Home / รักโบราณ / ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช / ตอนที่ 47 ท่านพี่ นั่นนักบวชนะ

Share

ตอนที่ 47 ท่านพี่ นั่นนักบวชนะ

last update Last Updated: 2025-01-28 02:57:15

"มี่เอิน?" เสียงในความมืดตอบกลับมาด้วยความแปลกใจ

เหรินโยว่หลุนไหนเลยจะไปคาดคิดว่าจะเจอนางที่นี่ และสภาพเช่นนี้ มองสองคนที่ตนส่งให้ดูแลนางตลอดการเดินทางวิ่งตามมาด้านหลังไม่ไกลก็โล่งใจขึ้นมานิดหนึ่ง คิดว่านางโดนใครทำร้ายแล้ววิ่งหนีมาและเผอิญเจอเขาพอเข้าดีเสียอีก

"ฝ่าบาท!" ร่างบางพุ่งเข้ามาประชิดตัวของเหรินโยว่หลุน มือเล็กจับรอบลอยเลือดแผ่วเบา ท่าทางระแวดระวังไม่ได้สัมผัสตรงกลางรอยโดยตรงเพราะกลัวจะไปโดนแผลของเขาเข้า

ยามนี้จางเฉินและหวงตงก็มาถึงพอดี เมื่อได้รู้ว่าจูมี่เอินเรียกคนตรงหน้าว่าอะไรพวกเขาก็รีบก้มหน้าลงไม่กล้ามองพระพักตร์ฮ่องเต้โดยตรง ทั้งคู่มีสีหน้ากังวลขึ้นมา ตอนได้ภารกิจนี้คิดว่าง่ายมาก รอเพียงพาท่านนักบวชหลวงกลับไปก็จะได้เลื่อนขั้นไปอีกขั้น แต่พอตอนนี้มาเจอฮ่องเต้เข้าระหว่างทางก็รู้ว่าตนนั้นได้ทำงานพลาดแล้วที่ไม่ส่งท่านนักบวชหลวงกลับให้ถึงวังตั้งแต่แรก

แต่เมื่อทหารทั้งสองสังเกตรอบกายก็คล้ายมีกลิ่นเลือดปะปนในอากาศ จึงพากันเงยหน้าขึ้นมอง ตอนนั้นถึงได้เห็นเสื้อของฮ่องเต้มีรอยเลือดอยู่ พวกเขาเตรียมท่าจะเข้าไปช่วยกลับถูกฝั่งตรงข้ามยกมือขึ้นห้ามก่อน

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 48 ที่แท้ก็เข้าใจผิด

    "มี่เอิน ข้าช่วยประคองเสด็จพี่เอง" เป็นเหรินเยว่เทียนที่พูดขึ้นอย่างจงใจ มุมปากตอนนี้ก็กดยิ้มไว้แน่นพยายามกลั้นรอยยิ้มไว้สุดฤทธิ์ แต่แววตากับเป็นประกายระยิบระยับไม่อาจซ้อนไว้ได้ จูมี่เอินหันเพิ่งจะหันไปสนใจสามคนที่ตามมา ดวงตากลมโตกระพริบสองสามครั้ง นั่นสิ ให้พวกเขาช่วยน่าจะพาฮ่องเต้กลับไปได้ไวยิ่งกว่า "ใครอยากให้เจ้าช่วยกัน!" เหรินโยว่หลุนยืดตัวขึ้นเอามือพ่ายหลังท่าทางวางอำนาจ แถมยังแผ่กระจายความกดดันรอบตัวใส่ผู้อื่นอีกด้วย จูมี่เอินถึงกับผละออกมามองท่าทางของเขาอีกที ไม่เจ็บแล้ว? หรือยังทนไหว? พลันมีคำถามในหัวขึ้นมากมาย ตอนนั้นองค์รักษ์ส่วนพระองค์ก็ปรากฏกายขึ้นด้านหลังของเหรินโยว่หลุนและกล่าวว่า "จัดการด้านในเรียบร้อยแล้วพะยะค่ะ" เป็นฟางอี้นั้นเอง จูมี่เอินเมื่อได้ยินเข้าใจได้ในทันที นิมิตรนั้นคนที่ได้รับบาดเจ็บหรือถึงขั้นเสียชีวิตไม่ใช่ฮ่องเต้ของตน กลับเป็นอีกคนที่อยู่ในห้องนั้น เลือดบนตัวนี้หาใช่ของฝ่าบาทไม่ เพราะนางไม่เห็นบาดแผลของเขาเลย น่าจะเป็นเลือดของอีกฝ่าย แล้วเลือดของอีกฝ่ายจะมาเปื้อนเขาขนาดนี้ได้ยังไงถ้าเขาไม่ได้อยู่ใกล้ขนาดระยะปะชิด และเป็นคนล

    Last Updated : 2025-01-28
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 49 ไม่ควรสงสัยในตัวเขา

