แชร์

ตอนที่ 50 แค่บังเอิญเจอกัน

ผู้เขียน: เสี่ยวเทีย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-28 03:04:53

"เหตุใดเหรินเยว่เทียนถึงมากับเจ้า?"

จูมี่เอินตกใจจนเผลอเงยหน้าขึ้น ฮ่องเต้ไม่ใช่คนส่งเขามาหรือ งั้นนางควรตอบออกไปเช่นไร นางไม่ใช่คนชอบพูดปด ครั้งที่เคยโกหกออกไปนั้นก็แทบนับได้ ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งว่าให้อยู่ห่างจากอ๋องห้า นางก็คิดว่าเขาคงห่วงน้องชายตนที่มาคลุกคลีอยู่กับนักบวชที่มีชนชั้นธรรมดา

แต่ต่อมาเหรินเยว่เทียนก็มาหานางที่หมู่บ้านนั้นและบอกเป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท พอตอนนี้ฮ่องเต้ทรงถามเช่นนี้ก็รู้ได้ว่าเหรินเยว่เทียนนั้นโกหก ดังนั้นตอนนี้นางควรตอบเช่นไรเพื่อให้ไม่มีใครได้รับผลกระทบดี

"บังเอิญผ่านมาเจอกันเท่านั้นเพคะ" พูดจบก็ลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างอยากลำบาก มือเล็กกำถาดไม้แน่นขึ้น

บังเอิญเจอ? เหรินโยว่หลุนมีสีหน้าเรียบเฉยแววตามืดดำลงหลายส่วน เขาสอบถามทหารสองคนนั้นที่ได้ส่งให้ตามจูมี่เอินไป คอยดูแลนางและอย่าให้นางออกนอกเส้นทาง ก็ได้ความว่าเหรินเยว่เทียนตามไปช่วยนางที่หมู่บ้าน นี่มันคนละทางกับคำตอบของสตรีตรงหน้าเลยนี่น่า

มี่เอิน...เจ้ากลับเลือกที่จะโกหกข้าเพราะเหรินเยว่เทียน?หรือบางทีเหรินเยว่เทียนจะรู้ว่านางไม่ได้เป็นนักบวชจริงๆ ถึงได้ตามใกล้ชิดส
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 51 ฮ่องเต้...หม่อมฉันเป็นนักบวช (แบบเดียวกับตัวอย่าง ไม่ต้องกดซื้อล่วงหน้า)

    "ในเมื่อเท่าที่เจ้าเล่ามา... การสัมผัสอาจทำให้เจ้าเห็นอนาคตของผู้อื่นเพิ่มมากขึ้น งั้นเรามาลองกันหน่อยดีหรือไม่?" เหรินโย่วหลุนมองหญิงสาวในชุดขาวไม่วางตา ใบหน้าสวยสะครานตาก้มหน้าลงต่ำ ผมดำยาวของนางถูกจัดแต่งทรงไว้อย่างงดงาม หัวไหล่มนเล็กที่คล้ายสามารถโดนลมพัดปลิวได้พาให้คนอยากปกป้อง ความน่าดึงดูดที่แปลกประหลาดที่เกิดจากตัวนางนั้น มาจากความสามารถพิเศษของนางหรือไม่เขาก็ไม่อาจคาดเดาได้ แต่นางกลับสามารถทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปจากนางได้เลย โดยไม่รู้ตัวทุกวันเมื่อเมื่อยล้าสายตาก็จะหันไปมองนาง ก็จะเห็นนางนั่งอยู่ต่อหน้าตนเองตลอด อยู่ในห้องทรงอักษรด้วยกันกับเขา นั่งหลับตาคล้ายตัดตนออกจากโลกภายนอก ยามนางจากไปเพียงไม่กี่วันเขาก็แทบทนไม่ไหว รู้ตัวอีกทีก็ต้องการเอาเชือกมาผูกมัดนางไว้กับเขาตลอดเวลาเสียแล้ว หากพูดถึงถ้านางไม่ได้เป็นนักบวช ใบหน้าเช่นนี้คงถูกจับมาเป็นบุตรสาวบุญธรรมของพวกขุนนางไปแล้ว คนพวกนั้นต้องการอำนาจมากมายเพียงใดทำไมเขาจะไม่รู้ ต่อจากรับนางมาเป็นบุตรสาวแล้วก็คงจับนางแต่งเข้ามาเป็นสนมของเขาเป็นแน่ ทว่ายามนี้นางกลับสวมอาภรณ์ของนักบวชหญิง ใครอยากทำเช่นนั้นก็ทำได้แ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-28
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตัวอย่างบทบาทตอน + แนะนำตัวละคร

