นี่เกือบจะถึงเมืองหลวงอยู่แล้วคนที่อยู่ด้านหลังอาจจะคิดว่าถ้าตามไปเช่นนี้จนกลับถึงเมืองหลวง พอของถูกนำไปไว้ในจวนอ๋องเจวี้ยนจะยิ่งลงมือยาก คิดว่าคงจะเตรียมตัวชิงของกันที่นี่ส่วนว่ามันจะเป็นอะไร แย่งชิงมาก่อนเดี๋ยวก็รู้เองดังนั้นอีกฝ่ายกระทั่งรถม้าก็จะไม่ทิ้งไว้ให้พวกเขา จะต้องเอาไปทั้งหมดแน่นอนตอนที่พวกเขาคิดหาวิธีรับมือที่นี่ ชายหนุ่มที่ใบหน้าถูกรมด้วยควันจนดำคนหนึ่งก็โซซัดโซเซเข้ามาในเมืองหลวงเขาตรงไปยังจวนพระสัสสุระ พุ่งไปยังประตูหลัง ยื่นมือตบไปสองทีเรี่ยวแรงก็หมดแล้วล้มลงมีคนเข้ามาเปิดประตู พอเห็นคนผู้นี้ ก็รีบมองซ้ายขวาไปรอบๆ แล้วแบกคนเข้าไปเพียงไม่นาน พระสัสสุระก็รีบมาอยู่ด้านหน้าคนผู้นี้ พอเห็นสภาพเขาก็ตกตะลึงหน้าถอดสี"เจี๋ยเอ๋อร์! นี่เจ้าเกิดอะไรขึ้น?"ตอนนี้เขาไม่ใช่ว่าควรอยู่ที่หมู่บ้านกุยเซี่ยวหรือ?ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้?เสื้อผ้าบนตัวถูกเผาจนรุ่งริ่งไปบ้าง ผมเผ้าก็ไหม้จนม้วนหยิก คิ้วครึ่งหนึ่งถูกเผาไปไม่เหลือ ใบหน้าเองก็ดำมะเมี่ยมนี่มันลูกชายของเขาเองนี่นา พอเขาอยู่ในสภาพเช่นนี้ก็จำแทบไม่ได้"ท่านพ่อ หมู่บ้านกุยเซี่ยว ถูกทำลายแล้ว!""เจ้าว่าอะไรนะ?" พ
ครั้งนี้ส่งคนไปตั้งหลายกลุ่ม สองกลุ่มแรกภารกิจลอบสังหารอ๋องเจวี้ยนก็ล้มเหลว ตายหมด อีกกลุ่มที่ไปยังเมืองชิงเหยาก็ยังไม่กลับมา เขาก็รอข่าวคราวอยู่ตลอดที่เหลือทั้งหมดก็อยู่ที่หมู่บ้านกุยเซี่ยว"ไม่ ไม่มีเหลือแล้ว ที่ตายก็ตายไป พิการก็พิการไป ที่ถูกพาไปก็ถูกพาไป""ยังมีถูกพาไปด้วยหรือ?"พระสัสสุระโกรธจัด ถลึงตาโตไม่อยากเชื่อหูของตนเองทำไมยังมีถูกพาไปอีกกัน?"คนที่พิการ ถูกคนพวกนั้นแบกไปแล้ว พวกเรา พวกเราเองก็ชิงกลับมาไม่ได้ ข้าแกล้งตายหนีออกมาทางอุโมงค์ลับ แต่กว่าจะเอาตัวรอดมาได้ก็ไม่ง่ายเลย"อุโมงค์ลับเส้นนั้นมีเพียงพวกของพวกเขาที่รู้"คนเหล่านั้นถ้าถูกส่งไปเบื้องหน้าองค์จักรพรรดิ เจ้าคิดว่าฮองเฮาจะทำอย่างไรกัน!"พระสัสสุระหน้ามืดไปแล้วเขารู้สึกว่าตนเองใกล้จะไม่ไหวแล้วตอนแรกออกคำสั่งปลิดชีวิตไว้ ถ้าหากมีวันหนึ่ง คนทั้งหมดต้องกัดลิ้นฆ่าตัวตาย ใครก็ห้ามมีชีวิตอยู่เพื่อถูกจับกุมทั้งนั้น จะให้มีความเสี่ยงเปิดโปงฮองเฮาไม่ได้ผลคือตอนนี้กลับถูกพาไปตั้งหลายคน?"ท่านพ่อ พวกท่าน พวกท่านคงไม่ พวกเขาคงจะไม่พูดถึงฮองเฮาหรอกใช่ไหม?""เจ้าไสหัวไปเลย!"พระสัสสุระยกเท้าถีบเขาเพราะโม
