ฟู่จาวหนิงยังคิดจะอธิบย ต่อให้เป็นเชื้อร้ายแบบเดียวกัน บนคนป่วยที่ไม่เหมือนกันก็ยังมีระดับปฏิกิริยาที่แตกต่างกัน นี่ต้องดูภูมิคุ้มกันของร่างกายด้วย...แต่คำพูดของนางยังไม่ทันพูดจบ เฉินเซียงก็โมโหจนตัดบทนาง"ข้าได้ยินมาแค่ว่า คนที่สุขภาพยิ่งดี ก็จะยิ่งหายป่วยง่าย องค์หญิงใหญ๋ของเราเป็นหญิงสาวชั้นสูง ร่างกายต้องดีกว่าประชาชนทั่วไปอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่นั้นองค์หญิงใหญ่ของพวกเราก็ไม่ได้ท้องหิวอีกด้วย แต่นาง!"เฉินเซียงชี้ไปทางป้าหนิว "ข้าได้ยินว่า ระหว่างทางที่นางมาเมืองเจ้อก็ทนหิวมาตลอดทาง สุขภาพนางต้องแย่กว่าพวกเรามาก ดังนั้น เพราะอะไรนางถึงหายได้ไวกว่าพวกเรากัน?!"ความเร็วในการดีขึ้นของอาการเกี่ยวข้องกับสุขภาพร่างกายของแต่ละบุคคลด้วย นี่ก็เป็นคำพูดที่ฟู่จาวหนิงเคยพูดไว้ฟู่จาวหนิงคิดในใจ ป้าหนิวต้องหายไวอยู่แล้ว นางได้รับการฉีดยาให้ยานะ แล้วยังใช้ยาที่ค้นคว้ามาแล้วด้วยยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายป้าหนิวเดิมทีก็มีภูมิคุ้มกันกับโรคนี้มาระดับหนึ่งแล้ว ครอบครัวหกคน คนอื่นทนไม่ไหวตายกันไปก่อน เหลือแค่ป้าหนิว ร่างกายของนางต่อต้านกับไวรัสชนิดนี้แล้วแต่พวกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แค่ยาก็ยังจะต้มกินเ
ฟู่จาวหนิงหลายวันนี้ก็วุ่นจนแทบบ้า เป็นไปไม่ได้ที่ทุกวันจะคอยมาจับตาดูองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ดังนั้นนางจึงไม่รู้ว่านางยังไปสระหัวด้วยในยุคปัจจุบันการเป็นหวัดเป็นไข้แล้วสระหัวล้างตัวมันทำได้ ผมทุกคนไม่ได้ยาวมาก มีน้ำใช้อย่างเพียงพอ ห้องอาบน้ำก็ยังอุ่น สระเสร็จก็เป่าให้แห้งได้ทันทีแต่ที่นี่ สภาพแวดล้อมกับปัจจัยมันแตกต่างกันนะ!ในห้องแค่จุดถ่านไว้ อันที่จริงก็ยังไม่อุ่นพอเลย เพราะถ่านของพวกเขาไม่พอ!แล้วก็ ผมพวกนางก็ยาวมาก ผมยาวดกหนา พอไม่มีเครื่องเป่าผม สระครั้งหนึ่ง ต้องใช้ผ้าเช็ดกันอยู่กนาน แล้วยังต้องรอให้แห้งอีกบางครั้งเวลาที่ใช้ก็ต้องมากถึงสองชั่วยามป่วยขนาดนี้แล้วแท้ๆ...ฟู่จาวหนิงเกือบจะโมโหจนหัวเราะออกมา"ข้าไม่สนที่พวกเจ้าจะสระผม เพราะร่างกายเป็นของพวกเจ้าเอง คำพูดดีดีมันโน้มน้าวพวกผีสมควรตายลำบาก" นางหัวเราะเย็นชา"แต่ว่า รู้ไหมว่าตอนนี้พวกเจ้าอยู่ที่ไหน? อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน? ที่นี่มันเมืองเจ้อ คนทั้งหมดวุ่นกันจนไม่มีเวลานอน ที่นี่ไม่มีคนใช้มาคอยปรนนิบัติพวกเจ้า ทุกวันเพื่อต้มน้ำให้เพียงพอกับทุกคน องครักษ์ของพวกเราต้องไปผ่าฟืนยกน้ำมากันอย่างสุดกำลัง เรื่องนี้พวกเจ