    จูมี่เอินกลับมาก็ได้อาบน้ำชำระร่างกายเปลี่ยนชุดเตรียมเข้านอน นางหยิบผ้าคลุมที่เปื้อนเลือดขึ้นมาจากโต๊ะน้ำชากลางห้อง ดีที่มันค่อนข้างหนาทำให้ไม่ไปเลอะชุดด้านในของนางที่เป็นสีขาว ชุดพระราชทานนั้นหากเสียหายขึ้นมานางคงโดนโทษหนักเป็นแน่ ถึงคนที่ทำเลอะจะเป็นคนที่ให้นางมาก็ตามเถอะ เหม่อมองดูผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มที่เปื้อนเลือดคิดว่าซักยังไงก็คงไม่ออกนางเลยตัดสินใจทิ้งไป "ท่านนักบวชหลวง" พลันได้ยินเสียงเรียกของสตรีดังขึ้นหน้าห้องของตน จูมี่เอินวางเสื้อคลุมลงที่โต๊ะน้ำชาตามเดิมแล้วเดินไปที่หน้าประตู "มีอะไรรึ" ยามนี้ก็ดึกมากแล้วเหตุใดนางกำนัลถึงมาเรียกนางหน้าห้องเวลานี้ "ฝ่าบาทมีรับสั่งให้เข้าเฝ้า พระองค์ทรงตรัสว่ารู้สึกไม่ดี เหมือนจะนอนไม่หลับ อยากให้ท่านนักบวชไปจุดธูปหอมและปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้เจ้าค่ะ" "ข้าเข้าใจแล้ว เจ้ารอข้าสักครู่เถิด" จูมี่เอินคิดว่าฝ่าบาทเองก็คงตกใจกับเหตุการณ์ที่ได้พบวันนี้ นางจึงรีบเดินกลับเข้าไปในตัวห้องนอนเพื่อไปเปลี่ยนชุดทันที ได้ยินว่าในรัชศกของฮ่องเต้องค์ก่อนได้ลงนามเป็นพันธมิตรกับแคว้นโดยรอบทั้งหมดแล้ว ทำให้นอกจากโรคภัยไข้เจ็บ ภ

    Last Updated : 2025-01-28
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 50 แค่บังเอิญเจอกัน

    "เหตุใดเหรินเยว่เทียนถึงมากับเจ้า?" จูมี่เอินตกใจจนเผลอเงยหน้าขึ้น ฮ่องเต้ไม่ใช่คนส่งเขามาหรือ งั้นนางควรตอบออกไปเช่นไร นางไม่ใช่คนชอบพูดปด ครั้งที่เคยโกหกออกไปนั้นก็แทบนับได้ ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งว่าให้อยู่ห่างจากอ๋องห้า นางก็คิดว่าเขาคงห่วงน้องชายตนที่มาคลุกคลีอยู่กับนักบวชที่มีชนชั้นธรรมดา แต่ต่อมาเหรินเยว่เทียนก็มาหานางที่หมู่บ้านนั้นและบอกเป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท พอตอนนี้ฮ่องเต้ทรงถามเช่นนี้ก็รู้ได้ว่าเหรินเยว่เทียนนั้นโกหก ดังนั้นตอนนี้นางควรตอบเช่นไรเพื่อให้ไม่มีใครได้รับผลกระทบดี "บังเอิญผ่านมาเจอกันเท่านั้นเพคะ" พูดจบก็ลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างอยากลำบาก มือเล็กกำถาดไม้แน่นขึ้น บังเอิญเจอ? เหรินโยว่หลุนมีสีหน้าเรียบเฉยแววตามืดดำลงหลายส่วน เขาสอบถามทหารสองคนนั้นที่ได้ส่งให้ตามจูมี่เอินไป คอยดูแลนางและอย่าให้นางออกนอกเส้นทาง ก็ได้ความว่าเหรินเยว่เทียนตามไปช่วยนางที่หมู่บ้าน นี่มันคนละทางกับคำตอบของสตรีตรงหน้าเลยนี่น่า มี่เอิน...เจ้ากลับเลือกที่จะโกหกข้าเพราะเหรินเยว่เทียน?หรือบางทีเหรินเยว่เทียนจะรู้ว่านางไม่ได้เป็นนักบวชจริงๆ ถึงได้ตามใกล้ชิดส

    Last Updated : 2025-01-28
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 51 ฮ่องเต้...หม่อมฉันเป็นนักบวช (แบบเดียวกับตัวอย่าง ไม่ต้องกดซื้อล่วงหน้า)

