อย่าว่าแต่เขาเลย ขนาดฟู่จาวหนิงเองก็ยังรู้สึกประหลาดใจชายหนุ่มแบบนี้ ถ้านางเคยรักษาไปจริงต้องจำได้แน่ แต่นางกลับนึกไม่ออกเลย"ท่านยังสงสัยข้าหรือ?" นางหันหน้าไปมองเซียวหลันยวน"ไม่ใช่สงสัย..."เซียวหลันยวนเองก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้ของตนเองควรจะเรียกว่าอย่างไรชายหนุ่มคนนั้นรีบเดินมาตรงหน้าม้าพวกเขาเขาคารวะให้ ไม่เย่อหยิ่งไม่ถ่อมตน กล่าวคำขอโทษขึ้นมาก่อน"คารวะท่านอ๋อง พระชายา ข้าน้อยถังสืออวิ้น เมื่อครู่เด็กทั้งสองคนเป็นหลานข้า คนเล็กจะซนหน่อย พูดจาไม่ประสีประสา ขออ๋องเจวี้ยนพระชายาให้อภัยด้วย""ถังสืออวิ้น?"เซียวหลันยวนย้ำชื่อเขามาอีกครั้ง ดูคุ้นๆ หูชอบกล"เจ้าเคยมารักษาที่โรงหมอหรือ?" ฟู่จาวหนิงเองก็คุ้นๆ ชื่อนี้ แต่กลับจำไม่ได้ถังสืออวิ้นพยักหน้า "ตอนนั้นในบ้านไฟไหม้ ควันดำขโมงไปหมด ใบหน้าข้ามีแต่เขม่า เกรงว่าคงจะมองไม่ออก ดังนั้นพระชายาจึงจำไม่ได้"พอได้ยินเขาบอกแบบนี้ ฟู่จาวหนิงก็เหมือนจะนึกออกแล้วนางเอ่ยขึ้นอย่างเข้าใน "ที่แท้ก็เจ้านี่เอง""อื๋อ?" เซียวหลันยวนโน้มตัวไปข้างหน้า เอาคางพาดไว้บนบ่านาง ท่าทางดูเฉื่อยๆ ชาๆแต่อันที่จริงก็หึงอยู่หน่อยๆก่อนหน้านี้ฟ
เพราะอายุถังสืออวิ้นใกล้เคียงกับเซียวหลันยวน เซียวหลันยวนตอนนั้นก็ให้ความสนใจเขาอยู่ แต่ก็ไม่ได้เจอตัว ดังนั้นเมื่อครู่พอได้ยินชื่อจึงรู้สึกคุ้นๆ"นั่นเป็นชื่อเสียงจอมปลอมเมื่อนานมาแล้ว คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะจำได้ด้วย" ถังสืออวิ้นคารวะให้อีกครั้ง"เจ้าไม่เข้าร่วมสอบเคอจวี่มาตลอด" เซียวหลันยวนถาม "หรือว่าไม่เคยขึ้นกระดานมาตลอดกัน?"บางทีมีชื่อเสียงตอนอายุยังน้อย พอเติบโตความสามารถกลับลดต่ำลง กระทั่งการสอบขั้นต้นก็ยังไม่ผ่าน?""ข้าน้อยไม่ได้เข้าร่วมขอรับ""โอ๋? ทำไมกัน?" เซียวหลันยวนรู้สึกอยากรู้ขึ้นมา"เรื่องนี้..."ถังสืออวิ้นดูลำบากใจขึ้นมา ดูเหมือนจะบอกเหตุผลออกมาลำบากเซียวหลันยวนเองก็ไม่คิดจะจี้ต่อ จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา หันไปพูดถึงเรื่องที่เด็กสองคนก่อนหน้านั้นพูดมา"ข้าได้ยินว่า เจ้ารู้สึกว่าพระชายาควรแต่งกับเจ้าหรือ?""แค่กๆๆ!"ถังสืออวิ้นสำลักขึ้นมา หูแดงกว่าเดิม เลิกเสื้อคลุมคุกเข่าลงทันทีเพียงแต่คุกเข่าก็ส่วนหนึ่ง แต่หลังกับแอวเขายังยืดตรง เป็นท่าทางที่ดูทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแออยู่ด้วยกัน"ท่านอ๋องระงับโกรธด้วย! ข้าน้อยแม้จะไม่ได้พูดเช่นนี้ แต่ก็เคยเอ่ยชมพระชายา ถ
