"อีกนิดเดียวแล้ว!""ฟู่จาวหนิงยังไม่กลับมา"รองขุนพลหลิวกับหมอเทวดาหลี่รอคนจนในใจลิงโลดมีคนมองไปทางอ๋องเจวี้ยน มีอยู่ไม่น้อยที่เห็นใจเขาคิดไม่ถึงว่างานแต่งงานใหญ่ที่กะทันหันของอ๋องเจวี้ยน ท้ายสุดจะไปไม่รอดฟู่จาวหนิงเป็นไปได้มากว่าจะตายอยู่ในเขาจันทร์ลับฟ้าแล้ว ต่อให้ยังไม่ตาย ออกมาก็คงไม่ทันอยู่ดี เดิมทีเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนอยู่ดีดี ตอนนี้กลายเป็นคว้าน้ำเหลวเสียแล้วคนทั้งหมดล้วนจ้องเขม็งไปที่ธูปที่เหลืออยู่นิดเดียว อีกแค่นิดเดียว ก็จะไหม้หมดแล้วชิงอีเองก็กลั้นลมหายใจอย่างตึงเครียด จ้องเขม็งไปที่ถนนภูเขาทางเข้าอ๋องเจวี้ยนสายตาลึกทึมคนที่กล้ามาขวางรถม้ากลางถนนเพื่อจะมาเป็นพระชายาเขา มีฝีมือแค่นี้เองหรือ?"คึกคักขนาดนี้เลยหรือ? นี่มารอข้ากันหรือไร?"เสียงหญิงสาวใสกังวานจู่ๆ ก็ดังลอดมาจากต้นไม้ข้างๆ ทางเข้าภูเขาต้นหนึ่ง"ใครกัน?"คนทั้งหมดมองไปบนต้นไม้ ก็เห็นว่าบนงามไม้ขนาดใหญ่มีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ ข้างๆ ยังมีตะกร้าหลังวางอยู่ใบหนึ่งนางเหมือนเพิ่งจะตื่นขึ้นมาจากการหลับไหลอย่างไรอย่างนั้น นั่งตัวตรงขึ้นมา บิดขี้เกียจ"ฟู่จาวหนิง!"รองขุนพลหลิวร้องเสียงหลงขึ้นมา
"เอ๋? รองขุนพลหลิวท่านทำไมถึงมาสงสัยข้ากัน?"ฟู่จาวหนิงทำสีหน้าประหลาดใจ "ตอนข้ากลับมาฟ้ายังมืดอยู่เลยนะ กลางค่ำกลางคืน ข้ากลัวว่าจะทำพวกท่าตื่น แล้วก็ไม่รู้ว่าหลังจากออกมาตอนกลางคืนจะมีการตรวจสอบยาเลยไหม ยิ่งไปกว่านั้นข้าเองก็ทั้งเหนื่อยทั้งง่วง ดังนั้นเลยหาที่หลับนอนรอจนฟ้าสางแค่นั้นเอง""นี่ไม่ใช่แค่ว่านอนจนถึงตอนนี้ จนเกือบจะมาไม่ทันอยู่แล้วหรือไร แล้วท่านมาบอกว่าข้าจงใจได้อย่างไรกัน?"ท่าทีของฟู่จาวหนิง ทำเอารองขุนพลหลิวโมโหจนเข็ดฟันเขารู้สึกว่านางจงใจแน่ๆ แต่เขาก็ไม่มีหลักฐาน!"เอาล่ะ คนของพวกท่านก็มาครบแล้วใช่ไหม? เช่นนั้นตอนนี้ก็มาเริ่มตรวจสอบสมุนไพรที่ข้าขุดมาเลยดีไหม?"ฟู่จาวหนิงมาถึงข้างตัวอ๋องเจวี้ยนแล้วพอชำเลืองมอง ก็เห็นผู้อาวุโสจี้ที่อยู่ข้างๆ อ๋องเจวี้ยน นางตกตะลึงไป ตาเฒ่าจี้เปลี่ยนชุดแล้ว ดูแล้วอย่างกับผู้อาวุโสใหญ่ที่มีทั้งฐานะและตำแหน่งเลยผู้อาวุโสจี้ก็โบกมืออย่างดีใจให้นาง จากนั้นก็ใช้นิ้วชี้วางที่ข้างปากทำท่าจุ๊ๆ ส่งสายตาให้นางศิษย์เอ๋ย ตอนนี้ยังไม่ต้องรู้จักกัน เดี๋ยวอาจารย์จะพูดแทนเจ้าเอง!เขาพาหมอมาไม่น้อยเลย"คุณหนูฟู่ขุดวัตถุดิบยามาครบสิบชนิดไห
