"พระราชเสาวนีย์ฮองเฮา อ๋องเจวี้ยนขนาดหน้าก็ยังไม่ยอมโผล่ออกมาเลยหรือ?"ขันทีเอ่ยเสียงแหลมเล็กกับผู้ดูแลจวนอ๋องเจวี้ยน "ในวังถึงกับลดรั้วลงมา พวกเรานำป้ายมาโดยเฉพาะ นี่จึงเป็นเรื่องเร่งด่วน""กงกง ท่านอ๋องของพวกเราสุขภาพไม่ค่อยดี ดังนั้นจึงนอนพักไปนานแล้ว ข้าไม่ใช่พูดกับท่านไปแล้วหรือไรกัน? พระราชเสาวนีย์ของฮองเฮา กงกงบอกกับข้าก็พอ ท่านอ๋องให้อำนาจข้าไว้ระดับหนึ่ง ถ้าหากสิ่งที่จวนอ๋องเจวี้ยนของพวกเราทำได้ ข้าก็จะทำแทนท่านอ๋องเอง แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็รอพรุ่งนี้ให้ท่านอ๋องพวกเราลุกขึ้นมาก่อนแล้วค่อยจัดการก็ไม่สาย"ผู้ดูแลจงยังคงมีท่าทีเรียบสงบฮองเฮารู้สึกร้อนรนขึ้นมาเพราะท่านอ๋องแต่งงานรับพระชายาอย่างนั้นหรือ?ก่อนหน้านี้การปฏิบัติต่อจวนอ๋องเจวี้ยนก็ญังรักษาความเคารพและระยะห่างเอาไว้ ไม่กล้าวางมาดฮองเฮาของนางเข้ามาเลย แต่ตอนนี้ร้อนรนจนมือไม้อยู่ไม่สุข ถึงกับยกตัวตนฐานะของฮองเฮามากดดันจวนอ๋องเจวี้ยนเสียแล้ว"เจ้าก็แค่ผู้ดูแลเล็กๆ คนหนึ่ง"ขันทีพอโมโห เสียงก็ยิ่งเล็กแหลมลงไปอีก พอชี้ผู้ดูแลเพื่อจะวางมาด ทหารสองนายก็ตรงเข้ามา มือจับด้ามกระบี่ตั้งท่าชักเสียงชักกระบี่สองเสียงดังขึ้น ไฟโก
ชิงอีรินน้ำร้อนให้เขาแก้วหนึ่งพวกเขาเร่งกลับมาเมืองหลวงเวลานี้ หนึ่งก็เพื่อรับชายา เพื่อให้ได้รับสิ่งที่ไท่ซ่างหวงทิ้งไว้ให้ และสองก็เพื่อพิธีเดิมพันโอสถ"ที่เขาจันทร์ลับฟ้าได้ข่าวอะไรมาบ้าง?"แผลพิษบนใบหน้าคันคะเยอขึ้นมาอีกครั้ง ความคันเช่นนี้คนธรรมดายากจะทนรับไหว แต่ถ้าไปแตะไปเกามันเข้า แผลพิษนี้ก็จะยิ่งลามกว้างออกไปสองมือของอ๋องเจวี้ยนกำผ้าห่มไว้แน่น สะกดกลั้นความคิดที่จะไปเกาไปจับมัน"ยังไม่มี""เมื่อไม่มีข่าวก็คือตัวคนยังไม่เป็นไร" อ๋องเจวี้ยนคิดถึงใบหน้าเล็กที่สดใสของฟู่จาวหนิงขึ้นมา "คิดไม่ถึงว่านางจะอดทนได้ขนาดนี้"ฟู่จาวหนิงขึ้นเขาไปหาตัวยาครั้งนี้ พวกเขาล้วนเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าจะต้องมีอันตรายแน่นอน ตอนนี้ฟู่จาวหนิงเท่ากับผูกตัวอยู่ด้วยกันกับเขาแล้ว คนที่จะลงมือกับเขา คนที่ไม่อยากให้เขาได้รับสิ่งที่ไท่ซ่างหวงทิ้งไว้ ก็ล้วนจ้องจะเอาชีวิตฟู่จาวหนิงกันหมด"จงเจี้ยนน่าจะพบตัวคุณหนูฟู่แล้ว มีพวกของจงเจี้ยนคุ้มครองอยู่ คุณหนูฟู่น่าจะปลอดภัยกลับมา" ชิงอีเอ่ยขึ้น"ปลอดภัยกลับมาก็จบหรือ?"อ๋องเจวี้ยนหัวเราะไร้ซุ่มเสียงถ้านางหาตัวยาสิบชนิดไม่ได้ ตอนกลับมานางก็จะตกที่นั่งล
