หน้าหลัก / รักโบราณ / ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช / ตอนที่ 17 แผนลอบสังหารที่พังไม่เป็นท่า

แชร์

ตอนที่ 17 แผนลอบสังหารที่พังไม่เป็นท่า

ผู้เขียน: เสี่ยวเทีย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-27 00:23:20

ห้องน้ำชาส่วนตัวแห่งหนึ่งในหมู่บ้านจิ้ง

ผ่านมาหลายชั่วยามแล้วสายฝนที่กระหน่ำลงมาเริ่มเบาบางลงแล้วและไม่นานก็หยุดลง ทิ้งไว้เพียงความเย็นชุ่มช่ำและหยาดน้ำฝนที่เกาะอยู่ทั่วบริเวณ

"ไม่สำเร็จ?" คนที่ลอบวางแผนในครั้งนี้ถึงกลับตามมาดูความสำเร็จของตนด้วยตนเอง ยามนี้เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างหันหลังให้คนที่มารายงาน คล้ายไม่เชื่อในสิ่งที่ตนได้ยินจึงถามย้ำอีกรอบ ทั้งที่เขาวางแผนยัดเงินให้นักบวชคนนั้นแล้วแต่นักบวชหลวงก็ยังหาคนมาแทนได้ ฝนก็ดันตกลงมาอีก แถมแผนที่วางไว้เรื่องแท่นพิธีก็ไม่สำเร็จ ไม่มีเรื่องใดที่เป็นไปตามแผนเลยสักนิด

"มีนักบวชหญิงคนหนึ่งในงานพิธีรั้งฮ่องเต้ไว้ ไม่แน่บางทีนางอาจจะรู้เรื่องที่ข้าน้อยสั่งให้คนไปเลื่อยขาแท่นพิธีไว้ขอรับ" ชายรับใช้คนสนิทของเขารายงานอีกรอบ

ทั้งคู่อยู่ในห้องที่มืดสนิทมีเพียงแสงเล็กน้อยจากบานหน้าต่างที่ผู้เป็นนายเปิดไว้ ทำให้ยามนี้ไม่เห็นหน้าของทั้งคู่เลย คนหนึ่งหันหลัง ส่วนอีกคนหนึ่งอยู่ในมุมมืด

"ไปจัดการนักบวชหญิงเสีย"

"ขอรับ" สิ้นคำสั่งชายในมุมมืดก็จากไป

"ศิษย์พี่อี ท่านว่าอย่างไรนะ?" จูมี่เอินออกมาพบศิษย์พี่อีของตนที่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 18 ไม่สนความตาย

    "ฝ่าบาทจะทรงเสด็จไปไหนหรือพะยะค่ะ" กงกงมองฮ่องเต้ของตนทำท่าจะเดินออกไปจากที่พักก็อดที่จะถามไม่ได้ ฝนเพิ่งหยุดตกได้ไม่นาน ด้านนอกเป็นหมู่บ้านที่มีแต่ดินเมื่อโดนฝนตกใส่ทางเดินก็เฉอะแฉะและลื่นน่าจะไม่เหมาะให้พระองค์ย่างกายออกไป "ไปอารามของหมู่บ้านจิ้ง" เหรินโย่วหลุนตอบเพียงคำเดียว ขบวนเสด็จก็ตั้งแถวทันที ผู้ติดตามขบวนเสด็จทุกคนได้ถูกสั่งให้ไปเปลี่ยนชุดก่อนหน้านั้นสักพักแล้ว พอเปลี่ยนชุดเสร็จก็ได้ยินคำสั่งเดินทางของฝ่าบาททันที คล้ายกับว่าพระองค์ทรงคิดไว้นานแล้ว รอเพียงแค่ฝนหยุดตกเท่านั้น เหรินโย่วหลุนมีสีหน้าเรียบเฉยดังเดิม แต่ในใจกลับตื่นเต้นจนไม่อาจนิ่งเฉยได้ต่อไป เขาต้องไป ต้องไปหาเด็กสาวคนนั้น ผ่านไปสามปีแล้วดวงตาของนางยังคงเหมือนเดิมไม่ไปเปลี่ยน แต่ตัวของนางคล้ายไม่โตขึ้นเท่าไหร่เลยเดาไม่ออกเลยว่านางมีอายุเท่าไหร่ เป็นครั้งแรกที่เขาอยากรู้เรื่องคนอื่นเช่นนี้ นี่มันออกจะแปลกใหม่สำหรับเขาไม่น้อย ..... "ไฟไหม้หรือ!" จูมี่เอินรีบวิ่งออกมาหน้าตาตื่น มองไฟที่กำลังลุกไหม้อารามฝั่งของอาจารย์ก็ได้แต่ตกใจไม่เชื่อสิ่งที่เห็น ฝนเพิ่งตกไป ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยน้ำ ไม่ม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-27
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 19 ไม่อาจฝืนชะตา

