บทที่ 34. ตอน อย่าเอ่ยถึงคนผู้นั้นอีกหลิวซืออินกลับมาถึงบ้านก็นอนซมด้วยพิษไข้อยู่หลายวัน นางฉีฮุ่ยจึงต้องมาช่วยดูแล โดยให้ซุนเชิงช่วยดูแลร้านขายอาหารทะเลแห้งชั่วคราว หอยาได้นำยามาส่งที่บ้านของหลิวซืออิน โดยบอกว่าเป็นคำสั่งของท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ่าว"ป้าฉี อี้หนิงกับผิงอันล่ะ"เมื่อหลิวซืออินอาการดีขึ้น นางถามหาเด็กๆ นางฉีฮุ่ยซึ่งกำลังยกถ้วยโจ๊กเข้ามา ก็บอกว่า"อาซุนพาเด็กๆ ไปที่ร้านขายอาหารทะเลแห้ง เด็กๆ บ่นว่า อยู่ที่บ้านเบื่อหน่ายนัก อยากจะกินขนม น้ำตาลปั้นและถังหูลู่ ข้าเห็นว่าช่วงนี้เด็กๆ รู้ความมาก ก็เลยปล่อยให้ไป เถ้าแก่เนี้ยไม่ต้องเป็นห่วง ข้ากำชับอาซุนกับเหล่าต้าแล้ว ให้ดูแลเด็กๆให้ดี""ที่ร้านกับโรงผลิตเป็นอย่างไรบ้าง ข้าไม่ได้ไปดูแลเสียหลายวัน""ร้านค้าเรียบร้อยดี ส่วนโรงผลิตนั้น อาซุนเป็นคนไปดูแลให้ สองสามวันมานี้ทางการได้เข้ามาตรวจโรงผลิตของเรา โดยเฉพาะโรงผลิตเกลือ อาซุนได้จัดการส่งบัญชีการส่งค้าเกลือให้ทางการเรียบร้อยแล้ว เถ้าแก่เนี้ยไม่ต้องเป็นห่วง"หลังจากมีการจับกุมพ่อค้าเกลือเถื่อนทางการได้ส่งคนเข้าตรวจตามโรงผลิตต่างๆ โดยเฉพาะโรงผลิตเกลือ คนที่ทำการค้าขายอย่างถูกต้อง ม
บทที่ 35. ตอน คนหน้าหนาจัดการยาก"ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว ข้าขอไปดูเด็กๆ ก่อนนะ"หลิวซืออินขึ้นไปยังชั้นสอง พบว่าลูกๆ กำลังนอนกลางวันกันอยู่ อี้หนิงนอนหลับโดยที่ในมือยังถือกระบี่ไม้ ผิงอันนอนกอดตุ๊กตาผ้า เจ้าซาลาเปาน้อยทั้งสอง เล่นกันจนเหนื่อยเผลอหลับไป"อี้หนิง ผิงอัน พวกเจ้าโตแล้ว รู้ความกว่าเมื่อก่อน เจ้าควรไปเรียนได้แล้ว"คนเป็นแม่ลูบศีรษะลูกน้อยทั้งสอง มองใบหน้ากลมเล็กด้วยสายตารักใคร่ ผิงอันหน้าตาถอดแบบมาจากหลิวซืออิน ด้านอี้หนิงนั้นกลับเหมือนบิดาราวกับย่อส่วน ยามมองใบหน้าของลูกชายก็ยิ่งตอกย้ำให้นาง คิดถึงสามีที่จากไป "เด็กๆ เพิ่งนอน เจ้าอย่ากวนพวกเขาเลย"เสียงคุ้นหูดังขึ้นด้านหลัง เมื่อหันไปมองก็พบใบหน้าที่มีหน้ากากเงินสวมอยู่ แม่ทัพฉู่หมิงฮ่าวยืนอยู่หน้าประตูห้อง เขากำลังเดินมาหานาง"นี่ท่านมาได้อย่างไร"หลิวซืออินขยับตัว จะเดินหนีออกจากห้อง นางไม่คิดว่าแม่ทัพฉู่จะขึ้นมายังห้องส่วนตัวของเด็กๆ "ข้านัดกับอี้หนิงผิงอัน ว่าจะพาพวกเขาไปงานเทศกาลโคมไฟ"คนตัวโตขยับเข้ามาใกล้ เขาชูของที่ถือมาให้นางดู"ข้าซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้เด็กๆ""ท่านเอากลับไปเถอะ บ้านข้าไม่ขาดแคลน และข้าก็ไม่อนุญาต