    ...เป็นบทนำเสนอหน้าเล่มนะเจ้าค่ะ เพราะเนื่องจากเรื่องจะดำเนินตั้งแต่นางเอกเด็กๆ ทำให้ตอนปูเรื่องมาอาจน่าเบื่อไปบ้าง เลยถือโอกาสหยิบยกตอนที่เริ่มเข้มข้นแล้วมานำเสนอไว้ตอนแรกสุด และเป็นที่มาของชื่อนิยายด้วยค่ะ..... ...... "ในเมื่อเท่าที่เจ้าเล่ามา... การสัมผัสอาจทำให้เจ้าเห็นอนาคตของผู้อื่นเพิ่มมากขึ้น งั้นเรามาลองกันหน่อยดีหรือไม่?" เหรินโย่วหลุนมองหญิงสาวในชุดขาวไม่วางตา ใบหน้าสวยสะครานตาก้มหน้าลงต่ำ ผมดำยาวของนางถูกจัดแต่งทรงไว้อย่างงดงาม หัวไหล่มนเล็กที่คล้ายสามารถโดนลมพัดปลิวได้พาให้คนอยากปกป้อง ความน่าดึงดูดที่แปลกประหลาดที่เกิดจากตัวนางนั้น มาจากความสามารถพิเศษของนางหรือไม่เขาก็ไม่อาจคาดเดาได้ แต่นางกลับสามารถทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปจากนางได้เลย โดยไม่รู้ตัวทุกวันเมื่อเมื่อยล้าสายตาก็จะหันไปมองนาง ก็จะเห็นนางนั่งอยู่ต่อหน้าตนเองตลอด อยู่ในห้องทรงอักษรด้วยกันกับเขา นั่งหลับตาคล้ายตัดตนออกจากโลกภายนอก ยามนางจากไปเพียงไม่กี่วันเขาก็แทบทนไม่ไหว รู้ตัวอีกทีก็ต้องการเอาเชือกมาผูกมัดนางไว้กับเขาตลอดเวลาเสียแล้ว หากพูดถึงถ้านางไม่ได้เป็นนักบวช ใบหน้าเช่นนี้คง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-26
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   1 วัยเยาว์ที่รันทด

    บทนำ บ้านของจูมี่เอินก็ไม่ได้ร่ำรวยอันใด เพียงทำธูปหอม กำยานทั่วไป แต่ก็ถือว่ามีเงินทองเก่าแก่ของรุ่นปู่รุ่นย่าทิ้งไว้ให้ ทำให้ครอบครัวของนางมีอันจะกินมากกว่าบ้านอื่น จูมี่เอินปีนี้อายุได้เพียงแค่สิบขวบ กลับต้องพบเจอเรื่องสะเทือนใจที่เด็กคนหนึ่งยากจะรับไหว เป็นเพราะครอบครัวของนางอาศัยอยู่ในหมู่บ้านห่างไกลไร้หมอ ไร้ยารักษาโรค บิดาของนางป่วยหนักจึงเสียชีวิตลงโดยไม่ทันได้รับการรักษา นางเป็นเพียงแค่เด็กสิบขวบไหนเลยจะเข้มแข็งพอที่จะเผชิญเรื่องสูญเสียขนาดนี้ได้ แต่ยังดีที่ว่านางยังมีมารดาอยู่เรื่องราวในตอนนี้เลยไม่ได้โหดร้ายจนเกินไป ตอนนี้ค่ำแล้ว จูมี่เอินยืนมองประตูรั้วบ้านที่เปิดอ้าออกอยู่ แสงจันทร์วันนี้ดูเหมือนเป็นใจ มันส่องสว่างจนมองเห็นบริเวณรอบกายโดยไม่ต้องใช้คบไฟ ประตูบานนี้ที่นางกำลังมองอยู่นั้นดูแปลกตาเล็กน้อย เพราะปกติมันมักจะปิดอยู่เสมอ นางจำไม่ได้แล้วว่านานเท่าไหร่ที่นางไม่เคยก้าวขาออกจากบ้านหลังนี้ จำได้เพียงสาเหตุของเรื่องราวที่ทำให้นางถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างเลือนลางเท่านั้น เรื่องราวเกิดขึ้นเพราะดวงตาวิเศษของนาง การมองเห็นความตายของผู้อื่น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-26
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   2 พลัดหลง

