องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแหงนตาขึ้นอย่างยินดี สายตาเปล่งประกายขึ้นมาทันควัน ราวกับเด็กคนหนึ่งที่จู่ๆ ก็ได้รับลูกกวาดมาปฏิกิริยาเช่นนี้ทำให้ฮูหยินเฉิงพอใจขึ้นมา ทำให้นางรู้สึกว่า ตนเองแค่พูดคำเดียวก็ทำให้องค์หญิงใหญ่ดีจขึ้นมาได้ขนาดนี้ ใช้ได้อยู่นะนี่เองก็เป็นเพราะองค์หญิงใหญ่เคารพนาง"จริงหรือ? ข้าไปคนเดียวคงจะหวาดกลัวน่าดู แต่ถ้าติดตามไปกับท่านน้าเฉิงได้ ข้าก็ไม่ต้องกลัวแล้ว ปลดภัยด้วย ซ้ำยังไม่น่าเบื่ออีก""ได้แน่นอน เจ้าอารามเองก็ชอบองค์หญิงใหญ่มากนี่ เชื่อว่าพอเขาเห็นท่านคงจะดีใจมาก" ฮูหยินเฉิงเอ่ยขึ้น"ดีจริงๆ ท่านน้าเฉิง ท่านเดินทางเมื่อไรหรือ?""พรุ่งนี้เช้าก็ออกเดินทางแล้ว""อา เวลากระชั้นชิดดีจริงๆ ข้าต้องรีบกลับไปเตรียมตัวแล้ว" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นลุกพรวดขึ้นมา "ท่านน้าเฉิง เช่นนั้นก็ตามนี้ พรุ่งนี้เช้าข้าจะออกเดินทางไปพร้อมกับท่านน้า""ได้ ได้เลย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นขอตัวทันที บอกว่าจะกลับไปเก็บของจนตอนที่นางออกไป ฮูหยินเฉิงจึงเพิ่งได้สติกลับมา ใจเย็นลงมาได้หน่อย จู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาลวี่กั่วก่อนหน้านี้ไม่กล้าพูดมาตลอด นี่มันองค์หญิงใหญ่จากต้าชื่อเลยนะพอนางออกไ
ฮูหยินเฉิงเดิมทีคิดจะรอให้เซียวหลันยวนกลับมา แล้วหารือกับเขาเรื่องนี้การจะพาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไปด้วยกัน อันที่จิรงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ จะอย่างไรก็ต้องคุ้มกันความปลอดภัยขององค์หญิงใหญ่ด้วยกระมัง?จุดนี้อาศํยแค่นางคงไม่ไหว ยังต้องพึ่งเซียวหลันยวนด้วยแต่ว่านางรอจนถึงกลางดึก ง่วงก็ง่วง เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับ"ลวี่กั่ว ไปเรือนโยวหนิงถามดูหน่อย ว่าท่านอ๋องทำไมจึงยังไม่กลับมา? คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรใช่ไหม?""ทราบแล้ว"ลวี่กั่วรีบถือตะเกียงเดินไปที่เรือนโยวหนิง พอเดินมาถึงประตูก็ถูกองครักษ์ลับขวางเอาไว้"ทำอะไรน่ะ?""ข้าคือลวี่กั่วคนข้างกายฮูหยินเฉิง ข้าจะมาถามว่า ท่านอ๋องหลับไปแล้วหรือยัง? ฮูหยินของเรามีเรื่องจะหารือกับท่านอ๋อง""ท่านอ๋องยังไม่กลับ กลับไปเถอะ" องครักษ์ลับเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์"แล้วท่านอ๋องไปไหนล่ะ?" ลวี่กั่วถามอีกองครักษ์ลับไม่ตอบ แค่เหลือบมองนางผาดหนึ่งเท่านั้น ไม่แสดงสีหน้าใดนี่เป็นเรื่องที่นางถามได้หรือ? ท่านอ๋องไปไหนแล้วเกี่ยวอะไรกับนาง"ส่งจดหมายให้ท่านอ๋องหน่อยได้ไหม? เชิญท่านกลับมาหน่อย?""ไม่ได้ กลับไปซะ" องครักษ์ลับเอ่ยขึ้นหน้านิ่งอีกครั้งเป