เซียวเหยียนจิ่งตอนนี้มีความใส่ใจแปลกๆ ต่อตัวฟู่จาวหนิงเดิมทีเขาคิดว่าตนเองคงจะไม่สนใจฟู่จาวหนิง แต่ก็เหมือนผีผลักอย่างไรอย่างนั้น ตอนนี้เขากลับสนใจตัวฟู่จาวหนิงมากขึ้นเรื่อยๆ!ยิ่งไปกว่านั้นเขายังส่งคนหลายคนออกไปเป็นพิเศษ ให้คอยจับตาดูฟู่จาวหนิง คอยฟังว่าวันนี้นางไปไหน เจออะไร ทำอะไรบ้างแต่น่าเสียดาย แค่ไม่นานนัก ฟู่จาวหนิงก็ออกไปนอกเมืองกับอ๋องเจวี้ยนเสียแล้วและไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงมีอะไรน่าพาไปกัน นางทำอะไรได้บ้าง?ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เฒ่าฟู่เองก็ยังพักอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนด้วยอ๋องเจวี้ยนเกิดอะไรขึ้น หรือว่าจะยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ของฟู่จาวหนิงแล้ว เห็นปู่ของนางเป็นผู้อาวุโสแล้วหรือ?เขาเดิมทียังคิดว่าฟู่จาวหนิงที่ออกเรือนอย่างลวกๆ กับอ๋องเจวี้ยน จะใช้ชีวิตได้น่าเวทนาเสียอีกนางก็เป็นแค่คนไม่ได้เรื่องที่มีดีแค่สวย ก่อนหน้านี้ตอนที่เอาแต่มาไล่ตามเขา เขากระทั่งรู้สึกขายหน้าเสียด้วยซ้ำ ถึงอย่างไรนางวันวันก็เอาแต่ใส่เสื้อเก่าๆ ที่ไม่เข้ากับตนเอง หน้าตาขมุกขมอม ทำเอาคนไม่คิดจะไปสนใจหน้าตาของนางเขายังเคยพรรณนาตัวนางกับเพื่อนของเขา บอกว่าฟู่จาวหนิงก็เป็นแค่ไก่ภูเขาตัวหนึ่งผลคือ
คนเหล่านี้ก็เป็นองครักษ์ลับองค์จักรพรรดิชุบเลี้ยงขึ้นมาจะส่งราชองครักษ์ออกมาก็ไม่ได้ คนของกองทหารก็เคลื่อนไหวไม่ได้ คนที่เรียกออกมาได้อย่างโจ่งแจ้งล้วนใช้การไม่ได้ ถึงอย่างไรนี่ก็คือจะปล้นแย่งสิ่งของของอ๋องเจวี้ยน ถ้าตัวตนฐานะถูกเปิดโปงออกมา หน้าตาขององค์จักรพรรดิคงไม่เหลือหรอดังนั้นที่เขาเคลื่อนไหวออกมาก็คือองครักษ์ลับกลุ่มหนึ่งที่เขาชุบเลี้ยงไว้ตอนที่ยังเป็นองค์รัชทายาทเพียงแต่ครั้งนี้องครักษ์ลับกลุ่มนี้ก็ถูกอ๋องเจวี้ยนลากไปลากมาจนเหนื่อยหมดแล้วอ๋องเจวี้ยนไม่อยากให้พวกเขาตอนที่ไล่ตามทันแล้วสลัดออกไปทันที แต่จะให้พวกเขาหาคนอย่างเอาเป็นเอาตายอ๋องเจวี้ยนตอนที่รอฟู่จาวหนิงที่เขาอวี้เหิง ก็ส่งคนลงเขาลงไปสร้างร่องรอยบางส่วน ล่อให้พวกเขาออกค้นหาคนไปทั่วภูเขา หมุนซ้ายหมุนขวา นอนก็ไม่ได้นอนกันดีดี กินก็แทบจะไม่ได้กินเสบียงแห้งที่พวกเขาพกไปก็ยังถูกขโมยอีกหลายวันนี้พูดได้ว่ากินแต่ลมดื่มแต่น้ำค้าง แต่ละคนสีหน้าเหนื่อยล้ากันจนแทบไม่ไหวตอนนี้ใกล้จะถึงเมืองหลวงแล้ว นี่คือภารกิจสุดท้ายในการเดินทางครั้งนี้ของพวกเขาแล้ว"ต้องสำเร็จเท่านั้น ห้ามล้มเหลว"หัวโจกองครักษ์ลับพูดขึ้นมาอีกคำ
พระสัสสุระเองก็จำใจ ให้ฮองเฮาสั่งคนรอบๆ ถอยไปก่อน จากนันจึงเล่าเรื่องของหมู่บ้านกุยเซี่ยวออกมาฮองเฮาพอได้ยิน ก็รู้สึกเหมือนเลือดจะพุ่งทะลักขึ้นด้านบน นางอย่างจะสะกด แต่ก็สะกดไม่อยู่"พรวด!"ฮองเฮากระอักเลือดออกมา"ฮองเฮา!"พระสัสสุระตกตลึงทำไม ทำไมฮองเฮาจึงกระอักเลือดกัน? วันนี้พวกเขาทั้งบ้านกระอักเลือดติดๆ กันเลย"ความหมายของท่านคือ" ฮองเฮาจ้องเขม็งเขา "หมดเกลี้ยงเลยหรือ? ถูกทำลายหมดแล้ว? ไม่เหลือไว้แม้แต่คนเดียว? หมู่บ้านกุยเซี่ยวเองก็ถูกเผาไปแล้วหรือ?""