แต่มือของเขายังไม่ทันได้แตะฟู่จาวหนิง ระหว่างนิ้วฟู่จาวหนิงก็มีประกายแสง เข็มเงินเล่มหนึ่งปักลงไปบนหลังมือของเขา"อ๊า!"ฟางรุ่งกรีดร้อง หดมือกลับทันควัน"เจ้ากล้าแทงข้าหรือ?"เขายกมือข้างนั้นขึ้นดู ฉับพลันก็ถลึงตาโตรู้สึกว่าร่างทั้งร่างแย่เสียแล้วเวลาสั้นๆ แค่นี้ มือของเขากลับบวมขึ้นมา!ตอนนี้หลังมือบวมไปหมดแล้ว แต่ยังพอมองออก ว่านิ้วก็กำลังเริ่มบวม"เข็มมีพิษ!" คุณชายคนอื่นพอเห็นสภาพก็ล้วนกระโดดเหยงขึ้นมา มองฟู่จาวหนิงอย่างตกตะลึง"นังโสเภณีเอ๊ย! หาเรื่องตายหรือไรกัน? ต่อหน้าพวกเรายังกล้ากำเริบเสิบสานหรือ?""เจ้ารู้ไหมว่าพ่อของฟางรุ่ยคือใคร? ขุนนางซื่อหลางฟางเลยนะ ตอนนี้เป็นคนโปรดขององค์จักรพรรดิ! ฟางรุ่ยชอบเจ้าเจ้าก็ควรจะแอบดีใจ จนรีบเอาตัวเองไปล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาดแล้วขึ้นเตียงกับเขาถึงจะถูก แต่นี่ยังกล้าทำร้ายคนหรือ?"คุณชายเหล่านี้ล้วนทยอยกันก่นด่าฟู่จาวหนิง"เฮอะ"ฟู่จาวหนิงขยับมือ ย่างกรายเข้าไปหาพวกเขาช้าๆ ให้พวกเขาเห็นว่าระหว่างนิ้วของตนเองยังคับเข็มเงินอยู่อีกหลายเล่ม"ลองดูว่าข้ากล้าหรือไม่กล้า ข้าสนใจที่ไหนว่าเขาจะเป็นหมาป่าหรือไม่(หลาง) จะฟางหมาป่า(ซื่อหลา
"แค่ขอโทษก็จบหรือ? แล้วเอาขี้ม้ามาป้ายหน้าเจ้าล่ะ?"สาวตาฟู่จาวหนิงกวาดไปยังตะกร้าไม้ไผ่พังๆ ข้างๆ นั้นคนเหล่านี้จะต้องขี่ม้าหรือนั่งรถม้ามาแน่ เก็บขี้ม้ามานิดหน่อยเป็นเรื่องง่ายดาย และดูเป็นความคิดแย่ๆ จากการที่พวกเขาเบื่อมากจริงๆตอนนี้ในตะกร้าไม้ไผ่พังๆ นั่นยังใส่อยู่ไมม่น้อยเลย ส่งกลิ่นเหม็นที่ทำให้คนถอยไปกันสามบ้านแปดบ้านออกมาฟางรุ่ยเกือบจะสำรอกออกมาเมื่อครู่ใช้ผ้าเก่ากำขึ้นมาก้อนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังเอาไปปาคนเล่น เข้าจึงไม่รู้สึกอะไรเลย แต่ตอนนี้ต้องคว้าขึ้นมากำนึงละเลงหน้าตนเอง เขาล้วงมือลงไปไม่ได้จริงๆ"ข้าไม่ได้มีความอดทนนักหรอกนะ" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นทางนั้น เฉินซานล้างหน้าล้างตาด้วยน้ำในถุงหนังภายใต้การช่วยเหลือของเสี่ยวเถาแล้ว พอเห็นฟู่จาวหนิงเข้าไปงัดกับคนเหล่านี้เช่นนี้ เขาก็ตกใจจนมือทั้งสองเย็นวาบไปแล้ว"เสี่ยวเถา คุณหนูรู้ไหมว่าพวกเขาเป็นใครน่ะ?""เมื่อครู่ก็ไม่ใช่ว่ามีคนบอกมาแล้วหรือ?" เสี่ยวเถานั่งอยู่บนรถม้า คุณหนูเมื่อครู่ให้นางอย่าเพิ่งลงมา นางจึงไม่กล้าลงมาตอนนี้พอเห็นว่าฟู่จาวหนิงไม่กลัวคุณชายเหล่านี้เลย เสี่ยวเถาก็รู้สึกทั้งภูมิใจทั้งกังวลคุณหนู