    ค่ำแล้ว...นางกัดฟันมองประตูรั้วของบ้านที่ถูกทำขึ้นมาจนปิดหมดทั้งจวน เนื่องจากจะได้ไม่มีใครมองเห็นนาง บิดาถึงได้ทำประตูรั้วจนทึบเช่นนี้ไว้รอบบ้าน ตัดนางออกจากผู้คนภายนอก ยามนี้พอนางจะก้าวขาออกจากบ้านก็นึกหวาดกลัวขึ้นมา หันมองร่างไร้วิญญาณของบิดาที่มีผ้าขาวปิดไว้ นางก็กัดฟันก้าวขาเดิน ลากรถเข็นที่มีร่างของบิดาอยู่บนนั้น ความกลัวกัดกินในใจ คล้ายออกจากที่หลบภัยสู่โลกภายนอก มองเห็นมารดายืนรออยู่หน้าบ้านก็พยายามออกแรงลากรถเข็นออกไปหา มือเล็กเต็มไปด้วยเหงื่อชุ่มจากความประหม่า ทว่าเมื่อเดินออกมาพ้นประตูแล้วก็มีความกล้าขึ้นหลายส่วน ยามนี้เพราะมืดแล้วคนในหมู่บ้านต่างพากันเข้านอนหมด นางจึงสามารถนำร่างของบิดาออกไปฝังกับมารดาได้ 'ถ้าหากวันใดข้าจากไปแล้วให้เจ้าพาข้าไปฝังไว้ที่เขาด้านหลัง ที่นั่นมีหลุมศพอยู่หลุมหนึ่ง ฝังข้าไว้ตรงนั้นข้างหลุมศพนั้น' นึกถึงเสียงพูดของบิดาที่อ่อนแรงยามพูดออกมาคล้ายคนที่ไม่อาจจากไปได้อย่างสงบ นางสงสารเขาจับใจ แน่นอน ด้วยดวงตาของนางนั้น จูมี่เอินรู้ว่าบิดาจะจากไป นางเห็นภาพตั้งแต่ครั้งนั้นที่บิดาโอบกอดนางไว้กลางฝูงชน แต่เพียงเพราะกลัว กลัวที

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-26
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 3 จำต้องจากไป

    "นางปีศาจ นางเป็นปีศาจ นางอยู่ทางนี้!" ชายผู้นั้นตะโกนไม่เลิก เพราะกลัวจูมี่เอินจะมาทำร้ายตนเอง จูมี่เอินใจสั่นขาอ่อน แต่จำต้องหันหลังวิ่งหนี นางไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนที่เหลือมาถึง ชายผู้ที่พบนางเป็นคนแรกนั้นหวาดกลัวนางไม่กล้าเข้าใกล้ หากแต่มนุษย์นั้นเมื่ออยู่กันเป็นกลุ่มก็คล้ายฝูงสุนัข กัดไม่เลือก ยอมตายไม่ยอมถอย เมื่อถึงเวลานั้นนางที่ไร้ที่พึ่งคงไม่สามารถมีชีวิตรอดได้ ในหัวน้อยๆ ตอนนี้มีเพียงคำว่า 'หนี' เท่านั้น เท้าเล็กออกวิ่งไปในป่าด้วยความกลัว หนีจากคนเหล่านั้นเข้าไปลึกกว่าตอนแรกเสียอีก ปากก็ยังคงเรียกหามารดา อยู่ร่ำไป ทั้งที่รู้ว่าตนเรียกไปก็เท่านั้น นางไม่ได้อยากให้มารดาออกมาตอนนี้ เพราะกลัวมารดาจะเดือดร้อนไปด้วย ตุ๊บๆๆ จูมี่เอินไม่ระวังกลิ้งตกเนินไปหลายต่อหลายรอบ นางยังเด็กไร้ประสบการณ์ ไร้ความเคยชินในป่า กลิ้งตกเนินอยู่แบบนั้นจนหนีพ้นกลุ่มคนเหล่านั้นได้ในที่สุด เนื้อตัวที่คราแรกเปื้อนดินยามขุดหลุม ยามนี้ก็เปื้อนดินที่ตนกลิ้งใส่ แถมตามเนื้อตัวยังมีรอยเลือดจากการโดนบาดด้วยหินและกิ่งไม้ที่พื้นอีก สภาพนางตอนนี้น่ากลัวเสียยิ่งกลัวน่ากลัวไปแล้ว ผ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-26
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 4 ยึดอาราม

    "ข้ายังนึกว่าเจ้าจะหลับเลยวันเสียอีก หากเจ้าตื่นแล้วข้าจะได้ไปเสียที" หญิงชราเองยังนึกว่าเด็กน้อยคงต้องนอนพักอีกหลายวันกว่าจะฟื้น แต่เด็กคนนี้กลับตื่นขึ้นมาไวมาก ยามนี้หญิงชราก็สามารถกลับบ้านได้อย่างสบายใจแล้ว จูมี่เอินเมื่อเห็นว่าคนที่ให้อาหารกำลังจะจากไปก็รีบคลานลงเตียงไปด้วยความไว เดินตามหญิงชราไป ยามนี้ถึงเพิ่งจะสังเกตชุดใหม่ที่ตนใส่ ผ้าพันแผลที่มีตามตัว เป็นหญิงชราหรือที่ทำแผลให้นาง? หญิงชราหันมองจูมี่เอินที่ตามมาจนถึงหน้าห้อง "เจ้าหลงทางหรือ?" หญิงชราถามออกไปแต่กลับไม่ได้คำตอบใดๆ กลับมา "..." เด็กน้อยมองนางตาใสแป๋ว ปากเคี้ยวแผ่นแป้งไม่พูดไม่จา ดวงตาของเด็กหญิงกระจ่างใสคล้ายไม่ถูกโลกอันโหดร้ายกัดเซาะได้ ทั้งที่น่าจะผ่านความโหดร้ายมากมายกลับไม่ถูกสิ่งเหล่านั้นรบกวนจิตใจแม้แต่น้อย "จำทางกลับบ้านได้รึไม่?" เมื่อลองถามประโยคอื่นดูก็เหมือนเดิม ไร้ซึ่งคำตอบใดๆกลับมา "..." "ถ้างั้นเจ้าพักอยู่ที่นี่ก่อนเถิด ข้าต้องกลับแล้ว ไว้จะมาหาเจ้าใหม่" หญิงชราลูบไปที่หัวเด็กน้อยเบาๆ นางมาไหว้ขอพรที่อาราม ยามนี้ใกล้ค่ำแล้ว นางเองก็ต้องกลับจวนเหม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-26
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 5 ตัดขาดจากโลก