บทที่ 36. ชุดใหม่ของเจ้าซาลาเปาแฝด“ชุดใหม่ สีชมพู ท่านลุงรู้ได้อย่างไรว่าข้าชอบสีชมพู”ผิงอันเอาชุดมาทาบกับตัว แววตาพราวจ้าด้วยความดีใจ“ของผิงอันลุงเลือกสีชมพูให้ ส่วนของอี้หนิงเป็นสีฟ้า พวกเจ้าชอบหรือไม่”ฉู่หมิงฮ่าวอธิบาย ขณะหยิบชุดสตรีในห่อส่งให้หลิวซืออิน“นี่เป็นของท่านแม่ของพวกเจ้า มีลวดลายเดียวกันสีชมพูแบบเดียวกับของผิงอัน”“ท่านแม่ ท่านรับไปสิ ท่านลุงซื้อให้พวกเรา”อี้หนิงบอกมารดาทำให้หลิวซืออินจำต้องรับไว้ ด้านผิงอันหันไปอวดชุดใหม่ให้มารดาชม“ท่านแม่ เหมาะกับข้าใช่หรือไม่ สีเดียวกับท่านแม่เลย ข้าชอบมาก ท่านแม่ก็ชอบใช่หรือไม่เจ้าคะ”เด็กหญิงตัวน้อยเห่อชุดใหม่มาก นางหอบชุดลงจากเตียงเอามาทาบตัวหมุนไปมา อวดให้ผู้ใหญ่ทั้งสองชม อี้หนิงเองก็ไม่แพ้น้องสาวเขาถึงกับลองสวม“ท่านแม่ ข้าดูดีใช่หรือไม่”“เจ้าดูดีมาก ลุงเองก็มีชุดสีเดียวลายเดียวกับเจ้าเช่นกัน เราทั้งสองหากสวมชุดนี้ คงหล่อเหลาสง่างามไม่แพ้กัน”ในห่อผ้ายังมีชุดสำหรับบุรุษอีกชุด แม่ทัพฉู่สั่งตัดไว้ให้ตัวเขาใส่เข้าคู่กับอี้หนิง หลิงซืออินใส่เข้าคู่กับผิงอัน“คืนนี้เราไปเที่ยวงานโคมไฟ พวกเราสวมชุดนี้กันเถอะ”แม่ทัพหนุ่มบอกกับ
บทที่ 37 ตอน เที่ยวงานโคมไฟหลายปีมานี้นางดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่ายและเงียบสงบ ไม่เคยมีเรื่องกวนใจจากขี้ปากชาวบ้าน แม้แรกเริ่มนางจะท้องโดยไม่มีบิดาของเด็กๆ แต่เวลาผ่านไปผู้คนก็เลิกสนใจ ยามนี้นางกลายเป็นขี้ปากชาวบ้านเพราะแม่ทัพหนุ่มผู้นี้มาติดพัน ช่างน่ารำคาญใจเสียจริง“อย่าสนใจเลย เมื่อใดที่ข้าพาเจ้าสามแม่ลูกเข้าจวน พวกเขาจะหยุดกันไปเอง”ฉู่หมิงฮ่าวยื่นหน้ามากระซิบบอกนาง ขณะมองดูเด็กๆ ที่พากันกินขนมที่เขาสั่งให้เขาคนเตรียมมาด้วย“ท่านฝันไปหรือเปล่า ใครกันจะเข้าไปอยู่ในจวนกับท่าน”หลิวซืออินสะบัดเสียงใส่ นางเกลียดคนหน้าหนาคนนี้เสียจริง เขาไร้ยางอายพูดจาอะไรออกมา ล้วนเข้าข้างตัวเอง“วันหนึ่งข้าจะทำให้ฝันเป็นจริง อย่างน้อยวันนี้พวกเราสี่คน ก็มาเที่ยวด้วยกันแล้ว เจ้าเห็นหรือไม่เด็กๆ มีความสุขแค่ไหน”ฉู่หมิงฮ่าวอารมณ์ดีเกินกว่าจะใส่ใจคำพูดตัดรอนของนาง ในใจเขายามนี้รู้สึกอิ่มเอมมาก ราวกับการได้อยู่กับนางและลูกทั้งสอง คือสิ่งที่เขาเฝ้ารอคอยมาแสนนาน“วันนี้เรามาทำให้เด็กๆ มีความสุขกันเถอะ”เขาจับมือนางมากุมไว้ไม่ยอมให้นางสะบัดออก หลิวซืออินจำต้องยอมให้เขากุมมือนางไว้ตลอดทาง ในใจพยายามขัดขืนแต
