ผ่านไปครู่หนึ่ง พวกของฟู่จาวหนิงก็หาหินก้อนนั้นพบจริงๆหลักๆ คือหินก้อนนี้ขนาดไม่น้อยเลย เดินหาหน่อยเดี๋ยวก็พบบนหินยังมีเลือดติดอยู่เลย บนพื้นดินข้างๆ ยังมีรอยเลือดที่แห้งกรังจนเป็นสีดำแล้วด้วยจากหินตรงนี้มองขึ้นไป บนเนินก็ยังเห็นร่องรอยของคนกลิ้งตกลงมาผู้อาวุโสจี้ดีใจมาก "หาพบแล้ว! เช่นนั้นเถาขมเฝื่อนก็น่าจะอยู่ข้างบนนี้ พวกเรารีบขึ้นไปดูเถอะ"เขาพูดปาวๆ พอหันหน้ามาก็เห็นฟู่จาวหนิงยังนั่งยองอยู่ข้างหินก้อนนั้นดูอะไรอยู่ รอยเลือดที่อยู่บนหินนั่น น่าจะเป็นจุดที่ผู้เฒ่าหวางกระแทกลงมา ที่นั่นคมนิดหน่อย และมีส่วนหนึ่งที่ค่อนข้างกลมลื่นยื่นออกมาเห็นแล้ว แต่ยังจะไปค้นคว้าอะไรอยู่อีก?เซียวหลันยวนยืนมองอยู่ข้างๆ"เข้าใจลักษณะคร่าวของหินก้อนนี้ จะช่วยให้ข้ารักษาได้แม่นยำขึ้น" ฟู่จาวหนิงอธิบายกับผู้อาวุโสจี้ขึ้นคำหนึ่งผู้อาวุโสจี้สีหน้าจริงจังขึ้นมา"จาวหนิง เจ้าเป็นหมอที่ดีจริงๆ"นางมีความรับผิดชอบมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ได้ตื่นเต้นที่หาเถาขมเฝื่อนพบจนลืมสิ่งที่ต้องทำด้วยคนเช่นนี้มาเป็นหมอ จิตใจไม่มีทางไม่หนักแน่นปกติคนเช่นนี้อย่างน้อยก็ต้องมีประสบการณ์มาหลายปี สำหรับหญิงสา
เซียวหลันยวนมองพวกเขาศิษย์อาจารย์สองคนนั่งยองหารือกันในกอหญ้าป่านี้อย่างออกรสออกชาติอยู่ข้างๆผู้อาวุโสจี้ตอนนี้ก็โยนเขาไปอยู่หลังสมองแล้วสมัยก่อนได้ยินคนบอกว่า ผู้อาวุโสจี้จากพันธมิตรโอสถใต้หล้าเป็นพวกบ้าสมุนไพร พอพูดถึงวัตถุดิบยาก็จะลืมไปหมดทุกสิ่งอย่าง มีคนไม่น้อยล้วนบอกว่าผู้อาวุโสจี้คนนี้น่าเบื่อสุดๆ เพราะสิ่งที่เขาพูดมามากที่สุดล้วนเป็นวัตถุดิบยาแต่ไม่ใช่คนทั้งหมดที่จะสนใจต่อวัตถุดิบยา ต่อให้ศิษย์ก่อนหน้าของเขาคนนั้นก็ยังรู้สึกอึดอัด เรียนรู้วัตถุดิบยาไปเองก็ไม่จบไม่สิ้นเสียทีแต่ว่าตอนนี้เขากลับพบว่าฟู่จาวหนิงนั้นฟังอย่างตั้งใจ กระทั่งบางครั้งที่ตามไม่ทันยังบอกให้ผู้อาวุโสจี้อธิบายอีกรอบด้วยคนหนึ่งสอนอย่างละเอียด อีกคนก็เรียนอย่างตั้งใจเซียวหลันยวนเองก็มองอยู่ข้างๆ จู่ๆ ที่หูก็กระดิกเล็กน้อย มีร่างแฉลบผ่านไปข้างกาย จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือลมฟาดคนหนึ่งลอยออกมาจากด้านหลังกอหญ้าอาวุธลับในมือคนผู้นั้นยังไม่ทันขว้างออกมา ร่างกายก็ร่วงลงไปบนพื้นแล้ว และรีบกระโจนกลับออกมาอย่างรวดเร็ว มองไปทางเซียวหลันยวนอย่างขุ่นเคือง"อ๋องเจวี้ยน ทำไมถึงมาหลอกหลอนไม่หยุดแบบนี้?"ไห่ฉางจวิ้น"