"ทำไมจะไม่ล่ะเจ้าคะ?" ลวี่กั่วคาดเดาอย่างมั่นอกมั่นใจ "ฮูหยินท่านลองคิดดูสิ พรุ่งนี้จะเดินทางไปยอดเขาโยวชิงอยู่แล้ว ตามหลักการพวกเขาคืนนี้ไม่ควรจะพักที่จวนอ๋องหรอกหรือ? ของบางอย่างที่ยังจัดเก็บไม่เสร็จก็ต้องมาจัดการห้ามตกหล่น แล้วพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องรีบกลับมาอีกรอบด้วย"ลวี่กั่วเอ่ยต่อ "ยิ่งไปกว่านั้น ฮูหยินเองก็อยู่ที่จวนอ๋อง จะมองท่านเป็นครอบครัวอย่างไร ก็ไม่ควรทิ้งท่านให้แกร่วอยู่ที่นี่สิ? ไม่ใช่ควรจะกลับมาอยู่ด้วยกันหรือ? นี่ยังมีมารยาทเหลืออยู่ตรงไหนกัน? ดังนั้นจากที่ข้าเห็น เรื่องนี้พระชายาต้องจงใจแน่นอน"เดิมทีฮูหยินเฉิงก็ไม่ได้คิดมาด้านนี้เลย แต่ตอนนี้พอได้ยินลวี่กั่วพูดขึ้นมา นางก็ถูกกล่อมเข้าให้แล้ว เพราะฟังแล้วก็ดูมีเหตุผลอยู่"ช่างเถอะ พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน สามีภรรยาต้องใกล้ชิดกันที่สุดอยู่แล้ว ข้าเองก็จะไปเพิ่มภาระให้อายวนตลอดไม่ได้ พวกเขาสามีภรรยารักใคร่กลมเกลียวกันก็คือดีที่สุดแล้ว"ลวี่กั่วมองฮูหยินเฉิง พูดออกมาแบบนี้ แต่ฮูหยินคิดแบบนี้จริงหรือเปล่า? ในใจตอนนี้คงจะเจ็บปวดน่าดูกระมัง"ฮูหยิน แล้วพรุ่งนี้ที่จะพาองค์หญิงใหญ่ไปด้วยกัน ยังไม่มีโอกาสได้หารือกับท่านอ๋องเลยน
"คุณหนู ข้าทำไมเห็นคนที่มาดูไม่ค่อยจะถูกนักนะ?"เสี่ยวเยว่มองไปด้านหลัง เห็นคนมาไม่น้อยเลยรถม้าคันหนึ่ง แต่ด้านหลังมีคนขี่ม้ามาอีกหลายคนข้างกายฮูหยินเฉิงมีแค่องครักษ์กับสาวใช้อย่างละคนนี่"ดูท่านจะมีเรื่องไม่คาดคิดเสียแล้ว" ฟู่จาวหนิงเองก็เหลือบมองตามไปเมื่อคืนนี้นางให้เซียวหลันยวนกลับจวนอ๋อง แต่เขาบอกว่าไม่อยากกลับไป ขี้เกียจวิ่งไปวิ่งมา ยิ่งไปกว่านั้นการได้นอนในห้องนอนเก่าของนางก็มีความรู้สึกไปอีกแบบด้วยเมื่อคืนใต้ฝ่าพระบาทอ๋องเจวี้ยนก็เลยเอาแต่สำรวจห้องเก่าของนาง แล้วยังถามเรื่องในอดีตของนางไปไม่น้อย ขนาดที่ของสลักมือดูงุ่มง่ามซึ่งวางอยู่ในห้องนาง ก็ยังต้องถามถึงที่มาที่ไปถูกเขาสำรวจไป ก็ยังเจอเข้ากับกล่องใบหนึ่งที่ดูมีอายุหน่อยด้วย ด้านในสะสมของเล่นบางส่วน สะสมไว้ตั้งแต่ยังเล็กมากๆเซียวหลันยวนยังเจอกับแหวนโบราณวงหนึ่งในนั้นด้วยแหวนวงนี้ทำจากเงิน ดูจากขนาดเป็นของที่เด็กสวม ฟู่จาวหนิงค้นในความทรงจำอยู่นานสองนานก็ยังนึกไม่ออกว่าแหวนวงนี้มาจากไหน เซียวหลันยวนจึงเก็บมันไว้ไว้ตอนไหนที่นางนึกออกค่อยบอกเขาฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตอนที่เขาเห็นแหวนวงนี้สีหน้าดูประหลาดๆ หน่อย