บทที่ 38. เดิมพันหัวใจหลังจากปล่อยโคมเสร็จ จึงพากันเดินมาหาอะไรกินที่ร้านขายอาหารข้างทาง ทั้งสี่หาที่นั่งได้แล้ว แม่ทัพฉู่หมิงฮ่าวก็เป็นคนไปสั่งอาหาร“ข้าสั่งปูนึ่งสองชั่ง แล้วยังมีขนมสลัดงาด้วย เห็นว่าที่นี่ปูสดใหม่ น่าจะอร่อยมาก”“ข้าชอบกินปู ท่านแม่ก็ชอบเหมือนกัน”ผิงอันน้อยชอบกินปูนึ่งมาก นางหยิบก้ามปูอ้าปากงับเคี้ยวกินท่าทางอร่อย“กินช้าๆ ระวังติดคอ ลุงจะแกะให้เจ้าเยอะๆ นะ”ฉู่หมิงฮ่าวช่วยแกะเนื้อปูให้เด็กหญิง และยังแกะส่งให้หลิวซืออินกับอี้หนิงด้วย ตัวเขาแทบไม่กินสักคำ เพราะเอาให้สามแม่ลูกกินหมด ปูสองชั่งหมดไปอย่างรวดเร็วต้องสั่งมาเพิ่มอีกสองชั่ง“ข้าชอบขนมสลัดงา ท่านแม่ท่านกินด้วยสิ”อี้หนิงเองกลับชอบขนมสลัดงา เขากินไปหลายลูก แล้วยังคีบขนมให้มารดากับน้องสาวด้วย“ท่านก็กินด้วยสิ แกะให้พวกเราแต่ตัวท่านไม่กินสักคำ”หลิวซืออินเห็นว่าแม่ทักฉู่ไม่ได้กินเนื้อปูเลย จึงคีบวางบนชามให้เขา พร้อมกับคีบขนมสลัดงาให้เขาอีกลูก“ข้านึกว่าเจ้าจะไม่ใส่ใจข้าแล้ว”เขาคีบเนื้อปูเข้าปากเคี้ยวอย่างมีความสุข รู้สึกว่าวันนี้เนื้อปูหวานกว่าปกติ ขนมสลัดงาแม้จะเย็นแล้ว แต่ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นในใจ มองดูเด
บทที่ 39 ตอน เริ่มใกล้ชิด ค่อยๆ ผูกพันนับจากคืนนั้น แม่ทัพฉู่หมิงฮ่าวกลายเป็นแขกประจำของครอบครัวหลิวซืออิน เขาพาตัวเองแวะเวียนมาหานางและลูกๆ ทุกวัน ภาพของรถม้าคันใหญ่ของจวนแม่ทัพมักมาจอดหน้าร้านขายอาหารทะเลแห้งเป็นที่คุ้นตาหลิวซืออินส่งอี้หนิงและผิงอัน เข้าเรียนที่สำนักศึกษา เด็กทั้งสองยังเล็กอยู่ ไม่ถึงเกณฑ์เข้าเรียน แต่เมื่อผู้เป็นมารดายอมบริจาคเงินบำรุงการศึกษา อาจารย์ใหญ่จึงอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ และยังมีลูกสาวของเถ้าแก่เนี้ยโรงเตี๊ยมฝูไหลก็เข้ามาเรียนที่นี่ เด็กน้อยทั้งสามจึงจับกลุ่มเรียนด้วยกันเจ้าซาลาเปาแฝดทั้งสอง เข้าเรียนเร็วกว่าเด็กทั่วไปก็จริง แต่ด้านความสามารถนั้นไม่แพ้ผู้อื่น อี้หนิงสามารถจดจำตัวอักษรที่ท่านอาจารย์สอน และท่องโครงกลอนได้หลายบทด้านผิงอันทำได้ดีในวิชาวาดรูป แต่เรื่องการท่องจำตำราและการคัดอักษรนั้น ยังเป็นรองพี่ชายหลังจากคืนเทศกาลโคมไฟ หลิวซืออินระมัดระวังตัวในการคบหากับแม่ทัพฉู่หมิงฮ่าว นางปฏิบัติกับเขาอย่างพอเหมาะไม่มากหรือน้อยกว่าผู้อื่น หนึ่งเดือนที่ผ่านมา นางถ่วงเวลาไม่ให้เขาเข้ามาใกล้ชิดนางฉู่หมิงฮ่าวเองไม่ได้รุกไล่หรือจู่โจมให้ตื่นตกใจ ยังคงแวะเวียน
บทที่ 40. ตอน ไปรับเจ้าซาลาเปาแฝดที่สำนักศึกษา"ท่านมันเจ้าเล่ห์นัก ท่านบอกว่าจะพิสูจน์ให้ข้าเห็นว่าท่านจริงใจ คนจริงใจที่ไหนกัน เขาทำแบบนี้"นางตัดพ้อขึ้น มือพยายามแกะแขนของเขาออกจากร่าง แต่ก็เหมือนลูกกวางในคมเขี้ยวพยัคฆ์ ไหนเลยจะหลุดพ้นได้ง่ายๆ "หนึ่งเดือนที่ผ่านมา ข้าทำตัวไม่ดีตรงไหน เจ้าถึงไม่ยอมอยู่ใกล้ชิดข้า รู้หรือไม่ว่า ข้าทรมานแค่ไหน"จมูกโด่งงามกดลงบนแก้มนุ่ม สูดกลิ่นแก้มนวลเข้าปอด พลางระบายลมหายใจออกมาอย่างสบายใจ ท่าทางผ่อนคลายน่าหยิกนัก"ท่านมัน... ฉวยโอกาส"หลิวซืออินยกมือขึ้นถูแก้มร้อนผ่าวของตัวเอง