ถูกต้อง โดนยกไปหมดแล้ว" พระสัสสุระก้มหน้าต่ำ"น้ำพักน้ำแรงหลายปีของข้า!" ฮองเฮายกเตาอังมือใบหนึ่งฟาดไปทางเขา โมโหจนหน้าเบี้ยวไปหมด "ตั้งหลายปี! ข้าบอกให้ส่งคนไปคอยคุ้มกัน แต่ท่านบอกว่าคนของท่านเองเชื่อถือได้ แล้วท่านบอกว่าเจียงจี๋คอยดูแลอยู่ทางนั้นจะไม่เกิดปัญหา!""ฮองเฮา""อันที่จริง พวกเจ้าหลายปีมานี้ก็เลี้ยงเสียข้าวสุข! ข้าให้พวกเจ้ากินดื่มเล่นสนุกอันอย่างสุขสบายไร้กังวล! ตอนแรกเจ้าบอกว่าที่คอยไปหาแต่สาวงามมันเป็นแค่ฉากบังหน้า สองปีนี้ท่านกล้าพูดไหม ว่าท่านไม่ได้เอาแต่สนุกกับหญิงสาวอยู่ทุกวี่วัน!"นางผิดเองคนจากบ้า
ฟู่จาวหนิงเองก็คิดเช่นนี้"พกวเรากลับไปพักผ่อนกันก่อน"เซียวหลันยวนมองฟู่จาวหนิง "ในมือเจ้ามีควันลวงตาอีกบ้างไหม? ที่พวกเราสามารถกินยาแก้ไว้ก่อนได้""ทำเอาเลยก็ได้" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น "หญ้าสมุนไพรชนิดหนึ่งที่กลั่นกรองเอาไว้ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ทิ้ง สิ่งนั้นควันที่เผามันขึ้นมามีพิษอยู่ แต่ใช้ตัวของมันเอามากรองสกัดส่วนประกอบจะแก้พิษได้""ยุ่งยากไหม?""รถม้าด้านหลังผูกเอาไว้กองใหญ่เลย ก้อนๆ ที่เหมือนกับหญ้ากลมพวกนั้น จุดไฟโยนออกไป ควันจะยิ่งลุกขึ้นทั้งเร็วทั้งหนาแน่น"ไม่ยากเลยสักนิด"ส่วนยาแก้พิษ ข้ากลั่นกรองเอาไว้แล้ว"เซียวหลันยวนรู้สึกจริงๆ ว่าข้างกายมีฟู่จาวหนิงที่เป็นยอดฝีมือทั้งยาและพิษอยู่ข้างๆ ก็ประหยัดเวลาและเรื่องที่ทำขึ้นมากเลยทีเดียวยิ่งไปกว่นั้นยังมีหลายเรื่องที่ทำง่ายขึ้นมาก"หาจุดที่พวกเขาซุ่มกำลังอยู่ ยังไม่ต้องขนของ คนทั้งหมดกินยาแก้พิษกันก่อน ให้คนครึ่งหนึ่งขับรถม้าเดินหน้าต่อตามปกติ พอไปถึงสะพานขาดก็หยุดลงมา ให้โอกาสพวกเขาลงมือ"เซียวหลันยวนเรียกองครักษ์เข้ามา วาดสภาพพื้นที่รอบๆ สะพานขาดนี้ออกมาบนพื้น ตรงไหนมีเนิน ตรงไหนมีหินก้อนใหญ่ ตรงไหนมีต้นไม้ทึบที่ไปได
คนเหล่านี้ก็เป็นองครักษ์ลับองค์จักรพรรดิชุบเลี้ยงขึ้นมาจะส่งราชองครักษ์ออกมาก็ไม่ได้ คนของกองทหารก็เคลื่อนไหวไม่ได้ คนที่เรียกออกมาได้อย่างโจ่งแจ้งล้วนใช้การไม่ได้ ถึงอย่างไรนี่ก็คือจะปล้นแย่งสิ่งของของอ๋องเจวี้ยน ถ้าตัวตนฐานะถูกเปิดโปงออกมา หน้าตาขององค์จักรพรรดิคงไม่เหลือหรอดังนั้นที่เขาเคลื่อนไหวออกมาก็คือองครักษ์ลับกลุ่มหนึ่งที่เขาชุบเลี้ยงไว้ตอนที่ยังเป็นองค์รัชทายาทเพียงแต่ครั้งนี้องครักษ์ลับกลุ่มนี้ก็ถูกอ๋องเจวี้ยนลากไปลากมาจนเหนื่อยหมดแล้วอ๋องเจวี้ยนไม่อยากให้พวกเขาตอนที่ไล่ตามทันแล้วสลัดออกไปทันที แต่จะให้พวกเขาหาคนอย่างเอาเป็นเอาตายอ๋องเจวี้ยนตอนที่รอฟู่จาวหนิงที่เขาอวี้เหิง