เซียวเหยียนจิ่งตอนนี้มีความใส่ใจแปลกๆ ต่อตัวฟู่จาวหนิงเดิมทีเขาคิดว่าตนเองคงจะไม่สนใจฟู่จาวหนิง แต่ก็เหมือนผีผลักอย่างไรอย่างนั้น ตอนนี้เขากลับสนใจตัวฟู่จาวหนิงมากขึ้นเรื่อยๆ!ยิ่งไปกว่านั้นเขายังส่งคนหลายคนออกไปเป็นพิเศษ ให้คอยจับตาดูฟู่จาวหนิง คอยฟังว่าวันนี้นางไปไหน เจออะไร ทำอะไรบ้างแต่น่าเสียดาย แค่ไม่นานนัก ฟู่จาวหนิงก็ออกไปนอกเมืองกับอ๋องเจวี้ยนเสียแล้วและไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงมีอะไรน่าพาไปกัน นางทำอะไรได้บ้าง?ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เฒ่าฟู่เองก็ยังพักอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนด้วยอ๋องเจวี้ยนเกิดอะไรขึ้น หรือว่าจะยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ของฟู่จาวหนิงแล้ว เห็นปู่ของนางเป็นผู้อาวุโสแล้วหรือ?เขาเดิมทียังคิดว่าฟู่จาวหนิงที่ออกเรือนอย่างลวกๆ กับอ๋องเจวี้ยน จะใช้ชีวิตได้น่าเวทนาเสียอีกนางก็เป็นแค่คนไม่ได้เรื่องที่มีดีแค่สวย ก่อนหน้านี้ตอนที่เอาแต่มาไล่ตามเขา เขากระทั่งรู้สึกขายหน้าเสียด้วยซ้ำ ถึงอย่างไรนางวันวันก็เอาแต่ใส่เสื้อเก่าๆ ที่ไม่เข้ากับตนเอง หน้าตาขมุกขมอม ทำเอาคนไม่คิดจะไปสนใจหน้าตาของนางเขายังเคยพรรณนาตัวนางกับเพื่อนของเขา บอกว่าฟู่จาวหนิงก็เป็นแค่ไก่ภูเขาตัวหนึ่งผลคือ
คนเหล่านี้ก็เป็นองครักษ์ลับองค์จักรพรรดิชุบเลี้ยงขึ้นมาจะส่งราชองครักษ์ออกมาก็ไม่ได้ คนของกองทหารก็เคลื่อนไหวไม่ได้ คนที่เรียกออกมาได้อย่างโจ่งแจ้งล้วนใช้การไม่ได้ ถึงอย่างไรนี่ก็คือจะปล้นแย่งสิ่งของของอ๋องเจวี้ยน ถ้าตัวตนฐานะถูกเปิดโปงออกมา หน้าตาขององค์จักรพรรดิคงไม่เหลือหรอดังนั้นที่เขาเคลื่อนไหวออกมาก็คือองครักษ์ลับกลุ่มหนึ่งที่เขาชุบเลี้ยงไว้ตอนที่ยังเป็นองค์รัชทายาทเพียงแต่ครั้งนี้องครักษ์ลับกลุ่มนี้ก็ถูกอ๋องเจวี้ยนลากไปลากมาจนเหนื่อยหมดแล้วอ๋องเจวี้ยนไม่อยากให้พวกเขาตอนที่ไล่ตามทันแล้วสลัดออกไปทันที แต่จะให้พวกเขาหาคนอย่างเอาเป็นเอาตายอ๋องเจวี้ยนตอนที่รอฟู่จาวหนิงที่เขาอวี้เหิง ก็ส่งคนลงเขาลงไปสร้างร่องรอยบางส่วน ล่อให้พวกเขาออกค้นหาคนไปทั่วภูเขา หมุนซ้ายหมุนขวา นอนก็ไม่ได้นอนกันดีดี กินก็แทบจะไม่ได้กินเสบียงแห้งที่พวกเขาพกไปก็ยังถูกขโมยอีกหลายวันนี้พูดได้ว่ากินแต่ลมดื่มแต่น้ำค้าง แต่ละคนสีหน้าเหนื่อยล้ากันจนแทบไม่ไหวตอนนี้ใกล้จะถึงเมืองหลวงแล้ว นี่คือภารกิจสุดท้ายในการเดินทางครั้งนี้ของพวกเขาแล้ว"ต้องสำเร็จเท่านั้น ห้ามล้มเหลว"หัวโจกองครักษ์ลับพูดขึ้นมาอีกคำ
