Share

55 ค่ำคืนนี้ยังอีกยาว +++

last update Last Updated: 2025-02-27 03:04:59

ยามที่ไล่จมูกลงไปที่หน้าอกของนางก็ได้ยินเสียงนางร้องห้ามอีกครั้ง

"ไม่ อ่ะ ไม่..."

เสียงนั้นสั่นคลอนทำเอาคนฟังขนลุกชันไปทั้งตัว เหรินโยว่หลุนงับปากลงที่หน้าอกของนาง ออกแรงดูดดึงปลายดอกบัวผ่านเอี๊ยมตัวบางเกิดเป็นรอยน้ำเป็นดวงๆ ด้านบน ทำให้เห็นยอดดอกบัวตูมที่แข็งชูชันผ่านผ้าที่เปียกน้ำ

"เจ้ากล้าสั่งให้ข้าหยุดหรือ?" นางไม่ใช่ไม่มีอารมณ์ร่วมเสียหน่อย หน้าอกที่ก่อนนี้ยังนุ่มนิ่มอยู่ก็หดตัวลงนิดๆ เพราะคนใต้ร่างเองก็เริ่มทนกับการรบเร้าจากเขาไม่ไหว ยามนี้ที่เขาบีบมือลงไปก็เด้งดึ๋งสู้มือไม่หยุด เมื่อถามจบแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองนางก็ได้เห็นแววตาเว้าวอนขอร้องที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา ท่าทางบอบบางราวกับจะสลายไปหากเขาไม่ยอมปล่อยนางไปนั้นยิ่งทำให้เขาไม่อาจปล่อยนางไปได้มากกว่าเดิมเสียอีก...มี่เอิน เจ้ายั่วยวนข้ามากเกินไปแล้ว

"..." จูมี่เอินไหนเลยจะกล้าออกคำสั่งเขา นางกัดริมฝีปากลงพยายามห้ามเสียงของตัวเองไว้ ศีรษะของฮ่องเต้ย้ายจากฝั่งซ้ายมาทางขวา เริ่มดูดดึงหน้าอกของนางผ่านอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายบนร่าง นี่ขนาดเขาเพียงแค่สัมผัสมันผ่านเอี๊ยมความร้อนจากลิ้นนั้นก็ยังคงรับรู้ได้อย่างชัดเจน เอว
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   56 เจ้าว่าข้าใจร้าย แล้วเจ้าไม่ใจร้ายหรือไร +++

    "ฝ่าบาทไม่ได้เพคะ" นางร้องห้ามเมื่อรู้ว่าคนบนตัวขยับออกไปนิดนึงและกำลังพยายามยัดสิ่งนั้นเข้ามาบดเบียดผ่านใต้สะโพกของนางเพื่อจะหาทางเข้าที่เขาเพิ่งได้เปิดทางไปก่อนหน้านี้ แต่นางหนีบขาเข้าหากันไว้อยู่ทำให้เขาแทบจะสอดร่างกายส่วนนั้นของเขาเข้ามาไม่ได้ เหรินโยว่หลุนขมวดคิ้วมุ่นเริ่มหงุดหงิดที่ยัดเยียดตัวเองเข้าไปหานางไม่ได้สักที หากนางเป็นหญิงสาวที่ผ่านเรื่องอย่างนี้มาแล้วหลายครั้งการสอดเข้าไปในท่านี้อาจทำได้ง่าย แต่นี่เป็นครั้งแรกของนาง ท่านี้ค่อนข้างจะเข้าไปลำบากแถมก้นนุ่มๆ นั้นยังเบียดกันไว้จนไร้ทางเข้าอีก เขาพยายามขยับหาทางเพื่อจะเข้าไปก็กลับทำไม่สำเร็จ ยามนี้จึงขยับตัวเองที่นั่งทับนางอยู่ออกไป สอดมือไปใต้ข้อพับขาของนาง ยกขาของนางขึ้นข้างหนึ่ง แต่เจ้าตัวเล็กกลับรู้ทันพยายามสู้สุดกำลัง เหรินโยว่หลุนออกแรงเพิ่มอีกนิดก็ยกขาของนางขยับขึ้นไปวางด้านข้างลำตัวของนางได้สำเร็จ ทำให้ยามนี้เขามองเห็นปลายสุดของกลีบดอกไม้ที่มีช่องเล็กๆ สีแดงสดอยู่ ขยับตัวลงไปอีกครั้งกำลังจะพาตัวเองเข้าไปผสานกับนางก็ได้ยินนางร้องห้ามไว้อีกครั้ง "ฝ่าบาทไม่ได้เพคะ มัน เข้า..." นางเม้มปากแน่นกระดากอา

    Last Updated : 2025-02-27
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   57 เอ่ยนามของข้า +++