ผู้อาวุโสจี้ถลึงตามองนาง"เขายังหาไม่เจอ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ก็ไม่ได้มาขุดด้วยกันด้วย แล้วจะแบ่งให้เขาทำไมกัน? มีความจำเป็นอะไรที่ต้องแบ่ง? แล้วเขามีคุณสมบัติอะไรถึงจะได้รับการแบ่ง?"ถ้าหากหาเจอด้วยกัน ถ้าหากซือถูไป๋เข้ามาขุดด้วยกัน เช่นนั้นพวกเขาก็จำใจต้องหารือเรื่องแบ่งของอย่างเสียมิได้ ตอนนี้ซือถูไป๋ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ แล้วจะมาแบ่งอะไร?"อ๋องเจวี้ยน ท่านว่าจริงไหม?"ผู้อาวุโสจี้ถามเซียวหลันยวน"ผู้อาวุโสจี้พูดไว้ถูกต้อง" เซียวหลันยวนพยักหน้าโดยไม่ต้องคิด"ดูสิ อ๋องเจวี้ยนเองก็ยังเห็นด้วยกับข้า เอาล่ะเอาล่ะ เจ้ารีบขุดเข้า ระวังมือของเจ้าด้วย" ผู้อาวุโสจี้เร่งรัดฟู่จาวหนิงเขาไม่เพียงแต่ไม่อยากจะแบ่งวัตถุดิบยาให้ซือถูไป๋ แต่ยังกลัวว่าตอนนี้เขาจะเข้ามาด้วย"หญิงสาวอย่างเจ้าอะไรก็ดีไปหมด แต่บางครั้งจะใจอ่อนไปหรือไม่?"ผู้อาวุโสจี้นั่งบ่นกระปอดกระแปดอยู่ข้างๆ "อย่างที่รักษาอาการให้ผู้เฒ่าหวางนั่นด้วย เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ เรื่องนี้ไม่ง่ายเลย และจะต้องเสียเวลาอย่างมากอีก แต่เจ้ากลับไม่เก็บเงินสักแดงเดียว เจ้าเป็นเช่นนี้ หลังจากนี้อาชีพหมอคงจะเลี้ยงตนเองไม่ไหว""อาจารย์" ฟู
"แต่ว่าคุณชายถ้าออกไปหาดีดีก็คงจะหาพวกเขาพบนี่นา ถ้าแค่คุณชายไปขุดเถาขมเฝื่อนด้วยกัน ผู้อาวุโสจี้จะแย่งไปทั้งหมดได้หรือ?"อาเพียนมองซือถูไป๋อย่างกังวลเล็กๆ "คุณชาย คุณชายถังเอาแต่จ้องตำแหน่งนายน้อยของท่านเขม็ง เขาได้รับการช่วยเหลือจากต้าชื่อแล้วด้วย แล้วยังเอาใจนายท่านอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่อีก ถ้าท่านมาเมืองหลวงรอบนี้แล้วรวบรวมตัวยามหัศจรรย์ไปไม่ครบ นายท่านคงจะผิดหวังมากแน่ๆ "ถึงตอนนั้นคุณชายถังถ้ายืนยันได้ว่าเป็นสายเลือดของนายท่าน ประคองตัวตนฐานะตนเองอย่างมั่นคงแล้ว ตำแหน่งของคุณชายจะรักษาไว้ไม่ได้เอานะนายท่านเดิมทีไม่ค่อยจะชัดเจนกับแม่ของคุณชายถังอยู่แล้ว คุณชายถังเองอาจจะเป็นลูกชายของนายท่านก็ได้"ไม่เป็นไร ไม่มีเถาขมเฝื่อนก็ยังหาอย่างอื่นได้""คุณชาย""เอาล่ะ อาเพียน เจ้าตอนนี้เริ่มพูดมากแล้วนะ"อาเพียนถูกตำหนิไปคำหนึ่ง ก็ปิดปากลงด้วยความรู้สึกน้อยใจฟู่จาวหนิงกลับมาถึงบ้านตระกูลฟู่ นำหินก้อนนั้นวางกลับไปที่เดิมของมัน จากนั้นก็เอาหินหยาบมรกตที่ซือมาจากผู้เฒ่ากู้สองก้อนวางไว้ในลานบ้าน จากนั้นก็ปลูกโกฐเหลืองที่ขุดกลับมาจากในภูเขาเอาไว้ข้างๆครั้งนี้ได้รับของกลับมาจากบนภูเข