    "ในเมื่อเท่าที่เจ้าเล่ามา... การสัมผัสอาจทำให้เจ้าเห็นอนาคตของผู้อื่นเพิ่มมากขึ้น งั้นเรามาลองกันหน่อยดีหรือไม่?" เหรินโย่วหลุนมองหญิงสาวในชุดขาวไม่วางตา ใบหน้าสวยสะครานตาก้มหน้าลงต่ำ ผมดำยาวของนางถูกจัดแต่งทรงไว้อย่างงดงาม หัวไหล่มนเล็กที่คล้ายสามารถโดนลมพัดปลิวได้พาให้คนอยากปกป้อง ความน่าดึงดูดที่แปลกประหลาดที่เกิดจากตัวนางนั้น มาจากความสามารถพิเศษของนางหรือไม่เขาก็ไม่อาจคาดเดาได้ แต่นางกลับสามารถทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปจากนางได้เลย โดยไม่รู้ตัวทุกวันเมื่อเมื่อยล้าสายตาก็จะหันไปมองนาง ก็จะเห็นนางนั่งอยู่ต่อหน้าตนเองตลอด อยู่ในห้องทรงอักษรด้วยกันกับเขา นั่งหลับตาคล้ายตัดตนออกจากโลกภายนอก ยามนางจากไปเพียงไม่กี่วันเขาก็แทบทนไม่ไหว รู้ตัวอีกทีก็ต้องการเอาเชือกมาผูกมัดนางไว้กับเขาตลอดเวลาเสียแล้ว หากพูดถึงถ้านางไม่ได้เป็นนักบวช ใบหน้าเช่นนี้คงถูกจับมาเป็นบุตรสาวบุญธรรมของพวกขุนนางไปแล้ว คนพวกนั้นต้องการอำนาจมากมายเพียงใดทำไมเขาจะไม่รู้ ต่อจากรับนางมาเป็นบุตรสาวแล้วก็คงจับนางแต่งเข้ามาเป็นสนมของเขาเป็นแน่ ทว่ายามนี้นางกลับสวมอาภรณ์ของนักบวชหญิง ใครอยากทำเช่นนั้นก็ทำได้แ

    Last Updated : 2025-01-28
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   52 คนโกหกต้องโดนลงโทษ +++

    "ฮ่องเต้...หม่อมฉันเป็นนักบวชนะเพคะ!" "ข้าให้เจ้าพูดอีกรอบ" มองริมฝีปากบางของนางแล้วจิตใจด้านมืดของเขาก็รู้สึกอยากทำให้มันบวมขึ้นมา เมื่อครู่เขาแค่ประกบปากลงไปสัมผัสแผ่วเบาเท่านั้น ยามนี้คนที่กำลังอยู่ในแขนของตนก็หน้าแดงไปจนถึงใบหู ปากก็ยังคงโกหกเขาไม่เลิก นางคิดว่าเขาเป็นใครกัน ฮ่องเต้ของแคว้นจะโดนนางหลอกได้โดยง่ายรึยังไง "หม่อมฉันเป็นนักบวชเพคะ!" นางย้ำด้วยสีหน้าจริงจัง จ้องมองเขาตาไม่กระพริบ ทั้งยังมีความโกรธเจือปนอยู่ในน้ำเสียงใสกังวาลของนาง "เจ้าคือนักบวช?" เขาถามย้ำอีกรอบ มุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ พลางผลักนางลงบนที่นอนของตนเอง ใช้แขนสองข้างของตนคร่อมนางไว้ แถมยังลงแรงนั่งทับเอวของนางไว้อีกด้วย "..." คนตัวเล็กพยักหน้าหลายทีเพื่อยืนยันสิ่งที่ตนพูดออกไป ไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องถึงดำเนินมาเป็นเช่นนี้ได้ ท่าทางที่เขากระทำอยู่มันช่างล่อแหลมจนเกินเลยที่ต้องการจะรู้นิมิตรของนางจากการสัมผัสร่างกายกันมากไปแล้ว จูมี่เอินไม่อาจสู้แรงเขาได้ ต่อให้สู้ได้ก็ไม่กล้าผลักเขาออกอีกรอบ ด้วยกลัวหัวจะหลุดออกจากบ่า มองคนที่เสื้อผ้าหลุดลุยจนเห็นแผงอกแข็งแกร่งอย่างชัดเจนก

    Last Updated : 2025-02-25
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   53 ไม่อาจหลีกหนี ++

    "ฝ่าบาท!" จูมี่เอินรู้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้น นางส่ายหน้า ขอร้องเขา "อย่า...หม่อมฉันขอร้องเพคะ" มือเล็กที่กุมมือเขาไว้บีบแน่นขึ้น หัวใจดวงน้อยราวกลับหยุดเต้นไปแล้วก็กลับมาเต้นใหม่อีกทีด้วยความตกใจกลัว นางส่ายหน้าไปมา แต่ฮ่องเต้ที่นั่งทับนางกลับยกยิ้มชอบใจที่เห็นนางมีท่าทีเช่นนี้ จูมี่เอินขอถอนคำพูดที่เคยคิดว่าเขามีจิตใจที่เมตตาต่อปวงประชา นางเองก็เป็นคนใต้อาณัติของเขา ต่อให้เขาเป็นฮ่องเต้แล้วสามารถบังคับนางได้หรือ นิสัยเสียเกินไปแล้ว เหรินโยว่หลุนดึงข้อมือที่ถูกกุมไว้ออก คล้ายเล่นแข่งจ้องตากับนางขณะลงมือถอดอาภรณ์บนตัวที่ยังถอดไม่เสร็จออกไป ตุบ เขาโยนเสื้อคลุมของตนไปที่พื้นข้างเตียง จูมี่เอินหันมองตามเสื้อคลุมนั้นแต่แล้วก็ถูกมือใหญ่จับใบหน้าให้หันกลับมามองตน ถึงยามนี้คนที่อยู่ในศีลในธรรมมาตลอดได้เห็นรูปร่างกำยำตรงหน้าก็ถึงกับลอบกลืนน้ำลายเบิกตาโตมองเขา ก่อนหน้านี้ที่เข้ามาในห้องและเห็นแผ่นอกของเขานางก็ไม่ได้รู้สึกอันใด แต่พอรู้ว่าเขาจะทำอะไรและถอดอาภรณ์ออกเช่นนี้ก็ใจไม่ดีขึ้นมา ผิวของเขาขาวเนียนไร้รอยแผลเพราะไม่เคยออกรบ แต่กลับมีรูปร่างเหมือนนักดา