    ปับๆๆ จงใจยกตัวขึ้นสูงกว่าเดิมก่อนจะกระแทกตัวเองลงไปหานาง บดเบียดตัวเองเข้าในร่างกายของนางไม่ยั้งแรง "อื้อออออ" นางร้องออกมาด้วยความเจ็บ คล้ายเห็นน้ำตาซึมที่หางตาเหรินโยว่หลุนจึงกระซิบบอกนาง "อื้ม เรียกชื่อข้าสิ เรียก อาหลุน " เอ่ยชักนำทางให้นาง ยามที่รอนางเอ่ยนามของตนเขาก็ขยับตัวช้าลง ตั้งใจรอฟังเสียงที่ก้องกังวาลของนางอย่างจดจ่อ "อาหลุน..." หัวใจของเขาอุ่นวาบไปทั้งดวง ถูกเติมเต็มด้วยน้ำเสียงหวานใส "มี่เอิน" เขากระซิบเรียกนางแผ่วเบา "อื้อออ" เมื่อเขาขยับช้าลงทำให้นางไม่เจ็บแล้ว ความรู้สึกกระสับกระส่ายที่ถูกสะสมมาสักพักก็ถูกปลดปล่อยออกมาแทนที่ความเจ็บทันที "อ่า...อื้ม" เหรินโยว่หลุนได้ยินเสียงนางร้องออกมาแผ่วเบาและมองเห็นนิ้วเรียวจิกลงบนผ้าปูเตียงขยำมันไว้ในมือจนเป็นก้อน แถมส่วนนั้นของตนเองถูกนางบีบรัดแน่นขึ้นเขาก็รู้ได้ทันทีว่านางกำลังเป็นอะไร ยามนั้นจึงขยับเร็วขึ้นแต่ไม่ได้รุนแรงแบบคราแรกอีก จงใจยั่วยุนางให้ถึงที่สุด "อ่าาา" เขาเองก็คล้าจะไม่ไหวเช่นกัน "ข้าเรียกเจ้าว่ามี่เอิ่นได้รึไม่?" เจ้าของชื่อถึงกลับสงสัย ไม่ใช่เรียกไป

    Last Updated : 2025-02-27
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   58 "ให้ข้าช่วยทบทวนความจำของเจ้าหรือไม่"

    เวลาล่วงเลยมาขนาดนี้ปกติเหรินโยว่หลุนควรต้องออกว่าราชการแล้ว แต่วันนี้กลับต่างออกไป เขาแต่งตัวเสร็จแล้วก็เอาแต่นั่งอยู่ที่ขอบเตียง จ้องมองหญิงสาวที่กำลังหลับสนิทนานสองนาน จนกงกงต้องรายงานอีกครั้งว่าขุนนางมารอในท้องพระโรงกันจนครบคนแล้ว เสียงดังจากข้างนอกทำให้จูมี่เอินที่เพิ่งได้นอนคล้ายจะตื่นขึ้นมา ขนตาเป็นแพสีดำขยับเคลื่อนไหว เหรินโยว่หลุนหงุดหงิดขึ้นมาทันทีที่กงกงทำมี่เอินของเขาตื่น เขาหรี่ตาลงมองดูว่านางจะตื่นหรือไม่ เมื่อคืนเป็นเขาที่ผิดเองที่ไม่อาจหักห้ามใจได้เผลอรังแกจนนางไม่ได้นอนเกือบค่อนคืน ยามนี้นางเพิ่งได้หลับไปไม่นานก็โดนเสียงด้านนอกรบกวนเสียแล้ว "อื้มมม" จูมี่เอินตื่นก็ขึ้นมาจริงๆ เวลาที่นางเพิ่งหลับไปคือยามที่นางตื่นปกติ ทำให้ร่างกายที่เคยชินที่จะตื่นตอนนี้ เลยนอนหลับไม่สนิทซ้ำยังได้ยินเสียงดังของคนอยู่ด้านนอกอีกด้วย ดวงตาคู่สวยเปิดขึ้น ปิดลง เปิดขึ้น อยู่สองสามรอบคล้ายยังไม่ได้สติ เหรินโยว่หลุนอมยิ้มอย่างเอ็นดู คราแรกอยากให้จูมี่เอินนอนต่อ แต่ในเมื่อตื่นแล้วเขาขออะไรบางอย่างจากนางหน่อยแล้วกัน ร่างสูงก้มตัวลงไปเชยคางมนขึ้นมา กดริมฝีปากของตนทาบทับปากเล็

    Last Updated : 2025-02-27
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   59 หนีบวช

