บทที่ 41. ตอน กินข้าวร่วมกันคนขับรถม้าพาทั้งสี่มายังบ้านของหลิวซืออิน บ้านหลังนี้คือบ้านเช่าที่นางและเยี่ยหมิงเจ้าเคยอาศัยเมื่อครั้งมาที่เมืองหนานไห่ครั้งแรก เมื่อนางมีเงินทองก็ขอซื้อต่อจากเจ้าของเดิม เอามาปรับปรุงใหม่จนใหญ่โตกว่าเดิม“ท่านลุง เข้ามาในบ้านของพวกเราสิ”ผิงอันน้อยเอ่ยเชิญชวน นางอยากให้ท่านลุงมาที่บ้านของนาง แต่ท่านแม่ไม่เคยเอ่ยชวน วันนี้ท่านลุงมาเยือนแล้วนางดีใจมาก“เชิญท่านแม่ทัพ”หลิวซืออินในฐานะเจ้าบ้าน จำต้องเชิญเขาตามมารยาท นางเดินนำเข้าไปในบ้าน จัดการชงชาต้อนรับหาขนมมาให้เขาและเด็กๆ“ข้าจะไปทำกับข้าว ท่านคุยกับเด็กๆ เถอะ”“ได้ๆ อี้หนิงผิงอัน เล่าให้ลุงฟังหน่อยว่าวันนี้ ท่านอาจารย์สอนอะไรพวกเจ้าบ้าง”แม่ทัพฉู่พยักหน้ารับ พลางหันไปชวนเด็กๆ พูดคุย หลิวซืออินจึงปล่อยให้เขาอยู่กับเด็กๆ ตัวนางเข้าครัวทำอาหารหลายอย่าง พอตั้งโต๊ะเสร็จนางก็เดินไปบอกพวกเขา“อาหารเสร็จแล้ว มากินกันเถอะ”“ท่านแม่ ข้าหิวแล้ว ท่านลุงเราไปกินข้าวกันเถอะ”ผิงอันยังคงเกาะติดท่านลุงแม่ทัพของนางไม่ปล่อย อี้หนิงรู้ความกว่าน้องสาว มาช่วยมารดาจัดตะเกียบ“ท่านแม่ ท่านเหนื่อยหรือไม่”เจ้าตัวน้อยมองดูใบห
บทที่ 42. ตอน คนที่คิดว่าตายจาก ที่แท้ยังอยู่ซุนเซิงทำงานในร้านขายอาหารทะเลแห้งของหลิวซืออินมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งร้าน ตอนนี้เขาเป็นหลงจู๊ของร้าน มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลบัญชีการค้าของร้าน รวมถึงการควบคุมรถส่งของให้นำของไปส่งตามเมืองต่างๆ เขามักเป็นตัวแทนของหลิวซืออินในการติดต่อค้าขายกับร้านค้าแห่งใหม่ในเมืองอื่น ยามนี้เมืองต้าหลี่มีร้านขายอาหารทะเลแห้งเปิดใหม่ ต้องการสินค้าจากร้านของหลิวซืออินไปจำหน่าย เถ้าแก่ส่งคนมาเจรจาซื้อขาย สินค้ารอบแรกซุนเซิงจึงเป็นคนนำไปส่งด้วยตัวเอง และถือโอกาสวางบัญชีการค้าไว้ ในครั้งต่อไปก็จะได้ส่งเพียงบัญชีสั่งสินค้าเข้ามา ก็จะนำของไปส่งได้ทันทีการค้าครั้งนี้ทำได้เรียบร้อยดี ซุนเซิงรับเงินค่าสินค้าแล้วก็พักอยู่ที่เมืองต้าหลี่หนึ่งคืน เขารู้ว่าบ้านเดิมของหลิวซืออินอยู่ที่นี่ จึงคิดแวะไปดูสักหน่อย นางเคยเล่าให้เขาฟังว่า บ้านตระกูลหลิวถูกไฟไหม้คนตายทั้งบ้านหลังจากนั้นนางจึงติดตามเยี่ยเหวินจ้าวมาอยู่ที่เมืองหนานไห่"ที่นี่แหละ บ้านตระกูลหลิว"คนขับรถม้า พาเขามาส่งที่บ้านตระกูลหลิว ผ่านไปห้าปี บ้านที่เคยถูกเพลิงใหม่มีบ้านหลังใหม่สร้างขึ้นทดแทน"ข้าเคยได้ยินว่า