ก็ส่งคนลงเขาลงไปสร้างร่องรอยบางส่วน ล่อให้พวกเขาออกค้นหาคนไปทั่วภูเขา หมุนซ้ายหมุนขวา นอนก็ไม่ได้นอนกันดีดี กินก็แทบจะไม่ได้กินเสบียงแห้งที่พวกเขาพกไปก็ยังถูกขโมยอีกหลายวันนี้พูดได้ว่ากินแต่ลมดื่มแต่น้ำค้าง แต่ละคนสีหน้าเหนื่อยล้ากันจนแทบไม่ไหวตอนนี้ใกล้จะถึงเมืองหลวงแล้ว นี่คือภารกิจสุดท้ายในการเดินทางครั้งนี้ของพวกเขาแล้ว"ต้องสำเร็จเท่านั้น ห้ามล้มเหลว"หัวโจกองครักษ์ลับพูดขึ้นมาอีกคำ
ควันพิษพร่ามัว ที่นี่วุ่นวายขึ้นมาทันที และเพียงไม่นาน เสียงเหล่านั้นก็ค่อยๆ เงียบลง ยังเห็นว่าคนเหล่านั้นทยอยกันล้มตุบลงไปบนพื้นองครักษ์ลับที่ซุ่มอยู่พอเห็นสถานการณ์ ก็รู้สึกว่าโอกาสมาถึงแล้ว ร้องขึ้นทันที "บุก"พวกเขาล้วนลุกขึ้นพุ่งไปที่หาดริมน้ำครั้งนี้เป้าหมายของพวกเขาคือสิ่งของเหล่านั้น ก็คือจะเอารถม้าไปให้หมด ดังนั้นพวกธนูพิษอะไรพวกนั้นจึงเลี่ยงออกจากรถกับม้าพวกขเาเองก็คลุมหน้าคลุมตา เพื่อเลี่ยงการสูดควันพิษยิ่งไปกว่านั้นยังรอให้ควันพิษสลายไปบ้างจึงพุ่งเข้าไปหลังจากเข้าไปแล้วก็เห็นว่าองครักษ์จวนอ๋องล้วนล้มระเนระนาดอยู่บนหาดริมน้ำ พวกเขาก็ลิงโลดขึ้นทันที"ควบม้า ดึงม้า รีบออกเดินทาง"หัวโจกองครักษ์ลับที่เพิ่งจะส่งคำสั่งออกไป จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงสิ่งของอะไรบางอย่างลอยฟิ้วลงมา เป็นเสียงที่คล้ายกับควันพิษที่พวกเขาเพิ่งโยนลงมาเมื่อครู่มากเขาสัมผัสได้ว่าไม่ถูกต้องแล้ว จึงหันหน้ามองไปบนเนิน พอเงยตาขึ้นไปก็เห็นว่ากลางอากาศมีสิ่งของที่ดูคล้ายก้อนหญ้าที่ควันกำลังลุกขโมงหลายก้อนถูกโยนลงมา"ควันพิษ กลั้นหายใจ!"หัวโจกตกตะลึง ร้องขึ้นมาทันทีพวกเขาติดกับหรือ!แต่ว่าตำแหน่งเมื
อ๋องฉยงพอเห็นเซียวหลันยวนเข้ามา ใจก็ขรึมลงมาแล้ว ขณะเดียวกันก็ยังแอบเคืองกับองค์จักรพรรดิไม่ใช่บอกว่าจะขวางเซียวหลันยวนไว้หรือไรกัน? ไม่ใช่ว่ามีเรื่องที่จะขังเซียวหลันยวนไว้ได้สามวันหรือ?ทำไมยังไม่ทันถึงชั่วยาม เขาก็รีบกลับมาแล้วกัน?ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย!เซียวหลันยวนหันตัวกลับมาอ๋องฉยงรู้สึกใจสั่นวาบกับหน้ากากของเขาเจ้าเด็กที่เหมือนจะตายแหล่มิตายแหล่ตอนนั้น ดันโตขึ้นมาได้อย่างยากลำบาก แล้วยังดีมีท่วงท่าทรงพลังเสียด้วย"หลันยวน เมื่อครู่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?" อ๋องฉยงเสียงขรึม ตัดสินใจลงมือก่อน "นี่เจ้ายิงธนูใส่ข้ารึ!""เจ้าไม่รู้หรือว่าหมายความว่าอะไร?"เซียวหลันยวนเสียงเย็นเยียบ "แน่นอนว่าสั่งสอนเจ้าน่ะสิ""เจ้า! เจ้าบังอาจ! ถ้าข้าเป็นอะไรไป บาดเจ็บหรือว่าตายไป เจ้าก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่แล้ว!""จะลองดูไหมล่ะ?" น้ำเสียงเซียวหลันยวนขรึมเย็นชา"ลองอะไร?""ลองว่าถ้าข้าสังหารเจ้าแล้ว จะยังมีชีวิตต่อไปได้ไหม"พอพูดจบ จิตสังหารบนตัวเขาก็พุ่งเข้ามาอย่างแรงกล้า แม้จะไม่มีลม ไม่มีการขยับ แต่อ๋องฉยงกับองครักษ์ข้างกายเขาก็ยังถอยออกไปก้าวหนึ่งพร้อมกันพวกเขาล้วนสัมผัสได้ถึงแรง