ถังสืออวิ้นเดินออกไป ย้ายเก้าอี้เล็กมานั่งลงข้างๆ นาง นวดขาเบาๆ ให้นางเขาเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านย่า หรือว่าเราล้มเลิกดีไหม? หลังจากหาสิ่งนั้นพบแล้วยังไงล่ะ..."แต่เขายังพูดไม่ทันจบ ฮูหยินอาวุโสก็ตัดบทเขาทันที"เจ้าพูดอะไรออกมา? จากนี้ไปย่าไม่อยากได้ยินเจ้าพูดอะไรที่ไม่เอาไหนแบบนี้แล้วนะ"ถังสืออวิ้นฟังออกถึงความโกรธในน้ำเสียงนาง จึงเงียบลงกว่าเดิม"สืออวิ้น ข้ารู้ว่าหลายปีนี้เจ้าลำบาก แต่ธนูเมื่อยิงแล้วไม่มีหวนกลับ ถ้าตอนนี้พวกเราล้มเลิกไป แล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อกัน?"ถังสืออวิ้นเดิมทีก็เป็นอัจฉริยะอายุน้อย เดิมควรจะมีอนาคตที่สดใสตอนนั้นถ้าเขาเป็นไปตามครรลอง ไปร่วมการสอบเคอจวี่กับอัจฉริยะคนอื่นๆ ด้วยความสามารถของเขา อาจจะได้เข้าสอบเตี้ยนซื่อ แล้วกลายเป็นจอหงวนไปแล้วตอนนี้เขาอาจจะเป็นข้าราชการไปแล้วถึงสามปีแต่ว่า หลายปีมานี้เขาเอาแต่ปิดบังตัวตน ไม่ไปร่วมการสอบเคอจวี่ ไม่ย่ำเข้าสู่เส้นทางข้าราชการ ตอนนี้ก็สิบปีไปแล้วเขาใกล้จะยี่สิบสามแล้วถ้าล้มเลิกเรื่องที่อยู่ในมือไป เขาที่อายุยี่สิบสามก็เรียกได้ว่าไม่มีความสำเร็จอะไรเลย"ท่านย่า พวกเราไปทำการค้าก็ได้...""ไร้สาระ เ
"ตอนนี้เจ้าพูดได้ว่าเป็นคนที่มีคุณสมบัติสืบทอดตงฉิงมากที่สุด นั่นจึงเป็นเส้นทางที่เจ้าควรเดินมากที่สุด หลายปีมานี้ เจ้าก็พยายามอย่างหนัก เพื่อตามหาคนตงฉิงที่ยังมีชีวิตรอดเหล่านั้น แล้วจะทิ้งไปแบบนี้เจ้ารับได้หรือ?"ฮูหยินอาวุโสถังมองถังสืออวิ้น ก็เห็นสีหน้าหดหู่ของเขาหายไป สายตากลับมาแน่วแน่อีกครั้ง ในใจจึงถอนใจโล่งออกมาทุกครั้งที่หลานชายมาหานาง จะต้องเพราะมีเรื่องให้หวั่นไหวเพราะนั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันยากมากจริงๆแต่ที่นางต้องทำคือให้กำลังใจเขา จะยอมให้เขาละทิ้งไปแบบนี้ไม่ได้"ตงฉิงตอนนั้นคนออกไปตั้งมากมายซึ่งรวมถึงบ้านพวกเราด้วย เรื่องนี้กระทั่งจักรพรรดินีก็ยังไม่รู้ ดังนั้น แม้องค์หญิงใหญ่ภายหลังจะยังมีชีวิต แต่งงาน มีลูก พวกเขาก็ล้วนไม่รู้เรื่องเหล่านี้"นี่จึงเป็นสาเหตุที่ตระกูลถังคิดว่าถังสืออวิ้นมีคุณสมบัติการสืบทอดตงฉิง"พวกเขาไม่รู้ ดังนั้นจึงยังไม่เคยพยายามอะไร เรื่องเหล่านี้ล้วนมีแต่เจ้าที่ทำ คนที่เหนื่อยคือเจ้า"ถังสืออวิ้นถอนใจ"สืออวิ้น ต่อให้องค์หญิงใหญ๋จะมีลูกจริง แต่จากข่าวที่เราตรวจสอบมาตอนนั้น องค์หญิงใหญ่ไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว เด็กที่ไม่มีการเสี้ยมสอนจาก
"เซียวหลันยวนพอได้แล้ว ทำไมถึงผ่านไปไม่ได้เสียที?"