ฟู่จาวหนิงพยักหน้า ปลดตะกร้าหลังวางลง เดินมาที่หน้าโต๊ะยาว นำเอาวัตถุดิบยาออกมาคนทั้งหมดล้วนเดินตามเข้ามายืนอยู่ข้างโต๊ะยาว ดวงตามองตามการเคลื่อนไหวของนางวัตถุดิบยาชนิดแรกที่ฟู่จาวหนิงหยิบออกมาเป็นพืชที่ดูคล้ายวัชพืชป่ากอหนึ่งชิงอีเองก็พุ่งเข้ามาด้วยเช่นกัน อ๋องเจวี้ยนชะงักนิดหนึ่ง แต่ก็ยังลงจากรถม้าค่อยๆ เดินเข้ามา เขาเดินมาอยู่ข้างๆ ฟู่จาวหนิง มองเจ้าช่อนั่น..."วัชพืชป่านี้เรียกว่าอะไร?"ฟู่จาวหนิงเงยหน้ามองเขาผาดหนึ่ง จากนั้นก็ยื่นมือผลักเขา"ท่านอย่าเข้ามาใกล้นัก"อ๋องเจวี้ยนตกตลึง นางผลักเขาหรือ?นางกล้าผลักเขา!คนอื่นพอเห็นการกระทำนี้ของฟู่จาวหนิงก็ถลึงตาโตขึ้นมาเช่นกัน"หญ้าสมุนไพรเหล่านี้มีบางส่วนมีพิษอยู่ ถ้ายังไม่ทำการปรุงสกัดจะส่งปราณพิษออกมา ท่านสุขภาพอ่อนแอห้ามเข้าใกล้"ฟู่จาวหนิงอธิบายขึ้นอย่างหวังดี"ถุด"หมอเทวดาหลี่ก็ประชดประชันขึ้นทันที "พูดอย่างกับเข้าใจอย่างนั้น ถ้าหากขุดเอาสมุนไพรพิษขึ้นมา เจ้ายังจะกลับมาได้อีกหรือ?"จะบอกว่านางรู้วิธีหลบเลี่ยงปราณพิษหรือไรกัน?หรือจะบอกว่านางเป็นพวกพิษร้ายแทรกไม่เข้า? ตลกตายล่ะ ขู่เก่งเสียจริง"ท่านทำไม่ได้ ไม่
"ไม่ถูกสิ นี่ไม่ใช่หลินจือธรรมดา เห็นประกายแสงสีม่วงที่แผ่ออกมาจากตัวดอกหลินจือไหม? นี่เป็นไปได้มากว่าจะเป็นหลินจือม่วงที่งอกออกมาจากตอไม้ที่เป็นวัตถุดิบยา! หาได้ยากมาก ของดีเลยทีเดียวเชียว""นี่คือจื่อฉิน แล้วก็ยังมีเชียนมู่อิงอีก!"ฟู่จาวหนิงรู้ขึ้นมาจากในชื่อยาที่พวกเขาเรียก วัตถุดิบยาเหล่านี้มีชื่อบางส่วนที่แตกต่างกับโลกปัจจุบันแต่ว่าไม่ต้องเครียด นางล้วนรู้จักทั้งหมด และล้วรู้ว่ามีผลทางยาแบบใด ส่วนชื่อของวัตถุดิบยาเหล่านี้ในแคว้นเจา จะช้าเร็วนางก็ต้องรู้อยู่แล้วอ๋องเจวี้ยนมองพวกหมอกับหมอหลวงเหล่านี้ที่ดูคลั่งกันขึ้นมา จากนั้นก็โน้มตัวมองไปยังตะกร้าหลังของฟู่จาวหนิงแต่ว่าฟู่จาวหนิงครู่ต่อมาก็จับการเคลื่อนไหวของเขาได้ รีบซ่อนตะกร้าหลังไปไว้ด้านหลังทันที ไม่ยอมให้เขาดูอ๋องเจวี้ยน "..."กันเขาอย่างกับกันขโมยขโจรอย่างไรอย่างนั้น?"เป็นอย่างไร วัตถุดิบยาเหล่านี้ที่ข้าขุดมา ได้มาตรฐานหรือไม่?" ฟู่จาวหนิงถามนางมองไปทางหมอเทวดาหลี่ สีหน้าหมอเทวดาหลี่ดูขรึมลงอย่างขชัดเจน"ของเหล่านี้""เฮอะ!" ผู้อาวุโสจี้ตะคอกขึ้นมา "สกุลหลี่เอ๋ย คนใหญ่โตอย่างข้ายืนอยู่นี่ ถ้าเจ้าจะลืมตาพล่า
การทดสอบครั้งนี้ ตามกฎแล้วฟู่จาวหนิงต้องไปค้นหาวัตถุดิบยาคนเดียว แต่นางมีฝีมือขนาดนั้นไหม?ตาเฒ่าจี้ถลึงตามองไปทางรองขุนพลหลิว"นางไม่ใช่ออกมาคนเดียวหรือไรกัน?""