พอเซียวหลันยวนสวมหน้ากากเสร็จ ฮูหยินเฉิงก็มาถึงตรงหน้าแล้วฮูหยินเฉิงเลิกม่านรถก็เห็นเซียวหลันยวน เดิมทีกังวลอยู่ตลอดว่าเขาไม่น่ารอตนเองแล้ว ตอนนี้พอมาเจอกันจึงถอนใจโล่งออกมาได้ในที่สุดนางกำลังจะพูด อยากจะอธิบายเรื่องที่ตนเองพาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาด้วย แต่รถม้าพวกเขายังไม่ทันหยุดดู เซียวหลันยวนก็แล่นออกไปก่อนแล้ว"ท่านน้าเฉิงในเมื่อมาถึงแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็ออกเดินทางเถอะ ถนนเส้นนี้ความเร็วการรุดหน้าจะไวหน่อย ไม่ได้หยุดพักเท่าไรนัก"สภาพอากาศเดือนสาม หลายพื้นที่อาจจะมีฝนตกถ้าเสียเวลาบนเส้นทางนี้มาก การเดินทางนี้ก็จะล่าช้ามากเกินไปเพราะฮูหยินเฉิง ทำให้เซียวหลันยวนไม่รู้สึกคาดหวังอะไรกับการเดินทางครั้งนี้ เขากระทั่งเหมือนกับฟู่จาวหนิง รู้สึกว่าที่เจ้าอารามเรียกพวกเขาไปครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆดังนั้นตอนนี้เซียวหลันยวนจึงเท่ากับต้องรีบทำภารกิจนี้ให้เสร็จสิ้น"ออกเดินทาง"เซียวหลันยวนกระโจนขึ้นหลังม้าออกคำสั่งรถม้าของพวกเขานำหน้า ด้านหลังยังมีเสี่ยวเยว่นั่งอยู่บนรถม้าที่ขนสัมภาระจนเต็ม และยังมีองครักษ์อีกกลุ่มหนึ่ง ด้านหลังจึงจะเป็นรถม้าของฮูหยินเฉิงพอเป็นเช่นนี้ ระยะห่า
ไม่รู้เพราะอะไร ในใจองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึงได้รู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้วรางๆ เสียที่ตนเองไปสานสัมพันธ์กับฮูหยินเฉิงด้วยตนเอง"ไม่เป็นไร..."อารมณ์ซับซ้อน ความคิดก็มากมาย แต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ยังคงฝืนทนไว้ กดเสียงต่ำบอกมาว่าตนเองไม่เป็นไร แต่ก็ไม่มีอารมณ์จะหันไปปลอบฮูหยินเฉิงแล้วจริงๆ"ไม่ใช่เรื่องด่วนอะไร ทำไมต้องเร่งเดินทางขนาดนี้?"ฮูหยินเฉิงคิดจะเลิกม่านสอบถาม แต่ความเร็วของรถม้าก็เร็วมากจริงๆ สะเทือนจนนางไม่มีกิจิตกะใจจะไปทำแล้วเร่งเดินทางเช่นนี้ไปครึ่งวันพวกฮูหยินเฉิงตื่นแต่เช้า พอถึงตอนกลางวันก็หิวจนแทบทนไม่ไหว เดิมทีคิดว่าตอนกลางวันจะหยุดพักกินข้าวกัน ไม่คิดเลยว่าขบวนกลับไม่ยอมหยุดพัก แต่ยังเร่งระยะทางต่อไปอีกหนึ่งชั่วยามจนตอนที่หยุดลงมา ฮูหยินเฉิงกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็หิวจนเนื้อตัวอ่อนแรงไปแล้วเดิมทีสามารถกินของว่างรองท้องในรถม้าได้ แต่เพราะความเร็วที่มากเกินไป รถโคลงเคลงหนักมาก พวกนางเองก็กินไม่ลง"รีบประคองข้าลงจากรถม้าไปหายใจหายคอหน่อย"ลวี่กั่วประคองฮูหยินเฉิงลงจากรถม้า สาวใช้วังเองก็ประคององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นลงมาด้วยเช่นกันทั้งสองคนถอนหายใจยาวองค์หญิงใหญ่ฝ
"ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะรอที่นี่ ต้องเตรียมของกินให้พวกเขาหน่อยสิ? ป่านนี้แล้ว คงหิวกันแย่"ฮูหยินเฉิงรู้สึกเป็นไปได้ที่ฟู่จาวหนิงจงใจดึงเซียวหลันยวนออกไป ไม่อยากให้เขามาเจอพวกนางด้วยเหตุนี้จึงพาเซียวหลันยวนไปปีนเนินเขา โดยไม่สนใจสุขภาพของเขา โคลงเคลงอยู่ตั้งนานสองนาน เขาไม่ควรพักผ่อนเสียหน่อยหรือ?"