ฟู่จาวหนิงถลึงตาใส่เขาเซียวหลันยวนมือหนึ่งโอบเอวนางไว้ อีกมีหนึ่งดึงบังเหียนม้า เอ่ยขึ้นอย่างจนใจ "ข้าอยากแค่อยากบอกว่า รู้สึกแปลกหน่อยๆ"ฟู่จาวหนิงจึงเพิ่งรู้ว่าเข้าใจเขาผิดแต่ว่า นางเองก็รู้สึกว่าถังสืออวิ้นแปลกๆ เพียงพูดออกมาไม่ได้ว่าแปลกตรงไหนเซียวหลันยวนกลับพูดออกมาแล้ว"เขามีความรู้สึกแบบหนึ่ง ดูคล้ายๆ กับตัวเจ้า"พูดประโยคนี้ออกมาเขาก็ยังรู้สึกเจ็บแปลบอยู่หน่อยๆ ที่มองเห็นจุดคล้ายคลึงกับฟู่จาวหนิงบนตัวชายคนอื่น เขาไม่ได้รู้สึกดีใจเลยสักนิด"คล้ายข้าหรือ?" ฟู่จาวหนิงรู้ว่าที่เขาพูดมาไม่ใช่หน้าตา"ตอนที่เจอกับข้า ก็ดูสงบกว่าคนอื่นพอสมควร" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นอำนาจของเขา ตอนที่เผชิญหน้ากับคนอื่น สามารถรู้สึกได้ชัดเจนถึงท่าทีที่คนอื่นมีต่อตนเองประชาชนคือความเคารพ ส่วนพวกข้าราชการชนชั้นสูงบางส่วนก็รู้สึกหวาดกลัวเขาแน่นอนยังอาจจะมีอารมณ์อื่นอีก แต่ปกติแล้วก็คือสองอย่างนี้แต่ฟู่จาวหนิงตอนที่เจอเขาครั้งแรกไม่มีสองสิ่งนี้ นางมองเขาเป็นคนระดับเดียวกันอารมณ์สงบมาก ถ้าจะบอกว่าผันผวนบ้าง ก็ไม่ใช่เพราะตัวตนฐานะเขา แต่เป็นเ
เกี่ยวข้องกับตงฉิง?ตงฉิงอีกแล้วเหรอ?ใต้หน้ากากเซียวหลันยวน สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทำไมช่วงนี้เรื่องหลายเรื่องก็เกี่ยวกับตงฉิงไปหมด? ทำให้เขาแอบรู้สึกเหมือนเป็นตาข่ายผืนใหญ่ กำลังกางมาทางเขาและเขาก็อยู่ในกลางตาข่ายยักษ์นั่นอันเหนียนมองเซียวหลันยวน เอ่ยถามหยวนอี้ขึ้นอย่างสงบ"ตงฉิงไม่ใช่ว่าล่มสลายไปแล้วหรือ?""แต่ว่า สิ่งที่พวกท่านไม่รู้ก็คือ มีความลับหนึ่งเกี่ยวกับตงฉิง ตอนนั้นตงฉิงอันที่จริงมีกลไกการป้องกันตนเองอยู่ แม้จะบอกว่าล่มสลาย แต่อันที่จริงก็แค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น กลไกใหญ่เมืองหลักในจุดต่างๆ พอสะสมพลังถึงระดับหนึ่ง ก็จะทำงานขึ้นมา""พอกลไกทำงาน อุโมงค์และถนนหลักจะเปิดระบบระบายน้ำดินตะกอน แล้วเมืองจักรพรรดิก็จะปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง""หลังจากเมืองจักรพรรดิปรากฏขึ้นอีกครั้ง และตอนที่กลุ่มดาวบนท้องฟ้าเคลื่อนย้าย ดาวจักรพรรดิกลับสู่ตำแหน่งเดิม ภูมิประเทศกลับสู่ตำแหน่งที่แน่นอน คลังสมบัติจะปรากฏ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีภูเขาแร่ล้ำค่าอีกหลายลูกที่จะปรากฏด้วย"พอได้ยินหยวนอี้พูดเช่นนี้ อันเหนียนก็อดตกตะลึงไม่ได้"ดังนั้น ความหมายของเจ้าก็คือ พอถึงวันนั้น ตงฉิงที่แม้จะไม่มีคนอ
"แคว้นหมิ่นในเมื่อรู้ข่าวแล้วจะช้าเร็วก็คงส่งมาถึงต้าชื่อกับแคว้นเจา ก็สู้ส่งพวกเราออกมาเจรจาร่วมมือก่อนไปเลยดีกว่า"เซียวหลันยวนถามเสียงเรียบ "ดังนั้นพวกเจ้าจึงมาเจรจาร่วมมือ? ร่วมมือว่าจะแบ่งสันปันส่วนตงฉิงกันอย่างไรน่ะหรือ?""ถูกต้อง พวกเราเลือกแคว้นเจาก่อน เป็นการพิจารณาทุกด้าน เพราะแคว้นเจาอยู่ใกล้ตงฉิงหน่อย แคว้นเจายังมีตัวตนอย่างอ๋องเจวี้ยน ขณะเดียวกันก็ยังมี..."หยวนอี้พูดถึงจุดนี้แล้วชะงักไปแต่เซียวหลันยวนกลับเข้าใจความหมายเขาขึ้นมา "ยังมีพระชายาของข้าอยู่หรือ?"