บทที่ 43 ตอน จี้หยกและกำไลทองคำหลิวซืออินมาอยู่บ้านตระกูลหลิว หลังจากบิดามารดาของนางถูกโจรฆ่าตาย ตอนนั้นในตัวนางมีจี้หยกกับกำไลทองติดตัวมา ท่านย่าจึงเก็บรักษาเอาไว้ให้ เมื่อท่านย่าตายท่านแม่ของนางจึงเอากล่องสมบัติของท่านย่ามาเก็บไว้เอง ต่อมาครอบครัวของนางมีปัญหา ท่านแม่จึงนำจี้หยกไปขายนำเงินมาเป็นทุนในการย้ายกลับมาต้าหลี่ หลิวชิงหลินจึงขอกำไลทองมาเก็บไว้"ได้ ข้าจะนำไปให้นางเอง ข้าขอตัวกลับก่อน"ซุนเซิงเดินกลับมาขึ้นรถม้า เขาหันไปมองบ้านตระกูลหลิว เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาครอบครัวตระกูลหลิวที่เคยคิดว่าถูกไฟไหม้ตายยกครัว ยังฟื้นกลับมาได้ บางทีพี่เยี่ยของเขาอาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็ได้ในใจของซุนเซิงเกิดความหวังขึ้นมา เขาคิดจะเดินทางไปที่บ้านตระกูลหลินเพื่อสืบข่าว///หลังจากซุนเซิงกลับไป หลิวชิงหลินจึงไปคุยกับมารดาเรื่องของหลิวซืออิน"ท่านแม่ เมื่อครู่มีคนผู้หนึ่งมาที่บ้านของเรา เขาบอกข้าว่า เขารู้จักกับซืออิน""นี่นังเด็กนั่น ยังมีชีวิตอยู่หรือ"คำพูดของมารดาทำให้ หลิวชิงหลินถึงกับอึ้งไป ไม่คิดว่านางหวังจูจะเอ่ยออกมาเช่นนี้"ท่านแม่ ท่านไม่ดีใจหรือ ที่ได้ข่าวของซืออิน ท่านรู้หรือไม่ว่า
บทที่ 44. ตอน ไม่คู่ควร ไม่ควรคู่ในทุกเช้าหลิวซืออินจะปลุกอี้หนิงและผิงอันให้ตื่นขึ้น เพื่อเตรียมตัวไปสำนักศึกษา อี้หนิงนั้นไม่ค่อยงอแงเพียงเขย่าเบาๆ ก็ตื่นขึ้นมา แต่ผิงอันค่อนข้างจะปลุกยาก นางจะกลิ้งไปมาไม่ยอมลุกจากที่นอนง่ายๆ จนผู้เป็นมารดาต้องอุ้มเจ้าตัวน้อย เข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำถึงจะยอมตื่นเมื่อแต่งตัวเสร็จก็มากินอาหารเช้า พอได้กลิ่นอาหารผิงอันจึงตื่นเต็มตา แม่หนูคว้าตะเกียบคีบหมูเค็มเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ สลับกับกินโจ๊ก ใบหน้ากลมนั้นน่ารักน่าเอ็นดู ด้านอี้หนิงกินเรียบร้อยกว่าน้องสาว แต่กินน้อยจนมารดาต้องบังคับให้เขากินให้มากๆ"ท่านแม่ เลิกเรียนวันนี้ท่านลุงหมิง จะไปรับข้าใช่หรือไม่"ผิงอันเอ่ยถาม หลังจากจัดการกับโจ๊กหมดชามแล้ว มือหยิบซาลาเปาอีกลูกมากัดกินต่อ"ท่านลุงก็ไปรับพวกเจ้าทุกวันอยู่แล้ว เหตุใดเจ้าถึงยังถามแม่"ผิงอันจะถามมารดาเช่นนี้ทุกเช้า แม้จะรู้ว่าท่านลุงหมิงจะไปรับนางกับพี่ชายทุกวัน แต่ก็อยากจะถามเพื่อความมั่นใจ "ท่านแม่ ผิงอันนางใช้ท่านลุงทำการค้าให้นางขอรับ"อี้หนิงบอกความลับของน้องสาว พลางส่ายหน้าระอาใจ เขาหยิบผ้ามาเช็ดปากหลังจากพยายามกินโจ๊กให้หมดชาม "ข้าแค่เก็