แม่ทัพบ้าคนนี้ไม่ยอมละเว้นนาง จะดึงดันต่อต้านก็รู้ดีว่า เขาเจ้าอารมณ์เอาแต่ใจเพียงใด จำต้องสงบใจอยู่นิ่งๆ ในอ้อมแขนเขา จะได้ไม่เสียเปรียบมากกว่านี้"ซืออิน เจ้ารู้หรือไม่ว่า ข้าฝันเห็นเจ้ากับลูกๆ ทุกคืน ในฝันเด็กๆ เรียกข้าว่าท่านพ่อ ส่วนเจ้าเรียกข้าว่าท่านพี่ พอข้าตื่นขึ้นมาก็นึกเสียดายทุกครั้ง อยากให้พวกเราเป็นเช่นในความฝัน"นับตั้งแต่พบหน้าหลิวซืออิน เขากลับนอนหลับโดยไม่เคยฝันถึงสตรีคนนั้นอีกเลย แต่ในความฝันกลับมีนางและหนูน้อยทั้งสองเข้ามาแทนที่ ภาพครอบครัวเริ่มชัดเจนขึ้นทุ
บทที่ 41. ตอน กินข้าวร่วมกันคนขับรถม้าพาทั้งสี่มายังบ้านของหลิวซืออิน บ้านหลังนี้คือบ้านเช่าที่นางและเยี่ยหมิงเจ้าเคยอาศัยเมื่อครั้งมาที่เมืองหนานไห่ครั้งแรก เมื่อนางมีเงินทองก็ขอซื้อต่อจากเจ้าของเดิม เอามาปรับปรุงใหม่จนใหญ่โตกว่าเดิม“ท่านลุง เข้ามาในบ้านของพวกเราสิ”ผิงอันน้อยเอ่ยเชิญชวน นางอยากให้ท่านลุงมาที่บ้านของนาง แต่ท่านแม่ไม่เคยเอ่ยชวน วันนี้ท่านลุงมาเยือนแล้วนางดีใจมาก“เชิญท่านแม่ทัพ”หลิวซืออินในฐานะเจ้าบ้าน จำต้องเชิญเขาตามมารยาท นางเดินนำเข้าไปในบ้าน จัดการชงชาต้อนรับหาขนมมาให้เขาและเด็กๆ“ข้าจะไปทำกับข้าว ท่านคุยกับเด็กๆ เถอะ”“ได้ๆ อี้หนิงผิงอัน เล่าให้ลุงฟังหน่อยว่าวันนี้ ท่านอาจารย์สอนอะไรพวกเจ้าบ้าง”แม่ทัพฉู่พยักหน้ารับ พลางหันไปชวนเด็กๆ พูดคุย หลิวซืออินจึงปล่อยให้เขาอยู่กับเด็กๆ ตัวนางเข้าครัวทำอาหารหลายอย่าง พอตั้งโต๊ะเสร็จนางก็เดินไปบอกพวกเขา“อาหารเสร็จแล้ว มากินกันเถอะ”“ท่านแม่ ข้าหิวแล้ว ท่านลุงเราไปกินข้าวกันเถอะ”ผิงอันยังคงเกาะติดท่านลุงแม่ทัพของนางไม่ปล่อย อี้หนิงรู้ความกว่าน้องสาว มาช่วยมารดาจัดตะเกียบ“ท่านแม่ ท่านเหนื่อยหรือไม่”เจ้าตัวน้อยมองดูใบห
บทที่ 80ตอน วิวาห์ของสองเรา /2 (จบ)“ท่านแม่ ข้าง่วงแล้ว”ผิงอันอ้าปากหาว อี้หนิงเองก็เริ่มตาปรือ วันนี้พวกเขาตื่นเต้นกับงานมาก ตื่นเช้ามาแต่งตัวเข้าร่วมขบวนแห่ มาถึงก็เล่นกันในงานจนตอนนี้หมดแรงแล้ว“ง่วงก็นอนลง มาแม่ห่มผ้าให้”เด็กน้อยทั้งสองนอนลงบนเตียง ให้มารดานอนตรงกลาง ผิงอันกอดมารดาเอาหน้าซุกอกนอนหลับตาพริ้ม หลิวซืออินเกาหลังให้อี้หนิงแบบที่ทำทุกคืน ลูกชายนางขาดคนเกาหลังจะนอนไม่หลับ คืนนี้เด็กชายถูกมารดาเกาหลังจนเพลินหลับไปแล้วแกรก !เสียงประตูเปิดออก พร้อมกับร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์สีแดง ก้าวเข้ามาในห้องหอ กว่าที่ฉู่หมิงฮ่าวจะปลีกตัวออกมาได้ ก็ถูกเพื่อนในกองทัพ พี่ชายตนเอง และพี่ชายเจ้าสาว รินเหล้าส่งให้ไม่หยุดหย่อน เขาอาศัยตัวเองคอแข็งจึงรับมือได้ไม่ยากนัก แต่ให้ดื่มจนไม่ได้เข้าหอ เขาคงกลายเป็นคนโง่ แม่ทัพหนุ่มจึงดื่มบ้างแอบเทรดแขนเสื้อบ้าง แสร้งทำเมามายจึงมีโอกาสได้เข้าหอเสียทีภายในห้องหอเทียนแดงมงคลจุดให้ความสว่างเหลือเพียงครึ่งแท่งแล้ว สุรามงคลบนโต๊ะรอเจ้าบ่าวเจ้าสาว มาคล้องแขนดื่มกิน เจ้าสาวคนงามสวมชุดวิวาห์สีแดงนั่งรออยู่บนเตียงฉู่หมิงฮ่าวหยิบคันชั่ง เดินไปยังเตียงด้วยอารมณ