    แถมวันนี้ยังได้สวมชุดใหม่เพราะชุดเมื่อวานมีคนดึงเชือกขาดไปแล้ว และดูเหมือนนางกำนัลสองคนค่อนข้างใส่ใจเลือกชุดเป็นพิเศษอีกด้วย เดาว่าคงไปขอชุดสำรองของห้องเสื้อมา ตัวชุดนั้นเป็นผ้าไหมชั้นดี สีขาวมันเงาคล้ายไข่มุข ซ้อนทับด้วยผ้าโปร่งสีขาวบางเบาสบายดูแล้วพริ้วไหวยิ่งนัก จูมี่เอินที่ใส่ผ้าหยาบๆ มาทั้งชีวิต ใส่เสื้อผ้าดีๆ แค่ไม่กี่ครั้ง ยามนี้ถึงขั้นเป็นผ้าไหมเนื้อนุ่มลื่น ออกจะไม่คุ้นชินไปบ้าง ทั้งยังนึกว่าน่าจะไม่เหมาะกับนาง แต่เมื่อเห็นตัวเองในกระจกแล้วก็อดมองอยู่หลายทีไม่ได้ "ข้าว่าแล้วเจ้าค่ะว่าท่านต้องใส่แล้วงดงามยิ่งนัก ยามได้เห็นชุดที่ห้องเสื้อมีแต่คนเดาว่าใครจะใส่ได้สวย ไม่มีใครรอดสักคน ชุดนี้ค้างอยู่มานานแล้ว ตอนนี้มีเจ้าของเสียที" เพยเพยทั้งยิ้มทั้งพยักหน้าอย่างชอบใจโดยมีถิงถิงที่ทำท่าแบบเดียวกันอยู่ด้านข้าง เวลาจูมี่เอินมองนางสองคนเช่นนี้เหมือนเห็นเงาสะท้อนผ่านกระจก เป็นฝาแฝดที่เหมือนกันมากจริงๆ "ไม่ต้องส่งคืนหรือ?" จูมี่เอินคิดจะไม่รับไว้เพราะว่ามันดูดีเกินกว่าที่นางควรจะได้ใส่ แถมนางมีตำแหน่งนักบวชหลวงต่อให้ชุดนี้เป็นสีขาวซึ่งสามารถใส่เป็นชุดปฏิบัติได้แ

    Last Updated : 2025-02-27
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   60 เขาไม่ได้ชอบข้า

    ก่อนหน้านี้ใกล้ยามอู่ [1]ยามอู่ 11.00 น. - 12.59 น. จูมี่เอินไม่คิดว่าคนที่หาบน้ำขึ้นเขาทำงานหนักมาตลอดอย่างนาง ยามก้าวขาลงเตียงเมื่อเช้าก็เกือบทรงตัวไม่ได้ เหมือนไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน ขาสั่นไปหมด ดีที่มีสองแฝดช่วยไว้ทัน พอได้ทำความสะอาดล้างกาย กินข้าวและยาบำรุงไปก็ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ภายในห้องบรรทมของฝ่าบาทมีหน้าต่างค่อนข้างน้อยทำให้รู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง แต่นางก็เข้าใจว่าป้องกันพวกลอบสังหาร จึงมีหน้าต่างอยู่ไม่กี่บาน เลยคิดจะออกไปข้างนอกเพื่อสูดอากาศสักหน่อย แต่พอจะออกไปข้างนอกก็นึกถึงคำที่ฮ่องเต้ทิ้งท้ายไว้ จึงลังเลไม่อยากออกไปด้านนอกแล้ว ทว่าสองแฝดกลับยืนยันว่าหากสามารถลุกขึ้นมาได้ให้ไปพบพระองค์ก่อนจึงทำให้นางคิดไม่ตก ได้แต่พยักหน้าเข้าใจและเดินตามการนำทางของนางกำนัลทั้งสองออกมาจากห้องบรรทมอย่างเลี่ยงไม่ได้ จูมี่เอินไม่ได้หน้าหนาขนาดนั้น เรื่องเมื่อคืนยังวนเวียนอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมา จะให้นางไปเจอหน้าฮ่องเต้ตอนนี้นางควรจะทำตัวเช่นไร นางโตมาไร้บิดามารดาคอยสั่งสอนเรื่องกุลสตรี มาอยู่อารามก็ท่องแต่บทสวดและเรียนรู้การทำพิธี ไม่มีเพื่อนสตรีไว้พูดคุยแถมยังไม่เคยนึก

    Last Updated : 2025-02-27
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   61 ตามภรรยากลับบ้าน

    "เสด็จพี่!!!" เหรินโยว่หลุนได้ยินเสียงของน้องชายตนเองเรียกแต่เขาไม่สนสิ่งใดทั้งนั้น ไม่ต้องการรั้งอยู่ต่อ ในใจร้อนรน รีบสั่งคนเตรียมม้าทันที ยัยเด็กซื่อบื้อโดนรังแกนิดรังแกหน่อยก็หนีไปบวช อยากแต่คิดจะจากเขาไป จิตใจนางงดงามต่อผู้อื่น เห็นใครลำบากก็ช่วยเหลือเสมอ แต่พอกับเขาทำไมไม่ไยดีไม่สนใจความรู้สึกของเขาบ้าง เมื่อวานสารภาพรักไป วันนี้นางทำยังไง? หนีไปบวช! มันได้หรือ? เหรินโยว่หลุนพอได้ม้ามาก็รีบควบม้าออกนอกวังทันที โดยมีฟางอี้ตามอารักขาอยู่ห่างๆ เห็นนางเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงเช่นนั้นเมื่อคืนก็คิดว่านางยอมโอนอ่อนตกลงปลงใจกับเขาแล้ว วันนี้พอประชุมขุนนางเสร็จเหรินโยว่หลุนไม่อยากให้นางเห็นเขาเป็นฮ่องเต้ของแคว้น อยากให้นางเห็นเขาเป็นเพียงบุรุษคนหนึ่ง จึงลงทุนเรียกคนเอาชุดมาให้เปลี่ยนให้ดูเหมือนชาวบ้านทั่วไป นางอาจจะสบายใจและสนิทสนมกับเขามากขึ้นกว่าเดิม รอมานานสองนาน เกรงว่านางจะพักผ่อนน้อยจนเพลียเลยไม่ส่งคนไปรบเร้าเร่งให้มาหา แต่ไหนเลยจะคิดว่าภรรยาของตนแอบเดินทางไปพร้อมขบวนนักบวชเสียได้ แล้วขบวนออกเดินทางตอนไหนก็ไม่แน่ใจอีก ตามจริงควรต้องเดินทางไปตั้งแต่ช่วง