บทที่ 45. ตอน ไม่คู่ควร ไม่ควรคู่/2ชายผู้นี้คือท่านลุงของแม่ทัพฉู่หมิงฮ่าว เขาได้รับข่าวว่าหลานชายของตนมาติดพันแม่ม่ายลูกติด ด้วยฐานะสตรีนางนี้ย่อมไม่เหมาะสมกับตำแหน่งฮูหยินท่านแม่ทัพ หากข่าวนี้ล่วงรู้ไปถึงบิดามารดาของท่านแม่ทัพ อาจถูกตำหนิติเตียนได้ เขาผู้เป็นลุงย่อมมิอาจให้หลานชายของเขาด่างพร้อยด้วยสาเหตุนี้ จึงต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม "คารวะท่านผู้อาวุโส ท่านมีอะไรก็เอ่ยมาตามตรงเถอะ ข้าเป็นเพียงแม่ค้าปลาเค็ม ไม่มากพิธีการ"หลิวซืออินเห็นสายตาของอีกฝ่ายที่มองนางอย่างดูแคลน ก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่าเขามาหานางเพราะเหตุใด "ดี เช่นนั้นข้าขอพูดตามตรงล่ะนะ ข้ามาหาเจ้าเพราะอยากจะเตือนเจ้าเรื่องความเหมาะสม"ชายชรามองใบหน้างดงามและกิริยาของหญิงม่ายลูกติดผู้นี้แล้ว นึกเสียดายที่นางเป็นหญิงมีตำหนิ หากนางเป็นหญิงชาวบ้านทั่วไป ก็ยังพอฝืนรับได้ แต่มีบุตรถึงสองคนยากเกินจะรับไหว หลานชายของเขายังต้องก้าวหน้า มิอาจให้สตรีข้างกายมาฉุดรั้งได้ "เชิญท่านผู้อาวุโสนั่งลงเถอะเจ้าค่ะ ข้ายินดีรับฟัง"หลิวซืออินผายมือเชิญให้อีกฝ่ายนั่งลง ตัวนางรินชาให้เขาอย่างใจเย็น ทั้งที่ในใจของนางรู้สึกขมฝาด เกิดมาฐานะต่ำต้อยย่
บทที่ 46 ตอน ยังมีชีวิตอยู่/1ซุนเซิงเดินทางออกจากเมืองต้าหลี่พร้อมกับสองแม่ลูก ระหว่างทางเขาถือโอกาสแวะที่บ้านท่านลุงของเยี่ยเหวินจ้าวเพื่อสืบข่าว โดยทิ้งสองแม่ลูกไว้บนรถม้าบ้านตระกูลหลินที่เขาเคยเห็นสภาพถูกไฟไหม้เหลือแต่ซากนั้น บัดนี้กลับมีบ้านหลังใหญ่สร้างขึ้นทดแทน เมื่อซุนเซิงเข้าไปสอบถามหา เจ้าของบ้าน คนรับใช้ที่เฝ้าประตูอยู่ก็บอกว่า"นายท่านไม่อยู่ขอรับ สั่งว่าท่านอาจจะไป หลายวัน หากมีคนมาพบให้มาพบวันอื่น"เมื่อได้ยินดังนั้นซุนเซิง ก็รู้สึกแปลกใจมาก เขาจึงเอ่ยถามออกไปว่า"นายท่านของเจ้า แซ่หลินใช่หรือไม่""ใช่ขอรับ ป้ายด้านหน้าประตูก็ติดไว้ว่าที่นี่คือบ้านตระกูลหลิน ท่านมาถามหาเจ้าของบ้าน เหตุใดถึงไม่รู้ว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านตระกูลหลิน"คนรับใช้มองหน้าซุนเซิง ท่าทางหวาดระแวงเกรงว่าเขาจะเป็นคนร้าย "เมื่อห้าปีก่อนข้าเคยมาที่บ้านหลังนี้ ตอนนั้นเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้น ทำให้บ้านหลังนี้ถูกไฟไหม้จนหมด มีผู้คนเสียชีวิตหลายคน ข้าจึงแปลกใจที่เจ้าของบ้านยังเป็นคนแซ่หลิน"สิ่งที่ซุนเซิงพูดออกมานั้น ทำให้คนรับใช้พยักหน้า ก่อนจะอธิบายให้ฟังว่า"อ้อ เป็นเช่นนั้นนั่นเอง เมื่อห้าปีก่อนไฟไหม้ที่นี่
บทที่ 47 ตอน ยังมีชีวิตอยู่/2"พี่ซุนท่านคงรู้เรื่องจากท่านป้าฉีแล้ว เดิมข้าไม่คิดจะสานสัมพันธ์กับเขา แต่เขาเป็นถึงท่านแม่ทัพมีอำนาจบารมี ข้าเป็นเพียงแม่ค้าตัวเล็กๆ ไม่อาจขัดขืนได้ ตอนนี้ครอบครัวของเขา บังคับขู่เข็ญให้ข้าเลิกคบหากับเขา"หลิวซืออินนั่งคิดเรื่องนี้มาครึ่งค่อนวัน หาหนทางให้ตัวเองกับลูกน้อยพ้นภัย ตัวนางนั้นตัดขาดกับเขาได้โดยง่าย แต่ลูกทั้งสองจะเข้าใจเรื่องนี้หรือไม่ อี้หนิงและผิงอันสนิทสนมกับแม่ทัพฉู่หมิงฮ่าวมาก เด็กทั้งสองกับเขาผูกพันกันจนยากที่จะตัดขาดกันได้โดยง่าย นางไม่ควรยอมปล่อยให้ลูกได้ใกล้ชิดกับเขามากเกินไป จนเกิดปัญหาในวันนี้ คิดแล้วก็รู้สึกสงสารเด็กทั้งสองขึ้นมา หากนางตัดสัมพันธ์ ไม่ให้เขาได้พบเจอกับเด็กๆ อีก อี้หนิงกับผิงอันจะเสียใจเพียงใด"ซืออินเจ้าอย่าคิดมาก เรื่องนี้จะต้องมีทางแก้ไขได้แน่"ซุนเซิงปลอบใจนาง หลิวซืออินพยักหน้ารับพลางถามถึงงานที่เขาไปทำ"งานที่ต้าหลี่เรียบร้อยดีหรือไม่""ข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว เถ้าแก่ทางนั้นเปิดบัญชีสินค้ากับร้านเราแล้ว งวดต่อไปเพียงเขาส่งรายการของมา เราก็จะจัดส่งให้เขาเอง"ซุนเซิงทำงานได้เรียบร้อยเสมอ เป็นที่ไว้วางใจของหลิวซื
บทที่ 48. ตอน มีญาติเช่นนี้ ไม่มีเสียดีกว่า/1โรงเตี๊ยมฝูไหลเป็นโรงเตี๊ยมชั้นดีในเมืองหนานไห่ อีกทั้งยังมีชื่อเสียงเรื่องอาหาร เถ้าแก่เนี้ยเจ้าของร้านมักคิดรายการอาหารแปลกใหม่รสชาติดีเยี่ยมออกมาเสมอ นางหวังจูกับหลิวชิงหลินรออยู่นานรู้สึกหิว จึงพากันออกมาจากห้องพักแล้วไปยังห้องอาหาร “เสี่ยวเอ้อ อาหารขึ้นชื่อของที่นี่มีอะไรบ้าง”นางหวังจูนั่งลงได้ ก็เรียกเสี่ยวเอ้อมาสั่งอาหาร“อาหารขึ้นชื่อของเรา ก็มีปลานึ่งซีอิ๊ว โจ๊กปู ซาลาเปาไส้ปู กุ้งผัดพริก ที่นี่อาหารทะเลสดใหม่ มีทั้งปู ปลา กุ้ง จะทอด นึ่ง ต้ม ล้วนรสชาติยอดเยี่ยม”เสี่ยวเอ้อแนะนำรายการอาหารของที่นี่ให้หลายอย่าง นางหวังจูได้ฟังก็น้ำลายสอ“เอามาทั้งหมดที่เจ้าว่า แล้วเอาปูนึ่งมาหนึ่งชั่งด้วย ข้าขอชาชั้นดีอีกหนึ่งกา”“ขอรับ โปรดรอสักครู่ อาหารพร้อมแล้วข้าจะยกมาให้”เสี่ยวเอ้อจดรายการอาหารเสร็จก็เดินออกไป“ท่านแม่ ท่านสั่งมากมายเช่นนี้ ข้าอาจจะจ่ายไม่ไหว”หลิวชิงหลินเอ่ยท้วงขึ้น นางพกเงินมาไม่มาก อาหารที่มารดาสั่งล้วนราคาแพง เกรงว่าเหรียญเงินในกระเป๋าของนางจะไม่พอจ่าย นางไม่กล้าเอ่ยขัดด้วยเกรงมารดาจะอับอาย“ทำไมเราต้องจ่ายเองด้วย ใครพ
บทที่ 80ตอน วิวาห์ของสองเรา /2 (จบ)“ท่านแม่ ข้าง่วงแล้ว”ผิงอันอ้าปากหาว อี้หนิงเองก็เริ่มตาปรือ วันนี้พวกเขาตื่นเต้นกับงานมาก ตื่นเช้ามาแต่งตัวเข้าร่วมขบวนแห่ มาถึงก็เล่นกันในงานจนตอนนี้หมดแรงแล้ว“ง่วงก็นอนลง มาแม่ห่มผ้าให้”เด็กน้อยทั้งสองนอนลงบนเตียง ให้มารดานอนตรงกลาง ผิงอันกอดมารดาเอาหน้าซุกอกนอนหลับตาพริ้ม หลิวซืออินเกาหลังให้อี้หนิงแบบที่ทำทุกคืน ลูกชายนางขาดคนเกาหลังจะนอนไม่หลับ คืนนี้เด็กชายถูกมารดาเกาหลังจนเพลินหลับไปแล้วแกรก !