"ไม่เป็นไรไม่เป็นไร ไม่ต้องร้อนรน"พอเห็นเสี่ยวเถาร้อนรนจนร้องไห้ ฟู่จาวหนิงก็เข้าประคองนาง"แต่ว่าคุณหนูเองก็ดมกลิ่นไม่ออกแล้วนี่" เสี่ยวเถารู้สึกแปลกหน่อยๆ "เอ๋ ไม่ใช่สิ คุณหนู แล้วทำไมตอนนี้ข้าถึงได้กลิ่นหอมของเทียบเชิญนั่นแล้วล่ะ?""เพราะไม่ใช่ว่าประสาทรับกลิ่นจะหายไปทั้งหมด เพียงแต่จะไม่ได้ไวเหมือนเมื่อก่อน ไม่ค่อยปกติเท่านั้น เจ้าตอนนี้ที่ได้กลิ่นหอมของเทียบเชิญไม่ได้หนักหน่วงเหมือนเมื่อวานใช่ไหม? นี่ก็เพราะประสาทรับกลิ่นเริ่มกลับมาแล้ว""ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง ข้าคิดว่าวางทิ้งไว้สักวันกลิ่นหอมก็จะจางไป""ในนี้น่าจะยังมีตัวยาที่ทำให้กลิ่นคงไว้อยู่ ดังนั้นกลิ่มหอมจึงไม่จางหายไปไวนัก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น "เจ้าอย่าลืมว่าคุณหนูของบ้านเจ้าทำอะไร พิษแค่นี้ข้าแก้ไขได้อยู่"ฟู่จาวหนิงให้นางรอก่อน ตนเองเข้าไปในห้อง เพียงไม่นานก็หยิบยาลูกกลอนที่ปั้นลวกๆ ออกมาเม็ดหนึ่ง"กินลงไปก็พอแล้ว"เสี่ยวเถารับยาลูกกลอนเม็ดนี้ ยัดลงไปในปากทันที"เจ้าเชื่อใจข้าขนาดนั้นเลยหรือ?""แน่นอนสิเจ้าคะ ท่านเป็นคุณหนูของข้านะ ยิ่งไปกว่านั้นวิชาแพทย์ของคุณหนูก็ยังยอดเยี่ยมมากด้วย" เสี่ยวเถากลืนยาลูกกลอนเม
"คุณหนู ท่านอย่าไปเชียว" เสี่ยวเถาเอ่ยเตือนนางอย่างกังวล"ข้าขอดูก่อน"ผลลัพธ์ผ่านไปไม่นานนัก ฟู่จาวหนิงก็รู้ว่าอีกฝ่ายทำไมจึงมั่นใจว่าตนเองจะไปยังหอจันทร์หยาด เพราะว่า มีคนส่งจดหมายเข้ามาอีก บอกว่าหลินอันห่าวไปตกอกตกใจอะไรอยู่ที่นั่น เอาแต่ร้องห่มร้องไห้หลินอันห่าวเป็นลูกสาวของพี่สะใภ้รองฟู่หลินซื่อ หรือก็คือน้าสะใภ้รองของฟู่จาวหนิงก่อนหน้าพิธีเดิมพันโอสถครั้งที่แล้วมีหมอสกุลเฉียนคิดจะให้นางเป็นคนไข้ตัวอย่างจึงยิงเข็มพิษใส่นาง ฟู่จาวหนิงรักษาอาการให้นางแล้วน้าสะใภ้รองเซี่ยซื่อเป็นเพียงคนเดียวในตระกูลหลินที่เคยช่วยเหลือผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวหนิงเอาไว้ ตอนนี้พูดได้ว่าเป็นญาติที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมที่เหลืออยู่ของบ้านพวกนางแล้วฟู่จาวหนิงคิดถึงสภาพหวาดผวาของหลินอันห่าว ไฟโกรธก็แทบจะปะทุเผาไหม้ขึ้นมาเหนือหัวทันทีหลินอันห่าวเป็นเด็กที่มีปัญหาในสมอง อายุสิบสองสิบสามปี ตอนนี้สติปัญญาก็น่าจะแค่สี่ห้าขวบ ยิ่งไปกว่านั้นปฏิกิริยาเองก็ยังใสซื่ออย่างมาก ตอนนี้ทำไมจึงไปยังหอจันทร์หยาดเพียงคนเดียวล่ะ?ถ้าคนที่อยู่เบื้องหลังเพื่อจะล่อลวงนางไปหอจันทร์หยาดแล้วใช้หลินอันห่าวมาเป็นเครื่องมือ เช่
"เซียวเหยียนจิ่งอยู่ที่หอจันทร์หยาดหรือ? ฟู่จาวหนิงเองก็ไปแล้ว?""ท่านอ๋อง ใช่แล้ว"ชิงอีไม่กล้าเงยหน้าตอนที่ได้ข่าวนี้พวกเขาเองเองก็คิดขึ้นมาตามสัญชาตญาณเลย ว่าฟู่จาวหนิงไปหอจันทร์หยาดเพื่อไล่ตามเซียวเหยียนจิ่งหรือไม่?