ผู้อาวุโสจี้ นี่พิสูจน์ไม่ได้ว่าของพวกนี้นางขุดมาคนเดียวนะ" รองขุนพลหลิวผายมือออก"ในวังส่งพวกเจ้ามาคุ้มครองที่ทางเข้านี้ เพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าไป แล้วพอไม่มีคนอื่นขึ้นภูเขา แล้วจะมีคนมาช่วยเหลือนางหรือ?" ผู้อาวุโสจี้ถามขึ้นมาอีกรองขุนพลหลิวมองไปทางอ๋องเจวี้ยน"เรื่องนี้ก็พูดยาก พวกเราแค่คุ้มกันทางเข้านี้ แต่คนบางส่วนก็สามารถลอบส่งคนเข้าไปทางอื่นก็ได้จริงไหม"อ๋องเจวี้ยนน้ำเสียงเรียบ "ดังนั้น ตอนที่เจ้าพูดประโยคนี้แล้วมองข้า คือเจ้ากำลังสงสัยข้าสินะ?""ข้าน้อยมิกล้า"รองขุนพลหลิวถึงแม้จะพูดว่าไม่กล้า แต่สีหน้าของเขากลับพุ่งชี้มาที่เขาอย่างชัดเจนเขามั่นใจว่าตอนนี้อ๋องเจวี้ยนก็ไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้แต่พริบตาต่อมา กลับเห็นว่าเบื้องหน้ามีแสงเย็นสว่างวาบรองขุนพลหลิวตกตะลึง รีบร้อนคิดจะถอยหนี แต่ก็ไม่ทันแล้ว กระบี่เล่มหนึ่ง แทงเข้าไปที่ท้องของเขาเลือดทะลักออกมา"อ๊า!" คนที่ยืนอยู่ข้างๆ รองขุนพลหลิวตกใจจนหน้าถอดสี
คนทั้งหมดถูกการกระทำของนางทำให้ตกตะลึงอีกแล้ว ทุกคนล้วนอ้าปากค้างในดวงตาอ๋องเจวี้ยนเองก็อดมีรอยยิ้มขึ้นไม่ได้ป่าเถื่อนขนาดนี้เชียว?"ฟู่จาวหนิง!" รองขุนพลหลิวเดิมทีก็เจ็บจนแทบจะเป็นลมอยู่แล้ว พอลมล้มพื้นแบบนี้ ก็รู้สึกว่าเลือดในบาดแผลเหมือนจะไหลออกมาหนักกว่าเดิมแล้วฟู่จาวหนิงมองสูงลงต่ำ เอ่ยขึ้นเย็นชา "ถ้าอยากรอดก็หุบปากเสีย"รองขุนพลหลิวงงงันจนไม่พูดอะไรอีก"ตาเฒ่าจี้มาช่วยหน่อย" ฟู่จาวหนิงมองอ๋องเจวี้ยน จากนั้นจึงหาอีกรอบมองไปทางผู้อาวุโสจี้ "ช่วยฉีกเสื้อผ้าตรงแผลเขาหน่อย""ได้เลยได้เลย!"ผู้อาวุโสจี้กุลีกุจอตรงเข้ามา ยื่นมือคว้ากรรไกลเล็กจากถุงหนังจากเอวออกมาด้ามหนึ่ง จัดการตัดเสื้อผ้าของรองขุนพลหลิวออกพอตัดออก กองยาในมือฟู่จาวหนิงก็ "แผละ" ลงไปบนแผลของเขา จากนั้นก็ใช้มือกดเอาไว้ครู่หนึ่งรองขุนพลหลิวแทบจะเจ็บเจียนตายหญิงสาวคนนี้ป่าเถื่อนเสียจริง!แต่ว่า เลือดก็หยุดลงอย่างรวดเร็วจริงๆ"เลือดหยุดแล้วจริงๆ""ผลของยาดีมาก ระดับของวัตถุดิบยาเหล่านี้ล้วนดีมากจริงๆ"หมอเหล่านั้นล้วนตื่นเต้นจนวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา จนลืมความตกตะลึงพรั่นพรึงที่อ๋องเจวี้ยนแทงกระบี่ใส่คนอ
หมอเทวดาหลี่กับหมอหลวงคนอื่นสบตากันอย่างจับใจผาดหนึ่ง ทำได้เพียงยอมรับผลสรุปนี้"ถือว่าคุณหนูฟู่ผ่านแล้ว""ยินดีด้วยคุณหนูฟู่"ตาเฒ่าจี้เองก็หัวเราะร่า เหล่มองอ๋องเจวี้ยนผาดหนึ่ง "ไม่ถูกสิ ตอนนี้ต้องเรียกพระชายาอ๋องเจวี้ยนแล้วไม่ใช่หรือ?"หึ ถึงแม้เขารู้สึกว่าศิษย์ของตนเองไปจับคู่กับอ๋องเจวี้ยนจะดูน่าเสียดายหน่อย แต่แต่งก็แต่งไปแล้ว คารวะฟ้าดินไปแล้วด้วย เช่นนั้นก็ต้องทำตำแหน่งพระชายานี้ให้มั่นคงเสียหน่อย!"