ฮูหยินฉีตั้งครรภ์ ฟู่จาวหนิงก็รู้จักปกป้องชีวิตน้อยๆ อีกด้วย มิเช่นนั้นนางคงไม่สนใจแล้วนางอันที่จริงก็อยากจะถามฉีอวิ๋นไห่มาก รู้ทั้งรู้ว่าภรรยาตั้งครรภ์ แล้วทำไมเวลานี้ยังจะไปวิ่งเล่นในภูเขาอีก? แต่เรื่องของคนอื่นนางก็ขี้เกียจจะไปถามให้มากความ"ให้พวกเขาส่งสามีภรรยาทั้งสองลงจากเขา มิเช่นนั้นเวลานี้พวกเขาลงเขาไปได้ก็อาจจะเข้าเมืองไม่ได้อยู่ดี"ประตูเมืองช่วงนี้ปิดไว แต่ถ้ามีป้ายเอวของจวนอ๋องเจวี้ยนก็ยังเข้าไปได้อยู่"แต่คุณหนูฟู่ให้ข้าอยู่ด้วยเถิด ข้าไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับสมุนไพรเลย อยากจะช่วยก็คงช่วยไม่ได้อยู่ดี" จงเจี้ยนเอ่ยขึ้น"ส่งตาเฒ่าจี้ลงเขาไปด้วยเถอะ" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองตาเฒ่าจี้"ตา…เฒ่า...จี้..?"จงเจี้ยนเกือบจะกัดปลายลิ้นตัวเองไปแล้ว เขามองผู้อาุโสจี้ และก็รู้สึกพูดไม่ออกกับความซมซานของผู้อาวุโสจี้ตอนนี้พอควร"ผู้อาวุโสจี้ ท่านลงเขาไปด้วยกันเถิด ไม่สิ ผู้อาวุโสจี้ ขอเชิญท่านลงเขาไปก่อนดีกว่า"จงเจี้ยนจู่ๆ ก็คิดอะไรออกขึ้นมา"ข้าไม่ลงเขาหรอก ข้าจะมาเก็บสมุนไพร เดี๋ยวก็จะถึงพิธีเดิมพันโอสถแล้ว ปีนี้ข้าจะไม่แพ้แน่!" ตาเฒ่าจี้กลับอารมณ์เดือดขึ้นมา ถลึงตามองจงเจี
นางพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ ไม่มีลังเลเลยแม้แต่น้อย"ฮ่าๆๆ! ดีมาก ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ได้มองผิด!" ตาเฒ่าจี้ยื่นมือออกมาตบลงบนบ่านาง "ได้ เช่นนั้นเจ้าก็หาสมุนไพรให้ดีดี อาจารย์จะลงเขาไปจัดการอุปสรรคให้เจ้าเอง! จะต้องมีคนคอยแกว่งมือแกว่งเท้าลับหลังเจ้าแน่ๆ ยกเรื่องนี้ให้ข้าเถิด"ตาเฒ่าจี้พูดพลางเดินตามคนอื่นลงจากเขาไปแล้วพวกเขาพอออกไป ที่นี่ก็เหลือแค่ฟู่จาวหนิงกับจงเจี้ยนจงเจี้ยนรู้สึกอยากถามนางว่ากลายเป็นศิษย์ผู้อาวุโสจี้ได้อย่างไร แต่ฟู่จาวหนิงก็มองสีท้องฟ้า ไม่คิดจะพูดกับเขาอีกนางจะไปขุดสมุนไพรชุ่ยซินสือหูออกมาจงเจี้ยนรู้ว่าตนเองช่วยอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงตามอยู่ข้างๆ เงียบๆฟู่จาวหนิงหยิบคบเพลิง ไปถึงผาน้ำอย่างรวดเร็ว ยื่นหัวมองลงไป ถึงเข้าใจที่ตาเฒ่าจี้บอกว่าต้องลงไปกลางดึกจึงจะขุดได้เพราะว่าตอนที่สีราตรีมืดทึม นางถึงมองเห็นว่ารอบๆ รูต้นไม้ต้นนั้นมีพืชที่เปล่งแสงออกมารางๆ อยู่ชั้นหนึ่งพืชชนิดนี้ดูคล้ายตะไคร่น้ำ ด้านบนมีของที่ดูเหมือนผงชั้นหนึ่งปกคลุมอยู่ และเจ้าผงชั้นนี้ก็กำลังเปล่งแสงอยู่ แสงสีน้ำเงินทึม จางมากถ้าหากสีท้องฟ้ายังมีแสงอยู่รับรองว่ามองไม่เห็นแน่นอน ตอนแรก
