มองไปทางเซียวหลันยวนหมายความว่ายังไง? คือจะให้เขาเป็นคนตัดสินใจ ว่าจะให้นางสละกำไลวงนี้ให้หรือเปล่าหรือ?อันที่จริงพวกเขายังไม่ได้จ่ายเงิน แต่ตอนนี้กำลังอยู่บนข้อมือนางนะ ต่างหูคู่นั้นก็อยู่บนมือนางฟู่จาวหนิงไม่มีนิสัยสละของที่ชอบให้ใครมาแต่ไหนแต่ไรในเมื่อลวี่กั่วมองไปทางเซียวหลันยวน เช่นนั้นนางก็ยังไม่ต้องพูดอะไร"ท่านน้าเฉิงกำลังหากำแพงหยกดาราหรือ?" เซียวหลันยวนมองไปทางท่านน้าเฉิงท่านน้าเฉิงพยักหน้า "ใช่แล้ว หามานานมาก ก่อนหน้านี้หาข่าวได้ว่ามีคนได้หยกดารามาก้อนหนึ่ง เดิมทีจะหาหยกดาราก้อนนั้นแล้วเอามาให้ยายซาตีกำไลให้ คิดไม่ถึงว่าพอถามไปถามมา ถึงรู้ว่าหยกดาราก้อนนั้นเป็นยายซานี่เองที่ได้มา"ตาซายังนั่งถักเชือกต่อไปในที่ของเขา เหมือนไม่ได้สนใจกับบทสนทนาของพวกเขาเลย แต่ประโยคที่พูดเมื่อครู่ก็เหมือนเล่าเรื่องจบไปแล้ว ที่เหลือก็ให้พวกเขาจัดการกันเองฟู่จาวหนิงจึงฟังออกถึงความไม่ธรรมดาของสามีภรรยาซา พูดเช่นนี้คือหยกดาราตงฉิงนั้นหายากมากจริงๆ หากันไปหากันมาก็ปรากฏมาแค่ก้อนเดียวแล้วก้อนนี้ก็ถูกยายซาตีเป็นกำไลกับต่างหู่คู่หนึ่งไปแล้ว"หยกดาราตงฉิงยังมีประโยชน์อีกอย่าง คือถ้าเลือ
ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนนางไม่ใช่ว่าสละให้ไม่ได้แต่ไม่รุ้เพราะอะไรครั้งนี้ในใจมันไม่เป็นสุขเอาเสียเลยนางยอมรับว่าตนเองดูพลาดไป ความประทับใจแรกต่อท่านน้าเฉิงที่ดูเงียบสงบสง่างาม แต่รู้สึกจะเหินห่างกับนางหน่อยๆ ดูไม่ค่อยชอบนางนักจุดนี้นางไม่ใส่ใจ นางไม่ใช่ทองคำ ที่ทุกคนจะชื่นชอบแต่ว่าตอนนี้นางเพิ่งรู้ ว่าท่านน้าเฉิงอันที่จริงยังเป็นพวกหมกมุ่นคนหนึ่งอีกด้วยนางจะสละกำไลให้ก็ได้ แต่นางก็เป็นพวกหัวขบถมาแต่ไหนแต่ไร ชอบอ่อนไม่ชอบไม้แข็ง ท่านน้าเฉิงพูดจายอมถอยเพื่อรุก ส่วนลวี่กั่วก็มีท่าทีบีบคั้นนาง นี่ชัดเจนแล้วว่าจะให้เซียวหลันยวนเป็นคนตัดสินใจ บอกให้นางปลดกำไลลงเซียวหลันยวนก็ฟังด้วย"กำไลนี้ข้า..." ชอบมันมากคำพูดของฟู่จาวหนิงยังไม่ทันออกมา ท่านน้าเฉิงก็กระแอมขึ้นทีหนึ่ง ยื่นมือมาจับหลังมือเซียวหลันยวน "อายวน ของที่ให้พระชายาแอล้วจะเอาคืนมาได้อย่างไร ข้าไม่เป็นไรจริงๆ..."ไม่เป็นไร แต่มือของนางเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งตอนนี้อากาศเริ่มอบอุ่นแล้ว มือของนางกลับยังเย็นขนาดนั้นมือของนางทาบอยู่บนหลังมือเซียวหลันยวน แต่ก็ทำให้เขารู้สึกถึงความไม่สบายทางร่างกายนางได้เลยเซียวหลันย