    Last Updated : 2025-02-27
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   62 ได้ยินกันถ้วนหน้า

    "ข้ายอมอภัยให้ท่านมาครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งนี้ท่านกลับทำพลาดอีก" เหรินโยว่หลุนพูดเหมือนสนทนาเรื่องดินฟ้าอากาศ น้ำเสียงไม่ได้ราบเรียบแบบปกติหากดูคล้ายอารมณ์ดีอยู่หลายส่วน มุมปากยกยิ้มบางเบา จ้องหน้าคนที่กำลังก้มหน้าลงต่ำหนีความผิด ฉือเจาอยู่ในวังหลวงมานานได้รู้นิสัยของฮ่องเต้พระองค์นี้ก่อนพระองค์จะได้ขึ้นครองราชย์เสียอีก น้ำเสียงเช่นนี้ตนคงไม่อาจรอดพ้นความผิดไปได้ "ขอ ขอทรงประทานอภัยพะยะค่ะ" เพราะด้วยฐานะของตนไม่อาจลงไปคุกเข่าได้เหมือนบุคคลธรรมดาจึงทำได้เพียงก้มหน้าลงต่ำมากกว่าเดิม พระองค์ทรงรู้ ทรงรู้มาตลอด ไม่มีเรื่องใดที่สามารถปิดพระองค์ได้ เขาไม่ตัดสินใจน่าพลาด เพียงเพราะกลัวโดนโทษที่ทำพิธีไม่สมบูรณ์ ไม่ทันคิดหน้าคิดหลังให้ดีกลับไปลากหญิงสาวนางหนึ่งมาสวมรอยแล้วโดนโทษหลอกลวงเบื้องสูงแทน ครานั้นหน้ามืดตาบอดกลัวความผิดแต่กลับไม่กลัวตาย ยามนี้ความตายมาเยือนจะทำเช่นไรได้อีก หากไม่รีบยอมรับผิดอาจตายไร้ดินกลบหน้าเป็นแน่ "ท่านกล้าลักพาตัวภรรยาของผู้อื่นมาบวช มันได้หรือ?" ห๋า? ฮ่องเต้พระองค์ทรงเข้าใจอะไรผิดหรือไม่ พระองค์เป็นถึงฮ่องเต้ไม่ใช่คนธรรมดาจะมาใช้คำเรียกว

    Last Updated : 2025-02-27
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   63 (บทที่ 18) ดูพระอาทิตย์ตกดิน ++

    "หม่อมฉันกลัวพระองค์จะลงโทษท่านฉือเจา เป็นความผิดของหม่อมฉันเองที่โกหกพระองค์ไปทำให้พระองค์ทรงกริ้ว แล้วยังออกจากวังโดยไม่บอกพระองค์ก่อน ขอประทานอภัยอีกครั้งเพคะ"นางไม่ได้กลัวตาย ไม่ได้กลัวต้องรับโทษขนาดนั้น ครานั้นที่รับลูกธนูแทนเขามันเจ็บมาก เจ็บจนร้องไม่ออก ก่อนสลบไปยังคิดว่าคงเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้ลืมตามองโลก หลังตื่นมาเลยได้รับรู้มาอย่างหนึ่ง ว่าตนนั้นไม่ได้กลัวจากไปขนาดนั้น ชีวิตที่ผ่านมาของนางไม่ได้มีอะไรให้ห่วงหรือเป็นชีวิตที่ควรหวงแหนเพราะมีความสุข กลับเป็นความขมขื่นเสียส่วนใหญ่ เสี้ยวสุดท้ายในหัวยังคิดจากไปเสียได้ก็ดี ตอนนี้เลยไม่ได้กลัวตายถึงเพียงนั้นแล้ว"ข้าไม่ได้โกรธเจ้าเรื่องนั้นเสียหน่อย" เหรินโยว่หลุนกล่าวจบก็พ่นลมหายใจฮึดฮัดออกจมูกด้วยความไม่พอใจ แต่พอนึกถึงประโยคเมื่อครู่ที่นางบอกว่าไม่ได้กลัวเขา อารมณ์กลับดีขึ้นมาซะงั้น มือใหญ่ที่วางอยู่บนท้องน้อยของนางก็ค่อยๆ เลื่อนลงไป"แล้วพระองค์ทรงโกรธเรื่องอะไรเพ..." อย่างน้อยควรต้องถามออกไปเพื่อจะได้ทำตามใจเขาได้ถูก จะได้ไม่ให้ใครมาเดือดร้อนเพราะนางอีก แต่ไม่ทันได้พูดจบก็โดนมือใหญ่ของคนด้านหลังทำให้ตกใจเสียก่อน "อ่ะ ฝ่าบาท"