พระสัสสุระเองก็จำใจ ให้ฮองเฮาสั่งคนรอบๆ ถอยไปก่อน จากนันจึงเล่าเรื่องของหมู่บ้านกุยเซี่ยวออกมาฮองเฮาพอได้ยิน ก็รู้สึกเหมือนเลือดจะพุ่งทะลักขึ้นด้านบน นางอย่างจะสะกด แต่ก็สะกดไม่อยู่"พรวด!"ฮองเฮากระอักเลือดออกมา"ฮองเฮา!"พระสัสสุระตกตลึงทำไม ทำไมฮองเฮาจึงกระอักเลือดกัน? วันนี้พวกเขาทั้งบ้านกระอักเลือดติดๆ กันเลย"ความหมายของท่านคือ" ฮองเฮาจ้องเขม็งเขา "หมดเกลี้ยงเลยหรือ? ถูกทำลายหมดแล้ว? ไม่เหลือไว้แม้แต่คนเดียว? หมู่บ้านกุยเซี่ยวเองก็ถูกเผาไปแล้วหรือ?""ถูกต้อง โดนยกไปหมดแล้ว" พระสัสสุระก้มหน้าต่ำ"น้ำพักน้ำแรงหลายปีของข้า!" ฮองเฮายกเตาอังมือใบหนึ่งฟาดไปทางเขา โมโหจนหน้าเบี้ยวไปหมด "ตั้งหลายปี! ข้าบอกให้ส่งคนไปคอยคุ้มกัน แต่ท่านบอกว่าคนของท่านเองเชื่อถือได้ แล้วท่านบอกว่าเจียงจี๋คอยดูแลอยู่ทางนั้นจะไม่เกิดปัญหา!""ฮองเฮา""อันที่จริง พวกเจ้าหลายปีมานี้ก็เลี้ยงเสียข้าวสุข! ข้าให้พวกเจ้ากินดื่มเล่นสนุกอันอย่างสุขสบายไร้กังวล! ตอนแรกเจ้าบอกว่าที่คอยไปหาแต่สาวงามมันเป็นแค่ฉากบังหน้า สองปีนี้ท่านกล้าพูดไหม ว่าท่านไม่ได้เอาแต่สนุกกับหญิงสาวอยู่ทุกวี่วัน!"นางผิดเองคนจากบ้า
ฟู่จาวหนิงเองก็คิดเช่นนี้"พกวเรากลับไปพักผ่อนกันก่อน"เซียวหลันยวนมองฟู่จาวหนิง "ในมือเจ้ามีควันลวงตาอีกบ้างไหม? ที่พวกเราสามารถกินยาแก้ไว้ก่อนได้""ทำเอาเลยก็ได้" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น "หญ้าสมุนไพรชนิดหนึ่งที่กลั่นกรองเอาไว้ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ทิ้ง สิ่งนั้นควันที่เผามันขึ้นมามีพิษอยู่ แต่ใช้ตัวของมันเอามากรองสกัดส่วนประกอบจะแก้พิษได้""ยุ่งยากไหม?""รถม้าด้านหลังผูกเอาไว้กองใหญ่เลย ก้อนๆ ที่เหมือนกับหญ้ากลมพวกนั้น จุดไฟโยนออกไป ควันจะยิ่งลุกขึ้นทั้งเร็วทั้งหนาแน่น"ไม่ยากเลยสักนิด"ส่วนยาแก้พิษ ข้ากลั่นกรองเอาไว้แล้ว"เซียวหลันยวนรู้สึกจริงๆ ว่าข้างกายมีฟู่จาวหนิงที่เป็นยอดฝีมือทั้งยาและพิษอยู่ข้างๆ ก็ประหยัดเวลาและเรื่องที่ทำขึ้นมากเลยทีเดียวยิ่งไปกว่นั้นยังมีหลายเรื่องที่ทำง่ายขึ้นมาก"หาจุดที่พวกเขาซุ่มกำลังอยู่ ยังไม่ต้องขนของ คนทั้งหมดกินยาแก้พิษกันก่อน ให้คนครึ่งหนึ่งขับรถม้าเดินหน้าต่อตามปกติ พอไปถึงสะพานขาดก็หยุดลงมา ให้โอกาสพวกเขาลงมือ"เซียวหลันยวนเรียกองครักษ์เข้ามา วาดสภาพพื้นที่รอบๆ สะพานขาดนี้ออกมาบนพื้น ตรงไหนมีเนิน ตรงไหนมีหินก้อนใหญ่ ตรงไหนมีต้นไม้ทึบที่ไปได
