"สาม....วันนี้วันที่สาม " "เช่นนั้นท่านลุงช่วยถอดเสื้อออก แล้วนอนหันหลังให้ข้าสักประเดี๋ยว.." "หรงเอ๋อร์...เจ้าเป็นสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือน จะดูรูปร่างบุรุษอื่น ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง.." โม่เฉินรีบเอ่ยค้าน "เงียบปาก ข้าเป็นหมอ หรือว่าท่านเป็นหมอ.....? "ก็ต้องเป็นเจ้า..." "ก็ใช่น่ะสิ ข้าเป็นหม
หนึ่งเดือนผ่านไป...... โรงหมอเริ่มเปิดขึ้นอย่างเป็นทางการไปได้เดือนเศษ วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อนของหมอหญิงอัฉริยะ นางจึงใช้เวลาให้คุ้มค่ามากที่สุด ไปกับการพักผ่อนหย่อนใจหนึ่งวันเต็มๆ โดยไม่คิดจะขยับเขยื้อนตัวออกจากหอนอน ในช่วงนี้แผ่นมาร์คหน้าสมุนไพร กลายเป็นที่นิยมในบรรดาหมู่หญิงสาว รวมไปจนถึงหมู
*......* หรงหรงรีบดึงแผ่นมาร์คหน้าออกไปจากใบหน้าอันนวลผ่อง นางดันตัวเองให้อยู่ในท่านั่ง พร้อมกับหันไปมองสิ่งที่อยู่ในมือมารดา เมื่อสังเกตุดูดีๆ สายตาหรงหรงแทบจะตาถลนออกมาจากเบ้าตาทั้งสองข้างของนางในบัดดล.... หรงหรงรีบลุกเดินไปคว้าเศษผ้าออกจากมือโม่เฉินและมารดาอย่างรวดเร็ว ยิ่งทำให้ทั้งสองคนอยา
ณ ภูเขาลูกหนึ่ง....... นกพิราบสื่อสารบินมายังภูเขาลูกหนึ่งเพื่อส่งจดหมายเร่งด่วน ภายในภูเขาลูกนี้ยังมีเรือนหลังหนึ่งถูกสร้างเอาไว้อย่างลึกลับ เรือนหลังนี้ดูคล้ายกับเขาวงกต และยังติดตั้งกับดักไว้อีกหลายจุด เพื่อป้องกันศัตรูลอบโจมตี ซึ่งในแต่ละจุด ยังมีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง ยืนเฝ้าเวรยามกันอย่างหนาแน่
คำถามนี้สตรีตรงหน้าราวกับโดนไฟช็อต นางอึ้งไปสามวิ ในหัวนางยังคงคิดหาคำตอบไม่ได้.... "วันนี้ท่านไปกินอะไรผิดสำแดงมาอย่างนั้นหรือ....? หรงหรงพยายามรีบเปลี่ยนเรื่อง "ตอบให้ตรงคำถาม....แล้วคิดให้ดีๆก่อนที่จะตอบ..." โม่เฉินแสดงสีหน้าจริงจังขึ้นมา เพื่อรอคำตอบ "จู่จู่ท่านก็มาถามคำถามกระทันหันกับข้าเ
"คุกเข่า...!!!" หรงหรงเข็นรถเข็นเข้ามาพร้อมกับโม่เฉินได้ไม่ทันไร ก็ได้ยินเสียงหญิงชราออกคำสั่งขึ้นทันที่ หรงหรงทำตามคำสั่งมารดาโดยไม่ปริปาก แต่ที่นางรู้สึกไม่ยุติธรรมกับตัวเอง คือนางต้องคุกเข่าอยู่เพียงคนเดียว ทั้งๆเรื่องนี้ นางไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อนแท้ๆ แต่อีกคนกับนั่งอยู่บนรถเข็นได้อย่างสบายใจ
สมปรารถนากับผีน่ะซิ..... บุรุษเจ้าเล่ห์คนนี้ต่างหาก ที่สมปรารถนาอยู่เพียงคนเดียว... เมื่อเห็นว่ามารดากำลังเข้าข้างโม่เฉิน หรงหรงยิ่งรู้สึกโกรธเคืองบุรุษเจ้าเล่ห์คนนี้เพิ่มทวีคูณ.... "ไอ๋หย๋า...พวกท่านสองคน เหตุใดวันนี้ถึงได้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยขึ้นมา ข้าช่างน่าสงสารยิ่งนัก ตอนนี้กลายเป็นคนห
"นี้....เจ้าทำอะไรกับพวกข้ากันแน่..." อี้ฟูกัดฟันกรอดเอ่ยขึ้นมา อย่างโกรธแค้น "พิษที่อยู่ในตัวพวกเจ้า กำลังจะออกฤทธิ์ในไม่ช้า..." หรงหรงพูดออกไปด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย "พิษ...นี้เจ้าถึงกับวางพิษพวกข้าทุกคน เจ้าช่างเป็นสตรีที่อำมหิตเลือดเย็นจริงๆ" อี้ฟูตะโกนด่าออกไปอย่างสุดเสียง เมื่อได้รู้ว่าตนเองก
"ไม่ได้!!!...รีบกลับไปพักผ่อนเถิด อย่าได้ทำให้ข้าต้องเป็นห่วงเลยนะ.." กล่าวจบโม่เฉินรีบใช้วิชาตัวเบา อุ้มสตรีตรงหน้าหายไปกลางอากาศอย่างว่องไว "ว้ายยย....นับวันท่านช่างมีนิสัยคล้ายคลึงกับท่านแม่ของข้า กังวลไม่เข้าเรื่อง...." ถึงปากจะบ่นออกไป แต่หรงหรงก็ใช้มือกอดคอโม่เฉินเอาไว้แน่น "สำหรับข้า ร่าง
หมอหญิงคนงามรีบสวมใส่อาภรณ์แล้วเดินจั้มฝีเท้าตามอี้ฟูออกไปอย่างร้อนใจ แต่พอเดินไปถึงจุดเกิดเหตุ นางถึงกับขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างขุ่นเคือง เมื่อภาพที่เห็นตรงหน้า กับสิ่งที่คิดในหัว ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว *......* "นี้มันอะไรกันเจ้าอ้วน เจ้ากลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะไปตั้งแต่เมื่อไหร่....? "ปัดโธ่...
โม่เฉินเงียบไปชั่วขณะ ก็จะเอ่ยออกมาเพื่อให้สตรีตรงหน้าคลายกังวล "ข้าก็อยู่แต่ในห้องตำรา จะออกไปที่ไหนได้ หมู่บ้านแห่งนี้ข้าไม่รู้จักมักคุ้นกับใครเลยสักคน เจ้าเองก็น่าจะรู้ดี..." "ให้มันจริงเถอะ อาเฉิน....หากท่านกล้าโกหกข้า ท่านก็น่าจะรู้ผลที่จะตามมาว่าเป็นเช่นไร...? หรงหรงจดจ้องมองปฎิกริยาของคนตร
ฤดูเหมันต์ผ่านพ้นไป ฤดูกาลใหม่หมุนเปลี่ยนเข้ามาแทนที่ หมอหญิงคนงามกำลังนอนแช่น้ำอยู่ในอ่างอาบน้ำภายในห้องอย่างสบายใจ "หรงเอ๋อร์...อยู่หรือไม่...? เสียงเรียกแผ่วเบาตะโกนเข้ามา แต่อีกคนภายในห้องกับกำลังนอนหลับตาพริ้มแช่อยู่ในอ่างน้ำอย่างผ่อนคลาย พร้อมทั้งกำลังฮัมเพลง โดยที่ไม่ได้สนใจเสียงรอบข้าง เ
หลังจากพูดคุยกับหญิงชรานานพอสมควร โม่เฉินก็มุ่งหน้าเดินกลับไปห้องของตนเอง แต่เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป เขาก็เห็นสตรีร่างบาง กำลังนั่งรอเขาพร้อมกับสัตว์เลี้ยงตัวน้อย อย่างใจจดใจจ่อ "ตกลงท่านคุยเรื่องอะไรตั้งครึ่งค่อนวันกับท่านแม่กันแน่...? โม่เฉินยังไม่ทันจะปิดประตูห้อง สตรีร่างบางก็ยิงคำถามขึ้นอย่า
หรงหรงเดินนำหน้าเข้ามาก่อน ยังไม่ทันที่นางจะเอ่ยปากพูด หญิงชราก็รีบออกคำสั่ง ด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวขึ้นทันที "คุกเข่า..." บุตรสาวทำตามคำสั่งมารดาโดยไม่ปริปาก พร้อมกับบุรุษต้นเรื่อง ทั้งสองคนคุกเข่าลงพร้อมกัน โดยไม่ปริปากแม้แต่คนเดียว..... "ท่านพี่ ท่านจงมองดูลูกสาวตัวดีของท่านเอาเถิด พวกเขาส
"ไปเถอะน๊า....เดี๋ยวพอถึงก็รู้เองแหละ..." เสียงถกเถียงของทั้งสองคนดังอยู่ภายในห้อง พลันมีเสียงเคาะประตูแทรกขึ้นมา ทำให้ทั้งสองคนหันไปมองทางเดียวกัน อย่างลุ้นระทึก พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา..... "หรงเอ๋อร์...นั้นลูกตื่นแล้วรึ....? เสียงหญิงชราตะโกนเรียก เมื่อเห็นว่าได้เวลาไปตรวจคนไข้ แต่ยังไม่เห็นแม
"ยังจะมีหน้ามายิ้มอีก ท่านเกิดปีหมาหรืออย่างไร ร่องรอยพวกนี้ท่านจงใจฝากไว้บนเรือนร่างข้าชัดๆ...." หรงหรงค่อยๆเลื่อนสายตามองไปทั่วเรือนรางของตนเองอย่างอ่อนระทวย ก่อนจะหันไปมองโม่เฉิน ฉายแววตาเขียวปั๊ดใส่เขา "ข้าเกิดปีกระต่าย มิได้เกิดปีหมาเสียหน่อย..." "โม่เฉิน....นี้ท่านกำลังยอกย้อนคำพูดข้าอยู่ส
"อ่ะ...." หรงเอ๋อร์ส่งเสียงร้องครางออกมาเบาๆด้วยความเจ็บ ริมฝีปากหนาเลื่อนลงจากคอไปที่กระดูกไหปลาร้า ร่างกายหรงหรงเหมือนถูกกระตุ้น ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างกอดรัดเขาเอาไว้แน่น "หรงเอ๋อร์ รีบปล่อยมือออกบัดเดี๋ยวนี้.." โม่เฉินกำลังจะพูดต่อ แต่ถูกหรงหรงดึงเขาลงมาจูบแทน พลันมุมปากของบุรุษยกยิ้มขึ้นม