หยวนอี้ยอมรับอันเหนียนใจสะดุ้งโหยงคิดไม่ถึงว่าฟู่จาวหนิงจะเป็นส่วนหนึ่งที่แคว้นหมิ่นนำมาพิจารณาในเรื่องนี้ด้วย"พวกเจ้าต้องการวิชาแพทย์ของนางหรือ?" เซียวหลันยวนถามเขาเองก็ไม่ได้เผยอารมณ์ของตนเองออกมามากนัก หลังจากได้ยินเรื่องเหล่านี้แล้วโกรธหรือไม่มีปฏิกิริยาใด ก็ไม่ให้หยวนอี้ได้มองออก"วิชาแพทย์ของแคว้นหมิ่นตอนนี้แทบจะอยู่ในกำมือของตระกูลซุน" หยวนอี้ก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะให้พวกเขาได้รู้สถานการณ์ของแคว้นหมิ่น "ตระกูลซุนเป็นตระกูลหมอชั้นสูงที่มีชื่อที่สุดของแคว้นหมิ่น ด้วยเหตุนี้ มีหลายเรื่องที่พวกเขาเป็นคนตัด
ตอนที่รถม้าออกจากเมืองเจ้อได้ครึ่งชั่วยาม ฟู่จาวหนิงเพิ่งวุ่นไปได้ช่วงหนึ่ง จากนั้นจึงเพิ่งพบว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกับเฉินเซียงหายไปนางไปหาเซียวหลันยวน เซียวหลันยวนกลับไม่รู้สึกเกินคาด"ข้าหลับตาข้างหนึ่งปล่อยพวกนางออกไป"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคิดว่าจะหลบองครักษ์ของเขาพ้น"ทำไมล่ะ?"ฟู่จาวหนิงไม่ค่อยเข้าใจทำไมถึงอยากจะปล่อยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหนีไป?"ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าอาการของนางดีขึ้นมากแล้ว""ท่านให้ข้าให้ยานางดีดีในช่วงสุดท้ายนี้"ดังนั้น นางจึงฉีดยาพิเศษให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น อาการป่วยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้วจริงๆ โอกาสจะระบาดน้อยมากแล้วนางยังคิดว่าเซียวหลันยวนรู้สึกว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะมาตายที่นี่ไม่ได้เสียอีก ดังนั้นจึงพยายามรักษานางอย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้ดูท่า เขาจะรู้อยู่แล้วว่านางจะออกไป แล้วยังปล่อยให้นางออกไปด้วย?"องครักษ์ลับของฝ่าบาทต้าชื่อมาถึงแล้ว ข้าไม่อยากให้พวกเขาลอบเข้ามาในเมืองเจ้อ ดังนั้นจึงพยายามส่งคนออกไป"เซียวหลันยวนไม่ใช่คนที่ใจดีนัก "หลังจากออกไป จะหนีการจับกุมฝ่าบาทต้าชื่อได้หรือเปล่า ก็ต้องดูโชคของนางแล้ว แล้วก็..."เซียว
อันเหนียนเองก็โกรธจนเส้นเลือดแทบจะแตกเขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าองค์จักรพรรดิจะทำแบบนี้!เมืองเจ้อใหญ่ขนาดนี้ คิดจะทอดทิ้งก็ทิ้งเลยรึ!"รีบประคองข้าไปที่หอเมือง" อันเหนียนเองก็ตามไปด้วย เขาจะอยู่แต่ในนี้ไม่ได้เซียวหลันยวนมาถึงบนหอเมืองแล้ว ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวรีบเข้ามารับ "ท่านอ๋อง!""สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?""ทหารห้าพันนาย! พวกเขาเข็นปืนใหญ่มาด้วย!" ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวโกรธจัดจริงๆเมืองเจ้อส่งส่วยให้ทุกปีไม่เคยขาด ส่งเข้าคลังหลวงตรงเวลามาตลอด ตำแหน่งภูมิศาสตร์นี้ ก็ถือได้ว่าคอยคุ้มกันแทนเมืองหลวงอยู่ ส่งเส้นเลือดชีพจรเข้าไปให้ องค์จักรพรรดิต่อให้ใช้หัวเข่ามาคิด ก็จะทิ้งเมืองเจ้อไม่ได้!ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น?เซียวหลันยวนยืนอยู่บนกำแพงเมืองลมพัดหวิว เขามองฝั่งตรงข้ามใต้กำแพงเมือง แม่ทัพที่นั่งอยู่บนหลังม้าอย่างองอาจ"โจวติ้งเจิน"โจวติ้งเจิน เป็นแม่ทัพที่ดุดันคนหนึ่ง แล้วยังเป็นพวกค่อนข้างป่าเถื่อน มนุษยสัมพันธ์ในราชสำนักแย่มาก แต่เพราะเขาจงรักภักดีสุดๆ กับองค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดิมีเจตนาไหน ไม่ว่าจะไร้เหตุผลเพียงใด โจวติ้งเจินก็สามารถทำตามราชโองการได้อย่างเคร่งครัดตรงไ
หยวนอี้ท้ายสุดก็ยังบาดเจ็บตามไปด้วย ที่เอวถูกอาวุธลับยิงเข้ามา เกือบจะเอาตัวไม่รอดหลังจากกลับถึงเมืองหลวง ทั้งสองคนก็สลบไปและในช่วงสิบวันนี้ คนป่วยในเมืองเจ้อก็เพิ่มมากขึ้นมหาศาล ตายไปอีกชุดใหญ่ในช่วงที่ตึงเครียดที่สุด ยาของฟู่จาวหนิงในที่สุดก็สกัดออกมา ผ่านการใช้ยาไปหลายวัน ก็หยุดยั้งการคุมไม่อยู่ของโรคไว้ได้คนที่ป่วยตายเกือบร้อยคน แต่ว่า ท้ายสุดโรคก็ถูกควบคุมไว้ได้แล้วคนทั้งหมดล้วนถอนใจยาวโล่งอกแต่ตอนนี้เอง คำสั่งลับขององค์จักรพรรดิก็ส่งมาถึงเมืองเจ้อและที่มาด้วยกันยังมีทหารชั้นดีอีกห้าพันนายคืนนี้ ทหารชั้นดีล้อมเมืองเอาไว้ ในมือมีคบเพลิง ยังมีคนง้างธนูเพลิงเล็งมาที่เมืองเจ้อด้วยแสงไฟนอกเมืองเหล่านี้ แน่นอนว่าถูกเหล่าทหารคุ้มครองเมืองพบเข้าพวกเขารีบมารายงานผู้บริหารท้องถิ่นโหยวอย่างเร่งด่วนผู้บริหารท้องถิ่นโหยวพอได้ยิน เส้นที่ตึงในใจมาหลายวันนี้ก็แทบจะขาดออกจากกัน"มาแล้ว มาจริงๆ แล้ว!"องค์จักรพรรดิคิดจะทิ้งเมืองเจ้อจริงๆ! แล้วนี่จะทำอย่างไรกัน?จะเผาเมืองไหม?"รีบไปเชิญอ๋องเจวี้ยนมา!"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเอ่ยขึ้น ส่วนตนเองก็รีบพุ่งไปที่หอเมืองยืนบนหอเม
ตอนที่รถม้าออกจากเมืองเจ้อได้ครึ่งชั่วยาม ฟู่จาวหนิงเพิ่งวุ่นไปได้ช่วงหนึ่ง จากนั้นจึงเพิ่งพบว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกับเฉินเซียงหายไปนางไปหาเซียวหลันยวน เซียวหลันยวนกลับไม่รู้สึกเกินคาด"ข้าหลับตาข้างหนึ่งปล่อยพวกนางออกไป"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคิดว่าจะหลบองครักษ์ของเขาพ้น"ทำไมล่ะ?"ฟู่จาวหนิงไม่ค่อยเข้าใจทำไมถึงอยากจะปล่อยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหนีไป?"ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าอาการของนางดีขึ้นมากแล้ว""ท่านให้ข้าให้ยานางดีดีในช่วงสุดท้ายนี้"ดังนั้น นางจึงฉีดยาพิเศษให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น อาการป่วยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้วจริงๆ โอกาสจะระบาดน้อยมากแล้วนางยังคิดว่าเซียวหลันยวนรู้สึกว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะมาตายที่นี่ไม่ได้เสียอีก ดังนั้นจึงพยายามรักษานางอย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้ดูท่า เขาจะรู้อยู่แล้วว่านางจะออกไป แล้วยังปล่อยให้นางออกไปด้วย?"องครักษ์ลับของฝ่าบาทต้าชื่อมาถึงแล้ว ข้าไม่อยากให้พวกเขาลอบเข้ามาในเมืองเจ้อ ดังนั้นจึงพยายามส่งคนออกไป"เซียวหลันยวนไม่ใช่คนที่ใจดีนัก "หลังจากออกไป จะหนีการจับกุมฝ่าบาทต้าชื่อได้หรือเปล่า ก็ต้องดูโชคของนางแล้ว แล้วก็..."เซียว
"แคว้นหมิ่นในเมื่อรู้ข่าวแล้วจะช้าเร็วก็คงส่งมาถึงต้าชื่อกับแคว้นเจา ก็สู้ส่งพวกเราออกมาเจรจาร่วมมือก่อนไปเลยดีกว่า"เซียวหลันยวนถามเสียงเรียบ "ดังนั้นพวกเจ้าจึงมาเจรจาร่วมมือ? ร่วมมือว่าจะแบ่งสันปันส่วนตงฉิงกันอย่างไรน่ะหรือ?""ถูกต้อง พวกเราเลือกแคว้นเจาก่อน เป็นการพิจารณาทุกด้าน เพราะแคว้นเจาอยู่ใกล้ตงฉิงหน่อย แคว้นเจายังมีตัวตนอย่างอ๋องเจวี้ยน ขณะเดียวกันก็ยังมี..."หยวนอี้พูดถึงจุดนี้แล้วชะงักไปแต่เซียวหลันยวนกลับเข้าใจความหมายเขาขึ้นมา "ยังมีพระชายาของข้าอยู่หรือ?"หยวนอี้ยอมรับอันเหนียนใจสะดุ้งโหยงคิดไม่ถึงว่าฟู่จาวหนิงจะเป็นส่วนหนึ่งที่แคว้นหมิ่นนำมาพิจารณาในเรื่องนี้ด้วย"พวกเจ้าต้องการวิชาแพทย์ของนางหรือ?" เซียวหลันยวนถามเขาเองก็ไม่ได้เผยอารมณ์ของตนเองออกมามากนัก หลังจากได้ยินเรื่องเหล่านี้แล้วโกรธหรือไม่มีปฏิกิริยาใด ก็ไม่ให้หยวนอี้ได้มองออก"วิชาแพทย์ของแคว้นหมิ่นตอนนี้แทบจะอยู่ในกำมือของตระกูลซุน" หยวนอี้ก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะให้พวกเขาได้รู้สถานการณ์ของแคว้นหมิ่น "ตระกูลซุนเป็นตระกูลหมอชั้นสูงที่มีชื่อที่สุดของแคว้นหมิ่น ด้วยเหตุนี้ มีหลายเรื่องที่พวกเขาเป็นคนตัด
เกี่ยวข้องกับตงฉิง?ตงฉิงอีกแล้วเหรอ?ใต้หน้ากากเซียวหลันยวน สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทำไมช่วงนี้เรื่องหลายเรื่องก็เกี่ยวกับตงฉิงไปหมด? ทำให้เขาแอบรู้สึกเหมือนเป็นตาข่ายผืนใหญ่ กำลังกางมาทางเขาและเขาก็อยู่ในกลางตาข่ายยักษ์นั่นอันเหนียนมองเซียวหลันยวน เอ่ยถามหยวนอี้ขึ้นอย่างสงบ"ตงฉิงไม่ใช่ว่าล่มสลายไปแล้วหรือ?""แต่ว่า สิ่งที่พวกท่านไม่รู้ก็คือ มีความลับหนึ่งเกี่ยวกับตงฉิง ตอนนั้นตงฉิงอันที่จริงมีกลไกการป้องกันตนเองอยู่ แม้จะบอกว่าล่มสลาย แต่อันที่จริงก็แค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น กลไกใหญ่เมืองหลักในจุดต่างๆ พอสะสมพลังถึงระดับหนึ่ง ก็จะทำงานขึ้นมา""พอกลไกทำงาน อุโมงค์และถนนหลักจะเปิดระบบระบายน้ำดินตะกอน แล้วเมืองจักรพรรดิก็จะปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง""หลังจากเมืองจักรพรรดิปรากฏขึ้นอีกครั้ง