    Last Updated : 2025-02-28

Latest chapter

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 8

    วันสถาปนา กัวเจียงมิ่งยืนอยู่รวมกับผู้คนสองฟากฝั่งของทางเดินในงานพิธี ดวงตาคู่คมมองสตรีตัวเล็กที่แต่งชุดเต็มยศ บนหัวเล็กๆ นั้นประดับไปด้วยเครื่องหัวหลากชิ้น ท่าทางการเดินที่มั่งคง ใบหน้าที่เรียบนิ่งแต่เป็นมิตร อาภรณ์สีแดงสดที่นางสวมคือลายหงษ์ปักด้วยด้ายทอง พอเห็นลูกศิษย์ใส่ชุดนี้แล้วก็นึกถึงวันแรกที่เจอกัน ยามนั้นเด็กน้อยก็สวมชุดสีแดงอยู่บนหลังของอาชาตัวใหญ่ คนตัวเล็กควบม้ามาหานางที่ลอยน้ำมาติดอยู่ข้างทาง กระโดดลงจากม้าด้วยความคล่องแคล่ว ออกแรงลากนางให้ห่างจากแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว "แม่นาง แม่นางทำใจดีๆ ไว้ ข้าจะช่วยท่านเอง" นั่นคือคำที่จูมี่เอินกล่าวกับนางในครั้งแรกที่เจอกัน กัวเจียงมิ่งคิดว่าตนจะตายอยู่ที่นั่นเสียแล้ว นางได้รับบาดเจ็บมีแผลหลายแห่งแล้วพลัดตกน้ำมาไกล อีกทั้งที่ซึ่งนางพยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาจากแม่น้ำนั้นก็ห่างไกลไร้ผู้คน แถมทางด้านหน้าที่สตรีชุดแดงควบม้าผ่านมายังมีต้นไม้และหญ้าหนาทึบ ต่อให้มีคนผ่านมาก็ไม่น่ามองเห็นนาง ทว่าสตรีตัวเล็กผู้นี้มาจากไหนไม่รู้ ราวกับตั้งใจมาหานางโดยเฉพาะ คนตัวเล็กสั่งม้าให้นั่งลงแล้วยกนางที่ตัวใหญ่กว่าให้ขึ้นไ

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 7

    "เพราะนางคือหัตถ์เซียน นามเดิมของอาจารย์คือกู่เฟยเซียน" จูมี่เอินได้รู้ความลับนี้ผ่านการมองเห็นของนางในช่วงจังหวะหนึ่งหลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่กับอาจารย์มาสักพักแล้ว หลอมรวมกับที่เคยสังเกตการณ์ดูก็พบว่ากัวเจียงมิ่งนั้นสามารถทำให้คนเจ็บหายป่วยได้ในเร็ววันกว่าที่ตำราบอกไว้มากนัก "ตอนเด็กข้าเคยอ่านเจอเกี่ยวกับคนที่มีพลังวิเศษเหนือคนทั่วไป นั่นเป็นครั้งแรกที่ข้าได้สัมผัสความรู้สึกดีอย่างหนึ่งว่าตนเองไม่ใช่คนที่แตกต่างจากคนอื่น ยังมีอีกหลายคนที่คล้ายกันกับข้า คราแรกที่ได้อ่านข้าสะดุดชื่อของนางและความสามารถของนางเป็นที่สุด ตอนที่ได้เจอกันข้ายังไม่รู้ว่านางคือคนที่ข้าเคยอ่านเจอในตำรา แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งในนิมิตร ข้าเห็นคนเจ็บและคนผู้นั้นไม่รอด ข้าพยายามเปลี่ยนนิมิตร ต่อมาจึงเกิดนิมิตรใหม่ขึ้น ในนิมิตรที่สองข้าไปช่วยคนเจ็บไว้แล้วพามาให้นางรักษา คนที่ไม่น่ารอดก็สามารถรอดได้อย่างปาฏิหาริย์ แต่เรื่องเหล่านั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริง เพราะข้าหาของไปขวางทางไว้ก่อนที่คนผู้นั้นจะเดินทางผ่านถนนเส้นหนึ่งซึ่งจะมีต้นไม้โค่นลงมาใส่เขา ภายหลังพอจับสังเกตดูและแน่ใจแล้วก็ลองถามท่านอาจารย์ออกไป นางก็เลยเล่