คนเหล่านี้ก็เป็นองครักษ์ลับองค์จักรพรรดิชุบเลี้ยงขึ้นมาจะส่งราชองครักษ์ออกมาก็ไม่ได้ คนของกองทหารก็เคลื่อนไหวไม่ได้ คนที่เรียกออกมาได้อย่างโจ่งแจ้งล้วนใช้การไม่ได้ ถึงอย่างไรนี่ก็คือจะปล้นแย่งสิ่งของของอ๋องเจวี้ยน ถ้าตัวตนฐานะถูกเปิดโปงออกมา หน้าตาขององค์จักรพรรดิคงไม่เหลือหรอดังนั้นที่เขาเคลื่อนไหวออกมาก็คือองครักษ์ลับกลุ่มหนึ่งที่เขาชุบเลี้ยงไว้ตอนที่ยังเป็นองค์รัชทายาทเพียงแต่ครั้งนี้องครักษ์ลับกลุ่มนี้ก็ถูกอ๋องเจวี้ยนลากไปลากมาจนเหนื่อยหมดแล้วอ๋องเจวี้ยนไม่อยากให้พวกเขาตอนที่ไล่ตามทันแล้วสลัดออกไปทันที แต่จะให้พวกเขาหาคนอย่างเอาเป็นเอาตายอ๋องเจวี้ยนตอนที่รอฟู่จาวหนิงที่เขาอวี้เหิง ก็ส่งคนลงเขาลงไปสร้างร่องรอยบางส่วน ล่อให้พวกเขาออกค้นหาคนไปทั่วภูเขา หมุนซ้ายหมุนขวา นอนก็ไม่ได้นอนกันดีดี กินก็แทบจะไม่ได้กินเสบียงแห้งที่พวกเขาพกไปก็ยังถูกขโมยอีกหลายวันนี้พูดได้ว่ากินแต่ลมดื่มแต่น้ำค้าง แต่ละคนสีหน้าเหนื่อยล้ากันจนแทบไม่ไหวตอนนี้ใกล้จะถึงเมืองหลวงแล้ว นี่คือภารกิจสุดท้ายในการเดินทางครั้งนี้ของพวกเขาแล้ว"ต้องสำเร็จเท่านั้น ห้ามล้มเหลว"หัวโจกองครักษ์ลับพูดขึ้นมาอีกคำ
ควันพิษพร่ามัว ที่นี่วุ่นวายขึ้นมาทันที และเพียงไม่นาน เสียงเหล่านั้นก็ค่อยๆ เงียบลง ยังเห็นว่าคนเหล่านั้นทยอยกันล้มตุบลงไปบนพื้นองครักษ์ลับที่ซุ่มอยู่พอเห็นสถานการณ์ ก็รู้สึกว่าโอกาสมาถึงแล้ว ร้องขึ้นทันที "บุก"พวกเขาล้วนลุกขึ้นพุ่งไปที่หาดริมน้ำครั้งนี้เป้าหมายของพวกเขาคือสิ่งของเหล่านั้น ก็คือจะเอารถม้าไปให้หมด ดังนั้นพวกธนูพิษอะไรพวกนั้นจึงเลี่ยงออกจากรถกับม้าพวกขเาเองก็คลุมหน้าคลุมตา เพื่อเลี่ยงการสูดควันพิษยิ่งไปกว่านั้นยังรอให้ควันพิษสลายไปบ้างจึงพุ่งเข้าไปหลังจากเข้าไปแล้วก็เห็นว่าองครักษ์จวนอ๋องล้วนล้มระเนระนาดอยู่บนหาดริมน้ำ พวกเขาก็ลิงโลดขึ้นทันที"ควบม้า ดึงม้า รีบออกเดินทาง"หัวโจกองครักษ์ลับที่เพิ่งจะส่งคำสั่งออกไป จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงสิ่งของอะไรบางอย่างลอยฟิ้วลงมา เป็นเสียงที่คล้ายกับควันพิษที่พวกเขาเพิ่งโยนลงมาเมื่อครู่มากเขาสัมผัสได้ว่าไม่ถูกต้องแล้ว จึงหันหน้ามองไปบนเนิน พอเงยตาขึ้นไปก็เห็นว่ากลางอากาศมีสิ่งของที่ดูคล้ายก้อนหญ้าที่ควันกำลังลุกขโมงหลายก้อนถูกโยนลงมา"ควันพิษ กลั้นหายใจ!"หัวโจกตกตะลึง ร้องขึ้นมาทันทีพวกเขาติดกับหรือ!แต่ว่าตำแหน่งเมื