และตอนที่กลุ่มดาวบนท้องฟ้าเคลื่อนย้าย ดาวจักรพรรดิกลับสู่ตำแหน่งเดิม ภูมิประเทศกลับสู่ตำแหน่งที่แน่นอน คลังสมบัติจะปรากฏ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีภูเขาแร่ล้ำค่าอีกหลายลูกที่จะปรากฏด้วย"พอได้ยินหยวนอี้พูดเช่นนี้ อันเหนียนก็อดตกตะลึงไม่ได้"ดังนั้น ความหมายของเจ้าก็คือ พอถึงวันนั้น ตงฉิงที่แม้จะไม่มีคนอ
"เซียวหลันยวนพอได้แล้ว ทำไมถึงผ่านไปไม่ได้เสียที?"ฟู่จาวหนิงถลึงตาใส่เขาเซียวหลันยวนมือหนึ่งโอบเอวนางไว้ อีกมีหนึ่งดึงบังเหียนม้า เอ่ยขึ้นอย่างจนใจ "ข้าอยากแค่อยากบอกว่า รู้สึกแปลกหน่อยๆ"ฟู่จาวหนิงจึงเพิ่งรู้ว่าเข้าใจเขาผิดแต่ว่า นางเองก็รู้สึกว่าถังสืออวิ้นแปลกๆ เพียงพูดออกมาไม่ได้ว่าแปลกตรงไหนเซียวหลันยวนกลับพูดออกมาแล้ว"เขามีความรู้สึกแบบหนึ่ง ดูคล้ายๆ กับตัวเจ้า"พูดประโยคนี้ออกมาเขาก็ยังรู้สึกเจ็บแปลบอยู่หน่อยๆ ที่มองเห็นจุดคล้ายคลึงกับฟู่จาวหนิงบนตัวชายคนอื่น เขาไม่ได้รู้สึกดีใจเลยสักนิด"คล้ายข้าหรือ?" ฟู่จาวหนิงรู้ว่าที่เขาพูดมาไม่ใช่หน้าตา"ตอนที่เจอกับข้า ก็ดูสงบกว่าคนอื่นพอสมควร" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นอำนาจของเขา ตอนที่เผชิญหน้ากับคนอื่น สามารถรู้สึกได้ชัดเจนถึงท่าทีที่คนอื่นมีต่อตนเองประชาชนคือความเคารพ ส่วนพวกข้าราชการชนชั้นสูงบางส่วนก็รู้สึกหวาดกลัวเขาแน่นอนยังอาจจะมีอารมณ์อื่นอีก แต่ปกติแล้วก็คือสองอย่างนี้แต่ฟู่จาวหนิงตอนที่เจอเขาครั้งแรกไม่มีสองสิ่งนี้ นางมองเขาเป็นคนระดับเดียวกันอารมณ์สงบมาก ถ้าจะบอกว่าผันผวนบ้าง ก็ไม่ใช่เพราะตัวตนฐานะเขา แต่เป็นเ
"ตอนนี้เจ้าพูดได้ว่าเป็นคนที่มีคุณสมบัติสืบทอดตงฉิงมากที่สุด นั่นจึงเป็นเส้นทางที่เจ้าควรเดินมากที่สุด หลายปีมานี้ เจ้าก็พยายามอย่างหนัก เพื่อตามหาคนตงฉิงที่ยังมีชีวิตรอดเหล่านั้น แล้วจะทิ้งไปแบบนี้เจ้ารับได้หรือ?"ฮูหยินอาวุโสถังมองถังสืออวิ้น ก็เห็นสีหน้าหดหู่ของเขาหายไป สายตากลับมาแน่วแน่อีกครั้ง ในใจจึงถอนใจโล่งออกมาทุกครั้งที่หลานชายมาหานาง จะต้องเพราะมีเรื่องให้หวั่นไหวเพราะนั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันยากมากจริงๆแต่ที่นางต้องทำคือให้กำลังใจเขา จะยอมให้เขาละทิ้งไปแบบนี้ไม่ได้"ตงฉิงตอนนั้นคนออกไปตั้งมากมายซึ่งรวมถึงบ้านพวกเราด้วย เรื่องนี้กระทั่งจักรพรรดินีก็ยังไม่รู้ ดังนั้น แม้องค์หญิงใหญ่ภายหลังจะยังมีชีวิต แต่งงาน มีลูก พวกเขาก็ล้วนไม่รู้เรื่องเหล่านี้"นี่จึงเป็นสาเหตุที่ตระกูลถังคิดว่าถังสืออวิ้นมีคุณสมบัติการสืบทอดตงฉิง"พวกเขาไม่รู้ ดังนั้นจึงยังไม่เคยพยายามอะไร เรื่องเหล่านี้ล้วนมีแต่เจ้าที่ทำ คนที่เหนื่อยคือเจ้า"ถังสืออวิ้นถอนใจ"สืออวิ้น ต่อให้องค์หญิงใหญ๋จะมีลูกจริง แต่จากข่าวที่เราตรวจสอบมาตอนนั้น องค์หญิงใหญ่ไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว เด็กที่ไม่มีการเสี้ยมสอนจาก