    สี่ปีแล้วตั้งแต่จูมี่เอินเข้ามายึดอารามในวันแรก หลี่ลู่ซือโค้งหัวลงเล็กน้อยรับไหว้จากชาวบ้านที่มาอารามและกำลังจะลากลับ ยามนั้นเมื่อมองผู้มาเยือนจากไปก็ทอดสายตากลับไปมองเด็กสาวที่ลานกว้าง กำลังขมักเขม้นกวาดพื้นที่เต็มไปด้วยใบไม้อย่างตั้งอกตั้งใจ นางสวมใส่ชุดเก่าๆ สีน้ำเงินเข้ม ชายเสื้อขาดหลุดรุ่ยหลายส่วน ผมถูกมัดไว้ลวกๆ คล้ายไม่ใส่ใจกับรูปลักษณ์ของตน นึกถึงตอนที่นางเริ่มพูดกับเขาใหม่ๆ เมื่อสามปีก่อน ยามนั้นนางเองก็เริ่มเปิดใจคุยกับชาวบ้านที่มายังอารามบ้าง แต่หลังจากที่นางทักท้วงบางอย่างไปคนที่หมู่บ้านก็เริ่มมาที่อารามน้อยลง เขาสังเกตก็ได้รู้ว่านางนั้นมีบางอย่างที่ไม่เหมือนคนอื่น นึกถึงครั้งที่นางพยายามขอให้เขารับนางเข้ามาในฐานะนักบวชหญิง เขาก็ลังเลเพราะรู้ว่านางไม่อาจเป็นแค่นักบวชหญิงธรรมดา จึงยังชั่งใจอยู่นานจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่อาจตัดสินใจได้เสียที ตอนหลังเมื่อนางไม่รบเร้าเรื่องนั้นแล้วเขาก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้อีกเช่นกัน จูมี่เอินที่กวาดพื้นเอาเป็นเอาตายเองก็นึกถึงเรื่องที่ตนทำพลาดอีกแล้วเมื่อสามปีก่อน หลังจากเริ่มพูดคุยกับคนอื่นได้อีกครั้งก็เกิดเรื่อง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-26
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 6 เข้าใจถึงพรวิเศษ

    จูมี่เอินนั้นนอกจากจะเย็บผ้าไม่เป็นแล้วทักษะด้านอื่นในการเป็นหญิงสาวนางก็พอมีบ้าง ทำอาหารก็ใช้ได้ งานบ้านก็เรียบร้อย อารามแห่งนี้แม่จะเก่าแต่ก็ถูกนางทำความสะอาดจนไม่มีแม้แต่ฝุ่น แต่เพราะอารามตั้งอยู่ในเขตป่าทำให้มีใบไม้มากทีเดียว สิ่งที่ทำให้นางหนักใจที่สุดก็คือใบไม้พวกนี้นี่แหละที่กินเวลางานของนางมากกว่าสิ่งอื่น วันนี้พอทำความสะอาดเสร็จนางก็ไปยกกองหนังสือมากองหนึ่ง ปักหลักลงใต้ต้นไม้ใหญ่กลางอาราม ที่ซึ่งเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของจูมี่เอิน นางนั่งอยู่ตรงนั้นล้อมรอบด้วยกองหนังสือที่อยู่ข้างกาย หนังสือพวกนี้เป็นของคุณหนูท่านหนึ่งฝากให้บ่าวรับใช้นำมาบริจาคไว้ที่อารามเผื่อมีคนมาเอาไปอ่าน ซึ่งก็มี่แค่จูมี่เอินเท่านั้นที่สนใจ ในกองหนังสือมีเล่มหนึ่งที่จูมี่เอินสนใจเป็นพิเศษ นั้นคือเรื่องราวของคนที่มีพรสวรรค์ คล้ายกับว่าได้รับพลังมากจากเทพเซียน บางคนฝึกยุทธมีพลังลมปราณเหนือผู้อื่น บางคนมีความสามารถในการดูดวงดาว แม่นยำ อ่านชีวิตของผู้อื่นได้ บางคนสามารถได้ยินไกลหลายลี้ ที่จูมี่เอินชอบที่สุดคงจะเป็นเรื่องเล่าของ หัตถ์เซียน นาม กู่เฟยเซียน ยาที่ผ่านมือ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-26

บทล่าสุด

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 51 ฮ่องเต้...หม่อมฉันเป็นนักบวช (แบบเดียวกับตัวอย่าง ไม่ต้องกดซื้อล่วงหน้า)