จุดไฟเตรียมกันแล้ว ฮูหยินเฉิงกับองค์หญิงใหญ่โปรดรอสักครู่" ชิงอีเอ่ยขึ้นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกัดริมฝีปากล่าง ยังต้องให้สาวใช้วังประคองนางเดินห่างออกไปหน่อยเพื่อจัดแจงธุระส่วนตัวตอนที่กลับมานางก็มองไปทางเนินลาดนั้น แต่ก็ไม่เห็นแผ่นหลังเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงแล้ว ไม่รู้ว่าพวกเขาเดินไปถึงไหนแล้วนางกลับไม่รู้ ว่าพอพ้นเนินลาดนี้ไป เดินลงไปด้านหลังมีทิวทัศน์อันงดงามอยู่ภาพหนึ่งหญ้าสีเขียวเขียวขจีหนาแน่น ตรงกลางยังมีดอกไม้ป่าหลากสีสันแซมอยู่ ดอกไม้บานอ่อนช้อยดูอิสระเสรี เบ่งบานสะพรั่งเป็นผืนกว้างราวกับพรมดอกไม้สวยสดช่างเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามจริงๆด้านในผืนดอกไม้ป่านี้ยังมีบึงน้ำเล็กๆ อยู่อีก รอบบึงยังมีพุ่มดอกไม้ป่าที่สูงใหญ่กว่าขึ้นอยู่ พอแสงแดดยามบ่ายสาดส่องเข้ามา ที่นั่นจึงดูเหมือนกร
ฟู่จาวหนิงสงสัย ซือถูไป๋เดิมทีก็อยู่ระหว่างทางมาเมืองหลวงอยู่แล้ว"พูดถึงเรื่องนี้ ข้าเองก็ได้ยินมาแล้ว ยินดีด้วยคุณชายซือถู" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นไม่ว่าหยวนอี้มีเหตุผลอะไรถึงส่งสิ่งนี้ให้ซือถูไป๋ ที่คนนอกมองเห็นคือการตบฉาดเข้าที่หน้าของพันธมิตรโอสถใต้หล้า ถือว่าโรงยาทงฝูชนะไปก้าวหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ยังทำให้ซือถูไป๋ได้รับการให้ความสำคัญจากผู้นำตระกูลด้วยสำหรับซือถูไป๋ก็ถือเป็นเรื่องดีจริงๆ ดังนั้นที่ฟู่จาวหนิงยินดีกับเขาก็เป็นเรื่องปกติแต่พอได้ยินฟู่จาวหนิงยินดีกับซือถูไป๋ เซียวหลันยวนกลับรู้สึกหึงหวงหน่อยๆซือถูไป๋ปีที่แล้วยังคิดไม่ซื่อกับฟู่จาวหนิงอยู่เลย เขามักรู้สึกว่าถ้าแค่ตนเองเผลอนิดเดียว ซือถูไป๋ก็จะฉวยโอกาสทันทีทำให้ฟู่จาวหนิงยินดีกับซือถูไป๋ได้ นี่มันก็อธิบายว่าซือถูไปจะมากน้อยก็ถือว่ามีความได้เปรียบ หรือมีเรื่องน่ายินดี ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ก็ดึงดูดความสนใจของฟู่จาวหนิงมาได้เหมือนกันความสนใจจุดนี้ ทำให้ในใจเซียวหลันยวนขุ่นเคืองขึ้นมา"ขอบคุณพระชายา"ซือถูไป๋เหลือบมองอ๋องเจวี้ยนผาดหนึ่ง เป็นชายหนุ่มเหมือนกัน แม้จะมองไม่เห็นสีหน้าของอ๋องเจวี้ยน แต่เขาจะไม่
เสียงของเจ้าอารามดังขึ้นแผ่วเบาข้างหู ทำให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่เดิมคิดจะร้องด้วยความตกใจกลืนมันกลับลงไป พยายามทำให้ตนเองใจเย็นลงมาในเมื่อองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นบอกว่าพวกเขาดูอยู่ได้ เช่นนั้นไม่ดูก็จะเสียโอกาสฟู่จาวหนิงดึงเซียวหลันยวนเดินเข้าไปใกล้ๆ ดังนั้นพวกเขาเองก็เห็นตาข่ายระยางเลือดละเอียดบนแท่นหินแล้วแรงกดอากาศในถ้ำหินเหมือนจะต่ำลงมาหน่อย จากนั้นแสงก็หม่นลงมาท้องฟ้าด้านนอกไม่รู้ทำไมถึงมืดลง ควบเมฆดำขึ้นมาผืนใหญ่ตาข่ายระยางเลือดบนแท่นหินค่อยๆ ไหลเวียนขึ้นมา จากนั้นลูกปัดหยกเหล่านั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนไหวไปตามรางสีท้องฟ้ามืดลงกว่าเดิมเพียงไม่นาน ลูกปัดหยกรอบๆ พวกนั้นก็หมุนวนขึ้นมาลูกปัดหยกมากมายขนาดนั้น มีทั้งหมุนเร็วหมุนช้าแตกต่างกันไป ตอนที่หมุนก็เกิดเสียงเสียดสีแตกต่างกันออกมาในเสียงเองก็ไม่เหมือนกัน มีทั้งเสียงแซ่กๆๆ มีทั้งเสียงจิ๊กๆๆ มีทั้งเสียงกึกๆๆ ดังเบาแตกต่างกัน แม้จะเป็นเสียงที่เบามา แต่พอมากขนาดนี้ เสียงเล็กๆพอรวมกันขึ้นมา ก็ทำให้คนมองข้ามไปไม่ได้เช่นกันฟู่จาวหนิงมองลูกปัดหยกเหล่านั้น ในใจตกตะลึงนี่เป็นกลไกที่ละเอียดมาก? หรือว่าเป็นค่ายกลอะไรกันนะ?เพียง
ฟู่จาวหนิงอันที่จริงไม่ค่อยเข้าใจว่าเจ้าอารามทำไมจึงอยากจะให้นางดูให้ได้ให้เขาทำนายชะตาของเซียวหลันยวนกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแล้วทำไมล่ะ? ต่อให้เข้ากันได้ นางก็ไม่สนใจ ดูไปแล้วมันจะมีความหมายอะไร?"ต่อให้เปลี่ยนไปก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า" ฟู่จาวหนิงกระพริบตาปริบๆกระทั่งเจ้าอารามก็ยังไม่เคยเจอคนแบบฟู่จาวหนิงคนมากมายมาอ้อนวอนให้เขาช่วยทำนาย อยากจะให้เขาช่วยแก้ไขโชคชะตา คำนวณหาฤกษ์ดีฤกษ์ร้าย แต่ฟู่จาวหนิงกลับบอกว่าไม่ต้องการนี่คือไม่ได้อยากรู้กับโชคชะตาของตนเองแม้แต่น้อยเลยหรือ? แต่ก็ควรอยากรู้อนาคตนี่นา?"ถ้าอย่างนั้นท่านก็ห้ามอ๋องเจวี้ยนทำนายไม่ได้สิ" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน ทำไมอ๋องเจวี้ยนต้องฟังนางด้วยล่ะ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน"ข้าไม่ได้ห้ามเขาทำนาย แค่เจ้าอารามถามว่าข้าอยากดูไหม ซึ่งข้าก็บอกว่าไม่สนใจเท่านั้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจ้องตาแป๋วไปทางเซียวหลันยวน "อ๋องเจวี้ยน ขอเชิญท่านมาทำนายชะตาของพวกเรา..."เซียวหลันยวนตัดบทนาง"ถ้าข้าจะทำนาย ข้าก็ไม่อยากทำนายชะตาที่เกี่ยวกับเจ้า เป็นอย่างที่พระชายาบอก ไม่ว่าพวกเราจะมีชะตาอย่างไร พวกเราก็ไม่สนใจทั้งนั้
เซียวหลันยวนแน่นอนว่าไม่บีบให้ฟู่จาวหนิงเห็นด้วย แม้ว่านางจะได้ยินประโยคนั้นจากเจ้าอารามแล้วหวั่นไหวมากก็ตามอันที่จริงเขาก็อยาก เขาอยากจะดูว่าตนเองกับจาวหนิงชะตาต้องกันหรือไม่หลายปีมานี้ได้ยินว่าเขากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นชะตาต้องกันมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้เจ้าอารามก็แนะนำให้เขากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแต่งงานกันด้วยเหตุผลนี้เซียวหลันยวนคิดในใจ ถ้าเพื่อทำนายออกมา แล้วดวงชะตาของเขากับจาวหนิงต้องกันมากกว่าล่ะ?