"พระชายา หญ้าควันพิษพวกนี้ร้ายกาจจริงๆ คนพวกนี้ขนาดพันหน้าพันตา ก็ยังล้มลงในชั่วพริบตาเลย"ชิงอีเข้ามาพูดกับฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเหลือบมองผ้าผันหน้าขององครักษ์ลับผาดหนึ่ง "ของพวกนี้กันควันพิษไม่อยู่หรอก ที่สูดได้ไปก็คงเข้าไปหมด พวกเจ้าหลังจากเก็บกวาดเสร็จก็มาให้ข้าดูหน่อยนะ ป้องกันไว้ก่อน"ดูว่าพวกเขาติดพิษจนบาดเจ็บบ้างหรือไม่ลูกกลอนแก้พิษเองก้ไม่ใช่จะรับประกันผลลัพธ์ได้ร้อยทั้งร้อย"ขอบคุณพระชายา"หลังจากจัดการคนเหล่านี้ทั้งหมด ฟู่จาวหนิงก็จับชีพจรให้กับพวกเขาเซียวหลันยวนกลับสั่งพวกเขาจัดการซ่อมแซมสะพานหินที่ขาดนี้ใหม่อีกครั้งฟู่จาวหนิงหลังจากตรวจอาการคนทั้งหมดแล้วก็คอยมองพวกเขาทำงานอยู่ข้างๆเซียวหลันยวนถึงแม้ตนเองจะไม่ได้ลงมือ แต่เขาก็ยังตรวจสอบพวกตอหินท่อนหินที่ล้มระเกะระกะ มองร่องรอยด้านบนที่ยังเหลืออยู่ แล้วทำสัญลักษณ์ว่าพวกมันต้องไปเสียบเข้ากับตำแหน่งไหนก่อน จากนั้นจึงสั่งให้พวกเขาวางสะพาน"แผ่นหินก้อนนี้น่าจะหักไปแล้ว ไปหาแผ่นอื่นมาแทนที่ แล้วก็ด้านใต้ตำแหน่งเดิมที่วางตอหินก็หลวมไปแล้ว ลงไปที่แม่น้ำแล้วไปทำพื้นให้เรียบ ย้ายตำแหน่งมันเสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงนั่งอยู่บน
ตอนที่เข้าใกล้เมืองหลวง คนรอบๆ ก็เพิ่มมากขึ้น แล้วยังมีบางส่วนที่เข้ามาสำรวจ รู้ว่าคงปิดบังอ๋องเจวี้ยนไม่ได้ จึงไม่มีปิดบังอำพรางแต่อย่างใดกระทั่งมีบางส่วนกล้าเข้ามาทักทายอีกด้วย"อ๋องเจวี้ยนไปที่ไหนมาหรือจึงเพิ่งกลับเมืองหลวง? ออกจากเมืองหลวงไปเป็นเดือนเลย"เซียวหลันยวนได้ยินคำทักทายที่ด้านในรถม้า แต่ก็นิ่งงันไม่ส่งเสียง"ใครน่ะ?" ฟู่จาวหนิงถามเขาเสียงต่ำ"ฟังจากเสียง คงเป็นลูกชายคนโตของบ้านหวางเก๋อเหล่า" เซียวหลันยวนเอ่ยตอบเสียงต่ำฟู่จาวหนิงพอได้ยินคำว่าหวางเก๋อเหล่า ในความทรงจำจู่ๆ ก็มีเรื่องหนึ่งแล่นออกมาหวางเก๋อเหล่าเป็นตาแก่ตัณหากลับคนหนึ่งนี่นายิ่งไปกว่านั้นเจ้าของร่างเดิมยังเคยเจอด้วย คุณหนูฟู่ตอนนั้นได้ยินว่าเซียวเหยียนจิ่งไปที่วัดบนเขาแห่งหนึ่ง จึงคิดจะตามไป แล้วยังคิดว่าที่วัดนั่นเผาธูปได้แม่นยำอีกด้วย จึงหวังว่าพระพุทธเจ้าจะช่วยปกป้องท่านปู่ให้หายวันหายคืนแต่ว่านางก็ถูกพวกคุณชายที่ตามเซียวเหยียนจิ่งไปพวกนั้นหลอกเอา พอไปได้ครึ่งทางเจอกับคนหลายคนนางจึงถามดู พอรู้ว่าถูกหลอกก็เตรียมจะหมุนตัวกลับตอนนั้นฝนก็ตกลงมาด้านหลังมีรถม้าขับเข้ามา คนบนรถม้าบอกให้นางติดรถไ
แม้จะผ่านไปเกือบสิบแปดปีแล้ว แต่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวก็ยังเป็นคนที่กาลเวลารักใคร่อยู่พวกเขาแม้จะอายุมากแล้ว หน้าตาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง แต่พอเทียบกับสมัยก่อนแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เยอะมากมองหลายๆ ครั้งก็มองออกได้คนที่เซียวเหยียนจิ่งเตรียมไว้ยังมองออก ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยซื่อเลยเซี่ยซื่อเคยเป็นครอบครัวของพวกเขาด้วยนะหลังจากนางจำได้แล้วยังสงสัยว่าตาตนเองฝาดไปหรือไม่ ยังสงสัยว่าตนเองคงตาลาย ดังนั้นเลยนวดตาทันที จากนั้นจึงมองพวกเขาอย่างละเอียดอีกครั้งไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นสองคนนั้นเสิ่นเชี่ยวเองก็จำเซี่ยซื่อได้ แม้ว่านางจะรู้ตัวตนฐานะของตนเองแล้ว แต่ยังคงโพล่งออกมาว่า "พี่สะใภ้รอง!"เซี่ยซื่อคือภรรยาของผู้เฒ่ารองตระกูลหลินและเป็นคนเดียวในตระกูลหลินที่อ่อนโยนเป็นห่วงเสิ่นเชี่ยว ดังนั้นเสิ่นเชี่ยวพอเห็นนาง ดวงตาจึงแดงรื้นขึ้นมาคำว่าพี่สะใภ้รอง ก็ทำเอาเซี่ยซื่อใจสั่นระริกเช่นกันรีบวางตะกร้าที่หิ้วไว้ลงมา เดินตรงไปหานาง"ให้ตายเถอะ อา อาเล็กหรือ?"ไม่ ไม่ใช่อาเล็กชองนางแล้วสิ เซี่ยซื่อยืนอยู่หน้าเสิ่นเชี่ยว ถลึงตาโตอ้าปากค้าง"พี่สะใภ้รอง ข้าข้าเจอครอบครัวของข้าแ
ฟู่จาวหนิงสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย "ดูท่า น่าจะมีคนไม่น้อยที่ยังไม่ลืมพวกเขา คอยจับตาดูจนถึงทุกวันนี้""ข้าเตรียมการเสร็จแล้ว รอบบ้านตระกูลฟู่วางองครักษ์ลับเอาไว้แล้ว วางใจเถอะ" เซียวหลันยวนพานางเข้ามา สองมือโอบข้างเอวนาง จ้องมองนาง "องค์จักรพรรดิน่าจะลงมือกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพ่อลูกชินอ๋องเซียวยังคอยจับตาดูพวกเขาขนาดนี้ มันดูแปลกไปหน่อย""ตรวจสอบดูก็รู้ พวกเขาถ้าหากมีความคิดอะไร มีแผนอะไร มีเป้าหมายอะไร เดี๋ยวก็ได้รู้เอง"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ใส่ใจนักเซียวหลันยวนพยักหน้าสายตาเขามองออกไปไกลๆ ถัดจากนี้ต้องดูว่าสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินจะรับมืออย่างไร เมืองหลวงยังมีคนที่มีเป้าหมายต่างๆ อยู่ และยังมีขั้วอำนาจที่ใช้วิธีการต่างๆ อยู่อีกด้วยเขาถึงแม้จะเชื่อว่าครั้งนั้นไม่ใช่เสิ่นเชี่ยวที่วางยาพิษ แต่ว่าพวกเขาตอนนั้นถูกใครบางคนหรือเรื่องบางอย่างหนีบเอาไว้ตรงกลาง ไม่มีทางดึงตัวออกมาอย่างหมดจดได้ พวกเขาเองก็เป็นคนในเหตุการณ์ตอนนี้พอมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับเขา เซียวหลันยวนก็ยังพิจารณานาว่าพวกเขาจะแบกรับไหวไหม หลังจากนี้จะไม่ถ่วงแข้งขาฟู่จาวหนิงได้จริงไหม จะไม่ทำร้ายนางจริงไหมเซียวหลันยวนไม่ได้