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 6

    ...... วันต่อมาก็ได้เวลาเดินทางกลับวังหลวง รอบนี้มีอาจารย์และโม่โฉวติดตามกลับไปร่วมงานสถาปนาด้วย นอกเหนือจากนั้นแล้วยังมีคนเจ็บอีกคนที่ต้องพาเขากลับไปส่งบ้าน ซึ่งเป็นทางผ่านพอดี ที่รถม้าคันหน้า "กัวเจียงมิ่งท่านมายืนทำอะไรหน้ารถม้าผู้อื่น" เหรินโย่วหลุนเอามือพ่ายหลัง หันมองไปที่อื่น แสดงท่าทางวางอำนาจเต็มที่ แผ่รังสีความเป็นฮ่องเต้ที่มีมาแต่กำเนิดออกไปโดยรอบเพื่อกดดันสตรีชุดฟ้าหน้าไม่อายข้างกาย "สตรีก็ต้องนั่งไปกับสตรีด้วยกันสิ นู้น บุรุษไปขึ้นคันหลัง" กัวเจียงมิ่งเลียนแบบท่าทางเหรินโย่วหลุน นางหมุนตัวเอาหลังหันให้รถม้า ยืนเคียงข้างคนตัวสูงที่สูงเกือบเท่ากันแถมมือพ่ายหลังและหันหน้าไปทางเดียวกัน "สตรีหรือ? ท่านเหมือนสตรีตรงไหนกัน" รถม้าคันหลังนั้นมีคนเจ็บขึ้นไปก่อนแล้วและมีโม่โฉวเป็นคนคุมม้า ความจริงเขาก็ไม่ติดอะไรแม้รถม้าเก่ามากและจะต้องนั่งไปกับราษฎรของตนเอง แต่ที่นั่นไม่มีทั้งภรรยาไม่มีทั้งบุตรชาย เขาจึงไม่อยากไปนั่ง เขาห่างจากภรรยามาถึงสองปีแล้ว ได้อยู่ด้วยกันทั้งวันก็ยังคิดว่ายังไม่พออยู่ดี ยามนี้ยังต้องมานั่งแยกกันอีกเกือบสามวัน ยังไงเขาก็ไม่ยอม "เห

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 5

    "เดี๋ยว! ท่านจะทำอันใด?" จูมี่เอินรีบเอาตัวไปยืนขวางโม่โฉวไว้ "เจ้าปกป้องเขา?" เหรินโย่วหลุนแทบไม่อยากเชื่อ "อย่าบอกนะว่าเขาเป็นพ่อของเด็กคนนั้น" ทั้งที่ได้ยินเต็มสองหูแล้ว แต่เขาก็ยังอยากจะถามย้ำให้แน่ใจอีกรอบ "ใช่...อย่า!" จูมี่เอินเห็นเหรินโย่วหลุนยกมือสั่งฟางอี้ให้เข้ามาทางโม่โฉวนางก็รีบเบี่ยงตัวปิดคนด้านหลังไว้มากกว่าเดิม "เขาเป็นพ่อบุญธรรม เป็นพ่อบุญธรรม!" ก่อนจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นนางรีบพูดต่อให้จบประโยค เพราะไม่คิดว่าก่อนหน้านี้เขาจะไม่เข้าใจจริงๆ ตอนนั้นฟางอี้ก็หยุดเท้าลงพอดี พร้อมกับเก็บมีดลับที่ดึงออกมาจากไหนไม่รู้กลับไป เพราะการเดินทางฮองเฮาบอกไม่ให้สะดุดตา จึงต้องเก็บดาบที่ใช้ประจำไว้ในรถม้า แต่เขาเป็นองครักษ์ส่วนพระองค์ย่อมไม่อาจปล่อยปะละเลยความปลอดภัยของฮ่องเต้ได้ จึงได้พกมีดสั้นที่ยาวจนถึงข้อศอกซ่อนไว้ในกายด้วย "?!" เหรินโย่วหลุนเลิกคิ้วขึ้นสูง ตอนที่ได้ยินจูมี่เอินบอกว่านั่นเป็นลูกนางเขาก็คาดเดาไปหลายอย่าง คิดว่าอาจเป็นลูกของเขาแต่เพราะท่าทางที่สนิทสนมของภรรยากับคนผู้นั้นดูไม่ปกติ แถมเด็กน้อยก็เรียกคนด้านหลังว่าท่านพ่อ แล้วภรรยาก็ดันมาบอกอีกว่