ถึงอย่างไรพวกเขาก็รู้จากการตรวจสอบตัวฟู่จาวหนิงในช่วงสิบกว่าปีนี้มาว่า ฟู่จาวหนิงแต่ก่อนเคยไล่ตามเซียวเหยียนจิ่งไปถึงหอจันทร์หยาด"ข้าจำได้ ตอนนั้นที่ฟู่จาวหนิงถูกคนอื่นด่าว่า พูดออกมาคำหนึ่งกับคนที่ล้อมมุงอยู่อย่างชัดเจน"เซียวหลันยวนนั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือ ในมือก็ออกแรงกำโดยสัญชาตญาณ จนข้อมือขาวโพลนไปแล้วชิงอีเองก็ไม่กล้าต่อคำ"เหมือนนางจะบอกว่า นางจะไปหาเซียวเหยียนจิ่ง ถ้าหากไม่มใช่เพื่อเซียวเหยียนจิ่ง นางไม่มีทางไปเหยียบหอจันทร์หยาดแม้เพียงก้าวเดียว ใช่ไหม?"เซียวหลันยวนเติมเข้ามา พูดคำนี้ออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำชิงอีครั้งนี้ก็พูดไม่ออกแล้ว ทำไมความจำท่านอ๋องถึงได้ดีแบบนี้? ตอนที่ตรวจสอบพบเรื่องนี้วันนั้น ตอนที่คนอื่นเอาคำพูดนี้ของฟู่จาวหนิงมารายงานกับท่านอ๋องเขาก็พูดตามออกมา แต่ไม่คิดว่าท่านอ๋องจะความจำดีขนาดนี้"ขอ ขอรับ""ดังนั้นนางตอนนี้ไปที่หอจันทร
ฟู่จาวหนิงพาเสี่ยวเถากับสืออีเข้าไป ตอนที่เสี่ยวเถาบอกว่าเกรงว่ารัฐทายาทเซียวจะอยู่ที่นี่ ฟู่จาวหนิงก็คิดถึงภาพเซียวเหยียนจิ่งถูกเซียวหลันยวนซัดจนฟันร่วง จู่ๆ ก็อยากจะขำขึ้นมา"บอกกันว่าเซียวเหยียนจิ่งมีรสนิยมต่อชาไม่เลวเลย ไม่รู้ว่าพอฟันหายไปซี่หนึ่งแล้วจะส่งผลกระทบอะไรไหม?"สืออีพอได้ยินมุมปากก็กระตุก เกือบจะขำจนทนไม่ไหวเสี่ยวเถาเองก็ไม่กล้าหัวเราะ"คุณหนู แล้วถ้าเจอเขาล่ะ""วางใจเถอะ ถ้าเจอเขาข้าก็จะเลี่ยงออกมาทันที เจอหน้าเขาข้ารู้สึกเหมือนโชคร้าย"เสี่ยวรีบเหลือบมองไปทางสืออีหลักๆ คือนางกังวล สืออีเป็นคนของอ๋องเจวี้ยน อ๋องเจวี้ยนน่าจะสนใจเรื่องของรัฐทายาทเซียวอยู่กระมัง? ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้คุณหนูของพวกเขาก็เคยไล่ตามเซียวเหยียนจิ่งจริงๆ มีสามีคนไหนบ้างที่จะไม่ใส่ใจกัน?สืออีสังเกตเห็นสายตาของเสี่ยวเถา จับจ้องไม่วางตาจงเจี้ยนเคยบอกเขาว่า แม้พวกเขาจะเป็นคนของท่านอ๋อง แต่ในเมื่อตอนนี้ติดตามพระชายาอยู่ ปากต้องปิดให้สนิท เรื่องที่พระชายาไม่ได้พูดก็อย่าเอาไปบอกท่านอ๋องทางนั้น ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็จะกลายเป็นพวกสาวลิ้นยาวขี้นินทาสืออีจำจุดนี้ได้เป็นอย่างดีแต่ก็แปลก ตอนนี้เป
เซียวหลันยวนพูดพลางหัวเราะเสียงต่ำฟู่จาวหนิงเองก็ตกตะลึงไป "ผู้ตรวจการอันไปคุกคามองค์จักรพรรดิหรือ?"ถ้าหากผู้ประสบภัยทะลักเข้าเมืองหลวง เมืองหลวงก็จะวุ่นวาย องค์จักรพรรดิไม่อยากจะสนใจก็คงต้องสนใจแล้วแค่โรคระบาด องค์จักรพรรดิก็ยังกลัวจนไม่ประชุมเช้า ไม่ต้องพูดเรื่องผู้ประสบภัยนับหมื่นเลย? เขาได้ตกใจจนตายกันพอดี"ก็จริงนั่นล่ะ แต่นี่ก็เป็นเรื่องจริง แต่รายละเอียดด้านในที่นำไปปฏิบัติได้ก็มีเยอะมาก""แล้วองค์จักรพรรดิให้เงินบรรเทาภัยมาเท่าไร?""