ในดวงตาเขามีประกายแสงที่เหมือนสนใจในตัวนาง ราวกับหมาป่าอย่างไรอย่างนั้น ราวกับจะพุ่งออกมาขย้ำนางได้ตลอดเวลา เหมือนจะเข้ามากัดเส้นเลือดนางอย่างไรอย่างนั้นคนอื่นยังคิดจะมาห้ามฟู่จาวหนิง แต่เขายื่นมือออกเป็นสัญญาณว่าพวกเขาอย่าขยับพูดได้ว่า ตอนนี้โหวอาวุโสน้อยอี้คนนี้ขวางพวกเขาไม่ให้ล้อมฟู่จาวหนิง ปล่อยให้นางกลับไปฟุ่จาวหนิงเก็บสายตาลงมา และไม่ได้สนใจเขา พาเฉินซานเดินจากไปเฉินซานขับรถม้ามึนๆ จนวนมมาถึงจุดจอดรถม้าที่ไม่ห่างมากนัก หลังจากผูกม้าแล้ว ก็ยื่นตั๋วเงินสิบสองตำลึงไปเบื้องหน้าฟู่จาวหนิง"คุณหนู อันนี้ให้ท่านขอรับ"ฟู่จาวหนิ่งรับมาแค่ก้อนเงิน"ตั๋วเงินเจ้าเก็บไว้เถอะ ถือว่าเป็นค่าทำขวัญเจ้า"เฉินซานถลึงตาค้างหลายปีมานี้แค่สิบตำลึงเขาก็ยังหามาไม่ได้ ขายตนเอง คนกลางก็ยังรังเกียจว่าเขาชื่อเสียงไม่ดีไม่อยากรับเขาไว้เลยด้วยซ้ำ ผลลัพธ์คือติดตามฟู่จาวหนิงมาแค่วันเดียว ก็ได้มาสิบตำลึงแล้ว?"คุณหนู ข้าเก็บไว้ไม่ได้ ตั๋วเงินนี้ไม่ก็คืนให้คุณชายฟางไปเถิด คุณหนูไม่รู้หรือว่าคุณชายฟางเป็นใคร? เขาวันนี้กล้ำกลืนฝืนทนไปเสียขนาดนี้จะต้องไม่ยอมเลิกราแน่ คุณหนูจะมีอันตรายเอานะ"เฉินซานเ
โหวอาวุโสน้อยอี้คิดขึ้นมาได้ว่าสองวันก่อนซ่งหยวนหลินส่งข้อมูลปากเปล่าให้เขาคนอื่นอาจจะไม่รู้ อันที่จริงความสัมพันธ์ของซ่งหยวนหลินกับเขานั้นดีมาก ตอนเด้กๆ ซ่งหยวนหลินช่วยเขาเก็บกวาดเจ้าพวกที่เขาไม่ชอบขี้หน้า พวกเขายังเคยร่วมมือกันอีกหลายครั้งซ่งหยวนหลินให้เขาพอกลับไปเมืองหลวงแล้วจัดการสร้างความลำบากให้คนคนหนึ่งหน่อย แล้วยังให้รูปพรรณสันฐานของคนนั้นมาด้วยที่วาดมาคือหญิงสาวคนเมื่อครู่ฟู่จาวหนิง"ท่านหญิงหยวนหลินบอกว่า ฟู่จาวหนิงผิดใจกับนาง ยิ่งไปกว่านั้นยังแย่งตัวผู้ชายที่ท่านหญิงอวิ๋นเหยาชอบไปอีก ดังนั้นจะต้องให้นางได้เห็นดี โหวอาวุโสน้อยถ้ากลับเมืองหลวงแล้ว ช่วยหาวิธีการให้หน่อย ดีที่สุดคือจัดการทำลายฟู่จาวหนิงไปเลย"ตอนนั้นลูกน้องของซ่งหยวนหลินพูดไว้เช่นนี้โหวอาวุโสอี้คิดไม่ถึงเลย ว่าตนเองยังไม่กลับเมืองหลวง ยังไม่ทันได้คิดว่าจะทำลายฟู่จาวหนิงอย่างไร นางกลับส่งตัวเองมาจนถึงที่นี่เสียแล้วเมื่อครู่พอเขาเห็นฟู่จาวหนิงก็จำนางได้แล้ว"โหวอาวุโสน้อยคงไม่ได้ต้องตานางเข้าแล้วหรอกกระมัง?"ข้างๆ มีคุณชายคนหนึ่งหัวเราะขึ้นมาด้วยเจตนาไม่ดี"ถ้าต้องตาแล้วเป็นอย่างไรหรือ?""แล้วสาว
สมัยก่อนที่เขาเห็นคือฟู่จาวหนิงที่ถูกลือว่าชื่อเสียงไม่ค่อยจะดีนักแต่เมื่อวานพอได้ยินท่านผู้เฒ่าเล่า คุณหนูฟู่คนนั้นตอนนี้กลายเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นวิชาแพทย์กับหลักการโอสถก็ยังยอดเยี่ยมอีกด้วย เขาเองก็ตกตะลึงมากเช่นกัน"ท่านผู้เฒ่าของพวกเรารีบมายังเรือนรับรอง อันที่จริงก็เพราะจะเอาหญ้าสมุนไพรหลายช่อในเรือนรับรองนี้กลับไปเมืองหลวง เขาอยากให้พระชายาอ๋องเจวี้ยนช่วยดูให้หน่อยว่านั่นเป็นวัตถุดิบยาอะไร ไม่คิดเลยว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนจะมายังเขาเมฆอรุณนี้เสียแล้ว""วัตถุดิบยา?""