ฟู่จาวหนิงไม่ได้แสดงอารมณ์ไม่พอใจออกมาดูแล้วเหมือนเป็นคนที่มีเหตุผลใจเย็นเอามากๆอย่างน้อยตอนนี้เซียวหลันยวนก็มองไม่ออกว่นางโกรธในความทรงจำกับการรับรู้ของเขา ฟู่จาวหนิงเป็นคนที่ใจกว้างกับคนป่วยมาก ยิ่งไปกว่านั้นนางเห็นว่าเขากับท่นน้าเฉิงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดขนาดนี้ ก็จะยืนอยู่ข้างเขา เป็นห่วงเป็นใยท่านน้าเฉิงขึ้นมาอย่างน้อยก็จะไม่ทำให้เขาลำบากใจนี่คือความเข้าใจต่อตัวฟู่จาวหนิงของเขา อันที่จริงก็ไม่ได้ผิดอะไรแต่เขาไม่ค่อยรู้นิสัยแฝงของฟู่จาวหนิงนางเต็มใจทำทุกอย่างที่นางสมัครใจ นางใจกว้างได้ แต่ถ้ารู้ว่าอีกฝ่ายใช้กลอุบายบังคับห้นางยอมจำนน นางจะไม่ยินยอม"ลวี่กั่ว ใส่ให้ท่านน้าเฉิงเถอะ" เซียวหลันยวนตอนนี้เป็นห่วงท่านน้าเฉิง แต่ฟู่จาวหนิงหันตัวไปมองของในกล่องนั้นแล้ว เขาจึงไม่เห็นสีหน้าของนาง"เจ้าค่ะ!"ลวี่กั่วดูดีใจมาก ตื่นเต้นเบิกบานขึ้นมา"ต้องขอโทษพระชายาจริงๆ" ท่านน้าเฉิงถอนหายใจ รู้สึกละอายใจมาก"ข้าจะเลือกอย่างอื่นให้จาวหนิงเอง"เซียวหลันยวนตอนนี้ก็แอบตัดสินใจ ว่ากลับจวนแล้วจะให้หลานหรงส่งจดหมาย ไม่ต้องสนใจอย่างอื่น ค้นหาหยกดาราตงฉิงมาให้ได้พวกของหลานหรงตอนนี้อ
ตอนที่ยายซาแนะนำ ฟู่จาวหนิงก็มองกล่องใบนี้อย่างละเอียด ขนาดใหญ่ประมาณฝ่ามือนาง พอลองดมก็มีกลิ่นไม้พิเศษชนิดหนึ่งน้ำหนักเบา ไม่ได้หนักเหมือนพวกอัญมณีหรือโลหะ"ไม้ชนิดนี้ไม่กลัวบวมน้ำไม่กลัวไฟเผา ยิ่งไปกว่านั้นยังแตกยากมาก ก็แค่เล็กไปหน่อย ไม่มีทางเลือก ใหญ่หน่อยก็ไม่มีแล้ว" ยายซาเอ่ยขึ้นมาฟู่จาวหนิงตะลึงงันนี่ยังไม่ได้เปิดดูเลยว่าของขวัญด้านในคืออะไร เอาแค่กล่องเล็กใบนี้ก็ทำให้นางรู้สึกว่าล้ำค่ามากแล้วถ้านางจะใช้มันเพือเก็บยาลูกลอนก็พอได้อยู่ ใช้กระดาษมันห่อไว้หน่อยก็ได้แล้วเล็กกะทัดรัดแล้วยังมีโซ่ค้องด้วย"ิส่งนี้ก็เป็นของล้กค่า" นางเอ่ยขึ้นยายซาส่ายหัว "สิ่งนี้ไม่ได้ล้ำค่า ข้าไม่ใช่บอกว่าทำจากเศษวัสดุหรือ?"นางบอกว่าเป็นเศษวัสดุ ฟู่จาวหนิงไม่กล้าคิดแบบนั้นจริง ต่อให้เดิมทีเป็นแค่เศษวัสดุก็ตาม ถูกนางตีเป็นกล่องใบเล็กพกไปมาได้ใบหนึ่งแบบนี้ ก็ถือว่าไม่ใช่มูลค่าของเศษวัสดุแล้ว"พระชายาเปิดออกดูสิ"ฟู่จาวหนิงเปิดกล่องใบเล็กกล่องใบเล็กแค่นี้ นางไม่รู้ว่าสิ่งที่ใส่อยู่ด้านในจะเป็นอะไรหลังจากเปิดออก กระดุมเล็กที่ดูประณีตมากๆ ชิ้นหนึ่งวางอยู่ด้านใน กระดุมนี้แตกต่างจากกระดุ