เสียงประตูเปิดออก พร้อมกับร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์สีแดง ก้าวเข้ามาในห้องหอ กว่าที่ฉู่หมิงฮ่าวจะปลีกตัวออกมาได้ ก็ถูกเพื่อนในกองทัพ พี่ชายตนเอง และพี่ชายเจ้าสาว รินเหล้าส่งให้ไม่หยุดหย่อน เขาอาศัยตัวเองคอแข็งจึงรับมือได้ไม่ยากนัก แต่ให้ดื่มจนไม่ได้เข้าหอ เขาคงกลายเป็นคนโง่ แม่ทัพหนุ่มจึงดื่มบ้างแอบเทรดแขนเสื้อบ้าง แสร้งทำเมามายจึงมีโอกาสได้เข้าหอเสียทีภายในห้องหอเทียนแดงมงคลจุดให้ความสว่างเหลือเพียงครึ่งแท่งแล้ว สุรามงคลบนโต๊ะรอเจ้าบ่าวเจ้าสาว มาคล้องแขนดื่มกิน เจ้าสาวคนงามสวมชุดวิวาห์สีแดงนั่งรออยู่บนเตียงฉู่หมิงฮ่าวหยิบคันชั่ง เดินไปยังเตียงด้วยอารมณ
บทที่ 79 ตอน วิวาห์ของสองเรา /1 เกี้ยวเจ้าสาวสีแดง ถูกแบกออกจากหน้าประตูจวนของเสนาบดีหยาง วันนี้หยางอี้หลันบุตรีของท่านเสนาบดีออกเรือน สินเดิมของเจ้าสาวถูกจัดเตรียมไว้มากมาย สมกับเป็นลูกสาวของเสนาบดีกรมคลังการแต่งงานครั้งนี้เจ้าบ่าวคือ ฉู่หมิงฮ่าว แม่ทัพใหญ่ของแคว้นเป่ยฉี เขาเป็นบุตรชายคนรองของใต้เท้าฉู่อี้หนาน ท่านโส่วฝู่ผู้เป็นที่ไว้วางพระทัยของฮ่องเต้ แม่ทัพหนุ่มอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง ขี่อาชาสีขาวดูสง่างาม บนนั้นยังมีร่างของเด็กชายตัวน้อยสวมชุดสีแดงนั่งอยู่ด้วย ผู้คนที่พากันมามุงดูขบวนแต่งงาน ต่างตื่นตะลึงกับรูปโฉมของเจ้าบ่าว“ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ่าว สวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้า เพราะเขาเป็นแม่ทัพของกองทัพวายุทมิฬ คนในกองทัพนี้ล้วนลึกลับ จนถูกขนานนามว่า กองทัพปีศาจ”คนที่พากันมุงดูซุบซิบถึงเจ้าบ่าว พวกเขาได้ยินชื่อของกองทัพวายุทมิฬก็พากันกลัวตัวสั่น ได้ข่าวว่าแม่ทัพฉู่เพิ่งจัดการกับโจรสลัดที่โหดเหี้ยมผู้หนึ่งของหนานไห่ได้ ฮ่องเต้จึงพระราชทานสมรสให้แต่งกับบุตรีท่านเสนาบดีหยาง“บุตรีท่านเสนาบดีหยาง พลัดพรากจากครอบครัวตั้งแต่เล็ก ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ
บทที่ 78 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/2ฉู่เฟยหยางเป็นฝาแฝดกับฉู่หมิงฮ่าวย่อมหน้าตาคล้ายกัน บุตรของเขาหน้าตาเหมือนบิดาทั้งคู่ จึงดูคล้ายกันเหมือนฝาแฝด แม่หนูผิงอันมองหน้าท่านพ่อกับท่านลุง แล้วมองหน้าพี่ชายตนกับลูกชายท่านลุง“โอย เหมือนกันจนข้าแยกไม่ออกแล้ว ข้าตาลายไปหมดแล้วเจ้าค่ะท่านย่า”ผิงอันน้อยเอียงหน้าซบท่อนแขนของท่านย่า พลางกรอกตาไปมา ท่าทางนั้นทำให้ทุกคนที่เห็นต่างพากันหัวเราะขบขัน หลงเสน่ห์ของแม่หนูน้อยเข้าไปแล้ว“ท่านพ่อท่านแม่ นี่คือหยางอี้หลันภรรยาข้า”หลิวซืออินเดินเข้ามาได้เห็นทุกคนในห้องกำลังหัวเราะท่าทางตลกของผิงอันพอดี เมื่อฉู่หมิงฮ่าวแนะนำนางให้ครอบครัวของเขา จึงประสานมือย่อตัวลงทำความเคารพอย่างนอบน้อม รูปร่างหน้าตาของนางทำให้ทุกคนหันมาจ้องมองอย่างสนใจ“เหมือนข้าคุ้นหน้าเจ้า”ใต้เท้าโส่วฝู่มองบุตรีของเสนาบดีหยาง พลันรู้สึกว่าเคยพบเจอสตรีนางนี้มาก่อน ฮูหยินเองก็มองจ้องหน้านาง คิ้วขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังครุ่นคิด“ท่านทั้งสองคือ... คือผู้มีพระคุณของข้ากับลูก อี้หนิงผิงอัน รีบคุกเข่าเร็ว”หลิวซืออินจำทั้งสองได้ในทันที นางไม่เคยลืมใบหน้าของผู้มีพระคุณ ที่ช่วยชีวิตนางกับลูกน้อ