"บังอาจ! ทำไมจึงมาพูดกับอ๋องอย่างข้าเช่นนี้?!" องครักษ์ข้างกายอ๋องฉยงชักกระบี่ออกมาส่วนทางนี้ สืออีกับไป๋หู่ก็ชักกระบี่ทันที เดินขึ้นหน้ามาก้าวหนึ่งชั่วพริบตา ก็ชักกระบี่ง้างธนูกันแล้ว บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาอ๋องฉยงชะงักไป ยื่นมือไปกดกดด้ามกระบี่องครักษ์ลง หัวเราะเหอะๆ ขึ้น "เสียมารยาทกับผู้อาวุโสจี้ไม่ได้""ขอรับ!" องครักษ์ของเขาถอยลงไปทันทีผู้อาวุโสจี้ไม่ได้ผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย กลับยิ่งดำกว่าเดิม"ข้าเองก็เป็นคนของราชวงศ์ เป็นครอบครัวเดียวกับอายวน จึงเป็นครอบครัวเดียวกันกับจาวหนิงด้วยเช่นกัน ผู้อาวุโสจี้ ความสัมพันธ์นี้ยังใกล้ชิดกว่าท่านเสียอีกนะ จริงไหม จาวหนิง?"อ๋องฉยงถาม ยังเขย่งเท้ายื่นหน้า อยากจะมองไปทางฟู่จาวหนิงที่ถูกคนบังเอาไว้อีกคนเหล่านี้ขวางหูขวางตาจริงๆ แต่ละจะมาขวางหน้าเขาไว้ทำไมกัน?เขามาเมืองหลวงได้ครึ่งปี เพราะสถานที่ไม่ถูกต้อง แล้วยังกลัวคนอื่นจะจับผิดอีก ก่อนหน้าที่นางจะได้เจรจาเงื่อนไขกับองค์จักรพรรดิ เขายังก่อเรื่องอะไรจนถูกไล่ออกจากเมืองหลวงไม่ได้ ดังนั้นครึ่งปีนี้เขาจึงชุบตัวใสสะอาด ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับหญิงสาวคนไหนเลยแต่เดิมทีเขาก็อยู่ห่างจนคนสวย
ฟู่จาวหนิงไม่รู้เลยว่าองค์จักรพรรดิมีแผนร้ายอะไรขึ้นมาอีกแล้วนางกับผู้อาวุโสจี้อยู่ในเขาจันทร์ลับขุดสมุนไพรมาได้ไม่น้อยเลยตอนนี้กองหิมะยังไม่ละลาย แต่ยังดีที่พวกเขาสองปีก่อนเคยขุดมาแล้วครั้งหนึ่ง วัตถุดิบยาส่วนใหญ่จำได้แล้วว่าขึ้นอยู่ตรงไหน ผ่านการเติบโตมาสองปี จุดที่เคยถูกพวกเขาขุดไปก็งอกขึ้นมาใหม่กันแล้วสถานที่เหล่านั้นหลายจุดไม่มีหิมะทับถม นางพาพวกไป๋หูมาก็ล้วนได้ใช้งานทั้งสิ้นสิ่งที่ขุดขึ้นมาตอนนี้คือวัตถุดิบยาที่ทนอากาศหนาวได้ และยังมีบางส่วนที่ดูเหมือนพวกเปลือกไม้ด้วยในช่วงสองวันนี้ ผู้อาวุโสจี้เองก็ทำเวลารีบสอนให้กับนาง ให้นางได้รู้จักกับวัตถุดิบยาที่มากขึ้นไปอีกสองวันต่อมาพวกเขาก็กวาดเก็บจนเต็มที่แล้วลงจากเขา แต่ก็ได้เห็นอ๋องฉยงที่กำลังก่อกองไฟตั้งกระโจมอยู่อ๋องฉยงน่าจะได้ยินการเคลื่อนไหว จึงออกจากกระโจมมารอแล้วพอเห็นขบวนคนล้วนแบกตะกร้ายากันเต็ม ดวงตาเขาก็เปล่งประกายแล้วก็เห็นฟู่จาวหนิงที่อยู่ในกลุ่มนี้ต่อให้เข้าไปขุดยาในเขาถึงสองวัน นางก็ไม่ได้ดูซมซานแต่อย่างใด แค่เหลือบมองในกลุ่มคนนั้นก็เห็นนางได้ทันทีพระชายาอ๋องเจวี้ยนคนนี้ งดงามจนโดดเด่นจริงๆแล้วยังท