    Last Updated : 2025-02-25
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   54 ข้าชอบเจ้า ++

    "ตอบ" จูมี่เอินไม่ตอบกลับ คิดจะต่อต้านอีกครั้ง ทว่าเมื่อร่างสูงก้มตัวลงมานางก็รีบตอบออกไปทันทีน้ำเสียงที่ลนลาน "ไม่ ไม่ชอบเพคะ" เหตุใดต้องมาคาดคั้นนางเสียให้ได้ หรือฮ่องเต้ทรงห่วงว่าน้องชายเขาจะมาโดนนางหลอกหรือไร "งั้นเจ้าก็มีชายอื่นในดวงใจ?" "หม่อมฉันไหนเลยจะมีคนที่ชอบ คนที่มาเกี้ยวยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ" วันๆ อยู่เพียงในอาราม ใครจะมาสนใจนาง ต่อให้มาเกี้ยวนางก็คงไม่สน ทุกวันเฝ้าแต่รบเร้าอาจารย์ให้ทำพิธีให้นาง เรื่องความรักนางหาได้เคยใส่ใจ ตอนนี้เองจูมี่เอินก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบุรุษที่นางชวนพวกเขาบวชเข้าอารามนั้นสนใจในตัวนาง "หึ" เหรินโยว่หลุนกลับมาอารมณ์ดีอีกครั้ง มือใหญ่เริ่มลงมือปลดปมเชือกที่อาภรณ์ของจูมี่เอินออก "ฝ่า ฝ่าบาท" นางดึงมือเขาไว้ "หม่อมฉันขอทรงประทานอภัยเพคะที่โกหกพระองค์ อย่าทรงทำเช่นนี้เลย" เสียงเล็กนั้นเว้าวอนและร้องขอ มือที่จับเหรินโยว่หลุนอยู่ก็สั่นไม่น้อย "ข้าไม่รูปงามหรือ" ในเมื่อนางไม่ได้มีน้องชายของเขาหรือใครในใจ เขาก็จะค่อยตะล่อมนางให้ชอบเขาทีละนิด พูดไปมือก็กระตุกปมชุดนักบวชของนางออกไปด้วย มือเล็กนั้นที่จับมือเขาไว้ก็

    Last Updated : 2025-02-27
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   55 ค่ำคืนนี้ยังอีกยาว +++

    ยามที่ไล่จมูกลงไปที่หน้าอกของนางก็ได้ยินเสียงนางร้องห้ามอีกครั้ง "ไม่ อ่ะ ไม่..." เสียงนั้นสั่นคลอนทำเอาคนฟังขนลุกชันไปทั้งตัว เหรินโยว่หลุนงับปากลงที่หน้าอกของนาง ออกแรงดูดดึงปลายดอกบัวผ่านเอี๊ยมตัวบางเกิดเป็นรอยน้ำเป็นดวงๆ ด้านบน ทำให้เห็นยอดดอกบัวตูมที่แข็งชูชันผ่านผ้าที่เปียกน้ำ "เจ้ากล้าสั่งให้ข้าหยุดหรือ?" นางไม่ใช่ไม่มีอารมณ์ร่วมเสียหน่อย หน้าอกที่ก่อนนี้ยังนุ่มนิ่มอยู่ก็หดตัวลงนิดๆ เพราะคนใต้ร่างเองก็เริ่มทนกับการรบเร้าจากเขาไม่ไหว ยามนี้ที่เขาบีบมือลงไปก็เด้งดึ๋งสู้มือไม่หยุด เมื่อถามจบแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองนางก็ได้เห็นแววตาเว้าวอนขอร้องที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา ท่าทางบอบบางราวกับจะสลายไปหากเขาไม่ยอมปล่อยนางไปนั้นยิ่งทำให้เขาไม่อาจปล่อยนางไปได้มากกว่าเดิมเสียอีก...มี่เอิน เจ้ายั่วยวนข้ามากเกินไปแล้ว "..." จูมี่เอินไหนเลยจะกล้าออกคำสั่งเขา นางกัดริมฝีปากลงพยายามห้ามเสียงของตัวเองไว้ ศีรษะของฮ่องเต้ย้ายจากฝั่งซ้ายมาทางขวา เริ่มดูดดึงหน้าอกของนางผ่านอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายบนร่าง นี่ขนาดเขาเพียงแค่สัมผัสมันผ่านเอี๊ยมความร้อนจากลิ้นนั้นก็ยังคงรับรู้ได้อย่างชัดเจน เอว