"ป้าหนิว ท่านพาคนป่วยที่อาการเบาลงแล้วพวกนั้นย้ายมาที่ห้องนี้ แล้วให้คนป่วยใหม่เข้ามา"ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่ห้องที่นางพักอยู่ข้างๆ นี้ ตอนนี้มีแค่ห้องนี้แล้วที่ยังว่าง"อะไรนะ? ท่านจะให้พวกเขาเข้ามาอีกหรือ? แค่กๆๆ ไม่ได้นะ..."เฉินเซียงพอได้ยิน ก็คัดค้านทันที"ก่อนหน้านี้คุยกันไว้ดีแล้ว ว่าจะไม่ให้คนพวกนี้เข้ามา ตอนนี้ทำไมถึงกลับคำ...""ใครคุยไว้ดีแล้วกับเจ้ากัน?" ฟู่จาวหนิงเอ่ยเสียงเย็นชาขึ้นมา ไม่สนใจนางคนป่วยห้าคนนั้นถูกส่งตัวเข้ามา ฟู่จาวหนิงวุ่นอยู่กับการจัดพวกเขา แล้วต้องไปรักษาพวกเขาอีกฟู่จิ้นเชินเองก็รีบเข้ามาช่วยเฉินเซียงโมโหจนทนไม่ไหว ปิดประตูดังปัง เข้าไปฟ้องกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"องค์หญิงใหญ่ ฟู่จาวหนิงน่ารังเกียจนัก นางไม่ญาติดีกับท่านจริงๆ! ตามหลักการแล้ว ก่อนหน้านี้ท่านก็แค่คิดจะเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนที่ทัดเทียมกับนางแค่นนั้นเอง ไม่ได้คิดจะให้นางออกจากตำแหน่งเสียหน่ยอ ท่านเป็นถึงองคืหญิงใหญ่ก็ถือว่าลดตัวลงมาแล้ว แต่นางกลับทำตัวหยิ่งยโส?"ความอ่อนโยนขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเกือบจะถูกทำลายลงเพราะอาการป่วยนี่แล้วนางนอนอยู่บนเตียง ไอจนแทบไม่อาลัยอาวรณ์ในชีวิตอีก
เฉินเซ๊ยงเดินไปเดินมา กัดฟัน ทำความเคาระ "หมอเทวดาฟู่ แค่กๆ รบกวนท่านไปฝังเข็มให้พวกเราที...""ยุ่งอยู่ ตอนนี้ยังไปไม่ได้" ฟู่จาวหนิงไม่แม้แต่จะเงยหน้าเฉินเซียงขบฟันแน่น "เช่นนั้นพวกเราจะรอ ขอเชิญหมอเทวดาฟู่รีบมาด้วย!"องค์หญิงใหญ่อ่อนข้อให้แล้ว นางเองก็ทำได้แค่ก้มหัวต่ำรอจนนางออกไปแล้ว ป้าหนิวจึงเบ้ปาก "กว่าจะมากันได้?"วิชาแพทย์ของหมอฟู่นั้นยอดเยี่ยมมาก ถ้าไม่ใช่พวกนางรนหาที่ตายกัน ต่อให้อาจจะไม่ได้ดีขึ้นทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ต้องดีขึ้นบ้างตอนนี้องค์หญิงใหญ่นั่นแค่ลุกจากเตียงก็ยังไม่ได้ เฉินเซียงนี่ก็เหมือนจะเป็นลมแหล่ไม่เป็นลมแหล่อยู่แล้วร่างกายของตัวเองแท้ๆ ทำไมต้องมาทะเลาะกับหมอแบบนี้กัน?ฟู่จาวหนิงกว่าจะจัดการเสร็จ มานั่งพักใต้ต้นไม้กับฟู่จิ้นเชินด้านนอกฟู่จิ้นเชินยื่นน้ำให้นางแก้วหนึ่ง จากนั้นลุกไปยืนด้านหลังนาง "รังเกียจที่ข้าจะนวดไหล่ให้ไหม?"ไม่รอให้ฟู่จาวหนิงพูด มือของเขาก็วางอยู่บนบ่านางแล้ว ออกแรงกดนวดให้นางหลายวันนี้ ฟู่จาวหนิงเหนื่อยเกินไปแล้ว ทุกวันเหมือนสองมือไม่ใช่ของตนเอง บ่ากับคอก็เมื่อยไปหมด ตอนนี้มีคนมาเป็นห่วงตนเองแบบนี้ ช่วยนวดให้ซักหน่อย นางก็ร