หนึ่งหมื่นตำลึง""ขี้เหนียว" ฟู่จาวหนิงเบ้ปากนางเองก็ยอมแล้ว ผู้ประสบภัยนับหมื่น แต่ให้เงินบรรเทาภัยมาหมื่นตำลึง? นางเค้นจากตัวพวกองค์หญิงเจ็ดยังได้มาตั้งสามหมื่นตำลึง"คลังหลวงว่างเปล่าแล้วจริงๆ""เอาเถะ พวกเราเองก็ลองไปเตรียมตัวดูก่อน ถ้าเงินไม่พอจริง ค่อยให้ผู้ตรวจการชิงกลับไปปล้นองค์จักรพรรดิอีก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นถ้ายังไม่เห็นสถานการณ์เมืองเจ้อกับตา ใต้เท้าอันหากคิดจะปล้นก็ปล้นลำบาก"อันเหนียนบอกว่าสามวันนั้นรีบไปหน่อย ขอเลื่อนไปวันหนึ่ง ข้าส่งคนไปดูลาดเลาก่อน ตอนพวกเจ้าไปถึงจะมีคนรอรับอยู่"เอาของไปด้วยตั้งมากมาย ตอนไปถึงต้อง
ผู้อาวุโสจี้รู้ว่า จะเตือนไม่ให้ฟู่จาวหนิงไปเมืองเจ้อนั้นเป็นไปไม่ได้การตัดสินใจที่นางพูดออกมา ไม่มีทางเปลี่ยนยิ่งไปวก่านั้น วิชาหมอของนางเองก็ดีขนาดนี้ ไปสถานที่แบบนั้นจะต้องช่วยเหลือชีวิตได้มากมายแน่นอน ผู้อาวุโสจี้ที่ทั้งใจเต็มไปด้วยความดีงามก็ไม่กล้าที่จะห้ามปรามแต่เขาเองก็ยังเป็นห่วงฟู่จาวหนิง"เมืองเจ้อทางนั้นผู้ประสบภัยมากเกินไป จะต้องวุ่นวายแน่นอน เจ้าไปที่นั่นความปลอดภัยเป็นปัญหา ต้องระวังหน่อย แล้วอ๋องเจวี้ยนจัดแจงให้แล้วหรือยัง? เจ้าคงต้องพาองครักษ์ไปมากหน่อย"ถึงแม้ถ้าผู้ประสบภัยก่อจราจลขึ้นมา ต่อให้มีองครักษ์มากแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้ แต่พาไปหน่อยก็ยังดีกว่าไม่พาไป"เจ้ามีของแปลกๆ ตอนสกัดยาเยอะไม่ใช่หรือ? ทำยาที่เอาไว้ทำให้คนล้มวงกว้างๆ ไว้เยอะหน่อย ถ้าถึงเวลาต้องใช้จริง เจ้าก็ไม่ต้องสนอะไร สาดยาออกไปเลย รักษาตัวเองไว้ก่อนเป็นสำคัญ""ฮ่าๆ ท่านอาจารย์ สอนลูกศิษย์แบบนี้ได้เหรอ?"ฟู่จาวหนิงอดขำขึ้นมาไม่ได้ ผู้อาวุโสจี้สอนให้นางใช้ยาสลบกับผู้ประสบภัยเนี่ยนะผู้อาวุโสจี้ถลึงตา "แค่นี้จะเป็นอะไรไป? ทำอะไรก็ต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อน ความปลอดภัยของเจ้าสำคัญที่สุด!""ข้าย
"ศิษย์น้องหญิงเจ้าไปงานรับบริจาคของฮ่าวปิงมาหรือ?" ต่งฮ่วนจือเงยหน้ามองนาง"เปล่า ข้าตบนางไปฉาดหนึ่งด้วยซ้ำ"ฟู่จาวหนิงไม่ไว้หน้าเขาเลย เอาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ตั้งแต่ต้นจนจบเล่าออกมาอย่างละเอียดรอบหนึ่ง"ดังนั้น ศิษย์พี่รอง ข้าตอนนี้ข้าจะเน้นกับท่านอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เข้าไม่ถูกกับเฉินฮ่าวปิง ถ้านางยังคิดจะมาทำอะไรต่อหน้าข้าอีกจะไม่จบแค่ตบหน้าแล้ว เรื่องที่นางทำมันโง่เง่ามาก ยิ่งไปกว่นั้นนางยังโกรธแค้นแล้วมองข้าเป็ฯศัตรูอีก"ฟู่จาวหนิงกดเสียงต่ำ "ก่อนหน้านี้ศิษย์พี่เป็นอะไรกับพวกนางข้าไม่สนใจ แต่หลังจากนี้ ถ้าหากศิษย์พี่ยังยืนยันจะยืนอยู่ฝั่งนางทางนั้น ยังคิดจะปกป้องนาง เช่นนั้นข้าก็จะขีดเส้นกั้นกับศิษย์พี่แล้ว"ผู้อาวุโสจี้มองต่งฮ่วนจือหน้าขรึม"หลายปีนี้เจ้าเอาแต่ปกป้องแม่ลูกอย่างพวกนาง แล้วมองไม่ออกถึงความใจร้ายของนังเด็กนั่นเลยหรือ? หลังจากนางถูกแต่งตั้งเป็นท่านหญิงก็ไม่มาสนใจเจ้าอีก เจ้าคิดว่านางยังจำบุญคุณของเจ้าได้ไหม? เจ้าคิดว่าตนเองกับนางมีความสัมพันธ์ฉันท์ครอบครัว แต่นางก็แค่หลอกใช้เจ้า""ถึงอย่างไรคนที่โง่แบบเจ้าก็มีไม่เยอะ! ต่งฮ่วนจือ ศิษย์น้องหญิงของเจ้าพู
ฟู่จาวหนิงถอนหายใจ"ศิษย์พี่ พวกเราจะซื้อวัตถุดิบยาในราคาเดิม ไม่ต้องลดราคา แค่นี้ได้ไหม?""ถ้าอย่างนี้ก็ได้อยู่...""ต่ง ! ฮ่วน ! จือ!"ผู้อาวุโสจี้โกรธเป็นฟืนไฟแล้วจริงๆ"ท่านอาจารย์ สงบลงก่อน" ฟู่จาวหนิงรีบเดินไปอยู่ข้างๆ ผู้อาวุโสจี้ รินน้ำชาให้กับเขา "ศิษย์พี่ทำงานอย่างเข้มงวด เข้าต้องทำตามกฏการทำงานของพันธมิตรโอสถ อย่าทำให้เขาลำบากใจเลย""อาจารย์ เรื่องนี้ไม่ได้จะคุยกันลกบาก ข้าแค่ต้องใช้เวลาไปคำนวณต้นทุนของวัตถุดิบยาชนิดต่างๆ หน่อย ถึงตอนนั้นก็จะคำนวณส่วนลดลงมาได้"ต่งฮ่วนจือลุกขึ้นยืน ไม่กล้านั่งลงมา"แต่ถ้าศิษย์น้องหญิงไม่ต้องการลดต้นทุนสี่ส่วนล่ะก็ ข้าทางนี้จะหักกำไรทั้งหมดออกได้ ยิ่งไปกว่นั้น พวกเรายังสามารถบริจาควัตถุดิบยาที่ค่อนข้างพิเศษบางอย่างได้นิดหน่อยด้วย ข้าทางนี้ยังมีส่วนที่เหลืออยู่ เพราะสาขาย่อยเมืองเจ้อทางนั้นไม่มีวัตถุดิบยาชนิดนี้ ดังนั้นสิ่งนี้ข้ามอบให้ได้..."ต่งฮ่วนจือพยายามจะอธิบาย"ตัวข้าเองก็ยังบริจาคเงินช่วยได้ เงินพวกนี้เอาไปเพิ่มกับเงินที่ซื้อวัตถุดิบยาก็พอแล้ว ท่านอาจารย์ ข้าไม่ได้ตระหนี่ถี่เหนียวเสียหน่อย""เฮอะ" ผู้อาวุโสจี้โมโหจนหัวเราะ "
ต่งฮ่วนจือหลายวันนี้ดูผ่านไปแบบซึมเศร้าอยู่ ตอนนี้สีหน้าก็ยังไม่ค่อยดีนัก พูดจาเองก็ยังไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเขาพยายามอธิบายจุดนี้"วัตถุดิบยาชุดใหญ่ที่อ๋องเจวี้ยนต้องการ ก็ล้วนเป็นวัตถุดิบยารักษาหวัดหรืออาการบาดเจ็บภายนอกทั้งนั้น เป็นของที่หาได้ทั่วไป แล้วก็เป็นพวกที่ราคาถูกำไรน้อยพวกนั้น หลายอย่างพวกเราเก็บกำไรแค่หนึ่งถึงสองส่วน รักษาไม่ให้พันธมิตรโอสถต้องขาดทุน ถ้าหากวัตถุดิบยาเหล่านี้ลดราคาต้นทุนไปสี่ส่วน บัญชีของพันธมิตรก็จะมีช่องว่างเบ้อเร่อเลย"ต่งฮ่วนจือบอกกับฟู่จาวหนิงอย่างจนใจ "ศิษย์น้องหญิง ถ้าแบบนี้บัญชีที่ข้าต้องส่งให้พันธมิตรสาขาตอนครึ่งปีจะอธิบายลำบากเอา"เข้าใจ ก็คือ ขาดทุนนั่นล่ะฟู่จาวหนิงยังไม่ทันพูด ผู้อาวุโสจี้ก็ร้องเชอะขึ้นมา "นี่มีอะไรพูดลำบากกัน? ข้าบอกให้เจ้าโยนทั้งหมดมาที่ตัวข้าแล้ว""ท่านอาจารย์ นี่มันทำได้ที่ไหนกัน? ถึงอย่างไรข้าก็ดูแลสาขาของเมืองหลวงนะ เป็นข้าที่ต้องรับผิดชอบ" ต่งฮ่วนจือเองก็ทำเรื่องอย่างการผลักภาระทุกอย่างไปให้อาจารย์หมดไม่ได้"เจ้าเอาแต่กลัวนั่นกลัวนี่ กล้าๆ กลัวๆ ก็แค่เพราะเจ้าเพิ่งมารับช่วงดูแลที่นี่ กลัวจะทำเรื่องโดดเด่นออกมาไม่ได้