    Last Updated : 2025-02-27

Latest chapter

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 8

    วันสถาปนา กัวเจียงมิ่งยืนอยู่รวมกับผู้คนสองฟากฝั่งของทางเดินในงานพิธี ดวงตาคู่คมมองสตรีตัวเล็กที่แต่งชุดเต็มยศ บนหัวเล็กๆ นั้นประดับไปด้วยเครื่องหัวหลากชิ้น ท่าทางการเดินที่มั่งคง ใบหน้าที่เรียบนิ่งแต่เป็นมิตร อาภรณ์สีแดงสดที่นางสวมคือลายหงษ์ปักด้วยด้ายทอง พอเห็นลูกศิษย์ใส่ชุดนี้แล้วก็นึกถึงวันแรกที่เจอกัน ยามนั้นเด็กน้อยก็สวมชุดสีแดงอยู่บนหลังของอาชาตัวใหญ่ คนตัวเล็กควบม้ามาหานางที่ลอยน้ำมาติดอยู่ข้างทาง กระโดดลงจากม้าด้วยความคล่องแคล่ว ออกแรงลากนางให้ห่างจากแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว "แม่นาง แม่นางทำใจดีๆ ไว้ ข้าจะช่วยท่านเอง" นั่นคือคำที่จูมี่เอินกล่าวกับนางในครั้งแรกที่เจอกัน กัวเจียงมิ่งคิดว่าตนจะตายอยู่ที่นั่นเสียแล้ว นางได้รับบาดเจ็บมีแผลหลายแห่งแล้วพลัดตกน้ำมาไกล อีกทั้งที่ซึ่งนางพยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาจากแม่น้ำนั้นก็ห่างไกลไร้ผู้คน แถมทางด้านหน้าที่สตรีชุดแดงควบม้าผ่านมายังมีต้นไม้และหญ้าหนาทึบ ต่อให้มีคนผ่านมาก็ไม่น่ามองเห็นนาง ทว่าสตรีตัวเล็กผู้นี้มาจากไหนไม่รู้ ราวกับตั้งใจมาหานางโดยเฉพาะ คนตัวเล็กสั่งม้าให้นั่งลงแล้วยกนางที่ตัวใหญ่กว่าให้ขึ้นไ

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 7

    "เพราะนางคือหัตถ์เซียน นามเดิมของอาจารย์คือกู่เฟยเซียน" จูมี่เอินได้รู้ความลับนี้ผ่านการมองเห็นของนางในช่วงจังหวะหนึ่งหลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่กับอาจารย์มาสักพักแล้ว หลอมรวมกับที่เคยสังเกตการณ์ดูก็พบว่ากัวเจียงมิ่งนั้นสามารถทำให้คนเจ็บหายป่วยได้ในเร็ววันกว่าที่ตำราบอกไว้มากนัก "ตอนเด็กข้าเคยอ่านเจอเกี่ยวกับคนที่มีพลังวิเศษเหนือคนทั่วไป นั่นเป็นครั้งแรกที่ข้าได้สัมผัสความรู้สึกดีอย่างหนึ่งว่าตนเองไม่ใช่คนที่แตกต่างจากคนอื่น ยังมีอีกหลายคนที่คล้ายกันกับข้า คราแรกที่ได้อ่านข้าสะดุดชื่อของนางและความสามารถของนางเป็นที่สุด ตอนที่ได้เจอกันข้ายังไม่รู้ว่านางคือคนที่ข้าเคยอ่านเจอในตำรา แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งในนิมิตร ข้าเห็นคนเจ็บและคนผู้นั้นไม่รอด ข้าพยายามเปลี่ยนนิมิตร ต่อมาจึงเกิดนิมิตรใหม่ขึ้น ในนิมิตรที่สองข้าไปช่วยคนเจ็บไว้แล้วพามาให้นางรักษา คนที่ไม่น่ารอดก็สามารถรอดได้อย่างปาฏิหาริย์ แต่เรื่องเหล่านั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริง เพราะข้าหาของไปขวางทางไว้ก่อนที่คนผู้นั้นจะเดินทางผ่านถนนเส้นหนึ่งซึ่งจะมีต้นไม้โค่นลงมาใส่เขา ภายหลังพอจับสังเกตดูและแน่ใจแล้วก็ลองถามท่านอาจารย์ออกไป นางก็เลยเล่