ยินดีด้วยกับพระชายาอ๋องเจวี้ยน"คนทั้งหมดล้วนเปลี่ยนคำเรียกกันเสียงแผ่วฟู่จาวหนิงตอนนี้ก็มองไปทางอ๋องเจวี้ยนโดยสัญชาตญาณอ๋องเจวี้ยนไม่พูดอะไรชิงอีกลับหน้าชื่นตาบาน ตะโกนไปทางฟู่จาวหนิงอย่างชัดถ้อยชัดคำ "ยินดีด้วยพระชายา!"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ตอบกลับ โค้งตัวลงแบกตะกร้าหลัง "ขึ้นไปบนรถม้าได้ไหม?"นางอยากรีบกลับบ้านตระกูลฟู่แล้วนางสกัดยาลูกกลอนมาขวดนึงบนภูเขา จะกลับไปให้ท่านปู่กินก่อนอ๋องเจวี้ยนยังไม่เอ่ยปาก ตาเฒ่าจี้ก็เรียกขึ้นอย่างเบิกบาน "มานั่งของข้า มานั่งของข้านี่! พวกเรามาคุยเรื่องวัตถุดิบยากันบนรถม้า""ได้เลย"ฟู่จาวหนิงไม่ลังเล เดินไปทางรถม้าของเขาทันทีตาเฒ่า
"ก็บอกไปว่าวัตถุดิบยาเหล่านั้นต้องเก็บมา นี่เป็นกฎ เดี๋ยวข้าจะเข้าวังไปขอพบท่านฮองเฮา แจ้งกับนางเสียหน่อย พอรู้ว่าอ๋องเจวี้ยนชักกระบี่แทงรองขุนพลหลิว อย่าว่าแต่ฮองเฮาเลย คิดว่าจักรพรรดิก็ยังต้องเดือดดาล"หมอเทวดาหลี่ยิ้มเย็นชาขึ้นมาถึงอย่างไรโสมม่วงนั้นเขาก็ต้องการมัน! ต่อให้ถูกฮองเฮาเก็บไป ภายหลังตอนที่ฮองเฮาจะใช้ เขาก็ขโมยออกมาสักสองสามแผ่นก็ยังได้ยังมีวัตถุดิบยาอื่นอยู่อีกด้วย เอามาเติมในร้านยาส่วนตัวของตนเองคือดีที่สุดพวกเขาเองก็รีบเก็บของกลับเช่นกันในรถม้าจวนอ๋องเจวี้ยน ฟู่จาวหนิงก็ผ่อนลมหายใจลง ขยับเข้าไปริมตัวรถ"ท่านจะไม่ถามหน่อยหรือว่าจงเจี้ยนไปไหน?" นางเอ่ยถามอ๋องเจวี้ยนขึ้นมาเอง ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นลูกมือเขา"แล้วจงเจี้ยนไปที่ไหนแล้วหรือ?"อ๋องเจวี้ยนถามตามคำพูดนางขึ้นมาฟู่จาวหนิงยกมุมปากยิ้ม "ขอให้เขาช่วยแบกของน่ะ จะลงจากเขามาช้าหน่อย"อ๋องเจวี้ยนนิ่งไปพักหนึ่ง ถามขึ้นว่า "วัตถุดิบยาหรือ?"เอ๊ะ?ก็ยังถูกเขาเดาจนถูกอีก"อืม" ฟู่จาวหนิงในเมื่อยืมทหารของเขาแล้ว ก็ไม่คิดจะปิดบังอะไรเขา ถึงอย่างไรจงเจี้ยนพอกลับมาก็จะต้องไปรายงานกับเขาอย่างแน่นอน"แค่กๆ"อ๋องเ
เศรษฐีฟางดีใจมาก ฟู่จิ้นเชินชมลูกสาวตนเองเช่นนี้ เขาเองก็รู้สึกว่าเขาก็เป็นคนดี "คุณชายฟู่ พระชายาอ๋องเจวี้ยนเองก็เป็นคนดีมาก ท่านกับฮูหยินฟู่หลังจากนี้ก็ดีกับนางหน่อยล่ะ เด็กคนนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ""แน่นอน"ยังดีที่ฝนไม่ได้ตกนานมาก พวกเขาคุยกันครู่หนึ่ง ฝนก็หยุดแล้วพวกเขาจึงรีบเดินทางต่อหลังจากนั้นสองชั่วยาม ตอนที่ราตรีเข้ามาก็มาถึงจุดพักม้าแห่งหนึ่ง ใช้ค้างแรมได้"ก่อนหน้านี้ส่งคนเข้ามาแจ้งช่วงเวลาที่น่าจะมาถึง พวกเขาก็น่าจะเตรียมข้าวปลาอาหารไว้แล้ว คุณชายฟู่ พระชายา พวกท่านไปล้างหน้าล้างตากันก่อน อีกเดี๋ยวค่อยลงมาท่านข้าวเถอะ" อันเหนียนเอ่ยขึ้น"ได้" ฟู่จาวหนิงรับขึ้นมาเสียงหนึ่ง"คุณหนู" เสี่ยวเยว่ที่แต่งเป็นเชายเดินเข้ามา "ข้าไปเตรียมน้ำให้ท่านนะ""เสี่ยวเยว่?"