    จูมี่เอินเมื่อเข้าไปถึงตัวอาจารย์ได้ก็รีบคว้าตัวเขาจะพาออกไปด้านนอก แต่เมื่อสัมผัสโดนตัวของเขาแล้วก็ได้แต่ทรุดตัวลง ไม่สนเรื่องชายหญิง ไม่สนเรื่องความถูกต้อง นางยกร่างของอาจารย์ขึ้นมากอดไว้ในอก "อ้าก!" นางร้องไห้ออกมาอย่างสิ้นหวัง น้ำตาไหลอาบใบหน้า ส่งเสียงร้องที่สิ้นหวังที่สุดออกมาจากก้นบึ่งของหัวใจ พบร่างของอาจารย์แล้ว เขาไม่โดนไฟไหม้แต่ก็ไม่มีลมหายใจแล้วเช่นกัน มองดูควันรอบกายก็เข้าใจได้ว่าเขาจากไปด้วยสิ่งใด "ฮึก ฮึก ไม่ ไม่ ฮื้ออออ ท่านฟื้น ท่านฟื้น ฟื้นขึ้นมา ข้าสัญญาจะเป็นเด็กดี ข้าสัญญาจะเชื่อฟังท่าน ฮึก ข้าจะไม่ทำให้ท่านเดือดร้อนอีก ข้าขอโทษ อ้าก..." นางร้องไห้คล้ายจะขาดใจตายให้ได้ ก้มลงร้องไห้กับอกของอาจารย์อยู่นานสองนาน ไม่สนว่ารอบกายเป็นอย่างไร สติไร้ความนึกคิดไปชั่วขณะ ราวกับพร้อมจะจากไปกับอาจารย์ของตน เปลวไฟรอบตัวร้อนมากแต่นางกลับไม่รู้สึก เสียงของไฟที่ไม้แผ่นไม้ดังประทุจนเกิดเสียงรอบด้าน แต่นางก็ไม่ได้ยิน ผ่านไปสักพักร่างบางยืดตัวขึ้น ดวงตาเหม่อลอยถอดมองไปยังเปลวเพลงรอบตัว ไม่อาจทำใจเชื่อได้ว่าอาจารย์ของตนนั้นจากไปแล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-27
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 20 เส้นทางยาวไกล เวลาไม่หวนกลับ โปรด...รักษาตัว

    ครั้นเมื่อได้ยินคำสั่งของฮ่องเต้ทุกคนก็รีบถอยทันไม่มีการอิดออด นักบวชสี่คนเองก็เห็นเหล่านางกำนัลและขันทีที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถอยไปด้านหลังก็พากันก้าวถอยหลังตามไปด้วย แยกกันไปคนละฝั่ง สุดท้ายเหลือเพียงเหรินโย่วหลุนและศิษย์น้องเล็กของอารามที่ยืนอยู่ด้วยกัน คนตัวสูงจ้องอีกคนที่มองตนเองอยู่ แต่ดวงตาสีทองของอีกฝ่ายกลับคล้ายมองผ่านตัวของเขาไป พรึบ ภาพนิมิตรที่ชัดเจนตัดหายไป จูมี่เอินจ้องมองเหรินโย่วหลุ่นด้วยดวงตาสีดำ แพขนตาหนาของนางยังคงมีคราบน้ำตาเล็กๆ เกาะอยู่ ทำให้นางดูบอบบางและเหมือนภาพฝัน ในนิมิตรนั้น นางเห็นเขา เป็นเขาที่เอ่ยถามนางในรถม้าว่านางชื่ออะไร พอนางตอบออกไปหลังจากนั้นการลอบโจมตีก็เกิดขึ้น ฮ่องเต้พระองค์นี้ก็โดนลูกธนูปักลงที่อกซ้ายทันที ตำแหน่งที่แม่นยำนั้นทำให้เขาไร้ลมหายใจ... จูมี่เอินรู้ทันทีว่าเขามาที่อารามถึงสองครั้งสองคราทำไม ไม่ใช่เพียงเพราะผ่านมาแล้วได้บังเอิญมาช่วยพวกนางดับไฟ การมาของเขาเหตุผลคือนาง! "เจ้าเห็นอะไรใช่ไหม" "..." นางพยักหน้าตอบ ดวงตาที่แดงกร่ำมองไปที่ใบหน้าของเขา เมื่อรู้ตัวก็รีบหลุบดวงตาต่ำลง "คราวนี้เป็นใบ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-27
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 21 ไม่ใช่ไม่เชื่อใจ