ภรรยาอายุน้อยคนหนึ่งกำลังหอบฟืนเดินเข้ามา พอได้ยินเสียงไอของแม่สามี จึงรีบเดินเข้าไป"ท่านแม่ ไม่สบายตรงไหนหรือเลป่า ให้ข้าต้มแทนให้เถอะ""แค่ต้มข้าวต้มเอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่กๆๆ"ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาพอเห็ฯนาง แม้จะรู้สึกพูดลำบาก แต่พอได้ยินนางไออีกครั้งก็ยังทนไม่ไหว"ท่านแม่ ใต้เท้าโหยวไม่ใช่บอกแล้วหรือ ว่าคนที่ไปช่วยแจกข้าวต้มไม่ให้กลับมาบ้านชั่วคราว? เพราะว่ากลัวผู้ประสบภัยพวกนั้นระบาดโรคใส่หรือเปล่า ก่อนหน้านี้ท่านก็ไปช่วยมานี่นา ถ้าอย่างนั้น..."หญิงสาวตัวแข็งไป "ไม่ ไม่หรอกกระมัง? เมื่อวานข้าไม่ได้ไป วันก่อนเลยกลับมา"เมื่อวานบอกว่าคนที่ไปช่วยอย่าเพิ่งกลับบ้านชั่วคราว ให้อยู่ที่ศูนย์พักพิงกันก่อนเมื่อวันก่อนตอนกลางคืนนางมีธุระพอดีจึงขอลากลับมา พอได้ยินข่าวก็เลยไม่ได้ไปอีกเมื่อวานยังมีข้าราชการเข้ามาถามอยู่เลย ว่านางมีตรงไหนไม่สบายบ้างไหม แต่เมื่อวานนังยังไม่เริ่มไป แค่รู้สึกตัวเย็นหน่อยๆ ตอนนั้นรู้สึกว่าน่าจะเหนื่อยเกินไป ไม่ได้นอนดีดี ไม่รู้สึกว่าตนเองป่วยเลยบอกไปว่าไม่มีผลคือวันนี้กลับเริ่มไอเสียแล้ว"ศูนย์พักพิงทางนั้นวันนี้พาคนไปแล้วหลายคน ครั้งนี้บอกว่
เป็นเจ้าโรคนั้นแล้วหรือ?"ฮูหยิน ท่านไม่สบายตรงไหน?""มีไข้ มึนหัว ตอนนี้ทั้งตัวไม่มีแรงแล้ว เอว เอวก็ปวด แล้วยังไออีก"ต่งฮ่วนจือพอได้ยินก็รู้สึกว่าแย่แล้วเหมือนอาการจะตรงกันหมดเลยตอนนี้เองอาเหอก็ออกมา พอเห็นหญิงสาว แม้นางจะสวมหน้ากากปิดจมูกอยู่ แต่เนื่องจากหลายวันนี้เขายุ่งอยู่กับการจัดแจงที่พั จึงจำนางได้"ป้าอาหลี่?""ข้า ข้าเอง""ผู้จัดการต่ง นาง นางคือคนในท้องถิ่นขอรับ" อาเหอบอกต่งฮ่วนจือสองคนสบตากัน สายตาเคร่งขรึมฟู่จาวหนิงบอกไว้ว่ากังวลเรื่องที่คนท้องถิ่นจะติดโรคระบาด นั่นอาจจะระบาดออกเป็นวงกว้างได้ ตอนนี้มีคนท้องถิ่นติดโรคแล้วจริงๆป้าหาหลี่เอ่ยขึ้น "แล้วก้ พวกเราในซอยนั้นยังมีตาเฒ๋าอู๋ที่อาศัยอยู่คนเดียวอีกคน เมื่อครู่ตอนที่ข้าเดินผ่านบ้านเขา ก็ได้ยินเสียงไออย่างรุนแรง ข้าไม่กล้าไปดู ไม่รู้ว่าต้องรายงานใต้เท้าโหยวไหม?""ซู๊ด"สถานการณ์แย่แล้วจริงๆ"ป้าอาหลี่ ท่านรอก่อน"อาเหอเข้าไปบอกคำหนึ่ง ให้คนถอยออกไปก่อน จากนั้นจึงให้ป้าอาหลี่เข้ามา เดินตามตนเองไปยังห้องข้างฝั่งตะวันตกที่ประตูวงกลม ฟู่จิ้นเชินตรวจดูนางให้ก่อน จากนั้นค่อยตะโกนเรียกฟู่จาวหนิงส่วนอาเห
ป้าหนิวคิดถึงครอบครัวตนเองที่ป่วยตายระหว่างทาง ก็ก้มหน้าลงปาดน้ำตาในใจนางเองก็เจ็บปวดมากในบ้านเหลือนางแค่คนเดียว ยิ่งไปกว่านั้นครอบครัวก็ล้วนป่วยตายกลางทางในจุดที่แตกต่างกัน กระทั่งไม่ได้จัดการฝังไว้ด้วยกันดีดี พอคิดแล้ว ก็เหมือนทั้งห้าคน ราวกับเป็นหลุมศพทิ้งร้างข้างทางห้าหลุมตอนนั้นนางไม่รู้จริงๆ ว่าโรคนี้จะระบาดได้รุนแรงขนาดนี้ คิดแค่ว่าครอบครัวพวกเขาเดิมทีก็อยู่ด้วยกัน