บทที่ 79 ตอน วิวาห์ของสองเรา /1 เกี้ยวเจ้าสาวสีแดง ถูกแบกออกจากหน้าประตูจวนของเสนาบดีหยาง วันนี้หยางอี้หลันบุตรีของท่านเสนาบดีออกเรือน สินเดิมของเจ้าสาวถูกจัดเตรียมไว้มากมาย สมกับเป็นลูกสาวของเสนาบดีกรมคลังการแต่งงานครั้งนี้เจ้าบ่าวคือ ฉู่หมิงฮ่าว แม่ทัพใหญ่ของแคว้นเป่ยฉี เขาเป็นบุตรชายคนรองของใต้เท้าฉู่อี้หนาน ท่านโส่วฝู่ผู้เป็นที่ไว้วางพระทัยของฮ่องเต้ แม่ทัพหนุ่มอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง ขี่อาชาสีขาวดูสง่างาม บนนั้นยังมีร่างของเด็กชายตัวน้อยสวมชุดสีแดงนั่งอยู่ด้วย ผู้คนที่พากันมามุงดูขบวนแต่งงาน ต่างตื่นตะลึงกับรูปโฉมของเจ้าบ่าว“ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ่าว สวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้า เพราะเขาเป็นแม่ทัพของกองทัพวายุทมิฬ คนในกองทัพนี้ล้วนลึกลับ จนถูกขนานนามว่า กองทัพปีศาจ”คนที่พากันมุงดูซุบซิบถึงเจ้าบ่าว พวกเขาได้ยินชื่อของกองทัพวายุทมิฬก็พากันกลัวตัวสั่น ได้ข่าวว่าแม่ทัพฉู่เพิ่งจัดการกับโจรสลัดที่โหดเหี้ยมผู้หนึ่งของหนานไห่ได้ ฮ่องเต้จึงพระราชทานสมรสให้แต่งกับบุตรีท่านเสนาบดีหยาง“บุตรีท่านเสนาบดีหยาง พลัดพรากจากครอบครัวตั้งแต่เล็ก ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ
บทที่ 78 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/2ฉู่เฟยหยางเป็นฝาแฝดกับฉู่หมิงฮ่าวย่อมหน้าตาคล้ายกัน บุตรของเขาหน้าตาเหมือนบิดาทั้งคู่ จึงดูคล้ายกันเหมือนฝาแฝด แม่หนูผิงอันมองหน้าท่านพ่อกับท่านลุง แล้วมองหน้าพี่ชายตนกับลูกชายท่านลุง“โอย เหมือนกันจนข้าแยกไม่ออกแล้ว ข้าตาลายไปหมดแล้วเจ้าค่ะท่านย่า”ผิงอันน้อยเอียงหน้าซบท่อนแขนของท่านย่า พลางกรอกตาไปมา ท่าทางนั้นทำให้ทุกคนที่เห็นต่างพากันหัวเราะขบขัน หลงเสน่ห์ของแม่หนูน้อยเข้าไปแล้ว“ท่านพ่อท่านแม่ นี่คือหยางอี้หลันภรรยาข้า”หลิวซืออินเดินเข้ามาได้เห็นทุกคนในห้องกำลังหัวเราะท่าทางตลกของผิงอันพอดี เมื่อฉู่หมิงฮ่าวแนะนำนางให้ครอบครัวของเขา จึงประสานมือย่อตัวลงทำความเคารพอย่างนอบน้อม รูปร่างหน้าตาของนางทำให้ทุกคนหันมาจ้องมองอย่างสนใจ“เหมือนข้าคุ้นหน้าเจ้า”ใต้เท้าโส่วฝู่มองบุตรีของเสนาบดีหยาง พลันรู้สึกว่าเคยพบเจอสตรีนางนี้มาก่อน ฮูหยินเองก็มองจ้องหน้านาง คิ้วขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังครุ่นคิด“ท่านทั้งสองคือ... คือผู้มีพระคุณของข้ากับลูก อี้หนิงผิงอัน รีบคุกเข่าเร็ว”หลิวซืออินจำทั้งสองได้ในทันที นางไม่เคยลืมใบหน้าของผู้มีพระคุณ ที่ช่วยชีวิตนางกับลูกน้อ