เช่นนั้นหลังจากนี้พวกเขาก็ไม่ต้องเอาเขากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาผูกได้ด้วยกันแล้วใช่ไหม? เอาจริงๆ เขาฟังมาจนเบื่อแล้ว ฟังจนรำคาญด้วยแต่ฟู่จาวหนิงไม่ยอม เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไร"พระชายา อ๋องเจวี้ยนเป็นคนที่สำคัญมากในราชวงศ์แคว้นเจา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นร้อนรนขึ้นมา "อันที่จริงต่อให้ไม่มาหาเจ้าอาราม ก่อนหน้าที่เขาจะแต่งงานก็ต้องมีการดูดวงสมพงษ์ของทั้งสองฝ่ายก่อน ทำนายว่าวาสนาคุ่ครองนี้จะสมบูรณ์หรือไม่ ข้าได้ยินว่าก่อนหน้านี้พวกท่านก็ไม่ได้ทำนายกัน นี่มันไม่สมเหตุสมผล"นางอยากให้ฟู่จาวหนิงทำนายมาก!ด้วยประสบการณ์ที่ฟู่จาวหนิงหมั้นหมายกับเซียวเหยียนจิ่ง แล้วยังถอนหมั้นกลางถนนก่อนหน้านี
ฟู่จาวหนิงเหล่มองเขาผาดหนึ่ง ยื่นมือไปหยิกแขนของเขาตาของเขายังคมกว่านางอีกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นยังนิ่งขนาดนี้อีก ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยถ้าฮูหยินเฉิงรู้ว่าเจ้าอารามที่นี่มีหยกดารามากขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะเกิดความคิดอะไรขึ้น?เหมือนเจ้าอารามก็น่าจะรู้ว่านางต้องการหยกดาราด้วยกระมัง? ไม่แบ่งให้นางสักหน่อย แต่ยังให้นางเดินทางนับพันลี้ออกไปหา? เรื่องนี้ดูแล้ว ที่ฮูหยินเฉิงบอกมาเองว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าอาราม เจ้าอารามเชื่อใจนางมาก ความน่าเชื่อถือเรื่องนี้ลดลงไปกว่าครึ่งเลยทีเดียวขณะที่ฟู่จาวหนิงกำลังคิดว่า ถ้าทีหลังตอนที่ฮูหยินเฉิงเข้ามาพูดไร้สาระต่อหน้านางอีกนางก็จะสะบัดเรื่องนี้แทงใจอีกฝ่ายไปเลย เจ้าอารามก็ตอบคำถามของเซียวหลันยวนมา"ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกว่า เจ้ากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมีชะตาต้องกัน แต่ดูเหมือนเจ้าไม่ค่อยเชื่อ วันนี้เลยอยากให้เจ้าได้เห็นด้วยตัวเองน่ะ"พอได้ยินคำนี้ของเจ้าอาราม หน้าเซียวหลันยวนก็ขรึมลงมาเขาไม่คิดว่าเจ้าอารามจะมีความคิดเช่นนี้"ไม่จำเป็นหรอก"ตอนนี้เขาแต่งงานกับฟู่จาวหนิงแล้ว จะให้เขามาเห็นว่ามีชะตาต้องกันกับหญิงสาวคนอื่น คิดจะทำอะไรกัน?เซียวหลัน
ฟู่จาวหนิงยื่นหัวออกมามอง จึงพบว่าจุดที่เจ้าอารามยืนอยู่นั้นแปลกประหลาดหน่อยๆตรงหน้าเขามีแท่นหินแท่นหนึ่ง ด้านบนไม่รู้สลักอะไรไว้ แล้วยังมีรางที่ดูซับซ้อนอยู่ ปลายรางมีลูกปัดหยกหลายขนาดหลายสีฝังอยู่ด้วยแท่นหินนั้นสูงประมาณเอวเขาด้านหน้าคือหน้าต่างหินธรรมชาตินั่นตอนนี้เป็นช่วงกลางวัน แสงด้านนอกสาดส่องเข้ามา ดังนั้นในถ้ำจึงไม่มืดนักแต่ว่าฟู่จาวหนิงยังพบว่าในถ้ำภูเขานี้ รอบๆ ยังมีเสาหินบางส่วนยื่นออกมา เสาหินทุกต้นฝังลูกปัดหยกขนาดกำปั้นเด็กเอาไว้เม็ดหนึ่งนางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที จึงก้าวออกไปข้างๆ สองก้าว เข้าหาเม็ดที่อยู่ใกล้ที่สุด ก้มหน้าลงไปดูแน่นอน รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบนี้ ไม่ควรเข้าไปแตะสุ่มสี่สุ่มห้า นี่เป็นมารยาท ดังนั้นนางจึงเพียงแค่มอง ไม่ยื่นมือออกไปเพียงแต่พอมองดู ฟู่จาวหนิงก็ตกตะลึงนี่มันอะไรกันเนี่ย?