ฟู่จาวหนิงมองฟู่จิ้นเชิน เสี่ยวเยว่เดิมทีอยู่ที่บ้านตระกูลฟู่ นางเองก็ไม่ได้เอาสาวใช้มาที่เมืองเจ้อด้วย คิดไม่ถึงว่านางจะตามมาแล้ว"ให้นางติดตามไปเถิด ข้างกายเจ้ามีสาวใช้อยู่บ้างก็ดูสะดวกดี" ฟู่จิ้นเชินทักมาคนก็ตามมาแล้วด้วย จะทำอย่างไรได้อีกกัน?ฟู่จิ้นเชินเสริมขึ้นมาอีกคำหนึ่ง "นี่เป็นความต้องการของอ๋องเจวี้ย
อันเหนียนยื่นมือไปประคองฟู่จาวหนิง แต่เขาเพิ่งยื่นมือออกไป ตอนที่ได้ยินเสียงฝีเท้ากับเสียงฟางซือฉิงด้านหลัง สีหน้าก็จริงจังขึ้นมา หดมือกลับไปเขาเอียงตัว ให้ฟางซือฉิงผ่านเข้าไปจากนั้นก็ส่งสายตากับฟู่จิ้นเชิน"คุณชายฟู่ เข้าไปในวัดหลบฝนก่อนเถิด" อันเหนียนเอ่ยขึ้นเสียงอ่อนโยน"เชิญท่านผู้ตรวจการอัน"ฟู่จิ้นเชินส่งร่มให้ฟู่จาวหนิง ส่วนตนเองก็เข้าไปในร่มของอันเหนียนฟู่จาวหนิงกางร่ม กระโดดลงมาจากรถม้า ยื่นร่มไปกางบนหัวฟางซือฉิง "ทำไมถึงวิ่งมาที่นี่ล่ะ? ระวังเปียก""จาวหนิง" ฟางซือฉิงใช้ศอกสะกิดนาง จากนั้นมองไปทางอันเหนียน ประชิดตัวนางเอ่ยขึ้นเบาๆ "ผู้ตรวจการชิงนี่อ่อนโยนดีจัง"ภาพที่อันเหนียนกางร่ม แล้วยื่นมือไปหาฟู่จาวหนิงนั่น น่าดูจริงๆแต่นางก็กล้าคิดแค่ในใจ ไม่กล้าพูดออกมาแค่คิดเช่นนั้นก็รู้สึกผิดต่ออ๋องเจวี้ยนแล้วฟู่จาวหนิงตีนาง "ผู้ตรวจการอันโอ่นโยนกับองค์หญิงหนานฉือมากกว่าอีก""อืมอืม"ฟางซือฉินเองก็ไม่กล้าพูดมากกว่านี้"พระชายา รีบเดินเร็ว" ฮูหยินฟางกวักมือหาพวกนาง "ซือฉิงเด็กคนนี้นี่ อายุตั้งเท่าไรแล้ว ยังจะกระโดดโลดเต้นแบบนี้อีก"ยืนรออยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว จะวิ่งแจ
ด้านนอกรถม้าจู่ๆ มีเสียงเคาะเปาะแปะ และถี่มากฝนตกแล้วเม็ดฝนค่อนข้างใหญ่ แรงที่กระทบตัวรถม้าไม่เบาเลยเสียงพูดคุยด้านนอกก็ดังเพิ่มขึ้นมา พวกเขาล้วนตะโกนให้เร่งความเร็ว วิ่งตรงไปอีกหน่อย ลองดูว่าข้างหน้ามีจุดให้หลบฝนบ้างไหมสองฟากฝั่งถนนทางการก็โล่งโจ้ง ไม่มีต้นไม้ไม่มีเพิ่งน้ำชา ชั่วขณะหนึ่งยังหาที่หลบฝนไม่ได้หิมะแม้จะละลายไปมากแล้ว แต่ตอนนี้พอฝนตกถนนก็เป็นดินโคลนและยังเปียกลื่นด้วยพวกเขานำของมาไม่น้อย หากพลิกคว่ำไปจะสกปรกเอา"ตอนนี้ทำไมมีฝนตกได้เนี่ย?"สืออีที่ขี่ม้าอยู่ด้านนอกก็พูดกับสือซานขึ้นมา"อากาศช่วงครึ่งปีนี้เดิมทีก็ประหลาดอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นจะมีผู้ประสบภัยตั้งมากมายได้อย่างไร" สือซานถอนใจ "ไม่เช่นนั้นผู้คนจะพูดหรือว่าดวงชะตาของแคว้นเจาเดินมาถึงปลายทางแล้ว?"ดวงชะตาเดินถึงปลายทางแล้ว เช่นนั้นก็อาจจะเกิดภัยธรรมชาติหรือหายนะจากมนุษย์ได้สินะ?ถึงอย่างไรสถานที่ต่างๆ ก็ล้วนประสับภัยกัน พวกเขาทางนี้จู่ๆ ฝนตกหนักก็เหมือนจะไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไร"อย่าพูดจาไร้สาระ รีบเร่งเดินทางเถอะ เพิ่มความระมัดระวังด้วย" สืออีตะคอกขึ้นมาคนตระกูลฟางที่รออยู่ในวัดภูเขาแห่งหนึ่งด้าน
