"ข้าขอไปกินน้ำหน่อยได้ไหม?"ฟู่จาวหนิงเงยหน้ามองเขาอย่างจนใจเซียวหลันยวนจึงคลายมือ ปลดหน้ากากลงมาพอเห็นนางเดินไปข้างโต๊ะแปดเซียน เซียวหลันยวนเองก็ตามไปด้วย"ต่อให้ท่านอยากจะสั่งสอนข้า หรือคิดจะทะเลาะกับข้า ก็ต้องให้ข้าพักหายใจหายคอเสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงนั่งลง หยิบกาน้ำชากับแก้วน้ำมารินน้ำ ยกขึ้นมาค่อยๆ ดื่มลงไป"ข้ากล้าสั่งสอนเจ้าเสียที่ไหน? ทะเลาะนี่ยิ่งไม่กล้าเลย"เซียวหลันยวนดึงเก้าอี้ไปอยู่ข้างๆ นางแล้วนั่งลงมา มองนางนิ่ง แววตามีความซับซ้อน"ปากคอเจ้าร้ายกาจนัก ข้าทะเลาะกับเจ้าก็ไม่ชนะหรอก"ฟู่จาวหนิงวางแก้วน้ำลง เงยขึ้นมาสบตาเขา ยิ้มเล็กๆ"จะลองหน่อยไหมล่ะ?""อย่าน่า ไม่ทะเลาะด้วยหรอก" เซียวหลันยวนใจสั่นกึก เขากลัวว่านางจะโมโหจนทะเลาะขึ้นมาจริงๆ "พวกเรามาคุยกันดีๆ""ท่านว่ามาสิ ข้าอยากฟัง ถึงอย่างไรความคิดของข้า เมื่อครู่ก็พูดออกไปแล้ว ถ้าท่านยังไม่กระจ่างไม่เข้าใจ เช่นนั้นก็กลับไปย้อนนึกดูเอา ข้าขี้เกียจจะเล่าอีกรอบ"ฟู่จาวหนิงบอกกับเขา "ข้ารู้ว่าความจำท่านดีมาก คำพูดที่ข้าพูดไปเมื่อครู่ ท่านคงจดจำได้ทุกถ้อยคำแน่นอน"เฮอะถ้าไม่ใช่รู้สึกว่านางพูดเกินไปแล้ว จะมีเรื
ฟู่จาวหนิงชะงักนี่ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วจริงๆ เขาคิดว่าแบบนี้ไม่ได้ผิดอะไรดูเหมือนจากที่เซียวหลันยวนเห็น ต่อให้ฮูหยินเฉิงจะคิดเอาตั๋วเงินจากเขาไปซื้อหยกดารา ก็เหมือนเป็นเรื่องปกติถ้านางยังจ้องจับผิดเรื่องนี้ต่อ มันจะเหมือนว่านางยึดติดเรื่องเงินเขาไว้ไม่ยอมปล่อยพวกเขาเหมือนจะยังไม่ได้ใกล้ขนิดถึงขนาดที่ส่งมอบสิทธิ์ดูแลจัดการเงินทองให้กัน ถ้าไม่มีการมาของฮูหยินเฉิง เปิดประเด็นปัญหานี้ขึ้น ฟู่จาวหนิงก็คงไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้นางเองก็ไม่คิดจะไปดูแลเรื่องการเงินของเซียวหลันยวนอยู่แล้ว"ข้าไม่ได้จะถามเรื่องที่ท่านให้นางยืมเงินหรือไม่ให้ยืม" นางเอ่ยขึ้นอย่างจนใจและไม่รู้เพราะอะไร ก็รู้สึกเหนื่อยใจขึ้นมาในพริบตา"เจ้าคิดว่าข้าดีกับท่านน้าเฉิงมาใช่ไหม?"เซียวหลันยวนกำลังทดสอบทำความเข้าใจความคิดนาง"เปล่า" ฟู่จาวหนิงส่ายหัว "เมื่อครู่ข้าก็พูดไปแล้วนี่? ข้าแค่ไม่ถูกกับนาง ไม่สบอารมณ์นาง และไม่อยากให้นางมาใช้เล่ห์เหลี่ยมแบบนี้ ส่วนเรื่องท่านเป็นอย่างไรกับนาง ไม่ใช่เรื่องของข้าเสียหน่อย""หนิงหนิง"เซียวหลันยวนเปลี่ยนสีหน้า น้ำเสียงเองก็ขรึมลงมา"อะไรคือเรื่องของข้า? ตอนนี้เพราะ
