอาเปรียบคนปลูกเหลือเกิน "เฮ้อ ! สงสัยวันรุ่งขึ้นข้าคงต้องเดินทางไปที่หมู่บ้านข้าง ๆแล้วล่ะ""ทำไมเจ้าคะ " ลี่อินสงสัยได้เอ่ยถามขึ้นมา"เจ้าไม่เห็นหรือไงว่าเฒ่าแก่ให้ราคาเราเพียงเล็กน้อย การที่เราจะขายของเราต้องหาตลาดร้านที่รับซื้อในราคาที่สูงกว่าเราถึงจะคุ้มค่าได้กำไร ""อืม คุณหนูของข้าช่างรอบรู้เรื่องกำไรด้วยหรือเจ้าคะ""ของเช่นนี้ต้องรู้อยู่แล้วสิ" "คุยเรื่องอันใดกันอยู่หรือใบหน้าของท่านถึงได้ดูเคร่งเครียดเช่นนี้" ฮุ่ยเจินเดินเข้ามาหาเสี่ยวลี่เหมยที่นั่งอยู่ศาลารับลมในเรือนในมือเต็มไปด้วยผักมากมาย "โอ๊ะ ! คุณชายฮุ่ยเจินมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันแล้วในมือนั้นคืออะไรหรือเจ้าคะ""ที่เรือนของข้าตอนนี้มีผักมากมายจึงนำมาฝากท่านนะขอรับ"พูดจบเขาก็ยื่นตะกร้าผักให้กับลี่อิน "ต้องขอบน้ำใจคุณชาย เชิญนั่งก่อนเถอะเจ้าคะไป๋เซ่อเจ้าเข้าไปที่ห้องครัวนำน้ำชามาต้อนรับคุณชายสิ" "เจ้าค่ะ " ทั้งลี่อินกับไป๋เซ่อเดินไปทางห้องครัวฮุ่ยเจินนั่งลงที่เก้าอี้พร้อ
บทที่ 32 ข้าเป็นห่วงเจ้าฝั่งด้านเสี่ยวลี่เหมยกำลังชื่นชมผักของนางที่ตอนนี้เติบโตจนใกล้จะเก็บเกี่ยว "ไป๋เซ่อเจ้าดูสิตอนนี้ผักของข้าเติบโตมากพอที่จะเก็บเกี่ยวแล้ว อื้มเช่นนั้นวันพรุ้งนี้เราออกไปที่ตลาดเพื่อหาที่ขายผักกันเถิด ""ได้เจ้าค่ะ " ไป๋เซ่อดีใจกับคุณหนูจริง ๆ ที่นางปลูกผักสำเร็จและงดงามขนาดนี้แต่แล้วสายตาของนางก็มองไปเห็นเจียวหั่วที่กำลังเดินตรงมาทางนี้ "คุณหนูท่านอ๋องมาเจ้าค่ะ""มาทำไมกันนะ คนกำลังอารมณ์ดี" เสี่ยวลี่เหมยหุบยิ้มทันทีพร้อมลุกขึ้นเดินไปหาเจียวหั่ว"ท่านอ๋องมาที่นี่ทำไมกันเพคะ ""ข้ามีเรื่องต้องคุยกับเจ้าไป๋เซ่อเจ้ากลับไปรอที่เรือนก่อน ""เพคะท่านอ๋อง" ไป๋เซ่อน้อมรับคำสั่งโค้งคำนับลงพร้อมเดินจากไปปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน "ท่านอ๋องมีเรื่องสำคัญอันใดจะเอ่ยกับหม่อมฉันหรือเพคะ""เมื่อคืนนี้เจ้าออกไปที่ใดมา เป็นเพียงสตรีร่างเล็กอย่างเจ้าไม่รู้จักเกรงกลัวเลยอย่างนั้นหรือ" เสี่ยวลี่เหมยชะงักในคำพูดของเจียวหั่วเล็กน้อยเขารู้ได้อย่างไรว่านางออกจากเรือนไป นางเริ่มเอะใจเดินเข้ามาใกล้จ้องใบหน้าของเจียวหั่วมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ใช้มือวัดความสูงจนเขาแปลกใจการกระทำของน