    แต่พวกเขาที่อยู่กับนางมานานถึงหนึ่งปีกลับรู้สึกว่านางก็แค่เด็กตัวเล็กคนหนึ่ง โดยไม่เคยรู้ถึงความสามารถพิเศษของนาง จนหกปีให้หลังก็แทบไม่เคยนึกถึงเรื่องนั้นอีกเลย ซึ่งในตอนนี้เองพวกเขาก็ไม่ได้นึกถึงเรื่องนั้นเช่นกัน เพียงแค่คิดว่าฮ่องเต้อาจชมชอบใบหน้าที่งดงามของน้องเล็กก็เท่านั้น แต่นางและพวกเขาต่างโกหกไปแล้วว่าน้องเล็กเป็นนักบวชหญิง หลังจากนี้จะเป็นยังไงถ้านางตามเขาไป ไม่มีใครกล้าคิดเลย ถ้าความแตกน้องเล็กจะเป็นยังไง ศิษย์พี่ทั้งสี่จึงได้แต่มองนางอย่างกังวล ทว่าเมื่อเห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้แล้วนั้นก็เบาใจขึ้นมา น้องเล็กหันมองมาที่พวกเขาอีกคราแล้วออกเดินก่อนโดยมีฮ่องเต้เดินตามข้างหลัง ภาพนี้ช่างน่าแปลกตายิ่งนัก คนปกติหากไม่ใช่องครักษ์ก็ต้องเดินตามหลังฝ่าบาท ทว่ากลับเป็นน้องเล็กเดินนำ ส่วนฮ่องเต้กลับเป็นผู้ตาม คล้ายชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังปกป้องหญิงสาวที่ตนรักก็ไม่ปาน จูมี่เอินเดินลงจากเนินเขาของอารามมาก็ถึงพื้นที่ราบ ในดวงตามองเห็นขบวนที่รอรับเสด็จอยู่ไม่ไกล เหรินโย่วหลุนกลับไม่รู้ตัวว่าเขาไม่อาจละสายตาจากนางมาได้สักพักแล้ว ยามเห็นนางเดินขึ้นรถม้าของตน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-27
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 22 มันได้ผล

    จูมี่เอินขยับตัวเข้าไปหาชายหนุ่ม พูดชื่อของตนเองออกไปยามนั้นก็พลิกตัวขึ้นบังเขาไว้ "นามของหม่อมฉันคือ จู มี่ เอิ่น อ่ะ!" สิ้นคำของนางธนูก็ปักลง ฉึบ ที่ไหลซ้ายของนางทันที ถ้าหากมองจากมุมที่จูมี่เอินเคยนั่งอยู่แล้วละก็จะรู้ได้เลยว่าถ้านางไม่พลิกตัวยกขึ้นไปบังให้เขาได้ทัน ธนูดอกนั้นที่พุ่งเข้ามาด้วยความไวคงปักเข้าที่ตำแหน่งของหัวใจของคนด้านหลังของนาง เขา ไม่มีทางรอด ตุ๊บ ร่างบางทรุดตัวลงทันที น้ำตาเอ้อคลอที่ดวงตาคู่สวย นางหงายหลังไปเพราะทรงตัวไม่อยู่เมื่อรถม้าหยุดลงกระทันหันเนื่องจากถูกโจมตีจากทุกด้าน เหรินโย่วหลุนคราแรกยังแปลกใจว่านางทำอะไร แต่เมื่อเห็นนางกำลังล้มหงายหลังมาหาเขา ร่างสูงก็ขยับตัวออกไปรับไว้ ตอนนั้นถึงเพิ่งจะเห็นธนูปักที่หัวไหล่ของนาง หมับ มือใหญ่สองข้างจับร่างบางมาพิงตนไว้ได้ทันก่อนนางล้มลงไปที่พื้น ยามหลุบสายตาลงไปมองนางด้วยความตกใจก็พบว่านางเองกำลังมองมายังเขาเช่นกัน สายตาที่มองมานั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายที่เขาอ่านไม่ออกว่านางคิดสิ่งใดอยู่ พรึบๆ ทว่าดวงตาคู่สวยที่คลอไปด้วยน้ำตากลับฉายแสงสีทองออกมา จังหวะนั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-27
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 23 ผู้เป็นใหญ่ในใต้หล้าขอโทษข้า?

    "ขอโทษที" เหรินโย่วหลุนรีบลุกขึ้น เขาช่วยประคองนางขึ้นมา นอกจากเสียงดาบประทะกันที่อยู่ประชิดรถม้าแล้วก็ได้ยินคนอีกกลุ่มที่ควบม้าออกไปจัดการนักแม่นธนูที่ดักซุ่มอยู่ในป่า จูมี่เอินถูกประคองขึ้นมานั่งก็นิ่งชะงักมองเขา เมื่อครู่นางหูฟาดหรือไม่ ผู้เป็นใหญ่ในใต้หล้าพูดขอโทษนางแถมยังช่วยประคองนางขึ้นมาอีก เขา...ช่างต่างจากที่นางคิดไว้ "มีอะไรที่ต้องรู้อีกไหม?" เหรินโยว่หลุนขยับตัวไปพิงตรงมุมของรถม้าที่จูมี่เอินเคยนั่ง ดึงร่างบางเข้ามาหาใช้ร่างของตนให้นางแอบอิง ก้มมองคนที่อยู่ในอกก็เห็นว่านางกำลังมองเขาด้วยท่าทางตกใจ "..." จูมี่เอินรีบหลบสายตาที่มองมาสบตากับนางเมื่อครู่ ส่ายหน้าตอบออกไป แต่พอนึกถึงยศของคนตรงหน้าคิดว่าไม่ตอบออกไปเป็นคำพูดคงเป็นการเสียมารยาท จึงพูดต่อว่า "ไม่มีอะไรทำให้พระองค์สวรรคตได้อีกแล้ว เอ่อ แต่เพียงแค่ช่วงนี้เพคะ" จูมี่เอินมองลูกธนูที่อก เหงื่อเม็ดเล็กไหลอาบกรอบหน้าจนทำไรผมปอยเล็กๆ ลู่ไปกับใบหน้านวลของนาง "เจ้าทนอีกหน่อย เดี๋ยวจะเรียกหมอหลวงเข้ามาดูให้" เหรินโย่วหลุนเปิดม่านมองเหตุการณ์ข้างนอก ดูเหมือนฝ่ายของตนต้องชนะแน่ เพราะนักบวชหญิงนอกจากจะมี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-27
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 24 คนรักของฝ่าบาท