ร่างกายก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ดังนั้นจะป่วยไปด้วยกันก็ไม่แปลกบ้านเกิดพวกเขาเองก็มีคนมากมายที่เป็นดรคหวัด ไม่กินไม่ดื่ม และไม่ได้รักษากินยา จนกระทั่งป่วยตายไปการป่วยตายสำหรับคนจนอย่างพวกเขาถือว่าเป็นเรื่องปกติ นางไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้นตอนที่สามีนางตายบอกกับนางว่า ตายไปยังสู้มีชีวิตอยู่ไม่ได้ ต่อให้ในบ้านจะป่วยตายกัน เหลือนางแค่คนเดียวก็ยังต้องมีชีวิตต่อ หลังจากนี้จะได้ยังพอเผากระดาษให้ครอบครัวได้ด้วยประโยคนี้ ป้าหนิวจึงยืนหยัดต่อมาไม่เช่นนางนั้นคงตามคนในครอบครัวไปด้วยกันแล้ว"ป้าหนิว ท่านอย่าไปคิดมาก ท่านช่วงนี้ช่วยเหลือมามากมายแล้ว เป็นคนดีแน่นอน" ฟู่จาวหนิงตบลงบนบ่านาง"ขอบคุณมากหมอฟู่ ท่านมีงานอะไร
"พวกเราเองก็ไม่กล้าอยู่ต่อ จึงทำได้แค่รีบเดินทางต่อ" ป้าหนิวร้องไห้ออกมา "คงจะ คงจะไม่ได้ติดโรคมาตอนนั้นหรอกกระมัง?"ฟู่จาวหนิงกับฟู่จิ้นเชินสบตากันนี่มัน...เป็นไปได้มากเลย"ตอนที่พวกท่านพักที่นั่น ใช้อะไรของพวกเขาบ้าง?" นางถามขึ้นป้าหนิวหน้าซีด ไม่รู้ควรจะตอบอย่างไรไม่ต้องถามก็คือใช้ไปแน่นอนผ้าห่ม จานชาม"เพราะ เพราะพวกเขาโกรธที่พวกเราเข้าไปใช้ของพวกเขาหรือเปล่า ดังนั้นเลยสาปชีวิตครอบครัวเราแบบนี้..." ป้าหนิวนั่งทรุดลงกับพื้น ร้องไห้ขึ้นมานางร้องไห้ฟูมฟานจนตัวเขียวปัด"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยว เช่นนั้นก็ควรไปตรวจสอบหน่อย ว่ามีประชาชนจากหมู่บ้านหนิวโกวเข้ามาในเมืองเจ้อหรือเปล่า?""ให้คนไปตรวจแล้ว หมู่บ้านหนิวโกวนั้น ผู้ประสบภัยคนอื่นที่ผ่าน ก็เป็นไปได้ว่าจะเข้าหมู่บ้านไปพักกัน..."ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวยิ้มขืน "ตาเฒ่าอู๋เพื่อนบ้านป้าอาหลี่คนนั้นก็เข้าไปพักที่นั่นมาด้วย!""ข้าราชการที่ส่งจดหมายกลับมา ได้ถามสถานการณ์ตอนนี้ของหมู่บ้านหนิวโกวกหรือเปล่า? ตอนนี้มีผู้ประสบภัยคนอื่นป่วยไหม?""พวกเขาพอได้ยินเรื่องนี้ก็รีบถอยออกมาแล้ว รอจดหมายตอบกลับแล้วค่อยสืบต่อ"ข้าราชการพวกน
สืออีตอนนี้โกรธมากนี่มันตอนไหนแล้ว? ไป๋หู่ยังคิดจะมมาทะเลาะกับเขาอีกหรือ?"ข้าเองก็เป็นห่วงพระชายานะ!"สืออีตะโกนคำนี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่ไป๋หู่นิ่งงันไป คำพูดที่คิดจะเอ่ยต่อมาที่มุมปากก็กลืนกลับลงไปเขาตอนนี้เองก็ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว สองตาของสืออีกแดงก่ำไปแล้วเรื่องนี้ก็โทษสืออีไม่ได้ เขาเหมือนจะพาลไปหน่อยๆ แล้วสืออีสูดลมหายใจลึก ให้ตนเองใจเย็นลงมา"การเลือกของพระชายา ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะมาตัดสินใจ ต่อให้เจ้าจะเขียนจดหมายถึงคุณชายเสิ่น ก็ไม่มีทางให้คุณชายเสิ่นมารับนางไปได้"พวกเขาก็รู้ว่าฟู่จาวหนิงเป็นคนที่มีความคิดของตนเอง นางมีจุดยืนและความคิดของตนเองอยู่ถ้าไม่สนความคิดนาง แล้วฝืนพานางออกไปมันเป็นไปไม่ได้เลย"ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?"