เซียวหลันยวนขมวดคิ้ว"ไม่ได้จะให้เจ้าแก้""แล้วทำไมต้องไปถามล่ะ? ถามแล้วได้อะไร? เซียวหลันยวน ท่านต้องรู้ด้วย ว่าวาสนาของคนเรามันมีความแปลกประหลาดอยู่ มีคนที่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็เข้ากันไม่ได้ ข้ากับท่านน้าเฉิงของท่านก็คือคนประเภทนั้น"ฟู่จาวหนิงกุมหน้าผาก ถอนหายใจ นางไม่เข้าใจว่าควรจะอธิบายความคิดของตนเองให้เข้าใจออกมาอย่างไรดีแต่ดูเหมือนเซียวหลันยวนเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก"ต่อให้ท่านไปถาม นางก็จะบอกว่า นางไม่สบอารมณ์ข้า แล้วข้าต้องแก้ไขตามสิ่งที่นางชอบไหม? หรือจะบอกว่า สิ่งที่ข้าบอกท่าน ข้าไม่ชอบที่นางมามีเล่ห์เหลี่ยมแบบนั้น คือเพราะข้าอยากให้นางแก้ไข?""..." เซียวหลันยวนไม่มีคำจะโต้กลับเขาได้สติกลับมา และตระหนักได้แล้วว่าสิ่งที่ตัวเองพูดไปโง่เง่าเพียงใดฟู่จาวหนิงถามมาอีก "เซียวหลันยวน ข้าจะถามท่าน ท่านอยากให้ข้าเข้ากับนางได้ดีขนาดนั้นเลยหรือ?"เดิมทีที่นางไม่มีแม่สามี ก็ทำตัวตามสบายอิสระเสรีอยู่แล้ว ตอนนี้ต้องหาผู้อาวุโสแบบแม่สามีเพื่อ?"ไม่ใช่"เซียวหลันยวนตั้งสติกลับมาได้ ส่ายหัวทันที"ข้าไม่ได้มีความหมายเช่นนั้น ที่ข้าบอกจะไปถามนาง หลักๆ ก็เพราะเมื่อครุ่รู้สึกว่
ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าบางครั้งตนเองก็เป็นพวกคลั่งรักอยู่หน่อยๆ"ทั้งๆ ที่คนอื่นคอยแอบสาดโคลนใส่ข้า หาว่าข้านิสัยไม่ดี ทำตัวไม่ดีกับท่านแท้ๆ แล้วยังจงใจมาอวดความสนิทสนมต่อหน้าข้าที่เป็นภรรยาอีก คอยแสดงท่าทีว่ามีความผูกพันกับท่านแค่ไหน ใกล้ชิดท่านแค่ไหน และยังคอยตีตัวห่างจากข้าอีกด้วย"ฟู่จาวหนิงหยิกแก้มเขา ร้องเชอะขึ้นมา "จากคำแรกที่นางเรียกท่านว่าอายวน จากนั้นก็เรียกข้าว่าพระชายา ไอ้ความเจ้าเล่ห์นั่นมันก็แบชัดออกมาแล้ว ถ้านางจะมองข้าเป็นตนกันเอง จะจงใจเรียกให้มันแตกต่างขนาดนี้ด้วยทำไม?"เซียวหลันยวนยังไม่ดึงมือนางออก ยอมให้นางหยิกแก้มตัวเองอยู่แบบนั้น"เจ้าไม่พูดข้าก็นึกปัญหานี้ไม่ออกจริงๆ เจ้ารู้ไหมว่าเพระาอะไร? เพราะเจ้าลองดูสิ ท่านผู้เฒ่า พ่อตาแม่ยาย พวกเขาคนไหนบ้างที่ไม่เรียกเจ้าว่าจาวหนิง แล้วเรียกข้าว่าท่านอ๋อง?"ฟู่จาวหนิงตกตะลึง พอลองคิดดู ก็เหมือนจะเป็นแบบนี้จริงๆ"แต่ว่า สถานการณ์ของพวกเราไม่เหมือนกันนะ"นางตั้งตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว "พวกเขาไม่เรียกชื่อของท่านก็เพราะก่อนหน้านี้ตัวตนฐานะของท่านมันสำแดงอยู่ที่นี่น่ะสิ ตระกูลฟู่ของเรา ไม่กล้าปีนเกลียวอ๋องเจวี้ยนที่สูงส่งอย