ใช่ๆๆ ไม่ทราบว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนสะดวกช่วยเหลือหรือไม่?""ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่ว่าข้าเพิ่งจะมาถึงเขาเมฆอรุณนี้ยังหาที่พักไม่ได้เลย ขอให้ได้พักก่อนแล้วค่อยว่ากัน""ถ้าเช่นนั้นก็ขอท่านพระชายาพักที่เรือนรับรองของพวกเราเถิด! ข้าน้อยจะจัดการให้ทันที"ฟู่จาวหนิงมองเฉินซานเฉินซานเองก็ไม่คิดว่ามีเรื่องเช่นนี้ที่ซุนกุยจัดหาให้คือห้องที่ดีที่สุดของเรือนรับรอง ทิวทัศน์งดงามมาก ว่ากันว่าที่นี่เดิมทีซุนกุ้ยจัดเตรียมไว้ให้ซุนหยวนไว่เรือนเล็กเรือนหนึ่ง มีห้องสามห้องและห้องปีกอีกห้องหนึ่ง เหลือเฟือ
"ท่านอ๋อง ไม่รู้ว่าใครปล่อยข่าวออกมา"เมื่อครู่รถม้าเพิ่งจะผ่านประตูภูเขา ชิงอีก็เห็นคนส่วนหนึ่งเดินตรงมาทางนี้ สายตาจับจ้องไปบนตัวอ๋องเจวี้ยนอย่างเห็นได้ชัดในใจเขาขรึมลงเล็กน้อย คนเหล่านี้ตรงมาหาอ๋องเจวี้ยนหรือ?พวกเขาตัดสินใจมาที่เขาเมฆอรุณชั่วคราว นอกจากผู้ตรวจการอันแล้ว ก็ไม่น่าจะมีคนรู้ถึงจะถูก ตอนนี้ทำไมจึงมีคนมากมายมาชมอ๋องเจวี้ยนเช่นนี้?ชิงอีเดิมทียังคิดว่าพวกเขาเข้ามาเงียบๆ เข้าพักเงียบๆ แล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้คนตั้งมากมายมารุมล้อมท่านอ๋อง แล้วจะทำเงียบๆ ได้อย่างไรกัน?ยิ่งไปกว่านั้นสุขภาพของท่านอ๋องก็ยังไม่ค่อยดีด้วย ถ้าคนเหล่านี้จะเข้ามาพูดคุยกับท่านอ๋องมาคารวะท่านอ๋อง ได้เหนื่อยตายกันพอดี"ไม่เป็นไร"อ๋องเจวี้ยนกลับไม่ใส่ใจเขาทำตัวเงียบๆ มาหลายปี ตอนนี้ในเมื่อกลับมาเมืองหลวงแล้ว ก็ต้องเผยหน้าตนเองออกมาให้คนอื่นรู้จักเขาบ้างไม่เช่นนั้น ผู้หญิงบางคนจะอวดอ้างตัวตนฐานะพระชายาอ๋องเจวี้ยนออกมาขู่คนได้อย่างไร?แล้วถ้าเขาไม่มีพลังสยบด้วยอาณุภาพนี้ ไม่แน่ว่าหญิงสาวคนนั้นอาจจะหัวเราะเยาะเขาว่าเป็นท่านอ๋องประสาอะไร ทำไมจึงไม่มีใครรู้จัก แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ชิงอีร
"ขอรับ!"เจียงอวี้เคยได้ยินเรื่องวัยเด็กของอ๋องเจวี้ยนมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้สึกชื่นชมศรัทธาตัวเขามาตลอด แต่อ๋องเจวี้ยนอยู่ที่ยอดเขาโยวชิงไม่กลับเมืองหลวงมาหลายปี เขาจึงไม่เคยพบหน้าเลยคนหลายคนที่อยู่ด้วยกันกับเจียงอวี้ก็น่าจะมีความสัมพันธ์กันดีมาก"อ๋องเจวี้ยน ท่านมาที่เขาเมฆอรุณครั้งนี้ เพื่อเข้าร่วมการแข่งล่าสัตว์หรือ?" เจียงอวี้ติดตามอยู่ข้างๆ อ๋องเจวี้ยน เชิญเขาไปพักยังเรือนรับรองตะวันออกอย่างอบอุ่น พวกเขาเองก็พักอยู่ที่เรือนรับรองตะวันออก"แข่งล่าสัตว์ สนุกหรือ?"