    ร่างสูงของฮ่องเต้เดินวนไปมารอบรถม้าใบหน้านิ่งเฉยแต่ท่าทางนั้นดูอย่างกระวนกระวาย กงกงเองเพิ่งเคยเห็นฝ่าบาทเก็บอาการไม่อยู่เช่นนี้เป็นครั้งแรก คล้ายผ่านไปนานมากแล้ว ในที่สุดหมอหลวงก็ออกมาเสียที เหรินโย่วหลุนที่รออยู่นานแล้วรีบวิ่งเข้าไปในรถม้า แต่เพียงแค่เปิดม่านออกก็กลับรีบกลับออกมาทันที บนใบหน้าดูแปลกไปเล็กน้อย ดวงตาเบิกโตกว่าปกติ ทำไม ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ว่านางแต่งตัวไม่เรียบร้อย เมื่อครู่เข้าไปก็เห็นนางนอนหลับอยู่ที่พื้นของรถม้า แม้จะมีเสื้อผ้าปิดไว้ที่หน้าอกลงไปถึงข้อเท้า แต่ก็เห็นไหลมนขาวนวลของนางได้อย่างเต็มตา เหรินโย่วหลุนลอบกลืนน้ำลายตีหน้านิ่ง ส่งเสียงเรียกนางกำนัลไปช่วยกันดูแลนักบวชหญิง ส่วนตัวเองก็เดินไปหาหมอหลวงแทน ก่อนไปยังปรับสีหน้ากลับมาตามเดิม "นางเป็นไงบ้าง" ถึงจะเห็นเต็มตาแล้วว่านางยังไม่ตายแต่ก็ต้องถามอาการไว้เผื่อบ้าง "นางปลอดภัยแล้ว เพียงแค่เสียเลือดมาก ยามนี้จึงสลบไป แต่การเดินทางอาจทำให้แผลของนางระบมได้ ทางที่ดีคงต้องให้นางพักรักษาตัวก่อนพะยะค่ะ" หูจางหมิ่นยามรายงานอาการของคนเจ็บออกไปก็ลอบมองสีพระพักตร์ของฮ่องเต้ไปด้วย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-27
  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 25 ข่าวลือที่พากันเข้าใจผิดไป

    นางกำนัลฝาแฝดสองคนที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลหญิงสาวบนรถม้าก็ลังเลไม่กล้าถามว่าจะให้พา 'คนรัก' ของฝ่าบาทไปพักที่ไหน กระโจมนางกำนัล? หรือกระโจมฝ่าบาท? รถม้านั้นไม่ได้กว้างมาก แม้หญิงสาวจะตัวเล็กแต่ก็นอนขดตัวไว้ตลอด ไม่สามารถยืดตัวได้เต็มที่ คนเจ็บที่น่าสงสารกลับยิ่งดูน่าเวทนาขึ้นไปอีก นี่ขนาดนางตัวเล็กแล้วก็ยังดูน่าอึดอัด ไม่ต้องพูดถึงให้เปลี่ยนเป็นพวกนางกำนัลเข้าไปนอนเลย คงนอนไม่เกินหนึ่งก้านธูปขาก็คงชาไปหมดแล้ว "เจ้าถามสิ" ถิงถิงกระซิบบอก ถึงจะทำงานให้ฮ่องเต้มาหลายปีแล้วแต่ก็ยังไม่มีความกล้ามากพอที่จะถามเรื่องนี้ออกไป จึงโยนเรื่องนี้ให้ผู้เป็นพี่รับผิดชอบแทน "เจ้านั้นแหละ" เพยเพยแม้จะเป็นคนที่สุขุมกว่าน้องสาวแต่ก็ยังไม่กล้าถามฮ่องเต้ออกไป นางกำนัลฝาแฝดสองคนเกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมือ ยกมือตีไปที่อีกฝ่ายคนละทีสองทีอยู่หน้ากระโจมของฝ่าบาท ขณะที่ไม่มีใครยอมใครอยู่นั้นก็ได้เห็นร่างในชุดขาวดิ้นทองวิ่งเข้าไปในกระโจม ดูผ่านๆ นึกว่าเทพเซียนองค์ใดลอยตัวเข้าไป แต่เมื่อมองที่ชุดอีกทีก็รู้ได้ว่าคือคนเจ็บที่นอนไม่ได้สติมานานหลายชั่วยามผู้นั้นฟื้นขึ้นมาแล้ว 'หญิงคนรัก' ของฝ่าบาทที