    "ในเมื่อเท่าที่เจ้าเล่ามา... การสัมผัสอาจทำให้เจ้าเห็นอนาคตของผู้อื่นเพิ่มมากขึ้น งั้นเรามาลองกันหน่อยดีหรือไม่?" เหรินโย่วหลุนมองหญิงสาวในชุดขาวไม่วางตา ใบหน้าสวยสะครานตาก้มหน้าลงต่ำ ผมดำยาวของนางถูกจัดแต่งทรงไว้อย่างงดงาม หัวไหล่มนเล็กที่คล้ายสามารถโดนลมพัดปลิวได้พาให้คนอยากปกป้อง ความน่าดึงดูดที่แปลกประหลาดที่เกิดจากตัวนางนั้น มาจากความสามารถพิเศษของนางหรือไม่เขาก็ไม่อาจคาดเดาได้ แต่นางกลับสามารถทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปจากนางได้เลย โดยไม่รู้ตัวทุกวันเมื่อเมื่อยล้าสายตาก็จะหันไปมองนาง ก็จะเห็นนางนั่งอยู่ต่อหน้าตนเองตลอด อยู่ในห้องทรงอักษรด้วยกันกับเขา นั่งหลับตาคล้ายตัดตนออกจากโลกภายนอก ยามนางจากไปเพียงไม่กี่วันเขาก็แทบทนไม่ไหว รู้ตัวอีกทีก็ต้องการเอาเชือกมาผูกมัดนางไว้กับเขาตลอดเวลาเสียแล้ว หากพูดถึงถ้านางไม่ได้เป็นนักบวช ใบหน้าเช่นนี้คงถูกจับมาเป็นบุตรสาวบุญธรรมของพวกขุนนางไปแล้ว คนพวกนั้นต้องการอำนาจมากมายเพียงใดทำไมเขาจะไม่รู้ ต่อจากรับนางมาเป็นบุตรสาวแล้วก็คงจับนางแต่งเข้ามาเป็นสนมของเขาเป็นแน่ ทว่ายามนี้นางกลับสวมอาภรณ์ของนักบวชหญิง ใครอยากทำเช่นนั้นก็ทำได้แ

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 50 แค่บังเอิญเจอกัน

    "เหตุใดเหรินเยว่เทียนถึงมากับเจ้า?" จูมี่เอินตกใจจนเผลอเงยหน้าขึ้น ฮ่องเต้ไม่ใช่คนส่งเขามาหรือ งั้นนางควรตอบออกไปเช่นไร นางไม่ใช่คนชอบพูดปด ครั้งที่เคยโกหกออกไปนั้นก็แทบนับได้ ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งว่าให้อยู่ห่างจากอ๋องห้า นางก็คิดว่าเขาคงห่วงน้องชายตนที่มาคลุกคลีอยู่กับนักบวชที่มีชนชั้นธรรมดา แต่ต่อมาเหรินเยว่เทียนก็มาหานางที่หมู่บ้านนั้นและบอกเป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท พอตอนนี้ฮ่องเต้ทรงถามเช่นนี้ก็รู้ได้ว่าเหรินเยว่เทียนนั้นโกหก ดังนั้นตอนนี้นางควรตอบเช่นไรเพื่อให้ไม่มีใครได้รับผลกระทบดี "บังเอิญผ่านมาเจอกันเท่านั้นเพคะ" พูดจบก็ลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างอยากลำบาก มือเล็กกำถาดไม้แน่นขึ้น บังเอิญเจอ? เหรินโยว่หลุนมีสีหน้าเรียบเฉยแววตามืดดำลงหลายส่วน เขาสอบถามทหารสองคนนั้นที่ได้ส่งให้ตามจูมี่เอินไป คอยดูแลนางและอย่าให้นางออกนอกเส้นทาง ก็ได้ความว่าเหรินเยว่เทียนตามไปช่วยนางที่หมู่บ้าน นี่มันคนละทางกับคำตอบของสตรีตรงหน้าเลยนี่น่า มี่เอิน...เจ้ากลับเลือกที่จะโกหกข้าเพราะเหรินเยว่เทียน?หรือบางทีเหรินเยว่เทียนจะรู้ว่านางไม่ได้เป็นนักบวชจริงๆ ถึงได้ตามใกล้ชิดส