หน้าหลังซ้ายขวาไม่มีทางแล้ว!ตอนนี้ฟู่จาวหนิงยืนอยู่บนต้นไม้ที่ยื่นออกมากลางอากาศ หินก้อนนั้นใหญ่ขนาดเท่าลูกแตงโม ทุ่มลงมาเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าจะเอาชีวิตนางฟู่จาวหนิงย้ายไปทางปลายกิ่งสองสามก้าว ใต้เท้ามีเสียงเป๊าะ ต้นไม้ต้นนี้ก็รับน้ำหนักอีกไม่ไหวแล้ว"ตึง!"ก้อนหินกระแทกบนต้นไม้หนักๆ ตรงจุดที่นางยืนอยู่เมื่อครู่ พอกระแทกต้นไม้แล้วก็ร่วงลงไปไม้ลั่นเสียงดังกร๊อบอีกครั้ง โยกไหวไปมาฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตรงจุดรูต้นไม้นั้นใกล้จะหักแล้วลมวูบหนึ่งหมุนวนกวาดขึ้นมา จนเกือบจะพัดนางร่วงลงไปตอนนีเ้อง เงาร่างหนึ่งก็กระโจนลงมาจากผา ยื่นมือคว้าฟู่จาวหนิงไว้ "แม่นาง ข้าจะพาเจ้าขึ้นไป"ต้นไม้ใต้เท้าตอนนี้ก็รับน้ำหนักต่อไม่ไหวหักลงไป ในใจฟู่จาวหนิงรู้สึกเสียใจขึ้นมาเล็กๆ เพราะในห้องเภสัชของนางมีเชือกปีนเขาอยู่ สามารถยิงเข้ากำแพงผาได้แต่นางก็ไม่ได้นำมันออกมา ตอนนี้มีคนนอกอยู่จะเข้าไปหยิบก็ไม่ได้ผลลัพธ์คือเดิมทีนางมีโอกาสช่วยเหลือตนเอง ทว่าเวลานี้กลับต้องยื่นมือเข้าคว้าแขนของชายหนุ่มทันทีชายหนุ่มเดิมทีคิดว่าตนเองคว้ามือนางไว้แน่นแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะถูกนางดึงแขนไว้จนอยู่ แต่เขาก็ยังรีบพานา
ได้สมุนไพรชุ่ยซินสือหูมาแล้ว นางต้องรีบออกจากที่นี้ไปค้นหาสมุนไพรที่อื่นต่อเดินออกมาพักหนึ่ง นางก็ยังได้ยินเสียงเคืองๆ ของอาเพียนดังลอดมา"คุณชายท่านดูสิ เป็นหญิงสาวที่เย็นชาเสียจริง ท่านช่วยชีวิตนางเอาไว้ แต่นางกลับหนีไปแบบนี้แล้ว! นางไม่ถามด้วยซ้ำว่าคุณชายอยู่ที่ไหน แล้วจากนี้ไปจะตอบแทนอย่างไร? ข้ามองว่านางเป็นคนอกตัญญู"จงเจี้ยนติดตามอยู่ด้านหลังฟู่จาวหนิง เอ่ยขอโทษเสียงต่ำ "คุณหนูฟู่ ข้าไม่ได้เรื่องจริงๆ ทำให้ท่านพบกับอันตราย""เจ้ารู้จักซือถูไป๋คนนั้นไหม?" ฟู่จาวหนิงถาม"ไม่รู้จัก แต่เจียงเป่ยทางนั้นมีตระกูลซือถูอยู่ โด่งดังเรื่องขายยา ร้านขายยาตระกูลซือถูมีอยู่ทั่วใต้หล้า ร่ำรวยจนเป็นศัตรูกับแคว้นได้เลย และไม่รู้ว่าซือถูไป๋คนนี้จะใช้คนจากตระกูลซือถูหรือไม่""อืม"ฟู่จาวหนิงตอบกลับแค่คำเดียว ไม่พูดอะไรอีกนางก็ว่าอยู่ว่าเมื่อครู่ได้กลิ่นหอมของตัวยาที่พิเศษมากๆ จากตัวของซือถูไป๋ใช่หรือเปล่านะ?"ถ้าหากเขาเป็นคนจากตระกูลซือถูของเจียงเป่ยจริง ก็คงจะเข้ามาเพื่อพิธีเดิมพันโอสถเป็นแน่" จงเจี้ยนเอ่ยขึ้นอีกฟู่จาวหนิงได้ยินถึงพิธีเดิมพันโอสถมาสองครั้งแล้ว นางค้นข้อมูลเกี่ยวกับพิ
"ท่านอ๋อง เมื่อวานจนถึงตอนนี้ จงเจี้ยนยังไม่ได้ส่งข่าวกลับมาเลย"ชิงอีเอ่ยเสียงต่ำกับอ๋องเจวี้ยน วันก่อน จงเจี้ยนยังส่งข่าวลงมา บอกว่าคุณหนูฟูแม้จะเจอกับอุปสรรคบ้างในภูเขา แต่ทั้งหมดก็ยังราบรื่นดีแต่เมื่อวานหนึ่งวันจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีข่าวลงมาเลย"อืม รอไปก่อน" อ๋องเจวี้ยนตอบ"หลายวันนี้ พวกเราขวางคนเอาไว้สิบกว่ากลุ่ม" ชิงอีกังวลมาก "แต่ว่าเบื้องหลังคนที่พวกเราขวางไว้ก็คือคนพวกนั้น"คนพวกนั้น แน่นอนว่าหมายถึงพวกที่คุณสมบัติตัวตนฐานะเทียบได้กับอ๋องของพวกเขาเหล่านั้นคนเหล่านั้นไม่ยอมให้ฟู่จาวหนิงสำเร็จภารกิจลงจากภูเขาอย่างราบรื่นแน่นอน คนที่พวกเขาจะรับมือด้วยจริงๆ แล้วคืออ๋องเจวี้ยนแต่พวกคนเล็กๆ นั่น บางทีอาจจะมีความแค้นส่วนตัวกับฟู่จาวหนิงก็ได้ เรื่องนี้พวกเขาเองก็ไม่ชัดเจนนัก"ไม่ใช่ยังมีจงเจี้ยนอยู่หรือ?"