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-27

บทล่าสุด

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   53 ไม่อาจหลีกหนี ++

    "ฝ่าบาท!" จูมี่เอินรู้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้น นางส่ายหน้า ขอร้องเขา "อย่า...หม่อมฉันขอร้องเพคะ" มือเล็กที่กุมมือเขาไว้บีบแน่นขึ้น หัวใจดวงน้อยราวกลับหยุดเต้นไปแล้วก็กลับมาเต้นใหม่อีกทีด้วยความตกใจกลัว นางส่ายหน้าไปมา แต่ฮ่องเต้ที่นั่งทับนางกลับยกยิ้มชอบใจที่เห็นนางมีท่าทีเช่นนี้ จูมี่เอินขอถอนคำพูดที่เคยคิดว่าเขามีจิตใจที่เมตตาต่อปวงประชา นางเองก็เป็นคนใต้อาณัติของเขา ต่อให้เขาเป็นฮ่องเต้แล้วสามารถบังคับนางได้หรือ นิสัยเสียเกินไปแล้ว เหรินโยว่หลุนดึงข้อมือที่ถูกกุมไว้ออก คล้ายเล่นแข่งจ้องตากับนางขณะลงมือถอดอาภรณ์บนตัวที่ยังถอดไม่เสร็จออกไป ตุบ เขาโยนเสื้อคลุมของตนไปที่พื้นข้างเตียง จูมี่เอินหันมองตามเสื้อคลุมนั้นแต่แล้วก็ถูกมือใหญ่จับใบหน้าให้หันกลับมามองตน ถึงยามนี้คนที่อยู่ในศีลในธรรมมาตลอดได้เห็นรูปร่างกำยำตรงหน้าก็ถึงกับลอบกลืนน้ำลายเบิกตาโตมองเขา ก่อนหน้านี้ที่เข้ามาในห้องและเห็นแผ่นอกของเขานางก็ไม่ได้รู้สึกอันใด แต่พอรู้ว่าเขาจะทำอะไรและถอดอาภรณ์ออกเช่นนี้ก็ใจไม่ดีขึ้นมา ผิวของเขาขาวเนียนไร้รอยแผลเพราะไม่เคยออกรบ แต่กลับมีรูปร่างเหมือนนักดา

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   52 คนโกหกต้องโดนลงโทษ +++

    "ฮ่องเต้...หม่อมฉันเป็นนักบวชนะเพคะ!" "ข้าให้เจ้าพูดอีกรอบ" มองริมฝีปากบางของนางแล้วจิตใจด้านมืดของเขาก็รู้สึกอยากทำให้มันบวมขึ้นมา เมื่อครู่เขาแค่ประกบปากลงไปสัมผัสแผ่วเบาเท่านั้น ยามนี้คนที่กำลังอยู่ในแขนของตนก็หน้าแดงไปจนถึงใบหู ปากก็ยังคงโกหกเขาไม่เลิก นางคิดว่าเขาเป็นใครกัน ฮ่องเต้ของแคว้นจะโดนนางหลอกได้โดยง่ายรึยังไง "หม่อมฉันเป็นนักบวชเพคะ!" นางย้ำด้วยสีหน้าจริงจัง จ้องมองเขาตาไม่กระพริบ ทั้งยังมีความโกรธเจือปนอยู่ในน้ำเสียงใสกังวาลของนาง "เจ้าคือนักบวช?" เขาถามย้ำอีกรอบ มุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ พลางผลักนางลงบนที่นอนของตนเอง ใช้แขนสองข้างของตนคร่อมนางไว้ แถมยังลงแรงนั่งทับเอวของนางไว้อีกด้วย "..." คนตัวเล็กพยักหน้าหลายทีเพื่อยืนยันสิ่งที่ตนพูดออกไป ไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องถึงดำเนินมาเป็นเช่นนี้ได้ ท่าทางที่เขากระทำอยู่มันช่างล่อแหลมจนเกินเลยที่ต้องการจะรู้นิมิตรของนางจากการสัมผัสร่างกายกันมากไปแล้ว จูมี่เอินไม่อาจสู้แรงเขาได้ ต่อให้สู้ได้ก็ไม่กล้าผลักเขาออกอีกรอบ ด้วยกลัวหัวจะหลุดออกจากบ่า มองคนที่เสื้อผ้าหลุดลุยจนเห็นแผงอกแข็งแกร่งอย่างชัดเจนก

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 51 ฮ่องเต้...หม่อมฉันเป็นนักบวช (แบบเดียวกับตัวอย่าง ไม่ต้องกดซื้อล่วงหน้า)