ก่อนหน้านี้ฮูหยินเฉิงถึงกับต้องแจ้นไปเมืองหลวงไกลนับพันลี้เพื่อกำไลหยกดาราตงฉิงวงหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเซียวหลันยวนยังเคยบอกว่า หยกดาราตงฉิงตอนนี้หายากมาก ถึงอย่างไรตงฉิงก็หายสาบสูญไปแล้วแต่ตอนนี้ที่นางเห็นนี่มันอะไรกัน?ลูกปัดหยกขนาดเท่า
พอคิดแบบนี้ ในใจนางก็มีความหวังพรั่งพรูออกมาพวกเขาเดินผ่านประตูหลัง ก็มองเห็นบันไดที่ทอดยาวลงด้านล่างด้านหลังยอดเขาโยวชิงผืนนี้ มองออกไปเป็นทิวเขาที่ทอดยาวผืนหนึ่ง แต่ก็ยังเตี้ยกว่ายอดเขาโยวชิงอยู่มาก"นี่จะไปคุยกันที่ไหนหรือ?"คุยกันในหออู๋จิ้งที่พักของเจ้าอารามยังสงบไม่พออีกหรือไรกัน?เอาจริงๆ ยอดเขาโยวชิงทั้งลูกก็เงียบสงบมากพอแล้ว"ไม่รู้สิ" เซียวหลันยวนสีหน้ายังคงสงบเขาเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าอารามจะพาพวกเขาไปคุยกันที่ไหนหลังจากลงไป ก็มีอุโมงค์หินที่มาราวหินเส้นหนึ่ง เหมือนเจาะออกมาจากหน้าผาอย่างไรอย่างนั้น เดินผ่านไปได้พร้อมกันแค่สองคนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหลังจากลงมาก็เหลือบมองลงไปด้านล่าง หน้าผาลึกทำเอานางสันหลังวาบเลยทีเดียวนางกลัวขึ้นมาหน่อยๆแต่ด้านหน้าก็ไม่เห็นหลังของเจ้าอารามโยวชิงแล้ว เซียวหลันยวนเองก็ยังคงจับมือฟู่จาวหนิงไว้แน่น ยิ่งทำให้นางดูโดดเดี่ยวน่าสงสารขึ้นไปอีกนางหันกลับไป ก็เห็นซางจื่อที่เดินตามหลังมาอย่างไร้ซุ่มเสียงเดินมาพักหนึ่ง เลี้ยวหนึ่งโค้ง ก็มองเห็นเข้ากับถ้ำหินธรรมชาติ ด้านบนมีเถาวัลย์หนามอยู่มากมาย ห้อยลงมาบนศีรษะฟู่จาวหนิงมองเถาวัลย์เหล่า
ฟู่จาวหนิงเกิดความรู้สึกเมื่อครู่ขึ้นอีกครั้งฮูหยินเฉิงดูจะเชื่อฟังง่ายไปหน่อยแล้ว อารมณ์นั่นสลายเร็วเกินไปไหม?เพราะคำพูดแผ่วเบาสองคำนั่นของเจ้าอารามหรือ?หรือจะบอวก่า เจ้าอารามมีบารมีแข็งแกร่งมาก แค่คำพูดที่เขาพูด คนอื่นก็เกิดความคิดโต้แย้งประท้วงอะไรไม่ได้ทั้งสิ้นเลยหรือ?กลายเป็นว่าเชื่อฟังคำของเขาไปทั้งหมด?"ข้าอยากจะคุยกับพวกเขาสักหน่อย เจ้าลงเขาไปก่อนเถอะ ออกมานานแล้ว ธุระที่อุทยานเขา เจ้เาองก็ต้องไปจัดการอยู่"เจ้าอารามยังคงพูดเสียงอ่อนโยนกับฮูหยินเฉิงฮูหยินเฉิงลุกขึ้นมา"ได้ เช่นนั้นข้าขอลงเขาก่อน ถ้ามีเรื่องอะไร เจ้าอารามก็ส่งคนมาหาข้าได้เลย"เจ้าอารามพยักหน้าให้เบาๆองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้ลนลานขึ้นมา เดิมทีนางก็ไม่ค่อยชอบเรื่องที่ฮูหยินเฉิงปีนเกลียวเอาแต่เรียกนางว่าอาฝูอยู่แล้ว แต่ฮูหยินเฉิงเองก็คิดจะช่วยนางเรื่องแต่งเข้าจวนอ๋องเจวี้ยนจริงๆพอมีฮูหยินเฉิงอยู่ บางทีอาจจะช่วยนางพูดได้บ้าง ให้เจ้าอารามโยวชิงช่วยเหลือนางหน่อยตอนนี้ฮูหยินเฉิงไปแล้ว แล้วถ้านางมีหลายคำพูดที่พูดออกมาลำบากล่ะ?ข้างกายนางเองก็ไม่มีใครที่ใช้ได้ด้วย รู้สึกโดดเดี่ยวเ