อ๋องเจวี้ยนค่อยๆ เดินไปเบื้องหน้าพลางถามไปด้วยเจียงอวี้ใบหน้าแดงเล็กน้อย พูดออกมาอย่างกระดากอายเล็กๆ"อันที่จริงแข่งล่าสัตว์ก็สนุกอยู่ แต่ว่า จุดที่น่าสนใจที่สุดของการเข้าร่วมแข่งล่าสัตว์ก็คือผู้ที่ชนะจะสามารถไปเที่ยวเล่นกับแม่นางคนใดก็ได้หนึ่งวันในเขาเมฆอรุณแห่งนี้"หืม?อ๋องเจวี้ยนหยุดยืน"แม่นางคนใดก็ได้?""ถูกต้อง หญิงสาวที่เข้าพักในเขาเมฆอรุณทั้งหมดล้วนถูกบันทึกไว้แล้ว พอถึงเวลาถ้าถูกผู้ชนะเลือก หญิงสาวคนนั้นก็ไม่สามารถปฏิเสธได้"เจียงอวี้พูดถึงจุดนี้ก็ยิ้มๆ "แต่ว่า ไม่มีแม่นางคนใดปฏิเสธหรอก เพราะการที่
"เมื่อครู่อ๋องเจวี้ยนผลักเจ้าออกชัดๆ เขาไม่ได้สนใจตัวเจ้าแน่ๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังมองออกว่าเจ้าจงใจอีกด้วย"หญิงสาวชุดเขียวข้างๆ ร้องเชอะขึ้นมา"เจ้าก็แค่ริษยา" หลินหว่านซินกลับมั่นอกมั่นใจ"ใครริษยาเจ้ากัน? อ๋องเจวี้ยนตัวตนฐานะสูงส่งกว่าเหล่าพระโอรสองค์หญิงเสียอีก แล้วองค์หญิงในวังตั้งหลายคนก็เป็นเพื่อนสนิทเจ้า อ๋องเจวี้ยนถ้ารู้ก็คงมองเจ้าเป็นแค่ผู้น้อย แต่ข้านั้นต่างกับเจ้า ข้ามีตัวตนสูงกว่า พี่สาวข้าเป็นสนม และนับศักดิ์เป็นอาสะใภ้อ๋องเจวี้ยนได้เลย ข้ากับอ๋องเจวี้ยนจึงอยู่ระดับเดียวกัน""หูจู เจ้าไม่ใช่ว่าชอบรัฐทายาทเจียงหรอกหรือ? เมื่อครู่รัฐทายาทเจียงก็อยู่ด้วยนี่ นี่เจ้าจิตใจไม่มั่นคงต่อหน้าเขาเลยหรือ?"หลินหว่านซินหัวเราะเย้ยหยันหูจูหญิงสาวชุดเขียวหูจูหน้าเปลี่ยนสี"ใครบอกเจ้าว่าข้าชอบรัฐทายาทเซียว? ข้าไม่ได้ชอบใครทั้งนั้น!"นางเพิ่งจะสิบห้า ถ้าบอกว่ามาเที่ยวที่เขาเมฆอรุณ หากลือกันออกไปว่านางชอบใครเข้า ถึงตอนนั้นพ่อนางคงตีขานางหักแน่แม้พวกนางอันที่จริงส่วนใหญ่จะมาที่นี่ด้วยเป้าหมายนี้ แต่ใครก็คงไม่พูดออกมาอย่างโจ่งแจ้งหรอกหลินหว่านซีหน้าไม่อายเสียจริงขอแค่บิดานางเผยคว
"ก่อนหน้านี้ตอนที่เขายังไม่ป่วยหนัก เขายังนอนอยู่กับเขาตั้งหลายวัน อาบน้ำด้วยกัน แต่หลังจากเขาป่วยก็จะให้ข้ามาคอยปรนนิบัติรับใช้ ข้าก็ไม่ชอบใจ เลยไปหางานทำที่แถวริมแม่น้ำ ออกไปหลายวันอยู่""ต่อมาพอใกล้จะสิ้นปี ข้าก็กลับเมืองหลวงมาหาเขา กลับพบว่าในบ้านเขาไม่มีคนแล้ว เดิมทีเขาเป็นพวกที่ชอบไปเตร่ตามบ่อนพนันอยู่ทุกวัน เพื่อนบ้านล้วนรังเกียจเขา หลีกห่างจากเขา ดังนั้นเขาหายตัวไปหลายวันจึงไม่มีใครรู้""ตอนที่ข้าเข้าไปอยู่ก็ไม่รู้ว่าเขาไปที่ไหน หาตัวอยู่สองวันก็ไม่เจอ ข้าเองก็ไม่สนใจแล้ว จึงพักอยู่ที่บ้านเขาไปเลย ตอนปีใหม่มีคนมาที่บ้านเขา พูดจาน่าสงสารแล้วยังไม่มีที่ไปอีก ข้า ข้าเลยให้อยู่ที่บ้าน ถือว่าทำดี"ซุนจู้พูดถึงตรงนี้ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกผิดปกติขึ้นมา จึงถามไปคำหนึ่ง "ใครกัน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?"