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 49 ไม่ควรสงสัยในตัวเขา

    จูมี่เอินกลับมาก็ได้อาบน้ำชำระร่างกายเปลี่ยนชุดเตรียมเข้านอน นางหยิบผ้าคลุมที่เปื้อนเลือดขึ้นมาจากโต๊ะน้ำชากลางห้อง ดีที่มันค่อนข้างหนาทำให้ไม่ไปเลอะชุดด้านในของนางที่เป็นสีขาว ชุดพระราชทานนั้นหากเสียหายขึ้นมานางคงโดนโทษหนักเป็นแน่ ถึงคนที่ทำเลอะจะเป็นคนที่ให้นางมาก็ตามเถอะ เหม่อมองดูผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มที่เปื้อนเลือดคิดว่าซักยังไงก็คงไม่ออกนางเลยตัดสินใจทิ้งไป "ท่านนักบวชหลวง" พลันได้ยินเสียงเรียกของสตรีดังขึ้นหน้าห้องของตน จูมี่เอินวางเสื้อคลุมลงที่โต๊ะน้ำชาตามเดิมแล้วเดินไปที่หน้าประตู "มีอะไรรึ" ยามนี้ก็ดึกมากแล้วเหตุใดนางกำนัลถึงมาเรียกนางหน้าห้องเวลานี้ "ฝ่าบาทมีรับสั่งให้เข้าเฝ้า พระองค์ทรงตรัสว่ารู้สึกไม่ดี เหมือนจะนอนไม่หลับ อยากให้ท่านนักบวชไปจุดธูปหอมและปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้เจ้าค่ะ" "ข้าเข้าใจแล้ว เจ้ารอข้าสักครู่เถิด" จูมี่เอินคิดว่าฝ่าบาทเองก็คงตกใจกับเหตุการณ์ที่ได้พบวันนี้ นางจึงรีบเดินกลับเข้าไปในตัวห้องนอนเพื่อไปเปลี่ยนชุดทันที ได้ยินว่าในรัชศกของฮ่องเต้องค์ก่อนได้ลงนามเป็นพันธมิตรกับแคว้นโดยรอบทั้งหมดแล้ว ทำให้นอกจากโรคภัยไข้เจ็บ ภ

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 48 ที่แท้ก็เข้าใจผิด

    "มี่เอิน ข้าช่วยประคองเสด็จพี่เอง" เป็นเหรินเยว่เทียนที่พูดขึ้นอย่างจงใจ มุมปากตอนนี้ก็กดยิ้มไว้แน่นพยายามกลั้นรอยยิ้มไว้สุดฤทธิ์ แต่แววตากับเป็นประกายระยิบระยับไม่อาจซ้อนไว้ได้ จูมี่เอินหันเพิ่งจะหันไปสนใจสามคนที่ตามมา ดวงตากลมโตกระพริบสองสามครั้ง นั่นสิ ให้พวกเขาช่วยน่าจะพาฮ่องเต้กลับไปได้ไวยิ่งกว่า "ใครอยากให้เจ้าช่วยกัน!" เหรินโยว่หลุนยืดตัวขึ้นเอามือพ่ายหลังท่าทางวางอำนาจ แถมยังแผ่กระจายความกดดันรอบตัวใส่ผู้อื่นอีกด้วย จูมี่เอินถึงกับผละออกมามองท่าทางของเขาอีกที ไม่เจ็บแล้ว? หรือยังทนไหว? พลันมีคำถามในหัวขึ้นมากมาย ตอนนั้นองค์รักษ์ส่วนพระองค์ก็ปรากฏกายขึ้นด้านหลังของเหรินโยว่หลุนและกล่าวว่า "จัดการด้านในเรียบร้อยแล้วพะยะค่ะ" เป็นฟางอี้นั้นเอง จูมี่เอินเมื่อได้ยินเข้าใจได้ในทันที นิมิตรนั้นคนที่ได้รับบาดเจ็บหรือถึงขั้นเสียชีวิตไม่ใช่ฮ่องเต้ของตน กลับเป็นอีกคนที่อยู่ในห้องนั้น เลือดบนตัวนี้หาใช่ของฝ่าบาทไม่ เพราะนางไม่เห็นบาดแผลของเขาเลย น่าจะเป็นเลือดของอีกฝ่าย แล้วเลือดของอีกฝ่ายจะมาเปื้อนเขาขนาดนี้ได้ยังไงถ้าเขาไม่ได้อยู่ใกล้ขนาดระยะปะชิด และเป็นคนล