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะเอาแต่จิกกัดไม่ปล่อยเรื่องนี้ ถ้าต้องมามีรอยร้าวกับเซียวหลันยวนเพราะเรื่องนี้ ทะเลาะกันไม่จบไม่สิ้น มันก็ดูจะเสียหายกันมากเกินไปตีเป็นว่าเรื่องนี้แค่ให้ฮูหยินเฉิงได้เห็นความขบขันไปก็แล้วกัน ฮูหยินเฉิงเองก็เหมือนอยากจะเห็นว่าระหว่างพวกเขามีปัญหาขึ้นมาอยู่แล้วนางคล้องข้อแขนเซียวหลันยวน เดินตามเขาออกไปกินข้าวเช้า"แต่ว่า นางไม่ใช่ว่าจะไปยอดเขาโยวชิงกับพวกเราหรือ? อย่างนี้ก็ต้องเดินทางไปด้วยกันสิ? ข้าไม่ติดอะไรหรอกนะ ถึงอย่างไรท่านก็คงจะปฏิเสธเรื่องนี้ยาก แต่ข้าขอพูดให้ชัดเจนแล้วกัน ว่าระหว่างทางนางอย่าโผล่หน้ามาเล่นแง่กับข้า ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ไว้หน้านางอีก"ฟู่จาวหนิงเอียงตามองเซียวหลันยวน พูดกับเขาให้ชัดเจนขึ้นมาก่อน"ไม่ให้นางโผล่มาตรงหน้าเจ้าสินะ" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นอย่างตั้งใจพวกเขาพูดกันเข้าใจแล้ว เดินตรงไปโถงหน้าเพื่อกินข้าวเช้าและฮูหยินเฉิงที่เพิ่งกลับมาถึงจวนอ๋องกลับรู้สึกว่ากระเดือกท้อเซียนจานหนึ่งที่ยกเข้ามาให้นางตอนนี้ไม่ลงเอาเสียเลยผู้ดูแลจงพอเห็นนางกลับมา แต่อ๋องเจวี้ยนไม่กลับมา จึงเข้ามาไถ่ถามเสียคำหนึ่ง"ฮูหยิน ท่านอ๋องของเรายังอยู่ที่
คนที่เข้ามาพอเผยใบหน้า คนที่อยู่ที่นี่ก็ตกตะลึงกันไปหมดนอกจากพระชายาแล้ว พวกเขาไม่เคยเห็นแม่นางที่สดใสแบบนี้เลยพอเทียบกับองค์หญิงหนานอี๋ แม่นางคนนี้ดูจะสดใสและบริสุทธิ์ยิ่งกว่าความงามขององค์หญิงหนานอี๋งดงามเกินไป สำหรับพวกเขาแล้ว รู้สึกว่าพอมองมากเกินไปแล้วรู้สึกขวยเขิน แต่ความสวยสดใสแบบแม่นางคนนี้ ทำให้คนอยากชื่นชมจนเบนสายตาออกไม่ได้เลยระหว่างความงามเรียบง่ายกับฉูดฉาด แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงท่านหญิงอวิ๋นเหยาในตอนนั้นเป็นความสวยแบบนี้ แต่เทียบกับคนตรงหน้านี้แล้วยังต่างกันพอควรในด้านความสง่างามและท่วงท่า"แม่นาง ท่านมาหาฮูหยินเฉิงหรือ?" ผู้ดูแลจงจำต้องลดเสียงลงมาอย่างเสียมิได้คนที่เข้ามาคือองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นช่วงนี้ทั้งหนีตายทั้งป่วยหนักแล้วยังบาดเจ็บอีก องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นผอมลงไปพอควรพอผอมลงมา จึงดูสง่างามน้อยลงไปบ้าง แต่กลับยิ่งแสดงความน่าสงสารและดูมีความศักดิ์สิทธิ์ออกมาอย่างชัดเจนใบหน้านางดูโตขึ้นมาหน่อย แต่กลับสวยงามกว่าแต่ก่อน นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ดูแลจงยิ่งตกตะลึงในความงามของนาง"ใช่ ข้าอยากมาทักทายฮูหยินเฉิงน่ะ นางอยู่ไหม? อ๋องเจวี้ยนของพวกท่านอยู่ไหม?"