"หนิงหนิง มีเรื่องอะไรถึงคุยกันนานสองนาน?"ในห้องขังมีเสียงเซียวหลันยวนดังออกมา"มาแล้ว"ฟู่จาวหนิงขานรับคำหนึ่ง เตรียมจะกลับห้องขังเซียวเหยียนจิ่งไม่อยากเชื่อ "เจ้าไม่ไปกับข้าจริงหรือ? เจ้าไม่สนใจพ่อแม่เจ้าหรือไรกัน?"ปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงเกินจากที่เขาคาดไว้เขาเดิมทีคิดว่าพอได้ยินว่าพ่อแม่ไม่เป็นไร แล้วยังกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงอย่างน้อยต้องตาแดงรื้นบ้าง ไม่ก็ร้องไห้ออกมา รีบร้อนตามเขาออกไปอย่างตื่นเต้น เพื่อรีบไปพบพ่อแม่ของนาง"อ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็ยังต้องอยู่ในห้องขัง ไม่มีอะไรหรอก เจ้าจัดที่นี่จนดูอยู่สบายไปแล้ว แล้วเขาทำไมยังต้องให้เจ้ามาอยู่ด้วยกันอีก?""ข้ามาอยู่เอง เขาเป็นสามีข้า ข้าไม่อยู่กับเขาแล้วใครจะอยู่กัน?"ฟู่จาวหนิงหลังจากที่รู้เจตนาการมาของเขาก็ขี้เกียจจะคุยกับเขาแล้ว ผลักเขาออก แล้วเดินไปทางห้องขังเซียวเหยียนจิ่งนี่ก็จุ้นจ้านเสียจริง"เจ้าทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้" เซียวเหยียนจิ่งตะโกนใส่หลังนาง "เจ้าเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว ถ้าเจ้ายินยอม มีคนตั้งมากมายที่ยินดีจะรักและเอ็นดูเจ้า ทำไมต้องมาอยู่ในคุกกับเขาแบบนี้ด้วย"เดิมทีหญิงสาวคนนี้ควรจะควรจะม
"ใช่ พ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว" เซียวเหยียนจิ่งจ้องมองฟู่จาวหนิง "เป็นอย่างไร เจ้าอยากรีบกลับบ้านไหม? ได้ยินว่าปู่ของเจ้ากับเด็กที่ชื่อเสี่ยวเฟยก็อยู่กันที่จวนอ๋องเจวี้ยนนี่? ถ้าเจ้าไม่กลับไป พ่อแม่ของเจ้าคงจะหาคนไม่เจอแน่"ฟู่จาวหนิงทำท่าทางตกตะลึงอย่างมาก"เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม? พวกเขากลับมาแล้วจริงหรือ?""ข้าจะโกหกเจ้าทำไมกัน? ไม่เชื่อข้าตอนนี้เจ้าก็ไปกับข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขา"เซียวเหยียนจิ่งพูด มือเองก็คันยุบยิบ เขาอยากจะยื่นมือไปจูงนางเหลือเกิน จูงนางออกจากคุกใหญ่ถ้าเขาสามารถจูงมือนางออกไปได้ เซียวหลันยวนคงได้กระอักเลือดตายกระมัง?แต่เขาเพิ่งจะขยับ ฟู่จาวหนิงก็ถอยออกไปแล้วสองก้าว"พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง เช่นนั้นก็ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ที่บ้านตระกูลฟู่มีคนอยู่ พวกเขาจะหาคนไม่เจอได้อย่างไรกัน?""เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?""เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าวิ่งแจ้นเข้ามาบอกข้าหรอกกระมัง? พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง คนใช้บ้านตระกูลฟู่อีกเดี๋ยวก็คงเข้ามาบอกข้าเอง""เจ้าลืมอ๋องเจวี้ยนไปแล้วหรือ?""เขาก็อยู่ที่นี่ ลืมอะไรกัน?""ความ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