ฟู่จาวหนิงในเมื่อถามขึ้นมาแล้ว เขาจึงบอกกับนางอย่างตั้งใจ"ยังมีอีกเรื่อง ข้าอยากจะเปิดโรงศึกษา ไปเป็นอาจารย์"ฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่าเขาอยากเป็นอาจารย์สอนหนังสือด้วย"อันที่จริงตอนนั้นถ้าหากข้าไม่ได้ออกไป ข้าก็เกือบได้เดินในสองเส้นทางนี้แล้ว ถ้าหากสอบติดขั้นสูง ก็เข้าวังเป็นข้าราชการ ถ้าหากสอบไม่ผ่าน ก็จะทำโรงศึกษาเพื่อสอนผู้คน"ฟู่จิ้นเชินยิ้มๆ นั่งลงให้สบายอีกหน่อยท่าทางของเขาดูมีรสนิยมอย่างเป็นธรรมชาติ แม้จะเข้าวัยกลางคนแล้ว แต่ก็ยังดูดีมีเสน่ห์กว่าคนหนุ่มสาวเสียอีก"แต่ว่า เรื่องเหล่านี้มันก็เป็นแค่ความฝัน"คำพูดฟู่จิ้นเชินหักเปลี่ยน มองฟู่จาวหนิง "ข้าไม่รีบร้อนตั้งเป้าหมายอะไรให้ตนเอง เพราะข้ายังรู้สึกได้รางๆ ว่าช่วงสองปีนี้สำหรับแคว้นเจาของพวกเราแล้ว อยู่ในจุดเปลี่ยนที่ยากจะคาดเดา""หมายความว่าอย่างไรหรือ?"ฟู่จาวหนิงนั่งตัวตรง"องค์จักรพรรดิไม่ยอมรับอ๋องเจวี้ยน"นี่คือความจริง แต่ที่ทำให้ฟู่จิ้นเชินพูดออกมาตรงๆ ฟู่จาวหนิงเองก็ยังรู้สึกหดหู่ขึ้นมาบ้าง"ใช่ไหมล่ะ? ท่านว่าทำไมองค์จักรพรรดิถึงได้ใจแคบนักนะ? อันที่จริงเซียวหลันยวนไม่ได้คิดจะนั่งตำแหน่งนั้นด้วยซ้ำ แต่องค์
ในเดือนหนึ่ง แถบเมืองหลวงมีฝนตกน้อยมาก น่าจะต้องรอจนถึงเดือนสองแต่ว่าตอนนี้ฟ้าจู่ๆ ก็มืดลง หม่นๆ มืดครึ้ม เหมือนฝนจะตกกลุ่มนี้ของพวกขเายังไม่มีไปรวมกับขบวนพ่อค้าของตระกูลฟาง ยังต้องเดินอีกระยะหนึ่ง ขบวนพ่อค้าตระกูลฟางรอพวกเขาอยู่ที่ริมทางด้านหน้าหลังจากรวมกันต้องเร่งระยะทางอีกครึ่งวันจึงจะไปถึงสถานที่ที่เหมาะจะพักแรม แต่ถ้าถูกฝนนี้ทำให้ล่าช้า พวกเขาคืนนี้คงจะไปกันไม่ถึง แล้วต้องเดินทางกันตลอดทั้งคืน"ไปบอกพระชายาหน่อย พวกเราต้องเพิ่มความเร็ว"อันเหนียนกลัวว่าจู่ๆ ถ้าเพิ่มความเร็วขึ้น ฟู่จาวหนิงจะสงสัย ดังนั้นจึงต้องให้คนไปแจ้งนางหน่อย"่ขอรับ"อันเหนียนครั้งนี้พาผู้ติดตามมาสองคน คนหนึ่งชื่อเสี่ยวเจียง อีกคนหนึ่งชื่อเสี่ยวเจิ้งทั้งสองคนดูแล้วฉลาดเฉลียวคล่องแคล่ว เสียวเจียงพอได้ยินคำพูดของอันเนหียน ก็รีบวิ่งไปทางรถม้าของฟู่จาวหนิง เคาะๆ กำแพงรถม้าเสียก่อน"พระชายา ท้องฟ้าดูไม่ดีเลย เหมือนฝนกำลังจะตก ใต้เท้าของข้าบอกว่าต้องเร่งความเร็วเดินทาง รถม้าอาจจะเขย่าหน่อย พระชายาโปรดให้อภัยด้วย"ฟู่จาวหนิงเลิกม่านออก พอเห็นเสี่ยวเจียง ก็มองไปยังท้องฟ้า พยักหน้าให้"เข้าใจแล้ว"เสี่