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 6

    ...... วันต่อมาก็ได้เวลาเดินทางกลับวังหลวง รอบนี้มีอาจารย์และโม่โฉวติดตามกลับไปร่วมงานสถาปนาด้วย นอกเหนือจากนั้นแล้วยังมีคนเจ็บอีกคนที่ต้องพาเขากลับไปส่งบ้าน ซึ่งเป็นทางผ่านพอดี ที่รถม้าคันหน้า "กัวเจียงมิ่งท่านมายืนทำอะไรหน้ารถม้าผู้อื่น" เหรินโย่วหลุนเอามือพ่ายหลัง หันมองไปที่อื่น แสดงท่าทางวางอำนาจเต็มที่ แผ่รังสีความเป็นฮ่องเต้ที่มีมาแต่กำเนิดออกไปโดยรอบเพื่อกดดันสตรีชุดฟ้าหน้าไม่อายข้างกาย "สตรีก็ต้องนั่งไปกับสตรีด้วยกันสิ นู้น บุรุษไปขึ้นคันหลัง" กัวเจียงมิ่งเลียนแบบท่าทางเหรินโย่วหลุน นางหมุนตัวเอาหลังหันให้รถม้า ยืนเคียงข้างคนตัวสูงที่สูงเกือบเท่ากันแถมมือพ่ายหลังและหันหน้าไปทางเดียวกัน "สตรีหรือ? ท่านเหมือนสตรีตรงไหนกัน" รถม้าคันหลังนั้นมีคนเจ็บขึ้นไปก่อนแล้วและมีโม่โฉวเป็นคนคุมม้า ความจริงเขาก็ไม่ติดอะไรแม้รถม้าเก่ามากและจะต้องนั่งไปกับราษฎรของตนเอง แต่ที่นั่นไม่มีทั้งภรรยาไม่มีทั้งบุตรชาย เขาจึงไม่อยากไปนั่ง เขาห่างจากภรรยามาถึงสองปีแล้ว ได้อยู่ด้วยกันทั้งวันก็ยังคิดว่ายังไม่พออยู่ดี ยามนี้ยังต้องมานั่งแยกกันอีกเกือบสามวัน ยังไงเขาก็ไม่ยอม "เห

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 5

    "เดี๋ยว! ท่านจะทำอันใด?" จูมี่เอินรีบเอาตัวไปยืนขวางโม่โฉวไว้ "เจ้าปกป้องเขา?" เหรินโย่วหลุนแทบไม่อยากเชื่อ "อย่าบอกนะว่าเขาเป็นพ่อของเด็กคนนั้น" ทั้งที่ได้ยินเต็มสองหูแล้ว แต่เขาก็ยังอยากจะถามย้ำให้แน่ใจอีกรอบ "ใช่...อย่า!" จูมี่เอินเห็นเหรินโย่วหลุนยกมือสั่งฟางอี้ให้เข้ามาทางโม่โฉวนางก็รีบเบี่ยงตัวปิดคนด้านหลังไว้มากกว่าเดิม "เขาเป็นพ่อบุญธรรม เป็นพ่อบุญธรรม!" ก่อนจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นนางรีบพูดต่อให้จบประโยค เพราะไม่คิดว่าก่อนหน้านี้เขาจะไม่เข้าใจจริงๆ ตอนนั้นฟางอี้ก็หยุดเท้าลงพอดี พร้อมกับเก็บมีดลับที่ดึงออกมาจากไหนไม่รู้กลับไป เพราะการเดินทางฮองเฮาบอกไม่ให้สะดุดตา จึงต้องเก็บดาบที่ใช้ประจำไว้ในรถม้า แต่เขาเป็นองครักษ์ส่วนพระองค์ย่อมไม่อาจปล่อยปะละเลยความปลอดภัยของฮ่องเต้ได้ จึงได้พกมีดสั้นที่ยาวจนถึงข้อศอกซ่อนไว้ในกายด้วย "?!" เหรินโย่วหลุนเลิกคิ้วขึ้นสูง ตอนที่ได้ยินจูมี่เอินบอกว่านั่นเป็นลูกนางเขาก็คาดเดาไปหลายอย่าง คิดว่าอาจเป็นลูกของเขาแต่เพราะท่าทางที่สนิทสนมของภรรยากับคนผู้นั้นดูไม่ปกติ แถมเด็กน้อยก็เรียกคนด้านหลังว่าท่านพ่อ แล้วภรรยาก็ดันมาบอกอีกว่