บทที่ 77 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/1รถม้าเคลื่อนจากหน้าจวนเสนาบดีหยางแล่นไปจอดยังหน้าจวนของใต้เท้าโสว่ฝู่ หน้าประตูฉู่หมิงฮ่าวยืนรอรับภรรยากับลูกๆ เมื่อเห็นรถม้ามาจอดก็รีบเดินไปหมายจะช่วยพาหลิวซืออินกับอี้หนิงผิงอันลงมา แต่คนที่เดินลงมาก่อนกลับเป็นบุรุษผู้หนึ่งหน้าตาหล่อเหลาท่าทางสง่างาม“ท่านคงเป็นพี่ชายของภรรยาข้า คารวะท่านพี่ภรรยา”ฉู่หมิงฮ่าวรู้ว่าท่านเสนาบดีมีลูกชายคนหนึ่ง ชื่อว่า หยางเทียน เป็นพี่ชายของภรรยาเขา จึงประสานมือทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม“เจ้าคือโจรชั่วที่บังอาจฉุดตัวน้องสาวข้าสินะ วันนี้ได้พบหน้าเจ้า เราคงต้องมีเรื่องพูดจากันสักหน่อย”หยางเทียนมองหน้าบุตรชายคนรองของท่านโส่วฝู่ เขาไม่เคยพบกับฉู่หมิงฮ่าวมาก่อน อีกฝ่ายเป็นแม่ทัพประจำการอยู่ค่ายทหาร คนที่เขารู้จักดีคือ ฉู่เฟยหยางบุตรชายคนโตของท่านโส่วฝู่ ตอนเด็กทั้งสองเคยเรียนสำนักศึกษาเดียวกัน โตมาถึงได้แยกย้ายไป ฉู่หมิงฮ่าวเป็นน้องชายฝาแฝดของฉู่เฟยหยาง ใบหน้าของทั้งคู่คล้ายกันมาก ต่างเพียงแววตาของฉู่หมิงฮ่าวดูแข็งกร้าวกว่าฉู่เฟยหยางเล็กน้อย“พี่เทียน ท่านโปรดละเว้นสามีข้าด้วยเถอะเจ้าค่ะ”หลิวซืออินลงจากรถม้า พร้อม
บทที่ 76 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/2ณ จวนตระกูลหยางท่านเสนาบดีหยางพาบุตรีพร้อมหลานๆ กลับมาถึงจวน ได้จัดเรือนหลังหนึ่งให้พวกเขาพัก ฮูหยินสั่งซื้อข้าวของใหม่ให้บุตรีและหลานทั้งสอง เรียกร้านเสื้อผ้าส่งช่างมาวัดตัวตัดเสื้อผ้าชุดใหม่หลายชุด ล้วนเป็นผ้าไหมชั้นดี สีสันลวดลายงดงามกว่าผ้าทั่วไป ที่สามแม่ลูกเคยสวมใส่ ร้านเครื่องประดับนำสิ้นค้าชั้นดี มาให้เลือกถึงเรือน ฮูหยินมองชิ้นไหนล้วนถูกใจไปหมด นำมาเท่าไหร่ก็ซื้อให้บุตรี จนหลิวซืออินไม่กล้ารับไว้ "ท่านแม่ ของพวกนี้ล้วนราคาแพง ท่านซื้อให้ข้ามากเกินไปแล้ว""จะแพงสักเท่าไหร่แม่ก็จะซื้อให้เจ้า ถึงเวลาออกเรือนไป จะได้เป็นสินเดิมติดตัวเจ้าไปมากสักหน่อย ท่านพ่อเจ้าเป็นถึงเสนาบดีกรมคลัง เจ้าต้องแต่งตัวให้สมฐานะบุตรีท่านเสนาบดี อย่าได้ทำให้ท่านพ่อเจ้าขายหน้า"ฮูหยินถือโอกาสอบรมบุตรี ชีวิตก่อนหน้าของหลิวซืออินเคยยากจนลำบากมามาก จึงมัธยัสถ์เห็นคุณค่าของเงินทอง จับจ่ายมากไป แพงไป ล้วนปวดใจเพราะเสียดายเงินทอง ยามนี้นางกลับคืนฐานะบุตรีของท่านเสนาบดี ของสิ่งใดควรได้ ควรหามาใช้ ต้องจัดให้สมฐานะ "ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่"หลิวซืออินรับคำมารดา ตอนนี้นา