"ข้าชอบมาก"ฟู่จาวหนิงขอบคุณอย่างจริงใจกับยายซา"พระชายาชอบก็ดีแล้ว""เช่นนั้นข้ารับไปเลยนะ?" ฟู่จาวหนิงเองก็มองออกว่ายายซามอบสิ่งของให้นางด้วยใจจริงตอนนี้จะปฏิเสธก็คงไม่ค่อยเหมาะนักไว้คราวหน้านางส่งยาบำรุงหัวใจมาให้ยายซาแล้วกัน ถือว่ามอบของขวัญให้กันและกัน ถึงอย่างไรพวกเขาอายุเองก็มากแล้ว มียาบำรุงหัวใจอยู่ก็เหมือนเป็นยาช่วยชีวิตเร่งด่วนดังนั้นฟู่จาวหนิงนึงไม่อิดออด นำกระดุมมากลัดไว้บนชายเสื้อ"พระชายาไม่รับไว้ข้าคงเสียใจแย่""ยายซาส่งของขวัญอวยพรให้เพราะพระชายาเป็นภรรยาของเจ้า ถ้าข้าจำไม่ผิดอายวนเหมือนจะเป็นลูกค้าหลักของร้านแผงลอย ยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้ก็ยังช่วยพวกเขาเอาไว้ ใช่ไหม?"เสียงของท่านน้าเฉิงดังขึ้นเมื่อครู่ควาามคิดของฟู่จาวหนิงถูกของขวัญชิ้นเล็กนี้ดึงดูดไปจริงๆ ไม่ได้หันมาสนใจพวกเขาเลย ไม่ได้ยินจริงๆ ว่าเงินก้อนนั้นสุดท้ายใครเป็นคนจ่ายแต่นางก็ไม่สนใจหรอกตอนนี้พอได้ยินคำพูดของท่านน้าเฉิง ฟู่จาวหนิงกุมกล่องใบเล็กว่างเปล่านั้นไว้แน่นความหมายของนางคือ ของขวัญชิ้นนี้มอบให้เพราะเห็นแก่หน้าเซียวหลันยวนฟู่จาวหนิงยังไม่ทันพูดอะไร ยายซาก็ส่ายหัว "ไม่ใช่ อันท
"หนึ่งพวงหนึ่งร้อยตำลึง สิ่งนี้มีฤทธิ์กระตุ้นให้สดชื่นตื่นตัว ไม่ต้องกลัวอากาศเป็นพิษด้วย และยังป้องกันยุงแมลงกัดต่อย ถ้าหากไม่ใช่ไฟเผา หนึ่งพวกสามารถสวมไว้ได้ประมาณครึ่งปี พอผ่านไปสีของมันจะค่อยๆ เข้มขึ้น จนตอนที่มันเปลี่ยนเป็นสีเทาก็จะหมดประสิทธิภาพทางยาแล้ว"ยายซาพอแนะนำจบ ฟู่จาวหนิงจึงรู้ว่าที่ตนเองเดาไว้ก่อนหน้านี้ถูกต้อง "นี่คือหญ้าสั่นไหวนี่เอง"ก่อนหน้านี้นางไม่เคยนึกถึงหญ้าชนิดนี้เลย แต่ก็คอยสนใจมันอยู่ตลอด รู้สึกว่าค่อนข้างพิเศษพอได้ยินยายซาแนะนำ นางจึงนึกอะไรออกขึ้นมา นี่เป็นหญ้าสมุนไพรล้ำค่าชนิดหนึ่งที่อาจารย์เคยบอกกับนางบอกว่าหายากมาก คิดไม่ถึงว่าจะได้มาเห็นที่นี่ยิ่งไปกว่านั้นดูแล้ว ในมือของตาซาก็มีอยู่ไม่น้อยเลย ไม่อย่างนั้นจะนำมาถักเป็นเชือกข้อมือได้หรือ?"ยายซาชอบเจ้าจริงๆ หนิงหนิง" เซียวหลันยวนยิ้มขึ้นมา "เชือกข้อมือนี้ ก่นอหน้านี้พวกเขาขายกันพวงชะสองร้อยตำลึงเลยนะ"สองร้อยตำลึง ก็ไม่ถูกจริงๆแม้ว่าหญ้าสั่นไหวจะพบได้ยาก ถักเป็นเชือกข้อมือแล้วดูสวยเป็นพิเศษ แต่ถ้าจะบอกว่าไล่แมลงเลี่ยงอากาศพิษ ก็ยังมีวัตถุดิบยาอื่นที่มาแทนที่ได้แต่ว่า คิดว่าคงมีคนที่มีเงินอ
