ตอนที่เข้าใกล้เมืองหลวง คนรอบๆ ก็เพิ่มมากขึ้น แล้วยังมีบางส่วนที่เข้ามาสำรวจ รู้ว่าคงปิดบังอ๋องเจวี้ยนไม่ได้ จึงไม่มีปิดบังอำพรางแต่อย่างใดกระทั่งมีบางส่วนกล้าเข้ามาทักทายอีกด้วย"อ๋องเจวี้ยนไปที่ไหนมาหรือจึงเพิ่งกลับเมืองหลวง? ออกจากเมืองหลวงไปเป็นเดือนเลย"เซียวหลันยวนได้ยินคำทักทายที่ด้านในรถม้า แต่ก็นิ่งงันไม่ส่งเสียง"ใครน่ะ?" ฟู่จาวหนิงถามเขาเสียงต่ำ"ฟังจากเสียง คงเป็นลูกชายคนโตของบ้านหวางเก๋อเหล่า" เซียวหลันยวนเอ่ยตอบเสียงต่ำฟู่จาวหนิงพอได้ยินคำว่าหวางเก๋อเหล่า ในความทรงจำจู่ๆ ก็มีเรื่องหนึ่งแล่นออกมาหวางเก๋อเหล่าเป็นตาแก่ตัณหากลับคนหนึ่งนี่นายิ่งไปกว่านั้นเจ้าของร่างเดิมยังเคยเจอด้วย คุณหนูฟู่ตอนนั้นได้ยินว่าเซียวเหยียนจิ่งไปที่วัดบนเขาแห่งหนึ่ง จึงคิดจะตามไป แล้วยังคิดว่าที่วัดนั่นเผาธูปได้แม่นยำอีกด้วย จึงหวังว่าพระพุทธเจ้าจะช่วยปกป้องท่านปู่ให้หายวันหายคืนแต่ว่านางก็ถูกพวกคุณชายที่ตามเซียวเหยียนจิ่งไปพวกนั้นหลอกเอา พอไปได้ครึ่งทางเจอกับคนหลายคนนางจึงถามดู พอรู้ว่าถูกหลอกก็เตรียมจะหมุนตัวกลับตอนนั้นฝนก็ตกลงมาด้านหลังมีรถม้าขับเข้ามา คนบนรถม้าบอกให้นางติดรถไ
"เจ้าพูดไร้สาระ! ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้นเสียหน่อย!"หวางต้าหลางพอได้ยินคำพูดฟู่จาวหนิงก็โมโหร้อนรนขึ้นมาแม้เขาที่เข้ามาสืบหาที่พักของอ๋องเจวี้ยนก็ดูจะมีเจตนาไม่ดีอยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้นยังรู้ว่าการเดินทางของอ๋องเจวี้ยนครั้งนี้น่าจะทำให้องค์จักรพรรดิระแวงมากขึ้นไปแล้วพ่อของเขาก็เคยวิเคราะห์ที่บ้านมาแล้ว บอกว่าองค์จักรพรรดิก่อนหน้านี้พยายามจะรักษาความสัมพันธ์พี่น้องกับอ๋องเจวี้ยนอยู่ จึงแสดงออกถึงความใจกว้างและใจดีของเขา แต่หลังจากอ๋องเจวี้ยนเดินทางครั้งนี้ก็น่าจะรักษาไว้ไม่อยู่แล้วองค์จักรพรรดิเองก็อยากรู้ว่าไท่ซ่างหวงทิ้งอะไรไว้ให้กับอ๋องเจวี้ยน และก็อยากรู้มากว่าอ๋องเจวี้ยนไปที่ไหนมากันแน่ใครที่สืบเรื่องนี้ออกมาได้ กระทั่งเป็นการสร้างปัญหาให้กับอ๋องเจวี้ยน ก็ถือว่าเป็น "ขุนนางภักดี" ต่อองค์จักรพรรดิแล้วถึงอย่างไรก็ต้องทำให้องค์จักรพรรดิเบิกบานได้แน่นอนแล้วไม่ใช่หรือ หวางต้าหลางพอเห็นรถม้าของอ๋องเจวี้ยนจึงพุ่งเข้ามาทันทีแต่ตอนนี้เขาก็ถามอะไรออกมาไม่ได้เลย กระทั่งเสียงของอ๋องเจวี้ยนก็ยังไม่ได้ยิน เขาก็ถูกฟู่จาวหนิงหยามหมิ่นเสียแล้ว"เจ้าไม่ได้พูดหรอก แต่ท่าทีของเจ้ามันเป็นเ