บทที่ 75 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/1หนึ่งเดือนต่อมา เสนาบดีหยางพาบุตรีกับหลานทั้งสองเดินทางไปถึงเมืองหลวง หลิวซืออินได้กลับมาอยู่ร่วมกับครอบครัวอีกครั้งด้านฉู่หมิงฮ่าวนำเรื่องของเขากับหลิวซืออินไปบอกบิดามารดา ใต้เท้าโส่วฝู่ได้รู้เรื่องที่บุตรชายกระทำต่อบุตรีของเพื่อนรักก็โมโหยิ่งนัก ลงโทษให้เขาคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพชนทั้งคืน ก่อนจะยอมรับปากไปสู่ขอและจัดงานแต่งให้เขาครอบครัวตระกูลฉู่กลับมาพร้อมหน้า จึงร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน“หากเจ้าไม่ตัดหน้าไปเสียก่อน เจ้าบ่าวของบุตรีท่านเสนาหยางคงเป็นข้า”ฉู่เฟยหยางเอ่ยเย้าน้องชาย ตัวเขาเพิ่งรักษาตาที่บอดจากการถูกลอบทำร้ายจนหายสนิท เมื่อปีที่แล้วบิดามารดาคิดทาบทามบุตรีของขุนนางหลายตระกูลให้เขาดูตัว แต่ฉู่เฟยหยางปฏิเสธบอกว่า จะแต่งกับบุตรีท่านลุงเสนาหยางตามสัญญาหมั้นหมาย เขาอาศัยเรื่องนี้ครองตัวรอดพ้นจากการถูกบังคับแต่งงานมาได้เนิ่นนาน ผู้ใดจะคิดว่าบุตรีท่านลุงหยางยังมีชีวิตอยู่ และมีความสัมพันธ์กับน้องชายฝาแฝดของตน คิดหาข้ออ้างหลบเลี่ยงงานแต่งคงยากเสียแล้ว“ท่านพี่ เรื่องอื่นข้ายอมท่านได้ แต่เรื่องนี้ข้าไม่ยอมเด็ดขาด ท่านหาสตรีคนอื่นเป็นแม่เลี้ยงให้ฉู
บทที่ 74. ตอน ครอบครัวพร้อมหน้า /2"ท่านลุงโปรดให้อภัยด้วย ข้ากับนางเราเป็นสามีภรรยากันแล้วขอรับ""อะไรนะ นี่พวกเจ้า... "ฮูหยินได้ยินก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ นางได้ยินเรื่องบุตรีถูกโจรฉุดจากเกี้ยวเจ้าสาว รู้สึกปวดใจมาก เมื่อเห็นหลานทั้งสอง จึงนึกเอ็นดูและเวทนาที่มีบิดาเป็นโจร ไม่ทันได้เตรียมใจ บุตรชายของท่านโส่วฝู่มาบอกว่าเป็นสามีของบุตรีอีก วันนี้แผ่นดินใต้ฝ่าเท้านางพลิกไปมากี่รอบแล้ว นางมึนงงไปหมด"ท่านแม่ ท่านพ่อ พวกท่านนั่งลงก่อนเจ้าค่ะ"หลิวซืออินประคองมารดาให้นั่งลง สองแฝดมาช่วยบีบนวดท่านตาท่านยายอย่างเอาใจ "ท่านลุง เดิมทีท่านก็ทราบอยู่แล้วว่า ข้าถูกลักพาตัวไปตั้งแต่ยังเล็ก ช่วงเวลาที่ข้ายังไม่ได้พบท่านพ่อ ข้าได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวตระกูลหลิน แล้วมีเหตุให้บุตรชายของท่านลุงหลินกับคู่หมั้น ถูกเจ้าของบ่อนทำร้าย ข้าจึงแก้แค้นแทนพวกเขาด้วยการไปดักปล้นขบวนเจ้าสาว ฉุดตัวเจ้าสาวของคนผู้นั้นมา ครั้งนั้นข้ากับนางได้กราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากัน ต่อมาเกิดเหตุกับข้าทำให้ต้องพลัดพรากจากนางไป มาพบกันอีกครั้งที่เมืองหนานไห่ นางมีบุตรฝาแฝดชายหญิงให้ข้า ตอนนี้ข้าจึงอยากสู่ขอนางต่อท่านลุ