ไป๋หู่อันที่จริงก็เข้าใจจุดนี้ดีแต่พวกเขาก็เป็นห่วงนางจริงๆ แล้วยังกังวลว่าถ้านางเป็นเช่นนี้ต่อไปจะเหนื่อยจนป่วยเอา"ข้าจะเกขียนจดหมายถึงท่านอ๋อง จดหมายด่วน"สืออียังรู้สึกว่าตอนนี้ถ้าท่านอ๋องอยู่ที่นี่คงจะดี พวกเขาไม่มีทางเตือนพระชายาได้ บางทีท่านอ๋องอาจจะทำได้?"ใครก็ได้ ใครก็ได้ ใต้เท้าอันบาดเจ็บแล้ว!"เสียงของเสี่ยวเจียงส่งมาจากด้
"หมอฟู่ช่วยด้วย!"ข้าราชการหลายคนรีบแบกคนวิ่งเข้ามาพวกเขาล้วนรีบร้อนลนลาน คนที่ป่วยคือสหายของพวกเขา ดูแล้วน่ากลัวมาก นิ้วมือเองก็ม่วงหงิกงอไปแล้ว กระตุกไปทั้งตัวเพราะคนข้างกายจะตายอยู่แล้ว จึงทำให้พวกเขารีบจนลืมที่จะเลี่ยงออก"ท่านพ่อ เอาเข็มเงินให้ข้า!"ฟู่จาวหนิงลืมไปในพริบตาว่าตนเองอ่อนล้า ให้พวกเขาแบกคนเข้ามา วางไว้ในเรือน จากนั้นให้พวกเขาถอยออกไปให้หมดส่วนตนเองก็รีบเข้ามาช่วงเหลืออย่างเร่งด่วนข้าราชการคนนี้ดูแล้วอายุยังน้อย แต่ตอนนี้หน้ากับมือม่วงไปแล้วฟู่จิ้นเชินรีบเอากล่องยาของนางออกมา ฟู่จาวหนิงฝังเข็มอย่างรวดเร็วไม่รู้ว่าตอนไหน เฉินเซียงประคององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยืนอยู่ตรงประตูห้องข้างนั้นมองเข้ามาเฉินเซียงพอเห็นสภาพของข้าราชการคนนั้น สีหน้าก็ขาวซีดไปนางจับแขนขององค์หญิงใหญ่ไว้แน่นด้วยสัญชาตญาณ"องค์หญิงใหญ่ เขา เขาจะตายไหม...""แค่กๆๆ น่า น่าจะรักษาได้กระมัง?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็มองการรักษาของฟู่จาวหนิงอย่างตึงเครียดพวกเขาแค่เห็นครั้งแรกก็รู้สึกกลัวขนาดนี้แล้ว ก่อนหน้านี้แค่รู้สึกว่าไอจนรู้สึกแย่เท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าคนจะตายคนทั้งหมดล้วนจ้องมองเ
ต้องจ่ายเงินเองเพื่อซื้อวัตถุดิบยาจากโรงยาทงฝูจริงหรือ?"เช่นนั้นถ้าโรคนี้ระบาดออกมา คนป่วยยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ ล่ะ?" ต่งฮ่วนจือถามนั่นมันเป็นเงินก้อนโตมากเลยนะต่อให้จวนอ๋องเจวี้ยนก็เถอะ เงินของอ๋องเจวี้ยน จะหายไปจำนวนมากเลยทีเดียวเพราะพวกขเาไม่รู้ว่านับจากนี้จะมีคนป่วยมาอีกเรื่อยๆ หรือเปล่า ถ้าหากเพิ่มเป็นพันคนล่ะ?ถ้าหากระบาดไปถึงเมืองอื่นอีกล่ะ?"นอกจากวัตถุดิบยา ยังมีกำลังคนอีก ยังต้องสถานที่อยู่อาศัยอีก จะมาแออัดกันแบบนี้ไม่ได้ ตอนที่ล้วป่วย ยังต้องมีคนคอยดูแลพวกเขา ศิษย์น้องหญิง ตอนที่เจ้ารักษาพวกเขายังต้องฝังเข็ม แต่ที่นี่มีเจ้าแค่คนเดียวที่เป็น..."