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 4

    ....... "เจ้าอยู่ที่นี่มาตลอดหรือ" "ใช่แล้ว" จูมี่เอินยกกาชามาวางที่โต๊ะน้ำชา นั่งลงแล้วรินชาให้สามีก่อนจะรินให้ตัวเองทีหลัง "นี่ก็เป็นชาที่ข้าดื่มตลอดสองปีเช่นกัน ไม่หอมมาก หากแต่เมื่อลองได้จิบทีละนิดและมองออกไปที่ป่าไผ่ ต่อจากนั้นค่อยๆ หลับตาฟังเสียงลมที่กระทบผ่านไป ก็พอที่จะทำให้ชารสชาติธรรมดาเช่นนี้พิเศษขึ้นมามากกว่าเดิม ชนิดที่ว่าต่อให้หาที่ไหนก็หาไม่ได้อีกแล้ว" จูมี่เอินยกจอกชาขึ้นมาจิบทำท่าหลับตาพลางพูดอธิบายไปด้วย "..." เหรินโย่วหลุนก็ลองทำตาม จิบชามองป่าไผ่ หลับตาและฟังเสียงลมที่กระทบกับใบของต้นไผ่ "สงบยิ่งนัก" แถมยังได้กลิ่นของธรรมชาติที่สดชื่นลอยมาตามลมด้วย จูมี่เอินเองสองปีกว่าที่ผ่านมา ทุกครั้งที่มีเวลาว่างมานั่งจิบชาและได้ใช้เวลาอยู่กับตนเอง เมื่อจิบชาไปด้วยแล้วได้มองป่าไผ่ ทั้งที่ทำให้รู้สึกสบายใจแต่กลับทำให้นางนึกถึงสามีทุกครั้ง หลังจากที่มานั่งจิบชาคนเดียวทีไรต่อมานางก็จะต้องหาอะไรทำเพื่อไม่ให้ตัวเองได้มีเวลาคิดถึงเขาอีก ช่างเป็นช่วงเวลาที่สงบสุขแต่ก็เศร้าใจในคราเดียว "เสียดายที่ไม่มีท่านอยู่ที่นี่" จูมี่เอินเอ่ยความรู้สึกออกมาจากใจจริง ลืมตาข

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 3

    ....... การเดินทางด้วยรถม้าเพื่อมาที่หมู่บ้านตงนั้นใช้เวลาเกือบสามวันเพราะมีแวะพักบ้าง ไม่เหมือนกับตอนแรกที่เหรินโย่วหลุนเร่งเดินทางอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อแบกภรรยากลับวังในตอนนั้น แต่ก็ใช้เวลาไม่นานเกินที่คาดการณ์ไว้พวกเขาก็มาถึง หน้าโรงหมอกัว หมู่บ้านตง "แปลกจัง..." จูมี่เอินที่ถูกเหรินโย่วหลุนประคองลงรถม้ามาก็มองไปที่รั้วไม้ไผ่ของโรงหมอซึ่งถูกเปิดแง้มไว้ "มีอะไรผิดปกติหรือ?" เหรินโย่วหลุนถามพลางยกมือขึ้นในระดับหัว เตรียมจะส่งสัญญาณให้องครักษ์เงาของตนที่แอบอยู่รอบตัวบุกเข้าไปด้านใน "เดี๋ยว!" ดีที่จูมี่เอินสังเกตทัน รีบยกมือดึงแขนของเขาลงทันที พอห้ามคนสั่งการได้แล้วนางก็ผ่อนลมหายใจออกมาแผ่วเบา เกือบเป็นเรื่องไปเสียแล้ว "ข้าแค่แปลกใจเล็กน้อย อาจารย์ปกติมักจะเอาแต่นั่งดื่มชามองต้นไผ่อยู่ที่โต๊ะน้ำชาตรงนั้นและไม่ค่อยเปิดรั้วทิ้งไว้ แต่บางทีนางอาจไปพักด้านในแล้วก็ได้" "อ่อ..." เหรินโย่วหลุนลากเสียงยาว ที่แท้นอกจากปากเสียแล้วก็ไม่ทำอะไรนอกจากจิบชาสินะ เป็นคนที่ขี้เกียจเสียจริง จูมี่เอินเปิดประตูเข้าไปด้วยความเคยชินและออกตัวเดินนำไปก่อน เมื่อได้กลับมา

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 2

    ....... รถม้าเดินทางออกจากวังแล้ว จูมี่เอินเลือกรถม้าที่ดูธรรมดาที่สุดแต่ก็ยังถือว่าค่อนข้างเตะตาไม่น้อย การเดินทางรอบนี้มีเพียงฟางอี้ที่เป็นคนขับรถม้าตามมาด้วยเท่านั้น เพราะจูมี่เอินไม่อยากให้สะดุดตา แต่นางก็รู้ว่าสามีได้เตรียมองครักษ์เงาให้ตามอยู่ห่างๆ แล้ว "ข้างนอกคึกคักยิ่งนัก" จูมี่เอินเลิกม่านมองดูเมืองหลวงที่ตนไม่ได้กลับมานานถึงสองปี ตื่นเต้นจนถึงขั้นเกาะขอบหน้าต่างดูเหมือนเด็กน้อยที่ไม่เคยออกจากบ้าน "อดีตผู้สำเร็จราชการแทนทำงานได้ดี" เหรินโย่วหลุนยามนี้ใส่ชุดสีเขียวอ่อนกำลังนั่งกอดอกพิงพนักที่นั่งและมองดูด้านนอกรถม้าเช่นกัน ตอนนี้คือยามอู่[1] ผู้คนเลยสัญจรไปมาค่อนข้างมาก ของขายข้างทางก็มีไม่น้อย เหรินโย่วหลุนเองก็รู้สึกแปลกตาเช่นกัน แต่ก็รักษาท่าทีสุขุมไว้ ([1] ยามอู่ 11.00 น. -12.59 น.) "..." จูมี่เอินนิ่งไปสักพักเมื่อเห็นสตรีงดงามผู้หนึ่งเดินเคียงมากับบุรุษที่เหมือนจะคุ้นหน้าก็ขมวดคิ้วมอง "อาหลุน คนนั้นไม่ใช่...ฟู่เจาหยางกระมัง" "..."เหรินโย่วหลุนทันทีที่ได้ยินชื่อบุรุษอื่นออกจากปากของภรรยาก็หรี่ตาลงด้วยความไม่สบอารมณ์ ขยับเอนตัวไปมองผ่านศีรษะขอ