ชิงอีอยากพูดว่า จงเจี้ยนคนเดียวอาจจะคุ้มครองคุณหนูฟู่ไม่ไหว แต่พอเห็นอ๋องเจวี้ยนไม่อยากพูดอะไรแล้ว เขาจึงปิดปากลงเสียงกีบม้าห้อเข้ามา มีคนมาอีกกลุ่มแล้วครั้งนี้คนที่มาล้วนสวมชุดผ้าไหมสีเลือดหมู ผ้าคาดเอวสีดำ บนตัวคาดกระบี่ ฝักกระบี่ทำเป็นรูปสัตว์ร้ายสีดำเหมือนกันหมด กำไ
พันธมิตรโอสถใต้หล้าควบคุมการหมุนเวียนของวัตถุดิบยาถึงเกือบแปดส่วน ยิ่งไปกว่านั้น พันธมิตรโอสถใต้หล้ายังมีคนเปี่ยมความสามารถที่รู้จักวัตถุดิบยากและค้นหาวัตถุดิบยารวมถึงปรุงวัตถุดิบยาอยู่มากมายอีกด้วย ถ้าหากขาดยาอะไรไป สามารถไปหาพันธมิตรโอสถใต้หล้า พวกเขาจะจัดการหาให้เจ้าเองฃแน่นอน จำเป็นต้องมีเวลาและค่าตอบแทนด้วยผู้อาวุโสพันธมิตรโอสถใต้หล้าจี้ซินเว่ยก็คือคนที่รอบรู้เรื่องตัวยาและถนัดในการปรุงวัตถุดิบยาชนิดต่างๆ ดังนั้นเขาจะไปยังแคว้นใดก็ล้วนได้รับการต้อนรับอย่างดี คนมากมายล้วนเคารพเขา ไม่กล้าผิดใจกับเขา กระทั่งหมอหลวงในราชวงศ์บางแคว้น เหล่าหมอเทวดา ก็ยังอยากจะมีความสัมพันธ์อันดีกับเขาเลยถึงอย่างไร บางครั้งวิชาหมอสูงส่ง แต่ถ้าขาดวัตถุดิบยาไปก็ช่วยคนไม่ได้จี้ซินเว่ยชอบเขาไปหมกตัวอยู่แต่ในภูเขา หายาขุดยาปรุงยา หาตัวยากมากแต่วันนี้เขากลับปรากฎตัวที่นี่พวกรองขุนพลหลิวล้วนรู้สึกว่า ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้มาหาฟู่จาวหนิงแน่นอน"หุบจันทร์ลับน่าจะมีวัตถุดิบยาอยู่ไม่น้อย ดังนั้นผู้อาวุโสจี้คงคิดจะขึ้นเขาไปเก็บยากระมัง"หมอเทวดาหลี่ร้องเชอะเย็นชา "อายุอานามขนาดนี้แล้ววันๆ ยังคิดแต่จะขึ้นเข
หลี่จื่อเหยานอนอยู่บนเตียง กระทั่งมือก็ไม่มีแรงจะขยับนางรู้สึกว่าปากของตนเองแอบจะแห้งแตกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาดูนางเลยนางไม่รู้ว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงนานเท่าไรแล้ว อยากจะเรียกคนให้เข้ามา แต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงที่อ่อนแอไปเท่านั้น"น้ำ""ใครก็ได้..."ตัวนางเองยังรู้สึกว่าเสียงของตัวเองเหมือนเสียงยุงร้อง สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกนั่นไม่ได้ยินเลยหลายวันนี้พวกนางยิ่งขี้เกียจขึ้นไปอีก ถึงแม้ตอนแรกนางมักจะดุด่าพวกนั้น ไม่ยอมให้พวกนางเข้ามาวุ่นวายกับนาง นางอยากจะนอนมันทั้งวันแต่หลายวันนี้นางรู้สึกว่านอนจนผิดปกติไปแล้ว แต่พวกนางก็ยังไม่พบอาหารเย็นเมื่อวานพวกนางส่งเข้ามาแล้ว