ไป๋หู่เอ่ยขึ้นเสียงเย็นชา "มองความแตกต่างออกหรือยัง? ที่พวกเราตีเจ้า กับที่เจ้าล้มลงไปเอง ว่ามีตรงไหนที่ไม่เหมือนกัน?"คนในเพิงน้ำชาข้างๆ ก็หัวเราะขึ้นมาพวกเขาเห็นตั้งแต่ต้นจนจบ เดิมทีก็มีคนที่อยากจะทำอะไรโง่ๆ อย่างการเข้าไปพูดคุยกับอ๋องเจวี้ยนเหมือนกัน แต่พอเห็นจุดลงเอยเช่นนี้ของหวางต้าหลาง พวกเขาก็หดคอกลับไปดูแล้วนี่แค่พระชายาอ๋องเจวี้ยนคนเดียวก็ยังไม่น่าเข้าไปหาเรื่องด้วยอ๋องเจวี้ยนยังไม่ส่งเสียงด้วยซ้ำ"ข้าเองก็เพิ่งจะเคยเห็นคนที่เข้ามาขอให้เอาหินซัดไปที่ขาด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกเหมือนกัน" ในรถม้ามีเสียงหัวเราะของฟู่จาวหนิงลอดออกมา "ไป๋หู่ พวกเราใจกว้างพอ คนเขาขอมารอบหนึ่ง พวกเราจัดให้สักสองรอบได้""ขอรับ"หวางต้าหลางรีบปีนตัวขึ้นมา ลนลานขึ้นแล้ว "ข้าจะไปขอความเป็นธรรมจากองค์จักรพรรดิ พวกเจ้าจะใช้ตัวตนฐานะของราชวงศ์มารังแกข้าไม่ได้! อ๊า!"เพิ่งพูดจบ ไป๋หู่ก็ซัดหินอีกก้อนออกมา เขาล้มลงไปบนพื้นหนักๆ อีกครั้ง ครั้งนี้กระแทกจนฟันหน้าหลวมหน่อยๆ แล้ว เจ็บจนเขาหน้ามืดคนใช้บ้านตระกูลหวางรีบวิ่งเข้ามา ประคองตัวเขาขึ้น"ไป พวกเราไป" หวางต้าหลางรีบคว้ามือคนช้า ให้พวกเขาประคองตนเอ
รถม้าของจวนอ๋องเจวี้ยนเดินหน้าต่อเข้าไปในเมืองหลวงผ่านถนนยาวอย่างเอิกเกริก ควบตรงไปยังจวนอ๋องเจวี้ยนอ๋องเจวี้ยนกลับเมืองหลวงแล้ว!ข่าวนี้เพียงไม่นานก็ลือไปทั่วทั้งเมืองในวังหลวง องค์จักรพรรดิไม่ได้ลับการตอบกลับจากองครักษ์ลับมาโดยตลอด พอได้ยินว่าอ๋องเจวี้ยนเดินทางกลับมาจวนอ๋องเจวี้ยนแล้ว ก็โมโหจนแทบลมจับเขาส่งคนไล่ไปตามทางเพื่อออกหาองครักษ์ลับเหล่านั้นทันที ผลคือวันที่สองจึงพบพวกเขาบนหาดริมน้ำข้างทางคนเหล่านี้บางคนก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่ก็จับไข้ตัวร้อน มึนๆ งงๆ แค่แรงจะแก้มัดก็ยังไม่มีเป็นถึงองครักษ์ลับของจักรพรรดิ นอนอยู่ที่หาดริมน้ำเหมือนคนพิการถึงสองวันเต็ม! เกือบจะสามวัน!ถ้าไม่ใช่ข้างทางมีแม้น้ำ พวกเขายังพอคลานไปกินน้ำกันได้ ไม่เช่นนั้นคงกระหายน้ำตายกันหมดแล้วข่าวนี้ส่งมาถึงในหูองค์จักรพรรดิ ภาพตรงหน้าเขากลับไปหมด เซนั่งลงบนเก้าอี้ ริมฝีปากสั่นระริก ไม่พูดไม่จาไปครึ่งวันองครักษ์ลับเหล่านั้นแม้จะยังมีชีวิตอยู่ แต่ปราณชี่ก็บาดเจ็บหนัก ยังไม่รู้ว่าต้องพักฟื้นนานเท่าไรจะจึงกลับมาใช้ได้อีกหรือก็คือในช่วงนี้เขาขาดลูกมืออย่างจริงจังแล้วเว้นเสียแต่เขาจะส่งราชองครักษ์ออ