เรื่องนี้เจ้ากลับไปถามพ่อเจ้าดู พวกเจาจะเอาของออกมาได้แค่ไหน ข้าจะใช้เงินที่ได้มาจากพวกนาง แล้วข้าเองก็จะเติมเข้าไปส่วนหนึ่ง หลังจากซื้อกับเจ้าทางนั้นก็จะขนไปที่เมืองเจ้อถึงแม้นางจะไม่อยากถูกเฉินฮ่าวปิงชี้นิ้วสั่ง แต่แผนของเฉินฮ่าวปิง ก็มีบางส่วนที่ตรงกับแผนการของนางพอดี"พ่อของข้าอันที่จริงช่วงนี้ก็เตรียมของเอาไว้แล้วส่วนหนึ่ง" ฟางซือฉิงรู้สึกเชิงขอโทษขึ้นมา "ก่อนหน้านี้ตอนที่สถานที่อื่นเกิดภัยพิบัติ พ่อแม่ข้าก็บริจาคสิ่งของกับเงินไป""ผู้เฒ่าฟางไม่เคยบอกมาก่อนหรือ?""ไม่เลย ท่านพ่อบอกข้าว่า ทำเรื่องเหล่านี้ต้องทำด้วยใจ ไม่จำเป็นต้องออกไปตะโกนร้องป่าว""คำพูดนี้ก็ถูกต้อง ผู้เฒ่าฟางเป็นคนดี แต่ว่า วันนี้เจ้าเองก็เห็นแล้ว ขนาดเฉินฮ่าวปิงที่เพิ่งเข้าเมืองหลวงยังไม่ทันหยั่งเท้ามั่นคงดีก็จับจ้องตระกูลฟางเสียแล้ว นี่อธิบายอะไรได้ล่ะ?"ฟู่จาวหนิงรู้สึกนับถือเศรษฐีฟาง เขาไม่ใช่คนที่ไร้ความเมตตาเพื่อความร่ำรวย"อธิบายได้ว่าอะไรหรือ?" ฟางซือฉิงงงงันไป"อธิบายได้ว่าบางครั้ง การทำบุญก็ควรจะพูดออกไปบ้าง"ฟู่จาวหนิงตบมือนางเบาๆ "ชื่อเสียงที่ดีบางครั้งก็เป็นเกราะคุ้มกันอย่างหนึ่ง"เพียงแต
นั่นสิ นางไปเอาความกล้ามาจากไหน ถึงกล้ามาพูดจาไม่เกรงใจเขาแบบนี้?"แล้วก็ หลังจากอ๋องฉยงเข้าไปแล้วก็เตือนท่านหญิงปิงอวี้เสียหน่อย หลังจากนี้อย่ามาโผล่ตรงหน้าข้าอีก ข้าหมดความอดทนกับนางแล้ว"ฟู่จาวหนิงพูดจบคำนี้ ก็หมุนตัวขึ้นม้า "พวกเราไป"รถม้าแล่นออกไป สะบัดก้นรถให้อ๋องฉยงอ๋องฉยงยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ถลึงตาอ้าปากค้างมองรถม้าที่แล่นออกไปฟู่จาวหนิงเป็นคนแบบนี้หรือ!บนรถม้า ฟางซือฉิงถอนใจโล่งออกมา จากนั้นจึงระวังขึ้น"จาวหนิง วันนี้ผิดใจกับท่านหญิงปิงอวี้กับองค์หญิงเจ็ดเข้า แล้วยังพวกคุณหนูสี่หลี่นั่นอีก พวกนเางจะร่วมมือกันมารังแกเจ้าไหม?"ถ้าคนเหล่านี้กลับบ้านไปฟ้องผู้อาวุโส แล้วเกือบสิบตระกูลก็จับมือกัน นี่มันจะเรื่องใหญ่เอากระมัง?ยังมีองค์หญิงเจ็ดอีก องค์จักรพรรดิกับตระกูลฝ่ายแม่ขององค์หญิงเจ็ดก็ไม่รู้ว่าจะกดดันมาทางอ๋องเจวี้ยนหรือเปล่า"อ๋องเจวี้ยนเขา..."อ๋องเจวี้ยนก็ตามใจฟู่จาวหนิงจริงๆแต่ฟางซือฉิงเองก็กลัวว่าวันหนึ่งเขาจะรำคาญที่ต้องมาช่วยฟู่จาวหนิงแก้ปัญหาต่างๆ น่ะสิ ถ้าหากฟู่จาวหนิงยังเอาแต่ผิดใจคนมากมายขนาดนี้ สำหรับอ๋องเจวี้ยนแล้วมันเป็นปัญหาใหญ่หรือเปล่า?"ไม