มาส่งที่ข้างเตียงนางเหมือนก่อนหน้า นางก็ลุกขึ้นมากินอย่างเกียจคร้าน พอกินเสร็จก็โยนตะเกียบไปบนโต๊ะ พอสาวใช้เหล่านั้นว่างก็เข้ามาเก็บไปแต่ชามตะเกียบของเมื่อวาน พวกนางจนตอนนี้ก็ยังไม่เข้ามาเก็บ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีคนเข้ามารินน้ำให้นางด้วยข้าวเช้าข้าวเที่ยงวันนี้ ก็ไม่มีใครส่งเข้ามาเพราะนางไม่ได้เรียกให้ส่งข้าวหรือ?แต่นางก็พูดไม่ออกแล้วหลี่จื่อเหยารู้สึกว่าหัวของตนเองมึนตื้อ นางอยากจะด่าคน อยากจะเรียกสา
ที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุดคือ กระทั่งคนเทขยะก็ยังไม่กล้าเข้ามา บอกว่าขยะของจวนชินอ๋องเซียวก็ไม่แน่ว่าจะไม่มีพิษ แค่สูดดมก็อาจจะติดเชื้อได้"เดิมทีในจวนอ๋องยังมีคนงานอยู่บางส่วน บ้านอยู่ภายนอก ตอนนี้คนเหล่านั้นก็ยังไม่กล้ามา คนในอุทยานเอง กระทั่งประตูเมืองก็ยังไม่เข้ามา ของกินของดื่มในจวนอ๋องทุกวันก็ไม่มีใครส่งเข้ามา ตนเองจะออกไปซื้อก็ไม่ได้""หมายความว่าอย่างไร?" เซียวเหยียนจิ่งคิดว่าตนเองฟังผิด กระทั่งออกไปซื้อของก็ยังไม่ได้เนี่ยนะ?"รัฐทายาท คนที่ขายเนื้อขายผักด้านนอก ล้วนกลัวคนในจวนเรากันหมด ดังนั้นจึงไม่ขายของให้พวกเราชั่วคราว! บอกว่าเรื่องนี้ต่อให้ไปพูดต่อหน้าองค์จักรพรรดิก็ยังถือว่าถูกต้อง ถึงอย่างไร องค์จักรรพรรดิก็ออกราชโองการมาแล้ว ว่าห้ามท่านอ๋อนเข้าเมืองหลวง""องค์จักรพรรดิรู้ว่าท่านพ่ออยู่ที่อุทยานด้านนอกหรือ?" เซียวเหยียนจิ่งหน้าขรึมลงมา"ขอรับ รู้กันทั่วทั้งเมืองแล้ว ผู้เช่าทำนาทั้งหมดในอุทยานก็ไม่ให้เข้าเมืองแล้ว เสบียงที่ผลิตในอุทยาทก็ไม่อนุญาตให้ส่งมาเมืองหลวง ดังนั้นพวกเราจะเอากลับไปกินที่จวนอ๋องก็ยังไม่ได้""มีเหตุผลแบบนี้ด้วยรึ! พวกเขาคิดจะให้จวนชินอ๋องเซียวอดตายก
สาเหตุที่เซียวเหยียนจิ่งมารับหมอเทวดาหลี่กลางทาง ก็เพราะอาการป่วยของชินอ๋องเซียวเขาถามหมอหลายคนในเมืองหลวงไปแล้ว ล้วนเป็นหมอที่มีวิชาแพทย์ดีมากทั้งนั้น ผลคือไม่มีใครรักษาได้สักคนกระทั่งยังไม่แน่ใจว่าติดโรคระบาดมาได้อย่างไรด้วยซ้ำองครักษ์ที่ไปหาคนป่วยคนนั้นไม่เป็นอะไรกันเลย แต่คนที่ไม่ได้ไปสัมผัสคนป่วยคนนั้นอย่างชินอ๋องเซียวกลับติดมาเสียได้ นี่จะอธิบายกันอย่างไรล่ะ?เขาเองก็ไปหาฟู่จาวหนิงมไ่ได้ ยิ่งไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงรู้ว่าพ่อของตนเองติดโรคระบาดนั้นด้วย ดังนั้นจึงทำได้แค่รีบไปรับหมอเทวดาหลี่เท่านั้นไม่ว่าจะพูดอย่างไร หมอเทวดาหลี่อย่างน้อยก็เป็นพ่อตาเขานะถึงแม้พวกเราก่อนหน้านี้จะทะเลาะกันบ่อย จนแทบจะเป็นศัตรูกันอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่จื่อเหยาที่อยู่ในจวนชินอ๋องเซียวก็แทบจะไม่มีตัวตนอยู่แล้วไม่ว่านางจะอาละวาดแค่ไหน เซียวเหยียนจิ่งก็ไม่สนใจนาง ไม่พบนางด้วยซ้ำ เขาส่งหญิงรับใช้ที่ตัวใหญ่แรงเยอะไปให้หลี่จื่อเหยาหลายคน กระทั่งสาวใช้ก็ยังมีพละกำลังอย่างมากด้วย คอยจับตานางดูไว้ทุกวันกระทั่งยังวางยาพิษออกฤทธิ์ช้ากับหลี่จื่อเหยาอีก พิษนั่นเซียวเหยียนจิ่งหามาอย่างยากลำบาก เขาเคยทดลองแล