ที่นี่คือแคว้นเจา ไม่ใช่ต้าชื่อองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทำไมมาอยู่ที่นี่กัน?ยังไม่พูดเรื่องที่ผู้ดูแลจงกับฮูหยินเฉิงตกตะลึงกันอย่างไร อันที่จริงองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ใจเต้นผางเหมือนกัน นางไม่รู้ว่าฮูหยินเฉิงรู้จักนางได้อย่างไร"ฮูหยินรู้จักข้าได้อย่างไรกัน?"พอได้ยินคำนี้ขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ฮูหยินเฉิงก็ได้สติกลับมา"องค์หญิงใหญ่นั่งก่อนเถิด" นางทักทายอย่างกระตือรือร้น แล้วยังเอ่ยกับผู้ดูแลจงว่า "ผู้ดูแล น้ำชา""ทราบแล้ว"ผู้ดูแลจงเองก็ไม่สนใจท่าทีวางตัวเป็นเจ้านาย ที่ใช้งานเขาคล่องแคล่วราวกับใจนึกนี้ของฮูหยินเฉิงเขารีบออกไปหาคนชงชา"ไปเรียกสาวใช้เฝิ่นซิงนั่นมาหน่อย ให้เฝิ่นซิงไปชงชา นางฉลาดคล่องแคล่ว ชงชาได้ดี เร็ซเขา"เขาผลักจงเจี้ยนที่ยืนเป็นรูปปั้นอยู่ด้านนอกจงเจี้ยนขมวดคิ้ว "ถึงกับต้องเรียกเฝินซิงเลยหรือ? เฝิ่นซิงเป็นสาวใช้ข้างกายพระชายานะ ไม่ใช่ของเรือนหน้า"เฝิ่นซิงไม่ได้รับผิดชอบที่นี่"ตอนนี้แขกที่มาคือองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น! เจ้าไม่รู้จักองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเรอะ? น้องสาวที่ฝ่าบาทต้าชื่อโปรดปรานที่สุด!""ข้าไม่รู้จักเสียที่ไหน?""รู้แล้วยังไม่รีบอีก?" ผู้ดูแลจงออก
ฮูหยินเฉิงไม่ทันไรก็คุยกันถูกคอกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองคนยังดูสนิทสนมกันมากด้วยตอนที่เฝิ่นซิงชงชาส่งเข้ามาก็เห็นว่าทั้งสองคนคุยกันอย่างเบิกบาน ยังคิดว่าพวกนางรู้จักกันมาหลายปีแล้วเสียอีก"องค์หญิงใหญ่เชิญดื่มชา"เฝิ่นซิงยกชามาไว้ตรงหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"ขอบคุณมาก" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นล้วงเม็ดทองก้อนหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อ วางลงไปบนถาดของเฝิ่นซิง "เอาสิ่งนี้ไปซื้อเครื่องแป้งซะนะ"องค์หญิงใหญ่พอจะควักก็ควักทองให้เลยทีเดียวฮูหยินเฉิงเหลือบมองผาดหนึ่ง ก็ยิ้มลึกขึ้นไปอีก จากนั้นจึงเอ่ยกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นว่า "อาฝู ท่านรู้ไหมว่าสาวใช้คนนี้ชื่อเฝิ่นซิง เป็นสาวใช้ใหญ่ที่พระชายาอ๋องเจวี้ยนเอ็นดูมากที่สุด""อา เช่นนั้นหรือ?"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกตะลึง จ้องมองเฝิ่นซิง เอ่ยชมเสียงอ่อนนุ่มขึ้นมา"ดูแล้วสะอาดสะอ้านสง่าผ่าเผยดี ข้าชอบมาก มิน่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนถึงได้ให้ความสำคัญ"เฝิ่นซิงก้มหน้าต่ำ ย่อตัวคำนับเบาๆ"ขอบคุณรางวัลขององค์หญิงใหญ่ เฝิ่นซิงขอตัวก่อน"นางยกถาดออกไป ถอนหายใจโล่ง"องค์หญิงใหญ่ให้รางวัลเจ้าเรอะ?" จงเจี้ยนเหลือบมองเม็ดทองบนถาด"อืม" เ
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้