ถังสืออวิ้นเดินออกไป ย้ายเก้าอี้เล็กมานั่งลงข้างๆ นาง นวดขาเบาๆ ให้นางเขาเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านย่า หรือว่าเราล้มเลิกดีไหม? หลังจากหาสิ่งนั้นพบแล้วยังไงล่ะ..."แต่เขายังพูดไม่ทันจบ ฮูหยินอาวุโสก็ตัดบทเขาทันที"เจ้าพูดอะไรออกมา? จากนี้ไปย่าไม่อยากได้ยินเจ้าพูดอะไรที่ไม่เอาไหนแบบนี้แล้วนะ"ถังสืออวิ้นฟังออกถึงความโกรธในน้ำเสียงนาง จึงเงียบลงกว่าเดิม"สืออวิ้น ข้ารู้ว่าหลายปีนี้เจ้าลำบาก แต่ธนูเมื่อยิงแล้วไม่มีหวนกลับ ถ้าตอนนี้พวกเราล้มเลิกไป แล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อกัน?"ถังสืออวิ้นเดิมทีก็เป็นอัจฉริยะอายุน้อย เดิมควรจะมีอนาคตที่สดใสตอนนั้นถ้าเขาเป็นไปตามครรลอง ไปร่วมการสอบเคอจวี่กับอัจฉริยะคนอื่นๆ ด้วยความสามารถของเขา อาจจะได้เข้าสอบเตี้ยนซื่อ แล้วกลายเป็นจอหงวนไปแล้วตอนนี้เขาอาจจะเป็นข้าราชการไปแล้วถึงสามปีแต่ว่า หลายปีมานี้เขาเอาแต่ปิดบังตัวตน ไม่ไปร่วมการสอบเคอจวี่ ไม่ย่ำเข้าสู่เส้นทางข้าราชการ ตอนนี้ก็สิบปีไปแล้วเขาใกล้จะยี่สิบสามแล้วถ้าล้มเลิกเรื่องที่อยู่ในมือไป เขาที่อายุยี่สิบสามก็เรียกได้ว่าไม่มีความสำเร็จอะไรเลย"ท่านย่า พวกเราไปทำการค้าก็ได้...""ไร้สาระ เ
เพราะอายุถังสืออวิ้นใกล้เคียงกับเซียวหลันยวน เซียวหลันยวนตอนนั้นก็ให้ความสนใจเขาอยู่ แต่ก็ไม่ได้เจอตัว ดังนั้นเมื่อครู่พอได้ยินชื่อจึงรู้สึกคุ้นๆ"นั่นเป็นชื่อเสียงจอมปลอมเมื่อนานมาแล้ว คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะจำได้ด้วย" ถังสืออวิ้นคารวะให้อีกครั้ง"เจ้าไม่เข้าร่วมสอบเคอจวี่มาตลอด" เซียวหลันยวนถาม "หรือว่าไม่เคยขึ้นกระดานมาตลอดกัน?"บางทีมีชื่อเสียงตอนอายุยังน้อย พอเติบโตความสามารถกลับลดต่ำลง กระทั่งการสอบขั้นต้นก็ยังไม่ผ่าน?""ข้าน้อยไม่ได้เข้าร่วมขอรับ""โอ๋? ทำไมกัน?" เซียวหลันยวนรู้สึกอยากรู้ขึ้นมา"เรื่องนี้..."ถังสืออวิ้นดูลำบากใจขึ้นมา ดูเหมือนจะบอกเหตุผลออกมาลำบากเซียวหลันยวนเองก็ไม่คิดจะจี้ต่อ จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา หันไปพูดถึงเรื่องที่เด็กสองคนก่อนหน้านั้นพูดมา"ข้าได้ยินว่า เจ้ารู้สึกว่าพระชายาควรแต่งกับเจ้าหรือ?""แค่กๆๆ!"ถังสืออวิ้นสำลักขึ้นมา หูแดงกว่าเดิม เลิกเสื้อคลุมคุกเข่าลงทันทีเพียงแต่คุกเข่าก็ส่วนหนึ่ง แต่หลังกับแอวเขายังยืดตรง เป็นท่าทางที่ดูทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแออยู่ด้วยกัน"ท่านอ๋องระงับโกรธด้วย! ข้าน้อยแม้จะไม่ได้พูดเช่นนี้ แต่ก็เคยเอ่ยชมพระชายา ถ