"ข้าเดาว่าอีกไม่นานนางน่าจะจัดงานเลี้ยงอะไรอีก ถึงตอนนั้นเกรงว่าคงจะมาเชิญอันชิงด้วย"ฟู่จาวหนิงคิดถึงนิสัยเฉินฮ่าวปิง รู้สึกว่านางได้แต่งตั้งเป็นท่านหญิง จะต้องเคลื่อนไหวอะไรแน่ เป็นไปไม่ได้ที่จะเงียบไปเช่นนี้ จะบอกไม่จดจำอันชิง ก็ดูจะเป็นไปได้อยู่"แล้วไม่ไปได้ไหม?" องค์หญิงหนานฉือขมวดคิ้ว"ไม่ไปก็ได้อยู่" เซียวหลันยวนพูดขึ้นมาอันเหนียนถอนหายใจ "ท่านอ๋อง ท่านน่ะได้ พวกเราที่เป็นขุนนางตัวเล็กตัวน้อย ปฏิเสธคนส่งเดชไม่ได้นี่สิ"เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาพูดซะน่าอดสูแบบนี้ นี่ใช้อันเหนียนไหมเนี่ย?ความคิดของอันเหนียนคนนี้ ไม่เคยจะเรียบง่ายมาแต่ไหนแต่ไรฟู่จาวหนิงไม่ได้คิดจะอ้อมค้อมเหมือนพวกเขาสองคน พอได้ยินอันเหนียนพูดเช่นนี้ นางก็ตอบรับมาตรงๆ"อันชิงเองก็ถือว่าไปผิดใจกับเฉินฮ่าวปิงเพราะข้าเหมือนกัน ถ้าหากเฉินฮ่าวปิงมาหาเรื่องนาง พวกท่านก็มาบอกข้าเลย"ในตาอันเหนียนมีรอยยิ้ม "เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณพระชายาแทนชิงชิงด้วย"เป้าหมายใหญ่สุดที่เขามาที่นี่ ก็เพื่อประโยคนี้ไม่ใช่หรือ? ฟู่จาวหนิงถ้ายอมปกป้องอันชิงหน่อย เขาก็ไม่ต้องกังวลมากแล้ว"เฮอะ" เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาอย่างหมดคำจะพูด "เจ้านี่ม
อันเหนียนแปลงโฉมเป็นชายกลางคนคนหนึ่ง พาสาวใช้คนหนึ่งเข้ามาในจวนอ๋องเจวี้ยนฟู่จาวหนิงสายตาตกอยู่บนตัวสาวใช้คนนั้น หัวเราะพรวดออกมา"องค์หญิงแปลงโฉมใช้ได้นี่นา หน้าย่นลงมาแล้วนั่น"สาวใช้ที่ดูลับๆ ล่อๆ คนนึ้นยืดตัวตรง เงยหน้าขึ้นทันที ท่าทางเปลี่ยนไปในพริบตานางมองฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างประหลาด "ข้าแต่งแบบนี้แล้ว เจ้ายังปราดเดียวก็รู้เลยหรือ?""ใบหู คางกับคอขององค์หญิงไม่ได้เปลี่ยนไปเลย" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่ช่องโหว่เหล่านั้นหงจั๋วกับเฝิ่นซิงยืนอยู่ข้างๆนาง ทั้งสองคนล้วนมององค์หญิงหนานฉืออย่างสนอกสนใจขนาดพระชายาชี้ช่องโหว่พวกนี้ออกมาแล้ว แต่พวกนางก็ยังมองไม่ออก ดูท่าสายตาของพระชายาจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามากเลยองค์หญิงหนานฉือเบ้ปาก "ตอนที่ข้าออกมาก็ส่องกระจกตั้งหลายรอบแล้วนา ขนาดข้าเองยังมองไม่ออกเลย"คอใบหูและมือของนาง ทาจนดำไว้ชั้นหนึ่ง มีช่องโหว่ตรงไหนกันอันเหนียนเอ่ยขึ้นว่า "พระชายาอ๋องเจวี้ยนเรียนวิชาแพทย์มานะ ต้องมองคนได้เฉียบคมกว่าพวกเราอยู่แล้ว""นี่เกี่ยวกับเรียนแพทย์ตรงไหนกัน" องค์หญิงหนานฉือไม่ค่อยเข้าใจฟู่จาวหนิงพยักหน้าให้อันเหนียน แสดงท่าทีชื่นชม "ผู้ตรวจการอันพูดถูกต้อง