อ๋องฉยงเป็นคนแบบไหน?ฟู่จาวหนิงพอสบกับดวงตาที่สว่างวาวราวกับหลอดไฟของเขาก็รู้แล้วว่าตามหลักการ อ๋องฉยงกล้าทิ้งพระชายาอ๋องฉยงออกจากที่ดินศักดินา แจ้นกลับมาเจรจาธุรกิจกับองค์จักรพรรดิได้ ก็น่าจะเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องราวเป็นหลัก รอบคอบมีการวางแผนเป็นอย่างดีถึงจะถูกแต่ตอนนี้พอเจอกับสายตาเช่นนี้ของอ๋องฉยง ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกว่า นางก่อนหน้านี้ประเมินอ๋องฉยงไว้สูงเกินไป?แต่ว่า ตอนที่ได้ยินนางบอกว่าต้องเรียกนางว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยน สายตาของอ๋องฉยงก็เก็บกลับไปไม่น้อย สีหน้าจริงจังขึ้นมาพอควรอย่างนี้สิถึงจะถูก?ไม่เช่นนั้นคนที่มองคนแต่รูปลักษณ์ภายนอก จะไปทำเรื่องใหญ่อะไรได้?"พระชายาอ๋องเจวี้ยน เจ้าเห็นข้าแล้ว จะไม่ทักทายหน่อยหรือ? อ๋องเจวี้ยนไม่เคยพูดถึงข้าให้เจ้าฟังหรือ?"อ๋องฉยงตอนนี้จึงยกความอาวุโสเข้ามา"คารวะอ๋องฉยง"ฟู่จาวหนิงทักทายแบบขอไปทีอ๋องฉยงชะงักไป นี่จะบอกว่านางไม่มีมารยาทก็ไม่ใช่ ได้ยินว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนขนาดเข้าวังก็ยังไม่คารวะองค์จักรพรรดิด้วยซ้ำไม่ต้องพูดถึงเขาเลย?"เจ้าเพิ่งออกมาจากวังราชนิเวศน์ เจอกับน้องฮาวปิงบ้างไหม? ข้าได้ยินว่า พวกเจ้ารู้จักกั
อ๋องฉยงอยากพบฟู่จาวหนิงมาตลอดสำหรับหญิงสาวที่อยู่ในใจเซียวหลันยวน เขารู้สึกสนใจมาก แล้วยังตัวตนฐานหมอเทวดาของฟู่จาวหนิงด้วย เขายิ่งรู้สึกปรารถนาแต่ว่าอ๋องเจวี้ยนอาจจะติดโรคร้าย เขาเองก็ไม่กล้าไปจวนอ๋องเจวี้ยนแล้วก็ การร่วมมือกับองค์จักรพรรดิที่เขาคุยไว้ ตอนนี้จำเป็นต้องให้องค์จักรพรรดิเชื่อมั่น ถ้าหากเขาไปที่จวนอ๋องเจวี้ยนส่งเดช องค์จักรพรรดิไม่รู้ว่าจะคาดเดาอะไรไปอีกตอนนี้มาเจอกับฟู่จาวหนิงที่นี่พอดีเขาขอดูก่อนว่าฟู่จาวหนิงคนนี้งดงามแค่ไหน ถึงสามารถทำให้เซียวหลันยวนหลงจนถึงกับปล่อยวางความแค้นเคืองในอดีตไป"ฟู่จาวหนิง หันมาทางนี้!"ฟู่จาวหนิงได้ยินคำสั่งอ๋องฉยง รู้สึกขำขึ้นมาทันที ทำไมถึงรู้สึกว่าคำสั่งของอ๋องฉยงตอนนี้ดูสุดโต่งเหลือเกิน?อีกด้าน องค์หญิงหนานฉือกับอันชิงก็ขึ้นรถม้าแล้ว แต่ยังกงวลสถานการณ์ทางนั้น พอเห็นอ๋องฉยงเรียกฟู่จาวหนิง อันชิงก็กังวลขึ้นมา"พี่สะใภ้ อ๋องฉยงจะสร้างความลำบากให้พี่หญิงจาวหนิงหรือเปล่า?""เข้าไม่ได้เข้าไปในวังราชนิเวศน์ ยังไม่รู้ว่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้นมา น่าจะไม่หรอก" องค์หญิงหนานฉือตอบถ้าหากอ๋องฉยงรู้ว่าฟู่จาวหนิงตบลูกสาวตนเอง ก็น่าจะโมโ