ซุนจู้เดิมทีก็ไม่อยากตอบ แต่ชีวิตเขาตอนนี้อยู่ในกำมือฟู่จาวหนิงแล้ว ไม่กล้าที่จะไม่ตอบเหมือนกัน"ผู้ ผู้หญิง เป็นแม่ลูกคู่หนึ่ง ก่อนหน้านี้น้องชายญาติข้าก็ดูแลพวกนางอยู่บ่อยๆ ดังนั้นข้าจึงยอม...""พวกนางทำอาชีพนั้นหรือ?""ใช่ คนแม่ชื่อแม่นางเฉี่ยว อายุสี่สิบกว่า ลูกสาวอายุยี่สิบต้นๆ หน้าต
ที่น่ากลัวที่สุดคือ เขาเหมือนได้ยินว่าข้าราชการได้รับคำสั่งมาว่า ถ้าหากเจอว่าคนในเมืองติดโรคระบาดนี่ ให้ลากไปสุสานรวมศพฆ่าทิ้งแล้วเผาได้เลย จะได้ไม่ระบาดไปหาคนอื่นเขากลัวมาก"ข้าพูด ข้าบอกแล้วได้ไหม?"แต่ว่าชายคนนี้กลับไม่ยอมบอกต่อหน้าคนมากมาย ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ได้อยากให้คนมากมายได้ยินกัน จึงให้สืออีพาเขาไปในเรือนเล็กๆ ข้างๆมีผู้ดูแลสองคนคอยมองอยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ พอสบตากันผาดหนึ่ง พวกเขาสองคนก็รู้สึกว่านี่มันเรื่องใหญ่ ต้องไปบอกผู้จัดการใหญ่เสียหน่อยดังนั้นพวกเขาจึงหมุนตัวไปหาต่งฮ่วนจือต่งฮ่วนจือหลายวันนี้อารมณ์ไม่ค่อยดี เพราะเรื่องของเฉินฮ่าวปิงเรือนในซอยกุ้ยเซียงของพวกนางปิดประตูใหญ่ไว้ทั้งวัน เขาไปมาสองรอบก็ไม่ยอมเปิดประตูต่งฮ่วนจือทิ้งจดหมายเอาไว้ บอกให้พวกนางหาเวลามาพบกันหน่อย เขาอยากถามว่าพวกนางเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่หลังจากทิ้งจดหมายไว้ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลยแม่ลูกฮูหยินเฉินไม่เห็น หรือว่าไม่สนใจกันแน่?จะอย่างไรเขาก็จินตนาการไม่ออก พวกนางที่เดิมทีดูแล้วเหมือนจะคอยพึ่งพาเขา ตอนนี้ทำไมถึงปลีกตัวออกห่างเขา หลังจากนี้คือขีดเส้นคั้นกับเขาแล้วหรือ?"ผู้จัด
ยังดีที่วันนึงต้มยาไว้สามหม้อใหญ่ ก่อนหน้านี้ขายหมดไปแล้วหนึ่งหม้อ หม้อที่สองยังเหลือกว่าครึ่งก็ถูกปนเปื้อนไปแล้ว นี่ยังมีหม้อที่สามอยู่วันนี้เกรงว่าจะไม่พอขายเสียแล้วพนักงานยกหม้อนั้นขึ้นมา แล้วเททิ้งต่อหน้าคนมากมายเหล่าแขกพวกนั้นพอเห็นยาหม้อนี้ถูกเททิ้ง จึงวางใจกันขึ้นมา"กระบวยนั่นก็ควรจะล้างด้วยไหม?" มีผู้เฒ่าคนหนึ่งกลัวตายมาก ร้องขึ้นมาคำหนึ่งคนข้างๆ ก็อดขำขึ้นมาไม่ได้ "ก็ทิ้งไปเลยไม่ได้หรือ? ยังจะล้างอีก เสียแรงเปล่า"พนักงานพันธมิตรโอสถเองก็จัดการใช้เท้าหักกระบวยนั่นทิ้งไป "ทิ้งเลยทิ้งเลย แค่นี้ก็พอแล้วใช่ไหม?"พวกเขาไปหยิบกระบวยอันใหม่มาแล้วจึงตักให้กับต้วนฉวินคนนั้นก่อนชามหนึ่ง "นายท่านต้วน ของท่านขอรับ""ขอบคุณขอบคุณ" ต้วนฉวินไม่เกรงใจแม้แต่น้อย หลังจากรับไปก็ดื่มจนหมดรวดเดียวยาน้ำชนิดนี้ ถึงจะบอกว่าไม่ได้มีรสชาติดีนัก พอรีบดื่มเขาก็แทบจะอาเจียนออกมาแล้ว แต่ก็รีบสะกดเอาไว้มองหม้อยาที่เต็มเปี่ยมใบนั้น เขายังดูกระสับกระส่ายอยู่ "หมอเทวดาฟู่ ท่านว่าข้าด้องดื่มอีกสักชามไหม?"บอกว่าห้ามดื่มมากไป ถ้าอย่างนั้นเขาดื่มสองชามครึ่ง ก็น่าจะได้อยู่กระมัง?ไม่อย่างนั้นร