พระชายาเยว่ดูเหมือนอยากจะอาเจียน ถึงอย่างไรนางก็ยังเป็นสาวสะพรั่งสวยสด อายุขององค์จักรพรรดิมากกว่าพ่อนางเสียอีก แล้วตอนนี้ยังมีสภาพนี้อีกพริบตานี้เอง นางก็รู้สึกอยากจะรับปากแม่นมเยว่ขึ้นมา"พระชายาเยว่ ทำของว่างอะไรมาหรือ?" องค์จักรพรรดิยิ้มให้กับพระชายาเยว่ จนมีรอยย่นเพิ่มขึ้นมา "ข้าเองก็หิวแล้วเหมือนกัน"พระชายาเยว่กดอารมณ์นั่นลงไปก่อน ยกของว่างเข้ามา "องค์จักรพรรดิ ข้าทำขนมเป๋าฮื้อหัวไชเท้ามา เสวยตอนที่ร้อนๆ เถิด""ดีเลย ไม่ใช่ของหวาน กินแล้วกระเพาะไม่รู้สึกแย่"องค์จักรพรรดิพอใจมาก ช่วงนี้ท้องเขาก็ใหญ่ขึ้น เข็มขัดแทบจะคาดไม่ได้แล้ว กินแต่ของหวานคงไม่ดีนัก"องค์จักรพรรดิชอบก็เสวยให้เยอะหน่อย หม่อมฉันรินชาให้"พระชายาเยว่อยู่ดื่มกินเป็นเพื่อนกับฝ่าบาท สนทนาด้วยครู่หนึ่ง จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปบนตัวอ๋องฉยงอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจ"อ๋องฉยงจะอยู่ในเมืองหลวงตลอดเลยหรือไม่? ฝ่าบาท หม่อมฉันค่อนข้างกังวล ว่าพระชายาอ๋องฉยงจะไล่ตามมาหรือไม่?""ไม่หรอก" องค์จักรพรรดิเอ่ยยืนยันขึ้นมา"หม่อมฉันได้ยินว่าพระชายาอ๋องฉยงกวดขันอ๋องฉยงเข้มงวดมาก นี่เพราะรักอ๋องฉยงหรือเปล่า?""รักอะไรกัน เป็
พระชายาเยว่รู้สึกว่า แม่นมเยว่อดทนอยู่ในวังมายี่สิบปี คงวางแผนงานใหญ่อะไรอยู่นางถึงแม้จะเคยเห็นฝีมือแม่นมเยว่มาบ้างแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าแม่นมเยว่เองก็ไม่ได้มีฝีมือมากขนาดนั้น ถ้าหากนางร้ายกาจจริง จำเป็นต้องมาซุ่มอยู่ในวังหลวงยี่สิบปี แต่ก็ยังทำเรื่องไม่เสร็จแบบนี้หรือ?แม่นมเยว่น่าจะเป็นยอดฝืมือในการใช้ยา ยิ่งไปกว่านั้นยังยอดเยี่ยมในด้านการสกัดยาชนิดนั้น ยาที่ไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจเท่าไร ถึงอย่างไรก็ทำให้แค่ผู้ชายมีความสุขล่องลอยได้มากเท่านั้น ทำเรื่องใหญ่โตอะไรให้สำเร็จไม่ได้ตอนนี้ นางได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิแล้ว ยังต้องคอยฟังแม่นมเยว่อยู่อีกหรือ?แต่ถ้าแม่นมเยว่ก็มีวิธีการที่จะให้องค์จักรพรรดิรับมือกับอ๋องเจวี้ยนจริงล่ะ?จะว่าไป ยาชนิดนั้นของแม่นมเยว่ ถ้าหากใช้กับอ๋องเจวี้ยน ไม่รู้ว่าจะมีประสิทธิผลไหมชั่วขณะหนึ่ง พระชายาเยว่คิดไปร้อยแปดจากนั้นนางก็ไปที่ครัวเล็ก ลงมือทำของว่างขึ้นมาถาดหนึ่ง เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งเนื้อแต่งตัวอย่างประณีต ยกของว่างเข้าไปในห้องหนังสือหลวงองค์จักรพรรดิเพิ่งฟังรายงานลับจบเขาให้คนจับตาดูคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของคนหลายคนในเมืองหลวง
"จุ๊ๆ เรื่องนี้..." พระชายาเยว่คิดๆ ยังไม่รู้จะจัดการอย่างไรก่อนดีชั่วคราว"เจ้ากลับไปอยู่ข้างๆ เฉินฮ่าวปิงก่อนแล้วกัน คอยจับตาดูนางไว้ มีเรื่องอะไรก็มาบอกกับข้า" พระชายาเยว่รู้สึกว่าตอนนี้ใช้งานชิวอวิ๋นไปก่อนแล้วกัน ถึงอย่างไรนางก็ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว"่เจ้าค่ะ"รอจนชิวอวิ๋นออกไป พระชายาเยว่ก็เรียกคนเข้ามาคนคนนี้ดูแล้วปกติดี แต่ว่าการเดินเหินในวังนั้นไม่ถูกใครสังเกตหรือสนใจเลยเป็นแม่นมที่หน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง"แม่นมเยว่ เมื่อครู่เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม?"แม่นมเยว่คนนี้ก้มหน้าต่ำเล็กน้อย เอ่ยขึ้นน้ำเสียงราบเรียบ"ได้ยินแล้วพะย่ะค่ะ""เรื่องนี้ ควรจะเผยกับองค์จักรพรรดิไหม?""ได้พะย่ะค่ะ""แต่ถ้าองค์จักรพรรดิรู้ อาจจะกริ้วอย่างรุนแรงได้ อ๋องฉยงที่มีความคิดไม่ดีกับพระชายาอ๋องเจวี้ยน เรื่องนี้ถ้าลือออกไปจะไม่ดีกับราชวงศ์""เรื่องนี้มีประโยชน์กับการที่พวกเราจะสืบค้นระดับความอดทนของจักรพรรดิต่ออ๋องฉยงได้ว่าอยู่ที่ไหน เพราะอะไรอ๋องฉยงจึงยังอยู่ในเมืองหลวง เรื่องนี้ยังต้องตรวจสอบให้ชัดเจน""เนื้อหาการคุยกันของอ๋องฉยงกับองค์จักรพรรดิทำไมจึงเปิดเผยไม่ได้" พระชายาเยว่ถอนหายใจ"ดังนั้น
"อะไรนะ?!"พระชายาเยว่พอได้ยินประโยคนั้นของชิวอวิ๋น ทิ้งมารยาทอะไรไปเกือบหมดจนแทบกระโจนขึ้นมา"เจ้าอย่ามาพูดมั่วซั่วนะ! ถ้าให้คนอื่นได้ยินข้าเองก็ช่วยเจ้าไม่ได้!"อันที่จริงนางเองก็ไม่อยากได้ชิวอวิ๋นแล้ว ดูแล้วเหมือนทำเรื่องอะไรก็ไม่สำเร็จ ไร้ประโยชน์สิ้นดีแต่ว่าตอนนี้พอได้ยินชิวอวิ๋นพูดประโยคนี้ออกมา ก็ทำเอานางลืมเรื่องที่จะโยนชิวอวิ๋นทิ้งไปทันที"เป็นเรื่องจริง พระชายา เรื่องนี้ถ้าไม่ได้ยินเองกับหู ข้าน้อยจะกล้าแต่งขึ้นมาได้อย่างไรกัน?" ชิวอวิ๋นรีบพูด"อ๋องฉยงชอบพระชายาอ๋องเจวี้ยนรึ?""พะย่ะค่ะ ตอนที่ออกมาจากวังราชนิเวศน์ ข้าไปเจอที่หน้าประตูใหญ่"พระชายาเยว่คิดถึงใบหน้า รูปร่างของฟู่จาวหนิง ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เชื่อ"ได้ยินว่าอ๋องฉยงเป็นพวกชื่นชอบสาวงาม ไม่เช่นนั้นพระชายาอ๋องฉยงคงไม่คุมเขาไว้อย่างเข้มงวด ราวกับอยู่ในคุกแน่นอน"เพราะพอหย่อนยาน ไม่ทันระวังหน่อย อ๋องฉยงก็อาจจะไปหลับนอนกับสาวสวยคนไหนแล้วก็คอยเลี้ยงไว้ด้านนอกแต่พระชายาอ๋องฉยงเข้มงวดเสียขนาดนั้นแล้ว อ๋องฉยงก็ยังมีอวิ๋นจูกับเฉินฮ่าวปิงลูกนอกสมรสสองคนนี้ได้ที่โตแล้วมีอยู่สองคน แล้วที่ยังไม่โตล่ะ? อธิบายได้ว่าอ๋อง