บทที่ 77 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/1รถม้าเคลื่อนจากหน้าจวนเสนาบดีหยางแล่นไปจอดยังหน้าจวนของใต้เท้าโสว่ฝู่ หน้าประตูฉู่หมิงฮ่าวยืนรอรับภรรยากับลูกๆ เมื่อเห็นรถม้ามาจอดก็รีบเดินไปหมายจะช่วยพาหลิวซืออินกับอี้หนิงผิงอันลงมา แต่คนที่เดินลงมาก่อนกลับเป็นบุรุษผู้หนึ่งหน้าตาหล่อเหลาท่าทางสง่างาม“ท่านคงเป็นพี่ชายของภรรยาข้า คารวะท่านพี่ภรรยา”ฉู่หมิงฮ่าวรู้ว่าท่านเสนาบดีมีลูกชายคนหนึ่ง ชื่อว่า หยางเทียน เป็นพี่ชายของภรรยาเขา จึงประสานมือทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม“เจ้าคือโจรชั่วที่บังอาจฉุดตัวน้องสาวข้าสินะ วันนี้ได้พบหน้าเจ้า เราคงต้องมีเรื่องพูดจากันสักหน่อย”หยางเทียนมองหน้าบุตรชายคนรองของท่านโส่วฝู่ เขาไม่เคยพบกับฉู่หมิงฮ่าวมาก่อน อีกฝ่ายเป็นแม่ทัพประจำการอยู่ค่ายทหาร คนที่เขารู้จักดีคือ ฉู่เฟยหยางบุตรชายคนโตของท่านโส่วฝู่ ตอนเด็กทั้งสองเคยเรียนสำนักศึกษาเดียวกัน โตมาถึงได้แยกย้ายไป ฉู่หมิงฮ่าวเป็นน้องชายฝาแฝดของฉู่เฟยหยาง ใบหน้าของทั้งคู่คล้ายกันมาก ต่างเพียงแววตาของฉู่หมิงฮ่าวดูแข็งกร้าวกว่าฉู่เฟยหยางเล็กน้อย“พี่เทียน ท่านโปรดละเว้นสามีข้าด้วยเถอะเจ้าค่ะ”หลิวซืออินลงจากรถม้า พร้อม
บทที่ 76 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/2ณ จวนตระกูลหยางท่านเสนาบดีหยางพาบุตรีพร้อมหลานๆ กลับมาถึงจวน ได้จัดเรือนหลังหนึ่งให้พวกเขาพัก ฮูหยินสั่งซื้อข้าวของใหม่ให้บุตรีและหลานทั้งสอง เรียกร้านเสื้อผ้าส่งช่างมาวัดตัวตัดเสื้อผ้าชุดใหม่หลายชุด ล้วนเป็นผ้าไหมชั้นดี สีสันลวดลายงดงามกว่าผ้าทั่วไป ที่สามแม่ลูกเคยสวมใส่ ร้านเครื่องประดับนำสิ้นค้าชั้นดี มาให้เลือกถึงเรือน ฮูหยินมองชิ้นไหนล้วนถูกใจไปหมด นำมาเท่าไหร่ก็ซื้อให้บุตรี จนหลิวซืออินไม่กล้ารับไว้ "ท่านแม่ ของพวกนี้ล้วนราคาแพง ท่านซื้อให้ข้ามากเกินไปแล้ว""จะแพงสักเท่าไหร่แม่ก็จะซื้อให้เจ้า ถึงเวลาออกเรือนไป จะได้เป็นสินเดิมติดตัวเจ้าไปมากสักหน่อย ท่านพ่อเจ้าเป็นถึงเสนาบดีกรมคลัง เจ้าต้องแต่งตัวให้สมฐานะบุตรีท่านเสนาบดี อย่าได้ทำให้ท่านพ่อเจ้าขายหน้า"ฮูหยินถือโอกาสอบรมบุตรี ชีวิตก่อนหน้าของหลิวซืออินเคยยากจนลำบากมามาก จึงมัธยัสถ์เห็นคุณค่าของเงินทอง จับจ่ายมากไป แพงไป ล้วนปวดใจเพราะเสียดายเงินทอง ยามนี้นางกลับคืนฐานะบุตรีของท่านเสนาบดี ของสิ่งใดควรได้ ควรหามาใช้ ต้องจัดให้สมฐานะ "ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่"หลิวซืออินรับคำมารดา ตอนนี้นา