ต่งฮ่วนจือยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่า หากยังดูแลต่อไป ฟู่จาวหนิงได้ตายก่อนแน่นางคนเดียว จะดูแลคนป่วยมากขนาดนั้นได้ยังไงกัน?"ศิษย์น้องหญิง ถ้าหากเจ้ายังทนต่อไป ต่อให้ไม่มมีโรคระบาด เจ้าก็จะล้มเอานะ"สืออีเองก็ตาแดงก่ำฟู่จาวหนิงเงียบไปพักหนึ่ง ตอบว่า "ใต้เท้าอันไประดมพลหมอกับวัตถุดิบยาจากที่อื่นแล้ว""พวกเรารู้ ใต้เท้าอันเป็นผู้ตรวจการคนหนึ่ง ตำแหน่งข้าราชการเขาไม่ได้ใหญ่โตขนาดนี้จะสั่งการผู้บริหารท้องถิ่นในสถานที่ต่างๆ เพื
"พวกเราเองก็ไม่กล้าอยู่ต่อ จึงทำได้แค่รีบเดินทางต่อ" ป้าหนิวร้องไห้ออกมา "คงจะ คงจะไม่ได้ติดโรคมาตอนนั้นหรอกกระมัง?"ฟู่จาวหนิงกับฟู่จิ้นเชินสบตากันนี่มัน...เป็นไปได้มากเลย"ตอนที่พวกท่านพักที่นั่น ใช้อะไรของพวกเขาบ้าง?" นางถามขึ้นป้าหนิวหน้าซีด ไม่รู้ควรจะตอบอย่างไรไม่ต้องถามก็คือใช้ไปแน่นอนผ้าห่ม จานชาม"เพราะ เพราะพวกเขาโกรธที่พวกเราเข้าไปใช้ของพวกเขาหรือเปล่า ดังนั้นเลยสาปชีวิตครอบครัวเราแบบนี้..." ป้าหนิวนั่งทรุดลงกับพื้น ร้องไห้ขึ้นมานางร้องไห้ฟูมฟานจนตัวเขียวปัด"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยว เช่นนั้นก็ควรไปตรวจสอบหน่อย ว่ามีประชาชนจากหมู่บ้านหนิวโกวเข้ามาในเมืองเจ้อหรือเปล่า?""ให้คนไปตรวจแล้ว หมู่บ้านหนิวโกวนั้น ผู้ประสบภัยคนอื่นที่ผ่าน ก็เป็นไปได้ว่าจะเข้าหมู่บ้านไปพักกัน..."ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวยิ้มขืน "ตาเฒ่าอู๋เพื่อนบ้านป้าอาหลี่คนนั้นก็เข้าไปพักที่นั่นมาด้วย!""ข้าราชการที่ส่งจดหมายกลับมา ได้ถามสถานการณ์ตอนนี้ของหมู่บ้านหนิวโกวกหรือเปล่า? ตอนนี้มีผู้ประสบภัยคนอื่นป่วยไหม?""พวกเขาพอได้ยินเรื่องนี้ก็รีบถอยออกมาแล้ว รอจดหมายตอบกลับแล้วค่อยสืบต่อ"ข้าราชการพวกน
ป้าหนิวคิดถึงครอบครัวตนเองที่ป่วยตายระหว่างทาง ก็ก้มหน้าลงปาดน้ำตาในใจนางเองก็เจ็บปวดมากในบ้านเหลือนางแค่คนเดียว ยิ่งไปกว่านั้นครอบครัวก็ล้วนป่วยตายกลางทางในจุดที่แตกต่างกัน กระทั่งไม่ได้จัดการฝังไว้ด้วยกันดีดี พอคิดแล้ว ก็เหมือนทั้งห้าคน ราวกับเป็นหลุมศพทิ้งร้างข้างทางห้าหลุมตอนนั้นนางไม่รู้จริงๆ ว่าโรคนี้จะระบาดได้รุนแรงขนาดนี้ คิดแค่ว่าครอบครัวพวกเขาเดิมทีก็อยู่ด้วยกัน ร่างกายก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ดังนั้นจะป่วยไปด้วยกันก็ไม่แปลกบ้านเกิดพวกเขาเองก็มีคนมากมายที่เป็นดรคหวัด ไม่กินไม่ดื่ม และไม่ได้รักษากินยา จนกระทั่งป่วยตายไปการป่วยตายสำหรับคนจนอย่างพวกเขาถือว่าเป็นเรื่องปกติ นางไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้นตอนที่สามีนางตายบอกกับนางว่า ตายไปยังสู้มีชีวิตอยู่ไม่ได้ ต่อให้ในบ้านจะป่วยตายกัน เหลือนางแค่คนเดียวก็ยังต้องมีชีวิตต่อ หลังจากนี้จะได้ยังพอเผากระดาษให้ครอบครัวได้ด้วยประโยคนี้ ป้าหนิวจึงยืนหยัดต่อมาไม่เช่นนางนั้นคงตามคนในครอบครัวไปด้วยกันแล้ว"ป้าหนิว ท่านอย่าไปคิดมาก ท่านช่วงนี้ช่วยเหลือมามากมายแล้ว เป็นคนดีแน่นอน" ฟู่จาวหนิงตบลงบนบ่านาง"ขอบคุณมากหมอฟู่ ท่านมีงานอะไร