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 1

    ตอนพิเศษ 1 หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป เหรินโย่วหลุนเห็นถิงถิงวิ่งเข้ามาขอเข้าเฝ้าหน้าตื่นก็ลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา ด้วยวางใจว่าตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา ภรรยาดูท่าตกลงปลงใจจะอยู่กับเขาไม่หนีไปไหนอีก เขาจึงกลับมาทำงานดังเดิม แต่ท่าทางของถิงถิงก็ทำกังวลขึ้นมา เหรินโย่วหลุนไม่แม้แต่จะรอเรื่องที่ถิงถิงได้รายงานก็รีบวิ่งออกจากห้องทรงงานของตนไปแล้ว เป็นดังคาด เมื่อเข้ามาถึงที่ห้องก็พบว่าภรรยากำลังเก็บเสื้อผ้าอยู่ "มี่เอิน เจ้าจะไปไหน!!!" เหรินโย่วหลุนตะโกนลั่นตำหนัก ดังไปไกลหลายจั้ง[1] ทำเอาคนที่กำลังหันหลังจัดห่อผ้าอยู่สะดุ้งเฮือก "อาหลุน..." คนตัวเล็กหันมาเรียกหาเขาเสียงเบา ตอนแรกยังยกยิ้มตาหยีส่งไปเพื่อระงับโทสะของอีกฝ่าย หากแต่เมื่อเห็นสามีเดินหน้าตั้งเข้ามาหาด้วยใบหน้าโกรธขึงนางก็หุบยิ้มลง หมุนกายรีบปีนหนีขึ้นเตียงไป ด้วยความตัวเล็กท่าทางตอนหนีเลยดูเหมือนกระต่ายน้อยกำลังกระโดดไปมา "ท่าน ท่าน! ใจเย็นก่อน" นางร้องเสียงหลง ไต่ตัวเข้าไปด้านในสุดของเตียง แต่พบว่าตนเองตัดสินใจผิดเสียแล้ว นอกจากทางที่เพิ่งขึ้นมาเมื่อครู่ รอบด้านก็ไม่มีทางให้หลบหนีอีก "จะหนีไปไหนอีก" เ

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   167 สัญญาที่จะอยู่ด้วยกันจนผมขาวนั้น จะคงเป็นนิรันดร์ตลอดไป (จบบริบูรณ์)

    จูมี่เอินยืนนิ่ง จ้องมองบานประตูตำหนักของเหรินเยว่เทียนเพราะเพิ่งโดนไล่ออกมา ก่อนจะหันมองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของตน เอาเถอะ แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังโดนไล่ออกมา นางเองก็ควรปล่อยให้เหรินเยว่เทียนได้พักผ่อน จูมี่เอินจึงคิดจะกลับตำหนักของตนเอง "จะไปที่ใด?" เหรินโย่วหลุนเพียงแค่เห็นภรรยาขยับกายก็เอ่ยปากถามอีกรอบ วันนี้เขาพูดประโยคนี้ไปกี่ครั้งแล้วก็ไม่อาจนับได้ครบ "กลับตำหนัก" ความจริงแล้วเหรินโย่วหลุนไม่น่าถาม ที่ที่จูมี่เอินจะไปก็มีแค่ตำหนักของตนเองเท่านั้น หรือในตอนนี้ก็คือตำหนักบรรทมของฮ่องเต้นั่นเอง เพราะเขาไม่ยอมให้นางย้ายไปอยู่ที่ตำหนักในวังหลังเหมือนเมื่อก่อน กฏวังหลังถูกเขาเมินไปเสียแล้ว ครั้นพอได้นึกถึงก็คิดว่าที่แห่งนั้นยามนี้ต่อให้ไม่เหมือนในนิมิตรที่ถูกรื้อจนไม่เหลือเค้าเดิม แต่ก็คงเงียบเหงาไม่ต่างกัน พอคนตัวเล็กเดินนำ เหรินโย่วหลุนก็เดินตาม "..." ระหว่างทางเขาก็มองท้องฟ้า ยังไม่มืด หันมองภรรยาที่ร่างกายยังไม่หายดีจากรอยช้ำที่เขาทำไว้ก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ หากรู้ว่าเรื่องจะมาถึงยามที่เขาและนางสามารถกลับมาอยู่ด้วยกันได้ปกติโดยที่นางไม่คิดหนีไปอีก หลายวันที่

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status