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 4

    ....... "เจ้าอยู่ที่นี่มาตลอดหรือ" "ใช่แล้ว" จูมี่เอินยกกาชามาวางที่โต๊ะน้ำชา นั่งลงแล้วรินชาให้สามีก่อนจะรินให้ตัวเองทีหลัง "นี่ก็เป็นชาที่ข้าดื่มตลอดสองปีเช่นกัน ไม่หอมมาก หากแต่เมื่อลองได้จิบทีละนิดและมองออกไปที่ป่าไผ่ ต่อจากนั้นค่อยๆ หลับตาฟังเสียงลมที่กระทบผ่านไป ก็พอที่จะทำให้ชารสชาติธรรมดาเช่นนี้พิเศษขึ้นมามากกว่าเดิม ชนิดที่ว่าต่อให้หาที่ไหนก็หาไม่ได้อีกแล้ว" จูมี่เอินยกจอกชาขึ้นมาจิบทำท่าหลับตาพลางพูดอธิบายไปด้วย "..." เหรินโย่วหลุนก็ลองทำตาม จิบชามองป่าไผ่ หลับตาและฟังเสียงลมที่กระทบกับใบของต้นไผ่ "สงบยิ่งนัก" แถมยังได้กลิ่นของธรรมชาติที่สดชื่นลอยมาตามลมด้วย จูมี่เอินเองสองปีกว่าที่ผ่านมา ทุกครั้งที่มีเวลาว่างมานั่งจิบชาและได้ใช้เวลาอยู่กับตนเอง เมื่อจิบชาไปด้วยแล้วได้มองป่าไผ่ ทั้งที่ทำให้รู้สึกสบายใจแต่กลับทำให้นางนึกถึงสามีทุกครั้ง หลังจากที่มานั่งจิบชาคนเดียวทีไรต่อมานางก็จะต้องหาอะไรทำเพื่อไม่ให้ตัวเองได้มีเวลาคิดถึงเขาอีก ช่างเป็นช่วงเวลาที่สงบสุขแต่ก็เศร้าใจในคราเดียว "เสียดายที่ไม่มีท่านอยู่ที่นี่" จูมี่เอินเอ่ยความรู้สึกออกมาจากใจจริง ลืมตาข

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 3

    ....... การเดินทางด้วยรถม้าเพื่อมาที่หมู่บ้านตงนั้นใช้เวลาเกือบสามวันเพราะมีแวะพักบ้าง ไม่เหมือนกับตอนแรกที่เหรินโย่วหลุนเร่งเดินทางอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อแบกภรรยากลับวังในตอนนั้น แต่ก็ใช้เวลาไม่นานเกินที่คาดการณ์ไว้พวกเขาก็มาถึง หน้าโรงหมอกัว หมู่บ้านตง "แปลกจัง..." จูมี่เอินที่ถูกเหรินโย่วหลุนประคองลงรถม้ามาก็มองไปที่รั้วไม้ไผ่ของโรงหมอซึ่งถูกเปิดแง้มไว้ "มีอะไรผิดปกติหรือ?" เหรินโย่วหลุนถามพลางยกมือขึ้นในระดับหัว เตรียมจะส่งสัญญาณให้องครักษ์เงาของตนที่แอบอยู่รอบตัวบุกเข้าไปด้านใน "เดี๋ยว!" ดีที่จูมี่เอินสังเกตทัน รีบยกมือดึงแขนของเขาลงทันที พอห้ามคนสั่งการได้แล้วนางก็ผ่อนลมหายใจออกมาแผ่วเบา เกือบเป็นเรื่องไปเสียแล้ว "ข้าแค่แปลกใจเล็กน้อย อาจารย์ปกติมักจะเอาแต่นั่งดื่มชามองต้นไผ่อยู่ที่โต๊ะน้ำชาตรงนั้นและไม่ค่อยเปิดรั้วทิ้งไว้ แต่บางทีนางอาจไปพักด้านในแล้วก็ได้" "อ่อ..." เหรินโย่วหลุนลากเสียงยาว ที่แท้นอกจากปากเสียแล้วก็ไม่ทำอะไรนอกจากจิบชาสินะ เป็นคนที่ขี้เกียจเสียจริง จูมี่เอินเปิดประตูเข้าไปด้วยความเคยชินและออกตัวเดินนำไปก่อน เมื่อได้กลับมา

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 2

    ....... รถม้าเดินทางออกจากวังแล้ว จูมี่เอินเลือกรถม้าที่ดูธรรมดาที่สุดแต่ก็ยังถือว่าค่อนข้างเตะตาไม่น้อย การเดินทางรอบนี้มีเพียงฟางอี้ที่เป็นคนขับรถม้าตามมาด้วยเท่านั้น เพราะจูมี่เอินไม่อยากให้สะดุดตา แต่นางก็รู้ว่าสามีได้เตรียมองครักษ์เงาให้ตามอยู่ห่างๆ แล้ว "ข้างนอกคึกคักยิ่งนัก" จูมี่เอินเลิกม่านมองดูเมืองหลวงที่ตนไม่ได้กลับมานานถึงสองปี ตื่นเต้นจนถึงขั้นเกาะขอบหน้าต่างดูเหมือนเด็กน้อยที่ไม่เคยออกจากบ้าน "อดีตผู้สำเร็จราชการแทนทำงานได้ดี" เหรินโย่วหลุนยามนี้ใส่ชุดสีเขียวอ่อนกำลังนั่งกอดอกพิงพนักที่นั่งและมองดูด้านนอกรถม้าเช่นกัน ตอนนี้คือยามอู่[1] ผู้คนเลยสัญจรไปมาค่อนข้างมาก ของขายข้างทางก็มีไม่น้อย เหรินโย่วหลุนเองก็รู้สึกแปลกตาเช่นกัน แต่ก็รักษาท่าทีสุขุมไว้ ([1] ยามอู่ 11.00 น. -12.59 น.) "..." จูมี่เอินนิ่งไปสักพักเมื่อเห็นสตรีงดงามผู้หนึ่งเดินเคียงมากับบุรุษที่เหมือนจะคุ้นหน้าก็ขมวดคิ้วมอง "อาหลุน คนนั้นไม่ใช่...ฟู่เจาหยางกระมัง" "..."เหรินโย่วหลุนทันทีที่ได้ยินชื่อบุรุษอื่นออกจากปากของภรรยาก็หรี่ตาลงด้วยความไม่สบอารมณ์ ขยับเอนตัวไปมองผ่านศีรษะขอ