ฮูหยินเฉินกลับมาในบ้านของต่งฮ่วนจือตอนที่สายัณห์กำลังมาถึง เฉินฮ่าวปิงก็กลับมาแล้ว"ท่านแม่!"ฮูหยินเฉินได้ยินเสียงของนาง ก็ลุกพรวดขึ้นมา จากนั้นนางก็เห็นเฉินฮ่าวปิงพาสาวใช้หน้าตาสะสวยสองคนเดินเข้ามาถึงอย่างไรก็เป็นคนที่เข้าใจลูกสาวดีที่สุด พอเห็นสีหน้าของเฉินฮ่าวปิง ฮูหยินเฉินก็รู้ว่านางคงจะได้เป็นท่านหญิงไปแล้วใจของนางดิ่งวูบทันที"ท่านแม่ รีบเก็บของเร็วเข้า พวกเรากลับบ้านกัน!" เฉินฮ่าวปิงเชิดคาง ดูภูมิใจมาก"ปิงเอ๋อร์ พวกเรามีบ้านที่ไหนกัน?""พระชายาเยว่ให้บ้านพวกเรามา อยู่ในซอยกุ้ยเซียงข้างหน้านี่ บ้านสองตอน หลังจากนี้พวกเราก็มีบ้านของตัวเองในเมืองหลวงแล้ว"เฉินฮ่าวปิงเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ "แล้วก็ สาวใช้สองคนนี้พระชายาเยว่ก็ยกมาให้ข้า ชิวอวิ๋น ชิวเยว่ นี่แม่ของข้า"ชิวอวิ๋นชิวเยว่ขึ้นมาคารวะ "คารวะฮูหยิน"ฮูหยินเฉินสีหน้ายิ่งแข็งขึ้นไปอีก"ท่านแม่ ท่านทำไมถึงไม่ดีใจเลย? ท่านพ่อยังเป็นธุระ ให้องค์จักรพรรดิจัดหามามาอบรมมารยาทให้ข้าด้วย พรุ่งนี้จะเริ่มอบรมมารยาทในวังให้ข้า หลังจากนี้ข้าเองก็จะเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่สง่างามได้แล้ว"เฉินฮ่าวปิงเข้ามาใกล้แม่ของนาง เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า "องค์จักรพร
ได้ยินว่าตระกูลของพระชายาอ๋องฉยงมีบารมีมากในเมืองฉยงโจว อ๋องฉยงไปที่นั่นเหมือนไปเกาะนางกินอย่างไรอย่างนั้น เขาตอนนี้ถ้าไปตบหน้าพระชายาอ๋องฉยงแบบนั้นอีก คือคิดจะไม่กลับไปเมืองฉยงโจวแล้วหรือ?เขาน่าจะรับปาก ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เริ่มบ้าไปแล้ว" ส่งเขาเข้าคุกได้ ให้ไท่เฮาอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนอย่ากลับวัง เรื่องเหล่านี้ยังทำออกมาได้ องค์จักรพรรดิบ้าไปหน่อยแล้วจริงๆ"ดังนั้น เจ้าความลับที่ฮูหยินเฉินกอดเอาไว้มันคืออะไรกันแน่?"มูลค่าสูงขนาดที่ ทำให้องค์จักรพรรดิต้องถอยให้ก้าวหนึ่งเลยหรือ"เรื่องเกี่ยวกับตงฉิง..." เสียงของเซียวหลันยวนเย็นชาลงเล็กน้อย "ตอนนี้ดูท่า การล่มสลายของตงฉิงครั้งนั้นเหมือนไม่ใช่ภัยธรรมชาติเสียแล้ว"ฟู่จาวหนิงมองเขา ดูกังวลขึ้นมา"ถ้าหากการล่มสลายของตงฉิงมีแผนร้ายอื่นอยู่ คนที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่อยากให้ความจริงถูกเปิดเผยต่อใต้หล้าแน่ ถึงตอนนั้นตัวตนฐานะของท่านถ้าเปิดเผยออกมา จุดสนใจทั้งหมดก็จะพุ่งไปบนตัวท่านสิ"ถ้าหากมีแผนร้ายจริง คนที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่ปล่อยเซียวหลันยวนแน่นอนกระมัง?ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในราชวงศ์ตงฉิงหนึ่งเดียวที่ยังอยู่บนโลกนี้ เป็นสายเลือดเซียวหลันยวนนิ่