บทที่73 ตอน ครอบครัวพร้อมหน้า /1หลิวซืออินพาบิดามารดานั่งรถม้า มาที่ร้านขายอาหารทะเลแห้งของนาง "ท่านพ่อท่านแม่เชิญด้านในเจ้าค่ะ"ย่านการค้าของเมืองหนานไห่ มีร้านค้าหลากหลาย ร้านของหลิวซืออินเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดของเมือง อีกทั้งยังมีโรงผลิตปลาเค็มและอาหารทะเลแห้งเป็นของตนเอง สินค้าจึงได้คุณภาพกว่าร้านทั่วไป มีลูกค้ามาซื้อของและสั่งสินค้าอย่างคึกคัก คนงานในร้านทำงานอย่างขยันขันแข็ง สินค้าถูกจัดวางเป็นระเบียบดูสะอาดตา แม้จะมีกลิ่นของอาหารทะเลตากแห้ง แต่ก็เป็นปกติของร้านชนิดนี้ จึงไม่ทำให้คนที่เข้ามาต้องฝืนใจทน"ร้านใหญ่โต การค้าของเจ้ารุ่งเรืองมาก""ลูกแม่ เจ้าเก่งเหลือเกิน"ท่านเสนาบดีหยางกับฮูหยิน เมื่อเห็นร้านขายอาหารทะเลแห้งของบุตรีก็พากันเอ่ยชม"เถ้าแก่เนี้ยท่านมาแล้ว ท่านเป็นอย่างไรบ้าง"นางฉีฮุ่ยรีบเข้ามาหาด้วยความดีใจ เมื่อครู่ซุนเซิงกลับมาแจ้งข่าวว่า หลิวซืออินพ้นผิดอีกทั้งยังได้พบบิดามารดาของนางด้วย "ท่านป้าฉี ข้าสบายดี อ้อ นี่คือท่านพ่อกับท่านแม่ของข้า"หลิวซืออินแนะนำให้นางฉีฮุ่ย รู้จักบิดามารดาของนาง "ท่านพ่อ ท่านแม่เจ้าคะ นี่คือท่านป้าฉีฮุ่ย หลายปีมานี้ ท่านป้าช่วยเหลื
บทที่ 72. ตอน สวรรค์เมตตาคนดี ฟ้าทอดทิ้งคนชั่ว/2"ลูกแม่ เจ้าผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นมาได้อย่างไร"ผู้เป็นมารดาอยากรู้เรื่องราวของลูกสาวทั้งหมด แค่คิดว่าลูกสาวถูกโจรฉุดจากเกี้ยวเจ้าสาวไปก็ปวดใจนัก "ต่อมาข้ากราบไหว้ฟ้าดินกับโจรผู้นั้น แต่งเป็นภรรยาเขาเจ้าค่ะ เดิมคิดว่าจะมีชีวิตสุขสงบ แต่สวรรค์ไร้เมตตา สามีข้าตายจากไป หลังจากนั้นข้าจึงมาอยู่ที่หนานไห่ หวังจะใช้ชีวิตที่เหลือ แต่ข้ากลับตั้งครรภ์ คลอดบุตรฝาแฝดชายหญิง ห้าปีนี้ ข้าเลี้ยงดูลูกทั้งสอง ค้าขายปลาเค็มและอาหารทะเลแห้ง จนมีกิจการร้านขายอาหารทะเลแห้ง และโรงผลิตถึงสองแห่ง เรื่องราวชีวิตข้ามีเพียงเท่านี้เจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่"หลิวซืออินเล่าจบ แล้วก็ยิ้มให้บิดามารดา ทุกสิ่งได้เกิดขึ้นและผ่านไปแล้ว วันนี้นางได้พบบิดามารดา สามีที่คิดว่าตายจากก็กลับมาหา มีลูกทั้งสองเป็นดังแก้วตาดวงใจ นางพอใจมากแล้ว"ลูกพ่อ เจ้ายอดเยี่ยมมาก จะมีสตรีสักกี่คนทำได้ดีเช่นเจ้า พ่อภูมิใจในตัวเจ้า"ท่านเสนาบดีชื่นชมบุตรี เรื่องราวของนางทำให้คนเป็นบิดารู้สึกทึ่ง สตรีตัวเล็กคนหนึ่งต้องเผชิญเคราะห์กรรมสาหัสเพียงนี้ แต่สามารถพาตัวเองผ่านพ้นมาได้อย่างเข้มแข็ง มีชีวิต