บทที่ 75 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/1หนึ่งเดือนต่อมา เสนาบดีหยางพาบุตรีกับหลานทั้งสองเดินทางไปถึงเมืองหลวง หลิวซืออินได้กลับมาอยู่ร่วมกับครอบครัวอีกครั้งด้านฉู่หมิงฮ่าวนำเรื่องของเขากับหลิวซืออินไปบอกบิดามารดา ใต้เท้าโส่วฝู่ได้รู้เรื่องที่บุตรชายกระทำต่อบุตรีของเพื่อนรักก็โมโหยิ่งนัก ลงโทษให้เขาคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพชนทั้งคืน ก่อนจะยอมรับปากไปสู่ขอและจัดงานแต่งให้เขาครอบครัวตระกูลฉู่กลับมาพร้อมหน้า จึงร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน“หากเจ้าไม่ตัดหน้าไปเสียก่อน เจ้าบ่าวของบุตรีท่านเสนาหยางคงเป็นข้า”ฉู่เฟยหยางเอ่ยเย้าน้องชาย ตัวเขาเพิ่งรักษาตาที่บอดจากการถูกลอบทำร้ายจนหายสนิท เมื่อปีที่แล้วบิดามารดาคิดทาบทามบุตรีของขุนนางหลายตระกูลให้เขาดูตัว แต่ฉู่เฟยหยางปฏิเสธบอกว่า จะแต่งกับบุตรีท่านลุงเสนาหยางตามสัญญาหมั้นหมาย เขาอาศัยเรื่องนี้ครองตัวรอดพ้นจากการถูกบังคับแต่งงานมาได้เนิ่นนาน ผู้ใดจะคิดว่าบุตรีท่านลุงหยางยังมีชีวิตอยู่ และมีความสัมพันธ์กับน้องชายฝาแฝดของตน คิดหาข้ออ้างหลบเลี่ยงงานแต่งคงยากเสียแล้ว“ท่านพี่ เรื่องอื่นข้ายอมท่านได้ แต่เรื่องนี้ข้าไม่ยอมเด็ดขาด ท่านหาสตรีคนอื่นเป็นแม่เลี้ยงให้ฉู
บทที่ 74. ตอน ครอบครัวพร้อมหน้า /2"ท่านลุงโปรดให้อภัยด้วย ข้ากับนางเราเป็นสามีภรรยากันแล้วขอรับ""อะไรนะ นี่พวกเจ้า... "ฮูหยินได้ยินก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ นางได้ยินเรื่องบุตรีถูกโจรฉุดจากเกี้ยวเจ้าสาว รู้สึกปวดใจมาก เมื่อเห็นหลานทั้งสอง จึงนึกเอ็นดูและเวทนาที่มีบิดาเป็นโจร ไม่ทันได้เตรียมใจ บุตรชายของท่านโส่วฝู่มาบอกว่าเป็นสามีของบุตรีอีก วันนี้แผ่นดินใต้ฝ่าเท้านางพลิกไปมากี่รอบแล้ว นางมึนงงไปหมด"ท่านแม่ ท่านพ่อ พวกท่านนั่งลงก่อนเจ้าค่ะ"หลิวซืออินประคองมารดาให้นั่งลง สองแฝดมาช่วยบีบนวดท่านตาท่านยายอย่างเอาใจ "ท่านลุง เดิมทีท่านก็ทราบอยู่แล้วว่า ข้าถูกลักพาตัวไปตั้งแต่ยังเล็ก ช่วงเวลาที่ข้ายังไม่ได้พบท่านพ่อ ข้าได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวตระกูลหลิน แล้วมีเหตุให้บุตรชายของท่านลุงหลินกับคู่หมั้น ถูกเจ้าของบ่อนทำร้าย ข้าจึงแก้แค้นแทนพวกเขาด้วยการไปดักปล้นขบวนเจ้าสาว ฉุดตัวเจ้าสาวของคนผู้นั้นมา ครั้งนั้นข้ากับนางได้กราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากัน ต่อมาเกิดเหตุกับข้าทำให้ต้องพลัดพรากจากนางไป มาพบกันอีกครั้งที่เมืองหนานไห่ นางมีบุตรฝาแฝดชายหญิงให้ข้า ตอนนี้ข้าจึงอยากสู่ขอนางต่อท่านลุ