นอกจากยาน้ำที่ป้องกันล่วงหน้าเหล่านี้ ฟู่จาวหนิงค้นคว้ายาลูกกลอนรักษาโรคนี้ออกมาแล้ว เพียงแต่ยาเหล่านั้นยังแพงกว่ายาน้ำพวกนี้มาก ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องกินอีกระยะหนึ่งด้วยเดิมทียังคิดอยู่ว่าชินอ๋องเซียวจะมาอ้อนวอนต่อหน้านางไหม ให้นางช่วยรักษาให้ นางเตรียมยาลูกกลอนสำหรับการรักษาสามช่วงไว้แล้วแต่ว่าชินอ๋องเซียวก็ไม่เคลื่อนไหวเลย ฟู่จาวหนิงก็ไม่ไปรักษาอาการเขาให้เองด้วย ยาจึงยังไม่ไปไหนอาการโรคของชายคนนี้ น่าจะกินยาหนึ่งช่วงรักษาก็น่าจะไม่เป็นไรแล้วแต่ว่าเขาก็ไม่พูดความจริงเสียที ฟู่จาวหนิงเองก็จะไม่พูดเรื่องยาลูกกลอนออกมา"ข้าไม่ได้ไปที่อุทยานนั่นนะ! ข้าไม่เคยพบกับชินอ๋องเซียว!"ชายหนุ่มดูตื่นเต้นขึ้นมา อยากจะลุกพรวดขึ้นมาแต่ถูกสะกดจุดไว้จนลุกไม่ขึ้น แต่พอถูกยืนยันว่าติดโรคนั้นแล้ว เขาเองก็รู้สึกใกล้จะเป็นบ้าเหมือนกันไม่รู้ว่าตัวเองจะตายไหม!ถ้าไม่ใช่เพราะเขาถูกสกัดจุด เขาคงเขาไปคว้ามือฟู่จาวหนิงแล้ว เขย่าๆ ให้นางรีบรักษาให้กับตนเอง"พระชายาอ๋องเจวี้ยน เขาติดโรคนั้นแล้วจริงหรือ?"คนที่ล้อมดูอยู่รอบๆ ถามขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ฟู่จาวหนิงมองชายคนนี้ จากนั้นก็มองไปทางลูกค้าที่จ้อ
ชายคนนั้นเองก็ถลึงตาโตมองฟู่จาวหนิงด้วยแน่นอนว่าเขาเองก็ได้ยินชื่อเสียงของฟู่จาวหนิงมาแล้ว แต่ก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าจะมีวันหนึ่งได้มานั่งอยู่ตรงหน้าฟู่จาวหนิงใกล้ๆ แบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังจับชีพจรให้ตนเองอีกด้วยนอกจากนี้ สีหน้าของฟู่จาวหนิงก็เคร่งขรึม แต่ไม่ใช่ความรังเกียจหรือหวาดกลัวแบบที่คนอื่นเห็นเขา ไม่มีความไม่สงบไม่มีความกลัวลนลานเอาแค่จุดนี้ ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าฟู่จาวหนิงมีชื่อเสียงสมคำร่ำลือจริงๆปากของเขาขยับ อยากจะพูดอะไร ต่อให้หมอเทวดาหลี่มาดูอาการให้เขา หมอเทวดาหลี่ตอนนี้ก็น่าจะสีหน้าไม่สู้ดีนักใครจะไม่รังเกียจเขาบ้าง"คลายจุดใบ้ของเขาเสีย" ฟู่จาวหนิงบอกกับสืออีสืออีไม่ลังเล หนึ่งนิ้วกดหนึ่งการเคลื่อนไหว จัดการคลายจุดใบ้ของชายหนุ่มคนนี้ทันทีไม่รอให้ชายคนนี้เอ่ยปาก ฟู่จาวหนิงก็พูดขึ้นว่า "ในเมื่อเจ้ามาที่นี่เพื่อยา เช่นนั้นก็หมายความว่าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ อยากจะรักษาโรคใช่ไหม?"ชายหนุ่มออกแรงพยักหน้าทันทีนี่ก็แน่นอนอยู่แล้ว ถ้ามีชีวิตต่อได้ใครจะอยากตายกัน? ถ้ารักษาโรคได้ ใครจะไม่อยากรักษา?"ในเมื่ออยากจะรักษาโรค เช่นนั้นก็ห้ามอาละวาดอีก ถ้าถามอะไรเจ้าก็ตอบม