"องค์จักรพรรดิ แคว้นหนานฉือกู่ครั้งนี้บอกว่าส่งองค์หญิงเข้ามาอภิเษกเพื่อสันติ ส่วนเป้าหมายนั้น น่าจะรอให้องค์หญิงมาถึงเมืองหลวงก่อนแล้วค่อยเอ่ยกับองค์จักรพรรดิด้วยตนเอง""องค์หญิง?"องค์จักรพรรดิขมวดคิ้ว "องค์หญิงของสถานที่นั่น คงไม่ได้หน้าตาน่าเกลียดหรอกกระมัง?"ก่อนหน้านี้องค์จักรพรรดิเคยเห็นภาพของแคว้นหนานฉือกู่จากไท่ซ่างหวงมาแล้ว คนหนานฉือบนภาพล้วนหน้าตากน่าเกลียดหยาบกร้านดังนั้นตั้งแต่ตอนนั้น เขาจึงมีภาพจำเช่นนี้มาโดยตลอด รู้สึกว่าคนหนานฉือล้วนน่าเกลียดกันหมดสิบปีก่อนพวกเขาเคยเอ่ยถึงเรื่องการอภิเษกเพื่อสันติไปแล้ว พอเขาได้ยินก็สั่นเทา ปฏิเสธไปทันที ตอนนี้คนจากหนานฉือมาอีกแล้วหรือ?"องค์จักรพรรดิ" กงกงเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ "นี่อาจจะเป็นโอกาสก็ได้ ถ้าหากองค์หญิงต้องตาอ๋องเจวี้ยนขึ้นมาเล่า?"ได้ยินว่าอ๋องเจวี้ยนดูคล้ายกับไท่ซ่างหวงในวัยหนุ่มมาก สมัยก่อนคนของแคว้นหนานฉือก็เคยชมเคยหน้าตาของไท่ซ่างหวง แล้วองค์หญิงอะไรนั่นครั้งนี้ จะต้องตามกับอ๋องเจวี้ยนขึ้นมาหรือเปล่า?ดวงตาองค์จักรพรรดิเป็นประกาย"คนของหนานฉือทั้งป่าเถื่อนและดื้อรั้น ถ้าหากองค์หญิงคนนั้นต้องตาอ๋องเจวี้ยน จะต้องยื
ผู้เฒ่าฟู่พอเห็นฟู่จาวหนิงปลอดภัยกลับมา ก็ผ่อนคลายลงเป็นอย่างมาก"หงจั๋วกับเฝิ่นซิงสองสาวใช้นั้นชอบหลอกข้า บอกว่าพวกเจ้าจะคอยส่งจดหมายกลับมา พูดเอาไว้เสียดิบดี ตอนแรกเองข้าก็เชื่อไปแล้วด้วย"ผู้เฒ่าฟู่เอ่ยกับฟู่จาวหนิง และเพราะคิดว่าเป็นจริง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้กังวลร้อนใจนัก เพราะสองสามวันก็จะส่งจดหมายกลับมาที พูดเอาไว้ดิบดีแล้ว จึงไม่มีเรื่องอะไรแต่เมื่อวานตอนค่ำๆ หลังจากเขากินข้าวเสร็จแล้วถูกเสี่ยวเฟยประคองออกไปเดินย่อยในลานบ้าน แล้วไปได้ยินพวกผู้ดูแลกำลังคุยกัน พูดดูแลนั่นถอนใจโล่งออกมาเฮือกใหญ่ผู้ดูแลบอกว่า ดีเหลือเกิน ท่านอ๋องกับพระชายาในที่สุดก็กลับมาแล้ว หายไปไม่มีข่าวตั้งนมนาน ทำเอาพวกเรากังวลกันไปหมด คนใช้ทั้งจวนอ๋องล้วนกลุ้มกันเหมือนผ่านไปแรมปีตอนนั้นผู้เฒ่าฟู่จึงเพิ่งรู้ ว่าที่แท้เฝิ่นซิงกับหงจั๋วพวกนางมาหลอกเขา"เมื่อวานเพิ่งจะรู้ว่ามาหลอกข้า" ผู้เฒ่าฟู่ตำหนิขึ้นมา ถลึงตามองหงจั๋วกับเฝิ่นซิงสองสาวใช้คารวะให้เขา จากนั้นก็คารวะกับฟู่จาวหนิง"ท่านผู้เฒ่าโปรดให้อภัยด้วย พระชายาโปรดให้อภัยด้วย"ฟู่จาวหนิงยิ้มๆ โบกไม้โบกมือให้พวกนาง จากนั้นก็ประคองท่านผู้เฒ่า "ท่านปู