    "ในเมื่อเท่าที่เจ้าเล่ามา... การสัมผัสอาจทำให้เจ้าเห็นอนาคตของผู้อื่นเพิ่มมากขึ้น งั้นเรามาลองกันหน่อยดีหรือไม่?" เหรินโย่วหลุนมองหญิงสาวในชุดขาวไม่วางตา ใบหน้าสวยสะครานตาก้มหน้าลงต่ำ ผมดำยาวของนางถูกจัดแต่งทรงไว้อย่างงดงาม หัวไหล่มนเล็กที่คล้ายสามารถโดนลมพัดปลิวได้พาให้คนอยากปกป้อง ความน่าดึงดูดที่แปลกประหลาดที่เกิดจากตัวนางนั้น มาจากความสามารถพิเศษของนางหรือไม่เขาก็ไม่อาจคาดเดาได้ แต่นางกลับสามารถทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปจากนางได้เลย โดยไม่รู้ตัวทุกวันเมื่อเมื่อยล้าสายตาก็จะหันไปมองนาง ก็จะเห็นนางนั่งอยู่ต่อหน้าตนเองตลอด อยู่ในห้องทรงอักษรด้วยกันกับเขา นั่งหลับตาคล้ายตัดตนออกจากโลกภายนอก ยามนางจากไปเพียงไม่กี่วันเขาก็แทบทนไม่ไหว รู้ตัวอีกทีก็ต้องการเอาเชือกมาผูกมัดนางไว้กับเขาตลอดเวลาเสียแล้ว หากพูดถึงถ้านางไม่ได้เป็นนักบวช ใบหน้าเช่นนี้คงถูกจับมาเป็นบุตรสาวบุญธรรมของพวกขุนนางไปแล้ว คนพวกนั้นต้องการอำนาจมากมายเพียงใดทำไมเขาจะไม่รู้ ต่อจากรับนางมาเป็นบุตรสาวแล้วก็คงจับนางแต่งเข้ามาเป็นสนมของเขาเป็นแน่ ทว่ายามนี้นางกลับสวมอาภรณ์ของนักบวชหญิง ใครอยากทำเช่นนั้นก็ทำได้แ

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 50 แค่บังเอิญเจอกัน

    "เหตุใดเหรินเยว่เทียนถึงมากับเจ้า?" จูมี่เอินตกใจจนเผลอเงยหน้าขึ้น ฮ่องเต้ไม่ใช่คนส่งเขามาหรือ งั้นนางควรตอบออกไปเช่นไร นางไม่ใช่คนชอบพูดปด ครั้งที่เคยโกหกออกไปนั้นก็แทบนับได้ ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งว่าให้อยู่ห่างจากอ๋องห้า นางก็คิดว่าเขาคงห่วงน้องชายตนที่มาคลุกคลีอยู่กับนักบวชที่มีชนชั้นธรรมดา แต่ต่อมาเหรินเยว่เทียนก็มาหานางที่หมู่บ้านนั้นและบอกเป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท พอตอนนี้ฮ่องเต้ทรงถามเช่นนี้ก็รู้ได้ว่าเหรินเยว่เทียนนั้นโกหก ดังนั้นตอนนี้นางควรตอบเช่นไรเพื่อให้ไม่มีใครได้รับผลกระทบดี "บังเอิญผ่านมาเจอกันเท่านั้นเพคะ" พูดจบก็ลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างอยากลำบาก มือเล็กกำถาดไม้แน่นขึ้น บังเอิญเจอ? เหรินโยว่หลุนมีสีหน้าเรียบเฉยแววตามืดดำลงหลายส่วน เขาสอบถามทหารสองคนนั้นที่ได้ส่งให้ตามจูมี่เอินไป คอยดูแลนางและอย่าให้นางออกนอกเส้นทาง ก็ได้ความว่าเหรินเยว่เทียนตามไปช่วยนางที่หมู่บ้าน นี่มันคนละทางกับคำตอบของสตรีตรงหน้าเลยนี่น่า มี่เอิน...เจ้ากลับเลือกที่จะโกหกข้าเพราะเหรินเยว่เทียน?หรือบางทีเหรินเยว่เทียนจะรู้ว่านางไม่ได้เป็นนักบวชจริงๆ ถึงได้ตามใกล้ชิดส