"เซียวหลันยวนรับปากแล้วว่าจะปกป้องเสี่ยวเฟย เช่นนั้นเขาจะไม่เกิดเรื่องอะไร"ฟู่จิ้นเชินเทน้ำให้ตนเองบ้าง ดื่มลงไปสองอึก ถึงหัวเราะเบาๆ มองฟู่จาวหนิง"เชื่อเขาขนาดนั้นเลยหรือ?""เชื่อสิ""เล่าเรื่องพวกเจ้าให้ข้าฟังบ้างสิ" ฟู่จิ้นเชินเอ่ยขึ้นมาตามสถานการณ์ฟู่จาวหนิงชะงักไป "เล่าอะไรล่ะ?""ข้ารู้คร่าวๆ ว่าพวกเจ้าเจอกันได้อย่างไร แต่งงานกันอย่างไร แต่เกิดเรื่องอะไรที่ทำให้เจ้าเชื่อใจเขาขนาดนี้ พวกนี้ไม่รู้เลย"น่าจะเพราะน้ำเสียงฟู่จิ้นเชินดูจริงใจ อยากจะรู้เรื่องราวของนางจริงๆ และเพราะเนื่องจากเพิ่งจะพูดเรื่องเฉพาะทางไปมากมาย ทำให้นางอยากจะคุยเรื่องอื่นบ้าง ฟู่จาวหนิงก็เลยเล่าออกมาจริงๆนางกับเซียวหลันยวนเหมือนจะผ่านเรื่องมาไม่น้อยเลย แต่เวลาที่ทั้งสองคนได้เปิดใจคุยกันก็ไม่นานนักแต่พวกเขาก็ผ่านความเป็นความตายด้วยกันมาไปเขาอวี้เหิงครั้งนั้น เซียวหลันยวนเกือบจะตายไปแล้วตอนที่นางถูกผู้บัญชาการกองธงมู่ที่ถูกลัทธิเทพทำลายล้างส่งมาจากต้าชื่อพาขึ้นไปบนภูเขาหิมะ เซียวหลันยวนก็หานางเจอแล้วช่วยนางไว้"อ๋องเจวี้ยนมาเจอกับเจ้า ไม่ใช่ว่าเขาก็โชคดีด้วยหรือ? ข้าได้ยินลุงเจ้าบอกว่า ถ้าไม่ม
ห้องขังนั้น ก็จริง...เก๋อมู่กวงเองก็ไม่สงสังจะว่าป เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่สู้กับโป๋จี แขนของโป๋จีก็มีแผลอยู่จริงๆ"ดูแผลเขาหน่อย ถ้ามันหนักนักก็ให้ยาห้ามเลือดเสีย" ก่อนที่จะสอบสวนชัดเจน จะให้โป๋จีตายไม่ได้ยิ่งไปกว่นั้นยังต้องให้เขาตอบคำถามอีก"ขอรับ"ผู้คุมไปดูบาดแผลของโป๋จี จากนั้นจึงเห็นสิ่งแปลกปลอมชิ้นหนึ่งแหลมออกมาชิงอีดูถึงตรงนี้ก็วางใจ จดหมายนั่นถูกพบแล้ว"รองแม่ทัพเก๋อ! ในแผลนี้ยัดของเอาไว้!" ผู้คุมร้องขึ้นมาเก๋อมู่กวงตื่นเต้นขึ้นทันที รีบเดินเข้าไปดู ตรวจสอบด้วยตนเอง ดึงม้วนกระดาษนั่นออกมา"จดหมาย! ที่แท้เขาก็ซ่อนจดหมายไว้ในแผล! ฮ่าๆๆ! เจ้านี่มันใจหาญเสียจริง!"แต่จะมีประโยชน์อะไร? พระเจ้ายืนอยู่ข้างเขา นี่ไง เขาก็พบแล้วไม่ใช่เรอะ!เก๋อมู่กวงลิงโลดขึ้นมา แม้จดหมายนั่นจะชุ่มไปด้วยเลือด แต่เขาก็ยังดีอกดีใจถ้าหากบนจดหมายมีคำว่าเฮ่อเหลียนเฟยสามคำ ไม่ว่าจะเขียนอะไรไว้ ขอแค่มีชื่อนี้ เขาก็จะเข้าวังทันที!อ๋องเจวี้ยนก็จะกำเริบเสิบสานไม่ได้อีก!"ฮ่าๆๆ! คิดจะหลบรอดสายตาข้าเรอะ! อย่าหวัง!"เก๋อมกวงลิงโลดขึ้นมา กางจดหมายออกพอจดหมายกางออก ตาของเขาก็ปูดขึ้นมานี่