เป็นเจ้าโรคนั้นแล้วหรือ?"ฮูหยิน ท่านไม่สบายตรงไหน?""มีไข้ มึนหัว ตอนนี้ทั้งตัวไม่มีแรงแล้ว เอว เอวก็ปวด แล้วยังไออีก"ต่งฮ่วนจือพอได้ยินก็รู้สึกว่าแย่แล้วเหมือนอาการจะตรงกันหมดเลยตอนนี้เองอาเหอก็ออกมา พอเห็นหญิงสาว แม้นางจะสวมหน้ากากปิดจมูกอยู่ แต่เนื่องจากหลายวันนี้เขายุ่งอยู่กับการจัดแจงที่พั จึงจำนางได้"ป้าอาหลี่?""ข้า ข้าเอง""ผู้จัดการต่ง นาง นางคือคนในท้องถิ่นขอรับ" อาเหอบอกต่งฮ่วนจือสองคนสบตากัน สายตาเคร่งขรึมฟู่จาวหนิงบอกไว้ว่ากังวลเรื่องที่คนท้องถิ่นจะติดโรคระบาด นั่นอาจจะระบาดออกเป็นวงกว้างได้ ตอนนี้มีคนท้องถิ่นติดโรคแล้วจริงๆป้าหาหลี่เอ่ยขึ้น "แล้วก้ พวกเราในซอยนั้นยังมีตาเฒ๋าอู๋ที่อาศัยอยู่คนเดียวอีกคน เมื่อครู่ตอนที่ข้าเดินผ่านบ้านเขา ก็ได้ยินเสียงไออย่างรุนแรง ข้าไม่กล้าไปดู ไม่รู้ว่าต้องรายงานใต้เท้าโหยวไหม?""ซู๊ด"สถานการณ์แย่แล้วจริงๆ"ป้าอาหลี่ ท่านรอก่อน"อาเหอเข้าไปบอกคำหนึ่ง ให้คนถอยออกไปก่อน จากนั้นจึงให้ป้าอาหลี่เข้ามา เดินตามตนเองไปยังห้องข้างฝั่งตะวันตกที่ประตูวงกลม ฟู่จิ้นเชินตรวจดูนางให้ก่อน จากนั้นค่อยตะโกนเรียกฟู่จาวหนิงส่วนอาเห
ภรรยาอายุน้อยคนหนึ่งกำลังหอบฟืนเดินเข้ามา พอได้ยินเสียงไอของแม่สามี จึงรีบเดินเข้าไป"ท่านแม่ ไม่สบายตรงไหนหรือเลป่า ให้ข้าต้มแทนให้เถอะ""แค่ต้มข้าวต้มเอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่กๆๆ"ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาพอเห็ฯนาง แม้จะรู้สึกพูดลำบาก แต่พอได้ยินนางไออีกครั้งก็ยังทนไม่ไหว"ท่านแม่ ใต้เท้าโหยวไม่ใช่บอกแล้วหรือ ว่าคนที่ไปช่วยแจกข้าวต้มไม่ให้กลับมาบ้านชั่วคราว? เพราะว่ากลัวผู้ประสบภัยพวกนั้นระบาดโรคใส่หรือเปล่า ก่อนหน้านี้ท่านก็ไปช่วยมานี่นา ถ้าอย่างนั้น..."หญิงสาวตัวแข็งไป "ไม่ ไม่หรอกกระมัง? เมื่อวานข้าไม่ได้ไป วันก่อนเลยกลับมา"เมื่อวานบอกว่าคนที่ไปช่วยอย่าเพิ่งกลับบ้านชั่วคราว ให้อยู่ที่ศูนย์พักพิงกันก่อนเมื่อวันก่อนตอนกลางคืนนางมีธุระพอดีจึงขอลากลับมา พอได้ยินข่าวก็เลยไม่ได้ไปอีกเมื่อวานยังมีข้าราชการเข้ามาถามอยู่เลย ว่านางมีตรงไหนไม่สบายบ้างไหม แต่เมื่อวานนังยังไม่เริ่มไป แค่รู้สึกตัวเย็นหน่อยๆ ตอนนั้นรู้สึกว่าน่าจะเหนื่อยเกินไป ไม่ได้นอนดีดี ไม่รู้สึกว่าตนเองป่วยเลยบอกไปว่าไม่มีผลคือวันนี้กลับเริ่มไอเสียแล้ว"ศูนย์พักพิงทางนั้นวันนี้พาคนไปแล้วหลายคน ครั้งนี้บอกว่