"เฮ้อ"ผู้เฒ่าฟู่เห็นสภาพนาง ในใจก็เข้าใจขึ้นมา"เจ้าพูดมาตามตรง ถ้าเจ้าชอบอ๋องเจวี้ยนขึ้นมา ปู่ก็จะไม่รู้สึกว่าแปลกประหลาด"อันที่จริง ผู้ชายอย่างอ๋องเจวี้ยน ก็คงจะมีหญิงสาวไม่น้อยเข้ามาชอบพอ หน้าตาเองก็หล่อเหลาเหลือเกิน มองแค่ครึ่งหน้า มองแค่รูปร่าง ยืนอยู่ที่ไหนก็ดูราวไผ่หยกกลางกระแสลม สง่ามีราศีพอได้ยินเสียง ก็เหมือนกับเสียงพิณเสนาะหูแล่นผ่าน ราวกับสายลมแผ่วลูบผ่านใบหูแล้วยังตัวตนฐานะอีก อ๋องเจวี้ยนแคว้นเจา ในมือมีองครักษ์เงามังกร แล้วยังมีตราประทับแคว้นเจาอีก ยังไม่ต้องพูดเรื่องอื่น ถ้าหากมีแคว้นอื่นส่งหนังสือแคว้นเข้ามา จะเชื่อมสัมพันธ์ทั้งสองแคว้นก็ดี หรือว่าจะเปิดการค้าระหว่างสองแคว้นก็ตาม กระทั่งการตัดแบ่งเมืองเพื่อชดเชยอะไรเทือกนั้น ก็ยังต้องให้อ๋องเจวี้ยนส่งตราประทับออกมาใช้เลยสำหรับแคว้นต่างๆ นี่ถือเป็นครั้งแรก ยังไม่เคยได้ยินที่ไหนเป็นเช่นนี้เพราะการพูดเช่นนี้องค์จักรพรรดิที่นั่งอยู่บนบัลลังก์จะไม่กระอักเลือดเลยหรือ? น่าอดสูเสียจริงแล้วถ้าพูดขึ้นมา อ๋องเจวี้ยนเองก็แทบจะมีตัวตนฐานะเทียบเท่ากับผู้สำเร็จราชการแทนแล้วเป็นเช่นนี้ ไท่ซ่างหวงก็ยังทิ้งสิ่งยืนยันอะไร
ผุ้เฒ่าฟู่เองก็คอยข่าวคราวสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินอยู่ตลอด"ท่านปู่ ตอนนี้พกวเราตรวจสอบเรื่องครั้งนั้นมาได้ส่วนหนึ่งแล้ว แต่ยังต้องตรวจสอบต่ออีก"ฟู่จาวหนิงคิดคิดแล้วจึงรู้สึกว่าควรปลอบใจผู้เฒ่าฟู่เสียหน่อย "พิษในอดีตตอนนั้น เป็นสิ่งที่กลุ่มสำนักที่ชื่อว่าลัทธิเทพทำลายล้างวางลงมา หรือก็คือกลุ่มสำนักที่วางยาพิษใส่จงเจี้ยนนั่นเอง ตอนนี้พวกเราต้องตรวจสอบจุดนี้ ว่าพ่อแม่ของข้าในอดีตได้ไปเข้าร่วมกลุ่มสำนักนี้หรือไม่"ผู้เฒ่าฟู่พอได้ยินคำพูดนางก็ตื่นเต้นขึ้นมา"จริงหรือ? เช่นั้นถ้าหากตรวจมาได้ว่าพวกเขาไม่ได้เข้าร่วมลัทธิเทพทำลายล้าง ก็อธิบายได้ว่าเรื่องนั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาใช่ไหม?""โดยพื้นฐานคือใช่"ฟู่จาวหนิงพยักหน้า "ดังนั้นท่านปู่เองก็ต้องคิดอย่างละเอียดด้วย ตอนนั้นพวกเขามีเจอกับคนแปลกๆ บ้างไหม พูดอะไรมาบ้าง อย่างเช่นในบ้านจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังจากนี้จะมีอนาคตแบบนั้นแบบนี้""คำพูดเหล่านี้พ่อแม่เจ้าไม่เคยพูดเลย"ผู้เฒ่าฟู่ยืนยันจุดนี้ออกมาทันทีเขาถอนหายใจ มองฟู่จาวหนิง "ที่เจ้าถามเรื่องนี้ นั่นเพราะเจ้าไม่เคยเจอพ่อแม่ของเจ้า แล้วหลายปีนี้ข้าเองก็ไม่ค่อยเอ่ยถึงพวกเขากั
แม้จะผ่านไปเกือบสิบแปดปีแล้ว แต่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวก็ยังเป็นคนที่กาลเวลารักใคร่อยู่พวกเขาแม้จะอายุมากแล้ว หน้าตาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง แต่พอเทียบกับสมัยก่อนแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เยอะมากมองหลายๆ ครั้งก็มองออกได้คนที่เซียวเหยียนจิ่งเตรียมไว้ยังมองออก ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยซื่อเลยเซี่ยซื่อเคยเป็นครอบครัวของพวกเขาด้วยนะหลังจากนางจำได้แล้วยังสงสัยว่าตาตนเองฝาดไปหรือไม่ ยังสงสัยว่าตนเองคงตาลาย ดังนั้นเลยนวดตาทันที จากนั้นจึงมองพวกเขาอย่างละเอียดอีกครั้งไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นสองคนนั้นเสิ่นเชี่ยวเองก็จำเซี่ยซื่อได้ แม้ว่านางจะรู้ตัวตนฐานะของตนเองแล้ว แต่ยังคงโพล่งออกมาว่า "พี่สะใภ้รอง!"เซี่ยซื่อคือภรรยาของผู้เฒ่ารองตระกูลหลินและเป็นคนเดียวในตระกูลหลินที่อ่อนโยนเป็นห่วงเสิ่นเชี่ยว ดังนั้นเสิ่นเชี่ยวพอเห็นนาง ดวงตาจึงแดงรื้นขึ้นมาคำว่าพี่สะใภ้รอง ก็ทำเอาเซี่ยซื่อใจสั่นระริกเช่นกันรีบวางตะกร้าที่หิ้วไว้ลงมา เดินตรงไปหานาง"ให้ตายเถอะ อา อาเล็กหรือ?"ไม่ ไม่ใช่อาเล็กชองนางแล้วสิ เซี่ยซื่อยืนอยู่หน้าเสิ่นเชี่ยว ถลึงตาโตอ้าปากค้าง"พี่สะใภ้รอง ข้าข้าเจอครอบครัวของข้าแ
ฟู่จาวหนิงสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย "ดูท่า น่าจะมีคนไม่น้อยที่ยังไม่ลืมพวกเขา คอยจับตาดูจนถึงทุกวันนี้""ข้าเตรียมการเสร็จแล้ว รอบบ้านตระกูลฟู่วางองครักษ์ลับเอาไว้แล้ว วางใจเถอะ" เซียวหลันยวนพานางเข้ามา สองมือโอบข้างเอวนาง จ้องมองนาง "องค์จักรพรรดิน่าจะลงมือกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพ่อลูกชินอ๋องเซียวยังคอยจับตาดูพวกเขาขนาดนี้ มันดูแปลกไปหน่อย""ตรวจสอบดูก็รู้ พวกเขาถ้าหากมีความคิดอะไร มีแผนอะไร มีเป้าหมายอะไร เดี๋ยวก็ได้รู้เอง"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ใส่ใจนักเซียวหลันยวนพยักหน้าสายตาเขามองออกไปไกลๆ ถัดจากนี้ต้องดูว่าสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินจะรับมืออย่างไร เมืองหลวงยังมีคนที่มีเป้าหมายต่างๆ อยู่ และยังมีขั้วอำนาจที่ใช้วิธีการต่างๆ อยู่อีกด้วยเขาถึงแม้จะเชื่อว่าครั้งนั้นไม่ใช่เสิ่นเชี่ยวที่วางยาพิษ แต่ว่าพวกเขาตอนนั้นถูกใครบางคนหรือเรื่องบางอย่างหนีบเอาไว้ตรงกลาง ไม่มีทางดึงตัวออกมาอย่างหมดจดได้ พวกเขาเองก็เป็นคนในเหตุการณ์ตอนนี้พอมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับเขา เซียวหลันยวนก็ยังพิจารณานาว่าพวกเขาจะแบกรับไหวไหม หลังจากนี้จะไม่ถ่วงแข้งขาฟู่จาวหนิงได้จริงไหม จะไม่ทำร้ายนางจริงไหมเซียวหลันยวนไม่ได้