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 1

    ตอนพิเศษ 1 หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป เหรินโย่วหลุนเห็นถิงถิงวิ่งเข้ามาขอเข้าเฝ้าหน้าตื่นก็ลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา ด้วยวางใจว่าตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา ภรรยาดูท่าตกลงปลงใจจะอยู่กับเขาไม่หนีไปไหนอีก เขาจึงกลับมาทำงานดังเดิม แต่ท่าทางของถิงถิงก็ทำกังวลขึ้นมา เหรินโย่วหลุนไม่แม้แต่จะรอเรื่องที่ถิงถิงได้รายงานก็รีบวิ่งออกจากห้องทรงงานของตนไปแล้ว เป็นดังคาด เมื่อเข้ามาถึงที่ห้องก็พบว่าภรรยากำลังเก็บเสื้อผ้าอยู่ "มี่เอิน เจ้าจะไปไหน!!!" เหรินโย่วหลุนตะโกนลั่นตำหนัก ดังไปไกลหลายจั้ง[1] ทำเอาคนที่กำลังหันหลังจัดห่อผ้าอยู่สะดุ้งเฮือก "อาหลุน..." คนตัวเล็กหันมาเรียกหาเขาเสียงเบา ตอนแรกยังยกยิ้มตาหยีส่งไปเพื่อระงับโทสะของอีกฝ่าย หากแต่เมื่อเห็นสามีเดินหน้าตั้งเข้ามาหาด้วยใบหน้าโกรธขึงนางก็หุบยิ้มลง หมุนกายรีบปีนหนีขึ้นเตียงไป ด้วยความตัวเล็กท่าทางตอนหนีเลยดูเหมือนกระต่ายน้อยกำลังกระโดดไปมา "ท่าน ท่าน! ใจเย็นก่อน" นางร้องเสียงหลง ไต่ตัวเข้าไปด้านในสุดของเตียง แต่พบว่าตนเองตัดสินใจผิดเสียแล้ว นอกจากทางที่เพิ่งขึ้นมาเมื่อครู่ รอบด้านก็ไม่มีทางให้หลบหนีอีก "จะหนีไปไหนอีก" เ

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   167 สัญญาที่จะอยู่ด้วยกันจนผมขาวนั้น จะคงเป็นนิรันดร์ตลอดไป (จบบริบูรณ์)

    จูมี่เอินยืนนิ่ง จ้องมองบานประตูตำหนักของเหรินเยว่เทียนเพราะเพิ่งโดนไล่ออกมา ก่อนจะหันมองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของตน เอาเถอะ แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังโดนไล่ออกมา นางเองก็ควรปล่อยให้เหรินเยว่เทียนได้พักผ่อน จูมี่เอินจึงคิดจะกลับตำหนักของตนเอง "จะไปที่ใด?" เหรินโย่วหลุนเพียงแค่เห็นภรรยาขยับกายก็เอ่ยปากถามอีกรอบ วันนี้เขาพูดประโยคนี้ไปกี่ครั้งแล้วก็ไม่อาจนับได้ครบ "กลับตำหนัก" ความจริงแล้วเหรินโย่วหลุนไม่น่าถาม ที่ที่จูมี่เอินจะไปก็มีแค่ตำหนักของตนเองเท่านั้น หรือในตอนนี้ก็คือตำหนักบรรทมของฮ่องเต้นั่นเอง เพราะเขาไม่ยอมให้นางย้ายไปอยู่ที่ตำหนักในวังหลังเหมือนเมื่อก่อน กฏวังหลังถูกเขาเมินไปเสียแล้ว ครั้นพอได้นึกถึงก็คิดว่าที่แห่งนั้นยามนี้ต่อให้ไม่เหมือนในนิมิตรที่ถูกรื้อจนไม่เหลือเค้าเดิม แต่ก็คงเงียบเหงาไม่ต่างกัน พอคนตัวเล็กเดินนำ เหรินโย่วหลุนก็เดินตาม "..." ระหว่างทางเขาก็มองท้องฟ้า ยังไม่มืด หันมองภรรยาที่ร่างกายยังไม่หายดีจากรอยช้ำที่เขาทำไว้ก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ หากรู้ว่าเรื่องจะมาถึงยามที่เขาและนางสามารถกลับมาอยู่ด้วยกันได้ปกติโดยที่นางไม่คิดหนีไปอีก หลายวันที่

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status