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 49 ไม่ควรสงสัยในตัวเขา

    จูมี่เอินกลับมาก็ได้อาบน้ำชำระร่างกายเปลี่ยนชุดเตรียมเข้านอน นางหยิบผ้าคลุมที่เปื้อนเลือดขึ้นมาจากโต๊ะน้ำชากลางห้อง ดีที่มันค่อนข้างหนาทำให้ไม่ไปเลอะชุดด้านในของนางที่เป็นสีขาว ชุดพระราชทานนั้นหากเสียหายขึ้นมานางคงโดนโทษหนักเป็นแน่ ถึงคนที่ทำเลอะจะเป็นคนที่ให้นางมาก็ตามเถอะ เหม่อมองดูผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มที่เปื้อนเลือดคิดว่าซักยังไงก็คงไม่ออกนางเลยตัดสินใจทิ้งไป "ท่านนักบวชหลวง" พลันได้ยินเสียงเรียกของสตรีดังขึ้นหน้าห้องของตน จูมี่เอินวางเสื้อคลุมลงที่โต๊ะน้ำชาตามเดิมแล้วเดินไปที่หน้าประตู "มีอะไรรึ" ยามนี้ก็ดึกมากแล้วเหตุใดนางกำนัลถึงมาเรียกนางหน้าห้องเวลานี้ "ฝ่าบาทมีรับสั่งให้เข้าเฝ้า พระองค์ทรงตรัสว่ารู้สึกไม่ดี เหมือนจะนอนไม่หลับ อยากให้ท่านนักบวชไปจุดธูปหอมและปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้เจ้าค่ะ" "ข้าเข้าใจแล้ว เจ้ารอข้าสักครู่เถิด" จูมี่เอินคิดว่าฝ่าบาทเองก็คงตกใจกับเหตุการณ์ที่ได้พบวันนี้ นางจึงรีบเดินกลับเข้าไปในตัวห้องนอนเพื่อไปเปลี่ยนชุดทันที ได้ยินว่าในรัชศกของฮ่องเต้องค์ก่อนได้ลงนามเป็นพันธมิตรกับแคว้นโดยรอบทั้งหมดแล้ว ทำให้นอกจากโรคภัยไข้เจ็บ ภ

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 48 ที่แท้ก็เข้าใจผิด

    "มี่เอิน ข้าช่วยประคองเสด็จพี่เอง" เป็นเหรินเยว่เทียนที่พูดขึ้นอย่างจงใจ มุมปากตอนนี้ก็กดยิ้มไว้แน่นพยายามกลั้นรอยยิ้มไว้สุดฤทธิ์ แต่แววตากับเป็นประกายระยิบระยับไม่อาจซ้อนไว้ได้ จูมี่เอินหันเพิ่งจะหันไปสนใจสามคนที่ตามมา ดวงตากลมโตกระพริบสองสามครั้ง นั่นสิ ให้พวกเขาช่วยน่าจะพาฮ่องเต้กลับไปได้ไวยิ่งกว่า "ใครอยากให้เจ้าช่วยกัน!" เหรินโยว่หลุนยืดตัวขึ้นเอามือพ่ายหลังท่าทางวางอำนาจ แถมยังแผ่กระจายความกดดันรอบตัวใส่ผู้อื่นอีกด้วย จูมี่เอินถึงกับผละออกมามองท่าทางของเขาอีกที ไม่เจ็บแล้ว? หรือยังทนไหว? พลันมีคำถามในหัวขึ้นมากมาย ตอนนั้นองค์รักษ์ส่วนพระองค์ก็ปรากฏกายขึ้นด้านหลังของเหรินโยว่หลุนและกล่าวว่า "จัดการด้านในเรียบร้อยแล้วพะยะค่ะ" เป็นฟางอี้นั้นเอง จูมี่เอินเมื่อได้ยินเข้าใจได้ในทันที นิมิตรนั้นคนที่ได้รับบาดเจ็บหรือถึงขั้นเสียชีวิตไม่ใช่ฮ่องเต้ของตน กลับเป็นอีกคนที่อยู่ในห้องนั้น เลือดบนตัวนี้หาใช่ของฝ่าบาทไม่ เพราะนางไม่เห็นบาดแผลของเขาเลย น่าจะเป็นเลือดของอีกฝ่าย แล้วเลือดของอีกฝ่ายจะมาเปื้อนเขาขนาดนี้ได้ยังไงถ้าเขาไม่ได้อยู่ใกล้ขนาดระยะปะชิด และเป็นคนล

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 47 ท่านพี่ นั่นนักบวชนะ

    "มี่เอิน?" เสียงในความมืดตอบกลับมาด้วยความแปลกใจ เหรินโยว่หลุนไหนเลยจะไปคาดคิดว่าจะเจอนางที่นี่ และสภาพเช่นนี้ มองสองคนที่ตนส่งให้ดูแลนางตลอดการเดินทางวิ่งตามมาด้านหลังไม่ไกลก็โล่งใจขึ้นมานิดหนึ่ง คิดว่านางโดนใครทำร้ายแล้ววิ่งหนีมาและเผอิญเจอเขาพอเข้าดีเสียอีก "ฝ่าบาท!" ร่างบางพุ่งเข้ามาประชิดตัวของเหรินโยว่หลุน มือเล็กจับรอบลอยเลือดแผ่วเบา ท่าทางระแวดระวังไม่ได้สัมผัสตรงกลางรอยโดยตรงเพราะกลัวจะไปโดนแผลของเขาเข้า ยามนี้จางเฉินและหวงตงก็มาถึงพอดี เมื่อได้รู้ว่าจูมี่เอินเรียกคนตรงหน้าว่าอะไรพวกเขาก็รีบก้มหน้าลงไม่กล้ามองพระพักตร์ฮ่องเต้โดยตรง ทั้งคู่มีสีหน้ากังวลขึ้นมา ตอนได้ภารกิจนี้คิดว่าง่ายมาก รอเพียงพาท่านนักบวชหลวงกลับไปก็จะได้เลื่อนขั้นไปอีกขั้น แต่พอตอนนี้มาเจอฮ่องเต้เข้าระหว่างทางก็รู้ว่าตนนั้นได้ทำงานพลาดแล้วที่ไม่ส่งท่านนักบวชหลวงกลับให้ถึงวังตั้งแต่แรก แต่เมื่อทหารทั้งสองสังเกตรอบกายก็คล้ายมีกลิ่นเลือดปะปนในอากาศ จึงพากันเงยหน้าขึ้นมอง ตอนนั้นถึงได้เห็นเสื้อของฮ่องเต้มีรอยเลือดอยู่ พวกเขาเตรียมท่าจะเข้าไปช่วยกลับถูกฝั่งตรงข้ามยกมือขึ้นห้ามก่อน ย