"หนิงหนิง มีเรื่องอะไรถึงคุยกันนานสองนาน?"ในห้องขังมีเสียงเซียวหลันยวนดังออกมา"มาแล้ว"ฟู่จาวหนิงขานรับคำหนึ่ง เตรียมจะกลับห้องขังเซียวเหยียนจิ่งไม่อยากเชื่อ "เจ้าไม่ไปกับข้าจริงหรือ? เจ้าไม่สนใจพ่อแม่เจ้าหรือไรกัน?"ปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงเกินจากที่เขาคาดไว้เขาเดิมทีคิดว่าพอได้ยินว่าพ่อแม่ไม่เป็นไร แล้วยังกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงอย่างน้อยต้องตาแดงรื้นบ้าง ไม่ก็ร้องไห้ออกมา รีบร้อนตามเขาออกไปอย่างตื่นเต้น เพื่อรีบไปพบพ่อแม่ของนาง"อ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็ยังต้องอยู่ในห้องขัง ไม่มีอะไรหรอก เจ้าจัดที่นี่จนดูอยู่สบายไปแล้ว แล้วเขาทำไมยังต้องให้เจ้ามาอยู่ด้วยกันอีก?""ข้ามาอยู่เอง เขาเป็นสามีข้า ข้าไม่อยู่กับเขาแล้วใครจะอยู่กัน?"ฟู่จาวหนิงหลังจากที่รู้เจตนาการมาของเขาก็ขี้เกียจจะคุยกับเขาแล้ว ผลักเขาออก แล้วเดินไปทางห้องขังเซียวเหยียนจิ่งนี่ก็จุ้นจ้านเสียจริง"เจ้าทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้" เซียวเหยียนจิ่งตะโกนใส่หลังนาง "เจ้าเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว ถ้าเจ้ายินยอม มีคนตั้งมากมายที่ยินดีจะรักและเอ็นดูเจ้า ทำไมต้องมาอยู่ในคุกกับเขาแบบนี้ด้วย"เดิมทีหญิงสาวคนนี้ควรจะควรจะม
"ใช่ พ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว" เซียวเหยียนจิ่งจ้องมองฟู่จาวหนิง "เป็นอย่างไร เจ้าอยากรีบกลับบ้านไหม? ได้ยินว่าปู่ของเจ้ากับเด็กที่ชื่อเสี่ยวเฟยก็อยู่กันที่จวนอ๋องเจวี้ยนนี่? ถ้าเจ้าไม่กลับไป พ่อแม่ของเจ้าคงจะหาคนไม่เจอแน่"ฟู่จาวหนิงทำท่าทางตกตะลึงอย่างมาก"เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม? พวกเขากลับมาแล้วจริงหรือ?""ข้าจะโกหกเจ้าทำไมกัน? ไม่เชื่อข้าตอนนี้เจ้าก็ไปกับข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขา"เซียวเหยียนจิ่งพูด มือเองก็คันยุบยิบ เขาอยากจะยื่นมือไปจูงนางเหลือเกิน จูงนางออกจากคุกใหญ่ถ้าเขาสามารถจูงมือนางออกไปได้ เซียวหลันยวนคงได้กระอักเลือดตายกระมัง?แต่เขาเพิ่งจะขยับ ฟู่จาวหนิงก็ถอยออกไปแล้วสองก้าว"พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง เช่นนั้นก็ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ที่บ้านตระกูลฟู่มีคนอยู่ พวกเขาจะหาคนไม่เจอได้อย่างไรกัน?""เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?""เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าวิ่งแจ้นเข้ามาบอกข้าหรอกกระมัง? พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง คนใช้บ้านตระกูลฟู่อีกเดี๋ยวก็คงเข้ามาบอกข้าเอง""เจ้าลืมอ๋องเจวี้ยนไปแล้วหรือ?""เขาก็อยู่ที่นี่ ลืมอะไรกัน?""ความ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