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 47 ท่านพี่ นั่นนักบวชนะ

    "มี่เอิน?" เสียงในความมืดตอบกลับมาด้วยความแปลกใจ เหรินโยว่หลุนไหนเลยจะไปคาดคิดว่าจะเจอนางที่นี่ และสภาพเช่นนี้ มองสองคนที่ตนส่งให้ดูแลนางตลอดการเดินทางวิ่งตามมาด้านหลังไม่ไกลก็โล่งใจขึ้นมานิดหนึ่ง คิดว่านางโดนใครทำร้ายแล้ววิ่งหนีมาและเผอิญเจอเขาพอเข้าดีเสียอีก "ฝ่าบาท!" ร่างบางพุ่งเข้ามาประชิดตัวของเหรินโยว่หลุน มือเล็กจับรอบลอยเลือดแผ่วเบา ท่าทางระแวดระวังไม่ได้สัมผัสตรงกลางรอยโดยตรงเพราะกลัวจะไปโดนแผลของเขาเข้า ยามนี้จางเฉินและหวงตงก็มาถึงพอดี เมื่อได้รู้ว่าจูมี่เอินเรียกคนตรงหน้าว่าอะไรพวกเขาก็รีบก้มหน้าลงไม่กล้ามองพระพักตร์ฮ่องเต้โดยตรง ทั้งคู่มีสีหน้ากังวลขึ้นมา ตอนได้ภารกิจนี้คิดว่าง่ายมาก รอเพียงพาท่านนักบวชหลวงกลับไปก็จะได้เลื่อนขั้นไปอีกขั้น แต่พอตอนนี้มาเจอฮ่องเต้เข้าระหว่างทางก็รู้ว่าตนนั้นได้ทำงานพลาดแล้วที่ไม่ส่งท่านนักบวชหลวงกลับให้ถึงวังตั้งแต่แรก แต่เมื่อทหารทั้งสองสังเกตรอบกายก็คล้ายมีกลิ่นเลือดปะปนในอากาศ จึงพากันเงยหน้าขึ้นมอง ตอนนั้นถึงได้เห็นเสื้อของฮ่องเต้มีรอยเลือดอยู่ พวกเขาเตรียมท่าจะเข้าไปช่วยกลับถูกฝั่งตรงข้ามยกมือขึ้นห้ามก่อน ย

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 46 ข้าไม่ยินยอมให้ท่านตาย

    "พี่เฉิน!" ร่างบางในชุดคลุมน้ำเงินรีบวิ่งไปหาหนึ่งในทหารที่ตามนางมาด้วย ในใจร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก ฮ่องเต้ของนาง ในนิมิตรนั้น เลือดนั้น ทำให้นางมือสั่นจนห้ามตนเองไม่อยู่ "มี่เอินเจ้าเจองูรึ?" จางเฉินเห็นนางวิ่งมาหน้าตั้งก็คิดว่าเจอสัตว์ร้ายอะไรเข้า เหรินเยว่เทียนที่อยู่แถวนั้นด้วยก็รีบวิ่งมาดูด้วยความเป็นห่วง "โรงน้ำชาชื่อเยว่กวาง [1] ท่านรู้จักหรือไม่?" ดวงตากลมเบิกโตคล้ายมีน้ำตาชั้นบางเคลือบอยู่หนึ่งชั้น ^ (เยว่กวาง แปลว่าแสงจันทร์) เหรินเยว่เทียนมองท่าทางร้อนลนของนางด้วยความแปลกใจ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นนักบวชหญิงเป็นเช่นนี้ "รู้จัก" จางเฉินก่อนได้มาเป็นทหารในวัง ได้รับมอบหมายลาดตะเวนที่นอกวังอยู่ห้าเดือน เป็นคนที่รู้จักในเมืองหลวงทุกซอกทุกมุม นางถามถูกคนแล้ว "อยู่ที่ใด!?" จูมี่เอินขยับเท้าไปอีกก้าวเร่งให้เขาตอบ "เป็นร้านน้ำชาที่ตั้งอยู่ที่เขตชานเมือง" "รีบเถิด ต้องรีบไป" จูมี่เอินวิ่งหันหลังกลับทันทีไม่ได้บอกว่าอะไรเป็นอะไร นางกลับไปที่ม้าของตน ปีนขึ้นม้าด้วยตนเองทั้งที่ยามปกติต้องมีคนคอยช่วยเพราะตัวนางค่อนข้างตัวเล็ก "นำทางข้าที!" ขึ

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 45 ถูกเรียกตัวกลับ

    แม้การช่วยเหลือท่านหมอและชาวบ้านจะไม่ได้ยากอะไรแต่ก็อยู่ต่างที่ทำให้รู้สึกแปลกไปบ้าง พอมีเหรินเยว่เทียนมาอยู่เป็นเพื่อนพูดคุยด้วยทั้งวันก็ทำให้คล้ายตนเองได้กลับไปอยู่ที่อารามของหมู่บ้านจิ้งสบายใจอย่างหายห่วง "ฮ่องเต้ทรงส่งเจ้ามาช่วยปัดเป่าวิญญาณอย่างนั้นหรือ" เหรินเยว่เทียนหาบน้ำเข้ามาในห้องครัวสองถัง เขาวางมันลงแล้วยกแขนเสื้อเช็ดเหงื่อ คราบคุณชายเจ้าสำราญถูกปัดทิ้งไปจากสายตาของจูมี่เอินแล้ว "..." จูมี่เอินพยักหน้าไป เป็นการโกหกที่นางไม่ชินเอาเสียเลย "แต่ดีที่ยังไม่มีผู้เสียชีวิต" จูมี่เอินยกยิ้มขึ้น เดินไปหาเขาแล้วตักน้ำไปเติมในข้าวต้มที่ต้มไว้อยู่ในกระทะใหญ่ ภายในห้องครัวที่มีเพียงคนสองคน กับไปความร้อนที่พวยพุ่งออกมาจากอาหาร เป็นภาพความทรงจำที่เหรินเยว่เทียนไม่เคยได้พบ ยามได้มองสตรีผู้นี้ทำอาหารก็ดูสงบใจอย่างบอกไม่ถูก การที่นางเป็นนักบวชมันทำให้ความรู้สึกของคนรอบข้างเบาสบายใจเช่นนั้นหรือไม่ "..." เหรินเยว่เทียนมองยังคงมองดูจูมี่เอินทำอาหาร และคิดว่าการช่วยเหลือมาทันได้ยังไง แม้จะดีที่ราษฎรในหมู่บ้านยังไม่มีใครเสียชีวิตจากโรคท้องร่วง แต่การส่งเสบียงมาได้ไวเช่