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 46 ข้าไม่ยินยอมให้ท่านตาย

    "พี่เฉิน!" ร่างบางในชุดคลุมน้ำเงินรีบวิ่งไปหาหนึ่งในทหารที่ตามนางมาด้วย ในใจร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก ฮ่องเต้ของนาง ในนิมิตรนั้น เลือดนั้น ทำให้นางมือสั่นจนห้ามตนเองไม่อยู่ "มี่เอินเจ้าเจองูรึ?" จางเฉินเห็นนางวิ่งมาหน้าตั้งก็คิดว่าเจอสัตว์ร้ายอะไรเข้า เหรินเยว่เทียนที่อยู่แถวนั้นด้วยก็รีบวิ่งมาดูด้วยความเป็นห่วง "โรงน้ำชาชื่อเยว่กวาง [1] ท่านรู้จักหรือไม่?" ดวงตากลมเบิกโตคล้ายมีน้ำตาชั้นบางเคลือบอยู่หนึ่งชั้น ^ (เยว่กวาง แปลว่าแสงจันทร์) เหรินเยว่เทียนมองท่าทางร้อนลนของนางด้วยความแปลกใจ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นนักบวชหญิงเป็นเช่นนี้ "รู้จัก" จางเฉินก่อนได้มาเป็นทหารในวัง ได้รับมอบหมายลาดตะเวนที่นอกวังอยู่ห้าเดือน เป็นคนที่รู้จักในเมืองหลวงทุกซอกทุกมุม นางถามถูกคนแล้ว "อยู่ที่ใด!?" จูมี่เอินขยับเท้าไปอีกก้าวเร่งให้เขาตอบ "เป็นร้านน้ำชาที่ตั้งอยู่ที่เขตชานเมือง" "รีบเถิด ต้องรีบไป" จูมี่เอินวิ่งหันหลังกลับทันทีไม่ได้บอกว่าอะไรเป็นอะไร นางกลับไปที่ม้าของตน ปีนขึ้นม้าด้วยตนเองทั้งที่ยามปกติต้องมีคนคอยช่วยเพราะตัวนางค่อนข้างตัวเล็ก "นำทางข้าที!" ขึ

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนที่ 45 ถูกเรียกตัวกลับ

    แม้การช่วยเหลือท่านหมอและชาวบ้านจะไม่ได้ยากอะไรแต่ก็อยู่ต่างที่ทำให้รู้สึกแปลกไปบ้าง พอมีเหรินเยว่เทียนมาอยู่เป็นเพื่อนพูดคุยด้วยทั้งวันก็ทำให้คล้ายตนเองได้กลับไปอยู่ที่อารามของหมู่บ้านจิ้งสบายใจอย่างหายห่วง "ฮ่องเต้ทรงส่งเจ้ามาช่วยปัดเป่าวิญญาณอย่างนั้นหรือ" เหรินเยว่เทียนหาบน้ำเข้ามาในห้องครัวสองถัง เขาวางมันลงแล้วยกแขนเสื้อเช็ดเหงื่อ คราบคุณชายเจ้าสำราญถูกปัดทิ้งไปจากสายตาของจูมี่เอินแล้ว "..." จูมี่เอินพยักหน้าไป เป็นการโกหกที่นางไม่ชินเอาเสียเลย "แต่ดีที่ยังไม่มีผู้เสียชีวิต" จูมี่เอินยกยิ้มขึ้น เดินไปหาเขาแล้วตักน้ำไปเติมในข้าวต้มที่ต้มไว้อยู่ในกระทะใหญ่ ภายในห้องครัวที่มีเพียงคนสองคน กับไปความร้อนที่พวยพุ่งออกมาจากอาหาร เป็นภาพความทรงจำที่เหรินเยว่เทียนไม่เคยได้พบ ยามได้มองสตรีผู้นี้ทำอาหารก็ดูสงบใจอย่างบอกไม่ถูก การที่นางเป็นนักบวชมันทำให้ความรู้สึกของคนรอบข้างเบาสบายใจเช่นนั้นหรือไม่ "..." เหรินเยว่เทียนมองยังคงมองดูจูมี่เอินทำอาหาร และคิดว่าการช่วยเหลือมาทันได้ยังไง แม้จะดีที่ราษฎรในหมู่บ้านยังไม่มีใครเสียชีวิตจากโรคท้องร่วง แต่การส่งเสบียงมาได้ไวเช่

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status