เซียวหลันยวนไม่ตอบอะไรกลับไปชั่วขระ เพราะเขาสวมหน้ากากอยู่ ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่เห็นสีหน้าเขา เห็นแค่ว่าตอนนี้เขายังไม่ตอบกลับ เดาว่าคำถามนี้ของนางอาจจะดูเสียมารยาทไปหน่อยหรือเปล่าเพราะนานมากแล้วที่นางไม่ได้มายุ่งเรื่องบัญชีการเงินของจวนอ๋องน่าจะเพราะยังไม่ได้ร่วมหอกัน ดังนั้นนางจึงรู้สึกว่าความสัมพันธ์ในตอนนี้เหมือนเป็นคู่รัก ที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นมีความรักแต่ไม่ใช่สามีภรรยากันเพราะการเริ่มต้นแบบนั้น นางจึงไม่ได้วางตัวให้ถูกต้องเหมือนภรรยาที่แต่งเข้ามาตามประเพณีในปัจจุบันเซียวหลันยวนตอบว่า "ราคากำไลนี้ เกินกว่างบประมาณที่ท่านน้าเฉิงตั้งไว้หน่อย นางเองก็อยู่ภายนอก พกตั๋วเงินมามากเกินไปไม่ได้ ดังนั้นข้าจึงสำรองจ่ายให้นางก่อน พวกเราเองก็กำลังจะไปยอดเขาโยวชิงพอดี พอถึงถึงอุทยาน ท่านน้าเฉิงจะคืนเงินให้ข้าเอง"เดิมทีก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นอยู่ และอยากจะยืนยันความสัมพันธ์ของเขากับฮูหยินเชิงว่าดีขนาดนั้นจริงไหม ฟู่จาวหนิงจึงไม่ได้ถามคำถามนี้แต่ตอนนี้พอได้ยินเซียวหลันยวนอธิบายออกมาอย่างละเอียด จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าไม่น่าสนใจขึ้นมาเสียแล้วทำเหมือนจะไปยุ่งเงินของเขาอย่างไรอย่างนั้นตอน
เซียวหลันยวนมองแผ่นหลังฟู่จาวหนิง ดีดนิ้วขึ้นเบาๆองครักษ์ลับคนหนึ่งปรากฏตัว"นายท่าน?""คุ้มครองพระชายาดีดี""ขอรับ" องครักษ์เงารับคำ ทะยานตัวติดตามฟู่จาวหนิงออกไปฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รู้สึกตัวแล้ววันนี้เซียวหลันยวนถ้าจะตามนางออกมาด้วยตนเอง ดังนั้นนางจึงไม่ได้พาเสี่ยวเยว่ไป๋หู่มาด้วย แต่ข้างกายเซียวหลันยวนมีองครักษ์เงาอยู่ตลอด นางรู้เรื่องนี้ดีนางเองก็ไม่ใส่ใจรีบเดินมาจนถึงข้างๆ ผู้อาวุโสจี้กับต่งฮ่วนจือ จึงพบว่าศิษย์อาจารย์อย่างพวกเขาอยู่ที่ประตูร้านยาแห่งหนึ่งฟู่จาวหนิงแหงนหน้าขึ้นมอง โรงยาทงฝู?"ท่านอาจารย์ ท่านมาโรงยาทงฝูทำไมหรือ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ใช่ว่าไม่กินเส้นกับโรงยาทงฝูมาตลอดหรือไรกัน? ทำไมจู่ๆถึงมาโรงยาทงฝูได้?"จาวหนิง?" ผู้อาวุโสจี้กับต่งฮ่วนจือเพิ่งเห็นนาง รู้สึกเกินคาดมาก"เจ้าไม่ได้บอกว่าจะไปยอดเขาโยวชิงกับอ๋องเจวี้ยนหรือ?""มะรืนนี้ถึงเดินทาง""แล้วตอนนี้ทำไมถึงออกมาเดินเล่นคนเดียวล่ะ?" ผู้อาวุโสจี้ชะเง้อมองไปด้านหลัง ก็ไม่เห็นคนอื่น "แล้วไม่ได้พาไป๋หู่สืออีมาด้วยหรือ?"ฟู่จาวหนิงเป็นพระชายาที่ไม่ถือหน้าถือตาที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยพบมาแล้วปกติตอน
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้