บทที่73 ตอน ครอบครัวพร้อมหน้า /1หลิวซืออินพาบิดามารดานั่งรถม้า มาที่ร้านขายอาหารทะเลแห้งของนาง "ท่านพ่อท่านแม่เชิญด้านในเจ้าค่ะ"ย่านการค้าของเมืองหนานไห่ มีร้านค้าหลากหลาย ร้านของหลิวซืออินเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดของเมือง อีกทั้งยังมีโรงผลิตปลาเค็มและอาหารทะเลแห้งเป็นของตนเอง สินค้าจึงได้คุณภาพกว่าร้านทั่วไป มีลูกค้ามาซื้อของและสั่งสินค้าอย่างคึกคัก คนงานในร้านทำงานอย่างขยันขันแข็ง สินค้าถูกจัดวางเป็นระเบียบดูสะอาดตา แม้จะมีกลิ่นของอาหารทะเลตากแห้ง แต่ก็เป็นปกติของร้านชนิดนี้ จึงไม่ทำให้คนที่เข้ามาต้องฝืนใจทน"ร้านใหญ่โต การค้าของเจ้ารุ่งเรืองมาก""ลูกแม่ เจ้าเก่งเหลือเกิน"ท่านเสนาบดีหยางกับฮูหยิน เมื่อเห็นร้านขายอาหารทะเลแห้งของบุตรีก็พากันเอ่ยชม"เถ้าแก่เนี้ยท่านมาแล้ว ท่านเป็นอย่างไรบ้าง"นางฉีฮุ่ยรีบเข้ามาหาด้วยความดีใจ เมื่อครู่ซุนเซิงกลับมาแจ้งข่าวว่า หลิวซืออินพ้นผิดอีกทั้งยังได้พบบิดามารดาของนางด้วย "ท่านป้าฉี ข้าสบายดี อ้อ นี่คือท่านพ่อกับท่านแม่ของข้า"หลิวซืออินแนะนำให้นางฉีฮุ่ย รู้จักบิดามารดาของนาง "ท่านพ่อ ท่านแม่เจ้าคะ นี่คือท่านป้าฉีฮุ่ย หลายปีมานี้ ท่านป้าช่วยเหลื
บทที่ 72. ตอน สวรรค์เมตตาคนดี ฟ้าทอดทิ้งคนชั่ว/2"ลูกแม่ เจ้าผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นมาได้อย่างไร"ผู้เป็นมารดาอยากรู้เรื่องราวของลูกสาวทั้งหมด แค่คิดว่าลูกสาวถูกโจรฉุดจากเกี้ยวเจ้าสาวไปก็ปวดใจนัก "ต่อมาข้ากราบไหว้ฟ้าดินกับโจรผู้นั้น แต่งเป็นภรรยาเขาเจ้าค่ะ เดิมคิดว่าจะมีชีวิตสุขสงบ แต่สวรรค์ไร้เมตตา สามีข้าตายจากไป หลังจากนั้นข้าจึงมาอยู่ที่หนานไห่ หวังจะใช้ชีวิตที่เหลือ แต่ข้ากลับตั้งครรภ์ คลอดบุตรฝาแฝดชายหญิง ห้าปีนี้ ข้าเลี้ยงดูลูกทั้งสอง ค้าขายปลาเค็มและอาหารทะเลแห้ง จนมีกิจการร้านขายอาหารทะเลแห้ง และโรงผลิตถึงสองแห่ง เรื่องราวชีวิตข้ามีเพียงเท่านี้เจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่"หลิวซืออินเล่าจบ แล้วก็ยิ้มให้บิดามารดา ทุกสิ่งได้เกิดขึ้นและผ่านไปแล้ว วันนี้นางได้พบบิดามารดา สามีที่คิดว่าตายจากก็กลับมาหา มีลูกทั้งสองเป็นดังแก้วตาดวงใจ นางพอใจมากแล้ว"ลูกพ่อ เจ้ายอดเยี่ยมมาก จะมีสตรีสักกี่คนทำได้ดีเช่นเจ้า พ่อภูมิใจในตัวเจ้า"ท่านเสนาบดีชื่นชมบุตรี เรื่องราวของนางทำให้คนเป็นบิดารู้สึกทึ่ง สตรีตัวเล็กคนหนึ่งต้องเผชิญเคราะห์กรรมสาหัสเพียงนี้ แต่สามารถพาตัวเองผ่านพ้นมาได้อย่างเข้มแข็ง มีชีวิต