"ข้าต้องการวัตถุดิบยาเหล่านี้เดิมทีก็จะให้นางส่งไปที่เมืองเจ้อ แล้วนางปฏิเสธเอง เดิมทีนี่เป็นความคิดของข้า! ท่านบอกว่าข้ารับมือไม่ไหว นางเองก็ไม่ใช่ว่าพึ่งพาคนอื่นหรือ ก็แค่เพราะนางแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนที่มีอำนาจ! ท่านให้นางเอาอ๋องเจวี้ยนให้ข้าสิ! ถ้าหากข้าเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน ข้าเองยังทำได้ดีกว่านางเสียอีก!"ต่งฮ่วนจือถูกเสียงแหลมของนางแผดใส่จนปวดหูไปหมดแล้วเขามองอย่างตกตะลึงไปทางเฉินฮ่าวปิง ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้มาก่อนว่านางเป็นคนแบบนี้"เจ้าคิดว่าที่ศิษย์น้องหญิงมีความสามารถขนาดนี้ เป็นเพราะแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนหรือไรกัน?""แล้วไม่ใช่หรือ? นางก็แค่พึ่งพาอ๋องเจวี้ยนเหมือนกัน ด้านหลังมีต้นไม้ใหญ่ให้พักพิงร่มเย็น! ถ้าหากไม่ใช่อ๋องเจวี้ยน ตอนนั้นที่นางถอนหมั้นกับรัฐทายาทเซียวไปก็คงจะเอาตัวไม่รอดแล้ว ต่อมานางจะได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์เรียนหมอจนเข้าพันธมิตรโอสถได้อย่างไรกัน?!"ต่งฮ่วนจือมองนางลึกๆ ส่ายหัวถอนหายใจ"บนโลกนี้ไม่มีรัฐทายาทเซียวอีกแล้ว"ขนาดรัฐทายาทเซียวไม่อยู่แล้ว ก็ยังไม่รู้หรือ?"ช่างเถอะ วันนี้เจ้าเป็นท่านหญิงไปแล้ว ข้าก็แค่ประชาชนธรรมดา ช่วยอะไรไม่ได้หรอก ขอตัวแค่นี้
พอเห็นสีหน้าเฉินฮ่าวปิง ใจของต่งฮ่วนจือก็เย็นลงมาทันทีทั้งที่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟู่จาวหนิงแล้วแท้ๆ แต่ว่าตอนนี้ เฉินฮ่าวปิงก็ยังใช้ประโยชน์จากเขา คิดจะให้เขาขัดขวางศิษย์น้องหญิงต่อให้เป็นเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้ นางก็ยังพูดออกมาโดยไม่หนักใจ แล้วขอให้เขาทำตามสิ่งที่นางต้องการต่งฮ่วนจือมองไปทางฮูหยินเฉิน เขายังดูคาดหวังอยู่ถึงอย่างไรฮูหยินเฉินก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว น่าจะรู้จักขอบเขตบ้างกระมัง?"เจ้าเองก็คิดแบบนี้หรือ? จะให้ข้าเก็บวัตถุดิบยาไว้จนกว่าฮ่าวปิงจะรวมเงินได้?"ฟังเอาเถอะ เขาพูดซ้ำออกมาอีกรอบหนึ่งก็ยังรู้สึว่าเป็นเรื่องไร้สาระเลยฮูหยินเฉินขมวดคิ้ว มองนางด้วยสายตาเศร้าๆแต่ก่อนพอเห็นสีหน้าเช่นนี้ของนาง ต่งฮ่วนจือก็จะรู้สึกปวดใจ อยากจะปกป้องนางขึ้นมา เขารู้ ว่านางเป็นผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง มีลูกสาวติดหนึ่งคน คอยหนีคนตามล่าอยู่ตลอด มันลำบากแค่ไหนถ้าหากเป็นไปได้ เขาเองก็อยากจะยืนบังลมบังฝนให้นาง เพราะแรกสุดเขารู้สึกชื่นชมนาง ชื่นชมความแข็งแกร่งและความรักของแม่จากตัวนางแต่สีหน้าต่อตัวเขาของฮูหยินเฉินตอนนี้ ต่งฮ่วนจือจู่ๆ ก็คิดขึ้นมาว่า อ๋องฉยงถึงอย่างไรก็หาพวกนางเจอแ