ฟู่จาวหนิงเดินมาถึงตรงหน้าเขา เห็นผ้าคลุมหน้าของเขาดึงลงมาปิดปากอีกครั้ง นางพลิกมือ แล้วก็ไม่รู้ว่าในมือปรากฏมีดเล็กเปล่งประกายเล่มหนึ่งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรพอนางโบกมือ ก็ใช้มีดเล็กจัดการกรีดผ้าปิดหน้าของชายคนนั้นออก พอผ้าร่วงลงมาก็เผยสภาพของชายคนนี้ให้เห็นใบหน้าเขา ข้างจมูก มีหลายตำแหน่งเน่าไปแล้วจริงๆ ใบหน้าเองก็บวมแดงขึ้นหน่อยๆมีคนเห็นสภาพเขาก็ร้องตกใจออกมา"หน้าของเขาเน่าไปแล้วจริงๆ!""คนคนนี้ติดโรคระบาดไปแล้ว!"ชั่วขณะหนึ่ง คนทั้งหมดล้วนตกตะลึงถอยห่างอีกครั้ง มีบางส่วนขี้ขลาดกลัวตาย กระทั่งหมุนตัวตั้งท่าจะวิ่งหนีน่ากลัว ที่นี่มีคนป่วยอยู่!ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะถูกระบาดเข้าหรือเปล่า! พวกเขากล้าอยู่ต่อกันเสียที่ไหน?ฟู่จาวหนิงก็เหมือนร้ว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ตอนนี้ถึงอย่างไรก็ให้แขกเหล่านี้ทั้งหมดวิ่งออกไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นถ้าพวกเขาเอาออกไปลือกัน ก็ไม่รู้ว่าพันธมิตรโอสถจะถูกลือกันไปแบบไหนดังนั้น นางจึงเอ่ยขึ้นมาว่า"คนผู้นี้ใบหน้าเน่าไปแล้ว แต่พวกเจ้าอยากรู้ว่าเขาเป็นโรคเดียวกับชินอ๋องเซียวหรือไม่ใช่ไหม? ตอนนี้ข้าจะตรวจอาการเขา ข้ายังไม่หนีเลย แล้วพวกเจ้ากลัวอะไรกั
"พระชายา มีคนมาอาละวาดที่นี่"สืออีสือซานวันนี้ตามมาด้วย ไป๋หู่วันนี้พักผ่อนฟู่จาวหนิงตอนนี้ก็รู้ว่าตนเองออกมาข้างนอก ในเมืองหลวงก็ไม่แน่ว่าจะปลอดภัย ดังนั้นพอพาสืออีสือซานออกมา นางก็ยังพาเฝิ่นซิงมาด้วยเฝิ่นซิงพอเข้ามาก็ได้ยินชายคนนั้นเอะอะโวยวาย หน้าก็ขรึมลงไปทันทีจากที่นางเห็น พระชายาลงแรงปรุงยาเหล่านี้ คิดเอาไว้อย่างรอบคอบ การให้คนในพันธมิตรมาต้ม ถือว่าพิจารณาเอาไว้รอบด้านแล้ววัตถุดิบยาบวกกับฟืนไฟ แล้วยังมีเงินค่าแรงที่เหล่าพนักงานมาทำให้ หนึ่งชามสิบเหวิน พูดได้ว่าถูกมากแล้วเหล่าประชาชนควรจะรู้สึกว่า่โชคดีจึงจะถูก ทำไมถึงมีคนเข้ามาอาละวาดได้กัน?"สืออีสือซาน เข้าไปดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็เห็นชายคนนั้นแล้ว ตอนที่นางหันหน้ามา นางก็เห็นชายคลุมหน้าคนนั้นแล้วนางรีบเสริมเข้ามาให้คำหนึ่ง "ระวังหน่อย อย่าให้ถูกเขาข่วน แล้วก็อย่าโดนเลือดเขาด้วย"ถึงแม้ชายคนนี้พันหน้าไว้อาจจะไม่มีเรื่องอะไร แต่ถึงอย่างไรก็มาซื้อยา แล้วยังแต่งตัวเสียขนาดนี้ นางระวังไว้ก่อนดีกว่า"ขอรับ พระชายา" สืออีกกับสือซานช่วงนี้ตามติดฟู่จาวหนิง แน่นอนว่าเข้าใจความหมายของนางอยู่ทั้งสองคนรีบขึ้นหน้าไปแ