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 44 ใช้งานท่านอ๋องห้าอย่างหนำใจ

    ทำไมนะทำไมนางไม่เอาความฉลาดด้านนี้มาใช้กับชีวิตรอบตัวนางบ้าง แต่ก็ดี หากนางไม่ซื่อบื้อเขาเองก็โดนคนอื่นแย่งตัวนางไปนานแล้ว เหรินโยว่หลุนเงยหน้ามองฟางอี้ นี่ก็ซื้อบื้ออีกคน ฉลาดคิดฉลาดวางแผน เหรินโยว่หลุนถึงได้เลือกเขาเป็นมือขวาของตน แต่หากพูดถึงเรื่องความรักของหนุ่มสาวแล้วนั้น เรียกว่าพอๆ กับจูมี่เอินเลยทีเดียว เหรินโยว่หลุนยกมือไล่ฟางอี้ออกไป เมื่อองครักษ์ส่วนพระองค์จากไปแล้วเขาก็ลุกขึ้นเดินไปมองที่หน้าต่าง ทอดสายตามองดวงจันทร์ที่แขวนอยู่บนนภา เห็นดวงจันทร์แล้วทำให้นึกถึงใบหน้าของจูมี่เอินขึ้นมา 'นี่แค่สี่วันเอง' เหรินโยว่หลุนคิดในใจ นางจากไปแค่นี้ยังคิดถึงเสียแล้ว ครั้นเลยพาลไปให้นึกถึงตอนที่คิดจะพานางมาที่วังหลวง เพียงเพราะตามหานางมานานแค่คิดว่าอยากตอบแทนอะไรนางบ้างที่นางได้ช่วยชีวิตเขาไว้ พอเห็นอารามถูกเผาเขาก็เลยเชิญนางมาที่วังและอยากรู้ว่าสิ่งที่เขาคาดการณ์ว่านางสามารถเห็นอนาคตได้นั้นมันจริงหรือไม่ พอพิสูจน์ได้แล้วว่าจริง แต่ตอนนี้กลับไม่สามารถให้นางจากไปได้ รู้ตัวอีกทีความคิดที่อยากตอบแทนนางก็เปลี่ยนไปแล้ว ความต้องการในตัวนางกลับชัดเจนขึ้นแทนที่ ก้มมองม

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 43 ไม่ผิดแม้ตัวเดียว

    เจียงหลี่เฉียงเห็นร่างบางในชุดคลุมสีน้ำเงินสั่งคนดูแลรถสมุนไพรให้เอารถไปที่โรงหมอก็นึกแปลกใจขึ้นมามากกว่าเดิม เขาได้ยินอย่างชัดเจนว่านางบอกตำแหน่งที่ตั้งของโรงหมอของเขากับคนดูแลรถขนเสบียงว่าตั้งอยู่ส่วนไหนของหมู่บ้าน นางรู้ที่ตั้งของโรงหมอของเขาได้เช่นไร นึกไปนึกมาอีกครา ตนยังไม่ได้บอกนามออกไปเลยนะ หรือนางเห็นจดหมายลงชื่อเขาไว้งั้นหรือ? หรือเป็นไปได้ว่านางเป็นคนของหมู่บ้านนี้ ถึงได้รู้ทั้งชื่อและรู้ถึงที่ตั้งโรงหมอของเขา เมื่อครู่ยังรู้ด้วยว่าข้อเข่าของเขาไม่ค่อยดี เขาเดินทรงตัวไม่ดีหรือนางจึงสังเกตได้ เรื่องมากมายที่ไม่เข้าใจและไม่สามารถอธิบายได้พรั่งพรูเข้ามาในหัว พินิจมองดูนางอีกหลายครา เขาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาร่วมยี่สิบปีแล้ว เหมือนจะไม่เคยเห็นนางมาก่อน ผิวพรรณของนางก็ไม่เหมือนชาวบ้านที่หมู่บ้านนี้ด้วย เพราะที่นี่ปลูกข้าวทำสวนทำไร่กันเสียส่วนใหญ่ผิวค่อนข้างที่จะโดนแดดไหม้จนเข้มกว่านางหลายส่วน พอสตรีผู้นั้นสั่งการเสร็จก็เดินมาหาเขาอีกรอบ ในดวงตาที่มองเขานั้นเหมือนมองผู้มีพระคุณนั้นคืออะไรกัน เขามองผิดหรือไม่ "แม่นาง เออออ ท่านจูมี่เอิน เป็นครั้งแรกที่เห็นสตรี

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status