เฉินเซ๊ยงเดินไปเดินมา กัดฟัน ทำความเคาระ "หมอเทวดาฟู่ แค่กๆ รบกวนท่านไปฝังเข็มให้พวกเราที...""ยุ่งอยู่ ตอนนี้ยังไปไม่ได้" ฟู่จาวหนิงไม่แม้แต่จะเงยหน้าเฉินเซียงขบฟันแน่น "เช่นนั้นพวกเราจะรอ ขอเชิญหมอเทวดาฟู่รีบมาด้วย!"องค์หญิงใหญ่อ่อนข้อให้แล้ว นางเองก็ทำได้แค่ก้มหัวต่ำรอจนนางออกไปแล้ว ป้าหนิวจึงเบ้ปาก "กว่าจะมากันได้?"วิชาแพทย์ของหมอฟู่นั้นยอดเยี่ยมมาก ถ้าไม่ใช่พวกนางรนหาที่ตายกัน ต่อให้อาจจะไม่ได้ดีขึ้นทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ต้องดีขึ้นบ้างตอนนี้องค์หญิงใหญ่นั่นแค่ลุกจากเตียงก็ยังไม่ได้ เฉินเซียงนี่ก็เหมือนจะเป็นลมแหล่ไม่เป็นลมแหล่อยู่แล้วร่างกายของตัวเองแท้ๆ ทำไมต้องมาทะเลาะกับหมอแบบนี้กัน?ฟู่จาวหนิงกว่าจะจัดการเสร็จ มานั่งพักใต้ต้นไม้กับฟู่จิ้นเชินด้านนอกฟู่จิ้นเชินยื่นน้ำให้นางแก้วหนึ่ง จากนั้นลุกไปยืนด้านหลังนาง "รังเกียจที่ข้าจะนวดไหล่ให้ไหม?"ไม่รอให้ฟู่จาวหนิงพูด มือของเขาก็วางอยู่บนบ่านางแล้ว ออกแรงกดนวดให้นางหลายวันนี้ ฟู่จาวหนิงเหนื่อยเกินไปแล้ว ทุกวันเหมือนสองมือไม่ใช่ของตนเอง บ่ากับคอก็เมื่อยไปหมด ตอนนี้มีคนมาเป็นห่วงตนเองแบบนี้ ช่วยนวดให้ซักหน่อย นางก็ร
"ป้าหนิว ท่านพาคนป่วยที่อาการเบาลงแล้วพวกนั้นย้ายมาที่ห้องนี้ แล้วให้คนป่วยใหม่เข้ามา"ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่ห้องที่นางพักอยู่ข้างๆ นี้ ตอนนี้มีแค่ห้องนี้แล้วที่ยังว่าง"อะไรนะ? ท่านจะให้พวกเขาเข้ามาอีกหรือ? แค่กๆๆ ไม่ได้นะ..."เฉินเซียงพอได้ยิน ก็คัดค้านทันที"ก่อนหน้านี้คุยกันไว้ดีแล้ว ว่าจะไม่ให้คนพวกนี้เข้ามา ตอนนี้ทำไมถึงกลับคำ...""ใครคุยไว้ดีแล้วกับเจ้ากัน?" ฟู่จาวหนิงเอ่ยเสียงเย็นชาขึ้นมา ไม่สนใจนางคนป่วยห้าคนนั้นถูกส่งตัวเข้ามา ฟู่จาวหนิงวุ่นอยู่กับการจัดพวกเขา แล้วต้องไปรักษาพวกเขาอีกฟู่จิ้นเชินเองก็รีบเข้ามาช่วยเฉินเซียงโมโหจนทนไม่ไหว ปิดประตูดังปัง เข้าไปฟ้องกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"องค์หญิงใหญ่ ฟู่จาวหนิงน่ารังเกียจนัก นางไม่ญาติดีกับท่านจริงๆ! ตามหลักการแล้ว ก่อนหน้านี้ท่านก็แค่คิดจะเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนที่ทัดเทียมกับนางแค่นนั้นเอง ไม่ได้คิดจะให้นางออกจากตำแหน่งเสียหน่ยอ ท่านเป็นถึงองคืหญิงใหญ่ก็ถือว่าลดตัวลงมาแล้ว แต่นางกลับทำตัวหยิ่งยโส?"ความอ่อนโยนขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเกือบจะถูกทำลายลงเพราะอาการป่วยนี่แล้วนางนอนอยู่บนเตียง ไอจนแทบไม่อาลัยอาวรณ์ในชีวิตอีก