เสียงของชายคนนั้นทุ้มต่ำ ดวงตาก็กวาดมองไปทั่ว ไม่กล้าสบตากับพนักงานตรงๆพนักงานเองก็บอกกฏกับเขาแล้ว"ถ้าท่านคิดจะซื้อ ตอนนี้ก็เอาไปก่อนสามชาม""สามชามจะไปพออะไร? ชามของข้านี่อย่างน้อยก็ใส่ได้ยี่สิบชามเลยนะ! เจ้ารีบเติมให้ข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่เกรงใจกับเจ้าแล้วนะ!""คุณลูกค้า ที่นี่เป็นพันธมิตรโอสถ ขอเตือนท่านอย่ามาก่อเรื่องที่นี่เลย" พนักงานหน้าเริ่มดำขึ้นมาแล้วเขาเห็นที่นี่เป็นร้านขายยาธรรมดา เลยคิดจะทำตัวแบบนี้ได้หรือ?"ข้าก็ไม่ใช่ว่าไม่ให้เงินเสียหน่อย! พวกเจ้าถือดีอะไรไม่ขายให้ข้า?""ข้าบอกกฏกับท่านไปแล้ว นี่คือกฏที่หมอเทวดาฟู่วางไว้!""หมอเทวดาฟู่? ก็แค่หญิงสาวคนนั้นไม่ใช่หรือ? ข้าได้ยินว่าผู้จัดการใหญ่ที่นี่สกิลต่ง ไม่ใช่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะตัดสินใจได้เสียหน่อย! นางถือดียังไงมากำหนดกฏเกณฑ์ในพันธมิตรโอสถ?"น้ำเสียงชายพันหน้าฟังแล้วเริ่มโกรธขึ้นมาแล้ว"ยานี้เป็นหมอเทวดาฟู่ที่ปรุงออกมา ถ้าท่านมาดูถูกหมอเทวดาฟู่ เช่นนั้นก็อย่ามาซื้อยาสิ" พนักงานหัวเราะเย็นชาขึ้นมาคนผู้นี้น่าขำเสียจริง มาซื้อยาที่ฟู่จาวหนิงปรุง แต่กลับดูหมิ่นฟูจาวหนิงหรือ?ยิ่งไปกว่านั้น ใครไม่รู้บ้างว่า
ฟู่จาวหนิงปรับปรุงสูตรยา ใช้วัตถุดิบยาที่หาได้ทั่วไปบางส่วน แล้วตนเองก็ปรับปริมาณให้ จากนั้นทุกวันก็ให้คนของพันธมิตรต้มออกมาสามหม้อใหญ่ แล้วอุ่นบนเตาเอาไว้ตลอดคนที่มาซื้อยาเหล่านั้น สามารถใช้ชามของพันธมิตรโอสถ ตอนที่ดื่มเสร็จแล้ว ก็เอาชามกลับมาได้ตอนแรก ต่งฮ่วนจือรู้สึกว่ายาน้ำเช่นนี้ไม่น่าจะขายออก แล้วยังตั้งสามหม้อใหญ่แน่ะ หม้อนั้นก็ใบมโหฬารเลยทีเดียว เป็นหม้อใหญ่ที่เอาไว้ต้มข้าวต้มให้ผู้ประสบภัยตอนช่วงเกิดภัยพิบัติสมัยก่อนยาน้ำสามหม้อใหญ่เต็ม สามารถขายได้หลายร้อยชามแล้ววันเดียวจะขายออกได้หรือ? มีคนมากมายจะมาดื่มยาน้ำขนาดนี้เลยหรือ? ถึงอย่างไรเจ้านี่ก็ไม่ใช่ของดีอะไรมากถ้าขายไม่หมดก็ต้องเททิ้ง สิ้นเปลืองวัตถุดิบยาแย่แต่ผู้อาวุโสจี้ก็ตัดสินใจทันที ให้ผู้ดูแลของพันธมิตรโอสถจัดการเรื่องนี้ผลคือพอปล่อยชื่อเสียงของฟู่จาวหนิงออกไป คนที่มาดื่มยาก็ยังมากกว่าตามโรงน้ำชาหอสุราเสียอีกยาน้ำสามหม้อใหญ่ ขายหมดเกลี้ยงภายในวันเดียววันถัดมา ก็ขายขายหมดเหมือนเดิม กระทั่งมีคนไม่ได้ดื่มด้วยซ้ำ มาถามพวกเขาว่าขายยาไปต้มกินเองเลยได้ไหมแต่ฟู่จาวหนิงก็มีวิธีของนางอยู่ยาชนิดนี้ทำได้แค่ป้