เก๋อมู่กวงรู้สึกว่าต้องเรียกฟู่จาวหนิงออกมา เรื่องก็น่าจะง่ายขึ้นเขารู้สึกว่าด้วยท่วงท่าของตนเอง ทหารหยาบกร้านที่คุ้มครองชายแดนมาหลายปี จะทำให้ฟู่จาวหนิงต้องกลั้นหายใจไม่กล้าส่งเสียงดังได้ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเช่นนี้ ดังั้นจึงตบลงที่ต้นขา พูดคำพูดในใจตนเองออกมาราชองครักษ์ในที่สุดก็ทนฟังต่อไม่ได้ ทำลายจินตนาการของเขาขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่"รองแม่ทัพเก๋อ พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็กำเริบเสิบสานไม่แพ้กันเลย!""ชู่!"พอคนแรกร้องออกมา คนอื่นก็รีบชู่ใส่เขา เป็นสัญญาณว่าอย่าพูดเสียงดังนักถ้าอ๋องเจวี้ยนได้ยินเข้า ต้องมาหาเรื่องพวกเขาแน่"อ๋องเจวี้ยนปกป้องพระชายาแค่ไหนไม่รู้รึ?"เก๋อมู่กวงมองปฏิกิริยาพวกเขาแล้วก็ไม่อยากเชื่อ "ไม่ใช่สิ พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็แค่หญิงสาวอ่อนแอคนหนึ่ง กล้ากำเริบเสิบสานขนาดนั้นเชียวหรือ?""หญิงสาวอ่อนแอ?""รองแม่ทัพเก๋ท่านเข้าใจอะไรผิดกับหญิงสาวอ่อนแอหรือเปล่า?""ใช่ ข้ารู้ว่านางเป็นหมอเทวดา วิชารักษาเก่งเกินใคร แต่นี่มันอาจจะมีส่วนที่เกินจริงหน่อยไหม? ถ้าหากคุยโม้ออกมาโดยอ้างชื่อเสียงของพระชายาอ๋องเจวี้ยน ใช้วิธีการบางอย่างเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ เช่นนั้นกระทั่งวิชา
พวกเขารู้สึกว่านี่ถึงจะเป็นสายเลือดแท้จริงของเผ่าเฮ่อเหลียน ดังนั้นคนที่มีดวงตาสีนี้ถึงจะได้รับความสำคัญและได้รับความเชื่อถือที่ราชาเฮ่อเหลียนก่อนหน้านี้ค่อนข้างปล่อยปละฟู่จาวเฟย ไม่ได้คิดจะชุบเขาให้มาสืบทอดต่อแต่เนิ่นๆ ก็เพราะฟู่จาวเฟยไม่มีดวงตาเช่นนี้เก๋อมู่กวงก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดจุดนี้เลย จนเซียวหลันยวนทักขึ้นมา เขาจึงเพิ่งนึกออกเหมือนจะเป็นเช่นนี้จริง!เขาที่เขาสังเกตเห็นโป๋จีระหว่าง อันที่จริงก็เพราะดวงตาเขาไม่เช่นนั้นโป๋จีที่แตี่งตัวเป็นประชาชนแคว้นเจาธรรมดา เขาจะมองออกได้อย่างไร"ไม่มีอะไรพูดแล้วหรือ?"เก๋อมู่กวงปากขยับ หันกลับมาเหลือบมองราชองครักษ์ที่ไม่กล้าขึ้นหน้า ในใจจู่ๆ ก็หมดเรี่ยวแรงขึ้นมาวันนี้ถ้าคิดจะดึงดันเอาตัวฟู่จาวเฟยกลับไป ดูท่านจะยากเสียแล้ว"แต่ไม่ว่าอย่างไร ฟู่จาวเฟยก็ยังเป็นผู้ต้องสงสัยอยู่ ดังนั้นข้าต้องพาเขาไปสอบสวน ให้เขากับโป๋จีเผชิญหน้ากัน ถ้าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์จริง ข้าก็จะปล่อยคนทันที"เก๋อมู่กวงเจอเข้ากับสายตาของเซียวหลันยวน กัดเหงือก เอ่ยต่อว่า "ถ้าหากอ๋องเจวี้ยนยังไม่วางใจ จะส่งคนไปตรวจสอบตามไปตรวจสอบก้ได้ พวกเรา พวกเราไม่ลงโทษนอกกฏหมายอ