"นี่เป็นชาที่อายวนปลูกเอาไว้ในอดีต มีชื่อว่ายอดชาหิมะ" เสียงของเจ้าอารามยังคงเหมือนสายลมแผ่วเบา ฟังแล้วเหมือนได้รับการปลอบประโลมฟู่จาวหนิงอดมองไปทางเขาไม่ได้นางมีความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาทั้งที่เจ้าอารามไม่ได้ปลอบองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตรงๆ แท้ๆ แต่เขาที่พูดมาแค่คำสองคำ สีหน้าขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับสงบลงมาแล้ว นี่มันพลังมารอะไรกันเนี่ย?นี่ยิ่งทำให้ใจของฟู่จาวหนิงยิ่งระแวดระวังขึ้นไปอีกนางหันสายตาออกเล็กน้อย และสบเข้ากับถังอู๋เจวี้ยนพอดี เขากำลังมองนางอย่างเป็นห่วงหน่อยๆ พอเห็นว่าสีหน้านางไม่เปลี่ยน ถังอู๋เจวี้ยนก็ยิ้มขึ้นมาฟู่จาวหนิงมองเห็นถึงแววปลื้มใจจากในรอยยิ้มของเขาปลื้มใจ? เขาจะปลื้มใจทำไมกัน? ฟู่จาวหนิงไม่เข้าใจสุดๆ"ชานี้รสชาติดีจริงๆ" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหลังจากที่ดื่มชา ความน้อยเนื้อต่ำใจก็หายไปแล้ว ดูแล้วเหมือนเป็ดขนฟูถูกลูบให้เรียบลง กลับมาอ่อนโยนว่าง่ายอีกครั้งฟู่จาวหนิงมองการเปลี่ยนแปลงในช่วงสั้นๆ นี้ของนาง ในใจระแวดระวังขึ้นไปอีกนางมองไปทางเซียวหลันยวนอีกครั้งเซียวหลันยวนหรุบตาไม่มองนาง แต่กุมมือนางไว้ คลึงนิ้วของนางเบาๆ มองไม่ออกว่าจับความผิดปกติอะไรได้ห
"อายวน หน้าของเจ้าดีขึ้นแล้วนี่ แล้วทำไมยังต้องสวมหน้ากากอยู่ตลอดด้วย?"ฮูหยินเฉิงอันที่จริงก็ถูกหน้าตาของเซียวหลันยวนทำให้ตะลึงไปเช่นกันนางเองก็ไม่ได้เห็นหน้าตาเซียวหลันยวนมานานแล้วตอนยังเด็กกับตอนนี้ต้องต่างกันอยู่แล้วหลังจากโตขึ้นมา ใบหน้าเซียวหลันยวนก็มีแผลเป็นพิษอยู่ตลอด มีครั้งหนึ่ง นางเคยเห็นเขาตอนที่ไม่สวมหน้ากาก แต่ก็เห็นแผลเป็นข้างนั้นเข้าพอดีเพราะแผลเป็นพิษนั้นมันสะดุดแทงตามาก มองจนนางต้องสูดลมหายใจเลยทีเดียว ดังนั้นนางจึงจำหน้าตาจริงๆ ของเซียวหลันยวนไม่ได้แต่ก็พอรู้ว่ารูปหน้าดีจมูกโด่งเป็นสัน อวัยวะบนหน้าดูมีมิติพวกนั้นดูหล่อเหลาไปเสียหมดตอนนี้พอได้เห็นใบหน้าสมบูรณ์แบบของเซียวหลันยวนจริงๆ นางจึงรู้สึกตกตะลึงมากต้องรู้ด้วย ว่าฮูหยินเฉิงเองเป็นคนที่มีภูมิคุ้มกันชายงามอยู่ ถึงอย่างไรก็เคยเห็นเจ้าอารามโยวชิงมาแล้ว จะมีสักกี่คนที่หน้าตาดีไปกว่าเขา?ฮูหยินเฉิงยังรู้สึกเศร้าและเสียใจอยู่หน่อยๆ"เด็กอย่างเจ้านี่จริงๆ เลย ข้ายังคิดว่าหน้าของเจ้ายังไม่หายดี แผลเป็นพิษนั่นก็ลือกันไปในเมืองหลวงว่าเลวร้ายแสนสาหัส หลายวันนี้ข้าเองก็รู้สึกเสียใจแทนเจ้าไปไม่น้อย เจ้าหายดีแ