เฉินฮ่าวปิงบิดมือออกจากแขนของฮูหยินเฉินทันที"ท่านแม่ ข้าจะเข้าวังไปกับท่านพ่อ ถ้าท่านไม่ไป ข้าเข้าไปฟังองค์จักรพรรดิดูว่าเขาจะพูดอะไร กลับมาแล้วจะเล่าให้ท่านฟัง""ปิงเอ๋อร์! เจ้าห้ามไป!""ไป" อ๋องฉยงลุกขึ้นมา เดินนำไปก่อน เฉินฮ่าวปิงรีบตามขึ้นไป กลัวฮูหยินเฉินจะดึงเอาไว้ฮูหยินเฉินพอเห็นนางตามออกไปแล้ว ก็รีบร้อนตามขึ้นไป"ปิงเอ๋อร์ กลับมา!"พวกเขากว่าจะหลุดพ้นจากการไล่สังหารของพระชายาอ๋องฉยง ตอนนี้จะต้องกลับไปอยู่ในวังวนนั้นอีกแล้วหรือ? อ๋องฉยงคนนี้พึ่งพาไม่ได้!แต่ว่าเฉินฮ่าวปิงก็คิดแต่อยากจะให้ตนเองมีตัวตนฐานะดี นางไม่อยากเป็นลูกกำพร้าที่ไม่มีพ่อไม่มีชาติตระกูล แล้วทำได้แค่พึ่งพาการช่วยเหลือปกป้องจากต่งฮ่วนจือพ่อแท้ๆ ไม่ใช่ว่าดีกว่าคนอื่นหรือ?เป็นลูกสาวของอ๋อง ไม่ใช่ว่าดีกว่าอาศัยอยู่ในบ้านคนอื่นหรือ?"กลับไปแล้วก็เตือนแม่เจ้าหน่อย ว่าอย่าดื้อรั้นนัก" พอขึ้นรถม้า หลังจากที่รถม้าแล่นห่างออกจากร้านงานปัก อ๋องฉยงจึงพูดขึ้นมาคำหนึ่งกับเฉินฮ่าวปิงเฉินฮ่าวปิงพยักหน้านางถอนใจโล่ง ที่ท่านแม่ไม่ไล่ตามมา"ท่านพ่อ ข้าจะเตือนนางแน่ แต่ว่า ท่านทำไมถึงไม่ต้องการข้ากับท่านแม่ล่ะ?" เฉินฮ่าวปิงถ
"ถ้าเล็ดลอดออกไป พวกนางแม่ลูกน่าจะมีอันตรายถึงตัว นางยังถือว่าฉลาดอยู่" เซียวหลันยวนอันที่จริงในใจก็คาดเดาไว้บ้างแล้ว"แล้วตอนนั้นที่นางไปหาอ๋องฉยง เป็นเพราะจะยืมอำนาจของอ๋องฉยงหรือ?""ก็เป็นไปได้"และตอนนี้ที่ชั้นสองของร้านงานปักฝั่งตรงข้าม เฉินฮ่าวปิงกำลังถลึงตาอ้าปากค้างทุกคนพูดที่อ๋องฉยงพูดกับแม่นางฟังออกทั้งหมด แต่พอรวมเข้าด้วยกันทำไมนางถึงฟังไม่เข้าใจเลย?อะไรคือแคว้นเจาอยู่ต่อไม่ได้พวกเขาก็ยังหาทางอื่นได้?คิดจะกบฏต่อแคว้นหรือ?อะไรคือถ้าหากสามารถหาดินแดนผืนนั้นเจอ พวกเขาบางทีอาจจะเป็นอ๋องได้?เขาตอนนี้ไม่ใช่เป็นอ๋องอยู่แล้วหรือ? เขาไม่ใจว่ามีเมืองฉยงโจวอยู่แล้วหรือ? ยังคิดจะไปเป็นอ๋องที่ไหนอีก?อะไรคือตระกูลเฉินในครั้งนั้นติดต่อศัตรูเพื่อทรยศแคว้น?ฮูหยินเฉินตอนนี้สภาพดูไม่ดีเอาเลยหลายปีก่อนถูกพระชายาฮูหยินไล่สังหาร ตอนที่ชีวิตมีวิกฤตก็ไม่เคยคิดจะให้อ๋องฉยงช่วย เพราะรู้สึกว่าอ๋องฉยง่าจะรู้ความลับของนางเข้ามาแต่ความลับนั่นนางไม่อยากจะบอกอ๋องฉยงตอนแรกนางเคยคิดไว้แล้ว ดังนั้นจึงยอมตัวเองให้กับอ๋องฉยง แต่พออยู่กับเขาแล้ว นางพบว่าอ๋องฉยงยังไม่พอที่จะแบกเรื่องใหญ่เช่นนี้ได้ เขายั